วันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร แหวนสวาท ตอนที่ 12


วันรุ่งขึ้น บุรีทราบเรื่องบรรจบจ้างมือปืนลอบยิงวิศิษฏ์แต่ไม่สำเร็จ เขาโมโหมากดุด่าลูกชายบุ่มบ่ามเกินไป ทำแล้วทำอีกทั้งที่รู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่าย

“มันแค้นใจนี่พ่อ...ผมจะฆ่าทุกคนที่มันคิดจะแย่งน้องแพรวไปจากผม แล้วทราบไหมครับที่น้องแพรวไม่ยอมตกลงรับรักผมก็เพราะนงราม...นี่เราต้องเสียรู้สองแม่ลูกนั่น บอกตรงๆนะผมไม่ยอมแต่งงานกับนงรามหรอก แค่คิดก็สยอง”

บุรีหนักใจ ผละไปหาสัตตะในห้องเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่สัตตะกำลังบริกรรมคาถาจึงขอเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงเพื่อทำให้สุนทรียอมเราทันทีที่เราไปถึง

สุนทรีนัดบุรีมาพบที่บ้าน แต่ขณะรอคอยเขาอยู่นั้น นงรามมีอาการคลุ้มคลั่งกรีดร้องกลัวผีตายทั้งกลมที่ยังประกบอยู่ตลอดเวลา องุ่นเห็นกับตาก็เชื่อสนิท แต่สำหรับสุนทรียังดึงดันว่าทั้งคู่เหลวไหล ให้นงรามไปล้างหน้าล้างตารอเจรจากับบุรี

เมื่อบุรีมาถึงพร้อมสัตตะ เห็นสภาพนงรามแล้วบุรีสงสัยว่าทำไมอิดโรยนักเหมือนอดนอน สุนทรีแก้ต่างว่าลูกสาวตนไม่ได้เป็นอะไร แค่ร้องไห้เพราะรู้ว่าต้องจากบ้านไปอยู่กับบรรจบ แต่พอสัตตะท่องคาถาพิสูจน์ให้เห็นกับตาว่าบ้านนี้มีผีจริงๆ สุนทรีก็เริ่มลังเล

บุรีแนะนำสัตตะว่าเป็นที่ปรึกษาฝ่ายพิธีกรรมของตน เขาช่วยไล่ผีที่ทรมานนงรามได้ ถ้าสุนทรียอมรับเงื่อนไข

“คุณบุรีจะยกเลิกสัญญาเหรอคะ ฉันไม่ยอม...ฉันกับลูกยอมตายค่ะ ถ้านงรามไม่ได้แต่งงานกับคุณบรรจบ”

“ไม่มีการแต่งงานใดๆเกิดขึ้นทั้งสิ้น ผมยอมรับนงรามเป็นลูกสะใภ้ พร้อมเงินก้อนหนึ่งที่คุณสุนทรีจะเอาไปใช้หนี้ได้หมดและเงินอีกก้อนให้ใช้จ่าย”

“ยอมรับนงรามเป็นลูกสะใภ้แต่ไม่แต่งงาน หมายความว่ายังไงคะคุณบุรี”

“นงรามต้องไปอยู่กับบรรจบ แต่ยังไม่มีการแต่งงานจนกว่าผมจะพิสูจน์ได้ว่านงรามรักลูกชายผมจริง”

“ไม่เห็นต้องพิสูจน์เลย นงรามน่ะถวายตัวและหัวใจให้คุณบรรจบมานานแล้ว”

“แล้วผู้ชายที่ชื่อวิศิษฏ์ล่ะ สายของผมสืบมาว่ายังคบหากับลูกสาวคุณสุนทรีอยู่จะให้ผมเชื่อได้ยังไง”

สุนทรีอึ้งไป...ในที่สุดเธอก็ยอมให้สัตตะไล่ผีตายทั้งกลมไปจากนงราม เมื่อเห็นกับตาว่าเขาทำได้ นงรามหมดสติทันทีที่เสร็จพิธี สุนทรีกอดลูกสาวร่ำร้องหวาดกลัวเนื้อตัวสั่นเทา

“ช่วยเราด้วยคุณบุรี ฉันยอมทุกอย่างแล้ว...ยอมแล้ว”

บุรีลอบยิ้มเจ้าเล่ห์ หยิบเช็คที่เตรียมไว้ส่งให้สุนทรี สำทับว่านงรามพร้อมเมื่อไหร่ตนจะมารับ แต่อย่าให้เธอไปหาผู้ชายคนอื่นอีก...สุนทรีรับปากแข็งขัน ยิ้มย่องพอใจตัวเลขในเช็คเป็นที่สุด

ooooooo

พิศช่วยเหลือวิญญาณผีตายทั้งกลมชื่อกลิ่นที่ถูกสัตตะทำร้ายพ้นจากนงรามแล้วเอามาเป็นบริวารของลิ้นจี่ให้ช่วยกันดูแลทุกคนในบ้านเฟื่องขจร แต่กลิ่นต้องอยู่ในศีลในธรรม ห้ามก่อกรรมทำเวรกับผู้ใดอีก

ผีบ้านผีเรือนอย่างลิ้นจี่ยินดีต้อนรับกลิ่นและจะคอยเป็นหูเป็นตาดูแลทุกคนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะวิศิษฏ์ผู้ชายที่พิศรักยิ่งกว่าดวงใจ แต่ชาตินี้พิศคงไม่ได้สมหวังในความรักกับวิศิษฏ์เพราะอยู่กันคนละภพ จึงตั้งใจจะช่วยให้เขากับแพรวพรรณสมหวังได้ครองคู่กันในภพนี้

แต่เพราะวิศิษฏ์รักใคร่พิศมากกว่า เขาจึงพยายามบ่ายเบี่ยงความหวังดีของพิศ ทั้งที่ไม่รู้ว่าเหตุใดเธอถึงอยากให้เขารักชอบแพรวพรรณนัก

นิล...กุมารทองที่รักแพรวพรรณเหมือนแม่ก็อยากให้เธอสมหวังในความรักเช่นกัน นิลขอร้องแพรวพรรณทำบุญให้ตน โดยชวนเรืองรุ้งมาด้วย แต่ปรากฏว่านิลได้ดลใจให้มาที่วัดซึ่งวิศิษฏ์กับเพื่อนทำงานออกภาคสนามอยู่พอดี ทั้งกลุ่มจึงได้พูดคุยกันอย่างสนิทสนม

วิศิษฏ์กับแพรวพรรณถ่ายรูปแนบชิดกัน เมื่อกลับถึงบ้าน งามเนตรเห็นรูปนั้นในโทรศัพท์มือถือก็ไม่พอใจ บรรจบแวะมาพอดีจึงรู้เห็นแล้วต่อว่าแพรวพรรณราวกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเธอ แต่สุดท้ายเขาก็เถียงสู้เธอไม่ได้ เพราะสุรเดชคอยหนุนหลัง ส่วนงามเนตรหลับหูหลับตาจะเอาบรรจบเป็นลูกเขยให้ได้ แพรวพรรณเลยประกาศว่าถ้าแม่ยังเห็นคนอื่นดีกว่าคนในบ้าน ตนก็จะไม่อยู่ที่นี่

ด้านวิศิษฏ์กลับไปบ้านก็ทะเลาะกับวิภาดาต่อหน้าเฟื่องขจรด้วยเรื่องที่เธอมาป่าวประกาศว่าเขาจีบแพรวพรรณลูกสาวคุณหญิงงามเนตร วิภาดามั่นใจเพราะได้ข้อมูลมาจากแสวง แต่วิศิษฏ์ยังไม่ให้พี่สาวกับแม่ด่วนสรุปอย่างนั้นเพราะเราเป็นแค่เพื่อนกัน

วิภาดาไม่เชื่อ แล้วพาลไปพูดถึงเมียผีของวิศิษฏ์เป็นตุเป็นตะ เหตุนี้เองทำให้วิศิษฏ์โกรธจนฟิวส์ขาด ตำหนิพี่สาวด้วยถ้อยคำรุนแรงจนเฟื่องขจรตกใจทำท่าจะเป็นลมเสียให้ได้ วิภาดาเลยต้องเป็นฝ่ายขอตัวกลับไป

วิศิษฏ์ไม่รู้ว่าใครแอบรายงานแม่กับพี่สาวของตนเรื่องใกล้ชิดสนิทสนมกับแพรวพรรณ เขาบ่นให้พิศฟังก่อนถามเธอว่าวันนี้หึงตนหรือเปล่า

“ทำไมต้องหึงล่ะคะคุณเด๋อ”

“อ้าว...ก็ผมถ่ายรูป เดินควง แล้วก็พูดคุยกับคุณแพรวเหมือนคู่รักเลยนะ คนทั้งตลาดอิจฉาหมด เดินผ่านร้านขนมนะจืดไปหมดทุกร้าน เพราะผมกับคุณแพรวสวีตหวานกัน”

“ไม่เจ้าค่ะ ไม่หึง ไม่หวง ไม่ห่วง ไม่กังวล ไม่อะไรทั้งนั้น”

“แล้วทีกับนงราม คุณพิศต้องหึง...ผมอยากรู้”

“ฉันเชียร์คุณแพรว ไม่ได้เชียร์นงราม คุณเด๋อต้องเชื่อฉัน”

“แล้วถ้าผมไม่เชื่อล่ะ”

วิศิษฏ์ดึงพิศมากอดอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ได้จูบอย่างตั้งใจเพราะเธอวูบหายไปเสียก่อนอย่างเขินอาย

ooooooo

บรรจบหัวเสียกลับมาถึงบ้านเรียกหาสัตตะอย่างไม่เกรงใจ พอทราบจากสาวใช้ว่าเขาอยู่ในห้องสั่งห้ามใครเข้าไป บรรจบไม่สนใจ เดินลิ่วขึ้นไปโดยมีบุรีตามประกบ

สัตตะไม่พอใจที่บรรจบพรวดพราดเข้ามาเพราะกำลังตั้งใจอ่านโองการฯที่ชิงจากอาจารย์หวังมา แต่ข่มใจบอกเขาว่า “ผมกำลังอ่านโองการท้าวมหาพรหม ต้องอ่านทวนให้คล่องก่อน วันที่จะจัดการกับผีพวกนั้นจะได้ง่ายขึ้น ไม่ติดขัด”

“จะอ่านอีกนานมั้ย หรือว่าชะลอเวลาเพื่อดูดเงินจากพ่อฉันให้ได้มากเสียก่อน กว่าแกจะอ่านได้คล่องฉันก็คงเสียน้องแพรวให้ไอ้วิศิษฏ์ไปแล้ว โธ่โว้ย! ถามจริงเถอะ เคยทำอะไรสำเร็จบ้างหรือเปล่า”

บรรจบโวยวายลั่นบ้านจนบุรีกลัวจะเกิดการปะทะ ต้องเข้ามาดึงตัวลูกชายออกห่างสัตตะ

“ไม่เอาน่าบรรจบ...ออกไปก่อน อย่ากวนใจอาจารย์”

“แกจำไว้เลยนะ ถ้างานนี้แกทำไม่สำเร็จ แกต้องออกไปจากบ้านนี้!”

บุรีตกใจที่บรรจบก้าวร้าวชี้หน้าสัตตะ จึงลากลูกชายออกไปก่อนที่สัตตะจะระงับความโกรธไม่ไหว

ooooooo

แก๊งผีชุบที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรของเฟื่องขจรยังปักหลักอยู่บ้านร้างอย่างถาวร แต่คืนนั้นทั้งแก๊งเจอผู้บุกรุกนามว่ากาฬมาก่อกวน...

กาฬเป็นวิญญาณกึ่งภูตกึ่งกุมารทอง ไม่ได้เกิดเป็นคนเพราะแม่แท้ง กาฬมีฤทธิ์มากค่อนข้างเกเรประสาเด็กซุกซน การปะทะกันระหว่างกาฬกับแก๊งผีชุบรู้ถึงพิศซึ่งรู้ประวัติของกาฬเป็นอย่างดี เธอปรากฏตัวกำราบกาฬจนอยู่หมัดแล้วนำพาไปทำความรู้จักลิ้นจี่ผีบ้านผีเรือนกับกลิ่นผีตายทั้งกลมที่บ้านเฟื่องขจร

แต่ความดื้อรั้นของกาฬทำให้เขาประกาศว่าจะยอมรับพิศเป็นนายคนเดียว ส่วนผีตายโหงสองตนนี้ไม่ใช่ รวมทั้งวิศิษฏ์ที่พิศพากาฬไปปรากฏตัวต่อหน้าเขา

ในเมื่อกาฬพยศนัก พิศจึงเสกมงกุฎใส่ศีรษะเขาไว้ กาฬตกใจร้องโอดโอยว่าเจ็บ พยายามดึงมงกุฎออกแต่ยิ่งทำให้แน่นมากขึ้น

“โอ๊ย! ทำไมมันยิ่งแน่น...ช่วยด้วยแม่พิศ แม่นางฟ้าแสนสวยช่วยด้วย”

“ยอมรับหรือยังว่าพวกนี้เป็นนายของเจ้า...กาฬ”

“โอ๊ย...ยอมแล้วๆๆๆ”

กาฬยอมทุกอย่าง แม้แต่พนมมือไหว้วิศิษฏ์ แต่ชายหนุ่มยังแบ่งรับแบ่งสู้ ถามพิศว่าตนไม่เอาเด็กนี่เป็นบริวารได้ไหม

“รับไว้เถอะเจ้าค่ะ ต่อไปบ้านนี้จะต้องเผชิญหน้ากับวิญญาณและไสยศาสตร์อีกหลายอย่าง บางทีฉันก็ไม่ได้อยู่ช่วยคุณเด๋อได้ตลอดเวลา...ส่วนภูตกาฬนี้ คุณเด๋อ ไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ เพราะเมื่อใดที่เขาดื้อกับคุณเด๋อ มงกุฎจะรัดหัวจนเจ้าเด็กน้อยนี้ทนไม่ได้”

“วิญญาณกับไสยศาสตร์ที่คุณพิศว่ามาจากไหนกันครับ”

“เจ้ากรรมนายเวรของทุกคนที่บ้านนี้แหละเจ้าค่ะ”

วิศิษฏ์ฟังแล้วอึ้งไป ส่วนกาฬไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ยามนี้ต้องการเอามงกุฎออกจากศีรษะเพียงอย่างเดียว จึงลองดึงอีกแต่ไม่สำเร็จ แถมยิ่งดึงมันยิ่งบีบแน่น

“อย่าพยายามเลยเจ้าหนู” ลิ้นจี่ยิ้มเยาะ

“อย่ามายุ่งกับข้า” กาฬตวาดใส่

“พูดไม่เพราะเลย...รู้มั้ยมงกุฎเนี่ยยิ่งดึงออกก็จะยิ่งบีบแน่น บารมีของเจ้าสู้บารมีของนายแม่ไม่ได้หรอก ยิ่งนายผู้ชายด้วย เจ้ายิ่งไม่มีทางสู้”

“ไม่จริง...เขาเป็นแค่มนุษย์ ไม่มีอิทธิฤทธิ์อะไร ทำไมข้าจะต้องแพ้เขา อย่ามาหลอกข้า นังผีตายโหง”

“ถ้าไม่เชื่อก็ระวังแหวนนาคราชที่นิ้วของนายทำร้ายทุกสิ่งทุกอย่างได้”

“ใช่ แหวนวงนั้นศักดิ์สิทธิ์นัก เจ้าจะต้องคอยดูแลนายแล้วก็ช่วยรักษาแหวนวงนั้นด้วย” พิศออกคำสั่ง กาฬรับทราบและจะปฏิเสธตาม แต่อยากรู้ว่าพิศจะเอามงกุฎออกจากหัวตนเมื่อไหร่

“เมื่อเจ้าได้พบกับใครบางคน”

“ใคร...บอกเรามา”

“แม่ที่แท้จริงของเจ้าไง”

“เรามาเกิดเป็นลูกเขายังไม่ยอมรับ ผ่านมากี่ชาติแล้วแม่พิศ เขาจะยอมรับเราเหรอ” กาฬหน้าเศร้า พิศโอบเขาไว้ด้วยความเมตตา

“วันนี้อย่าเพิ่งรู้อะไรเลย จงอยู่บ้านนี้อย่างมีความสุข คนที่บ้านนี้ล้วนจิตใจดีฝักใฝ่ในการกุศล เจ้าช่วยเหลือพวกเขาก็เท่ากับสร้างบารมีให้ตัวเอง”

ร่างพิศเลือนหายไป กาฬพยายามดึงมงกุฎอีกครั้งแต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม ลิ้นจี่หัวเราะเยาะแล้วหายวูบไป กาฬดื้อดึงไม่ยอมแพ้ กระชากมงกุฎแต่ฉับพลันฟ้า

ฟาดเปรี้ยงเหมือนกระแสไฟพุ่งตรงมายังมงกุฎจนกาฬกระเด็นกลิ้งไป ร้องลั่นว่ายอมแล้ว!

พิศยืนมองสายฟ้าที่สว่างวาบกระทบใบหน้า น้ำตาเธอไหลพราก รำพึงด้วยความเศร้าหมองว่า

“แม่แพรว...นี่ก็กรรมอีกอย่างหนึ่ง ถ้าพี่ยังไม่ตายพี่จะไม่มีวันให้น้องได้ทำกรรมนี้เลย”

ooooooo

ย้อนอดีตไปเมื่อครั้งแพรวได้ครองรักครองเรือนกับคุณพระหลังจากพิศโดนแพรววางยาตายจากไปแล้ว...

วันหนึ่งแพรวรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ เธอห่วงสวยจึงไม่อยากท้องโต อีกทั้งทราบจากคุณพระว่าทางการจะมอบผู้หญิงมาเป็นเมียตอบแทนที่เขากรำศึกสงครามจนได้รับชัยชนะ

แพรวจะกินยาขับเลือดแต่นมอิ่มขัดขวางแอบนำยาไปทิ้ง แพรวโกรธมากอาฆาตนมอิ่มที่ชอบยุ่งเรื่องของตน แต่ในที่สุดแพรวก็ทำสำเร็จ เธอแกล้งลื่นตกบันไดแท้งลูกแล้วยัดเยียดความผิดให้นมอิ่มว่าเป็นคนผลัก คุณพระเสียใจที่สูญเสียลูก ลงโทษนมอิ่มด้วยการให้บ่าวชายเฆี่ยนตีจนเป็นไข้นอนซม

วิญญาณพิศรู้เห็นทุกอย่าง ปรากฏตัวมาเยียวยารักษานมอิ่มจนหายดีชั่วข้ามคืน สร้างความประหลาดใจให้คุณพระจึงมีการซักถามและได้ความว่าพิศมารักษา คุณพระเชื่อคำพูดนมอิ่มทุกประการ เขาชวนแพรวไปทำบุญให้ลูกที่แท้งจะได้ไม่เป็นสัมภเวสีเร่ร่อน

แพรวจำใจไปทำบุญที่วัดแต่ลูกไม่อโหสิกรรมให้เธอ วิญญาณพิศรับรู้และพยายามจะช่วยให้แพรวพ้นบ่วงกรรมนี้ไปให้ได้...

ooooooo

วิภาดานัดเฟื่องขจรไปบ้านร้างอีกครั้งเพื่อตกลงทำสัญญากับเสี่ยที่จะขอซื้อบ้านพร้อมที่ดิน แต่ไม่คิดว่าการไปครั้งนี้จะทำให้เสี่ยเปลี่ยนใจไม่ซื้อ แถมยังเปิดแน่บพร้อมซินแสเพราะเห็นผีเต็มบ้านไปหมด

สองแม่ลูกกลับบ้านด้วยความผิดหวัง เฟื่องขจรเสียดายถึงกับจะเป็นลมต้องดมยา ขณะที่วิภาดาก็เซ็งจัด เอาแต่บ่นๆๆ จนหลานๆลงความเห็นกันว่าอาการน่าเป็นห่วงทั้งคุณย่าและคุณป้า

ด้านบรรจบที่จะต้องรับนงรามเข้ามาอยู่ร่วมบ้านในฐานะเมียโดยไม่มีการตบแต่ง แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี พยายามไปหว่านล้อมแพรวพรรณให้ยอมรับในความผิดพลาดของตน

“พี่อยากให้น้องแพรวเข้าใจพี่บ้าง พี่เคยทำผิดพลาดมาแล้ว พี่ยอมรับผิดทุกอย่าง แต่พี่ไม่ได้รักนงราม พี่รักน้องแพรว อยากใช้ชีวิตกับน้องแพรวคนเดียว”

“ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆที่พี่บรรจบมีให้แพรวค่ะ แต่ขอให้แพรวมั่นใจก่อน”

“มั่นใจ...ถ้ามั่นใจว่าพี่รักน้องแพรวหรือเปล่า น้องแพรวมั่นใจได้เลยครับ พี่ไม่เคยรักผู้หญิงคนไหนเท่ากับน้องแพรว”

แพรวพรรณเมินหน้าไปทางอื่น บรรจบจับมือเธอจะเว้าวอน แต่เธอชักมือกลับอย่างไม่พอใจ

“อย่าค่ะพี่บรรจบ คำว่ามั่นใจของแพรวหมายถึงมั่นใจว่าพี่บรรจบเป็นคนดี ไม่เคยคิดทำร้ายใคร ไม่เคยคิดฆ่าใคร แล้วก็ไม่เคยทำตัวเป็นอันธพาลหาเรื่องคนอื่น”

“ทำไมน้องแพรวพูดอย่างนี้ล่ะครับ พี่ไม่ใช่คนแบบนั้นแน่”

“แน่ใจหรือเปล่าคะว่าไม่เคยส่งอันธพาลไปทำร้ายใคร” บรรจบหน้าเจื่อน แพรวพรรณชำเลืองมองแวบเดียวแล้วตัดบท “ถ้ายังไม่มั่นใจ วันหน้าค่อยมาพูดกับแพรวใหม่ได้ แพรวยังให้โอกาสพี่บรรจบค่ะ แพรวขอตัว”

แพรวพรรณจะเดินหนีแต่บรรจบคว้ามือเธอไว้ แพรวพรรณจ้องหน้าเขาอย่างเคืองๆ

“สุภาพหน่อยสิคะ แพรวไม่อยากมีสามีเป็นนักเลงหัวไม้หรือหัวหน้าแก๊งอันธพาล ทราบไว้ด้วย”

คราวนี้บรรจบถึงกับอึ้งกิมกี่ ขับรถออกจากบ้านแพรวพรรณไปด้วยความแค้นใจ บอกกับตัวเองว่าถ้าเขาไม่ได้เธอ ก็อย่าหวังว่าใครจะได้...ด้านแพรวพรรณก็ยืนยันกับแม่ดังเดิมว่าเธอไม่ได้รักบรรจบ หากแม่บังคับเธอมากๆ เธอจะไม่อยู่ที่บ้านหลังนี้อีกต่อไป

สุรเดชเข้าใจความรู้สึกของลูกสาว แต่ไม่อยากให้เธอทำอะไรบุ่มบ่ามตัดสินใจคนเดียว พ่อคนนี้ยังเป็นที่ปรึกษาของลูกเสมอ

ooooooo

เย็นวันเดียวกัน วิศิษฏ์เห็นแหวนพญานาคที่นิ้วตัวเองส่งสัญญาณบางอย่างทำให้เขาเข้าใจว่าพิศอยากพบ จึงหาทางแยกตัวออกจากภาณุที่นั่งรถมาด้วย

“ณุ...นายลงตรงนี้ได้ไหมวะ พอดีมีธุระสำคัญ เพิ่งนึกขึ้นได้”

“อะไรวะ เมื่อกี้ยังเป็นเส่ียใจดีอยู่เลย ตอนนี้กลายเป็นเสี่ยใจดำไปแล้วเพื่อนเรา เกิดอะไรขึ้นวะ”

“เออน่า ลงไปก่อน”

ภาณุลงจากรถด้วยสีหน้างงๆ แล้วโบกแท็กซี่ไปต่อ ส่วนวิศิษฏ์ขับรถมาคนเดียว สักพักพิศปรากฏตัวนั่งข้างๆ นุ่งสั้นโชว์เรียวขาขาวผ่องจนชายหนุ่มกระเซ้าว่า

“โอ้โฮ! คุณพิศ นี่ตั้งใจมายั่วกันเลยเหรอ”

“ยั่วอะไร”

“ก็แต่งตัวเอื้ออาทรแบบนี้ไม่เรียกว่ายั่วได้ไง

หรือว่าอยากไปแดนซ์กระจาย เลยส่งสัญญาณชวนผม”

“ชิ...จะตายยังไม่รู้ตัวอีก ฉันมาเตือนภัยย่ะ มีคนจะลอบฆ่าคุณ”

“ล้อเล่นน่า”

“ไม่เล่นหรอกเจ้าค่ะ ระวังตัวนะ ถึงจะมีกาฬ มีแม่ลิ้นจี่ แล้วก็แม่กลิ่นผีตายทั้งกลมคอยช่วยอยู่ แต่อำนาจผีบางครั้งก็ไม่แน่เสมอไป...ความบ้าของคนน่ะร้ายกว่าผีอีกเจ้าค่ะ”

วิศิษฏ์เริ่มหน้าเสีย จับมือพิศแน่นไม่ยอมปล่อยตามที่เธอร้องขอ พิศฮึดฮัดบอกว่านี่แหละความบ้าของคน ชายหนุ่มกลับหัวเราะอารมณ์ดี ถามว่ายอมหรือเปล่าล่ะ?

“ยอมอะไร พูดดีๆนะ...พูดแบบนี้ไม่กลัวตายเหรอ”

พิศหน้าตูมตึง แต่พอเจอของจริงบรรจบซุ่มจอดรถลอบยิงวิศิษฏ์ก็ไม่วายช่วยเหลือ ร่วมมือกับกาฬ กลิ่น และลิ้นจี่หลอกหลอนบรรจบจนกระเจิงกลับไปบ้านในสภาพบาดเจ็บเล็กน้อย

บรรจบเล่าให้บุรีและสัตตะฟังอย่างตื่นกลัว บอกว่าตนเห็นผีสามตัว ท้องโตตัวหนึ่ง เด็กอีกหนึ่ง และผีแต่งชุดไทย

“คุณว่าไงนะ มีผีท้องโตด้วยเหรอ” สัตตะซัก

“ใช่ แกรู้จักมันเหรอ”

“ไม่รู้จะใช่ตัวเดียวกันหรือเปล่า แต่ก่อนผมเคยเลี้ยงมัน”

“ถ้าผีอยู่กับนายวิศิษฏ์ได้ก็แสดงว่านายคนนี้

ต้องเลี้ยงผีด้วย ทำไงกันดี” บุรีร้อนรน

“มันอาจใช้วิชาไสยศาสตร์ทำให้น้องแพรวหลงมัน เหมือนที่แกพยายามช่วยฉันไง สัตตะ”

“ผมอ่านโองการคล่องแล้ว...แรมหนึ่งค่ำ อีกสองวันข้างหน้านี้แหละผมจะทำพิธีอ่านโองการท้าวมหาพรหม... รับรองว่ามันอยู่ไม่ได้แน่”

บุรียิ้มพอใจ แล้วก็ต้องหุบยิ้มหน้าเสียไป เมื่อเห็นสุนทรีดึงแขนนงรามเข้ามาส่งเสียงดังคับบ้าน

“อยู่ที่นี่แหละนง...แม่ไม่รับกลับ”

“อะไรกันเนี่ย” บรรจบถามเสียงขุ่น

“ก็มันเป็นเมียคุณไงล่ะ หรือจะปฏิเสธว่าไม่ใช่ ฉันจะได้รีบออกไปจากที่นี่ แล้วก็เกณฑ์นักข่าวมาสักร้อยสำนักทำข่าวลูกชายบริษัทเครื่องสังฆภัณฑ์ปั้นพระ ผู้ใจบุญมีสันดานชอบผลาญพรหมจรรย์ผู้หญิง”

บรรจบหงุดหงิดทำอะไรไม่ได้ บุรีรีบห้ามทัพ

ให้ค่อยๆพูดกัน ยังไงเราก็ตกลงกันแล้ว เอาเป็นว่าตนให้นงรามอยู่ในบ้านหลังนี้

“ในฐานะสะใภ้ แล้วต้องจัดการแต่งงานพร้อมสินสอดทองหมั้นอันสมควรภายในสิ้นปีนี้”

“ก็ได้ครับ” บุรีรับคำเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพราะดูท่าทางสุนทรีดุดันเอาจริง บรรจบจะท้วงก็เลยโดนตวาดเสียงดัง “เงียบ! แกควรรับผิดชอบในสิ่งที่แกทำไว้บ้าง”

“งั้นก็ตามใจคุณพ่อเถอะ...อยู่ได้ แต่งได้ แต่

อย่าคิดนะว่าแกจะได้รับความรักจากฉัน”

บรรจบพูดใส่หน้านงรามแล้วเดินขึ้นบันไดไปอย่างหัวเสีย ขวางหูขวางตาสองแม่ลูกเป็นที่สุด สัตตะยืนมองทุกอย่างด้วยสีหน้านิ่งสงบ ไม่ยอมให้ใครหยั่งรู้ว่าตนกำลังคิดอะไรอยู่

สุนทรียิ้มพอใจ ยกมือไหว้ขอบคุณบุรีที่กรุณาให้ความยุติธรรมกับเธอและลูก แล้วบอกให้นงรามอยู่ที่นี่ทำตัวดีๆ สามีจะได้รัก

บรรจบหลบเข้าไปในห้องอย่างหงุดหงิดเต็มที รำคาญสองแม่ลูกที่เกาะติดเหมือนปลิงก็ไม่ปาน สักครู่สาวใช้พานงรามตามเข้ามา

“ห้องนี้แหละค่ะห้องคุณบรรจบ”

บรรจบหันขวับจ้องนงรามตาขวาง ตะเบ็งเสียงถามว่า

“ใครใช้ให้มานอนห้องนี้”

“คุณพ่อคุณ...”

“ก็ดี อยู่ๆก็มีนางบำเรอมาบริการถึงห้อง”

“คุณบรรจบ!”

“ทำไม...ที่ทำตัวอยู่นี่น่ะมันนางบำเรอชัดๆเสียดายนะวันนี้ฉันปวดแผล ไม่มีอารมณ์ตรวจสอบว่าคุณภาพยังดีอยู่หรือเปล่า”

“หยาบคาย”

“ที่แม่คุณขายลูกสาวกินหยาบคายมากกว่าอีก...รู้ไว้ด้วย”

นงรามสะเทือนใจร่ำไห้น้ำตานองหน้า หมดสิ้นแล้วศักดิ์ศรีความเป็นคน...บรรจบผลุนผลันออกไป สวนทางกับสาวใช้ที่ลากกระเป๋าของนงรามเข้ามา

ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น