วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 13


ตลับนาคเห็นดึกมากแล้วชิดชบายังไม่กลับมาสักที ออกมารอที่หน้าตัวตึกด้วยความเป็นห่วง ปฐวีเดินออกมาเจอเธอเข้า ต่างคนต่างกระอักกระอ่วนใจ เขาทักว่ายังไม่นอนอีกหรือ เธอรอชิดชบาอยู่

“ชิดชบาคงจะหลบหน้าผม จริงๆแล้วไม่จำเป็นเลย ผมเคารพการตัดสินของศาลท่าน”

“หลานสาวฉันคงลำบากใจที่จะพบพวกคุณ คุณเองยังต้องหนีหน้าไปอยู่ที่อื่น ทั้งที่ควรจะอยู่ดูแลคุณโสมสุภางค์ภรรยาของคุณ ใครดูแลหรือจะเท่ากับสามีดูแล...คนเราน่ะ มันอยู่ที่ใจค่ะ ถ้าใจบริสุทธิ์เสียอย่างทำไมต้องหวั่นไหวกับคำกล่าวหาของใคร คุณหมอแพรวาเป็นผู้หญิง อ่อนไหวต่อความเสียหายยิ่งกว่าคุณที่เป็นผู้ชายอีก ฉันว่าคุณกลับมาอยู่ที่นี่เสียเถอะ จะดีต่อภรรยาของคุณ”

ตลับนาคว่าแล้วเดินขึ้นตึก ปล่อยให้ปฐวีใคร่ครวญครุ่นคิดกับคำแนะนำของเธอ...

ขณะที่ปฐวีลังเลว่าจะกลับมาอยู่ที่บ้านดีหรือไม่ ชิดชบาขับรถมาจอดหน้าบ้านอุราศรี แล้วเปิดล็อกประตูให้ลง พร้อมกับบอกว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ เธอควรจะถามตัวเองว่าควรเสี่ยงไหม

“คุณเป็นผู้หญิง ซ้ำยังมีหน้าที่การงานมีเกียรติ มีชาติตระกูล มีต้นทุนชีวิตสูง เสี่ยงแล้วคุ้มไหม ตามสถานบริการหลายแห่งมีบริการมอมยา ผู้หญิงดีๆที่ทำเก่ง เสียตัวเพราะยาผสมเหล้ามาเยอะแล้ว ฉันเตือนในฐานะที่ฉันเที่ยวมามากกว่าคุณ เข้าบ้านเถอะค่ะ” ชิดชบารอจนอุราศีเข้าตัวบ้านเรียบร้อย ถึงได้กลับ

จากนั้นไม่นาน ชิดชบากลับถึงบ้านตัวเอง ยังไม่ทันจะเดินเข้าตัวตึก ปฐวีมาดักหน้าไว้ ถามเสียงเข้มไปไหนมาจนดึกดื่น คุณป้าตลับนาคเพิ่งขึ้นไปเมื่อครู่นี้เองเป็นห่วงหลานสาวแทบแย่ เธอเสียงเขียวกลับ จะไปไหนก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของเขา ทั้งคู่มีปากเสียงเถียงกันเช่นเคย ต่างประกาศว่าเกลียดอีกฝ่ายเข้ากระดูกดำ

“เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ผมจะย้ายกลับมาอยู่ที่นี่ เพราะคุณกลับมาอยู่ที่นี่แล้ว ภรรยาผมจะปลอดภัยไหม ลำพังคุณหมอแพรวาคงสู้รบตบมือกับคุณไม่ไหวหรอก คุณหมอเป็นคนดีๆมักจะแพ้ฤทธิ์พวกซาตาน”

“เชิญ จะคิดว่าฉันเป็นอะไรก็ตามใจ บ้านหลังนี้ยังไม่ได้เป็นของใคร ใครพอใจจะอยู่จะไป ใครจะห้ามได้ ฉันจะไปนอน” ชิดชบาเดินลิ่วเข้าตัวตึก ปฐวีมองตามหงุดหงิดใจ

ooooooo

ธวัชพงษ์กำลังทำงานอยู่ตรงโถงทางเดินไปยังห้องพักของชัยยงค์ เห็นชัยญาเดินมากับถกล รีบหลบมุม ได้ยินเขาบ่นว่าเป็นเพราะชิดชบาคนเดียว ไม่อย่างนั้นอุราศรีเสร็จเขาไปแล้ว ชัยญากำลังจะกดกริ่งห้องพ่อ แต่เถาว์เครือเปิดประตูออกมาเสียก่อน ชัยยงค์ที่เดินมาส่งเธอนิ่วหน้าเมื่อเห็นลูกชายกับสมุน

“เจอเด็กแล้วหรือ”

“เดี๋ยวนี้คุณนายเถาว์เครือเหมาจ่ายแบบค้างคืนแล้วหรือครับ”

ชัยยงค์เตือนไม่ให้ลูกชายพูดมาก ให้ตอบมาก่อนว่าเจอเด็กนั่นหรือยัง ถกลอึกๆอักๆว่ายังไม่เจอ เขาเร่งให้ตามหาให้เจอและฆ่าปิดปากให้ได้ เด็กตัวแค่นั้น ยังทำอะไรไม่ได้ก็ควรจะไปตายให้รู้แล้วรู้รอด เล่นงานถกลเสร็จ หันมาจะเอาเรื่องลูกชาย แต่พอเขาบอกว่าเมื่อคืนนี้เจอชิดชบา ชัยยงค์สั่งให้เข้ามาคุยข้างในแล้วรีบปิดประตูตามหลัง ธวัชพงษ์ออกจากที่ซ่อน หยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูภาพจากกล้องสอดแนมที่แอบติดตั้งไว้

ในห้องของชัยยงค์ เผื่อมีอะไรใช้เป็นหลักฐานได้...

ขณะที่ธวัชพงษ์พยายามทำทุกทางเพื่อช่วยให้ชิดชบาพ้นผิด ยุวดีทนนิ่งเฉยต่อไปไม่ไหว ตัดสินใจกลับไปที่ปั๊มน้ำมันเพื่อหาเบาะแส เห็นถกลมาด้อมๆมองๆอยู่แถวนั้น เธอตัดสินใจเข้าไปแอบดูใกล้ๆ เมื่อได้เห็นเขาเต็มสองตาก็จำได้ว่าเคยเจอในงานแต่งงานของปฐวี

“ไอ้หมอนี่มันเป็นลูกน้องนายชัยยงค์กับนายชัยญาสองพ่อลูกที่เป็นพวกคุณนายเถาว์เครือ”...

ที่สวนสวยบ้านปฐวี ขณะแพรวากำลังคุยกับปฐวีเรื่องที่เธอเหลือเวลาพักร้อนอีกไม่กี่วันที่จะอยู่ดูแล โสมสุภางค์ เถาว์เครือกลับเข้ามาด้วยท่าทางกระปรี้กระเปร่า แต่ต้องชะงักเมื่อเจอทั้งคู่ยืนอยู่

“ปฐวี ฉันแปลกใจจริงๆที่เห็นคุณยังอยู่ในเสื้อลำลอง”

“อ๋อ เมื่อคืนผมมากินข้าวกับโสมสุภางค์แล้วไม่ได้กลับครับ ว่าแต่คุณแม่ไปไหนมาทั้งคืน” เจอคำถามนี้เข้าไป เถาว์เครือถึงกับอึกอักไปไม่เป็น...

อีกมุมหนึ่งในห้องชิดชบา กลิ่นกระเทียมเจียวที่อยู่ในข้าวต้มซึ่งตลับนาคยกขึ้นมาให้ ทำให้ชิดชบาคลื่นไส้จะอาเจียน ต้องผลักชามข้าวต้มออกห่าง ตลับนาคมัวแต่พูดเรื่องปฐวีนอนค้างที่นี่เมื่อคืนและเห็นว่าจะกลับมาอยู่เลยไม่กลับไปที่คอนโดฯอีกก็เลยไม่ทันสังเกตเห็น แถมยังเม้าท์อีกว่า
“แล้วเมื่อคืนคุณเถาว์เครือก็ไม่กลับอีกแล้ว”

“เอ่อ หนูขอแค่น้ำส้มแก้วเดียวได้ไหมคะ หนูเหม็นกลิ่นกระเทียมเจียวค่ะ”

ตลับนาคมองหลานสาวอย่างแปลกใจที่อยู่ๆเกิดเหม็นกลิ่นของที่เคยชอบ...

เถาว์เครือหงุดหงิดมากที่นั่งร่วมโต๊ะอาหาร แต่ไม่มีใครแล เนื่องจากทั้งปฐวีและแพรวาคอยแต่เอาใจใส่โสมสุภางค์ที่กินอาหารได้มากขึ้น เพราะมีสามีคอยให้กำลังใจ ถึงกับบ่นเสียงดังประชด

“นี่จะไม่มีใครเห็นหัวฉันเลยหรือ สายจนป่านนี้แล้วยังไม่ตั้งของให้ฉันอีก บ้านนี้ไม่มีคนรับใช้เพราะนังคนรับใช้มันทำตัวเป็นนายหรือว่านายเยอะ” ไม่พูดเปล่าเถาว์เครือปรายตามองแพรวา “นังจำเรียงเลยทำตัวเป็นกบเลือกนาย”

ooooooo

ยุวดีอับจนหนทางไม่รู้จะทำอย่างไรดี ตัดสินใจมาที่บ้านของปฐวี เห็นจำเรียงเดินหลังไวๆอยู่ในสวน ตะโกนเรียกแค่พอให้ได้ยิน ก่อนจะถามว่าเถาว์เครืออยู่ไหม จำเรียงดักคอ ที่ถามถึงคุณนายเพราะจะมาเป็นทีมเสริมช่วยไล่แพรวาออกจากที่นี่ใช่ไหม ยุวดีถึงบางอ้อทันที ด้วยเหตุนี้นี่เองที่เธอตื๊อให้ตนมาอยู่ด้วย

“นี่ๆๆๆ พูดแล้วคันปาก ใครจะไปนึกว่าคนอย่างคุณนายเถาว์เครือทั้งแก่ทั้งเค็มทั้งหนังเหนียวออกอย่างนั้น กำลังจะสร้างตำนานรักกับนายชัยยงค์ พ่อของนายชัยญา”

แขกผู้มาเยือนสีหน้าครุ่นคิดสงสัย เริ่มลำดับความเกี่ยวดองของเถาว์เครือ ชัยยงค์และชัยญา...

อรุณณรงค์แวะมาหาอุราศรีที่ห้องทำงาน เห็นเธอนั่งนิ่งมองมือถือที่มีสายเรียกเข้าจากชัยญาซึ่งโชว์เบอร์บนหน้าจอก็ทักว่าทำไมไม่รับสาย เธอรีบปิดมือถือ แล้วสั่งเขาไม่ให้มายุ่งเรื่องของตน

“คุณปฏิเสธหม่อมแม่ เอ่อ ผมหมายถึงบ่ายเบี่ยงหม่อมแม่ อะไรทำให้คุณลังเล เขาหรือ ชัยญาหรือ”

“นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณนะคะคุณชายเอี่ยว แล้วก็ไม่ใช่เรื่องของชิดชบาด้วย บอกชิดชบาว่าฉันจะตัดสินใจว่าใครดีใครชั่วได้ ไม่ต้องเอาความคิดตัวเองมาใส่สมองของฉัน” อุราศรีว่าแล้วคว้ากระเป๋าถือลุกออกไป อรุณณรงค์แปลกใจชิดชบามาเกี่ยวอะไรด้วย ครู่ต่อมาอุราศรีมาที่รถของตัวเอง เจอชัยญาดักรออยู่ ชวนเธอดื่มกาแฟไปคุยปรับความเข้าใจเรื่องเมื่อคืนกันไป ทีแรกเธอจะไม่ยอมไปด้วยแต่เขาตื๊อจนเธอใจอ่อน

ชัยญาแต่งเรื่องว่าชิดชบาไม่ชอบขี้หน้าเขากับพ่อของเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็เลยใส่ไฟเรื่องเมื่อคืนจน อุราศรีเข้าใจเขาผิดๆ เขาคงพูดเรื่องอะไรเกี่ยวกับชิดชบามากกว่านี้ไม่ได้เพราะเขาไม่ชอบทำร้ายผู้หญิง

“เราอย่าพูดถึงมันอีกเลย เอาเป็นว่าเราพร้อมใจกันลืมเรื่องคืนนั้นดีกว่า ฉันเองก็งงๆน่ะค่ะ”

“ขอบคุณครับที่คุณหญิงยังให้โอกาสผมได้ทำตัวเป็นมนุษย์ค้างคาวผู้พิทักษ์โลก”

ooooooo

ปฐวีเห็นชิดชบาวิ่งออกมาอาเจียนที่ระเบียงหน้าบ้าน จึงเดินไปหยิบแก้วใส่น้ำแล้วเอามายื่นให้เธอบ้วนปาก เธอปฏิเสธว่าไม่ต้อง เขารู้แก่ใจดีว่าเราสองคนเกลียดกัน แต่เรายังอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน ดังนั้นควรจะดูดำดูดีกันบ้างไม่ใช่หรือ เธอรับแก้วน้ำมาบ้วนปากอย่างเสียไม่ได้ แล้วส่งคืน ทำท่าจะเข้าข้างใน เขาขวางไว้

“คุณเป็นอะไร หวังว่าคงไม่ได้แพ้ท้องนะ เพราะคนแพ้ท้องไม่ควรจะออกเที่ยวตามผับตามร้านเหล้าทุกคืน...

คืนก่อนคุณก็กลับบ้านดึกไม่ใช่หรือ”

“นี่...ฉันจะเป็นอะไรก็ช่างฉัน ชีวิตฉัน ลมหายใจของฉัน อนาคตของฉัน หลีก”

“คุณแน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นอะไร”

ชิดชบาไม่ตอบคำถามใดๆ สั่งให้หลีกอีกครั้ง แต่เขายืนนิ่งก็เลยผลักพ้นทางแล้วเดินเข้าข้างใน เถาว์เครือซึ่งแอบฟังอยู่ถอนใจโล่งอกที่ชิดชบาไม่ได้บอกปฐวีว่าท้องกับเขาแต่ก็อดเป็นกังวลไม่ได้...

อาการของโสมสุภางค์ดีขึ้นมากเพราะได้ปฐวีมาช่วยดูแลและคอยเป็นกำลังใจให้ แพรวาเองก็พลอยดีใจที่แววตาของเพื่อนรักเปล่งประกายความสุขให้เห็น เนื่องจากวันนี้นักกายภาพไม่มา เธอจะพาโสมสุภางค์หัดเดินเอง จังหวะนั้น เถาว์เครือเข้ามาในห้องด้วยท่าทีร้อนใจ สั่งให้พยาบาลพิเศษออกไปก่อน รวมทั้งแพรวาด้วย เธอติงว่าธุระของคุณแม่เป็นความลับด้วยหรือ ตอนนี้โสมสุภางค์ไม่ควรรับรู้เรื่องที่จะทำให้ไม่สบายใจ

“ฉันเป็นแม่ของโสมสุภางค์ ฉันรู้ว่าลูกของฉันมีขีดจำกัดรับได้แค่ไหน”

“ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยของโสมสุภางค์ เอาไว้ก่อนไม่ดีกว่าหรือคะ โสมสุภางค์กำลังดีขึ้น วันนี้หนูจะพาโสมสุภางค์ลุกขึ้นยืน เราจะเริ่มก้าวเดินกันค่ะ หรือว่า...คุณแม่ไม่อยากเห็นโสมสุภางค์เดินได้เป็นปกติคะ” คำพูดดักคอของแพรวาทำให้
เถาว์เครือจำนน ไม่กล้าเล่าเรื่องชิดชบาท้องให้ฟัง...

ในเวลาเดียวกัน ที่คอนโดฯที่พักของชัยยงค์ธวัชพงษ์เห็นชัยญาเดินคุยมากับถกล รีบหันหลังทำทีซ่อมโน่นซ่อมนี่ ถกลรายงานเจ้านายว่ายุวดีที่เคยเป็นคนของเถาว์เครือ พาลูกของบุญถิ่นหนี เขาโวยวายทำไมเพิ่งมาบอกเอาป่านนี้ ทีแรกถกลไม่แน่ใจว่านังนี่ไปเกี่ยวข้องกับเด็กได้อย่างไร แต่ตอนที่เขาเจอเด็กที่ปั๊มน้ำมัน ยุวดีเป็นคนพาเด็กหนีไป ทั้งสองคนมาหยุดคุยกันใกล้ๆจุดที่ธวัชพงษ์ยืนอยู่

“แกต้องจับมันให้ได้ทั้งสองคน ถ้ามันถึงมือตำรวจเมื่อไหร่ ตำรวจโยงมาถึงเราแน่ ไปที่ปั๊มนั่นแล้วถามผู้จัดการร้านสะดวกซื้อว่าบ้านยุวดีอยู่ที่ไหน จากนั้นแกก็เก็บซะ เด็กด้วย อ้อ ไปดูที่บ้านคุณนายเถาว์เครือด้วย เผื่อยุวดีจะไปที่นั่น” สั่งเสร็จชัยญาตรงไปยังโถงหน้าลิฟต์ ส่วนถกลแยกไปทำตามคำสั่งเจ้านาย ขณะที่ธวัชพงษ์ค่อยๆหันมองตามสีหน้าเป็นกังวล...

หลังจากประมวลเรื่องราวต่างๆเข้าด้วยกัน ยุวดีพอจะเดาได้ว่าเด็กชายที่ตัวเองช่วยเหลือเอาไว้เป็นลูกของบุญถิ่นที่ถูกฆ่าตาย เรื่องนี้ใหญ่เกินไปสำหรับตัวเอง ตัดสินใจบอกเด็กน้อยให้รับรู้ว่าแม่ของเขาตายแล้ว

“คนที่จับตัวน้องมา มันต้องเกี่ยวข้องกับการตายของแม่น้องด้วย พรุ่งนี้พี่จะพาน้องไปหาตำรวจ”

“ไม่เอา ไม่ไป หนูจะอยู่กับพี่” เด็กน้อยร้องไห้งอแง ยุวดีต้องดึงตัวมากอดแนบอก

“อยู่ไม่ได้ พี่ไม่มีกำลังดูแลน้องหรอก เอาอย่างนี้ ถ้าไม่อยากไปหาตำรวจ พี่จะพาน้องไปหาคุณปฐวี”

ooooooo

ปฐวีเดินมาหยุดที่โถงเหนือบันได มองลงไปเห็นแพรวากำลังดึงมือโสมสุภางค์ให้ลุกจากรถเข็น โดยมีพยาบาลคอยลุ้นอยู่ใกล้ๆ เขายิ้มมีความสุขขยับจะลงไปหาแต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงชิดชบาอาเจียนดังขึ้น ปฐวีเปลี่ยนใจเข้าไปดูชิดชบาที่กำลังอาเจียนอยู่ในห้องน้ำ เธอไม่ทันมองคิดว่าเขาเป็นตลับนาค

“หนูไม่เป็นอะไรหรอกค่ะคุณป้า ตอนออกจากคุกคงเครียด แต่ตอนนี้คงเป็นเพราะกินไม่เป็นเวลาน่ะค่ะ มันก็เลยคลื่นไส้อาเจียน เห็นว่าคุณป้าจะไปตลาด อย่าลืมซื้อมะยมดองให้หนูด้วยนะคะ เดี๋ยวหนูจะออกไปหาคุณลุงเฉวียงค่ะ” เธอหันมาเห็นปฐวีก็ตกใจ รีบตวาดกลบเกลื่อนว่าเข้ามาทำไม เขาได้ยินเสียงโอ้กอ้ากก็เลยเข้ามาดู หวังว่าเธอคงไม่ได้แสร้งส่งเสียงเพื่อเรียกร้องความสนใจ เพราะเช้านี้แพรวาเริ่มฝึกให้โสมสุภางค์ ลุกจากรถเข็นได้แล้ว ชิดชบาไม่เห็นต้องทำแบบนั้น โสมสุภางค์เดินได้หรือไม่ก็เป็นเรื่องของเธอกับเขา

“ฉันอยู่ที่นี่เพื่อพิสูจน์ตัวเองให้รอด ถ้าบ้านหลังนี้ตกเป็นของคุณคุณยังนอนตาหลับได้ ฉันก็เชื่อแล้วว่าคุณน่ะ มันซาตานตัวจริง” ด่าเสร็จ ชิดชบาเข้ามาจ้องหน้าปฐวีอย่างชิงชังแล้วเดินจากไป...

ยุวดีพาปอนมาซุ่มรอปฐวีอยู่นอกประตูรั้ว แต่กลับเป็นชิดชบาที่ค่อยเคลื่อนรถออกมาจากในบ้าน เป็นจังหวะเดียวกับถกลขับรถมาจอดฝั่งตรงข้ามพอดี เห็นยุวดีกับปอนยืนลับๆล่อๆอยู่ รีบลงจากรถอย่างประสงค์ร้าย เธอหันมาเห็นเขาพุ่งเข้าหาก็ตกใจรีบดึงมือปอนวิ่งไปทุบกระจกรถของชิดชบา

“ช่วยด้วย...เปิดประตูค่ะ เปิดๆให้หน่อยเปิด”

ทันทีที่ชิดชบาปลดล็อก ยุวดีเปิดประตูหลังผลักปอนเข้าไปแล้วโดดขึ้นตาม รีบบอกให้ออกรถ มันตามเด็กมา แล้วหันไปมองด้านหลังเห็นถกลเข้ามาจะถึงตัวรถเร่งให้รีบไป ชิดชบาไม่รอให้พูดซ้ำ เหยียบคันเร่งมิด ถกลเจ็บใจมากที่ไม่ได้ตัวเป้าหมาย รีบกลับไปขึ้นรถตัวเองขับตามไปอย่างรวดเร็ว จำเรียงเห็นเหตุการณ์โดยตลอด ได้แต่ยืนงงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...

ชิดชบาขับรถหนีการไล่ล่าของถกลไปตามถนนอย่างน่าหวาดเสียว แซงซ้ายป่ายขวาจนในที่สุดก็สลัดเขาหลุด เธอมองทางกระจกส่องหลังไม่เห็นรถของถกลตามมาจึงลดความเร็วลง พร้อมกับถอนใจโล่งอก ถามยุวดีว่าเด็กนั่นเป็นใคร พอรู้ว่าเป็นลูกของบุญถิ่นที่ตำรวจกำลังตามหาตัว กระแทกเบรกหัวทิ่ม เหลียวไปมอง

“ลูกของบุญถิ่นหรือ” ชิดชบาสีหน้าตื่นตระหนก

ooooooo

เพื่อความปลอดภัยของเด็กน้อยและยุวดี ชิดชบาพาไปที่บ้านสวนของตลับนาค บอกให้ทั้งคู่หลบอยู่ที่นี่ก่อนถ้ายังไม่อยากไปหาตำรวจตอนนี้ เพราะตนเองก็ยังจบต้นชนปลายเรื่องนี้ไม่ถูก ยุวดีขอร้องให้ช่วยพวกตนด้วย เด็กอยู่ในอันตราย เธอไม่รู้จะหันไปหาใคร

“ฉันเข้าใจว่าเธอติดร่างแหของเกมนี้ไปด้วย ไม่ไว้ใจใครน่ะถูกแล้ว เข้าไปในบ้านก่อน” ชิดชบาพูดจบ เดินนำยุวดีที่จูงมือปอนตามเข้ามาในตัวบ้าน ถามว่าอยู่กันได้ไหม เมื่อตนกลับไปถึงบ้านจะบอกปฐวีให้ ยุวดีร้องห้ามเสียงหลงว่าอย่า เธออยู่ที่นี่ได้ ชิดชบาจะให้คนเฝ้าสวนจัดอาหารการกินมาให้ และให้เธอเมมเบอร์ส่วนตัวของตนไว้เผื่อมีอะไรฉุกเฉิน แล้วหันไปบอกปอนให้อยู่ที่นี่กับยุวดี อย่าไปไหนเพราะเขาเป็นพยานปากสำคัญที่จะเอาคนชั่วที่ฆ่าแม่ของเขาเข้าคุก

“ใช่ค่ะ น้องผ่านอะไรๆมามาก ล้วนเป็นเรื่องที่เด็กรับไม่ได้ คุณต้องให้เวลาเด็กสักพัก”

“แล้วคุณปฐวีล่ะ”

ยุวดีไม่ได้อยากยุ่งกับปฐวีเท่าใดนัก ถ้าไม่จนมุมจริงๆก็คงไม่นึกถึงเขา ที่สำคัญเด็กคนนี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเขาแต่มีประโยชน์กับชิดชบามากกว่า เธอดึงยุวดีออกห่างจากเด็กน้อย แล้วกระซิบเบาๆ

“ใช่ เพราะอย่างนี้แหละ พวกมันถึงได้พยายามฆ่าเด็กเพื่อปิดปาก”...

ขณะที่ยุวดีและปอนปลอดภัยอยู่ที่บ้านสวนของตลับนาค โสมสุภางค์ไม่ใช่แค่ลุกขึ้นยืน ยังสามารถก้าวสั้นๆมาหาปฐวีก่อนจะซวนเซล้มลงในอ้อมแขนของเขา ท่ามกลางความยินดีของแพรวา...

ชัยยงค์โกรธจัดที่ถกลทำงานพลาดอีกครั้ง แถมคราวนี้ชิดชบายังเข้ามาเกี่ยวข้อง ช่วยเด็กน้อยกับยุวดีหนีไปได้อีกด้วย เขาไม่สนว่ายุวดีจะรู้ตื้นลึกหนาบางอะไรบ้างและไปที่บ้านของปฐวีทำไม เขาแค่ต้องการให้ปิดปากทั้งเด็กและยุวดี อย่าให้รอดมาจนสาวมาถึงพวกเราได้ ทั้งชัยยงค์ ชัยญาและถกลไม่รู้ว่าการสนทนาครั้งนี้ ธวัชพงษ์รู้เห็นผ่านกล้องสอดแนมที่ไปปรากฏบนมือถือของเขาโดยตลอด จังหวะนั้น ชิดชบาโทร.มานัดให้เขาไปพบมีเรื่องร้อนใจจะปรึกษา ไม่นานนักธวัชพงษ์มาถึงสถานที่ตามนัด ชิดชบารอท่าอยู่ก่อนแล้ว

“ฉันไม่กล้าใช้โทรศัพท์ เพราะเรื่องมันยาว”

ธวัชพงษ์รู้จากกล้องสอดแนมในคอนโดฯที่พักของชัยยงค์แล้วว่าเธอได้ตัวเด็กกับยุวดีไว้แล้วและยังรู้อีกว่าทั้งคู่กำลังตกอยู่ในอันตราย ชิดชบาไม่อยากใช้ประโยชน์จากเด็กคนนี้ แต่เธอไม่มีทางเลือกเพราะแกเป็นพยานปากสำคัญที่จะโยงไปถึงการตายของบุญถิ่น แล้วถามธวัชพงษ์ว่าเธอควรทำอย่างไรดี

“คุณต้องรักษาชีวิตของเด็กกับยุวดีไว้ อย่าติดต่อกับเด็กอีก เพราะตอนนี้มันต้องจ้องมาที่คุณ”

“ฉันหรือ!” สีหน้าแววตาของชิดชบาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

จากนั้นไม่นาน ชิดชบากลับถึงบ้าน เจอโสมสุภางค์นั่งอยู่บนรถเข็นเพียงลำพังที่โถงบันไดชั้นล่าง ก็อดทักทายไม่ได้ว่าเธอดูดีขึ้นมาก คงเป็นเพราะปฐวีกลับมาดูแลใกล้ชิด โสมสุภางค์ไม่กล้าสบตาด้วย เอาแต่ก้มหน้าหลบ หวาดกลัวความผิดที่ตัวเองกล่าวหาชิดชบาเรื่องตกบันได ชิดชบากลับคิดว่าเธอกลัวตนเอง

“อย่ากลัวไปเลยค่ะ คุณก็รู้ว่าคนที่คุณควรกลัวคือใคร เสร็จคดีนี้ ถ้าฉันฟอกตัวเองให้เป็นผู้บริสุทธิ์ได้ ฉันจะกลับฝรั่งเศส บ้านหลังนี้คงจะตกเป็นของคุณ รักษามันไว้ดีๆนะคะ มันมีเรื่องราวมากมายเหมือนอย่างที่

ฉันเคยมี” ชิดชบาพูดพลางมองไปรอบบ้านด้วยสายตาเศร้าหมอง “แล้วเรื่องราวที่ผ่านมามันก็มีค่า มันทำให้เรารักคนที่รักเรา ฉันจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับ...” ชิดชบาเผลอก้มมองท้องตัวเอง “...กับอะไรใหม่ๆในที่ที่ไม่มีคนรู้จัก หรือแยแสว่าฉันมีอดีตอย่างไร” พูดจบเธอขึ้นบันไดโสมสุภางค์มองตามแปลกใจ

แพรวาก้าวออกจากหลืบพร้อมกับเครื่องดื่มร้อนๆในมือ มองตามชิดชบาด้วยความแปลกใจไม่แพ้ โสมสุภางค์เช่นกัน เพราะไม่เคยเห็นมุมอ่อนโยนของชิดชบามาก่อน

ooooooo

อรุณณรงค์ร้อนใจมาก ขอร้องให้หม่อมแม่ไปทาบทามสู่ขออุราศรีอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอที่มีชัยญาเข้ามาวุ่นวายแต่ไม่กล้าพูดเรื่องนี้ให้ท่านฟัง หม่อมจรัสเรืองงงไม่หาย ทำไมลูกถึงมารีบร้อนเอาป่านนี้ หรือว่ากลัวอะไร เขายอมรับว่ากลัวอุราศรีจะตัดสินใจผิด

“แหม ผู้หญิงสมัยนี้ตัดสินใจอะไรผิดแล้วเขาก็เริ่มใหม่ได้”

“แต่เรื่องนี้มันไม่ใช่ครับ...ผมพร้อมแล้ว ถ้าคุณหญิงอุราศรีตกลง ผมรู้แล้วว่าผมควรจะทำอย่างไร”...

ขณะที่อรุณณรงค์ตัดสินใจจะแต่งงานกับอุราศรีเพื่อกันท่าไม่ให้ชัยญาเข้ามาวุ่นวายกับเธอ เฉวียงไปพบปฐวีที่ออฟฟิศเพื่อแจ้งให้ทราบว่าทางตนกำลังเตรียมหลักฐานใหม่ๆเพื่อยื่นประกอบในการแก้ต่างให้ ชิดชบา และที่มาแจ้งครั้งนี้ก็เพราะไม่ได้คิดว่าปฐวีเป็นศัตรูคู่อาฆาต แต่คิดว่าเราควรร่วมมือกันหาคนผิด

“ผมยินดี คุณเฉวียงก็รู้ว่าผมแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อลูกความของคุณอย่างยุติธรรม ผมดีใจนะที่คุณบอกว่าคุณมีหลักฐานใหม่ๆ สำหรับผมไม่เคยอยากให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเลยนะ เรื่องบ้านเรื่องแก้แค้นชิดชบา มันเลยเถิดมากเกินไป ถ้าศาลพิสูจน์แล้วตัดสินว่า
ชิดชบาผิดจริง บ้านหลังนี้จะไม่ได้เป็นของผมคนเดียว”...

ด้านเถาว์เครือรีบร้อนลงมาจากบนบ้านเพื่อจะไปหาชัยยงค์ แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นโสมสุภางค์กำลังหัดเดินอยู่กลางห้องโถงตรงตีนบันได โดยมีแพรวากับพยาบาลคอยตามประกบไม่ห่างด้วยเกรงจะล้ม เธออ้างว่ามีธุระต้องไปทำ ฝากแพรวาดูแลโสมสุภางค์ให้ด้วย คุณหมอสาวสวนทันทีคืนนี้จะกลับไหม

“ทำไมฉันจะไม่กลับ หมอนี่พูดแปลกๆ ลูกของฉันอยู่ที่นี่ทั้งคน ฉันจะไม่กลับมาได้อย่างไร”

โสมสุภางค์ชะงักเท้า สีหน้าสลดเพราะรู้แก่ใจดีว่าแม่ออกไปหาชัยยงค์ เถาว์เครือแต่งเรื่องว่าต้องแวะไปธนาคารไปพบคุณกระจ่างศรี คุยเรื่องที่ดินที่ศรีราชา แล้วจะเลยไปซื้อของ ลูกจะเอาอะไรไหม โสมสุภางค์ไม่อยากได้อะไร เถาว์เครือเข้ามาจะหอมลูก แต่เธอเมินหน้าหนี คุณนายตัวแสบเลยเดินหน้าเจื่อนออกไป พอแม่คล้อยหลังเท่านั้น น้ำตาแห่งความน้อยใจไหลอาบแก้มโสมสุภางค์ แพรวาต้องเข้ามากอดปลอบใจ...

บ่ายวันเดียวกัน ชิดชบาเข้ามาในครัวจะหาอะไรเปรี้ยวๆกินแก้คลื่นไส้ เห็นตลับนาคเตรียมจะกลับบ้านสวนไปดูผลหมากรากไม้ที่ปลูกเอาไว้ ก็ร้องห้ามเสียงหลง แล้วลากแขนท่านออกไปที่สนามหญ้าหน้าบ้าน จำเรียงซึ่งกำลังช่วยตลับนาคจัดอาหารสำหรับไปกินที่บ้านสวน มองตามอย่างสงสัย

ทีแรกชิดชบาไม่ยอมบอกเหตุผลที่ห้ามตลับนาคกลับบ้านสวน แต่พอถูกท่านต่อว่าว่าเดี๋ยวนี้ไม่ไว้ใจกันแล้วหรือ เธอตัดสินใจเล่าเรื่องยุวดีกับปอน ลูกชายของบุญถิ่นให้ฟัง

“หนูซ่อนพยานปากสำคัญไว้ที่นั่น ยุวดีกับลูกชายของบุญถิ่นที่ตำรวจกำลังตามตัว ถ้าคุณป้าไปที่นั่น พวกคนร้ายอาจจะสะกดรอยตามไปจนเจอเด็ก หนูยังไม่กล้าไปบ้านสวน ก็เพราะกลัวพวกมันจะรู้ที่ซ่อนของเด็กคุณป้าดูนั่นสิคะ” ชิดชบาชี้ให้ตลับนาคดูวินมอเตอร์ไซค์ที่จอดซ่อมรถอยู่นอกรั้วซึ่งคอยมองเข้ามาในบ้านตลอดเวลา “มันต้องเป็นพวกนายชัยยงค์ส่งมาสะกดรอยตามเราไปฆ่าปิดปากเด็ก”

“โอ...แล้วใครดูแลเด็กกับยุวดี”

คนที่ตลับนาคถามถึงคือธวัชพงษ์นั่นเอง ยุวดี จำเขาได้ก็เลยเปิดประตูรับ เขาแจ้งว่าชิดชบาให้เอาของกินของใช้มาให้ และมาดูว่าเธอกับเด็กเป็นอย่างไรบ้าง ได้ความว่าสบายดีตอนนี้ปอนหลับอยู่ ธวัชพงษ์อยู่นานไม่ได้ ส่งข้าวของให้ยุวดีเรียบร้อยทำท่าจะกลับ จังหวะนั้นมีสัญญาณเตือนมาจากมือถือ ธวัชพงษ์รีบเปิดดู เป็นภาพจากกล้องสอดแนม เห็นชัยยงค์เดินไปเปิดประตูรับเถาว์เครือ ยุวดีสนใจยื่นมาดูด้วย

“นั่นคุณนายเถาว์เครือนี่ คุณนายเถาว์เครือเป็นพวกเดียวกับนายชัยยงค์จริงๆหรือ”

ooooooo

นอกจากจะให้ถกลกับชัยญาตามหายุวดีกับปอนแล้ว ชัยยงค์ยังขอให้เถาว์เครือช่วยตามหาอีกแรงหนึ่ง เพราะอย่างน้อยยุวดีก็เคยเป็นคนของเธอมาก่อน เถาว์เครืออดแปลกใจไม่ได้ ยุวดีไปเจอเด็กได้อย่างไร

“ผมก็ไม่รู้รู้แต่ว่าตอนนี้มันกับเด็กอยู่ในมือชิดชบา ถ้ามันรอดไปให้การในศาล เราทั้งหมดรวมทั้งคุณ จะต้องย้ายที่อยู่เข้าไปอยู่ในคุก” ชัยยงค์หน้าเครียด ขณะที่เถาว์เครือขบกรามแน่นด้วยความแค้น

“นังยุวดี แกนี่มันหาเรื่องตายจริงๆ”...

อาการแพ้ท้องของชิดชบาเริ่มเป็นมากขึ้น อยากกินของเปรี้ยวตลอดเวลา บ่ายนี้ก็เช่นกันสั่งให้จำเรียงไปซื้อมะยมเพื่อเอามาจิ้มกะปิกิน เธออดมองเจ้านายสาวด้วยความสงสัยไม่ได้...

ในเวลาต่อมา ปฐวีกลับจากทำงาน เห็นชิดชบานั่งกอดหมอนหลับอยู่ที่โซฟาตรงโถงบันไดชั้นล่าง กำลังจะเดินผ่านขึ้นข้างบน แต่เหลือบเห็นมะยมกับกะปิที่วางอยู่ถึงกับหยุดกึก ชิดชบาค่อยๆปรือตามอง เห็นเขาจ้องอยู่ ลุกพรวดขึ้นยืนเอาหมอนมาปิดท้องตัวเอง ปฐวีหยิบมะยมขึ้นมาดู
-----------
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น