นงรามถูกผีลิ้นจี่ตามหลอกหลอนจนแทบเป็นบ้า กลับถึงบ้านมีอาการหวาดผวายืนยันกับแม่ว่าเธอถูกผีหลอกจริงๆ มันน่ากลัวมาก
“เหลวไหล ผีที่ไหนไม่มีหรอก หนีแม่ไปข้างนอกมาตั้งแต่เช้า กลัวแม่ลงโทษใช่ไหมก็เลยสร้างเรื่องหลอกแม่”
“โธ่...คุณแม่ นงถูกผีหลอกจริงๆค่ะ”
“แม่ไม่เชื่อ”
ขาดคำของสุนทรี ของบนโต๊ะตกลงพื้นอย่างไม่น่าเป็นไปได้ องุ่นร้องว้ายตกใจกระโดดโหยง
“เห็นไหมคะคุณแม่ ลมไม่ได้พัดซะหน่อย ของมันตกลงมาได้ยังไง นงกลัวค่ะคุณแม่...นงกลัว”
สุนทรีเริ่มหวาดกลัว กอดนงรามไว้หน้าซีดเจื่อน... ส่วนที่บ้านเฟื่องขจร ชื่นจิตกำลังรายงานวิศิษฏ์ที่เพิ่งกลับว่าตั้งแต่คุณนายและวิภาดากลับมาก็เอาแต่นอนอย่างเดียว มืดป่านนี้ยังไม่ตื่น ชายหนุ่มฟังแล้วนึกถึงคำพูดพิศที่ให้เอาแหวนนาคราชแช่น้ำเป็นน้ำมนต์พรมรอบบ้านให้ข่ายมนตราของอาจารย์หวังจางไป และเอาให้เฟื่องขจรดื่มจะได้หายจากอาการปํ้าๆเป๋อๆ ยิ่งพอมาเห็นสร้อยประคำที่แม่สวมใส่คอ วิศิษฏ์ไม่รอช้ารีบทำตามที่พิศบอก
ติ๋วกับโต้งอยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่คุณอาทำจึงเข้ามาซักถาม วิศิษฏ์ไม่อยากบอกเพราะกลัวหลานจะแตกตื่นตกใจ แต่ก็ทนแรงรบเร้าของเด็กทั้งสองไม่ไหว จึงยอมบอกความจริงแต่กำชับห้ามบอกคุณย่า ไม่เช่นนั้นผีในห้องคุณย่าจะรู้ตัวก่อน
หลังจากไล่เด็กๆไปนอนแล้ววิศิษฏ์ก็นำน้ำมนต์พรมรอบบ้านและจัดการกับผีที่อยู่ในสร้อยประคำจนราบคาบ อาจารย์หวังรู้ โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมากและในคืนเดียวกันนี้สัตตะปรากฏตัวที่บ้านอาจารย์หวัง ช่วงชิงคัมภีร์ท้าวมหาพรหมก่อนจะฆ่าอาจารย์หวังตายอย่างโหดเหี้ยม!
ทันทีที่อาจารย์หวังตาย สร้อยประคำที่คอเฟื่องขจรหลุดหล่นกระจาย ข่ายมนตราก็จางหายไปหมดสิ้น เฟื่องขจรรู้สึกแปลกใจให้วิศิษฏ์โทร.หาวิภาดา...เพียงไม่นานวิภาดาก็ไปเห็นกับตาว่าอาจารย์หวังกลายเป็นร่างไร้วิญญาณ สภาพศพน่ากลัวมากจนเธอขนหัวลุก แล้วมาส่งข่าวมารดาในเช้าวันถัดมาอย่างร้อนรน ตรงข้ามกับวิศิษฏ์ที่ดีใจเหลือล้น เพราะต่อไปนี้เขาจะพบพิศได้บ่อยเหมือนเดิม
พิศกับลิ้นจี่เข้าบ้านเฟื่องขจรได้ตามปกติ แต่นงรามที่ยังตกอยู่ในความหวาดผวาเพราะโดนผีหลอกเมื่อวานถึงกับนอนซมไปหาวิศิษฏ์ไม่ได้ สุนทรีกับองุ่นแปลกใจอาการของเธอ องุ่นจับต้นชนปลายแล้วคิดว่าผีหลอกเป็นเรื่องจริง และเรื่องที่เธอหมดรักบรรจบแล้วกลับมาเพ้อหาแต่วิศิษฏ์นั้นน่าจะเป็นเพราะอำนาจมนต์ดำที่เสื่อมลง
สุนทรีไม่เคยเชื่อ แต่คราวนี้เธอคิดหนัก เข้ามาดูอาการลูกสาวพบว่าตัวร้อนจัด พอเธอชวนไปบ้านบรรจบ นงรามก็ย้อนถามเสียงแข็งว่า
“ไปทำไมคะคุณแม่ นงบอกคุณแม่แล้วว่านงไม่ได้รักพี่บรรจบ นงรักวิศิษฏ์”
“นง...ไหนๆก็พูดแล้ว แม่ขอพูดให้นงเข้าใจเลย แม่จำเป็นต้องให้นงแต่งงานกับคุณบรรจบให้ได้ เพราะแม่เป็นหนี้คุณบุรีอยู่มาก ชีวิตนี้แม่คงหาเงินมาใช้คืนเขาไม่ได้หรอก”
“คุณแม่...” นงรามลุกขึ้นนั่งน้ำตาไหลพราก
“นงก็รู้ที่ผ่านมาแม่ไม่มีอาชีพอะไร เป็นนายหน้าที่ดินกว่าจะได้มาแต่ละผืนก็ลำบากยากเข็ญ แม่จำเป็นต้องหยิบยืมคุณบุรี...เขาให้แม่ยืมไม่เคยคิดดอก ไม่เคยทวงต้นก็เพราะหวังว่าจะได้นงไปเป็นสะใภ้”
“พี่บรรจบไม่ได้รักนง...”
“แต่แกก็เสียตัวให้เขาแล้วไม่ใช่เหรอ” นงรามไม่ตอบ แต่สะอึกสะอื้น “อย่าปิดแม่ แม่ก็เป็นผู้หญิง ผ่านอะไรมามากกว่าเรา...เสียไปอย่างนี้แล้วจะให้คนอื่นคว้าไปได้ยังไง แต่ถ้านงไม่รักตัวเอง ไม่สงสารแม่ จะยอมกัดก้อนเกลือกินกับผู้ชายจนๆ แล้วก็ให้คุณบุรีมายึดบ้าน เอาแม่เข้าตะรางก็ตามใจ นี่แม่ก็ต้องบากหน้าไปผัดดอกเบี้ยเขาถึงบ้าน”
สุนทรีเดินหน้าเครียดออกไป ทิ้งให้นงรามนั่งน้ำตาไหลด้วยความทุกข์ใจ
ooooooo
เมื่อสุนทรีไปถึงบ้านบุรี ปรากฏว่าเขากับลูกชายกำลังมีแขกคนสำคัญ สาวใช้จึงให้เธอนั่งรอแขกคนสำคัญของสองพ่อลูกก็คือสัตตะ เขามาพร้อมคัมภีร์โองการท้าวมหาพรหม
“โองการนี้จะทำให้วิญญาณทุกดวงเกรงกลัว มีโองการนี้ดีกว่ามีเครื่องรางเป็นห้องๆ”
“แล้วเอามาให้ผมดูทำไม”
“จะขู่เอาเงินก็บอกมาตรงๆดีกว่า”
สัตตะมองสองพ่อลูกอย่างไม่พอใจ เอ่ยเสียงห้วนว่า “เงิน...ใครๆก็อยากได้ แต่ผมว่าคุณบรรจบน่าจะเอามิตรภาพไว้ก่อนดีกว่า ผมมีวิชา อย่าลืมสิ ผมช่วยคุณและกิจการของคุณได้ คุณพ่อคุณรู้ดีว่าผมสามารถแค่ไหน”
“อาจารย์ต้องการเท่าไหร่” บุรียิงตรง
“ล้านนึง ขอผมไว้รักษาตัวสักพัก มีอะไรก็เรียกใช้ผมได้”
“นี่มันโจรนี่หว่า...ขู่กรรโชกทรัพย์ ผิดกฎหมายนะ” บรรจบโวย
“ขู่กรรโชกทรัพย์ผิดกฎหมาย ผมไม่เถียงหรอก แต่ถ้าผมทำให้ใครสักคนตายด้วยไสยศาสตร์ หมอปัจจุบันก็พิสูจน์ไม่ได้...เท่ากับว่ากฎหมายก็เล่นงานผมไม่ได้”
บุรีเห็นท่าไม่ดีรีบดึงสมุดเช็คออกมาจะเขียน แต่สัตตะต้องการเงินสดเท่านั้น!
เมื่อได้เงินสดตามต้องการ สัตตะยิ้มย่องพอใจ แล้วยังช่วยไล่ตัวปัญหาของสองพ่อลูกออกจากบ้านไปอย่างง่ายดาย...บุรีกับบรรจบเบื่อหน่ายและไม่อยากเจอสุนทรีที่ตามตื๊อขอความช่วยเหลืออยู่เป็นนิจ สัตตะจึงท่องคาถาที่ฟังแล้วปวดหูปวดหัวไล่เธอกลับบ้านไปด้วยอาการทุรนทุราย
“เห็นไหมว่าผมช่วยคุณได้ ถ้าใช้บริการผม รับรองว่าธุรกิจของคุณจะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่ง ต้องการอะไรก็ต้องได้”
“ถ้างั้นรับปากได้หรือเปล่าว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับน้องแพรวของผม”
สัตตะเหล่มองบรรจบด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ “ผมมีสัจจะ ผมรับปาก ขออย่างเดียวเลี้ยงดูผมให้ดีก็แล้วกัน”
“ถ้าทำให้น้องแพรวรักผมได้ ผมจะสมนาคุณอย่างงามเลย”
“วางใจเถอะคุณบรรจบ เวลานี้ผมต้องการกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ผมอยากอยู่ที่นี่ ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้คุณ แล้วแต่คุณสองคนจะใช้ผม ผมไม่อยากเร่ร่อนอีกแล้ว”
สองพ่อลูกฟังความต้องการของสัตตะแล้วสบตากันอย่างชั่งใจ ด้านสุนทรีที่ปวดหัวรุนแรงกลับไป เธอได้ยินเสียงสวดคาถาบางอย่างตลอดทาง ถึงบ้านเสียงนั้นก็ยังไม่จางหาย บอกองุ่นว่ามันเหมือนเสียงสวดคาถาอะไรสักอย่างแต่ฟังไม่รู้เรื่อง
“หงุ่นไม่ได้ยินอะไรเลยนี่คะ หูแว่วหรือเปล่า พักผ่อนก่อนดีกว่านะคะ”
“ฉันได้ยินจริงๆนะหงุ่น” สุนทรียืนยันหน้าตาเลิ่กลั่ก มีอาการหลอนๆ
ooooooo
แพรวพรรณตัดสินใจไปตรวจเช็กอาการอีกครั้งที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ โดยมีพ่อกับแม่มาเป็นเพื่อน ส่วนเรืองรุ้งตามมาทีหลังหลังรู้จากแพรวพรรณ ขณะที่บรรจบก็มาเหมือนกันเพราะงามเนตรส่งข่าวไป
“พี่เป็นห่วงน้องแพรวแทบแย่ คุณน้าบอกว่าน้องแพรวมาโรงพยาบาลพี่ก็รีบมาเลยนะจ๊ะ”
“ขอบคุณค่ะพี่บรรจบ...แพรวไม่ได้เป็นอะไรมาก”
“หมอบอกว่ายังไงบ้าง” เรืองรุ้งจงใจแทรกเข้ามา งามเนตรนั่งห่างออกไปพุ่งสายตามาอย่างไม่พอใจ บ่นกับสามีว่าตนขวางหูขวางตาเรืองรุ้งจริงๆเลย
เมื่อคณะของแพรวพรรณกลับมาที่บ้าน บรรจบก็ยังติดสอยห้อยตามมาด้วย งามเนตรถือโอกาสคุยกับเขาตามลำพังเรื่องที่สงสัยว่าแพรวพรรณอาจมีใจให้กับผู้ชายที่พามาส่งบ้านเมื่อวันก่อน
“ท่าทางยัยแพรวปลื้มนายนั่นอยู่เห็นๆ น้าอยากรู้ว่าเป็นใครกัน ทำงานการอะไร ฐานะเป็นยังไงบ้าง”
“คุณน้าอย่าห่วงเลยครับ ผมไม่ยอมให้น้องแพรวหลุดมือผมไปได้หรอก...เอ้อ...ผมหมายถึงว่าผมต้องแต่งงานกับน้องแพรวให้ได้น่ะครับ”
“ส่งผู้ใหญ่มาเจรจาสู่ขอซะทีสิจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป คาราคาซังอยู่อย่างนี้ น้าก็ยิ่งไม่สบายใจ”
“ครับคุณน้า” บรรจบตอบรับด้วยความยินดี
แต่แพรวพรรณเครียดแน่ถ้ารู้เรื่องที่แม่อยากให้ตบแต่งกับบรรจบ เธอกำลังปรับทุกข์อยู่กับเรืองรุ้งอีกมุมหนึ่งภายในบ้าน
“เธอก็รู้ว่าเกิดมาฉันไม่เคยรักผู้ชายคนไหน จนกระทั่งมาเจอเขา”
“แต่ดูๆไปคุณศิษฏ์ก็มีใจให้เธอนะ ทุกอย่างก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป”
“รุ้ง...ฉันกลัวว่าคุณแม่จะจับฉันแต่งงานกับ
พี่บรรจบ ฉันไม่ได้รักเขา ทำไงดีล่ะ”
“ก็ต้องปฏิเสธลูกเดียวแหละ คนไม่รักจะให้อยู่ด้วยกันไปจนตายได้ไง ไม่งั้นโบราณเขาจะเชื่อเรื่องบุพเพสันนิวาสเหรอ”
สุรเดชแอบฟังได้ยินชัด ถอนใจด้วยความสงสารและเห็นใจลูกสาว
------------
ที่มา ไทยรัฐ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น