วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 12


ณ เรือนจำหญิง ชิดชบาเดินโผเผออกจากห้องพยาบาลท่าทางอิดโรยเต็มที โดยมีขาใหญ่แอบมองอยู่ห่างๆ เธอยังทำใจไม่ได้ที่รู้ว่าตั้งท้อง

“ท้องหรือ นี่หมายความว่าฉันท้อง...กับ...” พูดได้แค่นั้น ชิดชบาวิ่งไปอาเจียน...

ขณะที่ปฐวี แพรวา ตลับนาคและเถาว์เครือก้มหน้า ก้มตากินอาหารเช้าโดยไม่มีใครพูดกับใคร ในที่สุดปฐวีก็ทำลายความเงียบ โดยบอกกับทุกคนว่าแพรวาจะอยู่ที่นี่เพื่อดูแลโสมสุภางค์ซึ่งอาจทำให้ดูไม่เหมาะสมนัก ดังนั้นเขาจะย้ายไปอยู่คอนโดฯสักพักจะได้ไม่เป็นที่ครหา แพรวาขอโทษด้วยที่ทำให้เขาต้องลำบากใจ

“คนที่ลำบากใจน่ะ ไม่ใช่ปฐวีหรอก คุณตลับนาคสิน่าจะลำบากใจกว่าใคร” เถาว์เครือแขวะ

ตลับนาคงง ไปเกี่ยวอะไรด้วย ปฐวีรู้ทันเถาว์เครือที่พยายามจะแดกดันเรื่องชิดชบา รีบเปลี่ยนเรื่องพูดว่าไม่ต้องเตรียมอาหารค่ำเผื่อ ตนจะไปนอนคอนโดฯตั้งแต่วันนี้เลย แล้วลุกออกไป เถาว์เครือหันไปโทษแพรวาที่ทำให้ผัวเมียต้องแยกกันอยู่ ตลับนาคกลับเห็นตรงกันข้ามดีเสียอีกโสมสุภางค์จะได้มีหมออยู่ใกล้ๆ เถาว์เครือไม่พอใจที่ตลับนาคเข้าข้างแพรวาก็เลยพาลไล่เธอไปดูแลหลานที่อยู่ในคุกดีกว่ามายุ่งเรื่องคนอื่น เธอโต้ไม่ยอมแพ้ว่าดูแลหลานตัวเองอยู่แล้ว เถาว์เครือก็อย่าลืมดูแลลูกก็แล้วกัน แล้วลุกหนี

“หมั่นไส้คุณตลับนาคนัก ถ้าฉันเป็นเธอป่านนี้ฉันเก็บของกลับบ้านสวนไปแล้ว ไม่รู้จะอยู่ทำไม”

“คุณแม่ไม่ต้องการให้ใครอยู่ในบ้านนี้เลยหรือคะ”

เถาว์เครืออึกอัก แก้ตัวว่าเท่าที่ดูแล้วไม่มีใคร หวังดีกับลูกของตนสักคน แพรวาขอพิสูจน์ว่าตนเอง หวังดีกับโสมสุภางค์อย่างจริงใจ ไม่ใช่มาอยู่ที่นี่เพื่อแย่งสามีของเพื่อน...

เถาว์เครือนำเรื่องที่ปฐวีจะกลับไปนอนคอนโดฯมาฟ้องโสมสุภางค์ โดยใส่ไฟว่าหากปฐวีไม่ได้คิดอะไรกับแพรวา แล้วทำไมต้องทำตัวเป็นตุ๊กแกกินปูนร้อนท้องด้วย ตนเชื่อว่าเขาทั้งคู่ต้องมีอะไรกัน

“หมอแพรวาเห็นนิ่งๆยังงั้น แต่ไหลลึกนะ แล้วน้ำที่ไหลลึกน่ะ เราไม่มีวันรู้หรอกว่าอันตรายแค่ไหน โสมสุภางค์ อย่าเชื่อใจเพื่อนนะลูก หนูต้องเชื่อแม่คนเดียว แม่คือคนที่รักและหวังดีต่อลูก แม่จะทำทุกวิถีทาง สิทธิในการครอบครองบ้านหลังนี้จะต้องเป็นของลูก นังชิดชบาจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้วเพราะมันต้องติดคุกคดีฆ่าบุญถิ่น แล้วไหนจะคดีที่มันผลักลูกตกจากบันไดอีก เอ้อ โสมสุภางค์ ลูกเข้าใจในสิ่งที่แม่พูดใช่ไหม มันฆ่าปิดปากบุญถิ่นเพราะมันไม่ต้องการให้บุญถิ่นพูดความจริงเรื่องที่หนูตกบันได ใช่ไหมลูก ใช่ไหม”

โสมสุภางค์ไม่ตอบ ได้แต่หลบสายตาแม่เพราะเริ่มสำนึกผิดที่ทำให้คนบริสุทธิ์ต้องติดคุก

ooooooo

ยุวดียังคงดูแลปอนอย่างดี นอกจากจะซื้อข้าวซื้อปลาให้กิน พอเห็นเด็กน้อยลูบๆคลำๆปืนพลาสติกด้วยความอยากได้ แม้ตัวเองมีเงินแทบจะไม่พอใจใช้

เธอยังอุตส่าห์สละเงินซื้อของเล่นให้ เด็กน้อยเริ่มยิ้มออก พลอยทำให้ยุวดียิ้มไปด้วย จากนั้นทั้งคู่พากันไปที่ร้านสะดวกซื้อเนื่องจากวันนี้เธอเข้าเวรตอนเช้า

“เดี๋ยวพี่ทำงานก่อน น้องนั่งเล่นอยู่แถวๆนี้นะ อย่าออกไปตากแดด อย่าออกไปเล่นซนหลังถังแก๊สนะ ออกเวรแล้วค่อยกลับห้องพร้อมกัน เข้าใจตามนี้นะ”

จังหวะนั้นถกลขับรถเข้ามาเติมน้ำมัน ปอนเห็นเข้าก็กลัวตัวสั่นรีบไปแอบหลังยุวดีซึ่งมองตามสายตาของเด็กน้อย เห็นถกลยืนอยู่ ชักเอะใจ หรือว่าปอนจะกลัวผู้ชายคนนั้น

“เอ๊ะ เราเคยเห็นหน้าไอ้หมอนี่ที่ไหนนะ” ยุวดีจำไม่ได้ว่าเคยเห็นถกลในงานแต่งงานของปฐวี...

ที่ห้องน้ำนักโทษหญิงภายในเรือนจำ ชิดชบาแอบมาอาเจียนน้ำหูน้ำตาเล็ด ขาใหญ่ตามเข้ามามองๆ ก่อนจะแนะให้ไปขอยาแก้แพ้ที่ห้องพยาบาลกิน เธอตวาดแว้ดว่าไม่ต้องมายุ่ง แล้วตั้งหน้าตั้งตาอาเจียนต่อไป ขาใหญ่ทนดูไม่ไหว เดินไปขอยาแก้แพ้จากห้องพยาบาลมาให้พร้อมกับแก้วใส่น้ำดื่ม

“เอ้า กินยาแก้แพ้นี่ซะ มันช่วยได้เยอะ”

ชิดชบาถามทั้งน้ำตาคลอเบ้าว่าช่วยเหลือตนทำไม ขาใหญ่เคยท้อง เคยมีลูกไม่มีพ่อมาก่อน รู้ซึ้งถึงความรู้สึกของเธอดี แล้วบอกว่ายาชนิดนี้ไปขอได้ที่ห้องพยาบาล เรื่องนักโทษหญิงท้องในคุก ไม่ใช่เรื่องแปลก เธอส่ายหน้าไม่ยอมกิน อยากให้ชีวิตตัวเองกระอักกระอ่วนแบบนี้จนกว่าจะสิ้นใจตาย

“โง่ ตายทำไม ไม่ใช่คุณคนเดียวหรอกที่ชีวิตบัดซบน่ะ เราทุกคนที่นี่ก็ถูกความบัดซบส่งมาอยู่ด้วยกัน กินยานี่ซะ” ขาใหญ่ยัดยากับแก้วน้ำใส่มือชิดชบาแล้วผละจากไป เธอมองตามแปลกใจ...

ค่ำวันเดียวกัน แพรวาตัดสินใจโทร.ไปหาปฐวี ชวนให้กลับมาอยู่กับโสมสุภางค์ อย่าต้องลำบากแยกไปอยู่ต่างหาก เธอไม่ห่วงว่าใครจะคิดอย่างไร เธอนับถือในความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง ปฐวีไม่ได้ทำแบบนี้เพื่อใคร แค่อยากมีเวลาอยู่คนเดียวเท่านั้น ฝากเธอช่วยดูโสมสุภางค์ให้เขาด้วย แล้วตัดสายทันที

แพรวาออกจะผิดหวังไม่น้อยที่ปฐวีตัดบทไปเสียก่อน แต่แล้วต้องชะงักเมื่อหันมาเห็นเถาว์เครือยืนจ้องอยู่ พร้อมกับเย้ยหยันว่าปฐวีอุตส่าห์แสดงความบริสุทธิ์ใจแยกไปนอนที่คอนโดฯที่พัก แต่เธอยังไม่วายโทร.ไปหาอีก เธอพยายามอธิบายว่าท่านเข้าใจผิด เธอก็แค่ห่วงว่าเขาอยู่คนเดียวจะมีอะไรกินหรือเปล่า

เถาว์เครือหาเรื่องด่าว่าเธอต่างๆนานาเป็นทำนองคิดจะแย่งผัวเพื่อนซึ่งพิการ แพรวาทนอับอายไม่ไหว เพราะจำเรียงกำลังจัดอาหารอยู่แถวนั้น ผลุนผลันออกไปทันที จำเรียงอดสงสารเธอไม่ได้ที่ถูกเถาว์เครือพาล

ด่าว่า คุณนายตัวแสบยังด่าไม่หนำใจ แพรวาก็มาหนีไปเสียก่อน ก็เลยหันไปเล่นงานจำเรียงแทนที่

“ยืนเซ่ออยู่ทำไมยะ นังจำเรียง เอาอาหารขึ้นไปให้พยาบาลป้อนลูกสาวฉัน แล้วบอกพยาบาลด้วยว่าต่อไปนี้ไม่ต้องฟังคำสั่งของใครทั้งนั้น นอกจากฉัน”

ครู่ต่อมาแพรวามานั่งทำใจอยู่ที่สวนสาธารณะของหมู่บ้าน เสียใจที่ถูกเถาว์เครือด่าว่า ธวัชพงษ์ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ บอกว่าถ้าเป็นตนเองจะไม่ร้องไห้ให้เสียเวลาเพราะไม่ได้แย่งสามีใครอย่างที่เถาว์เครือกล่าวหา

“คุณมีเจตนาดี คิดถึงเจตนานั้นไว้สิครับ ผมน่ะอาจจะต้องทำตัวเป็นคนเช็ดกระจกคอนโดฯ เพื่อจะเข้าไปติดเครื่องดักฟังบนระเบียงห้องนายชัยยงค์ ภาพกับเสียงจะได้มาพร้อมๆกัน”

แพรวาเตือนว่าทำอย่างนั้นอันตรายมากๆ เขาไม่มีทางเลือก ถ้าเราต้องการหลักฐานมัดพวกนั้น ก็ต้องเสี่ยง ในเมื่อเขาเข้าใกล้คนพวกนั้นไม่ได้ เนื่องจากพวกมันจำหน้าเขาได้ เขาก็ต้องหาวิธีที่จะได้คลิปเสียง เผื่อจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับคดี แล้วบอกแพรวาให้กลับไปที่บ้านปฐวี จะอ้างเหตุผลอะไรก็ได้ แล้วพูดติดตลกว่ายกเว้นแย่งสามี เพราะถ้าทำจริงๆจะเป็นบาป แพรวาฉุนขาด ตบเขาฉาดใหญ่ฐานดูหมิ่นศักดิ์ศรีกันเกินไป

“นี่ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่น คุณหมอไปตบเขาอย่างนี้ เขาอาจจะจูบคุณหมอ แบบตบแล้วจูบ” คำพูดของธวัชพงษ์เล่นเอาแพรวาถอยห่าง กลัวเขาจะทำจริง ธวัชพงษ์รีบยกมือไหว้ “แต่ผมไม่ ขอบคุณครับ แล้วผมจะจำไว้ว่าคุณหมอแพรวาเคยตบผมด้วยความหวังดี” คำพูดแปลกๆ ของเขาทำให้แพรวางงเป็นไก่ตาแตก

ooooooo

ชิดชบาแอบมานั่งเศร้าอยู่ที่สวนหย่อมของเรือนจำ ขาใหญ่เข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงว่า

ดีขึ้นไหม เธอรู้สึกดีขึ้น แต่ยังกระอักกระอ่วนจนนอนไม่หลับ ขาใหญ่ปลอบว่ายาแก้แพ้ก็เป็นแบบนี้เอง หมอถึงไม่จ่ายให้ใครง่ายๆ ตอนนี้เธอกำลังท้องต้องกินอาหารที่มีประโยชน์และพักผ่อนให้มากๆ ที่สำคัญอย่าคิดเยอะ

“นายคิดอะไร ทำไมนายถึงได้กลับมาดีกับฉัน”

ห้าวหรือขาใหญ่เองก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าเด็กไม่มีความผิด ไม่ควรรับบาปของผู้ใหญ่ ชิดชบาลูบท้องน้อยตัวเองสีหน้าครุ่นคิด ห้าวอดถามไม่ได้จะเก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียวหรือ ชิดชบาน้ำตาคลอเบ้า พยายามกลั้นสะอื้นแต่ไม่สำเร็จ ถึงกับปล่อยโฮอย่างหมดความอดกลั้น...

ขณะที่ชิดชบาลังเลกับเรื่องเด็กในท้อง แพรวาแวะเอาอาหารไปให้ปฐวีที่คอนโดฯที่พักเผื่อแช่ตู้เย็นไว้อุ่นไมโครเวฟกิน และบอกเขาว่าไม่ต้องห่วงโสมสุภางค์ ตนจะดูแลให้เอง รับรองไม่คลาดสายตา แล้วส่งกล่องใส่อาหารให้เขา ก่อนหันหลังจะกลับ...

ด้านชัยยงค์โกรธมากที่ไม่มีข่าวการตายของชิดชบา ไหนชัยญาคุยหนักคุยหนาว่าคนข้างในพร้อมเก็บนังนั่นได้ทุกเมื่อ เขาก็รู้ว่าต้องตัดไฟแต่ต้นลม ขืนปล่อยชิดชบาสู้คดีแล้วรอดออกมาได้ พวกเราจะไม่มีที่ยืนในสังคม เร่งให้เขารีบจัดการตอนที่เธอมีชื่อเป็นหัวโจกก่อเหตุวิวาทในเรือนจำ จะได้จับมือใครดมไม่ได้ ชัยญารับปากจะรีบจัดการให้ ชัยยงค์บ่นอย่างหงุดหงิด ตอนนี้เอียนนังเถาว์เครือนั่นเต็มทีแล้ว

“ฉันอยากจะให้เรื่องมันจบ ถ้าสาวไปถึงปฐวีได้ยิ่งดี มันจะได้โยงไปถึงการสร้างบ่อนพนันกลางเมืองของมัน เห็นไหมว่าฉันวางแผนไว้กี่ชั้น แกต้องฆ่าชิดชบาให้ได้” ชัยยงค์กำชับเสียงเข้ม...

ในเวลาเดียวกัน ที่ห้องเช่าของยุวดี ปอนยังคงนิ่งเงียบไม่ยอมบอกยุวดีว่าทำไมเขาถึงกลัวผู้ชายคนที่เข้ามาเติมน้ำมันคนนั้น พอถูกคาดคั้นก็ร้องไห้โฮจะหาแม่ เธอสงสารเด็กน้อยจับใจดึงตัวมากอดปลอบใจ...

เฉวียงมาแจ้งชิดชบาเรื่องที่ยังหาลูกชายของบุญถิ่นที่เกิดกับผัวเก่าไม่พบ ตำรวจส่งเรื่องไปที่มูลนิธิเด็ก เพื่อให้ช่วยค้นหาอีกทางหนึ่ง และเชื่อว่าเด็กถูกหลอกมาจากต่างจังหวัดเพื่อบีบบุญถิ่นเรื่องคำให้การ

“คนที่ฆ่าบุญถิ่นต้องการให้หนูติดคุก เขาต้องได้ประโยชน์กับการติดคุกของหนู...บ้าน คนที่ต้องการบ้านหลังนั้น นอกจากนายปฐวีแล้ว จะมีใคร”

“ตอนนี้คุณปฐวีเขาขอให้คุณนายเถาว์เครือถอนคัดค้านการประกันตัว ที่สำคัญ ผมหาคนที่ยืนยันไม่ได้ว่าคุณหนูอยู่ที่ผับ คนมันเยอะ ไม่มีใครสนใจใคร คนที่จำได้ก็ปฏิเสธเพราะไม่อยากยุ่ง”

ชิดชบาแปลกใจทำไมปฐวีถึงต้องทำแบบนั้น เฉวียงได้ยินมาว่าเขาต้องการให้ฝ่ายเราพิสูจน์ตัวเองอย่างยุติธรรมในศาล...

ฝ่ายปฐวีกลับบ้านมาเยี่ยมโสมสุภางค์หลังเลิกงาน พบว่าแพรวากำลังอบรมพยาบาลเพื่อให้คอยผลัดเปลี่ยนเวรกันดูแลคนป่วยตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่กลับไม่เจอเถาว์เครือที่นั่น ไม่รู้ว่าหายไปไหนตั้งแต่เช้า...


คนที่ปฐวีถามหากำลังปรึกษาหารือกับชัยยงค์อยู่ในห้องพักถึงเรื่องที่ต้องเร่งสังหารชิดชบาให้สิ้นซาก นอกจากนี้ยังมีเรื่องลูกของบุญถิ่นที่หายตัวไป ไม่รู้ชัยญา กับถกลทำท่าไหนถึงปล่อยให้เด็กรอดไปได้ ตอนนี้ตำรวจส่งเรื่องไปให้หน่วยงานที่ทำเรื่องเด็กหายจัดการ เถาว์เครือถึงกับหน้าถอดสี

“นี่หมายความว่า ลูกนังบุญถิ่นยังไม่ตายอีกหรือ ฉันนึกว่า...”

“ผมก็นึกอย่างคุณ ถึงต้องเร่งมือสังหารให้จัดการชิดชบาในคุก”

“งั้นก็อย่าช้าเลยค่ะ ทำอะไรก็ทำเถอะ ก่อนที่เรื่องมันจะพัวพันมาถึงตัวเรา ฉันไม่รู้ว่าปฐวีเขาคิดอะไร แต่เขากลับลำไม่เห็นด้วยที่ฉันคัดค้านการประกันตัวของทนายเฉวียง”

ชัยยงค์พลอยใจไม่ดีไปด้วยเพราะนั่นเท่ากับปฐวี อาจพบพิรุธจากการตายของบุญถิ่น จังหวะนั้นมีเสียงมือถือของชัยยงค์ดังขึ้น ชัยญาโทร.มาหาจากสนามแข่งรถ โดยลุกมาคุยอีกมุมหนึ่งห่างจากอุราศรีที่นั่งดูการแข่งขัน รถอยู่ด้วย ชัยยงค์อยากรู้เรื่องจัดการชิดชบาไปถึงไหนแล้ว เขายังพูดอะไรตอนนี้ไม่ได้ แต่รับรองว่าจัดการได้แน่นอน พ่อไม่ต้องเป็นห่วง วางสายแล้วหันไปสั่งการ ให้ถกลรีบไปจัดการเรื่องชิดชบาทันที

จากนั้นไม่นาน ถกลมานั่งอยู่ตรงหน้าขาใหญ่ภายใน ห้องเยี่ยมญาติของเรือนจำ ต่อว่าเธอว่าทำไมป่านนี้แล้วยังทำงานไม่สำเร็จ เจ้านายเร่งรัดมาแล้ว ห้าวทำไม่ได้ เพราะที่ตกลงกันไว้ให้ฆ่าชิดชบาคนเดียวไม่ใช่สองคน แล้วชี้ไปที่ท้องน้อยของตัวเอง ถกลถึงบางอ้อทันที

ooooooo

พยาบาลกำลังดูแลโสมสุภางค์อยู่ในห้องหอเห็นปฐวีเข้ามา รีบเดินเลี่ยงออกไป เขาเดินมาหยุดตรงหน้ารถเข็นของโสมสุภางค์ วางมือบนไหล่เธอซึ่งนั่งนิ่งไม่หือไม่อือ แล้วเล่าว่าเขากลับไปนอนที่คอนโดฯที่พักเนื่องจากงานยุ่ง หวังว่าแพรวากับพยาบาลคงดูแลเธอเป็นอย่างดี

“เรื่องคดียังไม่ไปถึงไหน ทนายฝ่ายจำเลยกำลังหาหลักฐานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของลูกความ มันยังมีเรื่องเด็ก...เอ่อ ช่างเถอะ คุณรู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ คุณทำใจให้สบายนะ ผมไม่เคยอยากจากคุณเลย แต่เพื่อความสบายใจของทุกคน ผมจำเป็นต้องทำ” ปฐวีรู้สึกได้ว่าปลายนิ้วของโสมสุภางค์สัมผัสนิ้วตัวเองก็ดีใจ

“คุณต้องขยันทำกายภาพนะ ผมเชื่อว่าคุณต้องกลับมาเดินได้อีก แล้วจากนั้นเราจะจดทะเบียน แล้วไปปารีสกันอีก เราจะไปปารีสกันอีก เราจะไปปารีสกัน ตามลำพัง” ปฐวีกอดโสมสุภางค์ไว้อย่างอ่อนโยน ไม่ทันเห็นแพรวาเปิดประตูห้องเข้ามาเจอภาพบาดตาถึงกับหน้าเศร้า...

เถาว์เครือตกใจอุทานเสียงลั่นเมื่อรู้จากถกลว่าชิดชบาท้อง คนของเขาในเรือนจำจึงไม่ยอมฆ่าเธอ อ้างว่า ไม่ได้ตกลงกันไว้จะให้ฆ่าทีเดียวทั้งแม่ทั้งลูก ชัยยงค์แนะให้เพิ่มเงินให้มือสังหาร อยากได้เท่าไหร่ให้ว่ามา ชัยญาบอกพ่อว่าไม่ต้องเป็นห่วง ในเรือนจำไม่ได้มีแค่ ไอ้ห้าวขาใหญ่เท่านั้นที่เป็นคนของเรา ชัยยงค์รู้สึกว่าเรื่องนี้จะมีคนรู้มากไปเท่ากับมีพยานที่พร้อมจะสาวมาถึงเราเพิ่มขึ้น

“เพราะฉะนั้น แกไอ้ถกล แกรู้ว่าต้องทำอย่างไร”

ถกลรับคำสีหน้าเหี้ยม เถาว์เครือชักจะหวั่นๆกับความเหี้ยมโหดของชัยยงค์ที่เพิ่มมากขึ้น ยิ่งนึกถึงคำพูด ของแพรวาที่พูดกับปฐวี หากยังหยุดเรื่องนี้ไม่ได้ จะต้องมีคนตายเพิ่มขึ้นอีกก็ยิ่งประหวั่นพรั่นพรึง...

ตั้งแต่รู้ว่าชิดชบาตั้งท้อง ความรู้สึกที่ห้าวมีต่อเธอก็เปลี่ยนไป จากเคยเกลียดชังก็เปลี่ยนเป็นเห็นใจ คืนหนึ่งเมื่อได้อยู่กันตามลำพัง เธอเล่าเรื่องราวในอดีตว่าทำไมถึงต้องมาติดคุกให้ชิดชบาฟังว่าถูกชายหกคนรุมโทรมทั้งๆที่รู้ว่าเธอเป็นทอม ทั้งหกคนโฉดชั่วนั่นพากันหัวเราะสนุกสนานที่ได้ข่มขืนทอม เธอเกิดฮึดสู้ขึ้นมา แทงหนึ่งในชายพวกนั้นตาย ส่วนอีกห้าคนวิ่งหนีกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศละทาง

“ฉันถูกจับ ฉันไม่ได้บอกใครว่าถูกข่มขืน แล้วฉันก็ถูกส่งเข้ามาอยู่ที่นี่ ชีวิตน่ะ คุณจะอยู่ในหรือนอกคุก มีสิทธิ์ได้รับความโหดเท่าๆกัน คุณยังดีที่คุณเป็นผู้หญิงที่ท้องกับผู้ชาย แต่ฉัน...เป็นผู้ชายที่ท้องกับผู้ชาย” พูดได้แค่นั้น ห้าวก็พูดต่อไปอีกไม่ได้เหมือนมีอะไรมาจุกที่คอ รีบลุกหนี ชิดชบาตามมาจะถามเรื่องลูกของเธอ

ห้าวเดินมาถึงมุมมืดเพื่อจะกลับเรือนนอนแต่ถูกใครบางคนดักแทงด้วยเหล็กแหลม ชิดชบาตามมาเห็นเธอล้มฟุบ ร้องเอะอะขอให้คนมาช่วย ก่อนจะรีบประคองร่างโชกเลือดของห้าวไว้

“ห้าว นายเป็นอย่างไรบ้าง ไม่นะ นายต้องไม่ตาย นายต้องอยู่ นายมีลูก นายต้องเลี้ยงลูกให้โต ห้าว...ลืมตา ลืมตาเดี๋ยวนี้นะ” ชิดชบาพยายามเขย่าให้ห้าวรู้สึกตัว อึดใจความช่วยเหลือก็มาถึง ห้าวถูกพาส่งห้องฉุกเฉิน ท่ามกลางสายตาของเหล่านักโทษที่ทั้งแช่งให้ตายและที่ภาวนาให้เธอรอด...

คำภาวนาเป็นผล ห้าวรอดตายหวุดหวิด ข่าวนี้ทำให้ชัยยงค์เต้นเป็นเจ้าเข้า ด่าลูกชายและถกลไม่ยั้งเพราะนอกจากจะกำจัดชิดชบาไม่สำเร็จ ยังปล่อยให้พยานปากเอกรอดชีวิตไปได้ ครู่ต่อมาชัยญาลงลิฟต์มากับถกลด้วยสีหน้าหงุดหงิด ธวัชพงษ์ในคราบสารพัดช่างกำลังซ่อมไฟอยู่แถวนั้น ถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินชัยญาตะคอกใส่หน้าสมุนมือขวาของตัวเอง ไหนว่ายังมีคนในสังกัดอยู่ในเรือนจำ แล้วทำไมยังปล่อยให้มันรอดมาได้ ถกลเองก็ไม่รู้เหมือนกัน มันคงดวงดี

“ถ้าอย่างนั้นดวงของฉันก็กำลังจะแย่น่ะสิ ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่างในสายตาของพ่อ แม้แต่เรื่องเลวๆ”

ถกลขอโอกาสอีกครั้ง รับรองคราวนี้ชิดชบาตายสมใจแน่ ชัยญานิ่งคิดอึดใจ ก่อนจะเร่งให้เขารีบไปจัดการชิดชบาให้เร็วที่สุด ธวัชพงษ์ได้ยินเต็มสองหูถึงกับตะลึง รีบนำเรื่องนี้ไปแจ้งให้ปฐวีรับทราบ แต่เขาไม่ยอมเชื่อจนกว่าจะมีหลักฐานแน่ชัดเสียก่อน ธวัชพงษ์ร้อนใจมาก ปรี่เข้าไปกระชากคอเสื้อเขา ถ้าไม่ยอมช่วย รับรองชิดชบาไม่รอดแน่ และเขาก็จะไม่รู้เลยว่าเธอผิดจริงหรือไม่ ปฐวีดึงมือธวัชพงษ์ออก

“เอาเป็นว่าผมจะรับฟังไว้ แต่จะเชื่อหรือไม่นี่ ให้ผมเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเองดีไหม”

ธวัชพงษ์กลับไปอย่างหัวเสีย ขณะที่ปฐวีเริ่มเป็นห่วง ความปลอดภัยของชิดชบาเช่นกัน

ooooooo

ชิดชบาได้รับอนุญาตให้มาเยี่ยมห้าวที่โรงพยาบาลตามคำขอของคนป่วย ห้าวเตือนว่ามีคนจะ ฆ่าเธอในคุก เธอต้องออกไป ไม่อย่างนั้นชีวิตจะหาไม่

“มันเกี่ยวกับคดีของคุณ ฉันให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่สอบสวนไปหมดแล้ว แต่ไม่ได้ระบุว่าใครจ้างวาน ความจริง อาจจะทำให้คุณหลุดออกไปจากที่นี่”...

จากการให้ปากคำของห้าวทำให้ชิดชบาได้รับการประกันตัว เฉวียงกับทนายผู้ช่วยมารอรับที่หน้าคุก เธอดีใจมากที่ได้เห็นท้องฟ้านอกกำแพงคุกอีกครั้ง ขอบคุณเฉวียงที่ช่วยเป็นธุระเรื่องนี้ให้

“ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอก ยังมีคนอื่นที่เขาหวังดีกับคุณหนูจริงๆ เชิญครับ” เฉวียงเปิดประตูรถให้ชิดชบาขึ้นนั่ง จากนั้นรถของเขาก็เคลื่อนออกไป ผ่านรถของอรุณณรงค์ที่จอดอยู่ เจ้าของรถมองตามเศร้าใจ แม้จะรักชิดชบาเพียงใด แต่เกียรติยศและหน้าที่ค้ำคออยู่ทำให้เขาไม่กล้าเข้าไปเยี่ยมเธอในคุก...

ไม่นานนัก ชิดชบาถึงบ้าน ตลับนาคโผกอดปลอบขวัญหลานรักที่ได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง เธอขอบคุณคุณป้ามากที่คอยเป็นกำลังใจ รวมทั้งเฉวียงและธวัชพงษ์ที่คอยช่วยเหลือให้พ้นจากคุก ตลับนาคเตือน อย่าลืมปฐวีอีกคนหนึ่งที่ช่วยขอร้องเถาว์เครือให้ล้มเลิกคำขอคัดค้านการประกันตัว ชิดชบาหน้าตึงทันที

“เขาคงจะรู้ว่าคดีจะพัวพันยุ่งเหยิงจนกลายเป็นวัวพันหลัก คำให้การของเพื่อนนักโทษที่ถูกแทงอาจจะโยงไปถึงจอมบงการที่มีคำสั่งให้ฆ่าหนูในคุก”

“ป้าเชื่อว่ามันยังมีทางออก ถึงแม้ว่าจะอยู่ไกลที่ปลายอุโมงค์โน่น แต่มันก็เป็นทางออกนะ”

“ค่ะ หนูจะออกทางนั้น” สองป้าหลานกอดกันร้องไห้ด้วยความปีติ เถาว์เครือก้าวมายืนด้านหลังแพรวาที่ยืนดูทั้งคู่อยู่ก่อนแล้ว รู้สึกหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูก กลัวความผิดที่ทำไว้จะตามทัน ทนอยู่เฉยไม่ได้ รีบแจ้นไปหาชัยยงค์ที่คอนโดฯที่พักเพื่อแจ้งเรื่องชิดชบาถูกปล่อยตัวออกจากคุก เขาบ่นอุบ ทำไมลูกชายตนเองถึงทำงานพลาดครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้ เถาว์เครือไม่สบายใจมาก เร่งชัยยงค์จะทำอะไรก็ให้รีบทำ

“เมื่อก่อนนี้ฉันไม่เห็นด้วยที่เราต้องฆ่าใครต่อใคร แต่ตอนนี้ ฉันรู้แล้วว่าถ้าเราไม่ชิงลงมือ เราจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ไม่รู้ว่าหลักฐานใหม่ที่ทนายเฉวียงเตรียมยื่นขอการคุ้มครองชิดชบาคืออะไร”

ชัยยงค์ปลอบ อาจไม่มีอะไรก็ได้ เฉวียงแค่ขู่ เถาว์เครือปลอบใจตัวเองว่าอาจเป็นอย่างที่เขาว่า แต่ตอนนี้ตนทนสบสายตากับแพรวาไม่ได้ รู้สึกเหมือนเธอรู้ว่าตนกำลังทำอะไรอยู่...

ด้านชิดชบาลูบราวบันไดขึ้นบ้านด้วยความคิดถึงที่ห่างหายกันไปนาน กวาดตามองไปรอบบ้านด้วยความรัก แต่ต้องชะงักเมื่อเจอแพรวายืนจ้องอยู่ที่โถงเหนือบันได คุณหมอสาวรีบออกตัวว่ามาอยู่ที่นี่เพื่อดูแลโสมสุภางค์ซึ่งอาการดีขึ้น ถ้าไม่มีอะไรทำให้สะเทือนใจอีก ชิดชบาสัญญาจะอยู่ห่างๆโสมสุภางค์ ที่เธอต้องกลับมาที่นี่ก็เพราะเกมยังไม่จบ แพรวาตกใจ นี่เธอคิดว่ามันเป็นเกมอย่างนั้นหรือ

“มันเป็นเกมที่นักพนันสองคนกำลังจะลงเดิมพัน...” ชิดชบาชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นปฐวีก้าวเข้ามา “...ด้วยชีวิต” พูดจบเดินผ่านแพรวากลับห้องตัวเอง

ooooooo

อรุณณรงค์เดินใจลอยกลับเข้าวัง สวนกับหม่อมแม่โดยไม่ทักทายสักคำ ท่านต้องร้องเรียกไว้ ถามว่าไปไหนมา โทร.หาอุราศรีก็บอกว่าเขาไม่ได้ไปหา อรุณณรงค์ไปเยี่ยมชิดชบาที่คุก แต่ช้าไป

“ผมควรจะกล้ามากกว่านี้ ถ้าผมรักชิดชบา แต่นี่ผมรู้สึกรักตัวเอง รักชื่อเสียงเกียรติยศของผมมากกว่า ชิดชบาออกจากคุกแล้วล่ะครับ” อรุณณรงค์ขึ้นห้องอย่างคนไม่มีกะจิตกะใจ หม่อมจรัสเรืองตื่นตระหนกที่รู้ข่าวนี้ พอตั้งสติได้รีบวิ่งไปขวางหน้าลูกชาย ประกาศลั่นหากผู้หญิงคนนั้นออกจากคุกจริงๆ ท่านคงต้องรวบรัดการแต่งงานระหว่างเขากับอุราศรีให้เร็วขึ้น อรุณณรงค์อ้าปากจะค้าน แต่ท่านชิงพูดขึ้นเสียก่อน

“ก็ไหนชายเอี่ยวบอกแม่ว่า รักตัวเองมากกว่าชิดชบาไงล่ะ คนรักตัวเองมากกว่าคนอื่น ต้องทำทุกอย่างเพื่อตัวเองสิ แต่งงานกับคุณหญิงอุราศรี เรื่องมันจะได้จบๆ” หม่อมจรัสเรืองเห็นลูกไม่ตอบอะไรก็ยิ่งร้อนใจ...

ตลับนาคตามชิดชบามายังห้องนอนเพื่อจะคุยด้วย แต่คุยกันได้ไม่กี่คำ เธอรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปอาเจียน ตลับนาคมายืนมองที่หน้าประตูห้องน้ำด้วยความสงสัยว่าเป็นอะไร เธอโกหกว่าไม่ได้เป็นอะไร คงเครียดเพราะเพิ่งได้ออกจากคุก ขอเวลาปรับตัวอีกสักหน่อย อาการคงจะดีขึ้น

“ขอให้ไม่เป็นอะไรจริงๆเถอะ เพราะชีวิตของหนูน่ะ มันมีอะไรๆเกิดขึ้นมากเกินไปแล้ว แน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไร” ตลับนาคเห็นหลานสาวพยักรับคำให้ก็โล่งใจ “งั้นก็แล้วไป เดี๋ยวป้าจะลงไปเตรียมอาหารให้ ยังไม่ต้องลงไปร่วมโต๊ะกับคุณหมอแพรวาหรือ

คุณเถาว์เครือหรอก” ตลับนาคพูดจบ ออกจากห้อง ชิดชบาคลื่นไส้ อาเจียนออกมาอีก พยายามบังคับให้เสียงเบาที่สุดเพื่อไม่ให้ตลับนาคสงสัย...

ปฐวีแวะมาเยี่ยมโสมสุภางค์หลังเลิกงาน เห็นเธอกินมื้อค่ำได้มากขึ้นก็ยิ้มพอใจ แล้วขอตัวกลับก่อน พรุ่งนี้แพรวาบอกว่าจะทำกายภาพบำบัดให้เธอแต่เช้า เขาเชื่อว่าอีกไม่นานเธอต้องอาการดีขึ้น โสมสุภางค์ค่อยๆขยับไปจับมือเขาไว้ ปฐวีกระชับมือตอบ ย้ำให้เธอร่วมมือกับแพรวาด้วย

“คุณต้องคิดเหมือนผมว่าเราต้องดีขึ้น ผมต้องไปแล้ว พรุ่งนี้ผมมีประชุมเช้า คุณนอนให้หลับนะ”

ปฐวีหอมเส้นผมโสมสุภางค์ แล้วยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนก่อนจะออกจากห้อง ขณะเดินลงบันไดนึกถึงชิดชบาขึ้นมาได้ ตรงไปที่ห้องงานปั้น เธอเห็นเขาเข้ามาในห้อง จัดแจงจะลุกหนี เขาขวางไว้ เกลียดกันมากขนาดทนมองหน้าเขาไม่ได้เลยหรือ เธอยอมรับว่าเกลียดเขายิ่งกว่าของสกปรก และไม่เชื่อว่าเขาขอให้เถาว์เครือถอนคัดค้านคำขอประกันตัวของเธอเพราะต้องการให้ออกมาสู้คดีอย่างยุติธรรม

“คุณส่งคนไปฆ่าฉันในคุก พอไม่สำเร็จ คุณก็ใช้วิธีปล่อยฉันออกมาเพื่อเก็บฉัน ฆ่าฉันนอกคุกง่ายกว่า โอกาสตายมีมากกว่าในคุก ฉันไม่โง่จนเห็นคุณเป็นพ่อพระหรอก ไปลงนรกซะไอ้เลว”

ooooooo

วันนี้ยุวดีมีเข้าเวรที่ร้านสะดวกซื้อแต่เช้า พอมาถึงร้านก็เห็นป้ายประกาศเด็กหายจากมูลนิธิช่วยเหลือเด็กติดอยู่หน้าประตูทางเข้า รีบดึงกระดาษแผ่นนั้นมาพิจารณา มั่นใจว่าเป็นเด็กคนเดียวกันกับที่ตัวเองอุปการะ รีบกลับไปยังห้องเช่า ยื่นกระดาษในมือให้ปอนดู

“เกิดอะไรขึ้น น้องไม่ได้หนีออกจากบ้านใช่ไหม เล่าให้พี่ฟังได้หรือยังว่าน้องกลัวผู้ชายคนนั้นทำไม มันจับตัวน้องมาใช่ไหม ไป...พี่จะพาไปหาตำรวจ”

ปอนกลัวตัวสั่นไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น ยุวดีขู่ถ้าอยากกลับบ้านไปหาแม่ต้องเล่าความจริงมาให้หมด คราวนี้เด็กน้อยปล่อยโฮ คร่ำครวญว่ากลัวซ้ำๆอยู่อย่างนั้น ยุวดีต้องปลอบว่าไม่ต้องกลัว เราจะไปหาตำรวจด้วยกัน แต่ต้องแวะไปลางานกับผู้จัดการร้านก่อน ปอนพยักหน้ารับคำ

เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง หลังจากยุวดีลางานเสร็จ กำลังจะพาปอนไปสถานีตำรวจ บังเอิญถกลขับรถเข้ามาเติมน้ำมันที่ปั๊ม เหลือบเห็นเด็กน้อยพอดี ปอนเห็นเขาวิ่งมาหาก็ตกใจ กระตุกแขนยุวดีให้หนี เธอหันไปเจอถกลพุ่งมาทางนี้ รีบคว้ามือปอนวิ่งหนีไม่คิดชีวิต เขาตามไม่ทันเพราะทั้งคู่ไปซ่อนตัวที่พุ่มไม้ด้านหลัง ถกลรีบโทร.แจ้งชัยญาเรื่องที่เจอเด็กน้อยแล้ว แต่ยังจับตัวไม่ได้ เขาถึงกับหน้าเครียด

“แกปล่อยให้มันหนีรอดไปยังไง แกรู้ไหมว่าเราสองคนเริ่มจะไม่มีเงาหัวแล้ว จับมันให้ได้ จะจับเป็นหรือจับตาย แกต้องจับมันให้ได้” ชัยญาวางสายอย่างหงุดหงิด อุราศรีซึ่งยืนอยู่ไม่ห่างกันนักเข้ามาถามว่ามีอะไรหรือเปล่า เขาโกหกว่าไม่มีอะไร ลูกน้องของเขาแอบเอารถแข่งอีกคันไปพังในสนาม โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร แล้วรีบตัดบทชวนเธอไปหาอะไรกินกันดีกว่า เธอเห็นดีด้วย แต่มื้อนี้เธอขอเป็นเจ้ามือเอง

“ยินดีครับ ขอบคุณครับเจ้าภาพ เชิญครับ” ชัยญาผายมือ แสร้งทำตัวเป็นสุภาพบุรุษให้อุราศรีตายใจ...

ตลับนาคชักเอะใจเมื่อยกอาหารกลางวันขึ้นมาให้ชิดชบาที่ห้องนอน ได้ยินเสียงเธออาเจียนอยู่ในห้องน้ำ พอเดินไปดูเธอรีบเช็ดปากกลบเกลื่อนว่าคุณป้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่เห็นได้ยินเสียง ตลับนาคเห็นสีหน้าท่าทางเธอไม่สู้ดีนัก แนะให้ไปหาหมอ เธอปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นอะไร แค่ยังไม่หายเครียดเท่านั้น

“ชิดชบา แน่ใจนะลูกว่าไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ”

“ค่ะ หนูสบายดี วันนี้หนูมีนัดกับธวัชพงษ์ค่ะ” ชิดชบาว่าแล้วปิดประตูห้องน้ำเพื่อตัดบท ตลับนาครู้สึกเหมือนถูกไล่ทางอ้อมจึงต้องออกจากห้องอย่างเคลือบแคลงสงสัย...

ขณะที่ยุวดีกับปอนรีบกลับมาเก็บข้าวของที่ห้องเช่าเพื่อหนีการไล่ล่าของถกล เถาว์เครือมากดกริ่งประตูห้องจะชวนยุวดีกลับไปอยู่ด้วยกัน เพื่อช่วยกันกำจัดชิดชบาและแพรวา เธอยืนกรานไม่ยอมกลับไปเด็ดขาด แล้วปิดประตูใส่หน้า เถาว์เครือฉุนขาดตะโกนด่าว่าเธอต่างๆนานา ก่อนจะกลับไปอย่างหัวเสีย...

ฝ่ายอรุณณรงค์กำลังจะขึ้นรถกลับบ้าน มองไปยังร้านอาหารใกล้ๆ เห็นอุราศรีกำลังนั่งกินอาหารอยู่กับชัยญา ท่าทีของฝ่ายชายคอยเอาอกเอาใจเธอทุกอย่าง เขาเห็นแล้วไม่สบายใจมาก ห่วงความปลอดภัยของเธอ เพราะกิตติศัพท์ของชัยญาเป็นไปในทางไม่สู้ดีนัก...

ชัยยงค์ได้รับรายงานเรื่องลูกของบุญถิ่นจากถกลแล้วถึงกับปวดขมับ สั่งให้เขาพลิกแผ่นดินหาเด็กน้อยมาให้ได้ ส่วนชิดชบาก็ให้จัดการให้สิ้นซาก แต่ต้องทำให้เหมือนเป็นอุบัติเหตุ ประมาณชนแล้วหนี ตำรวจจะได้โยงมาถึงเราไม่ได้ กำชับว่าคราวนี้ห้ามพลาดอีก ถนนหนทางกว้างขวาง อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

“ครับ...ผมจะทำให้เป็นอุบัติเหตุ” ถกลรับคำแข็งขัน

ooooooo

ตลับนาครู้ว่าชิดชบาถูกปองร้ายจึงไม่อยากให้ออกจากบ้านตามลำพัง แนะให้เรียกธวัชพงษ์มาเจอที่บ้าน เธอทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะกำลังให้เขาสืบเรื่องชัยยงค์กับชัยญาอยู่ ขืนมาที่นี่แล้วเถาว์เครือได้ยิน ต้องเป็นเรื่องแน่ ตลับนาคแปลกใจ สองพ่อลูกนั่นเกี่ยวอะไรกับคดีนี้ด้วย ชิดชบาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

“แต่ข้อสงสัยของธวัชพงษ์ฟังได้ เราฟังไว้หลายทางอาจจะเป็นประโยชน์กับเราก็ได้ค่ะ”

“ขับรถดีๆนะ ระวังหน้าระวังหลังไว้บ้าง ป้าไม่ไว้ใจใครเลย”

หญิงสาวรับคำ แล้วขึ้นรถขับออกไปโดยไม่รู้เลยว่าถกลจอดรถซุ่มดูอยู่นอกรั้ว ก่อนจะสะกดรอยตาม ไม่นานนักชิดชบาขับรถมาจอดที่ถนนฝั่งตรงข้ามร้านกาแฟซึ่งนัดกับธวัชพงษ์ไว้ ก้าวลงจากทางเท้าเพื่อจะข้ามถนนไปร้านกาแฟ ปฐวีออกมาจากร้านขายดอกไม้ไม่ห่างจากจุดที่ชิดชบายืนอยู่ เห็นรถของถกลพุ่งเข้าหาเธออย่างรวดเร็ว โยนดอกไม้ทิ้งโดดรวบตัวชิดชบารอดจากถูกรถชนหวุดหวิด ธวัชพงษ์วิ่งออกจากร้านกาแฟเข้ามาถามชิดชบาซึ่งยังอยู่ในอ้อมแขนของปฐวีด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกว่าเป็นอะไรหรือเปล่า

“มันจงใจขับรถชนคุณนะ” ธวัชพงษ์ประคองให้ชิดชบาลุกขึ้น “เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ”

ชิดชบาส่ายหน้าแทนคำตอบ ธวัชพงษ์แนะให้ไปแจ้งความเพราะรถคันนั้นตั้งใจจะฆ่าเธอ แต่เธอไม่ยอมไป ดึงมือเขาข้ามถนนไปที่ร้านกาแฟ ปฐวีได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง ธวัชพงษ์เห็นรอยถลอกที่ข้อศอกของชิดชบา ถามย้ำอีกครั้งว่าไม่เป็นอะไรแน่หรือ เธอไม่เป็นอะไร แค่ศอกกระแทกตอนที่ปฐวีช่วยเท่านั้น

“ฉันไม่เข้าใจว่าเขาทำอย่างนั้นทำไม ตั้งแต่ออกจากคุก ฉันพบเขาที่บ้านตอนที่เขาไปเยี่ยมคุณโสมสุภางค์ เขาไม่ได้อยู่ในบ้านแล้ว คุณหมอแพรวามาอยู่แทน”

“ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาทิ้งคุณโสมสุภางค์ตอนนี้ เขาแต่งงานแล้ว คุณโสมสุภางค์ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาแล้ว ตอนนี้ก็...”

ชิดชบาประชดว่าปฐวีคงไม่อยากเจอหน้าคนขี้คุกอย่างเธอ ธวัชพงษ์เริ่มไม่แน่ใจว่าเขาจะเป็นอย่างที่เธอว่าเพราะเมื่อครู่นี้เขาช่วยชีวิตเธอไว้ ชิดชบาเองก็ยังงงไม่หาย...

คนที่ชิดชบากับธวัชพงษ์พูดถึงเพิ่งกลับถึงคอนโดฯที่พัก เห็นถุงใส่กล่องอาหารจากร้านอาหารชั้นเลิศห้อยอยู่หน้าประตูห้อง คาดว่าคงเป็นอาหารที่แพรวาส่งมาให้เช่นเคย รีบโทร.ไปขอบคุณ แพรวายิ้มอย่างมีความสุข

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเห็นว่าคุณยุ่งก็เลยโทร.สั่งทางร้านให้เอาไปส่งคุณที่นั่น ไม่ต้องห่วงโสมสุภางค์หรอกค่ะ ฉันจัดนักกายภาพมาทำกายภาพบำบัดให้โสมสุภางค์ทุกวัน เธอจะต้องดีขึ้นค่ะ คุณเองก็รักษาจิตใจของคุณให้ดีๆนะคะ เพราะจิตใจน่ะ มันส่งผลถึงร่างกาย คุณยังต้องใช้พลังอีกมากกับปัญหาของคุณ” พูดจบแพรวาวางสาย หันมาเห็นจำเรียงจ้องมองอย่างอยากรู้อยากเห็น

“ทีหลังถ้าอยากรู้อะไรที่เกี่ยวกับฉันก็ถามได้เลยนะ ฉันไม่มีความลับ พร้อมจะแสดงความโปร่งใสว่าไม่ได้มาอยู่ที่นี่เพื่อแย่งอะไรของใคร” แพรวายิ้มให้จำเรียงก่อนจะเดินขึ้นข้างบน

ooooooo

ชัยยงค์เล่นงานถกลยกใหญ่ที่ทำงานพลาด พาลเล่นงานชัยญาด้วยที่ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง เขากลับคุยอวดว่าตอนนี้เขากำลังจะทำความสำเร็จให้ชีวิตด้วยการมีเมียรวย ชัยยงค์เตือน ผู้หญิงรวยสมัยนี้เลิกโง่ไปนานแล้ว เขาไม่คิดอย่างนั้น ที่รวยแล้วโง่เหมือนอย่างเถาว์เครือก็ยังมีให้เห็น

“ผมจะรวบรัดคุณหญิงอุราศรี ถึงตอนนั้นคงฉลาดไม่ทันแล้วล่ะมั้ง ว่าแต่พ่อเถอะ ถึงตอนสลัดคุณนายเถาว์เครือ พ่อจะสลัดหลุดไหม...ไม่ต้องห่วงเรื่องชิดชบา อุบัติเหตุน่ะมันเกิดได้หลายครั้ง คราวที่แล้วรอด แต่คราวหน้า ตายแน่” ชัยญายิ้มมาดมั่น...

หลังจากคุยธุระเสร็จ ธวัชพงษ์อาสาจะไปส่งชิดชบาที่บ้าน แต่เธอไม่ยอม เขาก็เลยทำได้แต่เดินมาส่งที่รถ เตือนให้เธอระวังตัวไว้บ้าง อย่าพยายามออกไปไหนตาม ลำพัง นี่ถ้าปฐวีไม่ช่วยเอาไว้ป่านนี้เธอคงไม่ได้มายืนอยู่อย่างนี้ ชิดชบารับปากจะหาทางขอบคุณเขาเอง ธวัชพงษ์ไม่ต้องย้ำเรื่องนี้บ่อยนัก

“ว่าแต่คุณเถอะ จะเข้าไปติดกล้องวงจรปิดในคอนโดฯนายชัยยงค์ได้อย่างไร ฉันฟังจากพฤติกรรมที่คุณเล่า คนคนนี้เป็นมนุษย์ลวงโลกทั้งพ่อทั้งลูก”

“ผมกำลังหาทางอยู่ ผมยังเชื่อว่าข้อสงสัยของผมไม่ผิด ผมเชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง ถึงแม้ว่าสิ่งที่ผมเห็นวันนี้มันจะไม่น่าเชื่อว่าคุณปฐวีเขาช่วยชีวิตคุณ... คุณขับรถระวังๆนะ”

ชิดชบาพยักหน้ารับคำ ก่อนจะขึ้นรถขับออกไป แต่ไม่ได้ตรงกลับบ้าน เธอแวะไปขอบคุณปฐวีที่ช่วยชีวิตตนเองที่คอนโดฯที่พักของเขา แล้วขยับจะกลับ ปฐวีเรียกไว้ เตือนว่าเกมยังไม่จบ แม้เขาจะช่วยชีวิตเธอไว้ แต่เขายังยืนยันว่าจะต้องเอาตัวคนทำผิดเข้าคุกให้ได้

ooooooo

อรุณณรงค์เริ่มเป็นห่วงความปลอดภัยของอุราศรีกลัวจะเสียทีให้ชัยญา พอเจอกันที่กระทรวงต่างประเทศ จึงเข้าไปเตือนด้วยความหวังดีและเป็นห่วงอย่างจริงใจ เธอกลับไม่เห็นค่า ไล่ให้เขาไปห่วงชิดชบาที่เพิ่งออกจากคุกไม่ดีกว่าหรือ เพราะยังต้องสู้คดีกันอีกซึ่งก็ไม่แน่ว่าจะรอดหรือเปล่า

“ผมไม่เข้าใจว่าคุณกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ คุณหญิงอุราศรีที่ผมเคยรู้จักคือผู้หญิงที่มีเมตตา”

“ก็เหมือนคุณชายอรุณณรงค์ที่ฉันเคยรู้จัก สง่าภาคภูมิเป็นที่นับถือ แต่ตอนนี้เป็น งั่ง”...

ทางด้านเถาว์เครือกล่อมยุวดีให้กลับมาช่วยกันกำจัดทั้งแพรวาและชิดชบาไม่สำเร็จ จึงคิดจะจ้างจำเรียงมาเป็นพวก แม้จะได้เงินดี แต่เธอก็ไม่รับทำงานนี้ กลัวจะลงเอยแบบบุญถิ่นจนป่านนี้ยังจับมือใครดมไม่ได้ เธอขออยู่อย่างไร้เงินดีกว่าไร้ลมหายใจ...

ฝ่ายหม่อมจรัสเรืองทราบข่าวชิดชบาออกจากคุกก็ร้อนใจมาก ปรึกษากับอรุณณรงค์ว่าพรุ่งนี้จะไปพบผู้ใหญ่ฝ่ายอุราศรีเพื่อทาบทามเรื่องแต่งงาน เขาไม่ขัดข้อง พร้อมจะแต่งงานกับเธอตามที่หม่อมแม่ต้องการ หม่อมจรัสเรืองมองลูกชายอย่างไม่อยากจะเชื่อ ที่ยอมตัดชิดชบาออกจากใจจนได้...

ในเวลาเดียวกัน ชิดชบาเดินผ่านหน้าห้องหอ เห็นแพรวากำลังควบคุมดูแลให้นักกายภาพทำกายภาพบำบัดให้โสมสุภางค์ ก็หยุดมองด้วยความสนใจ โสมสุภางค์เงยหน้าเห็นเธอจ้องอยู่ สีหน้าสลดอย่างเห็นได้ชัดเพราะละอายใจเรื่องที่เธอถูกกล่าวหาว่าผลักตนเองทั้งๆที่ไม่ได้ทำผิด แพรวาเห็นสีหน้าเพื่อนรักไม่สู้ดีนัก เดินมางับประตูห้อง ชิดชบาถอนใจเหนื่อยใจ ขยับจะไป แต่เถาว์เครือปราดมาขวางไว้ เตือนให้อยู่ห่างๆลูกของตน ไม่อย่างนั้นจะฟ้องปฐวีว่าเธอพยายามข่มขวัญโสมสุภางค์

“คุณนายน่าจะก้มลงมองตัวเองนะคะว่าคุณนายมีส่วนทำร้ายคุณโสมสุภางค์หรือเปล่า คุณนายรู้อยู่แก่ใจว่าคุณโสมสุภางค์ตกลงมาจากบันไดได้อย่างไร”

“แกอย่ามากล่าวหาฉันนะ ไม่มีใครเชื่อแกหรอกว่าโสมสุภางค์ตกบันไดเพราะฉัน จะต้องมีการพิสูจน์ในศาล แล้วคดีมันจะเชื่อมโยงไปถึงเรื่องที่แกฆ่าปิดปากบุญถิ่น แกจะต้องกลับเข้าไปอยู่ในคุกอีกนังชิดชบา”...

ค่ำวันเดียวกัน ธวัชพงษ์อาศัยจังหวะที่ช่างไฟตัวจริงลาไปช่วยเมียคลอดลูก แอบสับคัตเอาต์ตัดไฟฟ้าห้องพักของชัยยงค์ รอจนเจ้าของห้องทนร้อนไม่ไหว เผ่นแน่บไปหาที่คลายร้อน จึงแอบเข้าไปติดตั้งกล้องสอดแนมทั้งที่ในห้องและที่ระเบียง

ooooooo

ชิดชบาพยายามจะอธิบายให้สมควรเข้าใจว่าตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของบุญถิ่น แต่เขาปักใจเชื่อไปแล้วว่าเธอมีส่วน จึงไม่อยากจะเสวนาด้วย เดินหนีไปหน้าตาเฉย ตลับนาคต้องเข้ามาปลอบหลานสาวว่าอย่าไปถือสา คนเพิ่งเสียเมียไปก็เลยคิดเปะปะเรื่อยเปื่อย

“อดทนนะชิดชบา จนกว่าหนูจะพิสูจน์ตัวเองได้ว่าหนูบริสุทธิ์”

“มันคงไม่ง่ายหรอกค่ะ เพราะจนป่านนี้ตำรวจก็ยังตามตัวเด็กที่เป็นลูกบุญถิ่นไม่พบ ตราบใดที่ยังไม่พบศพเด็ก ยังเชื่อได้ว่าเด็กยังมีชีวิตอยู่...แต่อยู่ที่ไหน” ชิดชบาว่าแล้วถอนใจ หนักใจ...

ยุวดีไม่รู้จะพาปอนไปซ่อนตัวที่ไหน นึกถึงน้าสาวขึ้นมาได้ จึงพาไปที่นั่นซึ่งเป็นบ้านเก่าโทรมๆอยู่ในสลัม และเพื่อตัดปัญหายุ่งยาก เธอโกหกน้าว่าปอนเป็นลูกของเธอเอง โดยจ่ายเงินให้น้าห้าร้อยบาทแลกกับการอาศัยอยู่ที่นี่ น้าสาวถึงสงบปากสงบคำเลิกซักโน่นถามนี่...

ในเวลาไล่เลี่ยกัน หม่อมจรัสเรืองไปพบพ่อและแม่ของอุราศรีเพื่อทาบทามลูกสาวของทั้งคู่มาเป็นทองแผ่นเดียวกัน ทั้งพ่อและแม่ของเธอไม่ขัดข้อง เพราะรักใคร่สนิทสนมกับทางหม่อมจรัสเรืองและอรุณณรงค์มานานแล้ว แต่เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ พ่อของเธอจึงอยากให้เธอเป็นคนตัดสินใจเอง แล้วหันไปถามอุราศรี

“ว่าไง ลูกยินดีจะแต่งงานกับชายเอี่ยวเขาไหม พ่อจะได้ตอบหม่อมจรัสเรืองไป”

“เอ่อ หนูขอคิดดูก่อนค่ะ” คำตอบของอุราศรี สร้างความประหลาดใจให้หม่อมจรัสเรืองเป็นอย่างมาก

ครู่ต่อมา หม่อมจรัสเรืองกลับถึงวังตัวเองอย่างผิดหวังและหงุดหงิด บอกกับอรุณณรงค์ว่าอุราศรีบ่ายเบี่ยงเรื่องการแต่งงาน ท่านไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อก่อนเธอเคยไปเคยมาทุกวัน พักหลังๆกลับห่างไป

“ชายเอี่ยวไปพูดอะไรให้คุณหญิงอุราศรีหมดใจหรือเปล่า ต้องเป็นชายเอี่ยวแน่ แม่ไม่เชื่อหรอกว่าใครจะเปลี่ยนใจคุณหญิงอุราศรีได้ ชายเอี่ยวต้องทำอะไรสักอย่างนะ ไม่อย่างนั้นผู้หญิงดีๆคนหนึ่งจะหลุดมือลูกไป...ชิดชบาใช่ไหม” หม่อมจรัสเรืองมองหน้าลูกชายอย่างรอคำตอบ พอเขาปฏิเสธว่าไม่ใช่ก็ถึงกับอึ้ง

“ถ้ายังงั้นใครทำให้คุณหญิงอุราศรีเปลี่ยนไป”...

ชิดชบาแต่งตัวเตรียมจะออกจากบ้าน เจอโสมสุภางค์นั่งอยู่บนรถเข็นเพียงลำพัง จึงเดินเข้าไปหา

“ฉันไม่เคยอยากเห็นคุณในสภาพนี้เลย คุณรู้ไหม ฉันเจ็บไม่ต่างไปจากคุณหรอก มันไม่ควรจะเกิดขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะ...” ชิดชบาพูดได้แค่นั้น ก็หยุดกึกเพราะแพรวาเดินยิ้มแย้มเข้ามาเสียก่อน

“โสม...เอ่อ คุณ เอ่อ แค่จะมาบอกโสมสุภางค์ว่าคืนนี้คุณปฐวีจะมากินมื้อค่ำด้วย เธอต้องอยู่ร่วมโต๊ะกับเขานะโสมสุภางค์ คุณปฐวีเขาอยู่คนเดียว เขาคงจะเหงา คงจะห่วงเธอ เขาถึงได้มา อาจจะเป็นวันแรกที่เราได้อยู่กันพร้อมหน้า เอ้อ คุณ...” แพรวาหันมองชิดชบา

“ฉันจะออกไปข้างนอกค่ะ” ชิดชบาพูดจบเดินไปขึ้นรถ แพรวามองตามจนเธอลับสายตา แล้วหันมาเห็นเพื่อนรักน้ำตาคลอเบ้าก็ตกใจ ถามว่าเป็นอะไร โสมสุภางค์ส่ายหน้า

“คุณแม่ล่ะ”...

คนที่โสมสุภางค์ถามหาไปลอยหน้าอยู่ที่ห้องพักของชัยยงค์ แต่เขาไม่อยู่ เจอแต่ถกล ตัดสินใจจะรอจนเขากลับ ควักเงินให้ถกลยี่สิบบาทเอาไปกินข้าว แล้วเดินเข้าไปรอในห้อง ถกลมองเงินในมือเหยียดๆ

“แก่ง่าย ตายช้า แถมหนังเหนียวอีกต่างหาก ยัยคุณนายเถาว์เครือ”...

ขณะชิดชบานั่งจิบเหล้าอยู่ที่มุมมืดของเคาน์เตอร์บาร์มองไปยังอุราศรีที่นั่งหมุนแก้วเหล้าอยู่อีกมุมหนึ่งของผับด้วยสีหน้าเศร้าหมอง สักพักชัยญาเดินมานั่งข้างๆ ก่อนจะหันไปส่งสัญญาณให้บาร์เทนเดอร์เป็นทำนองให้ผสมยานอนหลับในเครื่องดื่ม แล้วหันมาทางอุราศรี

“พอคุณหญิงโทร.บอกผมว่าอยู่ที่นี่ผมก็รีบมาทันทีครับ”

“ฉันรบกวนหรือเปล่าคะ”

“ผมเคยบอกคุณหญิงตั้งแต่พบกันครั้งแรกแล้วว่าผมคือมนุษย์ค้างคาวที่อยู่ในตู้โทรศัพท์ มีหน้าที่ช่วยผู้หญิงและเด็ก ผมพร้อมจะทำงานแล้วครับ” ชัยญาว่าแล้วดีดนิ้วเป็นสัญญาณให้บาร์เทนเดอร์ซึ่งส่งเครื่องดื่มผสมยานอนหลับให้บริกรอีกทอดหนึ่งเอาไปวางตรงหน้าหญิงสาว ส่วนแก้วของเขาไม่ได้ใส่ยา จากนั้นซาตานในคราบสุภาพบุรุษก็ชวนเธอดื่มด้วยกัน เหล้ายังไม่ทันจะเข้าปาก ชิดชบาถลาเข้ามาปัดแก้วในมืออุราศรีตกแตก ผลักชัยญาและโต๊ะล้มคว่ำ แล้วฉุดเธอให้ลุกขึ้น เธอสงสัยว่านี่มันเรื่องอะไรกัน

“ไปกับฉัน” ชิดชบากระชากร่างอุราศรีออกจากผับ ชัยญาตั้งหลักได้รีบวิ่งตาม ชิดชบาเร่งฝีเท้ามาที่รถของตัวเองผลักอุราศรีเข้าไปนั่งเบาะข้างคนขับ

“ชิดชบา นี่มันเรื่องอะไรกัน ฉันถามว่าเรื่องอะไร”

“ฉันจะพาคุณกลับไปส่งบ้าน คุณกำลังจะถูกมอมยา” พูดจบ ชิดชบาวิ่งไปนั่งประจำที่คนขับ กดล็อกประตูเรียบร้อย แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว

ooooooo

ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น