วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร นางชฎา ตอนที่ 7


ดึกสงัดคืนนี้ ขณะเชิงชายกำลังนั่งแต่งเพลงอยู่นั้น เสียงไลน์จากโทรศัพท์ดังขึ้น เขาหยิบอ่านบ่นเซ็งๆ

“ดึกป่านนี้ยังทวงอีก แต่งเพลงให้ฮิตไม่ใช่จะแต่งกันง่ายๆนะเว้ย” เชิงชายโวย โยนโทรศัพท์ลงข้างตัวอย่างหงุดหงิด แล้วคิดงานต่อ อึดใจเดียวเสียงไลน์ดังขึ้นอีก เชิงชายบ่นหงุดหงิดกว่าเดิมว่า “จะทวงอะไรกันนักกันหนาวะ!” พอเปิดอ่าน กลายเป็นไลน์ของตุลเทพ “เตรียมพระให้พร้อม พรุ่งนี้จะไปรับ ไปบ้านนั้นด้วยกัน ห้ามเบี้ยว”

เชิงชายหงุดหงิดปรี๊ดแตก ตวาดใส่โทรศัพท์ “ใครจะไปก็ไปเถอะ ฉันไม่ไปเด็ดขาด!!” คราวนี้เขวี้ยงโทรศัพท์ลงบนโต๊ะหยิบหูฟังจะทำงานต่อ พลันก็มีเสียง ปรี๊ดดดดดด...ดังจากหูฟัง เชิงชายกระชากหูฟังออกร้องลั่น “เฮ้ยยย!!”

พอเชิงชายหยิบแก้วขึ้นดื่มน้ำ ก็ต้องบ้วนพรวดออกมาเมื่อในแก้วมีแต่ดิน! พอเงยหน้าก็เห็นผีริลณีน่ากลัวมากยืนจ้องอยู่อย่างโกรธเกรี้ยว ชะโงกหน้าเข้ามาตะโกนใส่

“พวกแกอยากรู้มากนักใช่ไหม ว่าไอ้ศาลานั่นยังอยู่ไหม”

เชิงชายตกใจช็อก แต่พอรู้สึกตัวอีกทีพบตัวเองนอนอยู่ในหลุมศพ ได้รับความทุกข์ทรมานเหมือนกับที่ริลณีได้รับในวันที่ถูกจับฝัง เขาพยายามตะโกนขอความช่วยเหลือ ริลณีหน้าเละชะโงกมาถามว่า

“อยากรู้มากนักไม่ใช่เหรอ ฉันพาแกมาเห็นกับตาแล้วไง!” เชิงชายพยายามจะวิ่งหนี ผีริลณีแสยะยิ้มเยาะเย้ย “ยังไงก็หนีไม่พ้น เพราะกูจะตามเอาคืนพวกมึงทุกคน!!”

เสียงปรี๊ดดดด...ดังขึ้นอีกจนเชิงชายสะดุ้งจากภวังค์ พบตัวเองยังอยู่ที่เดิม คิดงงๆว่าหรือจะทำงานมากไปจนหลอน? แต่พอหยิบแก้วน้ำอีกที ก็ผงะเมื่อเห็นทั้งมือแขน ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยดิน! เลยคิดว่าที่รู้สึกเมื่อกี๊ไม่ใช่หลอนเสียแล้ว ซ้ำที่พื้นยังมีรอยเท้าเปื้อนดินของริลณีเต็มไปหมด เขาร้องสุดเสียงอย่างสติแตก “เฮ้ยยยยยยย!!!!”

ooooooo

วันนี้พิสมัยกับพิชัยมารับชมพูออกจากโรงพยาบาล ชมพูดูการ์ดแต่งงานเศร้าๆ เอ่ยถามพ่อกับแม่ว่าตนจะแจกการ์ดแต่งงานทันไหม เจ้าบ่าวก็ไม่มีเวลา เจ้าสาวก็ป่วยตลอดแบบนี้

พิสมัยปลอบใจว่าพวกเราไปแจกบางส่วนก่อนดีไหม ชมพูปฏิเสธทันที บอกว่าจะรอไปแจกพร้อมเตชิน พูดแล้วเห็นแม่มองขวับก็รู้ตัว พูดแก้ว่า ตนหมายถึงให้เตชินไปแจกผู้ใหญ่คนสำคัญก่อน แล้วที่เหลือเราค่อยไปกันเองก็ได้

“ทำเหมือนกลัวพี่เตชินจะเบี้ยวไม่แต่งงานกับลูกอย่างนั้นล่ะ” พิชัยหยอกขำๆ แต่ทำให้ชมพูหน้าจ๋อยไปทันที

ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของชมพูดังขึ้น เธอรีบกดรับ เสียงหงส์หยกซีเรียสมาตามสายว่า

“ชมพู! รีบเปิดทีวีเดี๋ยวนี้” ชมพูตกใจถามว่ามีอะไรหรือ “ฉันไม่อยากเล่า เธอเปิดดูเองก็แล้วกัน”

ชมพูรีบไปเปิดทีวี พิสมัยกับพิชัยมองลูกอย่าง แปลกใจ แล้วก็ตกใจเมื่อภาพในจอทีวีเป็นภาพเตชินกับปริมลดากำลังกอด จูบ คลอเคลียกันนัวเนีย ภาพฉายซ้ำไปมาหลายรอบ มีเสียงบรรยายว่า

“ภาพรูปหญิงสาวและชายหนุ่มถูกแอบถ่ายขณะกอดจูบคลอเคลียกันที่โรงแรมหรูว่อนเน็ตให้สาวกไซเบอร์คาดเอาว่าสาวสวยที่มีหน้าคล้ายนางเอกชื่อดังคือใคร... ล่าสุด ปริมลดาออกมายอมรับแล้วว่าเป็นตัวเองจริง ส่วนชายหนุ่มในภาพคาดว่าจะเป็นเตชิน ว่าที่เจ้าบ่าว กำลังจะมีงานวิวาห์ที่ฮือฮามากที่สุดในปีนี้”

ชมพูช็อก! หันมองหน้าพ่อกับแม่ที่อึ้งไม่แพ้กัน แล้วเธอก็เป็นลมหมดสติไป!!

ooooooo

เตชินดูภาพจากแท็บเล็ตอึ้งๆ ก่อนเงยหน้าบอกคุณหญิงกับณรงค์ที่นั่งมองอยู่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อว่า

“มันไม่ใช่อย่างที่คุณพ่อคุณแม่คิดนะครับ”

“ถึงมันจะใช่ ก็ต้องไม่ใช่!! เพราะแม่จะไม่มีวันเอายายดารานั่นมาเป็นสะใภ้แน่”

“กล้าพูดไหมว่าคนในรูปไม่ใช่แก?” ณรงค์คาดคั้น

เตชินรับว่าคนในรูปคือตน แต่ตนไม่มีวันทำอะไรอย่างนั้น แล้วชี้แจงว่าตนพบปริมลดา นัดทานข้าวแล้วก็แยกย้ายกันไม่มีอะไรมากกว่านั้น ส่วนรูปพวกนี้ออกมาได้อย่างไรตนไม่รู้เพราะโรงแรมยังไม่เปิด ไม่น่าจะมีใครเข้าไปได้ด้วยซ้ำ แล้วจะมีคนถ่ายรูปออกไปได้ยังไง

ฟังคำชี้แจงของเตชินแล้ว คุณหญิงถามณรงค์ว่าเป็นไปได้ไหมที่มีคนอยากให้มีรูปหลุด ถามแล้วก็คิดออกตอบเองว่า

“ได้ทั้งข่าว ได้ทั้งกระแส มีงานอีเวนต์เข้า...” คุณหญิงหันพูดกับเตชิน “แม่นั่นอยากได้แกตัวสั่น เห็นมันควงแขนแกเดินทั่วโรงพยาบาลฉันก็รู้แล้ว”

ณรงค์บอกเตชินต้องไปอธิบายให้ชมพูฟังเดี๋ยวนี้ คุณหญิงก็ย้ำว่า “อย่าต้องให้พ่อแม่หนูชมพูมาแหกอกฉันก่อนล่ะ”

“ถ้าทุกอย่างเป็นแผนอย่างที่แม่พูดจริง ลูกไม่มีวันรู้หรอกว่าทุกนาทีที่ผ่านไป อีกฝ่ายเขาจะวางแผนหรือทำอะไรบ้าง รีบไปจัดการให้เรื่องนี้จบเร็วที่สุด” ณรงค์สำทับ เตชินได้แต่นั่งเครียดกับเรื่องที่ตนไม่ได้ทำ

ooooooo

เตชินยังไม่ทันไปหาชมพู ปริมลดาก็ไปถึงก่อน แล้ว ทำทีไปขออธิบายกับชมพูเกี่ยวกับข่าวนั้น

เมื่อเจอชมพู ปริมลดาก็ตำหนิว่าตนผิดเอง ถ้าตนห้ามความรู้สึก ห้ามเตชิน มันก็จะไม่เกิดเรื่องแบบนั้น ชมพูฟังนิ่งๆจนปริมลดาอึดอัดขอร้องชมพูว่าจะโกรธ จะด่าอย่างไรก็ได้ อย่านิ่งแบบนี้เลย

“เรื่องของเธอกับพี่เตชินเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เอ่อ...ก็สักพักนึงแล้ว คุณเตชินเขามาบอกว่า เอ่อ...เขาไม่อยากแต่งงานแต่เขาไม่กล้าขัดผู้ใหญ่ ลดาก็เลยให้คำปรึกษา ปรึกษากันไป...ปรึกษากันมา เราสองคนก็เลย...”

“พอเถอะ ไม่ต้องเล่าแล้ว”

ปริมลดาทำเป็นคนดีมีคุณธรรม บอกว่าตนไม่ได้อยากให้เรื่องเป็นแบบนี้ ตนอยากให้เธอกับเตชินแต่งงานกันอย่างมีความสุข แล้วทิ้งไพ่ใบสุดท้ายว่า “ลดายินดีไปถ้าจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น”

“ถึงเธอไป ก็ไม่ได้แก้ปัญหาอะไร เพราะถ้าเป็นอย่างที่เธอเล่า คนที่พี่เตชินอยากให้ไปก็คือฉัน”

ปริมลดาดีใจวาบขึ้นมา แต่แกล้งทำเป็นตกใจบอกชมพูว่าทำอย่างนั้นไม่ได้นะ! ชมพูย้อนถามว่าแล้วใครว่าตนจะยกเลิกการแต่งงานล่ะ ทำเอาปริมลดาอึ้ง เหวอร้อง “อ้าว...ก็เมื่อกี๊เธอ...”

“ฉันต้องคุยกับพี่เตชินให้รู้เรื่องว่ามันเกิดอะไรขึ้น และจะแก้ปัญหาต่อไปยังไง” ชมพูมองหน้าปริมลดาด้วยแววตาที่เด็ดขาด จนปริมลดาอึ้งแล้วอึ้งอีก พอออกไปขึ้นรถก็สบถอย่างหัวเสีย

“อยู่ๆนังชมพูหน้าจืดก็ลุกขึ้นมาสู้ซะงั้น...โฮ้ย...ทำไมมันผิดแผนแบบนี้!!!”

ooooooo

เตชินมาอธิบาย ชี้แจง กับพิชัยและพิสมัย พิชัยตัดบทเคืองๆว่าตนเชื่อสิ่งที่เห็นมากกว่าสิ่งที่แก้ตัวและชมพูก็เป็นแบบนี้ พิสมัยบอกว่าให้เขาไปอธิบายกับชมพูเองดีกว่าเพราะทุกอย่างอยู่ที่ชมพูว่าจะเอาอย่างไร

ชมพูไม่สนใจเรื่องรูปที่เตชินบอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน แต่ถามว่าเรื่องที่เขาไม่อยากแต่งงานตามที่ปริมลดาพูดนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิดด้วยหรือเปล่า?!

เห็นเตชินอึ้ง ชมพูก็แทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ถามว่ามันเป็นความจริงใช่ไหม เตชินปฏิเสธว่าไม่จริง

เตชินถูกชมพูซักไซ้ พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า

“ถึงเวลาที่เราต้องพูดความจริงกันแล้วว่า พี่เตชินคิดยังไงกับการแต่งงานของเรา!” เตชินบอกว่าตนยัง ไม่พร้อม ชมพูถามทันทีว่า “แล้วก่อนหน้านี้ทำไมพี่ถึงไม่บอกชมพูตรงๆล่ะคะ”

เตชินย้อนถามว่าเราสองคนมีสิทธิ์พูดในสิ่งที่ต้องการด้วยหรือ ในเมื่อทุกอย่างผู้ใหญ่เป็นคนจัดการ ชมพู บอกว่าพูดได้ ถ้ายังไม่พร้อมเราเลื่อนออกไปก่อนก็ได้ เตชินพูดขึ้นทันทีว่า

“แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่แค่การเลื่อนแต่งงาน”

เป็นคำตอบที่ทำให้ชมพูชะงักอึ้ง ถามว่าเขาไม่อยาก แต่งงานกับตนใช่ไหม เขาไม่เคยรักตนเลยใช่ไหม ถามอย่างเจ็บปวดว่า

“นี่ใช่ไหมคะ เหตุผลที่ว่าทำไมที่ผ่านมาพี่เตชินถึงไม่เคยสนใจงานแต่งงานสักนิด เพราะพี่เตชินไม่เคยรักชมพู แต่พี่ยอมแต่งงานเพราะพี่ต้องการรับผิดชอบเรื่องทุกอย่างที่มันเคยเกิดขึ้น งั้นชมพูก็ขอบอกพี่ตรงนี้เลยนะคะว่าไม่มีอะไรที่พี่ต้องรับผิดชอบอีกแล้ว เราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว!”

ความเครียดทำให้ชมพูปวดหัวรุนแรง เตชินเข้าประคองขอให้ใจเย็นๆ อย่าเครียด แต่คราวนี้ชมพูไม่ได้รู้สึกอบอุ่นอย่างที่เคยรู้สึกแล้ว เธอค่อยๆปลดมือเขาออก พูดอย่างเข้มแข็งทั้งที่หัวใจเจ็บปวดสาหัสว่า

“ต่อไปนี้ชมพูจะดูแลตัวเอง เรื่องของเราก็จบกันแค่นี้ จะไม่มีงานแต่งงานที่พี่ไม่ต้องการอีกแล้ว!!”

ชมพูวิ่งร้องไห้ออกไป เตชินอยากวิ่งตามแต่กลับก้าวขาไม่ออก ได้แต่ยืนนิ่งมองตามชมพู พูดอย่างเจ็บปวด

“พี่ขอโทษที่ทำให้ชมพูต้องเสียใจ แต่หัวใจของพี่รักริลณีได้เพียงคนเดียวจริงๆ”

ooooooo

เมื่อกลับไปที่บ้านทรงไทย เล่าเรื่องชมพูขอยกเลิกการแต่งงานให้ริลณีฟังทั้งด้วยความรู้สึกโล่งใจและรู้สึกผิดระคนกัน แต่ก็ได้รับกำลังใจจากริลณีว่า เรื่องรูปกับปริมลดานั้นเป็นเรื่องไร้สาระ ตนไม่เชื่อและรู้ ด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้น บอกเขาว่า

“ใครที่ทำให้คุณเจ็บ มันต้องได้รับผลกรรมที่ทำไว้แน่นอน” ส่วนเรื่องชมพูยกเลิกการแต่งงานนั้น ริลณีบอกว่า “ต่อไปนี้คุณไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไรแล้ว เรื่องอุบัติเหตุในครั้งนั้นที่ทำให้ชมพูความจำเสื่อม มันไม่ใช่ความผิดของคุณ อาจเป็นเพราะเขาทำตัวเองก็ได้”

“ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้ผม”

“รินสัญญาว่าจะอยู่ข้างคุณจนกว่าคุณจะรู้สึกดี” ริลณีดึงเตชินเข้าไปกอด เตชินนอนหนุนตักเธอหลับไปด้วยความอ่อนล้า เหนื่อยหน่าย ในขณะที่ริลณีมองเขาอย่างแสนรัก บอกเขาอย่างแค้นแทนว่า “ใครทำให้คุณเจ็บ มันจะต้องเจ็บยิ่งกว่าคุณเป็นร้อยเท่า รินจะเอาคืนให้คุณเอง!”

คืนนี้ ที่ร้านอาหารของประวิทย์ ทั้งปริมลดา เอกราช และประวิทย์ที่คอยดูแลเอกราชอยู่ไม่ห่างกำลังฉลองกัน

เอกราชพูดอย่างผยองลำพองใจว่า

“แผนนี้มันต้องสำเร็จสิ เพราะฉันลงทุนไปตั้งเยอะ ไหนจะไล่ไอ้สถาปนิกคนเก่าออก จ้างเธอมาถ่ายแบบ แล้วก็ต้องไปจ้างใครนะ...” เอกราชหันไปถามประวิทย์ ฝ่ายนั้น บอกว่าเจ๊นกกับซกเล็ก “ใช่...สองคนนั้นโก่งค่าตัวน่าดูกว่าจะยอมมาทำงาน” ประวิทย์ติงว่าเตชินกับชมพูเลิกกันก็ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะสำเร็จ มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น “นาย ไม่ต้องห่วงหรอกประวิทย์ คนอย่างเอกราช ถ้าคิดจะลุยแล้วไม่มีคำว่าแพ้ ฉันต้องได้แต่งงานกับชมพูแน่ ตัดชุดรอได้เลย ฮ่าๆๆ”

เอกราชหัวเราะร่าชนแก้วกับปริมลดาแล้วดื่มอย่างมีความสุข เลยไม่มีใครเห็นประวิทย์ที่หงุดหงิด เจ็บปวดอยู่ลึกๆ

ooooooo

คุณหญิงจิตราส่งสร้อยไปอยู่กับเตชินที่บ้านทรงไทย ให้สืบว่า “เพื่อน” คนไหนอยู่กับเตชินที่นั่น วันนี้สร้อยรายงานคุณหญิงว่าเตชินกลับมาก็เก็บตัวเงียบอยู่กับเพื่อน ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน

คุณหญิงถามสร้อยว่า “เพื่อน” คนนั้นเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย สร้อยบอกว่าไม่รู้เพราะเตชินไม่ให้ตนขึ้นไปวุ่นวายข้างบนนอกจากเวลาอาหาร แล้วเพื่อนคนนั้นก็ไม่เคยออกมาเดินนอกห้อง แถมไม่เคยออกไปข้างนอก กลางคืนก็ปิดไฟมืดจนตนไม่รู้ว่าเพื่อนคนนั้นอยู่หรือไม่อยู่

สร้อยเล่าไปก็เสียวสันหลังไป พอพูดจบปุ๊บกระทะที่แขวนบนผนังก็ตกปั๊บ สร้อยร้องกรี๊ดด จนคุณหญิงปราม ให้หยุดโวยวายแล้วไปสืบมาให้ได้ว่าคนที่อยู่กับเตชินคือใคร ตนมั่นใจว่าคนคนนั้นมีส่วนทำให้เตชินไม่แต่งงานกับชมพู

แม้สร้อยจะกลัว แต่เมื่อเป็นคำสั่งคุณหญิง สร้อยก็ต้องทำ ปีนขึ้นไปแอบฟังแอบดู แต่ตัวเตี้ยมองไม่เห็นก็เอาเก้าอี้มาต่อหมายถ่ายรูปไปให้คุณหญิงดู ฝันหวานว่าคราวนี้ต้องได้รางวัลไปตั้งตัวได้แน่

สร้อยแอบฟังจนได้ยินเตชินเรียกเพื่อนคนนั้นว่า “ริน” เลยกระโดดถ่ายรูป แต่พอมาดูปรากฏว่าถ่ายไม่ติด!

ริลณีรู้ว่าสร้อยมาแอบดูบอกให้เตชินเข้าห้องไปก่อนตนจะไปจับแมวขโมยเพราะเห็นมาด้อมมองแถวนี้นานแล้ว

สร้อยถูกริลณีหลอกหลอน จนร้องโวยวายวิ่งหนีล้มลุกคลุกคลาน ริลณีเห็นแล้วหัวเราะขำ

สร้อยวิ่งขนหัวตั้งกลับไปบอกคุณหญิงว่าตนไม่เอาแล้ว ถูกผีหลอกกลางวันแสกๆ แบบนี้ตนรับไม่ได้ ถูกคุณหญิงดักคอว่าสืบเรื่องที่ตนสั่งไม่ได้เลยสร้างเรื่องผีหลอกกลบเกลื่อนใช่ไหม

สร้อยเถียงปากคอสั่นว่าเพราะสืบได้ถึงอยู่ไม่ได้ คุณหญิงถามว่าตกลงเตชินอยู่กับใครกันแน่ สร้อยบอกว่าตนไม่เห็น แต่ได้ยินเตชินเรียกคนนั้นว่า “ริน” คุณหญิงฉุกคิดทันทีกลัวจะเป็นริลณี แต่พอถามอีกสร้อยบอกว่าตนได้ยินแค่นี้เอง คุณหญิงสั่งให้กลับไปสืบใหม่

“ไม่ค่ะ...สร้อยไม่กลับไปแล้ว หัวเด็ดตีนขาดยังไง สร้อยก็ไม่มีวันกลับไปอยู่บ้านนั้นคนเดียวเด็ดขาด!!”

สร้อยร้องไห้อย่างหนัก จนคุณหญิงเองก็เครียด ไม่รู้จะทำอย่างไรถึงจะให้สร้อยกลับไปได้

ooooooo

ตุลเทพ หงส์หยก และเชิงชาย นั่งดูหมอผีเจ๋งที่กำลังบริกรรมคาถาหน้าพานที่มีเศษดินวางอยู่ หลังทำพิธี หมอผีเจ๋งบอกทั้งสามว่ารู้จากเศษดินที่พวกเขาเอามาว่า “ดวงจิตของมันเต็มไปด้วยความแค้นยิ่งกว่าไฟบรรลัยกัลป์ ทำให้มันมีพลังยิ่งกว่าผีตัวไหนๆที่ข้าเคยเจอ แต่น่าเสียดายที่พลัง

ของมันยังไม่กล้าแข็งพอที่จะฆ่าใครได้ เพราะดวงจิตของผีตัวนี้ยึดติดอยู่กับความรัก” หมอผีเจ๋งย้ำว่า “อำนาจและพลังทั้งหมดจะกลับมาก็ต่อเมื่อมันได้กลับไปอยู่ใกล้คนที่รักและได้ของที่รักที่สุดกลับคืน”

“ของที่รัก?” เชิงชายทำหน้าสงสัย หมอผีเจ๋งบอกว่า ของรักจากคนรักที่ผีตนนั้นสวมก่อนตาย ถ้าผีตนนั้นได้ของนั้นกลับคืนเมื่อไหร่ จะไม่มีใครต้านทานอิทธิฤทธิ์ได้เลย

ระหว่างนั้นตุลเทพพยายามถามว่าของรักที่ว่านั้นคืออะไร หมอผีเจ๋งบอกว่าไม่มีใครรู้นอกจากผีตนนั้นกับคนที่เอาของนั้นไป ตุลเทพเริ่มขวัญไม่อยู่กับตัว ถามว่าแล้วพวกตนควรทำอย่างไรถึงจะไม่ให้มันมารังควานอีก

“มีสองทาง คือทำลายดวงวิญญาณนั้นเสีย หรือไม่ก็อย่าให้ผีนั่นหาของนั้นเจอ เพราะตราบใดที่มันหาของสิ่งนั้นไม่พบ ต่อให้มันได้กลับมาอยู่กับคนรักแต่พลังของมันก็จะกลับมาไม่ครบ ฆ่าใครไม่ได้อยู่ดี” หงส์หยกถามเสียงสั่นว่าแล้วถ้าหาเจอล่ะ “ก็...คนที่ทำให้มันแค้น ก็เตรียมตัวตายสถานเดียว!”

ooooooo

ตุลเทพ เชิงชาย และหงส์หยกออกจากบ้านหมอผีเจ๋งกันหน้าเครียด เชิงชายโวยวายว่าทำไมเราไม่ให้หมอผีเจ๋งทำลายดวงวิญญาณผีบ้านั่นเสียเลย

“ก็เขาบอกว่ายังทำไม่ได้” ตุลเทพหงุดหงิด เชิงชายถามว่าทำไม่ได้หรืออยากจะขูดเงินพวกเรากันแน่ “ถ้าพวกเราทำตัวร้อนรนอยากทำลายนังผีนั่นมาก เกิดไอ้หมอผีมันรู้ว่าพวกเราฆ่า จะยิ่งไปกันใหญ่ แค่นังผีไม่มีของอะไรนั่นก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้แล้ว”

เชิงชายกับตุลเทพโต้เถียงกัน ต่างก็ไม่รู้ว่าของนั้นคืออะไร หงส์หยกฟังอยู่เงียบๆ แต่กระวนกระวายใจ แค่ถูกเชิงชายเรียกก็สะดุ้งโหยงจนเชิงชายถามว่าเป็นอะไรท่าทางแปลกๆ หงส์หยกก็ยิ่งมีพิรุธบอกว่าไม่มีอะไร

ทั้งตุลเทพและเชิงชายต่างโมเมกันเองว่า ถ้าพวกเราเผาของของผีร้ายนั่นหมดแล้ว ผีร้ายก็ไม่มีทางหาของรักเจอ แสดงว่ามันก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้ พวกเราก็ไม่ต้องกลัวแล้ว หงส์หยกฟังเงียบๆ แต่เครียด ในใจคิดถึงอะไรบางอย่าง

พอกลับถึงบ้านหงส์หยกก็รีบขึ้นห้องปิดประตูแน่นหนาแล้วตรงไปรื้อตู้เสื้อผ้าหาของบางอย่างที่เอาไปซุกไว้ในตู้นั่นคือนาฬิกาที่ปริมลดาให้และแหวนเพชรที่แอบถอดจากนิ้วริลณีก่อนถูกฝัง!

หงส์หยกผงะเมื่อในห่อนั้นเหลือแต่นาฬิกา แหวนเพชรหายไปแล้ว เอะใจขึ้นมาก็ซุกห่อนาฬิกาไว้ตามเดิมแล้วรีบออกจากห้องไปถามป๊าที่กำลังฟังฟุตบอลถ่ายทอดสดทางวิทยุ ป๊าสบถอย่างหัวเสียเมื่อทีมที่ตนเชียร์แพ้

หงส์หยกถามป๊าว่าไปยุ่งกับตู้เสื้อผ้าตนอีกแล้วใช่ไหม ป๊าบอกว่าเห็นมันรกเลยช่วยจัดให้ แค่นี้ทำไมต้องโวยวายด้วย หงส์หยกพูดอย่างรู้ทันว่าป๊ามารื้อเอาของไปขายใช้หนี้บอลใช่ไหม ป๊าปฏิเสธลั่นว่าบอลอะไรที่ไหนตนไม่เค้ย...ไม่เคย

“เอาของของหนูคืนมา” หงส์หยกแบมือไปตรงหน้า ป๊าก็ยังปากแข็งว่าไม่ได้เอาอะไรไป ถามว่าแล้วอะไรที่หายไป พอหงส์หยกบอกว่าแหวนเพชรก็ถูกป๊าปรามาสว่าหน้าอย่างนี้หรือจะมีแหวนเพชร ถามว่าไปขโมยของใครมาใช่ไหม เมื่อถูกคาดคั้นมากเข้าป๊าก็โบ้ยให้พ้นตัวว่า “เจ้าของเขาอาจจะมาทวงคืนมั้ง” ทำเอาหงส์หยกผวาเฮือก สุดท้ายก็ทำได้แค่ขู่ว่าอย่าให้รู้ว่าป๊าเอาไปก็แล้วกัน

ที่แท้ป๊าขโมยไปจริงๆ หวังเอาไปขายใช้หนี้พนันบอลที่ถูกเจ้าหนี้ตามทวงยิกๆ ป๊าเอาแหวนที่ห่อในกระดาษออกมา หยิบแหวนไว้ โยนกระดาษที่ห่อทิ้ง ปรากฏว่ากระดาษที่ห่อแหวนนั้นเป็นกระดาษลงยันต์!

ooooooo

จู่ๆริลณีก็คิดถึงของรักของตนขึ้นมาจนเป็นกังวล เตชินบอกว่าถ้าเราไปคิดถึงของรักที่หายไปก็มีแต่จะเสียดาย อย่าไปคิดเลย แต่ริลณีทำใจไม่ได้ จิกตาพึมพำ

“รินจะเอาของของรินคืน!”

หงส์หยกพยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่าของรักของริลณีคงไม่ใช่แหวน แต่ถ้าใช่ขืนบอกตุลเทพกับเชิงชายไปทั้งสองต้องดูถูกและเลิกคบตนแน่ๆ คิดแล้วยิ่งเครียด

พลันก็สะดุ้งเฮือกเมื่อมีเสียงทุบประตูตู้ปังๆๆๆ! หงส์หยกทำใจกล้าเปิดตู้ดูก็ไม่มีอะไร เห็นแต่เสื้อที่ห่อนาฬิกากับแหวนวางเด่นอยู่ พลันก็ได้ยินเสียง... “เอาแหวน กู คืน มา...”

หงส์หยกหันมองตามเสียง เห็นผีริลณีนั่งห้อยขาอยู่บนตู้เสื้อผ้ามองลงมาอย่างเอาเรื่องแล้วกระโจนใส่หงส์หยกทันที

“กรี๊ดดดด...” หงส์หยกแผดเสียงลั่น

หงส์หยกตกใจเสียงตัวเองสะดุ้งตื่นจึงรู้ว่าฝันไป มองไปบนตู้เสื้อผ้าก็ไม่เห็นอะไร พลันก็มีเสียงปังๆๆ จากในตู้อีก คราวนี้หงส์หยกทนไม่ไหว คว้าหมอนกอด เอาผ้าห่ม แล้ววิ่งออกจากห้องไปทันที

ooooooo

คุณหญิงจิตรากับพิสมัยยังหาทางที่จะให้เตชิน กับชมพูได้แต่งงานกัน โดยคุณหญิงจะให้นายพลณรงค์ไปคุยกับพิชัย คุณหญิงบอกว่าเวลานี้มีแมวขโมยที่จ้องจับเตชินอยู่ ฉะนั้นเราต้องหา “ไม้กันหมา” ไปกันพวกแม่สาวมือไวเหล่านั้น

หมูหวานกับสมหมาย สองพ่อลูกถูกส่งไปเป็น “ไม้กันหมา” ที่บ้านทรงไทย ไปเจอสร้อยจอมแสบสุดซ่าออกมาต้อนรับ แสดงความยินดีที่คุณผู้หญิงส่งคนรู้ใจมาช่วยปราบนางชะนีร้าย สร้อยอ่อยสมหมายจนหมูหวานหมั่นไส้ขัดคอว่า

“พอเลยป้า เขาให้มากันชะนีไม่ใช่หาสามี ถึงจะอยู่บ้านเดียวกัน แต่พวกเราต่างคนต่างอยู่” แล้วชวนพ่อไปกัน สร้อยรีบเข้ามาดึงมือสมหมายชวนไปดูบ้านกัน หมูหวานจี๊ดขึ้นมา เปรยประชดว่า “สงสัยงานนี้ไม่ใช่กันคุณเตชินอย่างเดียว สงสัยต้องกันกิ๊กพ่อด้วย!!”

คุณหญิงจิตราดำเนินแผนการของตนอย่างต่อเนื่อง โทร.เรียกนักสืบให้สืบว่าผู้หญิงที่ชื่อริลณี รักถิ่น ตอนนี้เป็นยังไง อยู่ที่ไหน คบกับใคร ทำงานอะไร สืบทุกเรื่องให้ละเอียดที่สุดและเร็วที่สุดด้วย พอวางสายจากนักสืบ คุณหญิงพึมพำ

“ริลณี!! ถ้าเธอกลับมายุ่งกับลูกชายฉันจริง ฉันไม่เอาเธอไว้แน่!!”

ooooooo

เตชินเล่าเรื่องการยกเลิกงานแต่งงานกับชมพูให้ชัชฟังขณะนั่งทานอาหารกันอยู่ที่ร้าน เตชินบอกว่าชมพูยกเลิกงานแต่งเพราะรู้ว่าตนไม่ได้รัก ชัชถามว่าแล้วเขารักใคร?

“แกก็รู้ว่าฉันรักริน...แล้วตอนนี้ฉันกับรินเรามาอยู่ด้วยกันแล้วด้วย” ชัชเหวอแล้วเหวออีกถามว่ายังมีเรื่องอะไรจะเซอร์ไพรส์ตนอีกไหม เตชินบอกทันทีว่า “มี...ฉันจะพาแกไปเจอริน!!”

หมูหวานชวนสมหมายขึ้นไปดูข้างบนกัน สร้อยบอกว่าบนเรือนมันโซนอันตราย เดี๋ยวถูกผีหลอกไม่รู้ด้วย หมูหวานย้อนถามว่าถ้าไม่ขึ้นไปดูแล้วจะรู้ได้ยังไง

จับมือสมหมายจะพากันขึ้นไป แต่สมหมายใจไม่ถึงบอกหมูหวานว่าขอดูห่างๆดีกว่าแล้วแกะมือหมูหวานออก หมูหวานโมโหเลยสะบัดหน้าเดินไปคนเดียว

เตชินขึ้นไปบอกริลณีว่าวันนี้มีแขกมาเยี่ยมชื่อชัช ริลณีชะงักถามว่า

“คนที่เขาเคยบอกว่าเขามีสัมผัสที่หกเห็นผีใช่ไหมคะ”

“คนนั้นแหละ แต่เรื่องเห็นผีเนี่ย พี่ว่ามันขี้โม้ คบกันมาตั้งหลายปีไม่เห็นมันจะเห็นอะไรสักอย่าง” บอกริลณีว่า “ให้ชัชกับรินสนิทสนมกันไว้เผื่อมีเรื่องอะไรก็จะได้พึ่งพากันได้” ทั้งเชื่อว่า “ชัชเขาไม่มีทางเอารินไปพูดเสียๆหายๆแน่”

“ค่ะ” ริลณีจำต้องรับคำ

เมื่อพาชัชมาแนะนำให้รู้จักกัน ชัชมองไม่เห็นริลณีก็ถูกเตชินหาว่าเล่นมุก ริลณีจึงแสดงตัวให้เห็น พอเตชินแนะนำให้รู้จักกัน ชัชก็โม้ไม่หยุด แล้วทักว่าริลณีหน้าซีดถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ไม่เพียงเท่านั้นชัชยังได้กลิ่นธูปด้วย พึมพำว่า

“แถวนี้ไม่มีวัด หรือศาลเจ้าไม่ใช่หรือ” เตชินไม่ได้กลิ่นถามริลณีเธอก็ไม่ได้กลิ่น เตชินบอกชัชว่าเลิกเล่นมุกได้แล้ว ริลณีไม่สบายใจจะปลีกตัวไปเอาน้ำให้ เตชินบอกให้เธอคุยกับชัชตนจะไปเอาให้เอง

ชัชยังคุยไม่หยุด จนหมูหวานโผล่มาเห็น เขม้นมองสงสัยว่าทำไมเพื่อนเตชินยืนพูดคนเดียว สงสัยว่าหรือจะมีคนอื่นอีก เมื่อมองไม่เห็นคู่สนทนาของชัชก็สงสัยว่า “หรือยายมนุษย์ป้าจะพูดจริง เรื่องบนนี้มีผี!! ไม่เอาดีกว่า” หมูหวานวิ่งแน่บไป

ส่วนชัชก็ยังคุยติดลม ได้ยินเสียงหมาหอนแว่วมาแต่ริลณียังนั่งเฉย ชัชชมว่าเธอเก่งมากหมาหอนขนาดนี้ยังนิ่งไม่กลัวสักนิด ริลณีพูดหน้านิ่งว่า “ก็แค่หมาหอนนี่คะ” ชัชบอกว่าคนเขาว่ากันว่าหมาหอนแบบนี้แสดงว่ามันเห็นผี ถ้าตนอยู่คนเดียวมีหวังประสาทหลอนแน่ ริลณีถามว่า “คุณชัชกลัวผีเหรอคะ”

“กลัวสิครับ ถึงผมจะเห็นบ่อยๆ แต่ผมก็ยังกลัวอยู่” ริลณีลองเชิงว่าเขาแยกออกอย่างไรว่าไหนผีไหนคน ชัชโม้ว่าดูไม่ยากบรรยายฟุ้งว่า “ถ้าคนก็เหมือนเรา แต่ถ้าผีก็มาทั้งภาพทั้งเสียง บางตัวก็ปกติและบางตัวซีด บางตัวก็มีกลิ่นเน่า บางตัวทั้งเน่าทั้งเละ แต่ส่วนมากจะมาเป็นกลิ่นธูป บรื๊ยยย...แล้วรินไม่กลัวผีเหรอครับ”

“สำหรับริน ผีไม่น่ากลัวกว่าคนหรอกค่ะ” ริลณีตอบเสียงเครียด

ชัชออกท่าออกทางมากไปพระที่ห้อยคอโผล่ออกจากเสื้อรัศมีพุทธฤทธานุภาพจากพระที่คอชัช แผ่มาที่ริลณีจนเธอซีด ชัชทักว่าหน้าเธอซีดกว่าเดิมอีก ขยับเข้าไปดูใกล้ๆ ทำให้ริลณีกลัวถอยหลังกรูดจนไม่สามารถประคองร่างไว้ได้ ตัวเริ่มโปร่งแสงและกะพริบเลือนหายเป็นระยะ ริลณีหาทางไปจากตรงนั้นบอกชัชว่าท่าทางตนจะไม่สบายจริงๆ ขอตัวไปที่ห้องก่อน

ริลณีวิ่งไปสวนกับเตชินที่เอาน้ำมา เตชินถามชัชงงๆว่าริลณีวิ่งไปไหน ชัชบอกว่าเธอไม่ค่อยสบาย บอกเตชินว่ารู้สึกบ้านนี้แปลกๆ ถามว่าตอนมาอยู่เอาพระเข้าบ้านหรือยัง พอเตชินบอกว่ายัง ชัชหวังดีถอดพระที่ห้อยคอให้ เพื่อบ้านนี้จะได้มีอะไรที่เป็นสิริมงคลบ้าง

ริลณียืนมองอยู่ด้วยความไม่สบายใจมาก จนเห็นเตชินขอบใจชัชที่ให้พระ

“ดูแลแฟนให้ดีหน่อยสิวะ ปล่อยให้ไม่สบายแบบนี้ได้ไง เสียชื่อชายหนุ่มผู้แสนดีหมด” ชัชบ่นเพื่อนแล้วขึ้นรถขับออกไป เตชินเดินกลับเข้าบ้านไม่รู้ตัวว่ามีแมวดำตามเข้าไปด้วย

พอเตชินจะเอาพระคล้องคอก็เกิดประตูหน้าต่างบ้านปิดปังๆ เตชินไม่สนใจจะเอาสร้อยพระคล้องคออีก คราวนี้รูปที่แขวนบนผนังร่วงลงมากระจกแตกกระจาย เตชินจึงวางสร้อยพระกับโทรศัพท์แล้วก้มเก็บเศษกระจกกรอบรูป แมวดำจ้องตาแดงก่ำอย่างแมวปีศาจ แล้วแอบมาคาบสร้อยพระกระโดดหนีไป

เก็บเศษกระจกเสร็จเตชินหันมาจะเอาสร้อยพระกับมือถือ บนโต๊ะเหลือแต่โทรศัพท์แต่สร้อยพระหายไปแล้ว!

“หายไปได้ยังไง?!” เตชินงงมาก

ooooooo

เมื่อเข้าไปในห้อง เตชินบ่นว่าไม่รู้พระที่ชัชให้ไว้หายไปไหน พอจับมือริลณีเขาสะดุ้งถามว่าทำไมมือเย็นอย่างนี้ไม่นึกว่าเธอจะไม่สบายขนาดนี้ บ่นตัวเองว่าไม่น่าพาชัชมาพูดมากจนทำให้เธอปวดหัวเลย

ริลณีขอร้องว่าตนอยากอยู่กับเขาเพียงสองคนอย่าพาใครมาที่นี่อีกเลย เตชินบอกว่าที่พาชัชมาเผื่อตนไม่อยู่จะได้พึ่งเขาได้ เพราะตนต้องไปทำงานที่โรงแรมของเอกราชให้เสร็จ ฉะนั้นคงต้องไปๆมาๆ

“อย่าไปเลยค่ะ ขับรถทางไกลอย่างนั้นมันอันตราย รินไม่อยากให้คุณไปทำงานกับเขา” เตชินย้ำว่าเราเคยพูดเรื่องนี้กันแล้วไม่ใช่หรือ เดี๋ยวจะไปเอายามาให้กิน พอเตชินออกไป ริลณีพึมพำแค้น “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ ว่าพวกแกกำลังทำอะไร ฉันไม่มีวันปล่อยให้พวกแกยุ่งกับเตชินเป็นครั้งที่สองแน่” แล้วริลณีก็หายไปจากตรงนั้นทันที

ริลณีไปที่เพ้นท์เฮาส์ของเอกราช เห็นเอกราชกับปริมลดากำลังดื่มฉลองกัน ได้ยินปริมลดาวางแผนจะรวบหัวรวบหางเตชิน เพราะคนอย่างเตชินถ้ามีพันธะกับใครแล้วเขาต้องรับผิดชอบแน่นอน ยิ่งเมื่อเจอคนอย่างตนรับรองเตชินต้องไม่อยากกลับไปหาผู้หญิงคนไหนอีกแน่

ริลณีเคาะประตูเรียก พอเอกราชมาเปิดประตูเธอก็จ้องตาสะกดจิตทันที เมื่อเอกราชเดินกลับมาในสภาพเลื่อนลอยตรงไปที่ระเบียงชั้นสอง ปริมลดาถามว่า “นายจะไปไหน?” แล้วลุกตามเอกราชไป เจอริลณียืนเผชิญหน้าสะกดจิตไปอีกคน

“รู้ใช่ไหมว่าจุดจบของพวกแกต้องเป็นยังไง?” ริลณีคำราม มองตามทั้งสองเดินไปที่ระเบียงอย่างคนถูกสะกดจิต ริลณีเตรียมจะผลักทั้งสองตกจากระเบียงลงไปตาย พลันก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงหลวงพ่อแว่วมาว่า

“หยุดเถอะโยม! ถ้าโยมทำบาปก่อเวรสร้างกรรมขึ้นมาอีก เวลาที่โยมจะได้อยู่กับคนที่โยมรักก็น้อยลง อย่าทำอย่างนี้เลย เชื่ออาตมาเถอะ”

ริลณีชะงักแล้วแว่บหายไปจากตรงนั้น ไปหา หลวงพ่อที่นั่งทำสมาธิอยู่ระเบียงที่วัด ถามหลวงพ่อว่าทำไมต้องห้ามตนในเมื่อคนพวกนี้กำลังจะทำร้ายคนที่ตนรัก

“เพราะอาตมาไม่อยากเห็นโยมทำผิดมากไปกว่านี้ ยิ่งโยมทำร้ายคนอื่น ก็ยิ่งทำลายให้ตัวเองต้องตกอยู่ในขุมนรกไม่จบไม่สิ้น และไม่มีวันที่โยมจะได้กลับมาอยู่กับคนที่โยมรักอีกไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหนๆ โยมอยากให้เป็นแบบนั้นหรือ”

ริลณีบอกว่าไม่อยาก ตนเพียงขออยู่กับคนที่ตนรักอย่างสงบสุขเท่านั้น

“อย่างนั้น โยมต้องเลิกผูกจิตพยาบาทอาฆาตกับทุกคน อย่าคิดทำร้ายหมายชีวิตพวกเขา เพราะแค่โยมคิดก็เท่ากับว่าโยมลงไปอยู่ในนรกแล้ว”

ริลณีติงว่าคนพวกนั้นเคยทำร้ายตน หลวงพ่อบอกว่าเขาจะได้รับกรรมของเขาเอง ริลณีจึงทำตามที่หลวงพ่อบอก เพื่อจะได้อยู่กับเตชินอย่างสงบ แล้วริลณีก็หายตัวไปกลับไปกอดเตชินที่หลับอยู่ บอกเขาด้วยความรักอย่างสุดซึ้งว่า

“ถ้าความอาฆาตแค้นของรินจะทำให้เราสองคนต้องพรากจากกัน รินจะขอหยุดมันตราบเท่าที่ไม่มีใครมาวุ่นวายกับความรักของเราอีก”

ooooooo

เอกราชพาชมพูไปฝึกเต้นลีลาศที่โรงเรียนสอนลีลาศ ชมพูเพลิดเพลินกับการเรียนจนหายเศร้า

บังเอิญเอทีเอ็มไปทำธุระที่นั่นเห็นเข้า เขามองเอกราชกับชมพูอย่างแปลกใจ ได้ยินขาเม้าท์แถวนั้นสองคน

ตามองเอกราชกับชมพูเต้นรำปากก็เม้าท์กันว่า เอกราชใช้มุกสอนเต้นรำทีไรผู้หญิงเสร็จทุกที จำชมพูได้ก็บอกกันว่าน่าสงสารที่เลิกงานแต่งแล้วมาเจอคนใหม่อย่างเอกราชน่าสงสารกว่าเดิมอีก

เอทีเอ็มฟังขาเม้าท์ทั้งสองแล้วก็เป็นห่วงชมพู

เต้นรำเสร็จเอกราชถามชมพูว่าจะไปไหนตนจะไปส่ง เธอตอบอย่างรู้ทันว่าไม่ต้อง เอกราชเลยไม่เซ้าซี้บอกว่าถ้ามีอะไรก็โทร.หาได้

ส่วนปริมลดาก็รุกเตชินต่อเนื่อง ไปอ่อยเขาถึงโรงแรมที่พัทยา บอกว่าที่ตามมาก็เพราะต้องการรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น เตชินบอกว่าไม่ต้องเพราะมันเป็นแค่ข่าวไร้สาระเท่านั้น ปริมลดายังพยายามอ่อยจนเตชินเตือนเธอว่า

“คุณควรคิดว่าคุณเป็นเพื่อนของชมพู” เธออ้างว่าเขาเลิกกับชมพูแล้วจะต้องแคร์อะไรอีก เลยถูกเตชินตัดบทว่า

“ถ้าคุณปริมลดาจะมาพูดเรื่องอะไรที่ไร้สาระแบบนี้ ผมขอตัว” พอเตชินผละไป ปริมลดาก็จิกตาคำราม

“เตชิน!! คอยดูเถอะ ฉันต้องทำให้นายมาสยบแทบเท้าฉันให้ได้!”

ooooooo

เอทีเอ็มไปติวหนังสือให้เด็กๆที่มหาวิทยาลัย เจอชมพูไปนั่งเศร้าที่ริมสระน้ำเหมือนคิดถึงความหลัง เอทีเอ็มบอกว่าเมื่อกลางวันเห็นเธอเต้นรำกับเอกราช เอทีเอ็มแสดงความเสียใจเรื่องงานแต่งงานของเธอ

ชมพูปรารภว่าเมื่อไม่ได้จัดงานแต่งชีวิตเลยว่างมากไม่รู้จะทำอะไร เอทีเอ็มเสนอให้เธอมาสอนรำที่ชมรมนาฏศิลป์อาจารย์นาฎบอกว่าถ้าเธอจะมาสอนนักเรียนที่นี่ครูจะยินดีมาก ชมพูดีใจรับปากว่าตนจะมาช่วยอาจารย์ไม่ต้องห่วง

“คิดถึงริลณีนะถ้าเขาได้กลับมาช่วยครูอีกคนก็คงดี” อาจารย์นาฎเอ่ย พอได้ยินชื่อริลณี ชมพูดก็พึมพำว่าริลณีอีกแล้วหรือ พลันหูก็แว่วเสียงริลณีที่เคยพูดว่า

“จำเรื่องของเราให้ได้นะชมพู...จำเรื่องของเราให้ได้...” นึกถึงวันที่ริลณียื่นจี้นางให้ตนไว้เพื่อเป็นกำลังใจ พร้อมกับบอกเธอว่า “จี้นางอันนี้ รินจะใส่ทุกครั้งเวลาที่ตื่นเต้น รินให้ชมพูยืมจ้ะ” คิดแล้วชมพูเครียดกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อจนเลือดไหลออกมาเป็นทาง เอทีเอ็มตกใจคว้ามือไปดูถามว่าเป็นอะไร ชมพูเริ่มปวดหัว ครางออกมา

“โอ๊ย...ทำไมทุกครั้งที่เราพยายามคิดถึงริลณี เราต้องปวดหัวแบบนี้ด้วย”

อาจารย์นาฎบอกให้เอทีเอ็มรีบพาเธอไปพักก่อน เอทีเอ็มบอกว่าอาจารย์ไม่ต้องห่วง ตนจะดูแลชมพูเอง แล้วประคองชมพูที่กำลังปวดหัวรุนแรงออกไป

ooooooo

เอทีเอ็มเอายาแก้ปวดให้ชมพูกินและเอาผ้า เช็ดหน้าซับเลือดที่มือให้ ชมพูพูดอย่างเกรงใจว่าทำให้เขาลำบาก เอทีเอ็มพูดอย่างห่วงใยว่าทีหลังถ้ารู้ว่าคิดอะไรแล้วปวดหัวก็อย่าไปคิด ส่วนเรื่องริลณีนั้นถ้าอยากรู้อะไรเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังเอง

เอทีเอ็มบอกชมพูว่าถ้าอยากจะหาอะไรทำก็แวะมาที่บ้านเด็กกำพร้ารับรองมีงานให้ทำเพียบ ชมพูมองหน้า สัญญาว่ามาแน่นอนฝากบอกเฟื่องฟ้าด้วยว่าวันหลังจะซื้อของมาฝากเด็ก พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า

“ขอบคุณสำหรับวันนี้มากเลยนะ ฉันมีความสุข มากๆเลย ดีใจจริงๆที่ได้เจอนาย” พอดีรถตู้มาจอดรอรับ ชมพูโบกมือบ๊ายบายแล้วขึ้นรถกลับไป เอทีเอ็มมองตาม ชมพูเผลอยิ้มออกมาอย่างมีความสุขไม่รู้ตัว

เฟื่องฟ้าถามเอทีเอ็มว่าเรื่องที่ชมพูยกเลิกงานแต่งกับเตชินจะเกี่ยวกับริลณีหรือเปล่า เอทีเอ็มบอกว่าไม่น่าเกี่ยว เฟื่องฟ้าถามว่าวันที่เรากินปิ้งย่างกัน ดูๆเตชินกับริลณีจะยังไงๆกันอยู่นะ เอทีเอ็มติงว่าอะไรที่เราไม่รู้ ก็อย่าเพิ่งพูดไป ใครมาได้ยินจะหาว่ารินเป็นคนไม่ดี

“รินจะเป็นคนไม่ดีได้ยังไง ในเมื่อรินกับคุณเตชิน เขารักกันมาตลอด ถ้าไม่มีคนมาขัดขวางป่านนี้แฮปปี้เอ็นดิ้งกันไปแล้ว” เอทีเอ็มผสมโรงว่างั้นก็น่าสงสารชมพูที่ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักตัวเอง แต่ก็ดีแล้วที่ยกเลิกงานแต่งไป “แหมๆ ทุกทีเข้าข้างรินมาตลอด ไปเจอชมพูทีเดียวเปลี่ยนใจไปเข้าข้างเขาแล้ว คิดอะไรกับชมพูรึเปล่าเนี่ย??”

พอถูกเฟื่องฟ้าแซว เอทีเอ็มก็แก้ตัวเขินๆ ว่าก็แค่สงสารและเป็นห่วงกลัวเอกราชจะทำอะไรไม่ดีให้ชมพูเสียใจ

“ให้เท่านั้นจริงๆเถอะเอทีเอ็ม...อย่าลืมว่าเราเป็นหมากำพร้า ดอกฟ้าเขาไม่หันมามองหรอก จำเอาไว้ด้วย”

เอทีเอ็มพยักหน้าซึมๆอย่างเจียมตัว

ooooooo

ด้วยความกลัวจะถูกผีริลณีมาทวงของรักคืน หงส์หยกไปสารภาพกับพวกปริมลดา ถูกปริมลดาด่าว่าถ้าไม่โดนผีริลณีหลอกก็คงไม่คิดจะมาเล่าเรื่องขโมยแหวนใช่ไหม หงส์หยกสารภาพว่ากลัวถูกพวกเธอเกลียด

หงส์หยกถูกปริมลดาและเอกราชรุมด่าจนร้องไห้ ประวิทย์บอกเพื่อนว่าเรื่องอื่นไว้ค่อยพูดกัน ถามหงส์หยกว่าแล้วตอนนี้แหวนอยู่ไหน หงส์หยกบอกว่าไม่รู้ ตนไว้ในบ้านแล้วมันก็หายไป เชิงชายฟันธงว่าคนในบ้านนั่นแหละขโมยไป หงส์หยกบอกว่าตนถามป๊าแล้วป๊าไม่รู้เรื่อง

“ไปหาแหวนมาให้ได้ ไม่งั้นเธอตายก่อนผีนังนั่นมาฆ่าแน่” เอกราชขู่ หงส์หยกลนลานวิ่งกลับไปทันที

คราวนี้ป๊ายอมรับกับหงส์หยกว่าเอาแหวนไปขายแล้ว หงส์หยกตกใจแต่ไม่กล้าบอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น ได้แต่คาดคั้นว่าป๊าเอาไปขายที่ไหน ถ้าตนหาแหวนไม่ได้ ตนอาจจะต้องตาย!

ป๊าเอาแหวนเพชรไปขายที่ร้านขายของเก่า แต่วันนี้เจ๊แกรับซื้อไว้หลายวงขณะถือถุงพลาสติกใส่แหวนจะเข้าร้านถูกคนร้ายมาฉกถุงไป เจ๊ร้องโวยวาย น้าไหวกับกล้าผ่านมาเลยทำหน้าที่พลเมืองดีเข้าช่วย คนร้ายวิ่งหนีสะดุดล้มถุงใส่แหวนหลุดจากมือ มันไม่กล้ากลับไปเอาเพราะเห็นน้าไหวกับกล้ามากันสองคน

น้าไหวนึกกระหยิ่มว่าวันนี้ทำความดีต้องมีอะไรเป็นสินน้ำใจบ้าง แต่ผิดคาด พอเจ๊แกรับถุงก็เชิดเข้าบ้านไปเลย แต่ยังโชคดีที่แหวนเพชรวงนั้นกระเด็นตกที่พื้น น้าไหวไปหยิบ ดีใจที่ได้ลาภลอย

ooooooo

คุณหญิงจิตราให้นักสืบไปสืบประวัติริลณี แต่สืบได้แค่ตอนอยู่ในมหาวิทยาลัยพอจบออกไปแล้วสืบไม่ได้เลย คุณหญิงเลยออกสืบเอง ลิ่วไปที่บ้านเรือนไทยหมายจับให้ได้คาหนังคาเขา

เตชินหน้าเสียที่เห็นแม่มา ส่วนสร้อยกับไม้กันหมาสองพ่อลูกก็ดี๊ด๊าเสนอหน้ามาช่วยหา แต่หาทุกห้องทุกซอกมุมก็ไม่เห็นใคร ซ้ำข้าวของเครื่องใช้ก็ไม่มีให้เป็นหลักฐาน จึงไปหาที่บ้านเด็กกำพร้า เอทีเอ็มกับเฟื่องฟ้าบอกว่าริลณีไม่ได้อยู่ที่นี่ก็ไม่เชื่อจะบุกเข้าไปให้ได้ เอทีเอ็มขู่ว่าถ้าเข้ามาจะเจอข้อหาบุกรุก คุณหญิงเลยให้ชายฉกรรจ์ที่พามาสองคนทำร้ายเอทีเอ็มและเฟื่องฟ้าจนคางเหลืองแล้วจะลุยเข้าไป

ริลณีทนไม่ได้ปรากฏตัวออกไปถามคุณหญิงว่าอยากเจอตนใช่ไหม คุณหญิงปรามว่าอย่ามายุ่งกับลูกชายตนถ้าไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เยาะเย้ยว่าถึงตอนนั้นก็ไม่มีใครทำอะไรตนได้

“เพื่อนฉันทำอะไรคุณไม่ได้ แต่ฉันทำได้” แล้วริลณีก็เพ่งที่คุณหญิงอึดใจเดียวเสื้อผ้าก็ติดไฟจนคุณหญิงร้องลั่นพวกที่มาด้วยต้องเอาน้ำสาดกันจนคุณหญิงตัวเปียกผมลู่ดูไม่จืด!

พอคุณหญิงกลับไป ริลณีบอกเฟื่องฟ้ากับเอทีเอ็ม ว่า “ฉันสัญญาว่าจะไม่ยอมให้เขาทำแบบนี้กับพวกเธออีกแล้ว”

พอรู้ว่าป๊าเอาแหวนไปขายที่ไหน หงส์หยกกับพวกปริมลดาก็ไปที่ร้านขายของเก่าขอซื้อแหวนคืน เจ๊โก่งราคาว่าราคาสามหมื่น เอกราชควักให้สี่หมื่นเลยจะได้หมดเรื่องไป

แต่ปรากฏว่าหงส์หยกจำแหวนวงนั้นไม่ได้ จำได้ แต่ว่ามีสายสิญจน์เส้นเล็กๆผูกไว้ แต่ที่เจ๊เอาออกมาให้ดูไม่มีสายสิญจน์สักวง ถูกเอกราชกระซิบข้างหูดุดันว่า “จำให้ได้เดี๋ยวนี้” หงส์หยกตกใจเลยโมเมว่าใช่ เจ๊เลยหวานคอแร้งไปสี่หมื่นบาท
พวกปริมลดาได้แหวนแล้วก็โล่งใจกันว่าต่อไปนี้ผีริลณีก็ทำอะไรพวกตนไม่ได้แล้ว เอาแหวนไปให้เขาหลอมทันที

ooooooo

ริลณีไปกราบหลวงพ่อ บอกว่าตอนนั้นเห็นเพื่อนถูกทำร้ายตนทนไม่ได้จริงๆ หลวงพ่อเตือนให้ต้องฝึกจิตให้เข้มแข็งจะทำให้รู้ทันความรู้สึกตัวเอง และหยุดได้ก่อนที่จะทำอะไรผิดลงไปอีก

“ฉันจะไม่ทำชั่ว ฉันอยากอยู่กับคนที่ฉันรักไปอีกนานๆ” ริลณีก้มไหว้หลวงพ่อ ท่านยิ้มอย่างพอใจ

ชัชนัดพบเตชินที่ร้านอาหารเอาข้อมูลมาให้เพื่อเขาจะได้ลดเวลาเดินทางไปทำงานลง ถามว่าเขาบ้างานแบบนี้ริลณีไม่บ่นหรือ เตชินบอกว่าไม่บ่นแต่ตนรู้สึกมีอะไรแปลกๆ เล่าว่า เหมือนริลณีจะรู้อะไรล่วงหน้าไปหมด แล้วเล่าเรื่องที่ผ่านมาล่าสุดว่า เธอฝากยาไฟไหม้ไปให้คุณแม่ พอเอาไปให้คุณแม่ต้องการใช้พอดี

ชัชคาดว่าริลณีอาจมีเซนส์ พอดีเห็นเอกราชกับ ชมพูเดินเข้ามาด้วยกัน ชัชถามว่าเอกราชจีบชมพูหรือเปล่า เตชินบอกว่าเขารู้จักกันมานานแล้วเป็นเพื่อนกัน ชัชยุให้ไปทักทาย พอเตชินเข้าไปทักทาย ทำให้ริลณี ที่ดูอยู่กำมือแน่นไม่พอใจมาก

วันนี้ริลณีไปปฏิบัติธรรมที่วัดหลวงพ่อคง หมอผีเจ๋งเข้าไปจ้องริลณีบริกรรมคาถาแล้วพึมพำ

“จงมาเป็นทาสข้า จงรับคำสั่งข้า...จงมาเป็นทาสข้า!!!”

ริลณีรู้สึกตัวคำรามอย่างโกรธจัด “ถ้าคิดว่าจะบังคับฉันได้ ก็ลองดู”

ริลณีถูกหมอผีเจ๋งเล่นงานจนเหมือนวิญญาณถูกดูดหายไปจนเธอร้องอย่างเจ็บปวด...กล่าวอาฆาตหมอผีเจ๋ง หลวงพ่อเตือนสติว่าโทสะไม่เคยเอาชนะสิ่งใดได้ จิตที่เป็นสมาธิต่างหากที่จะช่วยให้ฝ่าอุปสรรคทุกประการ

หมอผีเจ๋งเข้าใกล้ริลณีมากขึ้นทุกที พลันก็เกิดแสงสว่างเจิดจ้าขึ้น หมอผีเจ๋งผงะกระเด็นไปชนผนังอย่างแรง

“นังผีนี่มันร้ายกว่าที่ข้าคิดเสียแล้ว” หมอผีเจ๋งเอามือเช็ดเลือดคำรามอย่างโกรธจัด

ริลณีกราบขอบคุณหลวงพ่อที่เตือนสติ ท่านบอกให้จำไว้ว่าถ้าเราปล่อยให้โทสะเข้าครอบงำชีวิตก็วิบัติ

“จิตของโยมอ่อนแรง หมั่นเจริญสติ เพียรเผากิเลสในใจอยู่เสมอเถิดโยม” หลวงพ่อเดินผ่านไป ริลณีมองร่างตัวเองที่ยังกะพริบๆอยู่อย่างกังวล

ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น