วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร แหวนสวาท ตอนที่ 11


นงรามถูกผีตายทั้งกลมตามประกบจนหวาดกลัวไม่เป็นตัวของตัวเอง องุ่นเชื่อว่าเธอโดนผีเข้าเพราะตั้งแต่กลับจากบ้านบรรจบก็มีอาการแปลกๆตลอดเวลา พูดซ้ำไปซ้ำมาว่าผีหลอก จึงบอกสุนทรีให้หาทางแก้ไขก่อนที่จะสายเกินไป

แทนที่สุนทรีจะคล้อยกลับเห็นเป็นคนละอย่างกับองุ่น “ยัยนงไม่อยากแต่งงานกับคุณบรรจบมั้ง ก็เลยหาเหตุทำเป็นโดนผีหลอก”

“ไม่จริงค่ะ หงุ่นยืนยันคุณหนูไม่ได้เป็นคนแบบนั้นแน่”

“เข้าข้างกันจริง แล้วทำไมแกถึงเชื่อว่ายัยนงถูกผีเข้าล่ะ”

“คุณนงน่าจะโดนคุณไสยค่ะคุณผู้หญิง ถึงได้ยอมตกลงอะไรง่ายๆ”

“ต่อให้เป็นคุณไสยร้อยแปดวิชาฉันก็ยอม ถ้าผีเข้าแล้วได้เป็นสะใภ้เศรษฐีมันก็คุ้มไม่ใช่เหรอ”

องุ่นอึ้งพูดไม่ออก เหนื่อยใจกับความดันทุรังของสุนทรีเสียจริง...ด้านแพรวพรรณที่ดีใจได้หลุดพ้นจากบรรจบเสียที เพราะสุนทรีพานงรามมาแสดงตัวว่าเป็นเมียบรรจบ ทำให้พ่อของเธอปฏิเสธที่จะเกี่ยวดอง คืนนี้เธอเลยออกไปฉลองกับเรืองรุ้งและพวกวิศิษฏ์ที่ผับแห่งหนึ่ง โดยที่พิศติดตามทุกคนไปด้วยความเป็นห่วง

พิศหยั่งรู้ว่าจะมีไฟไหม้ผับ จึงเตือนวิศิษฏ์ให้รีบพาเพื่อนๆหนีออกไปทันเวลา แต่สำหรับคนที่ไม่รู้ก็บาดเจ็บล้มตายกันจำนวนไม่น้อย

แม้จะปลอดภัยแต่แพรวพรรณก็ตกใจจนโรคหัวใจกำเริบ วิศิษฏ์ต้องอุ้มเธอขึ้นรถไปส่งบ้าน พ่อกับแม่ของเธอตกใจมาก งามเนตรเห็นสภาพลูกสาวป่วยป้อแป้ก็โพล่งขึ้นอย่างไม่พอใจ

“อีกแล้วเหรอ...แม่เห็นเรานัดกับพวกนี้ทีไรมีปัญหากลับมาทุกที”

“เราไปเที่ยวกัน แต่ผับไฟไหม้น่ะครับ”

“เห็นข่าวในทีวีแล้ว ไม่คิดว่าพวกคุณจะไปกันที่นั่น ปลอดภัยแล้วนะแพรว”

“ค่ะคุณพ่อ ขอบคุณคุณศิษฏ์มากที่มาส่งแพรวค่ะ”

“เข้าบ้านก่อนสิคุณ” สุรเดชเอ่ยปาก แต่วิศิษฏ์ปฏิเสธว่าไม่เป็นไร ตนอยากให้แพรวพรรณได้พักผ่อน

“รู้ตัวก็ดีแล้ว...เชิญกลับไปได้” งามเนตรสะบัดเสียงและมองหน้าวิศิษฏ์อย่างรังเกียจ

ชายหนุ่มสัมผัสได้แต่ไม่พูดอะไร นอกจากยกมือไหว้ลาผู้ใหญ่ทั้งสองแล้วกลับออกมา มุ่งหน้ากลับบ้านตัวเองเพื่อคุยกับพิศเกี่ยวกับเหตุการณ์ระทึกขวัญที่ผับ

“คุณพิศ...มีคนตายเยอะมั้ย ไม่น่าเกิดขึ้นเลย นี่ถ้าผมไม่มีคุณพิศ ผมกับเพื่อนๆคงถูกไฟคลอกตายเหมือนคนเคราะห์ร้ายอีกหลายคน”

“ถ้าทำกรรมร่วมกันมา กรรมก็จะชักนำให้ไปรวมกันเจ้าค่ะ คุณเด๋อยังไม่มีกรรมร่วมกับพวกเขา ฉันถึงเตือนคุณเด๋อได้”

“หมายความว่าถ้าเป็นกรรมของผม คุณพิศก็ช่วยผมไม่ได้”

“แต่บางครั้งฉันก็ช่วยเพราะไม่อยากเห็นคนที่ฉันรักทุกข์ใจไปมากกว่านี้”

“เหมือนกรณีนงรามใช่ไหมครับ”

“ใช่...ฉันพูดได้แค่นี้แหละ ไม่อยากจะยุ่งกับกรรมของนงราม”

เวลาเดียวกันนั้น นงรามยังรบรากับผีตายทั้งกลมไม่สิ้นสุด ผีคุกคามจนเธอหวาดกลัวแทบบ้า เธอไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไป มันบอกว่าชอบที่นี่มาก นงรามไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่ร่ำไห้ตัวสั่นราวกับถูกผีเข้า

ฝ่ายบุรียังหนักใจเรื่องสุนทรีพานงรามมาแสดงตัวเป็นเมียบรรจบถึงบ้านต่อหน้าครอบครัวแพรวพรรณ บรรจบเองก็ฮึดฮัดเอาแต่ใจ ยืนกรานกับพ่อว่ายังไงตนก็ไม่แต่งงานกับนงรามเด็ดขาด

“ไม่แต่งก็ไม่แต่ง”

“ไม่แต่ง? ตกลงนังสุนทรีมันยอมรับเงินที่คุณพ่อจะฟาดหัวมันแล้วใช่ไหมครับ”

“เปล่า ถ้ามันอยากเป็นสะใภ้ฉันนัก ฉันก็จะให้มันเป็น”

“อะไรกัน ก็เมื่อกี้คุณพ่อยังบอกว่าผมไม่ต้องแต่ง แล้วทำไม”

“ฉันหมายถึงว่าอยากเป็นเมียก็ให้เป็น แต่ไม่จัดงานแต่งงาน”

“แล้วก็ไม่ต้องจดทะเบียนสมรสด้วย ว่าแต่สองแม่ลูกนั่นจะยอมเหรอครับ”

“มันต้องมีวิธีสิ หน้าที่ของแกก็คือกลับไปขอคืนดีกับหนูแพรวให้ได้”

“ความคิดคุณพ่อนี่เยี่ยมที่สุดเลยครับ” บรรจบลุกขึ้นยืนท่าทางสดชื่นดีใจ เดินผิวปากออกไปโดยไม่สนใจคำถามของพ่อที่อยากรู้ว่าเขาจะไปไหน?

ส่วนงามเนตรแม่ของแพรวพรรณก็ยังทู่ซี้อยากได้บรรจบเป็นลูกเขยอยู่ดี แม้รู้ว่าเขามีนงรามอยู่ทั้งคน เธอพูดอย่างหมายมั่นปั้นมือกับสามีว่า

“ยังไงฉันก็ไม่ยอมให้มันจบแบบนี้ ฉันจะแพ้ไม่ได้...นี่คุณฟังฉันอยู่หรือเปล่า”

“ฟัง...สงสัยอยู่ว่าคุณหญิงไปออกรบที่ไหนเหรอ ถึงได้ทำท่าเหมือนกำลังเสียกรุง”

“เสียลูกเขยแสนดีอย่างพ่อบรรจบนี่ก็เท่ากับสูญเสียทุกอย่างในชีวิตแล้ว ฮึ! มีลูกคนเดียวก็หวังจะให้ได้ดิบได้ดีมีสามีดีๆ”

“รวยๆ”

“นั่นน่ะมันของแน่อยู่แล้ว คุณอย่ามายั่วโมโหฉันนะ”

งามเนตรค้อนสามีปะหลับปะเหลือก จู่ๆสาวใช้วิ่งหน้าตั้งมาบอกว่าแพรวพรรณออกไปแล้ว งามเนตรเลยหงุดหงิดแทบจะกรีดร้อง

ooooooo

แพรวพรรณนัดเรืองรุ้งไปพบวิศิษฏ์ที่สำนักงานเพื่อขอบคุณเขาที่ช่วยชีวิตพวกเราไว้เมื่อคืน บรรจบมาที่บ้านเลยไม่เจอเธอ แต่พอคาดคั้นสาวใช้จนรู้ว่าเธอไปไหน ไอ้หนุ่มเลือดร้อนก็ไม่รอช้า บึ่งรถมุ่งหน้าไปที่นั่นทันที

ทุกคนตกอกตกใจที่บรรจบพรวดพราดเข้ามาตะเบ็งเสียงสั่งแพรวพรรณที่นั่งคุยกับวิศิษฏ์ให้กลับบ้าน

“ไม่กลับค่ะ พี่ไม่มีสิทธิ์สั่งให้แพรวทำอะไร อย่าลืมสิคะ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”

“วันนี้ไม่เป็น วันหน้าก็ต้องเป็น เร็ว! กลับบ้าน”

บรรจบทำท่าจะเข้ามายื้อยุดฉุดมือแพรวพรรณแต่วิศิษฏ์ขวางไว้

“คุณแพรวเขาไม่ไป คุณก็อย่าบังคับใจสิครับ”

“แกยุ่งอะไรด้วย” บรรจบตวาดเสียงเขียว ระรินเยี่ยมหน้าออกมาจากในห้องร้องว้าย ขอร้องอย่ามีเรื่องกัน

แต่ช้าไป...บรรจบปล่อยหมัดเข้าใส่วิศิษฏ์ก่อน สองหนุ่มชกต่อยกันจนผู้คนแตกตื่น กุมารทองชื่อนิลของแพรวพรรณเห็นท่าไม่ดีโดดขึ้นคอบรรจบขย่มจนเขาซวนเซควบคุมตัวเองไม่ได้ ถลาล้มลงกับพื้นแล้วนิลก็หายไป

บรรจบทั้งเจ็บตัวและเจ็บใจ ฝากคำอาฆาตไว้กับวิศิษฏ์ก่อนผลุนผลันกลับออกไปอย่างหัวเสีย เรืองรุ้งกับภาณุสบตากัน เริ่มเห็นความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นในภายหน้า

“ผมแค่ป้องกันตัว ยังไม่ได้ต่อยเขาสักหมัด แล้วทำไม...” วิศิษฏ์สงสัย แพรวพรรณรู้เห็นการกระทำของนิลได้แต่บอกเขาสั้นๆว่า

“คนดีผีย่อมคุ้มครองค่ะคุณศิษฏ์”

ครั้นผละจากทุกคนมา แพรวพรรณก็ถามกึ่งตำหนินิลว่าไปทำเขาทำไม

“ต้องทำสิแม่จ๋า ผู้ชายใจร้ายคนนั้นมีปืนด้วย หนูกลัวเขาเอาปืนเล็กๆยิงพ่อ”

แพรวพรรณสงสัยว่าใครคือพ่อ นิลพูดเสียงดังฟังชัดว่า “ก็ผู้ชายคนที่แม่รักไง” เธอเลยยิ้มเขินๆ ชำเลืองมองไปทางวิศิษฏ์อย่างอายๆ

อีกมุมหนึ่ง ภาณุกับเรืองรุ้งยืนคุยกันสีหน้าเครียดๆ

“รุ้งแน่ใจว่าคุณบรรจบไม่จบแค่นี้หรอกค่ะ เขาเป็นคนผูกใจเจ็บ เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าเขาจะลงมือทำอะไรเท่านั้น”

“นั่นสิ ผมเป็นห่วงเพื่อนผมทั้งสองคน คุณรุ้งด้วย ระวังตัวด้วยนะครับ”

“เตือนคนอื่นน่ะ ระวังตัวเองด้วยนะคะคุณณุ”

สองคนยิ้มหวานใส่กัน ห่วงใยกันและกันอย่างเปิดเผย...ส่วนนิลยังอยู่กับแพรวพรรณ แต่ไม่มีคนอื่นเห็น นิลตามติดเธอตลอดมายืนกอดอกมองเธอสนทนากับวิศิษฏ์ตามลำพัง

“เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่าคะ”

“รู้สึกมือจะซ้นนิดๆ”

“ตายจริง...แพรวนวดให้ค่ะ”

หญิงสาวคว้ามือเขามานวดเบาๆ วิศิษฏ์เก้อๆ เขินๆ อย่างบอกไม่ถูก

“ต้องหาน้ำมันมานวดแล้วล่ะค่ะ แต่ถ้าไม่ดีขึ้นต้องทานยาคลายกล้ามเนื้อนะคะ” แพรวพรรณก้มหน้า

ก้มตาพูด พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นวิศิษฏ์มองอยู่ เธอส่งยิ้มหวานให้เขา...นิลถึงกับบ่นพึมพำอย่างขำๆว่าแม่เราก็ไม่เบาเหมือนกัน...

ooooooo

บรรจบโกรธและอาฆาตวิศิษฏ์มากถึงขนาดจ้างมือปืนชุดเดิมไปลอบยิงเขาอีกครั้งหลังจากพวกมันเคยรับงานแล้วทำไม่สำเร็จ แต่ครั้งนี้บรรจบเพิ่มค่าจ้างเป็นสองเท่า มือปืนเลยข่มความกลัวผียอมไปจัดการ

แต่ผลลัพธ์ก็เป็นอย่างเดิม มือปืนทำงานไม่สำเร็จเพราะพิศกับลิ้นจี่มาช่วยวิศิษฏ์ให้พ้นคมกระสุนได้อีกครั้งตรงหน้าบ้าน ชื่นจิตเห็นเหตุการณ์และเห็นผีผู้หญิงสองตนใส่ชุดไทยช่วยวิศิษฏ์ก็รีบวิ่งเข้ามาเล่าให้เฟื่องขจรฟัง

หลังจากนั้นไม่นานเฟื่องขจรก็เข้ามาในห้องวิศิษฏ์ มองหาสิ่งผิดปกติจนลูกชายสงสัยว่าแม่หาอะไร ตนไม่ได้เอาใครมาซ่อนอย่างที่แม่เข้าใจ

“เปล่า...แต่แม่ไม่สบายใจ”

“เรื่องอะไรครับ”

“มีคนไล่ยิงแกเหรอ” วิศิษฏ์ส่ายหน้าปฏิเสธ แต่เฟื่องขจรยืนยันว่า “นังชื่นมันบอกว่ามีคนไล่ยิงแก แต่ผีผู้หญิงสองตนช่วยแกไว้ ทำไมล่ะศิษฏ์ ไปสร้างศัตรูที่ไหนไว้ เขาถึงมาไล่ยิงเอา...หัวใจของคนเป็นแม่มันจะสลายนะ”

“ชื่นตาฝาดมั้งครับ หรือไม่ก็คิดไปเอง ผมยังไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย”

“แม่ไม่รู้ว่าความจริงมันคืออะไรหรอกนะศิษฏ์...แต่อย่าประมาท วันนี้อาจมีใครช่วยศิษฏ์ไว้ แต่วันหน้าเขาอาจช่วยลูกไม่ได้ แม่เป็นห่วงนะ ขอให้ศิษฏ์รู้ไว้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแม่พร้อมจะช่วยลูกเสมอ”

วิศิษฏ์อึ้งไป เห็นแม่น้ำตาไหลแล้วใจคอไม่ดี สำนึกถึงความรักของแม่ที่มีต่อลูก จึงไม่ต้องการให้แม่เป็นห่วงและเสียน้ำตา เรียกหาพิศในเช้าวันถัดมา ถามเธอว่าพวกมันเป็นใคร แต่พิศไม่ปรากฏตัว จนกระทั่งเขาขับรถไปถึงสำนักงานเห็นด้านหลังของแพรวพรรณนึกว่าพิศจึงโผเข้ากอดเธอพร้อมส่งเสียงเรียกว่าคุณพิศแพรวพรรณตกใจผลักวิศิษฏ์ออกห่างแล้วถามเขาว่าเมื่อสักครู่เรียกตนว่าอะไร

“ขอโทษครับ ผมนึกว่าเพื่อนเก่าน่ะ เห็นด้านหลังคล้ายกันมาก ขอโทษด้วยนะครับคุณแพรว”

“ไม่เป็นไรค่ะ”

สองคนยิ้มให้กันก่อนที่วิศิษฏ์จะเชิญแพรวพรรณไปคุยในห้องทำงาน เขียวจับตามองอย่างสอดรู้สอดเห็น ท่าทางชื่นชอบแพรวพรรณมากกว่านงราม หากคู่นี้ปิ๊งกัน เขียวเชียร์ขาดใจ

แพรวพรรณยังคาใจถามวิศิษฏ์ว่าเพื่อนเก่าคงสนิทกันมาก ชายหนุ่มยอมรับและว่าเป็นเพื่อนเก่าสมัยเรียน สนิทกันขนาดกอดกันได้ หญิงสาวได้ฟังหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย

“สักวันแพรวคงมีโอกาสรู้จักนะคะ”

“คงไม่มีโอกาสหรอกครับ...เธอไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้ว”

“เสียใจด้วยนะคะ ว่าแต่เธอเหมือนแพรวมากเลยเหรอคะ”

“ครับ เหมือนมาก”

“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”

“บางครั้งผมยังอดคิดไม่ได้ว่าคุณแพรวคือเพื่อนผมคนนั้น”

แพรวพรรณหน้าเสีย เปลี่ยนเรื่องคุยด้วยการส่งแฟ้มที่ถือติดมือมาด้วยให้เขา

“เอางานออกแบบเครื่องประดับมาส่งค่ะ หลังจากที่คุยกันวันก่อน แพรวได้ไอเดียเพิ่มขึ้นหลายอย่าง เลยเอางานมาให้คุณศิษฏ์ช่วยดู”

“ขอบคุณครับ”

“แพรวกลับก่อนนะคะ ถ้าชอบหรือไม่ชอบคุณศิษฏ์ช่วยติดต่อแพรวด้วยค่ะ”

เธอบอกลาแล้วกลับออกมาอย่างเร็ว เพราะไม่ต้องการให้เขาเห็นน้ำตาที่กำลังเอ่อท้น

“คุณศิษฏ์คะ แพรวรู้สึกดีกับคุณ รู้สึกดีมากกว่าผู้ชายทุกคนที่แพรวรู้จัก แต่แพรวไม่ต้องการเป็นตัวแทนของใครทั้งสิ้น...แพรวต้องเป็นแพรวเท่านั้น” บอกตัวเองแล้วหญิงสาวน้ำตาไหลพรากอย่างทุกข์ใจ นิลรับรู้ด้วย ความสงสารเธอ บ่นงึมงำว่าโชคดีจังที่ตนยังไม่เคยรักใคร รักแล้วปวดหัว...

แพรวพรรณขับรถไปหาเรืองรุ้งที่คอนโดฯ เล่าเรื่องเพื่อนเก่าของวิศิษฏ์ให้เธอฟังด้วยสีหน้าท่าทีไม่สบายใจ

“ก็อาจจะเป็นเพื่อนเก่าจริงๆก็ได้นี่...ทำไมแพรวต้องคิดมากด้วยล่ะ คุณศิษฏ์ก็รู้สึกดีกับเธอนี่นา”

“เขาไม่ได้รู้สึกดีกับแพรว แต่เขาคิดถึงเพื่อนเก่าที่ตายไปแล้วต่างหาก รุ้งอยากเห็นแพรวเป็นตัวแทนของคนอื่นเหรอ ใครก็ไม่รู้ ตายไปกี่ปีแล้ว เขาเป็นอะไรกันก็ไม่รู้ อาจจะลึกซึ้งกันก็ได้...นึกว่าเรื่องแบบนี้มันจะมีแต่ในนิยายเท่านั้น”

“อะไรที่มันเกิดขึ้นในอดีต สักวันมันก็หมดไป...ไม่มีอะไรแน่นอนหรอก ทำไมไม่ทำวันนี้ให้ดีที่สุดล่ะ”

“แต่แพรวต้องรู้ให้ได้ว่าผู้หญิงคนที่คุณศิษฏ์บอกว่าเป็นเพื่อนเก่าเป็นใคร ชื่ออะไร แล้วเป็นอะไรตาย รุ้งต้องนั่งทางในดูให้แพรวหน่อย”

“ไว้วันอื่นได้ไหมจ๊ะ วันนี้รุ้งนัดแขกไว้”

“ไม่ได้หมายความว่ารุ้งจะไม่ช่วยเรานะ”

“เราคบกันมากี่ปีแล้วแพรว...อย่าคิดมากน่า”

ขณะที่เรืองรุ้งปลอบใจเพื่อนรัก วิศิษฏ์กำลังกังวลใจกลัวพิศจะโกรธที่เขาเผลอกอดคนอื่น เขาอยากฟังพิศบอกว่าเธอหึงเขา...ส่วนเขียวที่ป้วนเปี้ยนทำความสะอาดก็เห็นภาพวิศิษฏ์กอดแพรวพรรณเต็มตา จึงมาเม้าท์ให้ระริน ภาณุ และแสวงฟังอย่างออกรสว่าสองคนนั้นกอดกันกลม แล้วก็ไปคุยกันต่อในห้องแต่ไม่ได้ยินว่าคุยอะไร

เวลาเดียวกันนั้น วิศิษฏ์นั่งเหม่ออยู่คนเดียว พิศปรากฏตัวในชุดที่แพรวพรรณใส่เมื่อสักครู่ ทำให้เขาไม่แน่ใจว่าใครกันแน่ จนกระทั่งได้ยินเธอเรียกเขาว่าคุณเด๋อ

“คุณเด๋อ...ไม่มีใครเรียกผมชื่อนี้แน่ นอกจากคุณพิศ...คิดถึงนะ” พูดแล้วตรงเข้ามากอดแต่เธอหลบวูบ

“ก็ไม่เห็นต้องแสดงออก อย่าลืมนะว่าไม่มีใครเห็นฉัน นอกจากคุณเด๋อคนเดียว ระวังเขาจะหาว่าคุณเด๋อบ้า”

“อ้อ กลัวคนเห็น แต่ไม่กลัวผมกอดใช่มั้ย”

“อย่าพูดอะไรเข้าข้างตัวเอง ฉันแค่มาตอบคำถามคุณเด๋อว่าฉันไม่หึง ถ้าผู้หญิงคนนั้นคือแพรว”

“งั้นบอกความจริงผมมาดีกว่า”

“ความจริงอะไรคะ”

“ผมกับคุณแพรวเป็นเนื้อคู่กันเหรอ ถึงได้ยัดเยียดให้ผมรักเขามากนัก”

“เอาเป็นว่า...ถ้าคุณเด๋อรักฉัน คุณเด๋อก็ต้องรักคุณแพรวด้วย โอเคไหมคะ”

พิศยิ้มหยอกเย้า เล่นหูเล่นตาราวกับดีใจที่ได้ทายปริศนาให้วิศิษฏ์แก้ไม่ตก แล้ววูบหายไป วิศิษฏ์ผิดหวัง เหลียวมองรอบๆ ยืนยันเหมือนเดิมว่าไม่มีใครแทนใครได้

ooooooo

แพรวพรรณกลับมาทำงานที่บ้านแต่ไม่มีสมาธิ หมกมุ่นครุ่นคิดแต่เรื่องเพื่อนเก่าวิศิษฏ์ซึ่งเธอต้องรู้ให้ได้ว่าเป็นใคร

สาวใช้เข้ามาเห็นแพรวพรรณเหม่อลอยก็พลอยไม่สบายใจ กลับออกมาเล่าให้สุรเดชฟัง แล้วไม่นานเขาก็เข้าไปคุยกับลูกสาวสุดที่รัก รับฟังความไม่สบายใจและพร้อมให้คำแนะนำ

“หนูรักเขามากเหรอ”

“ก็แค่ไม่พอใจที่เขาเห็นแพรวเป็นคนอื่น ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”

“เรามักจะแคร์คนที่เรารักเสมอนะ ดูอย่างพ่อสิ แม่เขาจะเป็นยังไง ใครจะพูดว่าแม่เขาชอบข่มพ่อ วางอำนาจเหนือพ่อ แต่พ่อก็ยอมทุกอย่าง เพราะอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อรักแม่...แล้วเขารู้หรือเปล่าว่าเรารักเขา”

แพรวพรรณส่ายหน้าเศร้าๆ สุรเดชลูบผมลูกสาวและเตือนอย่างเป็นห่วง

“ถ้าแคร์คนอื่นแล้วอย่าลืมแคร์ตัวเองบ้างนะ แพรวต้องดูแลจิตใจตัวเองด้วย...ยังมีพ่อคนหนึ่งที่รักแพรว”

“ค่ะคุณพ่อ แพรวจะเข้มแข็งค่ะ” เธอยิ้มทั้งน้ำตา สวมกอดพ่ออย่างซาบซึ้ง

ooooooo

วิศิษฏ์กลับเข้าบ้านมืดค่ำทำให้แม่และพี่สาวเป็นห่วงหลังจากรู้เรื่องที่เขาถูกลอบยิง วิภาดาคิดจะจ้างบอดี้การ์ดให้น้องชายแต่โดนเขาปฏิเสธทันทีว่า

“ไม่ดีกว่าครับ ไม่มีใครทำอะไรผมได้หรอก ขอตัวก่อนนะครับ”

เขาตัดบทเดินหนีไป วิภาดามองตามแล้วบ่นกับเฟื่องขจรว่าแปลกๆพิกล

“นั่นสิ...แต่เจ้าศิษฏ์อาจมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองก็ได้นะ ก็เลยไม่เป็นอะไร”

“ชื่นเห็นผีผู้หญิงค่ะ ช่วยคุณศิษฏ์ไว้ ไม่ได้มีตัวเดียวนะคะคุณวิ มีถึงสอง”

“อาจารย์หวังก็เคยบอกฉันไว้ ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแม่ วิจะลองหาข้อมูลเอง”

“ก็ดี มีทางไหนช่วยกันได้ก็ช่วยกันดู”
------------
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น