วันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 11


ทั้งๆที่เพิ่งฟื้นตัวจากอาการโคม่าแต่เถาว์เครือยืนกรานจะพาโสมสุภางค์กลับบ้านให้ได้ ปฐวีไม่เห็นด้วย เธอควรจะอยู่ใกล้หมอมากกว่าเผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยเหลือทัน เถาว์เครือโทษว่าไม่ใช่เพราะพยาบาลของที่นี่ปล่อยให้โสมสุภางค์อยู่คนเดียวหรือ ลูกของเธอถึงได้ถูกทำร้าย
“คุณแม่ไม่กลัวหรือครับ พาโสมสุภางค์กลับไปอยู่บ้านเดียวกับชิดชบา เรื่องที่เกิดขึ้นจะไม่เกิดขึ้นอีก”
“ก็ให้นังชิดชบากับยายคุณป้าไปอยู่ที่อื่นสิคุณ ฉันไม่เห็นจะยากเลย”
ปฐวีตัดบท หากเถาว์เครือจะพาโสมสุภางค์กลับไปอยู่ที่บ้านก็ตามใจ แล้วมองไปยังโสมสุภางค์ที่นอนลืมตานิ่งเหมือนไม่รู้สึกรู้สมอะไร ก่อนจะเดินออกจากห้อง เถาว์เครือรีบหยิบมือถือขึ้นมาโทร.บอกชัยยงค์ว่าทำตามที่แนะนำแล้ว พาโสมสุภางค์กลับบ้านเพื่อยึดพื้นที่แสดงกรรมสิทธิ์ในฐานะภรรยาของปฐวี สีหน้าแววตาที่นิ่งของโสมสุภางค์เมื่อสักครู่ เปลี่ยนเป็นหวาดหวั่นขึ้นมาทันที...
ฝ่ายบุญถิ่นรอจนปลอดคน ย่องเข้าไปหาเถาว์เครือถึงในห้องนอนเพื่อทวงถามสัญญาเรื่องลูก เธอทำตามที่เถาว์เครือต้องการแล้ว ควรจะปล่อยลูกของเธอได้แล้ว คุณนายตัวแสบยังปล่อยไม่ได้เพราะคดียังไม่จบ บุญถิ่นยังต้องขึ้นศาลเป็นพยานให้การปรักปรำชิดชบาก่อน ส่วนเรื่องลูกของเธอไม่ต้องเป็นห่วง ทางเราจะดูแลอย่างดีที่สุด บุญถิ่นพยายามขอร้องให้เถาว์เครือปล่อยเด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แต่เธอไม่ยอม
“ทีหลังอย่าเข้ามาในห้องฉันอีก แกมีหน้าที่ทำตามที่ฉันสั่ง...ฉันสั่งอย่างไร ทำอย่างนั้น”...
ชิดชบาเห็นโสมสุภางค์นั่งอยู่บนรถเข็นตามลำพังในห้องโถง เข้าไปเผชิญหน้าด้วย เธอกลับเมินหน้าหนี
“คุณก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นคืนนั้น ฉันไม่กล่าวหาว่าคุณแม่คุณทำร้ายคุณ เพราะแม่ฆ่าลูกไม่ได้ แต่มันเป็นอุบัติเหตุ จริงๆแล้วมันเป็นอุบัติเหตุใช่ไหมคะ” พูดไปพูดมาชิดชบาเองชักจะไม่แน่ใจเหมือนกัน โสมสุภางค์เข้าใจทุกคำที่เธอพูด แต่เลือกที่จะไม่ตอบอะไร จังหวะนั้น พยาบาลเข้ามาเข็นรถเข็นพาโสมสุภางค์ออกไป ตลับนาคที่เข้ามาสมทบกับหลานสาว อดสงสัยไม่ได้ในเมื่ออาการของโสมสุภางค์ยังไม่ดีขึ้น ทำไมถึงเอาตัวออกจากโรงพยาบาล ไม่รู้ว่านี่เป็นความคิดของใคร
“อาจจะเป็นของปฐวีก็ได้ เขาคงจะเอาตัวภรรยาเขาเข้ามาอยู่ในบ้านเพื่อแสดงว่าเขาสองคนเป็นสามีภรรยากัน อย่างน้อยก็ทำให้เขาพอดูได้ในสังคม” ชิดชบาตั้งข้อสังเกต
“หนูว่าโสมสุภางค์จะพิการไหม” ตลับนาคมองตามโสมสุภางค์ด้วยสีหน้าวิตกกังวล...
ครู่ต่อมาพยาบาลเข็นรถเข็นพาโสมสุภางค์ไปยังห้องที่เตรียมไว้เป็นห้องหอ ปฐวีขอร้องให้เธอออกไปก่อน แล้วเอามือวางบนไหล่โสมสุภางค์ บอกว่านี่เป็นห้องหอของเรา ที่เธอจัดไว้ก่อนเราจะแต่งงานกัน
“คุณเลือกสี เลือกแบบ เลือกทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อให้เรามีวันที่ดีที่สุด ผมเสียใจที่มันกลายเป็นวันแย่ๆ ผมรักคุณนะ ผมจะแก้ตัวใหม่ ผมจะทำให้วันแย่ๆที่ผ่านมา ให้กลายเป็นวันที่ดีของเราในอนาคตนะ โสมสุภางค์” ปฐวีบีบไหล่เธอเบาๆ พยายามเก็บความเจ็บปวดขมขื่นใจไว้ใต้ท่าทีที่อ่อนโยนนั้น
ooooooo
ชัยญาต้องการใกล้ชิดอุราศรี จึงวางแผนเอาเรือใบไปวางให้เธอถอยรถทับ แล้วขับรถตามไปห่างๆ
รอจังหวะที่เธอต้องจอดรถเพราะยางแบน ทำทีเป็นสุภาพบุรุษ เข้าไปช่วยเปลี่ยนยางรถให้ เธอขอบคุณเขามากสำหรับความกรุณา ไม่อย่างนั้นคงต้องเสียเวลาเรียกช่างมาจัดการ
“ไม่เป็นไร นี่งานอาชีพผมเลย ขับรถดีๆนะครับ”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณชื่ออะไรคะ”
“เรียกผมว่าแบทแมน ที่อยู่ผมในตู้โทรศัพท์ เอ่อ ขับรถดีๆอีกครั้งนะครับ” พูดจบ ชัยญากลับไปขึ้นรถตัวเอง ขับออกไปอย่างอารมณ์ดี ขณะที่อุราศรีมองตามแปลกใจแบทแมนเวอร์ชั่นไหนอยู่ในตู้โทรศัพท์...
ขณะที่แผนล่ออุราศรีมาติดกับขั้นแรกสำเร็จด้วยดี ธวัชพงษ์ซึ่งปลอมตัวเป็นคนทำความสะอาดสระว่ายน้ำมองขึ้นไปที่ระเบียงห้องของชัยยงค์ เห็นเถาว์เครือก้าวออกมายืนด้วยสีหน้าเป็นกังวลโดยมีชัยยงค์ตามคลอเคลียไม่ห่าง เธออยากรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรหลังจากเธอพาลูกกลับไปอยู่บ้านหลังนั้นแล้ว เขาต้องการให้เธออยู่ใกล้ๆ โสมสุภางค์เอาไว้ คอยระวังอย่าให้ชิดชบาทำร้ายลูกได้
“ผมรู้ว่ามันอันตรายเกินไปที่จะพาคนป่วยไปอยู่ไกลหมอ แต่นี่เป็นความจำเป็นที่เราต้องทำ”
“ฉันเข้าใจค่ะว่าคุณหวังดีกับฉันและลูก แต่ยังไงฉันก็กลัว”
“ไม่ต้องกลัว ผมจะหาเหตุผลให้คุณค้านประกันตัวชิดชบา” ชัยยงค์กระซิบแผนชั่วร้ายขั้นต่อไปให้ เถาว์เครือฟัง เธอไม่เห็นด้วยกับการกระทำรุนแรงแบบนั้น เขากล่อมว่านี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เรื่องการยื่นขอยกเลิกประกันตัวชิดชบาสมเหตุสมผล แล้วขอให้เธอคิดถึงบ้านหลังนั้นไว้ กรรมสิทธิ์ของมันต้องตกอยู่ในมือโสมสุภางค์ก่อน เถาว์เครือไม่สบายใจกับแผนการนี้นัก ชัยยงค์โอบไหล่เธออย่างอ่อนโยน
“คุณต้องเลือกระหว่างบ้านราคานับร้อยล้านกับคนรับใช้ที่ไร้ค่า”
เถาว์เครือลังเล ขณะที่ธวัชพงษ์พยายามชะเง้อมอง แต่ไม่ได้ยินการสนทนาเพราะอยู่ไกลเกินไป...
แม้จะไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง แต่ด้วยความโลภ ทำให้เถาว์เครือทำตามแผนการที่ชัยยงค์วางไว้ หลอกบุญถิ่นว่าจะพาไปพบปอน เธอตื่นเต้นดีใจมากที่จะได้เจอหน้าลูก ถามว่าจะพาไปเมื่อไหร่
“ฉันจะออกไปรอแกที่ปากซอยพรุ่งนี้สามทุ่ม อย่าให้ใครเห็นถ้าแกยังไม่อยากให้ใครรู้ว่าเคยมีลูก”
ooooooo
แพรวาเพิ่งอาบน้ำสระผมเสร็จ ตอนที่ธวัชพงษ์มากดกริ่งประตูห้องพักจะขอใช้สถานที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำความสะอาดสระน้ำมาทั้งวันเหนื่อยมาก
“พออาบน้ำเสร็จก็ขอกินข้าว?” แพรวาแกล้งประชด แต่เขาเอาจริง
“ง่ายๆ คุณหมอเสียบหม้อข้าวไว้ ต้มไข่ไม่ก็เจียวไข่สักสามใบ แค่นั้นก็เอาอยู่แล้วล่ะครับ” ธวัชพงษ์พูดจบก้าวเข้าห้องหน้าตาเฉย ไม่สนใจว่าเจ้าของห้องจะอนุญาตหรือไม่...
โสมสุภางค์ยังคงนิ่งเฉยไม่ยอมพูดยอมจากับใคร แม้แต่ปฐวีซึ่งคอยเอาอกเอาใจไม่ห่าง เธอหวาดระแวงไปหมดเนื่องจากเถาว์เครือแม่แท้ๆของเธอเองทำให้เธอรู้สึกว่าทุกคนรอบข้างเป็นอันตรายได้ทั้งนั้น

“ผมจะดูแลคุณอย่างดีที่สุด คุณพยาบาลเอาอาหารเย็นมา ผมจะป้อนภรรยาผมเอง” ปฐวีรับชามอาหารจากพยาบาลพิเศษมาป้อนให้โสมสุภางค์ด้วยความใส่ใจ ชิดชบาลงมาเห็นสภาพพิการของโสมสุภางค์ มองอย่างสลดใจ ก่อนจะออกไปขึ้นรถ ขับออกไปอย่างรวดเร็ว...
ระหว่างกินมื้อค่ำแบบตามมีตามเกิด ธวัชพงษ์เล่าให้แพรวาฟังถึงข้อสงสัยของตัวเองที่ว่าเถาว์เครือกำลังวางแผนบางอย่างร่วมกับชัยยงค์ นอกจากเธอจะไม่เชื่อยังหาว่าเขามโนไปเอง ไม่ได้ยินกับหูสักหน่อย
“ผมไม่ได้มโน ผมเชื่อว่าต้องมีการวางแผน ผมดูจากกิริยาของคุณนายเถาว์เครือกับนายชัยยงค์ คุณเป็นหมอโรคจิต คุณก็รู้นี่ คนคิดอะไร ท่าทีการแสดงออกมันต้องออกอาการ” ธวัชพงษ์มองสำรวจไปรอบๆห้อง “เอ่อ อพาร์ตเมนต์ของคุณหมอน่าอยู่นะครับ เป็นสาวทำงานจริงๆ”
“ไม่ต้องพูดมาก กินแล้วก็ไปสืบความจริงมา แต่เอาเนื้อล้วนๆนะ น้ำไม่ต้อง ภาพมาเสียงต้องมาด้วยฉันถึงจะเชื่อว่าคุณแม่กับนายชัยยงค์กำลังเล่นเกมนี้”
ธวัชพงษ์ได้คืบจะเอาศอก นอกจากขออาบน้ำและกินข้าวแล้ว ยังขอค้างคืนที่อพาร์ตเมนต์ของแพรวาอีกด้วย ทีแรกเธอไม่ยอม แต่ทนลูกตื๊อของเขาไม่ไหวจำใจยกโซฟาให้เขาใช้เป็นเตียงนอนหนึ่งคืน...
บุญถิ่นหายตัวไป สมควรเดินหาจนทั่วบ้านก็ไม่พบ ไปดูที่ห้องนอนของจำเรียงก็ไม่เจอ เขาไม่ล่วงรู้เลยว่าบุญถิ่นไม่มีวันได้กลับมาที่นี่อีก เธอถูกเถาว์เครือหลอกไปให้คนของชัยยงค์ฆ่าที่บ้านร้างแห่งหนึ่ง เพื่อโยนความผิดให้ชิดชบา
ooooooo
บุญถิ่นถูกพบเป็นศพตอนสายของวันถัดมา สมควรกับจำเรียงถูกตำรวจเชิญมาชี้ตัวผู้ตาย ทันทีที่เห็นหน้าเมียรักซึ่งมีร่องรอยถูกเชือกรัดคอตายสมควรถึงกับปล่อยโฮ
“บุญถิ่น...เอ็งจริงๆด้วย ใครฆ่าเอ็ง...ใคร”
จำเรียงก็พลอยร้องไห้เสียใจไปกับสมควรด้วย...
ทางด้านชิดชบาตกใจมากเมื่อรู้ข่าวการตายของบุญถิ่นจากตลับนาค เธอไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ยังเห็นกันอยู่หลัดๆ ตลับนาคไม่สบายใจที่เรื่องชักจะเลยเถิดไปกันใหญ่ บุญถิ่นเพิ่งกลับคำให้การกล่าวโทษ ชิดชบา แต่ตอนนี้กลับถูกพบเป็นศพ
“คุณป้าคิดว่ามันเกี่ยวข้องกันหรือคะ”
“จะให้คิดอย่างไร คนที่ฆ่าบุญถิ่นต้องโยนความผิดมาที่หนูแน่”
มีเสียงไซเรนรถตำรวจดังเข้ามาในบริเวณบ้าน สองป้าหลานถลาไปดูที่หน้าต่างเห็นตำรวจหลายนายกำลังเดินมาที่ตึกใหญ่ ชิดชบามองสบตากับตลับนาคสีหน้าเป็นกังวล
“เขา...เขาจะมาจับหนูใช่ไหมคะ” ชิดชบาถึงกับหน้าถอดสี...
เป็นอย่างที่ชิดชบาว่าไว้ไม่มีผิดเพี้ยน ตำรวจมาเชิญเธอไปรับทราบข้อกล่าวหาว่าเป็นผู้สังหารบุญถิ่น ตลับนาคจะไปสถานีตำรวจด้วย แต่ชิดชบาร้องห้ามไว้
“เมื่อคืนนี้หนูไม่อยู่ หนูออกไปเที่ยวผับ มีคนที่ยืนยันที่อยู่ของหนูได้ คุณป้าไม่ต้องเป็นห่วง”
“ผมขอให้คุณโชคดีนะ แต่ดูจะยากสักหน่อย ฆาตกรน่ะถึงจะฉลาดแค่ไหน มันก็อดทิ้งหลักฐานไว้ในที่เกิดเหตุไม่ได้” ปฐวีก้าวเข้ามายืนตรงหน้าชิดชบา มองด้วยสายตาชิงชัง “คุณฆ่าได้แม้แต่คนที่เป็นผู้หญิง เพศแม่เหมือนคุณ”
จากนั้นตำรวจนำตัวชิดชบาไปขึ้นรถ เถาว์เครือยืนมองมาจากระเบียงห้องด้วยสายตายิ้มเยาะ รอจนรถตำรวจแล่นลับสายตา รีบโทรศัพท์แจ้งชัยยงค์ว่าแผนการสำเร็จด้วยดี ชิดชบาตกเป็นผู้ต้องสงสัยในการตายของบุญถิ่น
“คุณต้องให้ทนายคัดค้านการประกันตัว อ้างเหตุที่เกิดกับโสมสุภางค์ที่บันได ที่โรงพยาบาลหรือเหตุที่เกิดกับนังบุญถิ่น ตำรวจเขาต้องเชื่อว่าชิดชบาเป็นภัยร้ายแรงต่อคุณ ถ้ายังอยู่นอกคุก”...
คำคัดค้านการประกันตัวของเถาว์เครือได้ผล ชิดชบาไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว ต้องถูกส่งไปฝากขังในเรือนจำ เสียงประตูห้องขังที่ปิดกระแทก ทำให้ชิดชบาถึงกับสะดุ้งโหยง หวาดกลัวกับอิสรภาพที่สูญสิ้น...
ข่าวการไม่ได้ประกันตัวของชิดชบาทำให้ปฐวีสับสนไปหมดทั้งโกรธทั้งเกลียด และเศร้าหมอง เดินเข้ามาในห้องงานปั้นที่ว่างเปล่ารู้สึกใจหาย ยิ่งเห็นงานปั้นที่ค้างอยู่ของชิดชบาก็ยิ่งสะเทือนใจ
“ชิดชบา ผมไม่เคยต้องการให้เรื่องมันเลยเถิดออกไปอย่างนี้เลย มันไปไกลจนกู่ไม่กลับแล้ว”
ooooooo
ธวัชพงษ์มาเยี่ยมชิดชบาที่เรือนจำแต่เช้าเมื่อรู้ว่าเธอไม่ได้รับการประกันตัว เขาไม่อยากให้เธอต้องฟุ้งซ่านจึงนำหนังสือมาฝากให้เธออ่าน
“คุณเป็นคนแรกที่มาเยี่ยมฉัน รถติดไหม” ชิดชบาฝืนยิ้มทั้งที่หวาดกลัวไปหมด
“ไม่ติดสิแปลก ยังไงที่นี่ก็ดีกว่าข้างนอก ตรงที่ไม่มีรถติด มันก็มีอะไรดีๆที่ข้างนอกไม่มี ผมดีใจที่ยังเห็นรอยยิ้มของคุณอยู่” ธวัชพงษ์เห็นชิดชบายกมือขึ้นทาบกระจกที่กั้นระหว่างญาติกับผู้ต้องขังก็ยกมือตัวเองขึ้นมาทาบ “คุณอยู่ข้างในก็อ่านหนังสือที่ผมฝากไว้ให้นะ ผมอยู่ข้างนอก ผมจะสืบเองว่าใครฆ่าบุญถิ่น” น้ำเสียงที่ห่วงใยทำให้ชิดชบาพอมีกำลังใจจะสู้ต่อไป...
ชัยญาโกรธจัดเมื่อรู้ว่าถกลเอาปอนไปทิ้งข้างทางสายเปลี่ยวแทนที่จะฆ่าปิดปาก ด่าว่าว่าทำไมถึงโง่แบบนี้ ถ้าเด็กนั่นเกิดปากโป้งขึ้นมา ตำรวจต้องโยงเรื่องนี้ไปถึงการฆาตกรรมแน่นอน เสียงโวยวายทำให้ธวัชพงษ์ที่กำลังทำความสะอาดสระว่ายน้ำแหงนมองไปที่ระเบียงห้องพักของชัยยงค์ด้วยความสงสัย
“เอ่อ ผมไม่ทันคิด”
“ทำไมแกทำอะไรไม่ถามฉันก่อน นี่ถ้าพ่อรู้เรื่องนี้ล่ะก็ ฉันกับแกโดนตบแน่”
“ก็อย่าให้คุณพ่อคุณรู้สิ เรื่องมันก็จบ น่า เด็กมันไม่ได้กลับบ้านหรอก มันต้องเร่ร่อนหลงทาง ดีไม่ดีถูกจับไปขายแรงงาน ว่าแต่คุณเถอะ เรื่องนั้นไปถึงไหนแล้ว”
“พูดถึงเรื่องนั้น ฉันมีงานให้แกทำ” ชัยญายิ้มเจ้าเล่ห์...
งานที่ชัยญาให้ถกลไปทำ คือพาสมุนสวมหน้ากากไอ้โม่งอำพรางใบหน้าไปฉุดอุราศรีขณะกำลังจะขึ้นรถ ทำทีจะข่มขืน แล้วให้ชัยญาสวมบทพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยชกต่อยสมุนของตัวเองในคราบคนร้ายพอเป็นพิธี ก่อนที่พวกนั้นจะพากันขึ้นมอเตอร์ไซค์หนีไปอย่างรวดเร็ว อุราศรีเห็นหน้าเขาชัดๆก็จำได้
“คุณช่วยฉันไว้เป็นครั้งที่สองแล้วนะคะ”
“กรุงเทพฯอยู่ยากขึ้นทุกวัน คุณเจ็บที่ไหนบ้าง ไปหาหมอไหมครับ”
“ฉันก็แค่เจ็บๆค่ะ ไม่เป็นไร....เอ่อ คุณ...”
“อ๋อ แบทแมนครับ อยู่ในตู้โทรศัพท์ ปรากฏตัวขึ้นตอนผู้หญิงถูกทำร้ายครับ” ท่าทีสุภาพและอารมณ์ดีที่ชัยญาเสแสร้งทำให้อุราศรีแอบปลื้ม โดยไม่ล่วงรู้เลยว่านี่เป็นแผนหลอกให้เธอตายใจ...
เนื่องจากชัยญาช่วยเหลือไว้ถึงสองครั้งสองครา อุราศรีขอเลี้ยงมื้อค่ำเป็นการตอบแทน ตลอดเวลาที่กินอาหารด้วยกัน เขาแสร้งทำตัวเป็นสุภาพบุรุษที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขันเรียกคะแนนความสนใจจากอุราศรีที่ยังอ่อนหัดต่อโลกได้มากโข
“คุณนี่มีอารมณ์ขันนะ ขนาดเจ็บตัวแล้วยังชวนให้คนอื่นหัวเราะได้อีก” อุราศรียิ้มขำ พลางหยิบกระดาษทิชชูซับรอยเลือดที่ใบหน้าให้ชัยญาอย่างอ่อนโยน ขณะที่เจ้าตัวแอบยิ้มพอใจที่เหยื่อฮุบเบ็ด...
ในเวลาเดียวกัน ปฐวีเข้ามาในห้องหอ เห็นพยาบาลพิเศษกำลังหวีผมให้โสมสุภางค์อยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง บอกให้เธอไปพักผ่อนได้แล้ว เขาจะดูแลภรรยาเอง แล้วเดินมาหอมเส้นผมของโสมสุภางค์ที่ยังนิ่งเฉย
“ตำรวจเขาเอาตัวชิดชบาไปฝากขังแล้ว ศพของบุญถิ่นส่งกลับบ้านเดิมที่อีสาน สมควรกับจำเรียงลาไปช่วยงานศพ ผมเพิ่งรู้ว่าบุญถิ่นมีลูก เด็กหายไป ตำรวจกำลังตามหาอยู่ บางทีถ้าได้ตัวเด็ก อาจจะสาวไปถึงเพื่อนร่วมแก๊งของชิดชบา เรื่องใหญ่ๆแบบนี้ชิดชบาคงลงมือคนเดียวไม่ได้ ผมยังนึกไม่ออกเลยว่านอกจากนายนักข่าวคนนั้นแล้วชิดชบาจะมีใครอีก แต่เอาเถอะ ตำรวจเขาต้องตามจับจนได้ คุณนอนนะ”
ปฐวีอุ้มโสมสุภางค์ไปวางที่เตียง ดึงผ้ามาห่มให้ “ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น คุณเป็นภรรยาผม พอคุณดีขึ้นเราจะจดทะเบียนสมรสกัน แล้วผมจะไม่มีใครอีก นอกจากคุณ” ชายหนุ่มมองเธอด้วยความสงสาร เริ่มสำนึกว่าได้ทำร้ายหัวใจของเธอไว้มาก โอบกอดเธอไว้สักพัก ก็ลุกออกไป ทันทีที่ประตูห้องปิด โสมสุภางค์น้ำตาไหลพรากราวกับทำนบแตก ไม่สามารถข่มอารมณ์ไว้ได้อีกต่อไป
ooooooo

ตลับนาคเป็นคนเปิดประตูรั้วให้รถของแพรวาเข้ามาจอด เนื่องจากสมควรกับจำเรียงลาไปจัดงานศพให้บุญถิ่นที่บ้านเกิด แพรวาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจถามว่าจริงหรือเปล่าที่ชิดชบาอยู่ในคุก
“ค่ะ ชิดชบาถูกจับ คุณโสมสุภางค์อยู่ข้างบนมีพยาบาลดูแล ส่วนคุณเถาว์เครือฉันไม่เห็นมาตั้งแต่เช้า”
“คุณแม่ไม่อยู่หรือคะ แล้วทิ้งโสมสุภางค์ไว้กับพยาบาลได้อย่างไร” ครู่ต่อมาแพรวาเปิดประตูห้องหอเข้ามาเห็นโสมสุภางค์นั่งร้องไห้อยู่บนรถเข็น รีบเข้าไปกอด
“ฉันขอโทษที่ไม่ได้มาเยี่ยมเธอ ฉันคิดถึงเธอทุกวัน ห่วงเธอทุกลมหายใจ แต่ที่ฉันไม่ได้มาก็เพราะว่า...”
พูดได้แค่นั้นแพรวาก็หยุดกึกเพราะโสมสุภางค์ถึงกับปล่อยโฮจนตัวโยน เธอจึงกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น
“โสมสุภางค์ ฉันเห็นบันไดนั่นแล้ว มันน่ากลัวจริงๆ เธอกลัวมันใช่ไหม เธอถึงไม่ยอมลุกขึ้นยืน ไม่ต้องกลัว เธอจะต้องลุกขึ้นมายืนเพื่อสู้ใหม่ ฉันจะดูแลเธอเอง เธอจะต้องเดินได้ โสมสุภางค์ เธอจะต้องเดินได้”...
สมควรเริ่มจะเชื่อเหมือนคนอื่นว่าการตายของบุญถิ่นมีชิดชบาเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ถึงกับออกปากกับจำเรียงว่าเสียแรงอยู่ฝ่ายชิดชบามาตลอด ไม่นึกเลยว่าเธอจะใจร้ายใจดำฆ่าคนได้ แล้วนี่ไม่รู้ว่าลูกของบุญถิ่นจะเป็นอย่างไรบ้าง จำเรียงติง ยังไม่มีการพิสูจน์ในชั้นศาลว่าเป็นฝีมือชิดชบา อย่าเพิ่งฟันธง
“เอ็งจะเห็นผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรก็ช่างเถอะ แต่ข้าเห็นผู้หญิงคนนั้นเป็นคนสั่งฆ่าบุญถิ่น”
“คุณชิดชบาก็บอกว่าคืนนั้นคุณชิดชบาไปเที่ยวผับ”
“ใครจะไปรู้ อาจจะมีคนร่วมด้วย ทำไปทำไมน่ะหรือ ไหนจะเรื่องเจ้านายแต่งงาน ไหนจะเรื่องบ้าน ไหนจะเรื่องสัญญาบ้าบอนั่นอีกล่ะ ชวนคิดทั้งนั้นว่าคุณชิดชบาฆ่า แล้วเอ็งจะให้ข้าคิดอย่างไร”...
ในเวลาต่อมา เฉวียงมาปรึกษากับตลับนาคเรื่องคดีความขอบชิดชบา แต่ไม่ได้อะไรมากนัก เพราะเธอไม่มีใจจะคิดอะไรตอนนี้ แล้วแต่เขาก็แล้วกัน เฉวียงกำลังหาทางสู้คดีอยู่ ที่ชิดชบาอ้างว่าออกจากบ้านไปเที่ยวผับ คนที่นั่นเยอะมาก ไม่มีใครเป็นพยานให้เธอได้ ชิดชบาคงจะลำบากสักหน่อย แต่เขาก็จะทำให้ดีที่สุด
“ช่วยด้วยเถอะ ไม่มีใครอีกแล้วที่เราจะพึ่งได้นอกจากคุณเฉวียง”
เฉวียงรับคำ แล้วขอตัวกลับก่อน จำเรียงปรี่มาถามตลับนาคด้วยเสียงแผ่วเกือบจะเป็นกระซิบว่า
ไม่จริงใช่ไหมที่ชิดชบาสั่งฆ่าบุญถิ่น เธอไม่ได้ทำอย่างนั้นใช่ไหม ตลับนาคเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เรื่องนี้คงต้องไปพิสูจน์กันในศาล ตอนนี้ใครจะเชื่ออย่างไรไม่สำคัญ จังหวะนั้นแพรวาเดินเข้ามาหาทั้งคู่
“คืนนี้ฉันจะนอนกับโสมสุภางค์ค่ะ ฉันเป็นหมอ แล้วก็เป็นเพื่อนโสมสุภางค์”
ตลับนาคไม่มีสิทธิ์มีเสียงในบ้านหลังนี้ ถ้าเธอจะค้างคงต้องขออนุญาตเถาว์เครือหรือไม่ก็ปฐวี แพรวาไม่เห็นเถาว์เครือตั้งแต่มาถึงก็ซักว่าไม่อยู่บ่อยหรือ จำเรียงชิงตอบว่าหายตัวเป็นประจำ บางทีหายไปทั้งวันทั้งคืน คุณหมอสาวพยักหน้ารับรู้ กวาดสายตามองไปรอบ
ห้องโถงของบ้านด้วยสีหน้าเป็นกังวล
ooooooo
คนที่แพรวาถามหากำลังลงจากคอนโดฯที่พักของชัยยงค์โดยมีเจ้าของห้องเดินมาส่งที่รถ
ธวัชพงษ์กำลังเก็บเครื่องมือทำความสะอาดสระว่ายน้ำรีบหลบเข้ามุมมืดเพื่อแอบฟัง ชัยยงค์โอบเอวเถาว์-เครือไว้ แนะให้เธออยู่ดูแลโสมสุภางค์ มีอะไรเขาจะติดต่อไปเอง ช่วงนี้เราต้องระวังตัวกันสักหน่อย
“ฉันไม่รู้ค่ะ ถ้าฉันไม่ได้พบคุณ ฉันจะอยู่ยังไง เรื่องมันชักจะน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆจนฉันไม่กล้าสู้หน้าลูก”
“ผมบอกแล้วไง ประสาทแข็งๆไว้ ชิดชบาเข้าคุกไปแล้ว อะไรๆมันจะง่ายขึ้นเรื่อยๆ ยอดรัก เชื่อผม”
“ค่ะ ฉันจะเชื่อคุณ ฉันไปนะคะ”
ชัยยงค์โบกมือให้เถาว์เครือที่ขับรถออกไป พอเธอลับสายตาเท่านั้น เขารีบโทร.หาสมุนให้ส่งของสดรสแซ่บมาให้ เพราะเบื่อนังพะโล้แก่นั่นเต็มทีแล้ว ธวัชพงษ์ซึ่งแอบดูอยู่เบ้ปากด้วยความรังเกียจ...
ที่เรือนนอนของผู้ต้องขัง ชิดชบาไม่เป็นอันอ่านหนังสือธรรมะที่ธวัชพงษ์ฝากมาให้ เพราะจิตใจวุ่นวายเกินกว่าจะอ่านรู้เรื่อง ครั้นจะนอนก็นอนไม่หลับ รอจนผู้คุมที่มาตรวจความเรียบร้อยเดินผ่าน จึงลุกขึ้นนั่งกอดเข่าน้ำตาคลอทั้งกลัดกลุ้มทั้งหวาดกลัว...
ปฐวีขอบคุณแพรวามากที่จะมาค้างที่นี่เป็นเพื่อนโสมสุภางค์ แต่เถาว์เครือกลับไม่พอใจ และเห็นว่าไม่มีความจำเป็นอะไร ตนดูแลลูกได้ และที่สำคัญเธอไม่ใช่หมอด้านหัวใจ อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์
“ผมกลับเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะคุณแม่เองก็ไม่ได้อยู่เฝ้าโสมสุภางค์ทุกวันไม่ใช่หรือครับ เชิญตามสบายนะครับคุณหมอแพรวา ผมขอตัวไปอาบน้ำ แล้วจะไปดูโสมสุภางค์” ปฐวีมองแม่ยายตัวเองอย่างรู้ทัน ก่อนจะเดินขึ้นข้างบน เถาว์เครือไม่ต้องการให้แพรวามาอยู่ใกล้ๆโสมสุภางค์เพราะกลัวความลับแตก จึงหาทางไล่ด้วยการกล่าวหาว่าเธอคิดจะอ่อยเหยื่อปฐวีจึงใช้โสม-สุภางค์เป็นข้ออ้างเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ชิดเขา
“ไปซะ แล้วปล่อยให้แม่ลูกรักกัน คนอื่นหวังดีต่อโสมสุภางค์ไม่เท่าแม่หวังดีกับลูกหรอก ไม่ยังงั้นฉันจะคิดว่าคุณเข้ามาอยู่ในบ้านนี้เพื่อแย่งผัวลูกสาวของฉัน”
แพรวาเจอไม้นี้ของเถาว์เครือเข้าไป ถึงกับใบ้กิน
ooooooo
ชิดชบาถูกขาใหญ่ประจำคุกแกล้งอยู่บ่อยครั้งเพื่อข่มไม่ให้หือไม่ให้อือ ระหว่างเธอถือถาดอาหารจะไปนั่งโต๊ะ ก็ถูกขาใหญ่ขัดขาล้มอาหารในถาดกระเด็นตกพื้น เธอไม่อยากมีปัญหา พยายามเลี่ยง แต่พอถึงเวลาที่ผู้คุมปล่อยออกไปที่ลานกว้าง ขาใหญ่ยังตามมาหาเรื่องอีก ชิดชบาหมดความอดทนโดดเข้าใส่
ทั้งสองคนต่อสู้กันดุเดือดจนล้มกลิ้งไปกับพื้น นักโทษหญิงที่เคยเกรงกลัวขาใหญ่ต่างมองเด็กมาใหม่เป็นตาเดียวที่กล้าต่อกรด้วย ทันใดนั้นมีเสียงนกหวีดดังขึ้น ผู้คุมกรูกันเข้ามาแยกทั้งคู่ออกจากกัน ขาใหญ่ชี้หน้าชิดชบาอย่างอาฆาตมาดร้าย ต่างฝ่ายต่างสะบัดมือผู้คุมหลุดแล้วเปิดศึกตบตีกันอุตลุดอีกครั้ง เท่านั้นไม่พอ นักโทษที่แบ่งออกเป็นสองฝ่าย กรูเข้าตะลุมบอนกันจนเกิดโกลาหลไปทั่วเรือนจำ
นักโทษยกพวกตีกันเป็นข่าวเด่นประเด็นร้อนของค่ำคืนนี้ ภาพชิดชบาตบตีกับขาใหญ่ขึ้นหน้าจอทีวีแทบทุกช่อง แพรวาเล่าให้ปฐวีที่นั่งดูทีวีอยู่ด้วยกันว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนบ่ายมีคนถ่ายคลิปไว้
“ตอนนี้เหตุการณ์สงบแล้ว คนที่อยู่ในที่แคบจะเครียดง่าย แค่สบตาแล้วไม่ชอบหน้าก็เป็นเรื่องได้แล้ว”
“ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชิดชบาจะ...”
“เชื่อเถอะค่ะ เพราะคุณก็เป็นคนหนึ่งที่ส่งชิดชบาไปที่นั่น เวลาจะทำให้ชิดชบาปรับตัว ความจำนนคือทางตันที่ไม่มีทางออก ฉันหวังว่าชิดชบาจะรอดจนถึงวันที่พิสูจน์ตัวเองในศาลว่าเป็นผู้บริสุทธิ์”
ooooooo
ณ ถนนสายหนึ่งชานกรุง ปอนเดินกระเซอะ กระเซิงเข้ามาในปั๊มน้ำมัน เห็นรถของถกลเลี้ยวเข้ามาในปั๊ม เด็กน้อยรีบวิ่งไปซ่อนตัวในร้านสะดวกซื้อซึ่งตั้งอยู่ในปั๊มแห่งนั้น สมุนโฉดของชัยญาเติมน้ำมันเสร็จ เดินมายังร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อบุหรี่ ปอนกลัวจัดรีบไปซ่อนตัวหลังชั้นขายของ
ถกลซื้อของเสร็จก็ออกจากร้าน ยุวดีซึ่งเป็นพนักงานของร้าน มองตามเหมือนคลับคล้ายคลับคลาจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่นึกไม่ออก เธอละสายตาจากถกลไปมองเด็กชายตัวน้อยที่หลบอยู่ด้วยสีหน้าหวาดๆ
“น้องทำอะไรน่ะ อย่าบอกนะว่าเข้ามาขโมยของ โน่น กล้องวงจรปิด บันทึกเหตุการณ์เลย”
ผู้จัดการร้านได้ยินเสียงก็เข้ามาถามว่ามีอะไรกัน ยุวดีส่ายหน้าแทนคำตอบ แล้วเดินไปหาเด็กน้อย แต่เขาวิ่งหนีไปเสียก่อน เธอจะวิ่งตามแต่มีเสียงมือถือดังขัดจังหวะ เถาว์เครือโทร.มาชวนให้กลับมาช่วยงาน เธอขอผ่าน ถึงงานที่ร้านนี่จะได้เงินน้อย แต่ก็ดีกว่ากลับไปให้เถาว์เครือโขกสับ แล้วตัดสายทิ้งหน้าตาเฉย
เถาว์เครือซึ่งอยู่ที่ห้องรับแขกบ้านปฐวีโกรธจนตัวสั่น จังหวะนั้นแพรวายกกาแฟมาเสิร์ฟให้ เธอไม่พอใจที่อุตส่าห์หาเรื่องไล่ แต่แพรวายังดื้อด้านไม่ยอมไป แถมอ้างปฐวีซึ่งเป็นเจ้าของบ้านเชิญให้อยู่ ก็เลยต้องอยู่
“นี่หมายความว่าหมอจะแย่งผัวลูกสาวฉัน จริงๆหรือ”
“ก็แล้วแต่คุณแม่จะคิด หนูห้ามความคิดของใครไม่ได้หรอกค่ะ แต่หนูขอยืนยันว่าจะอยู่ที่นี่ เพื่อดูแลโสมสุภางค์” แพรวายืนยันเสียงเข้ม ขณะที่เถาว์เครืออดเป็นกังวลไม่ได้...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น