วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร แหวนสวาท ตอนที่ 10


หลังจากทำบุญปล่อยปลาเพื่อความสบายใจและขออานิสงส์จากการให้ชีวิตผู้อื่นจงเป็นอำนาจคุ้มครองแพรวพรรณให้ปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ สุรเดช แพรวพรรณ และเรืองรุ้งก็เตรียมออกจากวัดเพื่อไปกินอาหารกลางวัน

แต่ไม่ทันขึ้นรถ เรืองรุ้งเห็นพิศปรากฏร่างยืนประกบแพรวพรรณ จึงตั้งคำถามในใจว่าต้องการจะบอกอะไรเพื่อนของตนหรือเปล่า พิศสื่อสารว่าแพรวพรรณกำลังมีเคราะห์ให้หมั่นสวดมนต์ไหว้พระ พุทธคุณจะคุ้มครองเธอให้ปลอดภัย เรืองรุ้งทราบดีว่าแพรวพรรณไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้แต่ก็ไม่ลังเลที่จะเตือนสติ

เพื่อนให้ทำตามที่พิศบอกบรรจบมาที่บ้านไม่เจอแพรวพรรณแต่ได้คุยกับงามเนตรแม่ของเธอ งามเนตรไฟเขียวให้ชายหนุ่มเหมือนเดิมจะให้เขานั่งรอนอนรอลูกสาวตนอยู่ที่บ้าน แต่บรรจบปฏิเสธและขอตัวกลับไป จากนั้นเขาโทร.หาแพรวพรรณ ไม่เชื่อว่าเธออยู่กับพ่อ แต่น่าจะอยู่กับวิศิษฏ์มากกว่า

บรรจบบุกไปถึงสำนักงานวิศิษฏ์ แล้วก็พบว่าเขายังทำงานอยู่ตามปกติ แต่ไม่วายพูดจาหาเรื่องอย่างหึงหวงแพรวพรรณ ไม่ต้องการให้เขายุ่งเกี่ยวกับเธอ ข่มขู่ว่าหากไม่เชื่อเขาตายแน่ และไม่ใช่เขาคนเดียว ทั้งแม่ พี่สาว และคนที่เขารักต้องตายกันหมด

วิศิษฏ์โกรธจนระงับอารมณ์ไม่อยู่ มีปากเสียงและชกต่อยกันครู่หนึ่งก่อนที่พวกภาณุจะเข้ามาห้ามและพร้อมจะเล่นงานผู้บุกรุกหากยังไม่กลับ บรรจบไม่พอใจแต่ไม่กล้าเพราะกลัวโดนรุม ยอมกลับไปทั้งที่เจ็บแค้นวิศิษฏ์และพรรคพวกเป็นที่สุด

อีกครู่ต่อมา บรรจบส่งผีตะปูฝาโลงศพมาเล่นงานวิศิษฏ์แต่พิศสกัดไว้ได้ ผีตนนั้นเลือนหายไปด้วยความเกรงกลัวพิศ วิศิษฏ์เห็นผีเต็มตาผงะตกใจจนหน้าซีด เรียกหาพิศเสียงดังจนพวกเพื่อนๆพากันวิ่งมาซักถามว่าเกิดอะไรขึ้น

ชายหนุ่มหน้าเจื่อนแต่กลบเกลื่อนว่าไม่มีอะไร ทุกคนสงสัยและไม่เชื่อ...เย็นนั้นภาณุกับแสวงนัดเจอเรืองรุ้งอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับวิศิษฏ์ ถึงเธอจะมีญาณพิเศษแต่คราวนี้จนใจไม่รู้จริงๆ แต่แล้วพิศมาปรากฏตัวให้เห็นเหมือนมีเรื่องจะบอก เรืองรุ้งจึงขอตัวผละจาก

สองหนุ่มไปมุมหนึ่ง สื่อสารกับพิศทราบว่าทั้งแพรวพรรณและวิศิษฏ์ฺกำลังมีเคราะห์ โดยเฉพาะวิศิษฏ์มีคนต้องการเล่นงานเขาจนถึงตาย

“ตายจริง...แล้วทำไมแม่พิศไม่ช่วยเขาล่ะ”

“เรื่องนี้ฉันยุ่งมากไม่ได้ องค์เทวะคอยจับตาดูฉันอยู่”

“แล้วจะให้ฉันช่วยอะไรได้บ้าง”

“บอกคุณภาณุเรื่องกุมารทองที่เคยช่วยแม่แพรวอยู่ เอาไปช่วยแม่แพรว อย่างน้อยก็คอยเป็นหูเป็นตาส่งข่าวให้ฉันได้ ส่วนคุณวิศิษฏ์ ฉันจะหาทางช่วยเอง”

เรืองรุ้งรับคำแล้วดูเหมือนอยากจะถามอะไรอีก แต่พิศเลือนหายไปเสียก่อน

ooooooo

สัตตะยังคุยโวว่าตะปูของตนช่วยบรรจบได้เพราะมันไม่ใช่ตะปูธรรมดาแต่เป็นตะปูตอกฝาโลงผี ตอนนี้ผีของตนตามติดศัตรูของบรรจบทุกฝีก้าว คืนนี้ผีจะบิดไส้มัน

“ถ้าผมได้ข่าวว่ามันไม่สบาย ผมจะสมนาคุณเลย แต่ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมให้โอกาสคุณครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย”

“คุณบรรจบเสียเงินสมนาคุณให้ผมแน่”

บุรีนั่งฟังอยู่ด้วย รู้สึกกังวลใจที่ลูกชายชอบท้าทายสัตตะ จึงตักเตือนเมื่ออยู่กันลำพังสองคนพ่อลูก

“จะพูดอะไรก็ระวังไว้บ้าง แกไม่กลัวอาจารย์สัตตะเหรอ”

“พ่อกลัวก็อย่าให้มันอยู่ในบ้านเราสิ ผมนี่แหละจะหาทางกำจัดมันไปให้พ้นคุณพ่อเสียที”

“แต่เขายังมีประโยชน์กับเราอยู่ อย่างน้อยก็ใช้คาถามัดใจลูกค้าเราได้”

“แต่สำหรับผม เขายังช่วยผมไม่ได้ ผมถึงอยากพิสูจน์”

“ระวังหน่อยก็แล้วกัน”

สัตตะนั่งสมาธิอยู่ในห้อง หยั่งรู้ที่สองพ่อลูกคุยกันด้วยความแค้นเคือง!

ooooooo

คืนนี้วิศิษฏ์ลงมาเดินหน้าบ้าน รำพันคิดถึงพิศ เมื่อไหร่จะมาหาตนเสียที ตนเสียใจที่วันก่อนพูดไม่ดีกับเธอ...พิศรับรู้แต่ไม่ปรากฏตัว จนกระทั่งผีตะปูโผล่มาเล่นงานวิศิษฏ์ บิดไส้บิดพุงเขาเจ็บปวดร้องโอดโอย คนในบ้านพากันแตกตื่น

พิศกับลิ้นจี่ช่วยกันต่อสู้กับผีตะปูจนข้าวของภายในบ้านหล่นโครมครามเหมือนแผ่นดินไหว พวก เฟื่องขจรซวนเซล้มไปคนละทิศละทาง ทันทีที่พิศจัดการผีตะปูจนพ่ายไป อาการปวดท้องของวิศิษฏ์ก็เลือนหายเป็นปลิดทิ้ง พร้อมๆกับพิศปรากฏร่างข้างๆเขา

“เป็นยังไงบ้างเจ้าคะคุณเด๋อ”

“คุณพิศ” วิศิษฏ์ดึงเธอมากอดอย่างหวงแหน “อย่าทิ้งผมไปไหนนะ ผมสัญญาจะไม่ว่าคุณพิศอีกแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าให้ชีวิตผมทรมานอย่างที่เป็นอยู่เลย...สัญญาสิคุณพิศ สัญญา”

“ทำไมต้องสัญญา...เดี๋ยวก็ผิดสัญญาอีกหรอก”

“ทำไมเหรอ ก็เพราะผมรักคุณพิศไง รักยิ่งกว่าผู้หญิงคนไหนที่ผมเคยรู้จัก ผมไม่มีวันจะรักผู้หญิงคนไหนได้อีกแล้ว...อย่าทิ้งผมไปนะคุณพิศ”

ขณะที่วิศิษฏ์คร่ำครวญขอร้องพิศอยู่นั้น...สัตตะรับรู้แล้วว่าผีตะปูของตนพ่ายแพ้พิศ เขาแค้นเคืองเธอยิ่งขึ้น และไม่มีวันถอดใจยอมแพ้เธอตลอดไป...

ที่หน้าห้องวิศิษฏ์ พิศถูกชายหนุ่มเว้าวอนอย่างหนัก เฟื่องขจรกับหลานชายหญิงและสาวใช้ชื่นจิตจับกลุ่มเดินตรงมา สงสัยกันว่าวิศิษฏ์คุยกับใครอยู่ แต่พอถามออกไปเขาก็ปฏิเสธเสียงแข็งแล้วทำไม่รู้ไม่ชี้ นี่เองทำให้เฟื่องขจรเริ่มเชื่อว่าลูกชายเลี้ยงผีจริงอย่างที่วิภาดาเคยบอก

พิศยังอยู่กับวิศิษฏ์ในห้อง ชายหนุ่มขอร้องเธออย่า ทำให้แม่ของตนตื่นเต้นบ่อยนัก ท่านยิ่งเป็นสารพัดโรคอยู่

“แม่คุณเด๋อไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ แต่ระวังเรื่องเก่าที่ฉันเคยเตือนไว้”

“อะไรครับ”

“ผีนายชุบที่บ้านร้างกำลังจะออกมาอาละวาดแล้ว”

“ทำไมคุณพิศไม่ช่วยแม่ผม”

“ฉันเคยบอกคุณเด๋อแล้ว เขาเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันมา ถ้าทั้งสองฝ่ายไม่อโหสิกรรมต่อกัน กรรมจะยัง ผูกกันไปไม่สิ้นสุด”

“ผมสงสารแม่”

“ช่วงนี้คุณเด๋อต้องใส่แหวนนาคราชติดนิ้วไว้ตลอดเวลานะเจ้าคะ ศัตรูกำลังรุมเร้าเข้ามาทำร้าย...บางทีฉันก็ช่วยคุณเด๋อไม่ได้ทุกครั้งเจ้าค่ะ”

ขาดคำ พิศเลือนหายไป ทิ้งให้วิศิษฏ์นั่งหน้าเครียดหนักใจ

ooooooo

วันรุ่งขึ้นเรืองรุ้งกับภาณุไปหาหลวงพ่อที่วัดเพื่อขอกุมารทองให้แพรวพรรณตามที่พิศบอกมา แต่เรืองรุ้งไม่ให้รายละเอียดอื่นใด นอกจากเธอคิดว่ากุมารทองพอจะช่วยแพรวพรรณที่ดวงไม่ค่อยดีได้

แพรวพรรณดีใจมากเมื่อได้พบกับกุมารทองชื่อนิลอีกครั้ง ทั้งสองสวมกอดกันกลมด้วยความคิดถึง

“แม่คิดถึงหนูหรือเปล่าแม่จ๋า”

“คิดถึงสิ แม่อยู่ใกล้นิลแล้วแม่อุ่นใจ เพราะแม่รู้ว่านิลคอยช่วยเหลือแม่”

“แต่หนูช่วยแม่ไม่ได้ทุกเรื่องหรอกนะ หนูยังเด็ก พลังหนูยังน้อยอยู่ แม่ต้องทำบุญให้หนูมากๆ แม่รู้มั้ยที่หนูมาอยู่กับแม่ได้เนี่ยก็เพราะมีคนเขาขอให้หนูมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ มาดูแลแม่”

“ใครเหรอนิล”

“หนูบอกแม่ไม่ได้หรอก เขาไม่ให้บอก แม่รู้แต่ว่าเขารักแม่มากก็พอ”

แพรวพรรณนิ่วหน้าสงสัย...พิศปรากฏตัวยืนอยู่มุมหนึ่ง ส่งยิ้มให้นิลอย่างพอใจที่เก็บความลับได้สุดยอด

วันเดียวกันนี้สุนทรีหน้าซีดแล้วซีดอีกหลังรู้เห็นว่ามีหมายศาลส่งมาให้ถึงบ้าน เธอนำมันขึ้นไปให้ลูกสาวที่หมกตัวอยู่ในห้อง นงรามตกใจไม่แพ้กัน ถามแม่ว่าไปทำผิดอะไรไว้

“ผิดสิ...ผิดที่ฉันกู้หนี้ยืมสินเขามาเลี้ยงดูแก ส่งเสียให้แกเรียนหนังสือสูงๆ หวังให้เข้าสังคมกับคนรวยๆ แล้วเป็นไง ตอนนี้เจ้าหนี้มันส่งหมายศาลมาแล้ว ต่อไปเราจะไม่มีที่ซุกหัวนอน”

“แล้วคุณแม่จะให้นงทำยังไงล่ะคะ”

“ยังจะมีหน้ามาถามอีก วิธีเดียวที่แกจะช่วยฉันได้ก็คือหาทางให้นายบรรจบมาสู่ขอหรือจัดการแต่งงานกับแกให้เร็วที่สุด”

“แต่นงไม่ได้รักเขา นงบอกคุณแม่หลายครั้งแล้ว”

“ถ้าแกไม่ได้รักเขา แกก็ต้องหาคนที่รวยกว่าเขามาแต่งงานกับแกให้ได้ อย่าลืมเรียกสินสอดแพงๆ ให้ฉันเอาเงินมาใช้หนี้”

สุนทรีพูดฉอดๆแล้วผลุนผลันออกไป นงรามน้ำตาร่วงพรูไม่รู้จะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง

ทางด้านงามเนตรที่อยากได้บรรจบเป็นลูกเขยใจจะขาด เย็นนี้เธอเจ้ากี้เจ้าการนัดเขามากินข้าวที่บ้านโดยไม่บอกกล่าวลูกสาวให้รู้ตัว สุรเดชเอือมระอาภรรยาเป็นที่สุด พอทักท้วงก็โดนเธอแว้ดใส่เหมือนทุกที

“ทำไมต้องถาม! ฉันไม่มีสิทธิ์เชิญใครมาบ้านเหรอคุณ...ขวัญ ไปบอกคุณแพรวว่าห้ามไปไหน แล้วก็เตรียมตัวอยู่บ้านต้อนรับคุณบรรจบด้วย”

“ขวัญโทร.ไปนะคะคุณหญิง ตอนนี้ขวัญไม่กล้าเข้าห้องคุณแพรว” สาวใช้ต่อรองเพราะกลัวสิ่งลี้ลับที่เพิ่งประสบมาหมาดๆ

สุรเดชสงสัยจึงอาสาไปเอง...เสียงเคาะประตูทำให้แพรวพรรณต้องวางสายจากเรืองรุ้ง ส่วนนิลปรากฏตัวแต่รับรองแข็งขันกับเธอว่าไม่มีใครเห็นตนถ้าตนไม่ต้องการให้เห็น

แพรวพรรณค่อยเบาใจ เปิดประตูรับพ่อเข้ามาในห้อง เห็นท่านกวาดตามองรอบห้องก็แปลกใจ

“คุณพ่อมีอะไรหรือเปล่าคะ”

“ค่ำนี้คุณบรรจบจะมาทานข้าวที่บ้าน หนูอยู่ต้อนรับเขาด้วยนะ”

“จำเป็นไหมคะ”

“สำหรับนายบรรจบน่ะไม่จำเป็น แต่สำหรับคุณหญิงงามเนตรจำเป็นมาก เพราะถ้านายบรรจบมาแล้วไม่เจอหนูคุณหญิงท่านจะเสียหน้ามาก”

“แพรวไม่ขำกับคุณพ่อด้วยหรอก...น่าเบื่อจะตาย” แพวพรรณหน้ามุ่ย มองไปทางกุมารทองที่แสดงออกว่าเซ็งเหมือนกัน

ooooooo

ในที่สุดค่ำนั้นบรรจบกับบุรีก็มาร่วมโต๊ะอาหารกับครอบครัวงามเนตร สองพ่อลูกชื่นชมอาหารอร่อยทุกอย่าง งามเนตรได้ทีคุยอวดทำคะแนนให้ลูกสาวว่าลงมือเข้าครัวเอง

“จริงเหรอจ๊ะน้องแพรว”

แพรวพรรณยิ้มแหยๆ เห็นแม่พยักพเยิดให้ยอมรับก็ขัดไม่ได้ “ค่ะ ไม่ทราบว่าพอทานได้ไหมคะ”

“อร่อยที่สุดในโลก จริงไหมครับคุณพ่อ”

“ใช่...สมัยนี้หาผู้หญิงที่เก่งการบ้านการเรือนได้ยากมาก พบแล้วก็เหมือนพบเข็มในมหาสมุทรเลย คุณสุรเดชกับคุณหญิงคงเข้าใจความหมายของผมนะครับ”

สุรเดชมีสีหน้าอึดอัด ผิดกับงามเนตรที่ยิ้มแย้มดีใจออกนอกหน้า

“ก็ต้องถือว่าเป็นบุญวาสนาของเด็กทั้งสองคนที่ได้ทำบุญสร้างกุศลมาด้วยกัน ชาตินี้ถึงได้มาประสบพบเจอกัน...แล้วก็รักกัน”

“ใช่เลยครับ คุณหญิงพูดถูกทุกอย่าง”

แพรวพรรณเบื่อที่จะฟัง อ้างว่าตนอิ่มแล้วมื้อเย็นทานน้อย บรรจบไม่พูดอะไรแต่เดินตามเธอไปในมุมนั่งเล่น พูดปากหวานเอาใจเธอสุดๆ

“พี่ดีใจที่สุดที่วันนี้คุณพ่อพี่มาเจรจาสู่ขอน้องแพรว อยากได้สินสอดเท่าไหร่บอกได้เลย พ่อพี่ไม่อั้น”

“แพรวไม่ใช่สินค้าจะได้วัดกันที่ราคา”

“พี่ไม่ได้หมายความยังงั้นนะจ๊ะน้องแพรว แต่พี่อยากให้งานแต่งงานของเรายิ่งใหญ่ที่สุด ต่อให้ใครแต่งงานก็ไม่มีวันจัดได้ยิ่งใหญ่เท่าเราอีกแล้ว”

“งานแต่งงานนะคะไม่ใช่งานอีเวนต์...แพรวขอตัวค่ะ”

เธอลุกหนีไป บรรจบมองตามไม่พอใจในความหยิ่งยโสของเธอ...อีกมุมในห้องรับแขก ผู้ใหญ่ทั้งสามนั่งสนทนากันเรื่องลูก

“ถ้าแต่งกันแล้วจะให้อยู่ที่บ้านไหนผมไม่ขัดข้องเลยครับ ขออย่างเดียวให้เด็กทั้งสองอยู่ด้วยกัน”

“ผมขอคุยกับลูกสาวดูอีกครั้งครับ ผมยังไม่ตัดสินใจ” สุรเดชพูดโพล่ง

“แต่ดิฉันว่ายัยแพรวไม่น่ามีปัญหาอะไร เด็กสองคนสนิทสนมกันอยู่แล้ว...จริงไหมคะ”

“ใช่ครับ ไปมาหาสู่กันเป็นประจำ คุณสุรเดชก็น่าจะเห็น”

“คนเราคบกันก็ไม่จำเป็นต้องแต่งงานกันนี่ครับ ผมยังยืนยันเหมือนเดิมว่าให้แพรวเป็นคนตัดสินใจเอง”

บุรีอึ้ง งามเนตรมองหน้าสามีอย่างขัดเคืองใจ ถามหาเหตุผลว่าทำไม?

“อย่างน้อยก็ขอให้ผมมั่นใจว่าลูกชายคุณบุรีไม่มีผู้หญิงอื่นซุกซ่อนไว้ เรียนตรงๆนะครับ กิตติศัพท์ความเจ้าชู้ของคุณบรรจบไม่ใช่ย่อย ไม่ใช่ว่าวันแต่งมีผู้หญิงอื่นมาอ้างตัวว่าเป็นภรรยา ลูกสาวผมคงเสียใจไปตลอดชีวิต”

บุรีฟังแล้วหน้าเครียดขึ้นทันที พอบรรจบทราบจากพ่อก็แสดงความไม่พอใจ กลับไปบ่นที่บ้านอย่างหัวเสีย

“ถ้าผมมีใครก็ไม่เห็นเป็นอะไร ในเมื่อผมรัก

น้องแพรว ผมยกย่องจดทะเบียนสมรสอย่างเป็นทางการ”

“แกไม่ต้องพูดแล้ว แสดงว่าแกยอมรับว่าแกมีผู้หญิงอื่น”

บรรจบเหลือบไปเห็นสัตตะ ชี้มือบอกพ่อว่าตัวการอยู่นั่น บุรีถามอย่างสงสัยว่าเขาเกี่ยวอะไรด้วย

“ก็มันนี่แหละที่ให้น้ำมันพรายผม ผมเอาไปใช้กับนงราม ตัวปัญหาก็สองแม่ลูกนี่แหละครับ ได้ข่าวว่าพูดไปทั่วว่าผมจะแต่งงานกับนงราม”

สัตตะทำไม่รู้ไม่ชี้เดินเข้ามาหาสองพ่อลูก ถามว่ามีอะไรให้ตนช่วยหรือไม่

“ช่วยเหรอ...ทำอะไรให้มันสำเร็จสักอย่างได้มั้ย เห็นส่งอะไรไปก็แพ้มันกลับมาหมด ตัวการน่ะไม่ใช่

นงรามกับแม่หรอก แต่ผมรู้ว่าน้องแพรวชอบพอกับไอ้วิศิษฏ์อยู่ มีพ่อหนุนหลัง ถ้าไม่มีไอ้นี่ซะคนน้องแพรวก็คงสนใจผม”

สัตตะหน้าชา มองตามบรรจบอย่างไม่พอใจ บุรีหนักใจแต่ยังคิดพึ่งสัตตะอยู่ดี

“อาจารย์จะช่วยลูกผมได้ยังไงก็บอกมาเลยนะครับ เสียเงินเสียทองเท่าไหร่ผมก็ยอม”

“ไว้เป็นหน้าที่ผมเอง” สัตตะตอบรับหนักแน่น

ooooooo

เมื่อใดที่สัตตะส่งผีร้ายมาเล่นงานวิศิษฏ์ พิศเป็นต้องปรากฏตัวช่วยเหลือเขาทุกครั้ง แถมยังคอยช่วยให้เขาได้พบกับแพรวพรรณบ่อยครั้งขึ้น แม้งามเนตรแม่ของเธอจะไม่ต้องการให้ทั้งคู่ข้องเกี่ยวกัน

แพรวพรรณยืนยันรับงานออกแบบเสื้อผ้าและเครื่อง ประดับให้งานแสงสีเสียงโบราณสถานจากหน่วยงานของวิศิษฏ์ให้สำเร็จ ไม่มีเลิกกลางคันตามที่แม่ของเธอบุกไปประกาศเมื่อวันก่อน แต่การจะไปจะมาต้องคอยหลบสายตางามเนตรอยู่ตลอด

สุรเดชไม่ว่าอะไรหากลูกสาวมีความสุขที่ได้ทำงาน บางทีเขาก็ร่วมด้วยช่วยกันปกปิดงามเนตรให้แพรวพรรณได้ออกไปทำงาน แต่วันนี้เขาช่วยลูกไม่ได้จริงๆ เพราะงาม–เนตรเจ้ากี้เจ้าการเกณฑ์สองพ่อลูกไปงานปาร์ตี้บ้านบรรจบ

แต่แล้วเหมือนโชคเข้าข้างแพรวพรรณ บุรีโทร.มาเลื่อนนัดเป็นพรุ่งนี้ งามเนตรเซ็งนิดหน่อยแต่ยังลุ้นให้แพรวพรรณลงเอยกับบรรจบในเร็ววัน...สาเหตุที่บุรีต้องเลื่อนนัด ก็เพราะสัตตะยังหาทางช่วยบรรจบให้ได้สมหวังกับแพรวพรรณไม่ได้

สัตตะไปพบสัปเหร่อที่วัดเพื่อขอซากศพหญิงตาย ทั้งกลมมาทำพิธีเพื่อให้ได้ผงเสน่ห์ไว้ให้บรรจบใช้กับแพรวพรรณในวันนัดหมาย แต่ปรากฏว่ามีอุปสรรคอีกจนได้ สุนทรีพานงรามบุกมาถึงบ้านบุรีเพื่อทวงถามเรื่องงานแต่งงานระหว่างบรรจบกับนงราม

สุนทรีอ้างว่านงรามเสียใจเอาแต่ร้องไห้และคิดจะฆ่าตัวตายที่บรรจบไม่รับผิดชอบ บุรีอับอายขายหน้าครอบครัวงามเนตรจึงตัดบทว่าตนจะจัดการให้ แต่ตอนนี้สุนทรีต้องพาลูกสาวกลับไปก่อน

เมื่อสองแม่ลูกกลับออกมา นงรามรีบเว้าวอนแม่ให้ยอมรับวิศิษฏ์เพราะเมื่อคืนเขารับปากเธอแล้วว่าจะมาสู่ขอและแต่งงานกัน ซึ่งเธอจะพยายามให้เขาหาเงินมาเป็นสินสอดตามที่แม่ต้องการ สุนทรีไม่เชื่อว่าน้ำหน้าอย่างวิศิษฏ์จะทำได้

นงรามแวะเวียนไปหาวิศิษฏ์อีกครั้ง ทวงถามเรื่องงานแต่งที่คุยกันไว้เมื่อคืน วิศิษฏ์รับปากไปเพราะสงสาร แต่วันนี้เขาไตร่ตรองดูใหม่ ยังไงก็ไม่มีทางทำตามความต้องการของสุนทรีได้ และอีกอย่างเขามีคนรักแล้วซึ่งไม่ใช่แพรวพรรณอย่างที่นงรามเข้าใจ แต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร

บรรจบยังคิดจะใช้ผงเสน่ห์ใส่ในน้ำส้มให้แพรวพรรณดื่มเพื่อที่เธอจะได้หลงใหลเขาจนโงหัวไม่ขึ้นตามที่สัตตะบอก แต่ในวันที่บรรจบเชิญครอบครัวของเธอมากินข้าวที่บ้าน แพรวพรรณไม่ยอมกินน้ำส้มเพราะกุมารทองกำชับนักหนาว่าไม่ให้กินของจากบรรจบ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม

นอกจากแผนชั่วร้ายจะไม่สำเร็จแล้ว บรรจบยังต้องหงุดหงิดใจเมื่อสุนทรีพานงรามมาที่บ้านอีก สุนทรีเดินหน้าเอาจริงเอาจังจนบุรีกับบรรจบหนักใจ แต่สำหรับสุรเดชที่รู้เช่นเห็นชาติความเจ้าชู้ของบรรจบถึงกับพูดตัดขาดไม่ยอมให้แพรวพรรณลงเอยด้วย เพราะเขา
ไม่ต้องการให้ลูกสาวกินน้ำใต้ศอกใคร

บรรจบหัวเสียและยิ่งหนักใจสุดๆ เพราะน้ำส้มแก้วนั้นนงรามดื่มเข้าไปแทนแพรวพรรณ เมื่อเขามาบอกสัตตะ เจ้าของผงเสน่ห์ถึงกับผงะ ร้องลั่นว่าบรรลัยแล้ว

“อ้าว ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะ”

“วิชานี้ทำให้วิญญาณของผีสิงจิตสิงใจคนที่ดื่มหรือกินอาหารที่มีส่วนผสมของผงมหาเสน่ห์ เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดความรัก ความหึงหวง...คุณบรรจบคงต้องลำบากแล้ว”

“อะไรวะ ไหนว่ามีวิชาถอนไง”

“คงต้องระยะหนึ่งนะครับ ผงมหาเสน่ห์แรงมาก วิญญาณผีตายทั้งกลมไม่ยอมทิ้งร่างของนงรามแน่”

“แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้” บุรีบ่นอย่างหนักใจ

ทางด้านครอบครัวแพรวพรรณที่พากันกลับบ้านไป แพรวพรรณยืนกรานยังไงก็ไม่แต่งงานกับบรรจบตามความต้องการของงามเนตร

“นี่ขนาดยังไม่ได้แต่งงานอยู่กินด้วยกัน ยังมีผู้หญิงมาแสดงตัวถึงบ้าน คุณแม่ลองคิดสิคะ ว่าถ้าเป็นคืน วันแต่งงาน แขกคุณแม่มาเป็นพันคน แล้วมีผู้หญิงมายืนด่าแพรว ขณะที่แพรวยืนอยู่บนเวทีในฐานะเจ้าสาว คุณแม่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

“ลูกพูดมีเหตุผลนะคุณหญิง”

“ก็ใช่...แต่ฉันจะทำให้นังสองแม่ลูกนี่เลิกยุ่งกับคุณบรรจบ ถึงวันนั้นหวังว่าแพรวคงไม่ปฏิเสธพี่เขานะลูก”

แพรวพรรณถอนใจไม่อยากเถียง เดินหนีไปไม่ฟังเสียงเรียกของมารดา ขณะที่สุรเดชย้ำอย่างเป็นกลางว่า

“คงยากแล้วล่ะคุณหญิง ดีนะที่ลูกเราไม่ได้รักนายบรรจบ ถ้าเกิดรักชอบกันไปแล้ว จะเสียใจแค่ไหน...คิดในมุมของลูกบ้างสิ ไม่ใช่คิดแต่ในมุมของคุณหญิง”

งามเนตรนิ่งเงียบ แต่ยังไงก็ไม่ยอมแพ้สองแม่ลูกสุนทรีกับนงรามอย่างแน่นอน

เย็นนั้นแพรวพรรณโทร.ชวนเรืองรุ้งออกไปกินข้าว ส่วนพิศก็แต่งตัวสวยปิ๊งมาปรากฏต่อหน้าวิศิษฏ์เหมือนหยั่งรู้ว่าอีกประเดี๋ยวเขาต้องออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ และต้องเจอแพรวพรรณ วิศิษฏ์อยากให้พิศไปด้วยแต่เธอบอกว่าถ้าไปแพรวพรรณก็จะมีสองคนทันที ยิ่งเป็นตอนกลางคืนตนมีพลังปรากฏตัวได้ทั้งคืน

“ก็ดีสิ...ผมจะได้เต้นรำกับคุณ ดื่มกับคุณ ให้คนทั้งผับอิจฉา”

“คุณเด๋อมีคุณแพรวแล้ว เธอเพิ่งผ่านเรื่องร้อนใจมา ดีใจที่ไม่ได้แต่งงานกับคุณบรรจบ”

“คุณพิศทำสำเร็จ”

“ฉันไม่ได้ทำเจ้าค่ะ แต่กระแสกรรมหมุนวนของมันเอง ไปสนุกกับเพื่อนๆนะคะคุณเด๋อ ฉันสัญญาว่าฉันจะอยู่ใกล้ๆคุณเด๋อ มีเพียงคุณเด๋อคนเดียวที่เห็นฉัน”

ทั้งคู่สบตากันก่อนที่วิศิษฏ์จะรวบตัวพิศมาซ้อมเต้นรำอย่างมีความสุข

ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น