วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร นางชฎา ตอนที่ 6


ริลณีหลับตานิ่งหันหน้าไปทางประตูรถ ครู่หนึ่ง เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นเป็นแววตาผีที่น่ากลัวและเต็มไปด้วยความแค้นจ้องเขม็งออกไปนอกรถ สายตาไปหยุดที่รถคันหนึ่งที่จอดติดอยู่บนถนนเป็นรถของตุลเทพที่เจ้าตัวกำลังนัวเนียอยู่กับหญิงสาวนั่นเอง!

“ไอ้ตุลเทพ!” ริลณีเบิกตาโพลงพึมพำเบาๆ ยกสองมือที่เต็มไปด้วยรอยไหม้ขึ้นดูอย่างแค้นใจ

เตชินได้ยินเสียงริลณี เขาดีใจที่เธอฟื้นแล้ว ถามอย่างร้อนใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้ ริลณีตัดบทว่า อย่าเพิ่งถาม ให้รีบพาตนไปหาหมอก่อนเถิด เตชินรับคำแล้วเร่งรถไปอย่างเร็ว

ระหว่างนั้น ริลณีจ้องไปที่รถตุลเทพคำรามในใจ “ตุลเทพ วันนี้แกต้องตาย!” แล้วริลณีก็จ้องรถคันหนึ่งที่สตาร์ตเครื่องกำลังจะออกจากที่จอด อยู่ๆรถคันนั้นก็แล่นออกมาขวางรถเตชินที่กำลังขับมาอย่างเร็ว เตชินตกใจเหยียบเบรกเอี๊ยดดด! เขาเปิดกระจกรถลงตะโกนด่า

“ขับออกมาได้ยังไง! ไม่เห็นรึไงว่ารถผมกำลังแล่นมา!”

“ผมก็ไม่รู้ อยู่ดีๆ รถมันก็แล่นออกมาเอง” คนขับท่าทางตกใจ เตชินเลยยิ่งหัวเสียคิดว่าคนขับแก้ตัวน้ำขุ่นๆ บอกให้รีบหลบไปตนกำลังรีบ

เจ้าของรถคันนั้นรีบสตาร์ตรถแต่สตาร์ตไม่ติด เตชินยิ่งหัวเสีย หันบอกริลณีให้อดทนอีกแป๊บนึง เขาลงจากรถเพื่อจะไปช่วยเข็นรถคันนั้นให้พ้นทาง ริลณีนั่งมองเตชินอยู่ เธอยิ้มแล้วหายไปจากตรงนั้นทันที

ooooooo

รถตุลเทพยังติดอยู่ที่เดิมแต่ทั้งสองก็ยังนัวเนียกันไม่หยุด สาวจะถ่ายเซลฟี่ด้วยกันในรถ ตุลเทพไม่ยอมถ่ายอ้างว่าตนมีโจทก์กับสาวๆเยอะ

จู่ๆ เพลงที่เปิดอยู่ก็กลายเป็นเพลงไทยเดิมแทน สาวทำหน้าสยองบอกว่าเพลงหลอนยังไงไม่รู้ พยายามจะเปลี่ยนคลื่นแต่ไม่ว่าจะหมุนหาอย่างไรก็ยังเป็นเพลงไทยเดิมอยู่นั่นเอง ระหว่างนั้นตุลเทพรู้สึกเย็นวูบวาบที่หลัง พอเหลียวมองก็ไม่เห็นอะไร แต่พอหันมองสาวคนนั้นอีกทีหน้าสาวกลายเป็นหน้าริลณีไปแล้ว!

“ไปนะ นังผีบ้า!” ตุลเทพเอาของขลังที่หมอเจ๋งให้ออกมายื่นไปทางริลณี เธอหายไปในพริบตา และรถของตุลเทพก็กำลังไหลลงข้างทาง ตุลเทพขวัญผวาเปิดประตูรถลงไป สาวคนนั้นรีบตามลงไปเห็นตุลเทพเหงื่อแตกพลั่กมือไม้สั่น เธอถามว่าเป็นอะไรดูแปลกๆ ตุลเทพหันมอง หน้าเธอกลายเป็นหน้าริลณีจ้องเขม็ง!

ตุลเทพถอดของขลังขว้างใส่สาวสวยที่ถูกริลณีสิงอยู่ ริลณีเจ็บปวดร้องโหยหวนพร้อมกับที่สาวคนนั้นล้มหมดสติไป พอริลณีปรากฏร่าง จึงเห็นว่ามือเธอมีบาดแผลมากขึ้น กระนั้นก็ยังจ้องตุลเทพอย่างอาฆาตแค้น ตุลเทพวิ่งเตลิดไปพลางตะโกนขอความช่วยเหลือ เสียงแว่วไปถึงหลวงพ่อ ท่านลืมตาด้วยความตกใจ พึมพำ...

“หยุดจองเวรสร้างกรรมเถอะโยม ต่อให้ฆ่าเขาตาย โยมก็ไม่สามารถฟื้นกลับมาได้แล้ว ปล่อยให้เวรกรรมลงโทษเขาเองเถอะ”

ด้วยแรงอาฆาต ริลณีตามไปปิดตาตุลเทพ เขาร้องโวยวายว่าทำไมมองไม่เห็นเดินไปมือก็ควานไปข้างหน้าสะเปะสะปะ เดินไปจนลงถนนที่มีรถขวักไขว่ มีรถคันหนึ่งขับมาอย่างเร็ว คนขับเห็นตุลเทพเดินอยู่กลางถนนเหมือนคนตาไม่เห็นก็พยายามเบรก ส่วนริลณียืนมองตุลเทพอยู่พึมพำอย่างสะใจ

“ถึงเวลาของนายแล้ว ตุลเทพ!” รถคันนั้นพุ่งเข้าหาตุลเทพทั้งที่คนขับพยายามเหยียบเบรกจนมิด

ริลณีพยายามจะฆ่าตุลเทพ แต่หลวงพ่อท่านก็พยายามสวดมนต์ช่วยคุ้มครองตุลเทพจนเหงื่อแตก

สุดท้ายเมื่อรถคันนั้นพุ่งจนเกือบจะชนตุลเทพอยู่แล้ว จู่ๆคนขับรถก็เบรกได้สำเร็จ! เมื่อบังคับรถให้ชนตุลเทพไม่ได้ ริลณีจึงพุ่งเข้าไปจะฆ่าด้วยมือตัวเอง

“ริน...ริน...คุณยังอยู่ในรถหรือเปล่า” เสียงเตชินร้องถามทำให้ริลณีชะงักต้องหันกลับไปหาเตชิน ตุลเทพรอดตายถึงกับเข่าทรุดลงไปกองกับพื้น

ooooooo

เตชินกลับมาที่รถชะโงกมองเข้าไปในรถจึงเห็นริลณีนอนหลับเบียดมาใกล้ประตูทำให้มองไม่เห็น เขาถอนใจโล่งอก ชะโงกเข้ามาดูถามอย่างห่วงใย

“ริน...คุณโอเครึเปล่า ทำไมแผลมันมากขึ้นแบบนี้...” ขณะนั้นเองรถที่ขวางอยู่ก็สตาร์ตติดคนขับรีบถอยรถออกไป เตชินรีบเปิดประตูเข้ามาบอกริลณี “อดทนนะครับ ผมจะรีบพารินไปหาหมอเดี๋ยวนี้แหละ”

ริลณีแววตาโกรธจัดที่ฆ่าตุลเทพไม่สำเร็จ คำรามอย่างเจ็บใจ “ทำไมถึงฆ่ามันไม่ได้!! ทำไมถึงฆ่ามันไม่ได้!!!”

ส่วนพระอาจารย์คงหรือหลวงพ่อที่วัด ก้มกราบพระที่โต๊ะหมู่บูชา หลับตาถอนใจพึมพำอย่างกังวล...

“วันนี้ดวงวิญญาณยังไม่กล้าแข็ง อาตมายังพอช่วยได้ แต่ถ้าหากดวงวิญญาณนี้กล้าแข็งขึ้นมาเมื่อไหร่ ไม่ว่าใครก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้แล้ว”

ooooooo

ปริมลดาและหงส์หยกยังอยู่กับชมพู กำลังช่วยชมพูเก็บข้าวของและรายชื่อแขกที่จะเชิญมางาน รวมทั้งรูปภาพต่างๆ ชมพูหน้าเศร้าๆตลอดเวลา ปริมลดากับหงส์หยกแอบสบตายิ้มๆให้กันแต่ยังไม่สะใจพอ หงส์หยกกระหน่ำซ้ำว่า

“คนที่โทร.มาตามว่าที่เจ้าบ่าวของเธอออกไปได้เนี่ย ต้องสำคัญมากเลยนะ”

“นั่นสิ โทร.มาปุ๊บออกไปปั๊บ แม่แท้ๆยังทำไม่ได้เลยนะเนี่ย” ปริมลดาน้ำเสียงเยาะหยัน แล้วหงส์หยกก็ถามชมพูว่ารู้ไหมว่าเป็นใคร

“ไม่รู้หรอก เขาไม่ยอมบอก” ชมพูเศร้ามาก หงส์หยกยุว่าหรือจะเป็นกิ๊ก? “เป็นไปไม่ได้หรอก” ชมพูปฏิเสธทันที

ทั้งปริมลดาและหงส์หยกช่วยกันเป่าหูยุแหย่ว่าเตชินมีหญิงอื่น จนชมพูถามว่าเขาเคยคบคนอื่นหรือ ปริมลดาทำเป็นเบรกหงส์หยกว่าอย่าพูดเลยเรื่องมันผ่านไปแล้ว หงส์หยกบอกว่าตนไม่อยากให้ชมพูใสซื่อเกินไป ทั้งสองพูดจนชมพูทนไม่ได้รบเร้าว่า “มีอะไรเหรอลดา บอกฉันเถอะ ฉันอยากรู้”

ปริมลดายิ่งพูดให้อยากรู้ว่า “เอาเป็นว่า รู้แค่พี่เตชินของเธอน่ะ ไม่ใช่คนใสๆอย่างที่คิดก็แล้วกัน”

“เห็นเงียบๆแต่ฟาดเรียบทุกราย” หงส์หยกพูดต่อแล้วหัวเราะ เห็นชมพูหน้าเสีย สองสาวแสบก็มองหน้ากันอย่างสะใจที่ยุแหย่ให้ชมพูระแวงเตชินได้

ยิ่งเมื่อชมพูได้ฟังหมูหวานเล่าเรื่องปริมลดาแกล้งทำสะดุดล้มแล้วเตชินคว้าตัวไปกอดไว้เมื่อตอนกลางวัน ชมพูก็ยิ่งคิดมาก แต่ก็ยังบอกหมูหวานว่าห้ามเล่าเรื่องเตชินกับปริมลดาให้คุณพ่อคุณแม่ฟังเด็ดขาด พอหมูหวานออกไป ชมพูก็ซบหน้ากับฝ่ามือด้วยความรู้สึกผิดหวัง เสียใจอย่างที่สุด

ooooooo

เตชินยังขับรถอย่างเร็วเพื่อจะพาริลณีไปโรง-พยาบาล ให้กำลังใจให้เธออดทนอีกหน่อย ริลณีบอกว่าตนไม่เจ็บแล้ว

“ถึงไม่เจ็บก็ต้องหาหมอ ให้หมอดูสักหน่อยว่าเป็นอะไร ผมเป็นห่วง โรงพยาบาลอยู่ข้างหน้าแล้ว อีกแป๊บก็ถึง”

ริลณีพูดเหมือนหยอกว่าเขาพูดอย่างนี้มาหลายรอบแล้วว่าอีกแป๊บก็ถึงแต่ก็ไม่เห็นถึงสักที

“นั่นสิครับ ทำไมถึงยังไม่ถึงสักที ปกติผมขับรถจากตรงนั้นไม่เกิน 15 นาทีด้วยซ้ำ” เตชินยังมุ่งมั่นขับรถต่อไป แต่แล้วก็อุทานเมื่อเห็นรถยังขับวนอยู่ที่เดิม บ่นหงุดหงิด “ทำไมถึงยังอยู่บนถนนเส้นนี้อีกล่ะเนี่ย ยิ่งรีบยิ่งพาหลง ทางนี้ขับอยู่บ่อยๆแท้ๆ”

“เราไม่ได้หลงหรอกค่ะ ดูดีๆสิคะ อีกไม่ไกลก็จะถึงบ้านของคุณแล้ว”

“จริงด้วย นี่มันซอยบ้านของผมนี่ แล้วทำไมเมื่อกี๊ตอนผมขับถึงไม่รู้สึกคุ้นเคยเลยล่ะ”

“แบบนี้โบราณเขาเรียกว่า ผีบังตา” เตชินชะงักถามว่าอะไรนะ ริลณีเงียบไปเพราะรู้สึกว่าเตชินเริ่มสงสัยแล้ว แต่แล้วเธอก็โล่งใจเมื่อเตชินพูดขำๆ ว่าเธอโบราณจริงๆ ‘ผีบังตา’ มีที่ไหน แล้วคุยต่ออย่างมีอารมณ์ขันว่า

“งั้นแสดงว่าเมื่อกี๊ตอนที่ผมขับรถ ก็มีผีแอบมาปิดตาไว้ใช่ไหมครับ...แล้วไหนล่ะครับผี” แกล้งจ้องหน้าริลณีแซว “ผีอะไร...สวยจัง”

ริลณีแอบเศร้าแต่ถามแบบหยั่งความคิดเขาว่า ถ้าตนเป็นผีจริงเขาจะกลัวไหม เตชินหัวเราะขำ หยอกเธอว่า

“พูดล้อเล่นแบบนี้แสดงว่าหายแล้ว ไม่เจ็บมือแล้วจริงๆด้วย” ริลณีบอกว่าตนรู้สึกดีตั้งแต่เขาจะพาไปโรงพยาบาลแล้ว ขอบคุณเขาที่เป็นห่วงตนไม่เคยเปลี่ยน “ถึงจะชมกันขนาดนี้ผมก็ต้องพารินไปหาหมอครับ” เตชินดักคอขำๆ

“ถ้าคุณพาไปถึงนะคะ” ริลณีท้าเป็นนัย

ooooooo

แต่แล้วเตชินก็ขับรถพาริลณีมาที่บ้านเรือนไทยหลังนั้น เขาบอกเธองงๆ ว่าไม่รู้ทำไมถึงพาเธอมาที่นี่ได้ ริลณีไม่ตอบแต่เธอมองบ้านเรือนไทยเอ่ยอย่างชื่นชมว่า

“ไม่คิดว่าที่นี่จะสวยได้ถึงขนาดนี้” เตชินแปลกใจถามว่าเธอรู้จักบ้านหลังนี้ด้วยหรือ “รินรู้จักที่นี่ดี ตั้งแต่ยังเป็นบ้านร้างหลังมหาวิทยาลัยค่ะ”

“จริงสิ...” เตชินหัวเราะขำตัวเอง “คนส่วนใหญ่อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับรินจะรู้จักบ้านหลังนี้ในฐานะบ้านเรือนไทยผีสิง” ริลณีถามว่าแล้วเขาไม่กลัวหรือ “ผมไม่เชื่อเรื่องผี แต่ผมเชื่อความรู้สึกของตัวเอง ตอนที่เห็นบ้านหลังนี้ครั้งแรก ผมรู้สึกตกหลุมรัก...เหมือนตอนที่ผมหลงรักริน”

ริลณีดักคอว่าเขาเลยซื้อไว้เป็นเรือนหอ พูดเหมือนน้อยใจว่า อิจฉาว่าที่เจ้าสาวของเขาจัง ถามว่าชมพูเคยมาเห็นบ้านหลังนี้หรือยัง เตชินบอกว่าริลณีจะเป็นคนแรกที่ได้เห็นถ้าเธอต้องการ

“รินอยากเห็นค่ะ”

“งั้นเชิญครับ...แล้วตกลงเราไม่ต้องไปหาหมอแล้วเหรอครับ”

ริลณีถามว่าในบ้านมีอุปกรณ์ทำแผลอยู่ไม่ใช่หรือ ถามว่าเขาช่วยทำแผลให้ได้ไหม เตชินอึกอัก เธอรวบรัดว่า

“รินไว้ใจคุณค่ะ”

ระหว่างทำแผล เตชินบอกว่าต่อไปไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น แม้แต่มดกัด มีดบาด เธอก็ต้องบอก ตนคงทนไม่ได้ถ้าเธอเป็นอะไรมากกว่านี้ ตนห่วงเธอยิ่งกว่าชีวิตตัวเองเสียอีก ริลณีถามว่าแล้วชมพูล่ะ?

“ผมก็ห่วงเขามาก...เหมือนพี่ชายห่วงน้องสาว สำหรับความรู้สึกที่ผมมีให้เขามันเป็นอย่างนั้นมาตลอด” ริลณีติงว่าแต่เขากำลังจะแต่งงานกับเธอ “มันเป็น ‘หน้าที่’ ที่ผมต้องทำ แต่สำหรับ ‘หัวใจ’ ผมมีแต่ริน รินรู้ไหมครับ ผมไม่สามารถหยุดรักรินได้สักวินาทีเดียว ทั้งๆที่ผมกำลังจะแต่งงาน ทั้งๆที่รู้ว่ามันผิด แต่ผมก็หยุดรักรินไม่ได้จริงๆ”

“รินรู้ว่าคุณรักรินมาก คุณตามหารินมาตลอด...แม้มันจะยากเย็นแค่ไหนคุณก็ไม่เคยยอมแพ้ และเพราะความรักของคุณ รินถึงได้มายืนอยู่ตรงนี้” เตชินถามว่าเธอยังรักตนอยู่หรือเปล่า “รักสิคะรินยอมทำทุกอย่างที่จะได้กลับมารักคุณอีกครั้ง”

ทั้งสองรำพันความรักความห่วงหาที่มีต่อกันอย่างดื่มด่ำ จนเมื่อริลณีถามขึ้นว่าไหนเขาว่าจะพาตนชมบ้าน? เตชินจึงนึกได้บอกว่า “ผมมีอะไรจะอวดริน”

ooooooo

สิ่งที่เตชินนำมาอวดริลณีคือรูปวาดที่เขาวาดไว้มากมาย เขาเอาสมุดวาดรูปมาพลิกให้ดูทีละรูป...ทีละรูป...รูปแรกเขาบอกว่าวาดไว้ก่อนเจอเธอ ริลณีบอกว่าไม่เชื่อ เพราะนี่คือรูปตนชัดๆ

เตชินยืนยันว่าเป็นรูปที่ตนวาดก่อนเจอเธอไม่กี่ชั่วโมง ริลณีถามว่าแล้วทำไมเหมือนตนขนาดนี้

“คงเพราะคุณอยู่ในความฝันของผมมาตลอด” เตชินนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดความในใจออกมาว่า “ถ้าวันนั้นผมไม่มาช้า ถ้าวันนั้นผมไม่ขับรถชนชมพู บ้านหลังนี้ก็คงจะเป็นเรือนหอของเรา”

“อย่าพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยค่ะ เราทำได้แค่ใช้เวลาตอนนี้ วินาทีนี้ให้ดีที่สุด”

“ผมอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไป”

“รินก็เหมือนกันค่ะ” ริลณีโผกอดเขาน้ำตาไหล เตชินกอดเธอไว้แนบแน่น ก้มจุมพิตด้วยความรัก...

ทันใดนั้น ฟ้าผ่าเปรี้ยง แล้วฝนก็ตกหนักราวกับมีอาเพศ ลมพัดอื้ออึงจนข้าวของล้มระเนระนาด สมุดวาดรูปของเตชินร่วงลงที่พื้น...ท่ามกลางแสงฟ้าและสายฝน ทั้งเตชินและริลณีต่างปล่อยใจไปตามปรารถนาของกันและกัน....

เวลาเดียวกัน ชมพูหวีผมอยู่หน้ากระจก จู่ๆหวีหักเป็นสองท่อน ไม่เพียงเท่านั้นเมื่อเธอจะโยนหวีทิ้ง มือไปสะกิดถูกกรอบรูปที่เธอถ่ายคู่กับเตชินตกแตก! ชมพูหน้าเสียสังหรณ์ใจว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดกับตัวเธอและเตชิน

ดึกสงัดแล้ว...ที่บ้านเรือนไทย เตชินนอนกอดริลณีอย่างมีความสุขอยู่บนเตียง ฝนยังตกฟ้ายังคะนองและแสงฟ้ายังแลบแปลบปลาบจากแสงฟ้าทำให้เห็นว่า ที่เตชินนอนกอดอยู่อย่างมีความสุขนั้น ไม่ใช่ร่างริลณี แต่เป็นโครงกระดูก!

ขณะที่หลวงพ่อหรืออาจารย์คงเดินจงกลมอยู่นั้น ฟ้าคำรามก้อง ท่านแหงนมองท้องฟ้าเห็นก้อนเมฆปั่นป่วนวิปริตเหมือนจะมีเรื่องร้าย ท่านพึมพำ

“ในที่สุดก็เกิดขึ้น อาตมาคงหยุดยั้งอะไรไม่ได้แล้ว ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามกรรมสินะ”

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น หยดน้ำฝนยังย้อยจากหลังคาเปาะแปะๆ อากาศสดชื่นมาก เตชินตื่นขึ้นเอื้อมมือไปกอดริลณี เขาเอะใจเมื่อพบแต่ความว่างเปล่า ลุกพรวดตกใจคิดว่าริลณีหนีไปอีกแล้ว เดินหาจนเจอเธอยืนนิ่ง ณ จุดที่ฝังร่างเธอไว้ เหมือนจ้องอะไรอยู่ เตชินวิ่งเข้าไปกอดพร่ำพูด “ผมคิดว่ารินจะหนีผมไปอีกแล้ว”

ริลณีบอกว่าตนจะหนีไปไหนได้ในเมื่อคนที่ตนรักอยู่ที่นี่ ตนแค่ออกมาเดินชมสวนเลยยืนคิดอะไรเพลินๆ แล้วชวนเขาไปทานอาหารเช้าที่เธอเตรียมไว้พร้อมแล้ว เตชินแปลกใจที่มีอาหารมากมายวางไว้บนโต๊ะอย่างสวยงามน่าทานทั้งๆ ที่ในตู้เย็นไม่มีอะไรเลย ริลณีมองหน้าเขายิ้มๆ แต่ไม่ตอบระหว่างนั้น เตชินเอ่ยถึงเรื่องเมื่อคืน เขาสัญญาว่าจะรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น จะไม่มีวันทำให้เธอผิดหวังอีก และจะไม่มีวันทำผิดเป็นครั้งที่สอง ริลณีถาม หมายความว่าอย่างไร

“ผมจะบอกเรื่องของเราให้ทุกคนรู้แล้วยกเลิกงานแต่งเสีย” ริลณีตกใจบอกว่าไม่ได้ เพราะจะทำให้เขาเดือดร้อน

“ผมยอมรับผลที่จะตามมาทุกเรื่อง ใครจะว่าผมเลวผมชั่วยังไงก็ได้ แต่ผมจะไม่ยอมทำผิดกับรินอีก” ริลณีติงว่าคุณพ่อคุณแม่เขาคงไม่ยอม “ก็คงต้องให้เวลาท่านสักพัก ยังไงท่านก็รักผม ท่านจะต้องรักคนที่ผมรักแน่ๆ”

“แล้วชมพูล่ะ”

“ผมเชื่อว่าชมพูจะเข้าใจ...ริน...ผมทำเพื่อคนอื่นมามากแล้ว ขอทำเพื่อตัวเองบ้างเถอะครับ”

“แต่...”

“ไม่มีแต่...แค่บอกผมว่ารินพร้อมจะอยู่เคียงข้างผมรึเปล่า”

“รินพร้อมค่ะ รินก็ไม่อยากสูญเสียสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของรินไปเหมือนกัน” ริลณีโผกอดเตชินแน่น ต่างกอดกันอย่างมีความสุข บอกกันและกันว่าเราจะอยู่ด้วยกัน ริลณีย้ำว่า “รินอยู่ ‘ที่นี่’ กับคุณเสมอ”

เสียงรถที่แล่นเข้ามา ทำให้ทั้งสองผละจากกันมองไปหน้าบ้าน เห็นชัชกำลังเดินเข้ามา

“มาอยู่ที่นี่เอง” ชัชพึมพำเมื่อเห็นรถของเตชินจอดอยู่ แล้วเดินหน้าเครียดเข้าบ้านทันที

ooooooo

ริลณีไม่อยากเจอชัชอ้างกับเตชินว่าถ้าชัชเห็นตนอยู่กับเขาจะดูไม่งาม เขาจึงให้เธอหลบไปก่อน

ชัชเข้ามาโวยวายหน้าเครียดว่าหายไปไหนมา คุณหญิงแม่โทร.มาโวยกับตนว่าเขาไม่ยอมกลับบ้าน ฟังจนหูชาเล็บแทบขบ จะมานอนที่นี่ก็ไม่บอกกันเลย เตชินบอกว่าพอดีมันกะทันหัน ชัชถามว่าเขาออกไปกับใครเห็นว่าคุยเรื่องแต่งงานอยู่ดีๆก็ออกจากบ้านเลย

พอเตชินบอกว่าออกไปกับริลณี ชัชสะดุ้งโหยงถามว่าเจอกันแล้วหรือ เตชินบอกว่าเจอแล้วและเข้าใจกันแล้วด้วย แต่พอชัชถามว่าเข้าใจอะไร เตชินบอกไว้วันหลังค่อยเล่าวันนี้ให้กลับไปก่อน ตนจะอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน ให้บอกคนงานด้วยว่าไม่ต้องมาทำงาน ชัชบอกว่าตามใจให้เขาบอกคุณหญิงแม่ด้วยก็แล้วกัน

ชัชเดินบ่นไปว่าทำไมไล่จัง แล้วก็เหลือบเห็นจานชามวางอยู่เต็มโต๊ะอาหาร ในจานมีทั้งใบไม้แห้งดอกไม้แห้งเต็มไปหมด ชัชนึกขำๆประสาคนอารมณ์ดีว่า

“ไอ้เตมันจะเอาจานชามใส่ดอกไม้ใบไม้ไว้ทำไมเยอะแยะวะ อย่าบอกนะว่าเดี๋ยวนี้กินใบไม้แห้งเป็นอาหาร ฮ่าๆๆ พิลึกคน!!!” แล้วจู่ๆชัชก็ขนลุกซู่รู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างประหลาด เลยรีบขึ้นรถเผ่นแน่บ

ที่แท้ริลณียืนมองชัชอยู่ที่มุมบ้านด้วยความรู้สึกกลัวและกังวลอะไรบางอย่าง

ooooooo

ตุลเทพขวัญหนีดีฝ่อ เมื่อกลับถึงบ้านก็โทร.นัดเพื่อนร่วมแก๊ง โทร.หาเอกราชตอนดึก โทร.หาเชิงชายตอนตีสาม โทร.ให้หงส์หยกไปพบบอกว่ามีเรื่องคอขาดบาดตายต้องมาให้ได้เมื่อเพื่อนๆมาถึงหน้าห้องพักตุลเทพต่างชะงักเมื่อเห็นมีสายสิญจน์พันไว้และมีผ้ายันต์ต่างๆปิดอยู่เต็มไปหมดพอตุลเทพรู้ว่าเพื่อนๆมากันแล้วก็เปิดประตูโผล่ไปมองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวง บอกทุกคนอย่างตึงเครียดว่า

“รีบเข้ามาก่อน อยู่ข้างนอกไม่ปลอดภัย” พอเพื่อนๆ เข้าห้องก็ปิดประตูทันที

เชิงชายมองไปรอบห้องเห็นเครื่องรางของขลังเต็มไปหมดเลยแซวว่า ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนนึกว่าเป็นสำนักหมอผีเสียอีก ประวิทย์ก็ว่า ไม่คิดว่าเพลย์บอยตัวพ่อจะบ้าไสยศาสตร์ขนาดนี้ แล้วเพื่อนๆก็พากันขำ

“ฉันเจอผีริลณี” ตุลเทพโพล่งออกไป เอกราชถามว่าเล่นยามากไปหรือเปล่า “ฉันเจอจริงๆนังผีนั่นจะมาฆ่าฉัน”

เพื่อนร่วมแก๊งไม่มีใครเชื่อ ปริมลดาถามว่าผีริลณีจะฆ่าแล้วทำไมเขาไม่ตาย ตุลเทพบอกว่าตนก็ไม่รู้ ประวิทย์บอกว่าอย่าพูดเล่นแบบนี้เลย รู้ๆกันอยู่ว่า ผีนั่นถูกเราขังไว้แล้ว และศาลาที่ขังก็ยังอยู่ ตุลเทพโวยวายว่าตนพูดจริงทำไมไม่มีใครเชื่อ!

เอกราชโมโหหาว่าไร้สาระทำให้ตนเสียเวลารู้ไหมว่าเวลาของตนเป็นเงินเป็นทองแล้วหุนหันออกไปอย่างหัวเสีย ประวิทย์ตามไปอีกคน ปริมลดามองตุลเทพส่ายหน้าพูดอย่างระอาใจว่า

“นายเนี่ย เสื่อมลงมากกว่าที่ฉันคิดเยอะเลย เลิกซะเถอะไอ้เรื่องไสยศาสตร์ไร้สาระเนี่ย ระวังของมันจะเข้าตัว” พูดแล้วก็เดินเชิดออกไปอีกคน เชิงชายละล้าละลังอยากตามเพื่อนไป แต่ถูกตุลเทพคว้าแขนไว้ ละล่ำละลักยืนยันว่า

“ฉันพูดเรื่องจริง พวกเรากำลังตกอยู่ในอันตราย นังผีบ้านั่นจะตามฆ่าพวกเรา ทำไมถึงไม่มีใครเชื่อฉันมั่งวะ”

“ปล่อยสิวะ นายมันเพ้อเจ้อ เวิ่นเว้อ ใครจะไปเชื่อ”

“ฉันเชื่อ!!” เสียงหงส์หยกแทรกขึ้น เชิงชายกับตุลเทพหันมองหงส์หยกที่มองมาอย่างหวาดกลัว

ooooooo

เมื่อออกกันมาแล้ว ปริมลดาถามเอกราชว่าทำไมเขาต้องโกรธถึงขนาดนั้นด้วย เอกราชบอกว่าตนไม่อยากได้ยินชื่อนั้นอีก บอกประวิทย์ให้จับตาดูตุลเทพไว้อย่าให้ไปเที่ยวพล่ามชื่อ “นังนั่น” อีก

ปริมลดาถามว่าแล้วถ้าตุลเทพเจอผีริลณีจริงๆ ล่ะ? เอกราชคำรามอย่างบ้าคลั่งว่า

“ฉันก็จะฆ่ามันอีกครั้ง ไม่ให้ได้ผุดได้เกิดที่ไหนอีกเลย!!”

ฝ่ายตุลเทพเมื่อได้พวกก็ใจชื้น ฟังหงส์หยกเล่าอย่างใจจดจ่อ...

“ตอนนั้นฉันก็ไม่แน่ใจว่าใช่ผีริลณีรึเปล่า แต่หน้าตาท่าทางความรู้สึกมันบอกฉันว่าใช่ริลณีแน่ๆ”

ตุลเทพถามว่าแล้วทำไมเธอถึงไม่พูดตอนที่พวกนั้นยังอยู่ “ขนาดนายพูดยังไม่มีใครเชื่อ แล้วอย่างฉันใครจะฟัง”

“แต่ฉันไม่เข้าใจ พวกนายสองคนเจอผีริลณีแต่ไม่มีใครเป็นอะไรเลยทั้งๆที่รู้อยู่ว่าผีนั่นมันจะตามฆ่าพวกเรา เป็นไปได้ไหมว่าพวกนายสองคนจะหลอนจริง” เชิงชายถามอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง หงส์หยกเถียงขาดใจว่ามันจะหลอนได้ยังไง ในเมื่อวันนั้นตนไปคุยกับอาจารย์ ตุลเทพก็ยืนยันว่าวันนั้นเหล้าสักแก้วบุหรี่สักมวนตนก็ไม่ได้แตะเลย เชิงชายถามว่าแล้วทำไมพวกเขาไม่ตาย?

ตุลเทพบอกว่าตนไม่รู้ หงส์หยกสงสัยว่าดวงพวกตนยังไม่ถึงฆาต ผีนั่นเลยทำอะไรไม่ได้ เชิงชายขี้สงสัยถามอีกว่า

“แล้วถ้าดวงเราถึงฆาตล่ะ?!”

“ต่อให้สิบหลวงพ่อ ล้านของขลังก็คงช่วยไม่ได้” หงส์หยกตอบสยอง เชิงชายถามอีกว่าแล้วเราจะถึงฆาตเมื่อไหร่

ไม่มีใครตอบได้ ต่างมองกันอย่างสยอง ตุลเทพคิดๆแล้วมีข้อสังเกตว่า

“บางทีมันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่พวกนายพูดก็ได้ ตอนนี้สิ่งที่พวกเราต้องทำก็คือต้องพิสูจน์ว่าผีที่เธอกับฉันเห็นใช่ผีริลณีจริงๆรึเปล่า” เชิงชายถามเสียวๆว่าแล้วจะพิสูจน์อย่างไร อย่าบอกนะว่าจะเรียกผีนั่นมาเจออีก “ไม่ต้องเสี่ยงขนาดนั่นหรอก ฉันมีวิธี” ตุลเทพมองหน้าเชิงชายกับหงส์หยกอย่างมีแผนการ

ooooooo

ที่มุมหนึ่งในบ้านเรือนไทย... เตชินอยู่กับริลณีอย่างมีความสุข เขาดูมือเธอบอกว่าแปลกมากแค่คืนเดียวแผลหายสนิทแล้ว ริลณียิ้มเหี้ยมบอกว่าของแบบนั้นทำอะไรตนไม่ได้หรอก แต่พอเตชินถามว่าอะไรนะ เธอเปลี่ยนเป็นปากหวานว่า

“อ๊อ...รินบอกว่าที่แผลรินหายเร็วก็เพราะมีคนดูแลดีไงคะ”

“แต่ผมว่ารินไม่ได้พูดแบบนั้นนะ” เตชินทำหน้าอำๆ แกล้งจี๋เธอให้บอกมาเสียดีๆถ้าไม่บอกจะจี๋ไม่หยุด ทั้งสองหยอกล้อหัวเราะกันร่าเริง โทรศัพท์มือถือของเตชินดังขัดจังหวะขึ้น เตชินชะงักมองหน้าริลณีไม่รับโทรศัพท์ จนเธอบอกว่า

“รับเถอะค่ะ อย่าปล่อยให้ชมพูเขารู้สึกกังวลเลย” พูดแล้วริลณีเดินออกไปเพื่อให้เขาคุยได้โดยสะดวกใจ

เตชินงง หยิบโทรศัพท์ขึ้นดูหน้าจอเห็นชื่อ “ชมพู” จริงๆด้วย! เขาทำหน้างงว่า “รู้ได้ยังไง???”

ชมพูโทร.มาถามว่าหายไปไหน ตนเป็นห่วงแทบแย่ เตชินตอบไม่เต็มเสียงว่าติดธุระและมาค้างบ้านเรือนไทย เธอถามโดยไม่คิดอะไรอีกว่าทำไมถึงไปค้าง? เตชินเริ่มเครียด รีบเปลี่ยนเรื่อง ถามว่าโทร.มามีอะไรด่วนหรือเปล่า

“อ๋อ...เรื่องชุดแต่งงานน่ะค่ะ คือทางร้านเขาอยากให้เราไปลองชุด ดีไซเนอร์จะแก้ไขให้พอดีตัวน่ะค่ะ” เห็นเตชินอึกอัก ชมพูรีบบอกว่าถ้าเขาไม่ว่างจะให้ทางร้านส่งมาให้ลองที่บ้านก็ได้เพราะร้านเขามีบริการสำหรับลูกค้าวีไอพี

เตชินเงียบไป จนชมพูถามว่ายังอยู่หรือเปล่า พอเตชินบอกว่ายังอยู่ เธอถามว่ามีอะไรหรือเปล่าวันนี้ดูแปลกๆ เตชินตัดสินใจบอกว่าตนมีเรื่องสำคัญบางอย่างอยากจะคุยด้วย ถามว่าเรานัดเจอกันได้ไหม

ชมพูใจคอไม่ดีให้บอกตอนนี้เลยได้ไหม เขาเกี่ยงว่าอยากพูดกันต่อหน้ามากกว่า ทำให้ชมพูยิ่งสงสัย เลยบอกจะคุยเมื่อไหร่นัดได้เลยตนพร้อมเสมอ พอวางสายแล้ว ชมพูพึมพำเครียด

“พี่เตชิน...เขามีเรื่องอะไรของเขา?” ชมพูนั่งดูกรอบรูปที่ตกแตกอย่างกังวลใจ

ooooooo

วิธีของตุลเทพคือจ้างน้าไหวกับกล้าให้ไปดูว่าที่หน้าบ้านทรงไทยหลังนั้นยังมีศาลาอยู่หน้าบ้านหรือเปล่า แต่เพราะลือกันว่าบ้านนี้เป็นบ้านผีสิง งานนี้จึงมีการต่อรองราคากันตามธรรมเนียม

-------------
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น