วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร นางชฎา ตอนที่ 10


ทันทีที่เฟื่องฟ้ากับเอทีเอ็มเดินมาจนใกล้หลุมศพริลณี ก็รู้สึกยะเยือกจนขนลุกซู่ เฟื่องฟ้าถามเอทีเอ็มว่ารู้สึกไหม เอทีเอ็มข่มความรู้สึก พูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า

“บางอย่างรู้สึกแต่ไม่จำเป็นต้องพูดออกมาก็ได้นะ” เฟื่องฟ้ายังย้ำว่าก็รู้สึกมันแปลกๆ “ยังจะย้ำอีก! โบราณเขาบอกว่า ถ้ารู้สึกแปลกๆ อย่าทัก เดี๋ยวอะไรไม่ดีมันจะเข้าตัว” แล้วพากันเดินต่อมาจนถึงตรงหลุมศพริลณีพอดี!

ทั้งสองไม่รู้ตัว แต่เฟื่องฟ้าสังเกตเห็นดินที่พวกตนยืนอยู่นั้นมีลักษณะแปลกๆ ชี้ให้เอทีเอ็มดู เอทีเอ็มคาดว่าอาจเคยเป็นสิ่งก่อสร้างที่เขาขุดขึ้นมาหรือเขาขุดดินตรงนั้นไปทำอะไรก็ได้

“ใครจะทำอะไรเล็กแค่นี้ แล้วถ้าจะขุดดินไปเท่าหลุมฝังศพแบบนี้...” พอเฟื่องฟ้าพูดคำว่า ‘หลุมฝังศพ’ เท่านั้น เอทีเอ็มก็ถามทันทีว่าเธอคงไม่ได้คิดอย่างที่เธอพูดเมื่อกี๊ เฟื่องฟ้าถามงงๆว่า “พูดอะไร ฉันพูดอะไรไปฉันจำไม่ได้”

เฟื่องฟ้าจำไม่ได้จริงๆ เถียงว่าตนไม่ได้พูดอะไร นาทีนั้นเอง ผีริลณีที่ยืนอยู่บนหลุมศพก่อนแล้วเดินเข้ามากระซิบ

“ฉันอยู่ที่นี่...เฟื่องฟ้า”

เฟื่องฟ้าหันขวับ ขนลุกซู่หนาวเยือกขึ้นมาอย่างประหลาด เอทีเอ็มถามว่าเป็นอะไร พอเฟื่องฟ้าบอกว่าไม่รู้เป็นอะไรขนลุกแล้วหนาวๆ ยังไงไม่รู้ เฟื่องฟ้าบอกเอทีเอ็มโดยไม่รู้ว่าผีริลณียืนอยู่ตรงหน้าเธอนั่นเอง!

เอทีเอ็มบอกว่าหนาวอะไร ร้อนจะตาย

“ฉันหนาวจริงๆนะ ฉันว่าเรารีบกลับขึ้นเรือนไปเถอะ ฉันว่าที่ตรงนี้มันต้องมีอะไรแน่ๆ” พูดแล้วก็วิ่งจู๊ดไปเลย เอทีเอ็มบ่นพลางตามไปว่าจะไปก็ไม่รอกันเลย หันมองรอบๆ ผีริลณีเข้ามายืนใกล้ๆ พลันเอทีเอ็มก็รู้สึกหนาวจนขนลุกนึกกลัวขึ้นมาตะโกนให้เฟื่องฟ้ารอด้วยแล้ววิ่งอ้าวตามไปผีริลณีมองตามเพื่อนทั้งสองไปเศร้าๆ แล้วหายตัวไป

เอทีเอ็มวิ่งพรวดขึ้นบนเรือน เจอริลณีโผล่มายืนยิ้มรออยู่ เอทีเอ็มผงะเอามือทาบอกบ่นว่าโผล่มาเงียบๆ ตกใจหมดเลย ริลณียิ้มน่ากลัวถามว่า “หนีอะไรมาเหรอ?”

เฟื่องฟ้ากับเอทีเอ็มมองหน้ากันแหยๆ พอเห็นริลณีเดินไปหาชมพูที่นั่งอยู่แถวนั้น ทั้งสองก็หันซุบซิบกันอย่างตื่นกลัว

ooooooo

ชมพูกำลังดูแผลที่ฝ่ามือตัวเอง เมื่อริลณี เฟื่องฟ้า และเอทีเอ็มเดินมาหา เธอบอกเพื่อนงงๆว่า “อยู่ดีๆเลือดก็หยุดไหลแล้วล่ะ แปลกจริงๆ” เอทีเอ็มถามว่าชมพูเป็นอะไรหรือ “ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ขอโทษนะที่ทำให้รินต้องลำบากไปหายาวุ่นวาย” ริลณีบอกว่าไม่ลำบากอะไร ชมพูหายก็ดีแล้ว

ระหว่างนั้นเฟื่องฟ้าเอ่ยขึ้นอย่างกังวลว่า “จากที่ไปเดินสำรวจมา ฉันเริ่มเป็นห่วงรินจริงๆจังๆแล้วล่ะ” เธอถอดสายสิญจน์ที่ใส่อยู่ยื่นให้ริลณีบอกอย่างห่วงใยว่า “เธอใส่ของแบบนี้ไว้ป้องกันบ้างก็ดีนะ”

ริลณีมองสายสิญจน์ที่เฟื่องฟ้ายื่นให้แต่ไม่กล้ารับ เฟื่องฟ้ากับเอทีเอ็มคะยั้นคะยอให้รับไว้เพราะพวกตนรู้สึกว่าบ้านนี้มันมีอะไรแปลกๆ ริลณีอึกอักพยายามบ่ายเบี่ยง แต่เห็นความห่วงใยของเพื่อนเลยจำต้องรับไว้ ทันทีที่จับสายสิญจน์มือเธอก็ร้อนราวกับจับไฟ ริลณีรีบเอามือซ่อนไว้ข้างหลัง ทนไม่ไหวก็บอกเพื่อนๆว่ารู้สึกไม่ค่อยสบาย วันนี้ให้เพื่อนๆกลับกันไปก่อน ตนขอนอนพักเดี๋ยวก็หายแล้วขอตัวไปเลย

พอริลณีหันหลังเดินไป ร่างเธอก็ค่อยๆกลายเป็นโปร่งแสง เฟื่องฟ้าตกใจหันกลับมาเร่งเอทีเอ็มกับชมพูให้รีบไปกันเถอะ แล้วเดินนำลิ่วไปเลย เอทีเอ็มกับชมพูเดินตามไปงงๆ สมหมายกับหมูหวานไปเปิดประตูให้ เห็นทั้งสามออกไปอย่างรีบร้อนลนลาน สมหมายบอกหมูหวานว่า “ลองรีบกลับขนาดนี้ ต้องเจอดีอะไรแหงๆ”

พอริลณีขึ้นไปแล้ว เธอยืนมองเพื่อนๆที่ลนลานออกจากบ้านไปเศร้าๆ...

ooooooo

ด้วยความอยากช่วยเพื่อนที่กำลังลำบากเรื่องเงิน หงส์หยกหางานแต่งเพลงอีเวนต์มาให้เชิงชาย ไปกดกริ่งหน้าบ้าน กระหน่ำกดอย่างไรก็ไม่มีคนออกมา

หงส์หยกไปเล่าให้ประวิทย์กับตุลเทพฟังที่ร้านอาหาร ทั้งสองสงสัยว่าเชิงชายคงหนีเจ้าหนี้ หงส์หยกกลัวว่าอาจถูกเจ้าหนี้ฆ่าไปแล้วก็ได้

ส่วนคุณหญิงจิตราได้กลับบ้านแล้ว เตชินบอกว่า “คุณหมอบอกว่า ถ้าคุณแม่ขยันทำกายภาพ อีกไม่กี่เดือนคุณแม่ก็จะหายนะครับ แล้วผมจะให้ริลณีมาคอยดูแลคุณแม่นะครับ”

คุณหญิงที่ดูแจ่มใสกลับหน้าเครียดและหวาดกลัวขึ้นทันที ณรงค์สะกิดให้เตชินหยุดพูด เขาจึงบอกคุณหญิงว่า “ถ้าคุณแม่ไม่ชอบ ผมไม่ให้รินมาก็ได้ครับ งั้นผมจะจ้างพยาบาลแทนนะครับ” คุณหญิงจึงผ่อนคลายลง แต่ก็ยังมองเตชินอย่างเป็นห่วง ขยับปากอย่างยากลำบากเหมือนจะบอกอะไร ณรงค์ถามว่าอยากจะบอกอะไรหรือ

“คุณแม่อย่าพยายามเลยครับ ตอนนี้คุณแม่ต้องพักผ่อนมากๆ ทำตามที่ผมบอก อีกไม่กี่เดือน ผมสัญญาว่าจะทำให้คุณแม่กลับมาพูดให้ได้”

ณรงค์บอกให้เตชินกลับไปพักผ่อนเสียตนจะดูแลแม่เอง เตชินก้มหอมคุณแม่ คุณหญิงมองด้วยความเป็นห่วงมาก

ooooooo

เมื่อกลับถึงบ้านเรือนไทย สร้อยเอาจดหมายฉบับหนึ่งมาให้บอกว่ามีคนมาฝากไว้ให้ เตชินถามว่าใคร สร้อยบอกว่าไม่ทราบ เขาเลยพับจดหมายใส่กระเป๋ากางเกงแล้วเดินเข้าบ้าน

ที่แท้เป็นจดหมายจากหมอผีเจ๋งใจความว่า “ถ้า ไม่มาเมียจะเดือดร้อน” โดยนัดสถานที่ให้เตชินไปพบพร้อมเงินหนึ่งแสนบาท เชิงชายกลัวว่าผีริลณีจะมาเอง หมอผีเจ๋งที่มือข้างหนึ่งยังใส่เฝือกอยู่ อีกมือก็เช็ดหม้อเตรียมไว้ พูดอย่างผยองว่า “ข้าก็จับมันขังน่ะสิ” เชิงชายก็ยังแอบกลัวว่าหนีตายจากมาเฟียมาได้จะมาตายเพราะผีเสียก็ไม่รู้

เตชินกลับมาบอกริลณีว่าจะพาเธอไปงานแกรนด์โอเพนนิ่งโรงแรมวันเสาร์หน้า ริลณียังไม่รับปากแต่บอกให้เขาไปอาบน้ำก่อน ระหว่างนั้นริลณีจัดเก็บเสื้อผ้าที่เตชินถอดไว้ พบจดหมายในกระเป๋ากางเกง เมื่อเตชินอาบน้ำเสร็จออกมาเห็นกางเกงจึงนึกได้ รีบไปหยิบจดหมายในกระเป๋าออกอ่าน เขาหน้าเครียดรีบออกจากบ้านไปทันที

ที่หน้าบ้านหมอผีเจ๋ง เตชินไปเคาะประตูเรียกอย่างร้อนใจ มองเงินในมือพึมพำ

“อยากได้เงินมากไม่ใช่เหรอ ฉันเอาเงินมาให้พวกแกแล้วนี่ไง พวกแกมีเรื่องสำคัญอะไรเกี่ยวกับฉันจะบอกก็บอกมาสิ” แล้วเคาะประตูปังๆๆๆ

เชิงชายรีบมาแอบดูเห็นเตชินก็ดีใจร้องบอกหมอผีเจ๋งว่าเตชินเอาเงินมาให้เราแล้ว บอกว่าพาเข้ามาเลยนะ

“เดี๋ยวก่อน!! อย่าเปิดรับใครสุ่มสี่สุ่มห้า ดูให้ดีก่อนว่ามันมาคนเดียวไหม” หมอผีเจ๋งบอก เชิงชายแอบดูอีกทีบอกว่ามาคนเดียวไม่มีทั้งผีทั้งคน “งั้นก็พามันเข้ามา จำไว้นะ ถ้าเราอยู่ใต้ชายคาบ้านหลังนี้ เราจะปลอดภัย” พลางหมอผีเจ๋งมองมีดหมอลงอาคมที่ปักบนพื้นตรงหน้า ทำให้เชิงชายอุ่นใจขึ้น

ooooooo

พอเชิงชายเปิดประตู เตชินจึงรู้ว่าคนที่ขู่ตน คือเชิงชาย เขามองนิ่งจนเชิงชายถามว่าทำไมไม่แปลกใจเลยที่เห็นเป็นตน

“คนชั่ว คนเลวไหนๆ ก็เหมือนกันทั้งนั้น ไม่เห็นมีอะไรน่าแปลกใจ” เตชินจ้องเชิงชายนิ่ง

“ผมไม่ใช่คนไม่ดีนะคุณ ถ้าคุณรู้เรื่องที่ผมจะบอกคุณ คุณต้องขอบคุณผมแน่” พูดพลางกระดิกนิ้ว “ไหนล่ะค่าความลับหนึ่งแสนบาท”

เตชินบอกว่าอยู่ในรถ ถ้าอยากได้ก็ให้ตามไปเอาเพราะตนไม่กล้าถือเงินแสนมาบ้านใครก็ไม่รู้ที่พยายามคิดจะขู่เอาเงิน เชิงชายบอกให้เขาไปเอามาตนจะรอที่นี่ เตชินยืนยันถ้าอยากได้ก็ตามไปเอาที่รถ ไม่อย่างนั้นตนจะกลับ

เชิงชายที่กำลังร้อนเงินลังเล เงินก็อยากได้ แต่ก็ไม่กล้าออกจากชายคา พอเห็นเตชินเดินกลับ เชิงชายกลัวชวดเงินวิ่งไปดักหน้า และยอมไปกับเขา

“ทำไมยังไม่มากันอีกวะ” หมอผีเจ๋งรอนานผิด สังเกต ซ้ำจู่ๆหมาก็พร้อมใจกันหอนโหยหวน หมอผีเจ๋งสังหรณ์ใจรีบหลับตาบริกรรมคาถาเช็กว่าเกิดอะไรขึ้น

เชิงชายเดินตามเตชินไปเอาเงินแต่ไปไม่ถึงสักที ทั้งกลัวทั้งอยากได้เงิน เตชินหลอกล่อว่าเดี๋ยวก็ถึง เชิงชายปลอบตัวเองว่าอีกนิดเดียวก็ได้เงินแล้ว เดินตามเตชินไปฝันหวานถึงแต่เงิน

หมอผีเจ๋งหลับตาบริกรรมคาถา มีดหมอที่ปักอยู่ตรงหน้าสั่นอย่างแรงจนกระเด็นหลุดจากพื้น หมอผีเจ๋งลืมตาฟึ่บ มองมีดหมอที่หลุดจากพื้นร้องหูตาเหลือก

“ฉิบหายแล้ว!!!”

หมอผีเจ๋งมองออกไปนอกบ้าน หยิบมีดหมอลุกพรวดออกไปทันที

ooooooo

เชิงชายตามเตชินไป แล้วจู่ๆเตชินก็หายไป คนที่ออกมาให้เห็นกลับกลายเป็นริลณีในสภาพผีน่ากลัว หัวเราะอย่างสะใจ เชิงชายช็อกจะวิ่งหนีก็วิ่งไม่ออก คุกเข่าสารภาพผิดร้องขอชีวิต พร่ำวอนว่าตนยังไม่อยากตาย...

ผีริลณีถามว่าแล้วทีตนร้องขอว่าตนไม่อยากตายตอนนั้นเขาทำอย่างไรกับตน เชิงชายอ้างว่าตนไม่มีทางเลือก

“ทางเลือกแกมี! แต่แกไม่คิดทำ แกเลือกที่จะฆ่าฉันเพราะแกเห็นแก่ตัว” เชิงชายขอโทษรับว่าตนผิดไปแล้ว อย่าทำอะไรตนเลย “ฉันเคยปล่อยแกไปแล้วครั้งนึง แต่แกก็ย้อนกลับมาทำร้ายฉันอีก คราวนี้ถ้าฉันปล่อยแกไปอีก ฉันกับเตชินคงไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกแน่ แล้วใครที่มันบังอาจมาทำลายความสุขเดียวที่ฉันมีในชีวิต มัน-ต้อง-ตาย!!”

“หยุดนะนังผีบ้า!!” หมอผีเจ๋งถือมีดอาคมตรงเข้าหา “วันนี้แหละ แกจะต้องมาเป็นทาสรับใช้ของข้า”

ริลณีจ้องเขม็งไปที่มีดอาคม เกิดไฟลุกไหม้มีดอาคมจนหายไปหมดสิ้น หมอผีเจ๋งผงะร้องเฮ้ย! แล้วจะวิ่งหนี ถูกผีริลณีไปดักหน้า บอกว่าชอบจับผีไปเป็นทาสรับใช้ ให้ลองโดนจับบ้างจะได้รู้ว่าวิญญาณที่ถูกขังไม่ได้ไปผุดไปเกิดมันทรมานแค่ไหน แล้วจับหักคอกร๊อบ! ร่างหมอผีเจ๋งทรุดลงกองกับพื้นตายทันที

เชิงชายเห็นดังนั้นวิ่งเตลิดไป ผีริลณียิ้มเหี้ยม แล้วหายตัวไปทันที

ผีริลณีตามไปจับตัวเชิงชายฝังดินให้รู้ความทรมานของการถูกฝังทั้งเป็นอย่างที่ทำกับตนว่าเป็นอย่างไร เชิงชายถูกดึงจมไปในดิน เหลือแต่มือที่ยังชูขอความช่วยเหลือ อีกอึดใจเดียวมือก็ตก

อาจารย์คงนั่งสมาธิอยู่ในกุฏิ เกิดลมพัดแรงจนหน้าต่างปิดปัง อาจารย์ลืมตาขึ้น ได้ยินเสียงผีริลณีหัวเราะแว่วมากับสายลม อาจารย์รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พึมพำด้วยความเศร้าใจ

“คงไม่มีสิ่งไหน...หยุดยั้งกรรมได้แล้วสินะ...โยมริลณี...”

ooooooo

เตชินไปนั่งรอในร้านอาหารตามที่จดหมายนัดไว้ จนเลยเวลาไปนานก็ไม่มีใครมา เขาหยิบเงินวางบนโต๊ะบ่นว่าหลอกให้มาเสียเวลา แล้วกลับไป

กลับถึงบ้านเรือนไทยเห็นริลณีกำลังล้างดินที่เปื้อนมืออยู่ ถามว่าไปทำอะไรมามือถึงได้เปื้อนดินขนาดนี้ เธอบอกว่าไปจัดการธุระบางอย่างมา เขาถามอีกว่าธุระดึกๆดื่นๆแบบนี้ ไปทำอะไรมา?

“รินไปจัดการสิ่งที่มันกวนใจพวกเราน่ะค่ะ แล้วตอนนี้รินจัดการได้แล้ว ต่อไปก็จะไม่มีใครหรืออะไรมากวนใจเราสองคนอีก เราสองคนก็จะอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข”

เตชินบอกว่าตนจะไม่ยอมให้ใครมาทำลายความสุขของเราได้ ริลณีกอดเขา ขอบคุณที่ปกป้องตนเสมอ

“ก็เพราะผมรักรินไงครับ”

“รินก็รักคุณค่ะ” ริลณีกอดเขาไว้ด้วยความรักอย่าง มีความสุข เตชินชวนขึ้นบ้านเพราะน้ำค้างแรงเดี๋ยวเธอจะไม่สบาย แล้วจูงมือกันเข้าบ้านท่ามกลางบรรยากาศวังเวง น่ากลัว มีเสียงหมาหอนโหยหวนไกลๆแว่วมา...

ooooooo

เช้านี้ เอทีเอ็มหิ้วปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้มาที่มหาวิทยาลัยอารมณ์แจ่มใส เจอน้าไหวกับกล้าก็ยื่นส่วนที่ซื้อมาฝากให้ น้าไหวถามว่ามาแต่เช้าจะมาหาคนที่มาสอนรำไทยให้เด็กใช่ไหม เอทีเอ็มถามเขินๆ ว่าแล้วเขามาหรือยัง

พอรู้ว่ามาแล้วก็จะรีบไป กล้านึกได้เรียกไว้จะบอกว่าอย่าเพิ่งไป วันนี้น้องเขาอาจจะไม่อยากกินปาท่องโก๋ก็ได้ แต่เอทีเอ็มเดินอ้าวไปแล้ว กล้าเลยสะกิดให้น้าไหวมองไปอีกทาง

ที่นั่นมีรถเก๋งคันหรูของเอกราชจอดอยู่ น้าไหวสงสัยว่างานนี้ไอ้หนุ่มปาท่องโก๋ของเราคงอกหักแน่ๆ

เอทีเอ็มรีบเดินไปพลางร้องบอก “ชมพูวันนี้ฉันซื้อปาท่อง...” เอทีเอ็มหยุดกึกเมื่อเห็นเอกราชคุกเข่าอยู่ตรงหน้ายื่นช่อดอกไม้ให้ชมพู เอทีเอ็มถอยหลังหลบมาทำใจครู่หนึ่งจึงค่อยๆมองภาพนั้นอีกครั้ง...

ชมพูมองช่อดอกไม้ที่เอกราชคุกเข่าให้อย่างไร้อารมณ์ บอกว่าถ้าเอามาขอบคุณเรื่องที่ตนจะไปช่วยรำในวันเปิดตัวโรงแรมก็ไม่จำเป็น เพราะคุณพ่อคุณแม่ท่านขอร้อง บังคับขนาดนั้น ถ้าตนไม่ทำคงถูกคุณพ่อคุณแม่โกรธแย่ เอกราชบอกว่าอยากขอให้เธอรับไปในฐานะแฟนได้ไหม

ชมพูช็อก ชี้แจงว่าตนไม่ได้รังเกียจเขาแต่ก็ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับเขามากกว่าคนอื่น ถ้าต้องไปในฐานะนั้นตนขออนุญาตไม่ไปร่วมงานด้วยดีกว่า เอกราชตัดพ้อว่าตนมีอะไรไม่ดีไม่คู่ควรกับเธอหรือ

“ฉันเพิ่งเจอเรื่องแย่ๆมา ยังไม่อยากคิดเรื่องอะไรทั้งนั้น นายคงจะเข้าใจนะ”

“งั้นถ้าผมจะขออนุญาตรอ จนกว่าชมพูจะรู้สึกดีล่ะครับ”

“ก็ได้...ถ้านายไม่เบื่อ ฉันก็คงห้ามอะไรไม่ได้”

“แต่ยังไงชมพูก็ต้องไปงานกับผมนะครับ ในฐานะเพื่อนก็ได้ ส่วนดอกไม้นี่ผมถือว่าให้สำหรับขอบคุณที่ชมพูช่วยรำเปิดงานให้ผมก็แล้วกันนะครับ” ว่าแล้วรีบยื่นดอกไม้ให้ ชมพูรับไปหน้านิ่งๆ เอกราชแอบเซ็งที่ชมพูยังใจแข็งเหมือนเดิม

พอเอกราชขับรถออกไป ชมพูหันมาอีกทีเห็นเอทีเอ็มยืนมองอยู่ เธอทวงว่าไหนล่ะปาท่องโก๋ที่บอกว่าจะซื้อมาฝากไม่เห็นได้กินสักตัว เอทีเอ็มบอกว่าซื้อมาแล้วแต่ไม่กล้าเอาไปให้เพราะเห็นเธอกำลังสวีตกับเอกราชอยู่

“จะแอบดูก็ไม่ดูให้จบนะ ไม่ได้มีเรื่องอะไรหวานสักหน่อย มโนไปเรื่อย” เอทีเอ็มตัดพ้อว่าไม่หวานแล้วจะตกลงไปรำเปิดตัวโรงแรมให้กันหรือ ชมพูขอร้องอย่าพูดเรื่องนี้ ยิ่งพูดตนก็ยิ่งเครียดเพราะตนไม่ได้รำมาหลายปีไม่รู้จะให้ใครช่วยดูว่ารำดีหรือไม่ดี อาจารย์นาฎก็ไม่อยู่ เอทีเอ็มบอกว่าเธอรำสวยอยู่แล้ว ชมพูถามเขินๆ ว่ารู้ได้ไง?

“ก็ฉันแอบมาดูเธอรำตอนสอนเด็กบ่อยๆน่ะสิ ส่วนเรื่องความมั่นใจเนี่ย... ฉันรู้แล้วว่าใครจะช่วยเธอได้”

พูดแล้วเอทีเอ็มจูงมือเธอวิ่งออกไป ชมพูรั้งไว้ถามว่า “จะพาฉันไปไหน”

เอทีเอ็มหันมายิ้มเท่ให้ ไม่ตอบ แต่จูงมือเธอวิ่งอ้าวต่อไป...

ooooooo

เอทีเอ็มพาชมพูไปช่วยกันขอร้อง อ้อนวอน ให้ริลณีช่วยซ้อมรำให้ชมพู ริลณียังไม่ให้คำตอบ ชมพูขอร้องให้เตชินช่วยพูด เชื่อว่าริลณีต้องยอมแน่

“ช่วยง่ายๆ ก็ไม่สนุกสิครับ ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน” เตชินมีเงื่อนไข ชมพูตัดพ้อแต่ก็ยอม เตชินจึงหันไปอ้อนริลณีอย่างน่ารัก “รินช่วยชมพูหน่อยนะครับ...นะ...น้า...”

ริลณีเห็นเตชินอ้อนน่ารักจนเธอยิ้มตอบตกลง แล้วหันจ้องหน้าชมพู “ดีเหมือนกัน เราจะได้กลับมารำด้วยกันอีกครั้ง”

“แล้วพี่เตชินจะให้ชมพูทำอะไรเป็นข้อแลกเปลี่ยนคะ” ชมพูถาม เตชินอุบไว้ยังไม่บอก ชมพูเลยชวนริลณีไป ซ้อมรำกัน พูดอย่างมีความสุขว่า “อยากรำกับรินจะแย่แล้ว”

เตชินมองสองสาวที่พากันไปเปลี่ยนชุด ยิ้มอย่างมีความสุข

หมูหวานช่วยชมพูเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว ชมพูจึงบอกให้ไปช่วยริลณีที่หยุดเปลี่ยนชุดมองออกไปนอกหน้าต่างจ้องที่หลุมศพตัวเองด้วยสีหน้าเจ็บปวด หมูหวาน รีบเดินไปบอก “ให้หนูช่วยคุณนะคะ”

“ไม่ต้อง!!” ริลณีตวาดน่ากลัวจนหมูหวานกับชมพูตกใจ ริลณีรู้สึกตัวรีบเปลี่ยนท่าที “คือ...ฉันเปลี่ยนเองได้น่ะ พวกเธอสองคนออกไปรอข้างนอกก่อนนะ”

ทั้งสองเดินออกไป หมูหวานอดหันมองริลณีอีกครั้งไม่ได้ แล้วก็ช็อกเมื่อเห็นที่ท้องริลณีเป็นแผลเน่าจนเป็นหนอน แล้วก็ช็อกยิ่งกว่าเมื่อเห็นหน้าริลณีที่จ้องมาอย่างดุร้ายน่ากลัว หมูหวานรีบหันกลับวิ่งอ้าวตามชมพูไปริลณีจ้องจิกตามไปอย่างโกรธมาก!

หมูหวานวิ่งไปถึงห้องครัวก็ล้างหน้าล้างตาเอาเป็นเอาตายหมายล้างภาพที่เห็นให้หมด จนสมหมายหยอกว่าทำไมไม่ควักลูกตาออกมาล้างเสียเลยล่ะ

“ไม่ขำนะพ่อ” หมูหวานทำเสียงขุ่น “พ่อบอกฉันหน่อยนะว่าฉันตาฝาด เพี้ยน หลอน หรือบ้า” แล้วลดเสียงลงจนเป็นกระซิบ “คือ...เมื่อกี๊ฉันเหมือนเห็นเนื้อข้างในของคุณรินกำลังเน่า หนอนงี้ยั้วเยี้ยเลย”

สมหมายพูดให้หมูหวานสบายใจว่าริลณีผิวขาวเนียนขนาดนั้นจะเน่าได้ยังไง

“แต่ฉันเห็นจริงๆนะ ไม่แน่ไอ้ที่เราได้กลิ่นเหม็นเน่าน่ะ อาจจะมาจากคุณ...” หมูหวานพูดไม่ทันจบ แก้วที่วางอยู่บนโต๊ะก็แตกเพล้งอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย หมูหวานหันมองไปรอบๆ รู้ตัวว่าโดนเข้าแล้ว พูดเหมือนจะบอกให้ใครได้ยินว่า “สะ...สงสัย...ฉันจะบ้า ตาฝาด เพ้อเจ้อ ไร้สติ จิตก็ไม่ปกติ อย่างที่พ่อว่าจริงๆ พ่ออย่าสนใจที่ฉันพูดเลยนะ” ว่าแล้วก็รีบออกไป

“เฮ้ย...แล้วนั่นจะไปไหน” สมหมายโวย หมูหวานบอกไปรดน้ำมนต์ สมหมายเริ่มรู้สึกหนาวรีบตามไปแทบไม่ทัน

ooooooo

เอทีเอ็มโทร.ไปหาเฟื่องฟ้าอย่างอารมณ์ดีบอกให้ทายซิว่าตนอยู่ไหน เฟื่องฟ้ากำลังเสิร์ชบางสิ่งอยู่อย่างคร่ำเคร่งเลยประชดไปว่าตนไม่ใช่กุมารคอยตามจะไปรู้ได้ไง แต่พอเอทีเอ็มบอกว่าตนอยู่บ้านริลณี เฟื่องฟ้าก็ผงะจากหน้าจอถามว่า

“อยู่บ้านใครนะ” พอเอทีเอ็มบอกว่าพาชมพูมาซ้อมรำกับริลณี เฟื่องฟ้าถามทันทีว่าแล้วรินเป็นไงบ้าง เอทีเอ็มบอกว่าก็ปกติดี “ฉันว่านายกับชมพูรีบกลับมาดีกว่า อย่าไปรบกวนอะไรรินเขามาก”

เอทีเอ็มบอกอารมณ์ดีว่ายังไม่กลับหรอกจะอยู่กินข้าวเย็นกันด้วย บอกเฟื่องฟ้าว่าริลณีให้ชวนเธอมาด้วย เฟื่องฟ้าปฏิเสธปากคอสั่นว่าไม่เป็นไร ตนมีธุระ ฝากบอกริลณีด้วยว่าไว้วันหลังแล้วกัน ย้ำกับเอทีเอ็มว่า

“แล้วนายอย่ากลับให้มันดึกมากนักล่ะ แถวนั้นมันเปลี่ยว งั้นแค่นี้นะ” วางสายจากเอทีเอ็มแล้วเฟื่องฟ้าคิดถึงวันที่ตนให้สายสิญจน์ริลณี ครู่เดียวริลณีก็บอกว่าไม่สบายแล้วขอไปพัก เธอมองตามไปเห็นร่างริลณีหายไปกลายเป็นร่างโปร่งแสง!

คิดแล้วขอโทษริลณีว่ายังไงตนก็ต้องพิสูจน์ แล้วหันไปค้นหาจากอินเตอร์เน็ต หยิบกระดาษจดข้อมูลอย่างตั้งใจเฟื่องฟ้าไปหาหมอดูตาทิพย์ตามที่อยู่ที่จดไว้ พบป้าย “ปิด” แขวนไว้ที่หน้าร้าน เลยบ่นว่าอุตส่าห์ดั้นด้นมาหา ถ้าพี่แจนตาทิพย์จริง ทำไมถึงไม่รู้ว่าตนจะมากล้ากับน้าไหวซื้อของกินอยู่แถวนั้นสะกิดให้ดูกันแล้วเดินมาบอกว่า พี่แจนปิดร้านหนีเจ้าหนี้ไปตั้งสามเดือนแล้ว กล้าคุยโวว่าตนรู้จักหมอดูที่แม่นยิ่งกว่าแจน ญาณทิพย์เสียอีก คนนั้นคือ....น้าไหว ไปพบเซียนแล้วอธิบายเป็นคุ้งเป็นแควว่า พบทั้งเซียนไพ่ เซียนพนัน จนน้าไหวทนไม่ไหวเบรกให้พอแล้วอธิบายเองว่า

ตอนเด็กแปดเซียนเคยมาเข้าฝันและให้พลังในการทำนายดวงชะตา รับรองว่าแม่นยิ่งกว่าหมอดูคนไหนๆ

เฟื่องฟ้าย้ำว่าตนซีเรียสให้น้าไหวลองดูก็ได้ น้าไหวควักไพ่ออกมาทันที ถามเฟื่องฟ้าว่าอยากรู้อะไร เฟื่องฟ้าบอกว่าอยากรู้ดวงชะตาของเพื่อนคนหนึ่ง น้าไหวให้คิดถึงหน้าเพื่อนคนนั้น แล้วให้หยิบไพ่ขึ้นมาใบหนึ่ง เฟื่องฟ้าหยิบได้ใบ Death น้าไหวหน้าเสียเล็กน้อย บอกเฟื่องฟ้าให้คิดถึงหน้าเพื่อนเป๊ะๆ แล้วหยิบใหม่ ปรากฏว่าหยิบได้ใบเดิมอีก!

น้าไหวให้ลองแล้วลองอีกก็ได้ใบ Death อีก คราวนี้น้าไหวให้เฟื่องฟ้าบอกวันเดือนปีเกิดเพื่อน พอได้ก็เอาไปคำนวณ แล้วสับไพ่ให้หยิบใหม่ คราวนี้ไม่ได้ใบ Death แล้ว น้าไหวทำนายว่า

“เพื่อนหนูเป็นคนดีนะ เขาอาจจะเจอช่วงยากลำบากนิดหน่อยแต่เขาผ่านไปได้” เฟื่องฟ้าถามว่าแล้วทำไมได้ใบ Death ตลอด “มีเซียนก็มีเสี่ยงได้บ้าง” น้าไหวแถ พอเฟื่องฟ้าจะหยิบเงินให้ก็บอก “ไม่เป็นไรหรอก วันนี้ดูฟรี”

พอเฟื่องฟ้าเดินไป ไพ่ใบ Death ที่น้าไหวซ่อนไว้ร่วงลงมา ถูกกล้าจับได้ น้าไหวรีบบอกว่า

“ก็ถ้าเกิดน้องคนนั้นจับขึ้นมาได้อีก ข้าไม่รู้จะบอกเขายังไงว่า ทั้งไพ่ทั้งดวงมันบอกว่าเพื่อนที่เป็นเจ้าของดวงชะตานั้นน่ะ ตายแล้ว”

กล้าพูดไม่ออก แต่เฟื่องฟ้าที่ยืนแอบฟังอยู่ถึงกับช็อก! พอนึกทบทวนก็จำได้ว่า

“ใช่!! อยู่ดีๆ รินก็หายตัวไปแบบไร้วี่แววสองปี... เกิดอะไรขึ้นกับรินกันแน่??” เฟื่องฟ้าคิดหนัก

ooooooo

ที่บ้านเรือนไทย ชมพูกับริลณีซ้อมรำกันอย่างสวยงาม เตชินดูริลณีรำอย่างมีความสุข เมื่อซ้อมรำกันเสร็จ ชมพูปรารภว่าอยากให้ริลณีไปรำด้วย รำคนเดียวรู้สึกไม่มั่นใจยังไงไม่รู้

เตชินให้กำลังใจว่าชมพูรำได้ดีแล้ว ริลณีบอกว่าถ้าชมพูยังไม่มั่นใจก็ให้เอาจี้นางรำที่ตนเคยให้ไปด้วย พอริลณีพูดถึงจี้นางรำ ชมพูก็นึกได้ ถามว่าจี้นางรำอันนั้นริลณีเป็นคนให้ตนหรือ เตชินถามว่า “จี้นางรำอันไหนครับ?”

“ก็อันที่พี่เตชินเคยบอกว่า ชมพูกำไว้แน่นตอนที่ถูกรถชนไงคะ”

“มันเป็นของรินเหรอครับ” เตชินมองหน้าริลณีงงๆ

“ค่ะ...มันเป็นจี้นางรำที่ครูนาฏศิลป์คนแรกให้รินไว้ เราสองคนจะแอบติดไว้ในเสื้อเวลารำ เวลาที่รู้สึกไม่มั่นใจ

ชมพูดีใจที่จำได้ว่าจี้นางรำนั้นเป็นของใคร บอกริลณีว่าแล้วจะเอามาคืน ริลณีบอกว่าตนอยากให้ชมพูเก็บไว้ เผื่อสักวันมันจะช่วยจำเรื่องของเราสองคนได้ พูดแล้วมองแผลเป็นที่ฝ่ามือชมพู ยิ้มหลอนๆร้ายๆ แต่เตชินกับชมพูไม่เห็น มีแต่เอทีเอ็มที่สังเกตอยู่ รู้สึกว่าริลณีแปลกๆ

ชมพูถามเตชินว่าแล้วข้อแลกเปลี่ยนที่เตชินบอกไว้ คิดได้หรือยัง เตชินบอกว่าอยากให้ชมพูไปช่วยเลือกชุดไปงานเปิดตัวโรงแรมของเอกราชให้ริลณีหน่อย ชมพูพูดอย่างร่าเริงว่ารับรองว่าจะหาชุดที่ทำให้ริลณีสวยที่สุดในงานเลยล่ะแต่ริลณีฟังแล้วเครียด!

ตุลเทพกับประวิทย์และเอกราชไปหาเชิงชายที่บ้าน กดกริ่งเรียกก็ไม่มีคนออกมา ตุลเทพบอกว่าดูจากจดหมายในตู้เชิงชายน่าจะไม่อยู่หลายวันแล้ว คาดเดากันต่างๆนานา บ้างว่าอาจหนีเจ้าหนี้ หรือถูกเจ้าหนี้อุ้มไปแล้ว

“เงินไม่กี่บาท ไม่น่าเสี่ยงอุ้ม ฉันว่าไอ้เชิงชายมันตั้งใจหายไปเองมากกว่า” เอกราชเดา ตุลเทพถามว่าแล้วหายไปไหน สามหนุ่มได้แต่มองหน้ากัน ต่างหาคำตอบไม่ได้

ooooooo

วันนี้ปริมลดากับหงส์หยกไปเดินห้างหาซื้อชุดเพื่อไปงานเปิดตัวโรงแรมของเอกราช ปริมลดาหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องหาชุดที่มัดใจมัดตัวเตชินให้สำเร็จในงานนี้ แต่อุบแผนไว้ยังไม่ยอมบอกหงส์หยก

ชมพูก็พาริลณีไปหาซื้อชุดในห้างเดียวกัน ชมพูเลือกชุดให้ริลณีแล้วให้ไปลอง ริลณีบอกว่าตนไม่ชอบและไม่คิดจะไปงานนี้ด้วย เรื่องนี้ตนจะคุยกับเตชินเองแล้วไปหยิบชุดมาให้ชมพูบอกให้เข้าไปลองดู ตนอยากเห็นว่าชมพูใส่แล้วจะสวยขนาดไหน พอชมพูรับชุดเข้าไปในห้องลอง ริลณีก็รับรู้ถึงอะไรบางอย่าง เธอค่อยๆ หายตัวไปจากตรงนั้น...

ปริมลดากับหงส์หยกเดินเข้ามาในร้าน หงส์หยกเซ้าซี้ถามว่าเธอมีแผนอะไรบอกหน่อยไม่ได้หรือ เกิดแผนไม่เวิร์กจะได้ช่วยคิดใหม่ ปริมลดาอ้างว่ากลัวเธอปากโป้ง เกิดเสียแผนจะหาโอกาสดีๆแบบนี้ไม่ได้แล้ว แต่หงส์หยกก็หลอกล่อจนปริมลดายอมบอก แต่ขณะกำลังจะบอกนั่นเอง ชมพูที่เข้าไปลองชุดออกมาพอดี เลยทักทายกัน

ทั้งปริมลดาและหงส์หยกต่างแขวะแต่ทำเป็นชมว่า ชมพูใส่ชุดนี้สวยมาก เหมาะมาก เก๋มาก ชมพูฟังออกว่าถูกแขวะ พยายามถอยห่างและขอตัว ก็ยังถูกปริมลดาแขวะอีกว่า

“ทำหน้าเซ็งอย่างนี้ถูกทิ้งล่ะสิ แหม...เธอนี่เป็นเจ้าแม่แห่งการถูกทิ้งจริงๆ ทั้งเพื่อน ทั้งผู้ชาย”

“ถูกทิ้งอย่างมีศักดิ์ศรี ก็ยังดีกว่าวิ่งไล่จับผู้ชายแล้วไม่ได้ก็แล้วกัน” ชมพูสวนไปอย่างไม่ยี่หระ ปริมลดา แว้ดใส่ว่าใครจับผู้ชายแล้วไม่ได้! “ก็เธอพยายามจับใครอยู่ล่ะ เค้ายกเลิกงานแต่งกับฉันมาตั้งนาน เธอก็ยังจับเขาไม่ได้สักทีไม่ใช่หรือ”

ปริมลดาโผนเข้าจะเอาเรื่อง หงส์หยกเข้าหย่าศึกว่าเราเพื่อนกันอย่าทะเลาะกันเพราะผู้ชายคนเดียวเลย

“คนที่ไม่เคยถูกเพื่อนหักหลังอย่างเธอ ก็พูดได้สิหงส์หยก ไว้ลองให้ปริมลดาเขาทำกับเธอบ้างนะ จะได้เข้าใจ ขอตัวนะ” แล้วชมพูก็เดินเชิดไปเปลี่ยนชุด ปริมลดายังจะตามเข้าไปจิกตบ แต่หงส์หยกรั้งไว้เตือนให้ใจเย็นๆ เดี๋ยวถูกคนถ่ายคลิปไปแชร์หรอก แล้วรีบพาปริมลดาออกจากร้านไป

หงส์หยกถามแผนจับเตชินของปริมลดาอีก ปริมลดาไม่บอกแต่พอหงส์หยกขู่ว่าถ้าเธอทำพลาดก็อย่าหวังว่าตนจะช่วยก็แล้วกัน ปริมลดาจึงยอมบอกแผนให้ แต่หารู้ไม่ว่า ผีริลณีแอบฟังอยู่ข้างหลัง!

ooooooo

บรรยากาศเปิดตัวโรงแรมของเอกราชคึกคักด้วยเสียงเพลง บรรดาเหล่าไฮโซ แขกผู้มีเกียรติ ต่างแต่งกันอย่างมีสไตล์มาร่วมงานกันคับคั่ง คนดัง ดารา เซเลบริตี้ ต่างเดินบนพรมแดงและถ่ายรูปกับบรรดาแฟนๆอย่างเก๋ไก๋

รถหรูของเอกราชเข้ามาจอด เขาลงจากรถมายื่นมือรับชมพูลงจากรถ มีรถอีกคันที่ตามมาคือรถของพิชัยและพิสมัย แล้วทั้งสี่ก็เดินเข้าไปในงาน บรรดานักข่าวพากันเข้าสัมภาษณ์

“มางานด้วยกันแบบนี้ถือว่าเป็นการเปิดตัวหรือเปล่าครับ” นักข่าวคนหนึ่งถาม ชมพูตอบหน้านิ่งเด็ดขาดว่า

“ดิฉันและครอบครัวมางานในวันนี้ ในฐานะเพื่อนค่ะ ขอตัวนะคะ” แล้วรีบเดินเข้างาน พิชัยกับพิสมัยตามประกบ เอกราชหน้าเสียไปนิดหนึ่ง แต่พอพิชัยตบบ่าให้กำลังใจก็ปั้นหน้าให้สดชื่นได้ในพริบตา

เฟื่องฟ้ากับเอทีเอ็มที่มาช่วยงานหงส์หยก แอบดูชมพูชมกันว่าวันนี้เธอสวยมาก ถูกหงส์หยกมาจิกว่าให้มาทำงานไม่ได้ให้มาส่องดาราแบบนี้ พอเฟื่องฟ้าบอกว่าดูเพื่อนต่างหากก็ถูกหงส์หยกดูถูกว่า อย่าพูดอย่างนี้ให้คนอื่นได้ยินเขาจะสมเพชเอา แล้วสั่งให้ไปดูหลังเวที เพราะอีกไม่ถึงชั่วโมงก็จะเริ่มการแสดงแล้ว พอทั้งสองเดินไป หงส์หยกก็มองไปที่พรมแดงพูดอย่างอิจฉาสุดๆ

“ไฮโซพวกนั้น ไม่มีใครเขาคิดอยากเป็นเพื่อนกับคนอย่างพวกแกหรอกถ้าไม่คิดจะหลอกใช้ แต่คนอย่างฉันไม่โง่ให้ใครหลอกใช้ฟรีๆหรอก” แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นโทร.หาใครบางคน

ปริมลดาที่ควงตุลเทพมา ถูกนักข่าวถามว่าควงผู้ชายอื่นมาอย่างนี้ไม่กลัวคุณโต้งแฟนผู้กำกับหึงเอาหรือ เธอตอบหน้าระรื่นว่าพี่โต้งเขาเข้าใจ ไม่ว่าอะไรหรอก ตุลเทพรีบเข้ากันท่าว่า

“วันนี้เป็นงานของเพื่อน ให้คุณลดาควงเพื่อนแทนแฟนสักวันนะครับ” แล้วควงปริมดาเข้างานไป พอหนีพ้นนักข่าวปริมลดาก็บ่นว่าเมื่อไหร่พวกนักข่าวจะเลิกถามถึงไอ้บ้านั่นเสียที “ก็ตราบใดที่เธอยังเป็นแฟนและหาประโยชน์จากอีตานั่น ก็คงต้องทน”

ตุลเทพมองประวิทย์ที่พยายามโทรศัพท์อยู่ ถามว่าตกลงเชิงชายไม่มางานนี้ใช่ไหม ประวิทย์บอกสีหน้ากังวลว่า

“ฉันว่ามันชักแปลกๆยังไงแล้วว่ะ”

ooooooo

เตชินมากับชัช แต่หารู้ไม่ว่าริลณีแอบนั่งรถมาด้วย เมื่อเอกราชพบทั้งสองก็ปรารภเสียดายที่แฟนเตชินไม่ได้มาด้วยเลยไม่มีโอกาสรู้จัก

เตชินอารมณ์ไม่ดีนักที่ริลณีไม่ได้มาด้วย จนชมพูปลอบว่าอย่างอนริลณีเลย เธออาจจะไม่พร้อมออกงานจริงๆ สัญญาว่าถ้างานหน้าตนจะชวนริลณีแต่เนิ่นๆเลย เอกราชได้ยินถามว่าชมพูรู้จักแฟนเตชินด้วยหรือ ชมพูบอกว่าสนิทกันด้วย รำคืนนี้ถ้าไม่ได้แฟนเตชินช่วยซ้อมตนคงรำไม่ได้แน่ๆ เอกราชบอกว่าแบบนี้ตนยิ่งอยากรู้จักมาก

“ผมว่าคุณก็รู้จักเขาอยู่แล้วแหละ เพราะเขา...” เตชินหยุดกึกเมื่อหงส์หยกเข้ามาขอตัวชมพูไปแสตนด์บายหลังเวที เอกราชจึงแยกไปดูแลแขกต่างประเทศกลุ่มสำคัญ หงส์หยกยิ้มหวานให้เตชิน แต่กลับถูกใจชัชจนเพ้อ เตชินบอกชัชว่าเป็นหงส์หยกเพื่อนที่มหาวิทยาลัยของชมพู ชัชดี๊ด๊าถามว่ามีเบอร์ไหม?

เตชินมองชัชยิ้มขำๆ แล้วเดินผละไป ชัชแอบดูหงส์หยกเคลิ้ม อยากรู้จักจริงๆ สบโอกาสเมื่อเจอหงส์หยกกำลังชะเง้อมองหาใครบางคนบ่นว่าป่านนี้แล้วทำไมถึงยังไม่มาอีก พอหันกลับก็เจอชัชยืนยิ้มกริ่มอยู่ ชัชรีบแถเข้าไปถามว่าจำได้ไหม ตนเพื่อนเตชินที่ยืนอยู่ด้วยกันเมื่อกี๊นี้ไง

หงส์หยกหางตาใส่บอกว่าจำไม่ได้ กระนั้นชัชก็ยังกะลิ้มกะเหลี่ยอยากจะขอเบอร์ ถ้าไม่สะดวก ไลน์ เฟซบุ๊ก หรือไอจีก็ได้ แล้วชัชก็จ๋อยเมื่อเธอตอบเชิดๆว่า

“ขอโทษนะคะ ฉันมาทำงาน ไม่ได้มาแจกเบอร์ผู้ชาย” แต่พอเดินพ้นชัชมาก็พูดอย่างสมเพช “อ้วนอย่างนาย ไม่ใช่ผู้ชายในสเปกฉันหรอก ฮึ!!” แล้วก็หน้าเสียเมื่อเจอปริมลดายืนกอดอกมองถามว่าแล้วผู้ชายแบบไหนถึงจะเป็นสเปกเธอ!

ooooooo

แผนของปริมลดาคือให้ตุลเทพหาน้ำมันพรายมาหยอดใส่เครื่องดื่มให้เตชินคลั่งไคล้ใหลหลง

ตุลเทพอวดสรรพคุณว่า ใครคนไหนได้ชิมหรือสัมผัสแม้แต่นิดเดียวจะเกิดความคลั่งไคล้ใหลหลงถึงขั้นยอมมอบกายมอบใจให้กับเจ้าของน้ำมันพรายแบบถอนตัวไม่ขึ้นทีเดียว ยืนยันว่าคนที่หยดหรือป้ายถือว่าเป็นเจ้าของน้ำมันพราย แล้วตุลเทพก็พิสูจน์โดยให้พนักงานเอาเครื่องดื่มที่เขาหยอดน้ำมันพรายใส่เอาไปให้สาวเซ็กซี่คนหนึ่ง

ไม่ถึงห้านาที บริกรก็มาบอกว่าคุณผู้หญิงที่เขาให้ค็อกเทลเมื่อกี๊บอกว่าไปรออยู่ที่ห้องนี้ พลางยื่นกระดาษให้

ขณะทั้งสองกำลังวางแผนกันนั้น ริลณีแต่งตัวสวยยืนปะปนอยู่ในกลุ่มแขกจับตาดูอยู่ ปริมลดาเห็นแว้บๆแต่พอกะพริบตาดูอีกทีก็ไม่เห็นแล้ว ตุลเทพถามว่ามีอะไรหรือ เธอบอกว่าไม่มีอะไร สงสัยตาฝาด

ooooooo

ปริมลดาเอาค็อกเทลในขวดที่ตนผสมน้ำมัน พรายแล้วให้หงส์หยกเอาไปให้พนักงานรินใส่แก้วไปเสิร์ฟเตชินย้ำว่าอย่าให้พลาดล่ะ

ที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เฟื่องฟ้ากับเอทีเอ็มพยายามจะเข้าไปหาชมพูแต่ถูกสเตจเมเนเจอร์กันไว้ไม่ให้เข้าแม้จะอ้างว่าเป็นเพื่อนสนิทก็ตาม ทันใดนั้นเอทีเอ็มก็ดึงเฟื่องฟ้าออกไปเมื่อเห็นใครคนหนึ่งเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวโดยสเตจเมเนเจอร์ไม่เห็น

ริลณีนั่นเอง! เธอเข้าไปเห็นชมพูเดินวนไปเวียนมาอย่างกระวนกระวายใจ บ่นตัวเองว่าทำอย่างไรถึงจะหายตื่นเต้นนะ? ริลณีเข้าไปกระซิบข้างหลังว่า “เข็มกลัดนางรำ” ชมพูนึกขึ้นได้ว่าริลณีเคยบอกว่าให้ติดเข็มกลัดนางรำแล้วจะหายตื่นเต้น เธอรีบค้นจนเจอแล้วกลัดไว้ที่ชุดรำ พริบตานั้น ผีริลณีเข้าสิงทันที!

แววตาผีริลณีในร่างชมพูจ้องกระจกอย่างน่ากลัวพึมพำ

“ปริมลดา ฉันไม่มีวันยอมให้แกทำอะไรเตชินได้หรอก!!”

ที่ด้านหน้าเวที ชัชเห็นเอกราชเกาะติดพ่อแม่ชมพูแจก็สะกิดถามเตชินว่าไม่ห่วงชมพูหรือ เพราะเอกราชร้ายไม่เบาขึ้นชื่อเรื่องเจ้าชู้ มีทั้งนางแบบ ดารา ควงไม่ซ้ำหน้ารวมทั้งปริมลดาที่พยายามตามจีบเขาด้วย

ปริมลดารี่เข้าหาเตชินพอดีชัชเลยหยุดพูด ปริมลดา ตรงไปกระแซะเตชินจนเขาขอเปลี่ยนที่นั่งกับชัช แต่พอเปลี่ยนที่กัน ชัชทำตัวเป็นแฟนคลับพยายามพูดด้วย

ปริมลดาก็ลุกเดินหนีไป จนชัชพึมพำเหวอ “อะไรวะ...ทีกับเราไม่ยอมพูดด้วย”

ooooooo

ปริมลดาไปแอบยืนดูและส่งสัญญาณให้หงส์หยกเริ่มแผนการ จับตาดูพนักงานเสิร์ฟที่เดินเสิร์ฟไปจนถึงเตชินลุ้นว่าจะเป็นไปตามแผนไหม

ผีริลณีที่สิงร่างชมพูรำอยู่บนเวที จ้องที่แก้วเครื่องดื่ม ในถาดที่พนักงานเสิร์ฟเดินไปที่เตชินด้วยแววตาโกรธจัด ประวิทย์ดูชมพูรำอยู่เขาเห็นหน้าชมพูเป็นหน้าริลณีแว้บๆ ขยี้ตามองอีกที เอกราชถามว่ามีอะไรหรือ ประวิทย์บอกว่าเห็นหน้าชมพูแปลกๆ พิสมัยก็ถามว่ามีอะไรหรือ เอกราชมองไปก็ไม่เห็นมีอะไร ประวิทย์เลยคิดว่าตัวเองคงตาฝาด

ขณะพนักงานเสิร์ฟเดินไปถึงเตชินและหยิบแก้วเครื่องดื่มที่ผสมน้ำมันพรายจะส่งให้เตชินนั้น ผีริลณีที่สิงชมพูดูอยู่เธอหยิบพานดอกไม้โปรยดอกไม้ลงไปด้านล่างอย่างสวยงาม ทำเป็นเดินผ่านพนักงานเสิร์ฟชนจนเสียหลักเซล้ม เครื่องดื่มหกรดปริมลดาเต็มๆ ปริมลดา ด่าแล้วจะตบ แต่เห็นแขกมองอยู่เลยไม่กล้าเดินสะบัดออกไป

ผีริลณีที่สิงร่างชมพูอยู่มองตามปริมลดาไปอย่างสะใจ หลังจากนั้นเธอก็อยู่ใกล้ชิดเตชินจนคุณพ่อคุณแม่กลับไปแล้วเธอก็ยังอยู่กับเตชิน จนเอกราชโมโหถามปริมลดาว่าทำไมเธอไม่จัดการคนของเธอ ปริมลดาบอกว่าตนก็อยากจัดการแต่มันทำไม่ได้

ขณะนั้นเอง อาจารย์ดำ หมอผีท่าทางภูมิฐานใส่สูทไฮโซอย่างโก้เดินเข้ามา เอกราชรีบไปทำความเคารพอย่างนอบน้อมทักว่า “นึกว่าอาจารย์ดำจะไม่มาเสียแล้ว”

“ต้องมาสิ เปิดโรงแรมทั้งทีต้องมาช่วยปัดเป่าสิ่งไม่ดี สิ่งชั่วร้ายพาอับโชค กิจการจะได้เจริญรุ่งเรืองไง”

แล้วสายตาอาจาย์ดำก็ไปสะดุดชมพูที่ยืนอยู่กับเตชินบอกเอกราชว่า

“รู้สึกมีอะไรแปลกๆ ฉันอยากไปคุยกับผู้หญิงคนนั้น” แล้วอาจารย์ดำก็เดินไปหาชมพู เอกราช ประวิทย์ และหงส์หยกรีบตามไป

อาจารย์ดำเข้าไปพูดกับชมพูที่ยืนคุยอยู่กับเตชินและชัชถามชมพูว่า

“ได้เดินไปในที่แปลกๆ รับของจากคนแปลกหน้าหรือว่าเพิ่งป่วยหรือเปล่า” เตชินกับชัชหันมองงงๆ ในขณะที่ชมพูก้มหน้าไม่ตอบแต่แววตากลายเป็นผีริลณีกำลังวาวโรจน์โกรธมาก

“ขอโทษนะครับ นี่คืออาจารย์ดำเป็นอาจารย์ทางจิตวิญญาณที่ครอบครัวผมเคารพ” เอกราชปราดเข้ามาแนะนำ แล้วกระซิบถามอาจารย์ดำ “มีอะไรเหรอครับอาจารย์” อาจารย์ดำกระซิบบอกว่าตนคิดว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังโดนผีเข้า “เป็นไปไม่ได้หรอกครับ เขาเป็นแฟนผม จะโดนผีเข้าได้ยังไง”

“แต่ฉันเห็นอะไรบางอย่างแปลกๆ ในผู้หญิงคนนี้ จริงๆ” อาจารย์ดำยืนยันแล้วเดินเข้าใกล้ชมพู หยิบไม้ก้านเล็กๆสี่ก้านที่มัดรวมกันออกจากกระเป๋าแล้วท่องคาถางึมงำๆ ทำให้วิญญาณในร่างชมพูปั่นป่วนเงยหน้าจ้องหน้าอาจารย์ดำตวาดอย่างโกรธแค้น

“ออกไป มึงอย่ามายุ่งกับกู” แต่อาจารย์ดำไม่สนใจยังคงท่องคาถาอย่างมีสมาธิ แล้วพึมพำ...“จงออกไปจากร่างผู้หญิงคนนี้ซะ!!” พออาจารย์ดำลืมตาก็เอาไม้ทั้งสี่แตะที่ข้อมือชมพูเบาๆ วิญญาณที่สิงในร่างชมพูกระเด็นออกไปนอกอาคารอย่างรวดเร็ว

ผีริลณีโกรธมากจะกลับเข้าไปแต่ถูกกำแพงเวทมนตร์ผลักออกมาฝ่าเข้าไปไม่ได้ ได้แต่มองเข้าไปอย่างโกรธแค้นมาก

ooooooo

พอผีริลณีกระเด็นออกไปแล้ว ร่างชมพูก็อ่อนยวบ จะล้ม ทั้งเตชินและเอกราชต่างโผเข้าไปแต่เอกราชไวกว่าประคองชมพูไว้ สั่งประวิทย์ให้รีบไปเปิดห้องที่ใกล้ที่สุดแล้วประคองร่างชมพูไปเข้าห้องพัก

ส่วนอาจารย์ดำบอกทุกคนว่าไม่ต้องเป็นห่วงให้เอาไม้ทั้งสี่นี้ไปปักไว้สี่มุมของโรงแรมแล้วจะช่วยคุ้มกันไม่ให้วิญญาณที่ชั่วร้ายหรือเหล่าสัมภเวสีเข้ามาในโรงแรมได้อีก ประวิทย์รับไปจัดการให้

เฟื่องฟ้าพาพยาบาลมาถึงรีบพาเข้าไปปฐมพยาบาลชมพู ชัชเพิ่งนึกได้มองหาถามใครต่อใครว่าเตชินหายไปไหน

หารู้ไม่ปริมลดาฉวยจังหวะที่กำลังวุ่นวายนั้นเอาน้ำมันพรายแต้มเตชินอย่างเร็ว เตชินที่กำลังจะตามไปดูแลชมพูก็กลับหันมามองปริมลดาตาเยิ้มเดินตามเธอไปในห้องพัก

“ในที่สุดก็ถึงเวลาของเราสองคนสักที รู้ไหมว่าลดารอเวลานี้มานานแล้ว” ปริมลดาเริ่มลงมือ‘จัดการ’เตชินทันที

ริลณีที่มองอยู่ข้างนอกคำรามอย่างสุดแค้น “นังปริมลดา ถ้ามึงทำอะไรเตชิน กูจะฆ่ามึง!!”

แต่ปริมลดาหารู้ไม่ว่า หงส์หยกที่เตรียมฉกเตชินอยู่แล้ว เธอโทร.ตามพี่โต้งผู้กำกับที่กำลังคั่วอยู่กับปริมลดามาที่โรงแรมหมายให้จับปริมลดาให้ได้คาเตียงทีเดียว!

พี่โต้งมาถึงด้วยอารมณ์โกรธแค้นบอกหงส์หยกว่า “พี่ทนไม่ไหวที่จะให้ลดาสวมเขาพี่ ให้คนเขาหัวเราะเยาะว่าพี่งี่เง่าแบบนี้ ถ้าจับได้คราวนี้พี่จะแฉให้แหลกว่าปริมลดาเจ้าหญิงวงการบันเทิงนั้นตัวจริงมั่วแค่ไหน” หงส์หยกขอร้องว่าถ้าทำแบบนี้ปริมลดาต้องรู้แน่ว่าตนทรยศเพื่อน มีหวังตนตายแน่ “รับรองว่าเรื่องนี้ไม่มีใครรู้ว่าเราสองคนจับมือกัน” พี่โต้งรับรอง

พี่โต้งใช้ไอดีแอคเคาต์ของปริมดาเช็กจนรู้ว่าเธออยู่ห้องไหน แต่ถูกตุลเทพที่เพิ่งมั่วหญิงออกจากห้องเห็นเข้ารีบโทร.บอกปริมลดา เธอโมโหมากที่ถูกขัดจังหวะ แต่ต้องรีบหนีก่อนที่จะถูกจับได้คาห้องคาเตียง เตชินที่กำลังเพ้อลุกขึ้นคว้าเธอไปกอด เธอผลักเขาล้มหัวกระแทกมุมโต๊ะอย่างแรงล้มลง

ปริมลดาไม่มีเวลาแล้ว เธอโผล่ออกไปก็เห็นพี่โต้งกำลังเดินดิ่งมาที่ห้อง เธอรีบผลุบกลับเข้าห้อง หาที่หลบก็ไม่มี จึงตัดสินใจปีนออกไปที่ระเบียง ริลณีเห็นอยากจะกระชากตัวเธอให้ตกลงมาตายแต่ก็เอื้อมมือเข้าไปไม่ได้ ทำให้ยิ่งแค้นใจ

พี่โต้งมาถึงห้องพอดี พบแต่เตชินนั่งเอามือกุมหัวอยู่ที่พื้น ส่วนปริมลดาหนีตายปีนข้ามระเบียงไปยังอีกห้องแล้วหนีออกไปวิ่งลงทางบันไดหนีไฟ พอหนีไปได้ก็ขับรถตะลีตะลานหนี ถอยรถแฉลบออกนอกทางทับก้านไม้ของอาจารย์ดำที่ปักไว้จนหักไม่รู้ตัว แล้วตะบึงรถหนีตายออกไปจากโรงแรม
กำแพงเวทมนตร์ของอาจารย์ดำมลายหายไปทันที ริลณีหายตัวเข้าไปในโรงแรมเพื่อช่วยเตชิน

หงส์หยกฉวยโอกาสนี้จัดฉากถ่ายรูปตัวเองนอนกับเตชิน หมายใช้รูปนี้ผูกมัดเตชินให้รับผิดชอบ

ระหว่างถ่ายรูปนั้น ริลณีเข้ามาจ้องอย่างโกรธแค้น รูปที่ถ่ายจึงติดริลณีเข้าไปด้วย จนสุดท้ายกลายเป็นเห็นแต่ริลณีหน้าผีอยู่ในรูป ซ้ำยังยื่นหน้าเละๆเข้าไปจนเกือบติดหน้าหงส์หยก กระซิบบอกว่า

“ฉันจะเตือนแกเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าแกยังเงี่ยนอยากยุ่งกับผัวฉันอีก แกตาย!!”

“กรี๊ดดดดด...” หงส์หยกแผดเสียงแล้ววิ่งออกจากห้องไปทั้งที่นุ่งผ้าขนหนูเพียงผืนเดียว! ริลณีมองตามไปอย่างสะใจ หลังจากนั้นริลณีก็ดูแลเตชินกอดเขาไว้พร่ำบอกว่า

“คุณต้องเข้มแข็งนะคะเตชิน อย่าให้อวิชาชั่วร้ายทำอะไรคุณได้ เข้มแข็งไว้ คิดถึงความรักที่เราสองคนมีให้กัน อย่าให้อวิชาเข้าไปเกาะกุมใจคุณได้”

เตชินยังดิ้นทุรนทุราย ริลณียิ่งกอดเขาแน่น พร่ำบอก ไม่ขาดปากว่า

“ไม่ต้องห่วงนะคะเตชิน ใครที่ทำให้คุณเจ็บ รินจะทำให้พวกมันเจ็บยิ่งกว่าคุณเป็นร้อยเท่า!!” สีหน้าและแววตาของริลณีเต็มไปด้วยความแค้นพูดอย่างไม่อดทนต่อไปอีกแล้วว่า “ในเมื่อพวกมันไม่ปล่อยให้รินได้อยู่กับคุณอย่างสงบสุขก็คงถึงเวลาที่พวกมันทุกคนจะต้องชดใช้กรรมที่พวกมันทำไว้กับรินแล้ว!!”

ooooooo

เตชินได้สติสัมปชัญญะกลับคืนมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เขางงตัวเองว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เห็นเสื้อผ้าตัวเองและเสื้อผ้าของหงส์หยกที่ถอดทิ้งไว้แต่เขาไม่รู้ว่าเป็นของใคร ก็ยิ่งงง

“นี่มันอะไรกันเนี่ย เกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่?”

เมื่อลงไปที่ห้องอาหาร เจอทั้งชมพู ตุลเทพ เฟื่องฟ้าและเอทีเอ็ม ก็ยิ่งงงว่าทำไมพวกเขายังไม่กลับ เอทีเอ็มบอกว่า เมื่อคืนชมพูเป็นลมกว่าจะฟื้นจะหายก็ดึกมากแล้ว พวกตนจึงตัดสินใจอยู่เป็นเพื่อน

“แล้วพี่เตชินล่ะคะ ทำไมถึงค้าง” ชมพูดถาม เตชิน บอกว่าตนก็ไม่รู้เหมือนกัน ยอมรับว่าจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เลย เอกราชเพิ่งเข้ามาเขาทักทายทุกคนอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส ถามเตชินว่าแล้วปริมลดาไม่ลงมาด้วยหรือ

ตุลเทพบอกว่าปริมลดาโกยแน่บกลับไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ไม่รู้ป่านนี้ถูกไอ้ผัวผู้กำกับขี้หึงจะทำอะไรบ้าง ประวิทย์บอกว่าหงส์หยกก็กลับไปกลางดึกเหมือนกันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เอกราชบอกว่าเดี๋ยวตนจะโทร.ไปถามทั้งสองคนเองก็แล้วกัน แต่ตอนนี้เชิญทุกคนทานอาหารเช้ากันก่อน

ไม่ทันลงมือทานอาหารกัน ประวิทย์ก็ได้รับโทรศัพท์จากตำรวจแจ้งว่าพบศพเชิงชาย ทุกคนช็อกกับข่าวนี้

ตำรวจให้ประวิทย์ไปชี้ศพเชิงชาย ตุลเทพบอกว่าพวกตนเป็นเพื่อนเชิงชาย ตำรวจจึงให้เข้าไปชี้ศพด้วย ชมพูจะไปแต่เตชินบอกให้เธอรออยู่ตรงนี้ดีกว่า เพราะภาพบางภาพเราก็ไม่ควรเห็น ชมพูจึงนั่งอยู่กับเตชินข้างนอก

ภาพถ่ายที่ตำรวจเอามาให้ดู มีภาพหมอผีเจ๋งคอหักจนหมุนได้อยู่ด้วย ส่วนภาพเชิงชายเห็นแขนสองข้างของเขาโผล่จากพื้นดินแล้วจึงเป็นภาพเชิงชายที่มีดินไหลออกมาจากปาก จมูก หู และตาเหลือกอย่างกลัวสุดขีด จากภาพเห็นถึงการตายอย่างทรมานของเชิงชาย

“เป็นการตายที่สยดสยองที่สุดเท่าที่เราเคยเจอมา จากสภาพสถานที่พบศพ ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ไม่มีร่องรอยของคนร้าย ไม่มีรอยนิ้วมือ ไม่มีร่องรอยของใครที่เข้าไปในบริเวณนั้นเลย นอกจากผู้ตายทั้งสอง และจากสภาพศพเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้ตายจะหกล้มคอหักจนหมุนได้เกือบรอบ หรือกินดินเข้าไปเป็นถังๆแล้วฝังตัวเองให้ตายแบบนี้ พวกคุณพอจะให้ข้อมูลหรือเบาะแสอะไรที่พอจะเป็นประโยชน์แก่เราบ้างไหมครับ” เจ้าหน้าที่ตำรวจมองทุกคนอย่างรอคำตอบ

ประวิทย์บอกว่าเชิงชายกำลังมีปัญหาเรื่องเงินตนไม่แน่ใจว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือเปล่า ตุลเทพบอกว่า พวกตนไม่รู้เลยว่าผู้ตายอีกคนคือใคร แต่พอตำรวจสอบถามว่ารู้จักหมอผีเจ๋งไหม เอกราชก็ตัดบทอย่างหงุดหงิดว่า

“คุณบอกว่าเรียกพวกเรามาแค่ชี้ตัว ถ้าอยากสอบปากคำ ผมคงต้องให้ทนายของพวกเรามาด้วย”

เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าคงไม่รบกวนถึงขนาดนั้น แต่ถ้ามีอะไรมากกว่านี้จะเชิญมาสอบปากคำอีกที แล้วสรุปว่า

“ผู้ตายคือคุณเชิงชาย จริยวรรณ นักแต่งเพลงชื่อดัง และหมอผีเจ๋ง พวกคุณทั้งสามคนไม่มีใครรู้จัก ใช่ไหมครับ”

ทั้งสามพยักหน้า แอบมองกันอย่างกังวลและกลัวสุดๆ เมื่อออกไปเจอชมพูกับเตชิน ทั้งสามไม่ได้พูดอะไรมากบอกว่ากลับไปดูข่าวที่บ้านดีกว่า เอกราชขอตัวว่าพวกตนต้องรีบไปจัดการเรื่องเชิงชาย จึงฝากเตชินให้พาชมพูไปส่งบ้านด้วย

ooooooo

ที่ร้านอาหารอิตาเลี่ยนของประวิทย์ที่ปิดเงียบ แต่ภายในร้านปริมลดาที่ยังมีรอยฟกช้ำเพราะถูกพี่โต้งทำร้ายมองเพื่อนๆอย่างไม่อยากเชื่อว่าเชิงชายถูกฆ่าตาย หงส์หยกก็เพิ่งรู้ข่าวก่อนออกจากบ้านนี่เอง

ปัญหาที่เครียดในหมู่เพื่อนคือ ใครเป็นคนฆ่า? และเชิงชายเกี่ยวข้องกับหมอผีเจ๋งอย่างไร? ประวิทย์สงสัยว่าทั้งสองจะเกี่ยวข้องกับริลณีหรือเปล่า เอกราชไม่เชื่อเพราะเราได้ทำลายของสำคัญคือแหวนของริลณีไปแล้ว เชื่อว่าผีริลณีไม่มีพลังที่จะทำร้ายใครได้อีก

“ก็ไม่แน่นะ เพราะก่อนตายเชิงชายมันเล่าให้ฉันฟังว่า มันต้องการเงินไปใช้หนี้ มันกับหมอผีนั่นกำลังช่วยกันจับผีริลณี” ประวิทย์ตั้งข้อสังเกต ทั้งยังวิเคราะห์ว่า “ถ้าตำรวจสืบรู้เรื่องเชิงชายเกี่ยวข้องกับหมอผีเจ๋งยังไง ก็อาจจะสืบรู้เรื่องของเรากับผีริลณีด้วย แล้วถ้ารู้เรื่องเรากับผีริลณี ก็อาจจะรู้ว่าพวกเรา...”

“ไม่นะ” ปริมลดาร้องขึ้นเอามือปิดหู “อย่าพูดเรื่องสองปีก่อนนะ ฉันไม่อยากได้ยิน”

“แต่ปัญหาตอนนี้คือเราไม่รู้ว่าเชิงชายกับไอ้หมอผีนั่นพยายามทำอะไร” ตุลเทพตั้งปัญหา เอกราชลุกยืนตบโต๊ะปัง

“งั้นพวกเราก็ต้องรู้ให้ได้!”

แล้วเอกราชกับตุลเทพก็พาพรรคพวกไปที่บ้านหมอผีเจ๋ง แยกย้ายกันค้นหาหลักฐาน

ประวิทย์เจอสมุดมีรอยฉีกกระดาษเห็นมีรอยกดของปากกาเป็นข้อความอยู่เขาเอาดินสอฝนลงบนกระดาษนั้น บางๆ จึงเห็นข้อความเขียนว่า “ความลับเมียนายมีราคา 1 แสนบาท ถ้านายยังไม่อยากรู้ระวังเมียนายเดือดร้อน” อ่านแล้วถามเพื่อนๆว่าหมายความว่ายังไง ตุลเทพบอกว่าเหมือนสองคนนั้นกำลังวางแผนข่มขู่ใครอยู่

แล้วก็เจอเบอร์โทรศัพท์หลายเบอร์ เช็กแล้วเป็นเบอร์ที่บริษัทเอกราช ส่วนอีกหลายเบอร์ไม่รู้เบอร์ใคร ปริมลดาบอกให้ลองโทร.ดูก็รู้ แต่ไม่ทันโทร.ปริมลดาก็จำได้ว่าเป็นเบอร์ของเตชิน ตุลเทพถามว่าเตชินมาเกี่ยวอะไรด้วย

ริลณีกับเตชินดูข่าวทีวีที่บ้านเรือนไทยเกี่ยวกับการตายของเชิงชาย เตชินเปรยๆว่าทำไมฆาตกรถึงได้โหดเหี้ยมขนาดนี้

“ไม่โหดหรอกค่ะ น้อยเกินไปด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับความเลวที่เขาทำ” เตชินถามว่าเธอรู้หรือ “ไม่รู้หรอกค่ะ แต่รินเชื่อว่าเราทำกับคนอื่นแบบไหนก็ย่อมจะได้รับสิ่งตอบแทนแบบนั้น”

เตชินบอกว่าวันนี้ชมพูชวนตนไปงานศพเชิงชาย ริลณีบอกให้เขาไปกับชมพูเพราะท่าทางเธอเสียขวัญมาก

“อ้าว...แล้วรินล่ะครับ”

“คุณไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ รินไปแน่!!” ริลณียิ้มร้าย พึมพำ “ถึงเวลาที่พวกเขากับรินต้องเจอกันสักทีแล้ว!!”

ooooooo

ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น