วันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร นางชฎา ตอนที่ 9


พิสมัยได้รับแจ้งอาการคุณหญิงจากเพื่อนถึงกับยกมือทาบอก บอกพิชัยที่มองด้วยความแปลกใจว่า

“คุณหญิงจิตรา เธออาจจะเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิตเชียวค่ะ”

ชมพูถือจานคัพเค้กที่ทำเองเดินเข้ามาตกใจทำจานหลุดมือแตกเพล้งถามว่า “จริงๆหรือคะคุณแม่!”

“จ้ะ...พูดไม่ได้ ขยับไม่ได้ แล้วก็ชักกระตุกอยู่ตลอดเวลา” พิชัยรำพึงว่าคงวุ่นวายกันแย่เพราะบ้านนั้นมีแต่ผู้ชายคงทำอะไรไม่ถูก “นั่นสิคะ เฮ้อ...ไม่คิดเลยว่าคุณหญิงจิตราจะโชคร้ายขนาดนี้”

พิสมัยกับพิชัยมองหน้ากันเครียด ส่วนชมพูอึ้งเป็นห่วงเตชินไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง

ที่บ้านเด็กกำพร้า เฟื่องฟ้าเพิ่งรู้ข่าวคุณหญิงจิตรา แต่เอทีเอ็มรู้ก่อนแล้ว รำพึงว่าเวรกรรมมีจริง เร็วติดจรวดด้วย เฟื่องฟ้ารำพึงว่าถึงเขาจะเคยทำไม่ดีกับเราแต่พอมาเป็นแบบนี้ก็น่าสงสาร แต่เอทีเอ็มสงสารริลณี ป่านนี้คงเครียดแย่ เฟื่องฟ้าถามว่าทำไมริลณีต้องเครียด?

“อ้าว!! ก็ถ้าคุณเตชินกับรินเขาคบกัน แม่คุณเตชินมาเป็นแบบนี้ คุณเตชินเขาคงเครียด รินก็คงต้องเศร้าสิ” เฟื่องฟ้าถามว่าสองคนนั้นคบกันแล้วใช่ไหม “ถ้าไม่คบ ยายคุณหญิงนั่นคงไม่มาตามหารินเพื่อจะเล่นงานอย่างวันนั้นหรอก”

วันต่อมา เฟื่องฟ้า เอทีเอ็มกับริลณี เดินคุยกันขณะไปเยี่ยมคุณหญิงที่โรงพยาบาล ริลณีเอาแต่โทษว่าเป็นความผิดของตน จนเฟื่องฟ้าบ่นว่า เธอโทษตัวเองเสียหมดเหมือนเรื่องไม่ดีทุกอย่างในโลกนี้มีศูนย์กลางเกิดจากตัวเองอย่างนั้นแหละ

“แต่เรื่องนี้เป็นความผิดของรินจริงๆ เพราะรินทำให้คุณจิตราเป็นแบบนี้” เอทีเอ็มถามว่ารินไปทำอะไร? ริลณีอึกอัก เฟื่องฟ้าเลยตอบแทนว่า

“ก็แค่คุณหญิงขาโหดนั่นเห็นหน้าเด็กกำพร้าต่ำต้อยอย่างพวกเรา เขาก็อยากปรี๊ดจนเส้นเลือดในสมองแทบจะแตกอยู่แล้ว นี่พอรู้ว่ารินกับคุณเตชินคบกันก็เลยโมโหมาก ใช่ไหม”

ริลณีไม่ทันตอบ เอทีเอ็มก็ปลอบใจเพื่อนว่า “อย่าคิดมาก หยุดโทษตัวเอง สิ่งอะไรใดๆ เกิดในโลกนี้ล้วนเป็นไปตามกรรม” ริลณีเครียดบอกว่าตนก็จะได้รับผลกรรมนั้นด้วย ถูกเฟื่องฟ้าเบรกว่าพอได้แล้ว บอกริลณีให้เข้าไปดูแลคุณหญิงดีกว่าเผื่อคุณหญิงดีขึ้น เขาอาจจะเห็นใจยอมให้เธอคบกับเตชินอย่างมีความสุขก็ได้

“เป็นไปไม่ได้หรอก คุณหญิงจิตราไม่มีวันจะยอมรับรินหรอก”

เอทีเอ็มลุ้นว่าอย่างน้อยถ้าริลณีดูแลคุณหญิงจนดีขึ้น ริลณีเองก็จะรู้สึกดีและเตชินก็มีความสุขด้วย เลยถูกเฟื่องฟ้าแซวว่าพูดอย่างกับตัวเองเคยมีความรัก ทั้งสองเลยหยอกล้อเย้าแหย่กัน ส่วนริลณีก้มหน้าคิดตามคำแนะนำของเอทีเอ็ม

ooooooo

ครอบครัวพิสมัยไปเยี่ยมคุณหญิงที่โรงพยาบาล ณรงค์เชิญทุกคนเข้าไปในห้อง บอกว่าคุณหญิงคงดีใจที่ได้เจอพวกเขา ขณะพิชัยเดินผ่านเตชินเขาทักเหน็บนิดๆว่า

“เป็นยังไง ตั้งแต่ยกเลิกงานแต่งงานกับชมพูแล้ว ไม่เห็นไปเยี่ยมที่บ้านเลยนะ”

เตชินหน้าเจื่อน ชมพูแก้ต่างให้ว่างานเตชินยุ่งต้องเร่งซ่อมโรงแรมให้ทันเปิดเดือนหน้า พิชัยจำได้ถามว่าเป็นโรงแรมของเอกราชที่ตอนนี้สนิทกับชมพูอยู่ใช่ไหม ชมพูรีบแก้ว่าไม่สนิทเท่าไร แค่เป็นเพื่อนกัน พิชัยพูดเหน็บเตชินอีกว่า

“เอกราชเขาเป็นคนเก่ง ใจไม่โลเล หนักแน่น ใครที่ได้อยู่ใกล้ชิดหรือทำงานกับเขาถือว่าโชคดีมาก” พูดแล้วเดินผ่านไป ทำเอาเตชินรู้สึกเหมือนถูกตำหนิก้มหน้าเครียดรู้สึกผิด ชมพูมองเตชินอย่างเห็นใจ

เมื่อได้เดินคุยกัน ชมพูขอโทษเขาที่มีเรื่องกลุ้มอยู่แล้ว ยังต้องมาฟังอะไรแบบนี้อีก เตชินบอกว่าตนไม่เป็นไร ถึงท่านจะโกรธตนก็สมควรโดนโกรธ ชมพูบอกว่าตนไม่โกรธยิ่งมาเจอเรื่องแบบนี้ก็อยากมาให้กำลังใจ

“พี่เตชินต้องสู้ ต้องเข้มแข็ง ชมพูเชื่อนะคะว่าคุณป้าต้องกลับมาหายดีแน่ๆ” เตชินขอบคุณชมพูอย่างซาบซึ้งใจ ชมพูถามอย่างห่วงใยอีกว่า “พี่เตชินมาดูแลคุณป้าแบบนี้ มีใครดูแลพี่เตชินบ้างรึเปล่า ดูสิ...ผอมลงไปตั้งเยอะ”

เตชินบอกว่าทานอะไรไม่ค่อยลง จะโทษคนดูแลไม่ได้ ทำให้ชมพูสะดุดหูทวนคำว่า “คนดูแล” อย่างฉงน เตชินจึงบอกเธอตามตรงว่า คิดจะบอกเรื่องนี้กับเธอหลายครั้งแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสเหมาะสักที

ชมพูเดาว่าเขาคบกับปริมลดา เตชินบอกว่าไม่ใช่ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่เคยเจอกันเลย ชมพูถามว่าแล้วทำไมเขาจึงต้องอยากบอกเรื่องที่คบกับใครให้ตนรู้ด้วย เตชินบอกว่าเพราะ “เขา” แคร์เธอมาก ชมพูประชดอย่างน้อยใจนิดๆว่า จะต้องแคร์ทำไมในเมื่อตนก็แค่เป็นคนที่เคยจะแต่งงานกับเขาเท่านั้นเอง

“ไม่ใช่ครับ สำหรับ ‘เขา’ ชมพูคือเพื่อนที่เขารักมากต่างหาก” ฟังแล้วชมพูยิ่งงง แต่พอเตชินจะบอกว่าเขาคือใคร ก็พอดีเฟื่องฟ้า เอทีเอ็ม และริลณีเดินเข้ามา ชมพูทักเฟื่องฟ้ากับเอทีเอ็มอย่างสนิทสนม แล้วก็จำริลณีได้ ถามว่าพวกเธอสามคนมาเยี่ยมคุณแม่เตชินหรือ

เตชินแปลกใจถามชมพูว่าเคยเจอริลณีมาก่อนแล้วหรือ ชมพูบอกว่าเจอกันแล้วถามว่าทำไมเขาต้องแปลกใจขนาดนั้นด้วย เตชินจึงบอกว่า “พี่กับริน เราคบกันครับ”

ชมพูอึ้ง ช็อก ขณะความรู้สึกมึนงงนั้น ความทรงจำที่เจ็บปวดบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในใจก็ปะทุพลุ่งพล่านขึ้น ทำให้ชมพูปวดหัวจี๊ดจนทนไม่ไหวร้องออกมา เตชินตกใจถามว่าเป็นอะไรจะเข้าไปดู แต่เอทีเอ็มรู้ เข้าไปถึงตัวชมพูก่อนบอกว่า

“สงสัยจะปวดหัวอีกแล้วนะครับ เดี๋ยวผมพาชมพูไปนั่งพักสักแป๊บน่าจะดีขึ้น” แล้วประคองชมพูออกไป ริลณีมองตามอมยิ้มนิดๆ

ooooooo

เอทีเอ็มพาชมพูไปนั่งที่มุมสงบในโรงพยาบาล ชมพูบอกว่าเวลานี้ในสมองตนเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ถามเอทีเอ็มว่าสองคนนั้นเขาคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่

เอทีเอ็มบอกว่าตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ชมพูบอกว่าตอนนั้นตนมั่นใจเชื่ออยู่อย่างเดียวว่าตนชอบเตชินและเขาเป็นคนที่ตนจะต้องแต่งงานด้วย แต่ทำไมไม่ระแคะระคายอะไรเลย

“ก็ตอนนั้นเธอแบ๊วจะตาย”

“ฉันได้คำตอบแล้วล่ะ ที่พี่เตชินเขาไม่เคยรักฉันเพราะเขารักริลณีอยู่นั่นเอง” พูดแล้วน้ำตาไหลพราก เอทีเอ็มบอกว่า

“ร้องเถอะ ร้องออกมาให้หมด แล้วกลับไปเป็นคนที่เข้มแข็งให้ได้”

ชมพูซบไหล่เอทีเอ็มร้องไห้โฮ เอทีเอ็มชะงักก่อนที่จะทำใจกล้าค่อยๆลูบหลังปลอบเธออย่างสงสารเห็นใจเป็นที่สุด

เมื่อกลับมาเข้าไปในห้องพักโรงพยาบาล เตชินถามชมพูว่าเป็นอย่างไรบ้าง หายปวดหัวหรือยัง

“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ขอโทษนะคะที่ทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วง ชมพูยังไม่ได้แสดงความยินดีกับพี่เตชินเลย” พูดแล้วหันมองริลณี “ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ” เตชินขอโทษที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้บอกเธอ “ถึงพี่เตชินบอกชมพูก่อนหน้านี้ ชมพูก็คงจำไม่ได้หรอกค่ะ พี่เตชินก็รู้” แล้วหันบอกริลณีอีก “ถึงฉันจะยังจำเรื่องของเธอไม่ค่อยได้ แต่บอกได้เลยนะว่า ฉันยินดีกับเธอจริงๆ”

ริลณีกอดชมพูกระซิบ “ขอบใจนะเพื่อนรักของฉัน...” แล้วผละออกมองหน้า “ฉันเชื่อว่าสักวันหนึ่งเธอจะต้องจำเรื่องของฉันได้แน่ๆ”

บรรยากาศที่ดีขึ้นนี้ เฟื่องฟ้ายกให้เป็นความดี ความชอบของเอทีเอ็ม เตชินก็มองริลณีกับชมพูที่ดีกันอย่างมีความสุข

เตชินพาพวกริลณีกับชมพูเข้าไปเยี่ยมคุณหญิง พอคุณหญิงเห็นริลณีเท่านั้นก็เกิดอาการหวาดผวากลัวตัวสั่น ณรงค์บอกว่าไม่รู้เป็นอะไร ทุกครั้งที่เห็นผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นอย่างนี้ทุกที เตชินจึงขอให้ริลณีออกไปก่อน พอริลณีออกไปเฟื่องฟ้ากับเอทีเอ็มก็ตามไปด้วย

ณรงค์กดกริ่งเรียกพยาบาล ชมพูรีบเข้าไปปลอบคุณหญิงให้ใจเย็นๆ ค่อยๆสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ ทำให้คุณหญิงที่ท่าทางกลัวลนลานผ่อนคลายลง มองทุกคนเหมือนอยากจะบอกอะไรแต่ก็พูดไม่ได้

“คุณป้าเจ็บหรือไม่สบายตัวตรงไหนหรือเปล่าคะ บอกชมพูได้นะคะ ชมพูจะได้ช่วยนวดให้ป้าสบายขึ้น”

คุณหญิงน้ำตาไหลมองหน้าชมพูรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย อาการหวาดกลัวลนลานค่อยๆหายไป เมื่อพยาบาลเข้ามาปรากฏว่าอาการคุณหญิงเป็นปกติแล้ว ชมพูดูแลคุณหญิงอย่างอ่อนโยน อบอุ่น ดึงผ้าคลุมตัวให้จับมือคุณหญิงบอกว่า

“คุณป้านอนพักผ่อนนะคะ ชมพูจะนั่งที่เก้าอี้ตรงนี้ไม่ไปไหน ถ้าคุณป้าอยากได้อะไรบอกชมพูได้นะคะ ชมพูจะช่วยคุณป้าเอง”

คุณหญิงสีหน้าแจ่มใสขึ้นจนหลับไปอย่างง่ายดาย ทุกคนมองอย่างโล่งอก เตชินมองชมพูที่ดูแลคุณแม่ตนอย่างประทับใจและด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างที่สุด

เมื่อคุณหญิงไม่สบาย สร้อยจึงถูกเรียกตัวกลับไปดูแล ที่บ้านเรือนไทยจึงเหลือแต่สมหมายกับหมูหวาน ‘ไม้กันหมา’ สองพ่อลูก หมูหวานบอกพ่อว่ากลัวไม่อยากอยู่ที่นี่เลย สมหมายบอกว่าคุณชมพูขอให้อยู่ก็ถือว่าอดทนเพื่อคุณชมพูก็แล้วกัน

เฟื่องฟ้ากับเอทีเอ็มมาส่งริลณีที่บ้านเรือนไทย เฟื่องฟ้าบอกว่าวันนี้เตชินคงไม่กลับ ถามริลณีว่าจะให้พวกตนอยู่เป็นเพื่อนไหม ริลณีบอกให้กลับไปดูแลเด็กๆเถอะตนอยู่ได้ เฟื่องฟ้ากับเอทีเอ็มจึงกลับไป บอกว่าแล้วจะมาเยี่ยมใหม่

ooooooo

ดึกสงัดคืนนี้ ริลณีไปที่ห้องพักของคุณหญิงที่โรงพยาบาล เห็นเตชินกับสร้อยต่างหลับในที่ของตัวเอง เธอจับมือคุณหญิงที่หลับอยู่พึมพำอย่างกังวล

“ถ้าคุณหาย คุณก็คงจะบอกเรื่องของฉันให้ทุกคนรู้ แต่ฉันก็อยากให้คุณหายนะคะ เพราะคุณเป็นแบบนี้ เตชินเขาไม่มีความสุขเลย”

ริลณีเห็นน้ำเกลือจะหมดจึงกดปุ่มบอกพยาบาล เธอเดินไปจับมือเตชินที่ห้อยอยู่วางไว้บนเตียง หยิบหมอนที่หล่นอยู่ข้างที่นอนสร้อยวางไว้ให้แล้วหายตัวออกไป

พยาบาลเข้ามาเปลี่ยนน้ำเกลือ เตชินตื่นขึ้นบ่นตัวเองว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ สร้อยบอกว่าตนก็หลับไม่รู้เรื่องเหมือนกัน ดีที่คุณพยาบาลมาเห็น

“เมื่อกี๊มีผู้หญิงโฟนไปบอกให้ดิฉันมาเปลี่ยนน้ำเกลือให้ค่ะ” พยาบาลบอก

เตชินมองหน้าสร้อย สร้อยส่ายหน้าว่าไม่ใช่ตน เขาหันมองพยาบาลอย่างแปลกใจว่า ใครที่โฟนไปบอก?

ooooooo

ความอยากได้เงินไปใช้หนี้ทำให้เชิงชายพยายามกลับไปหาเศษดินที่บ้าน ทั้งปัดทั้งกวาดทั้ง โกย ก็ไม่มีเศษดินให้เห็นเลย บ่นกับประวิทย์ที่มาช่วยหาว่าทำไมไม่เหลือเศษไว้เลย แล้วตนจะไปหาเศษดินที่หลุมศพผีนั่นจากไหน?

ประวิทย์เสนอว่าอยากได้ต้องไปเอาที่หลุมฝังศพ เชิงชายขนหัวลุกบอกว่าตนไม่กล้าไปที่นั่นหรอก ประวิทย์ถามว่าแล้วใครบอกว่าจะให้เขาไปคนเดียว เชิงชายมองหน้าประวิทย์ถามอย่าไม่อยากเชื่อว่า

“อย่าบอกนะว่านายจะไปด้วย”

“ใช่!! ฉันก็อยากจะไปพิสูจน์อะไรบางอย่าง แถวนั้นเหมือนกัน”

ประวิทย์มองเชิงชายอย่างมุ่งมั่น ในขณะที่เชิงชายมองประวิทย์อย่างแปลกใจว่าเขาจะไปพิสูจน์อะไรที่หลุมฝังศพ?

ooooooo

จากความรู้สึกว่าคุณหญิงมีอะไรจะบอกคน ใกล้ชิดแต่พูดไม่ได้ วันนี้ชมพูจึงทำกระดานอักษรมาเพื่อผสมคำโดยจะชี้ไปที่ตัวอักษร ถ้าชี้ถูกให้คุณหญิงกะพริบตาถี่ๆ

จากการทดลอง ผสมอักษรออกมาได้คำว่า “ริลณี” ก่อน ต่อจากนั้นจึงได้คำว่า “เป็น...ผี” พออ่านให้ฟังคุณหญิง กะพริบตาถี่ๆ ยืนยันว่าใช่

วันนี้คุณหญิงเกิดอาการหวาดกลัว ช็อก ชัก อย่าง รุนแรง เพราะเห็นริลณียืนอยู่ข้างหลังชมพูกับสร้อย ชมพูบอกสร้อยให้รีบตามหมอ ตัวเองเข้าไปปลอบคุณหญิงให้ทำใจดีๆ ไว้ ริลณีก็เข้าไปชะโงกหน้าบอกคุณหญิงว่า

“อย่าพยายามเลย ไม่มีใครเชื่อที่คุณบอกหรอกค่ะ”

คุณหญิงยิ่งช็อกดิ้นทุรนทุราย พอดีคุณหมอเข้ามา ชมพู สร้อยและริลณีจึงถอยออกมามองคุณหญิงด้วยความเป็นห่วง

“ทำไมคุณป้าถึงบอกพวกเราแบบนั้น” ชมพูถามสร้อยเบาๆ

“คุณชมพูไม่รู้อะไร ก็คุณรินน่ะ...” สร้อยพูดไม่ทันจบ เตชินก็ผลักประตูเข้ามา สร้อยหุบปากเงียบกริบ เตชินถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ดีๆ คุณแม่ถึงช็อกขึ้นมาอีก

ชมพูยอมรับว่าเป็นความผิดของตนเองที่พยายามให้คุณป้าทำเกินกำลังไปหน่อย พลางยื่นกระดานตารางอักษรและสระให้เตชินดู ขณะเตชินกำลังดูงงๆ นั้น สร้อยสาระแนตามเคยว่า

“คือ...คุณชมพูรู้สึกเหมือนคุณหญิงอยากจะบอกอะไรพวกเราก็เลยใช้ตารางอักษรให้คุณหญิงสะกดคำ...แล้วคุณหญิงก็บอกพวกเราว่า เอ่อ...” สร้อยมองหน้าชมพูไม่กล้าพูดต่อ

ภายในห้อง หมอและพยาบาลกำลังช่วยคุณหญิงอย่างตึงเครียด หมอบอกว่าไม่มีชีพจรแล้ว ให้เตรียมเครื่องปั๊มหัวใจ

ขณะหมอเตรียมปั๊มหัวใจนั้น ริลณีขยับเข้าไปเอามือวางตรงหัวใจคุณหญิง อึดใจเดียวคุณหญิงก็สูดลมหายใจ ลืมตาขึ้นมาอย่างแจ่มใสเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย หมอและพยาบาลผงะ ทึ่ง พยาบาลบอกว่าชีพจรมาแล้ว เหมือนคนไข้จะกลับมาเป็นปกติแล้ว ทั้งหมอและพยาบาลมองหน้ากันงงๆ

ริลณีที่ยืนอยู่ข้างเตียงคุณหญิง ถอนใจอย่างโล่งอกที่คุณหญิงปลอดภัยแล้ว

เตชินมองสร้อยลุ้นให้พูดต่อ สร้อยไม่กล้าพูดจนเขาถามว่าตกลงคุณแม่บอกว่ายังไง สร้อยส่ายหน้า ชมพูจึงบอกว่า

“คุณป้าท่านบอกว่า ริลณี...เป็น...เอ่อ...เป็น...”

ประตูห้องเปิดออกมาพอดี ทุกคนเลยหันไปถามคุณหมอว่าคุณหญิงเป็นอย่างไรบ้าง หมอบอกว่าคุณหญิงปลอดภัยแล้ว สร้อยฟังแล้วโล่งอก พูดเบาๆกับชมพูว่า

“หมอช่วยชีวิตนะเนี่ย ถ้าคุณเตชินรู้ว่าคุณหญิงบอกว่าอะไรมีหวังเหวี่ยงแน่”

“ฉันว่ากระดานนี่ไม่ได้เรื่องแล้วละ อย่าใช้มันอีกเลยนะ” ชมพูจะเอากระดานไปทิ้งถังขยะ สร้อยรีบแย่งไป

“เก็บเอาไว้ก่อนเถอะค่ะ สร้อยว่ามันมีประโยชน์” ชมพูตามใจ สร้อยจึงเก็บกระดานนั้นไว้ แล้วเดินตามเตชินเข้าห้องคนไข้ แอบมองกระดานพึมพำสงสัย “คุณหญิงต้องการจะบอกอะไรกันแน่??”

ooooooo

ที่ห้องครัวบ้านเรือนไทย สมหมายกับหมูหวานและสร้อยกำลังช่วยกันเช็ดจาน เช็ดไปคุยไป เรื่องที่คุยหนีไม่พ้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับคุณหญิงและริลณี

สมหมายคาดว่าคุณหญิงคงเกลียดริลณีมาก จนเปรียบว่าเป็นผีร้าย

“แต่หมูหวานว่าไม่หรอก...คุณหญิงคงเจอดี มากกว่า” หมูหวานทำเสียงสยอง สิ้นเสียงหมูหวานบรรยากาศในห้องครัวก็เปลี่ยนไปทันที ทั้งสามมองกันตาปริบๆ แต่หมูหวานบอกว่าไม่มีใครมาทำอะไรในห้องนี้ได้หรอกเพราะห้องนี้มีพระ สร้อยถามว่าแล้วทำไมเตชินอยู่กับริลณีถึงไม่รู้สึกอะไรเลย สมหมายบอกว่า ก็เพราะความรักทำให้คนตาบอด

“พวกเราควรจะบอกคุณเตชินไหม” หมูหวานถาม ถูกสมหมายปรามว่าเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ พวกเราจะอยู่รอดไปอีกกี่วันยังไม่รู้เลย หมูหวานบอกสร้อยให้ช่วยถามชมพูหน่อยว่าเมื่อไหร่ตนกับพ่อจะได้กลับบ้านเสียที

“ถ้าคุณหญิงอาการไม่ดีขึ้น ฉันต้องดูแลคุณหญิง เธอกับพ่อก็ต้องดูแลคุณเตชินที่นี่ต่อไป” สร้อยบอก มองสองพ่อลูกอย่างสงสาร ส่วนหมูหวานก็ได้แต่ถอนใจเครียดๆ

เตชินไปส่งชมพูที่บ้าน เขาขอบคุณเธอที่มาดูแลคุณแม่ทุกวันอย่างดี บอกเธอว่าคงต้องให้เวลาคุณแม่สักพัก ท่านรักเธอมากจนยากที่คนอื่นจะมาแทนที่ เตชินพูดจบบรรยากาศในรถก็อึดอัดขึ้นทันที

“ความรักทำลายอุปสรรคได้ทุกอย่าง พี่เตชินกับรินอย่าเพิ่งท้อนะคะ”

“ครับ” เตชินรับคำด้วยความรู้สึกดีกับชมพู ถามว่า แล้วที่ว่าจะบอกเรื่องคุณแม่ท่านมีเรื่องอะไรอยากบอก ชมพูนึกได้ แต่กลับบอกว่าไม่มีอะไร “ต้องมีสิ ไม่งั้นน้องชมพูจะทำหน้าอย่างนั้นทำไม”

ชมพูไม่อยากเล่า แต่เตชินรบเร้าเธอจึงขอให้เขาสัญญาก่อนว่าถ้าบอกแล้วอย่าโกรธตน พอเตชินรับคำ เธอทำใจก่อนบอกว่า “คุณป้าท่านบอกว่าริลณีเป็นผีค่ะ” เตชินที่อยากรู้มากพอรู้ก็ถึงกับอึ้ง

ooooooo

คืนนี้ริลณีอยู่ในห้องนอน เธอยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ค่อยๆเลิกเสื้อขึ้นดูแผลหน้าท้องที่ผิวเน่าแบบซากศพ และขยายวงกว้างจากเดิมไปพอสมควร

ริลณีนึกถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองฆ่าคนร้ายคนหนึ่งด้วยการหักคอดังกร๊อบตายทันที ส่วนอีกคนถูกเธอใช้มือแทงเข้าไปที่หน้าอกบีบหัวใจจนตายคามือ! คิดแล้วเศร้า เอื้อมมือจับแผลอย่างเจ็บปวด

ทันใดนั้นเตชินผลักประตูเข้ามา ริลณีตกใจรีบดึงเสื้อลง เตชินเห็นพอดีถามว่าทำอะไรอยู่ เธอบอกว่าไม่มีอะไร แล้วผละจากกระจก เตชินเดินมากอดเธอจากข้างหลัง เล่าอย่างสบายใจขึ้นว่า

“วันนี้คุณแม่มีอาการช็อกนิดหน่อย แต่หมอว่าไม่มีอะไรน่าห่วง ถ้าสองสามวันหลังจากนี้ไม่มีอาการอะไรอีกก็คงจะกลับบ้านได้แล้ว” เขาเอาคางเกยที่บ่าเธอพูดอ้อน “รินว่าเราสองคนควรย้ายกลับไปดูแลคุณแม่ที่บ้านดีไหมครับ”

“คุณก็รู้นี่คะว่าคุณแม่ท่านเห็นรินทีไรก็เครียดทุกที”

เตชินหว่านล้อมว่าถ้าเราไปดูแลท่านดีๆ และมีหลานเล็กๆน่ารักให้ท่านสักสามสี่คน ท่านน่าจะใจอ่อนเพราะท่านชอบเด็ก เตชินหอมริลณีที่แก้มกอดแนบแน่นด้วยอารมณ์ปรารถนา ริลณีหลับตาเคลิ้มกับสัมผัสนั้น จนกระทั่งเตชินลูบไล้เลื่อนมือไปที่หน้าท้อง ริลณีตกใจลืมตาโพลง ผลักเขาออกแล้วรีบถอยห่าง เตชินแปลกใจถามว่าเป็นอะไร

“ริน...รินรู้สึกไม่ค่อยสบายเหมือนจะเป็นลมยังไงไม่รู้” แล้วขอไปนอนพัก เธอรีบไปที่เตียงนอนหลับตาทำเป็นหลับอย่างต้องการอยู่ลำพัง เตชินมองอย่างเป็นห่วง ถอนหายใจแล้วปิดไฟดวงใหญ่ บอกให้นอนพักเสียตนจะไปทำงานต่อ

ทันทีที่เตชินออกไป ริลณีลุกขึ้นนั่ง ก้มมองบริเวณหน้าท้องที่มีแผลด้วยความรู้สึกเจ็บปวดจนน้ำตาไหล...

ooooooo

เตชินนั่งทำงานอยู่จนถึงตีสาม เสียงเพลงไทยเดิมก็แว่วมา เขานิ่งฟังอย่างแปลกใจว่า เสียงเพลงนั้น...ดังมาจากไหน

แต่หมูหวานนอนอยู่กับสมหมายที่เรือนคนใช้ พอเสียงเพลงแว่วมา หมูหวานก็กระซิบบอกพ่อว่า

“เพลงดังตอนนี้อีกแล้ว”

“อยู่แต่ในห้องนี้แหละ อย่าออกไปไหน ปลอดภัยที่สุด” สมหมายบอก ลุกขึ้นนั่งกอดกันกลมด้วยความกลัวสุดขีด

เตชินยังได้ยินเสียเพลงไทยเดิม พยายามฟังหาทิศทางเสียง คิดเองว่าสงสัยจะมีงานที่ไหน แล้วแย้งเองว่าแต่แถวนี้ก็ไม่มีวัด ขณะนั้นเองเขาได้ยินเสียงซอยเท้าผ่านไป เสียงนั้นล่อใจให้เขาตามไป เขาเห็นร่างหนึ่งแว่บไปทางโน้นทางนี้ แต่ก็ตามไม่ทันสักที นึกเอะใจว่าใครเข้ามาในบ้าน เข้ามาได้ยังไง?

เตชินถูกล่อให้ตามไปจนถึงหลุมฝังศพ เขายืนหันหลังให้หลุม รู้สึกเหมือนมีใครอยู่ข้างหลังและมีใครแว่บๆอยู่ในสายตา เขาหันขวับทันที เห็นผีริลณีกำลังร่ายรำอยู่บนหลุมศพตัวเอง ต่างมองกันช็อก!

“ริน!! คุณมาทำ...” เตชินพูดไม่ทันจบก็มีกิ่งไม้หล่นลงมากระแทกศีรษะเขาจนล้มหมดสติไป ผีริลณีมองร่างเตชิน รำพึงอย่างเจ็บปวดว่า...

“คุณไม่ควรมาเห็นรินในสภาพนี้เลย เตชิน!!”

ooooooo

รุ่งเช้า ทุกคนต่างตื่นตระหนกเมื่อพบร่างเตชินนอนอยู่บนพื้นในสวนใกล้หลุมศพริลณี พอถูกปลุก จนตื่นรู้สึกเจ็บๆที่ศีรษะเขางงๆว่าตนมานอนที่นี่ได้อย่างไร

ริลณีบอกว่าสงสัยเขาไปกระแทกอะไรมา สั่งหมูหวานให้ไปเตรียมผ้ากับน้ำแข็งไว้ บอกสมหมายให้มาช่วยประคองเตชินขึ้นนั่ง สมหมายถามว่า “คุณเตชินนึกยังไงถึงมานอนอยู่ตรงนี้ครับ”

“ไม่รู้เหมือนกัน...จำได้ว่านั่งทำงานอยู่ แล้ว...” เตชินพยายามนึก ริลณีลุ้นตาวาวถามว่าแล้วทำไมหรือ “เวลาตีสาม...เสียงเพลงไทยเดิม...” สมหมายตาลุกถามว่าตีสามหรือ เตชินบอกว่าใช่ย้อนถามว่าสมหมายได้ยินหรือ

สมหมายเล่าสยองๆว่าตนกับหมูหวานได้ยินเพลงนี้ทุกคืน...ตอนตีสาม...ถามกลัวๆกล้าๆว่าเขาเจออะไรหรือเปล่า เตชินพยายามนึกแต่ก็นึกไม่ออก จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถามว่าแล้วตนมานอนตรงนี้ได้อย่างไร

“ผมไม่รู้ว่าคุณเตชินเจออะไร แต่ที่แน่ ๆคุณเตชิน ‘เจอดี’ เข้าแล้ว”

เตชินทำหน้าสงสัยจะถามสมหมายอีก แต่ถูกริลณีตัดบทว่าอย่าเพิ่งคุยอะไรเลย บอกสมหมายให้พาเตชินขึ้นบ้านก่อน สมหมายรีบประคองเตชินไป ริลณีมองตาม ถอนใจอย่างโล่งอก...

ooooooo

เตชินนั่งกินข้าวกับชัชเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนให้ฟัง ชัชฟันธงว่าเขาถูกผีหลอกชัวร์ บ่นว่าเตือนตั้งแต่ตอนซื้อแล้วว่าบ้านนั้นเป็นบ้านผีสิงก็ไม่เชื่อ แล้วเป็นไง เจอจนได้ เตชินที่ไม่เชื่อเรื่องผีบอกว่าไม่ใช่ผี ตนอาจจะแค่ละเมอเท่านั้น

แต่เตชินไม่เชื่อถามว่าแล้วทำไมตนกับริลณีถึงไม่เคยรู้สึกอะไรเลย ชัชบอกว่าเพราะเขากำลังอยู่ในห่วงของความรักเลยไม่สนใจอะไร บอกเตชินว่าขอถามอะไรหน่อยเพราะคาใจมากว่า
-----------
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น