วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร แหวนสวาท ตอนที่ 5


วิภาดาพาอาจารย์หวังมาไล่วิญญาณภายในบ้านเฟื่องขจร โดยเฉพาะพิศที่อาจารย์เรียกว่า “นังแสงสีทอง” ที่ตามติดอยู่กับวิศิษฏ์ ซึ่งวิธีที่ชะงัดนักคงไม่พ้นอ่านโองการท้าวมหาพรหม

วิศิษฏ์พยายามคัดค้านวิภาดาแต่ไม่ได้ผล เขาจนใจไม่รู้จะช่วยพิศยังไง ไม่อยากให้เธอจากไปเพราะเธอเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาเสียแล้ว พิศเองก็ไม่อยากไป

จากคนที่ตามหามาแสนนาน แต่ยามนี้คับขันต้องพาบริวารของตนหนีไปก่อน

พิศพาลิ้นจี่ไปหาที่ซ่อนเพราะกลัวว่ายมทูตจะจับตัวไป ลิ้นจี่ได้ที่อาศัยแห่งใหม่เป็นศาลไม้เก่าๆพรางตา พิศกำชับนักหนาห้ามเธอออกมาข้างนอก หากมีอันตรายให้เรียกตน

ขณะที่พิศกำลังจะกลับเธอเห็นสัตตะอยู่ที่ศาลาใกล้ป่าช้า บริกรรมคาถาปลุกผีมาเป็นสมุน พิศกับสัตตะประมือกันอย่างไม่ยอมกัน สัตตะจำได้ว่าหน้าตาของพิศเหมือนกับแพรวพรรณหญิงสาวที่เขาหลงรัก จึงแน่ใจว่าเคยเป็นฝาแฝดกันมาก่อนในอดีตชาติ เขาอาฆาตว่าหากทำร้ายพิศไม่ได้ก็จะเล่นงานแพรวพรรณแทน

ส่วนที่บ้านเฟื่องขจร...อาจารย์หวังยังไม่ได้ลงมือไล่ผีแต่ขอให้วิภาดาไปเจรจากับวิศิษฏ์ให้ดีเสียก่อน เพื่อไม่ให้เขาขัดขวางหรือทำลายพิธี วิภาดาเชื่อฟังบุกเข้ามาในห้องน้องชายอย่างร้อนรน

“เฮ้ย! พี่วิ...พี่ถ้าผมโป๊อยู่จะว่าไง”

“ถ้าเรื่องนั้นน่ะไม่เป็นปัญหาหรอก แต่ถ้าเรื่องนายเลี้ยงผีล่ะก็มีปัญหาแน่”

“ปัญหาอะไร”
“แสดงว่าแกยอมรับใช่ไหมว่าเลี้ยงผี อาจารย์หวังบอกว่าผีของแกน่ะแหละเป็นตัวชักนำผีตัวอื่นให้เข้ามาทำร้ายคุณแม่...รู้แล้วก็กำจัดผีของแกไปซะ ก่อนที่ฉันจะให้อาจารย์หวังมาจัดการกับผีของแก”

“พี่กำลังโดนไอ้อาจารย์ลวงโลกหลอกแล้วล่ะครับ”

“อย่าลามปาม สบประมาทอาจารย์ของพี่นะ ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะนายศิษฏ์ อาจารย์หวังรู้เห็นทุกอย่าง ถ้าอาจารย์รู้ว่าแกลบหลู่ท่าน แกจะเจอดี”

“เอาเลย...ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าอาจารย์ของพี่จะทำอะไรผม”

วิภาดาจ้องหน้าวิศิษฏ์แล้วสะบัดพรืดออกจากห้อง วิศิษฏ์ถลามาที่หน้าต่างมองออกไปข้างนอกด้วยความเป็นห่วงพิศ แต่แล้วคืนนั้นพิศปรากฏตัวในห้องเขา

ชายหนุ่มดีใจมากแทบจะโผเข้ากอด

“ผมนึกว่าคุณพิศทิ้งผมไปแล้ว”

“ก็อยากทิ้งดอกเจ้าค่ะ...แต่ยังไม่ได้”

“นายหวังจะเล่นงานคุณพิศ พี่วิมาขู่ผมถึงในห้อง”

“ขอบคุณค่ะคุณเด๋อ...ถ้าฉันถูกนายหวังจับใส่

หม้อถ่วงน้ำก็ตามไปช่วยฉันด้วยนะเจ้าคะ”

“ทำไมคุณพิศพูดแบบนี้ ผมไม่อยากได้ยินเลย”

“ไม่มีอะไรแน่นอนดอกเจ้าค่ะ ความพลัดพรากเป็นกฎอนิจจังที่จริงแท้แน่นอน เป็นสัจธรรม”

“ไม่ๆๆ ผมไม่อยากได้ยิน รู้ไหมว่าทุกครั้งที่คุณพิศหายไป ผม...คิดถึง...คิดถึงจริงๆนะ”

“คุณเด๋อก็เหมือนผู้ชายคนอื่นๆ คำว่ารักคำว่าคิดถึงมักหลุดปากกับผู้หญิงทุกคนที่ได้อยู่ใกล้”

“ไม่จริงครับ ในชีวิตผม...ผมเคยพูดคำนี้กับผู้หญิงแค่สองคนเท่านั้น นงรามกับคุณพิศ”

“ต่อไปคุณเด๋อจะได้พูดกับอีกคนเจ้าค่ะ”

วิศิษฏ์จะปฏิเสธแต่พิศใช้มือปิดปากเขาไว้ วิศิษฏ์รวบมือเธอไปหอมทันที

“คุณเด๋อ...ฉวยโอกาส” พิศดึงมือกลับ ดวงตามีแววสะเทิ้นอาย “วันนี้คุณอยู่เฝ้าคุณแม่นะ อย่าลืมใส่แหวนนาคราชด้วย แหวนวงนั้นจะช่วยคุณได้ทุกเรื่อง ฉันต้องไปก่อนนะเจ้าคะ”

“คุณพิศจะไปไหน”

“นางฟ้าสวยๆอย่างฉันก็ต้องมีธุระบ้างสิคะ”

วิศิษฏ์หัวเราะอารมณ์ดี ถามว่าธุระของนางฟ้ามีอะไรบ้าง

“สังสรรค์ ประชุม เดินแฟชั่นมั้งเจ้าคะ”

“คุณพิศน่ะเหรอ สังสรรค์ ประชุม เดินแฟชั่น ไม่จริงละมั้ง”

ปรากฏว่าพิศเนรมิตให้ตัวเองเป็นได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะนางแบบที่เธอโพสท่าราวกับมืออาชีพ วิศิษฏ์เห็นแล้วทึ่งรีบถ่ายคลิปเก็บไว้

“นางแบบมืออาชีพอายเลยครับ...ผมจะเก็บไว้ดูเวลาคิดถึงคุณพิศ...คุณพิศไม่ว่าอะไรนะครับ” พิศไม่ตอบ สบตาเขาอย่างสะเทิ้นอาย “ผมอยากให้คุณพิศอยู่กับผมแบบนี้ตลอดไป”

“ไม่ได้ค่ะคุณเด๋อ วันนี้ฉันรู้สึกแปลกๆ รู้ด้วยญาณบางอย่าง คุณเด๋อก็ต้องระวังตัวนะเจ้าคะ ใส่แหวนนาคราชแล้วไปอยู่กับแม่คุณเถอะ คืนนี้นายชุบกับพวกน่าจะตามมาจองเวรแม่คุณอีก...ไปก่อนนะเจ้าคะ”

พิศเลือนหายไป วิศิษฏ์หน้าม่อย หงอยลงทันใด

ooooooo

คืนเดียวกัน อาจารย์หวังมาที่ป่าช้าที่สัตตะ ครอบครองเพื่อปลุกผีใส่ตุ๊กตาเสียกบาล ผ่านไปไม่นานสัตตะรู้เห็นและเกิดมีปากเสียงกับอาจารย์หวังแย่งป่าช้ากัน

พิศเห็นแต่ไม่เข้าไปยุ่ง เพราะทั้งคู่ล้วนเป็นศัตรูของตน แต่มาบอกลิ้นจี่ให้ระวังตัวอย่าได้ออกไปเพ่นพ่านข้างนอกอย่างเด็ดขาด

ด้านผีสองผัวเมียที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรของเฟื่องขจร คืนนี้พาบริวารมาเล่นงานเฟื่องขจรอีกให้หนำใจแต่ไม่สำเร็จเพราะวิศิษฏ์มีแหวนนาคราชคอยช่วยเหลือ ขณะเดียวกันกุมารทองก็กลับมาเฝ้าระวังแพรวพรรณตามคำสั่งพิศ ซึ่งทราบดีว่าสัตตะกำลังคิดจองล้างจองผลาญเราสองพี่น้อง...

เช้าวันถัดมาวิภาดานำตุ๊กตาเสียกบาลของอาจารย์หวังมาที่บ้านเฟื่องขจร ชื่นจิตกลัวมากมือไม้อ่อน ออกตัวว่าอย่าให้ตนยุ่งกับเรื่องผีเลย ลำพังชีวิตตนก็จะเอาไม่รอดอยู่แล้ว

“ฉันไม่ได้ให้หล่อนนังชื่น...เอาไปไว้ในห้องนายศิษฏ์ เดี๋ยวฉันจะโทร.คุยเอง”

“คุณวิเอาไปเองสิคะ แม่ชื่นสอนไม่ให้เข้าห้องคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ยิ่งห้องผู้ชาย ชื่นยิ่งไม่เข้า”

“ก็เพราะไม่เข้าไง ถึงได้ขึ้นคานแบบนี้ เอามานี่” วิภาดากระชากถุงใส่ตุ๊กตาเสียกบาลคืนมาจากชื่นจิตแล้วเดินปึงปังขึ้นบันไดไปห้องน้องชาย ค้นหาผีว่าอยู่ไหน หรือว่าจะพกติดตัวไปด้วย

เมื่อหาไม่เจอเธอโทร.บอกน้องชายว่าเอาตุ๊กตาเสียกบาลมาไว้ในห้อง วิศิษฏ์โวยลั่นให้เอาออกไป เพื่อนๆและผู้ร่วมงานต่างหันมามองเขาเป็นตาเดียว

“ช่วยแม่แค่นี้แกยังไม่มีน้ำใจเลยเหรอศิษฏ์...อย่าให้ฉันนับแกเข้าเป็นพวกอกตัญญูต่อบุพการีเลยนะ”

“มันจะมากไปแล้วนะพี่วิ”

“ถ้าอาจารย์หวังไม่ระบุว่าต้องเป็นแก ฉันก็ไม่ขอร้องหรอก”

วิภาดากระแทกเสียงแล้ววางสายก่อนเดินตัวปลิวออกไป ทิ้งถุงผ้าตุ๊กตาเสียกบาลเอาไว้ในห้อง

ด้านวิศิษฏ์หนักใจเอามากๆ บ่นให้ภาณุกับแสวงฟังว่าพี่สาวตนหลงเชื่อหมอผีจะให้ตนเอาตุ๊กตาเสียกบาลที่มีผีสิงไปวางไว้ที่บ้านร้างคืนนี้

แสวงไม่เชื่อเรื่องนี้แต่ภาณุเชื่อสนิท เสนอตัวไปเป็นเพื่อนวิศิษฏ์และไม่วายเยาะหยันแสวงว่าปอดแหก แสวงเลยมีลูกฮึดขอไปด้วย

สองหนุ่มกลับบ้านไปเตรียมความพร้อมหากต้องเผชิญหน้ากับผี ต่างคนต่างพกเครื่องรางของขลังไปเต็มตัว ขณะที่วิศิษฏ์มีเพียงแหวนนาคราชของพิศเท่านั้น

ตุ๊กตาทั้งหมดมีสี่ตัว วิภาดาให้วิศิษฏ์เอาไปวางที่บ้านร้างสองตัว ที่เหลืออีกสองเอาไว้ที่ห้องเฟื่องขจร รับรองว่าผีทั้งหลายไม่มีทางรุกรานกล้ำกลายแม่ของเราได้อีก

วิศิษฏ์เตรียมพร้อมแต่ยังดูหวาดกลัว พิศปรากฏตัวพร้อมเสียงหัวเราะ เล่นเอาเขาสะดุ้งโหยงขาแข้งสั่น

“คุณพิศ ผมตกใจหมดเลย”

“แค่นี้ก็กลัวด้วย...เดี๋ยวต้องทำงานใหญ่นะเจ้าคะคุณเด๋อ”

“คุณพิศไม่ไปช่วยผมเหรอ”

“มีผู้ช่วยตั้งสองคนแล้วนี่คะ”

“ไอ้แหวงกับไอ้ณุมันจะช่วยอะไรผมได้”

“อย่าประมาทนะคะ...อาจช่วยได้”

“คุณพิศก็รู้จักพวกมันดี มันจะช่วยอะไรได้

ถ้าผมเกิดถูกผีบีบคอจะว่ายังไงล่ะครับ ไม่รัก ไม่ห่วง ไม่หวงไม่แหน ไม่ช่วยเหลือกันแล้วใช่มั้ย...คุณพิศใจร้าย”

“ฉันอยู่ใกล้คุณเสมอค่ะคุณเด๋อ” พูดขาดคำ

พิศเลือนหายไป วิศิษฏ์เบ้หน้าหมั่นไส้ บ่นกระปอดกระแปดว่าอยู่ใกล้แต่หนีทุกที ก่อนตายไปเป็นนางฟ้าชอบเล่นซ่อนแอบนักหรือไง?

ooooooo

วิศิษฏ์​ยัง​ไม่ทัน​ออก​จาก​บ้าน​ไป​สมทบ​กับ​ภาณุ​และ​แสวง​ซึ่ง​นัด​กัน​ไป​บ้าน​ร้าง​ก็​เจอ​ดี​เข้า​เสีย​ก่อน...ผี​สอง​ตน​ออก​จาก​ตุ๊กตา​เสียกบาล​ที่​วิศิษฏ์​วาง​ไว้​ข้าง​เตียง ​เฟื่อง​ขจร แต่​ทำ​อะไร​ใคร​ไม่ได้​เพราะ​แหวน​นาคราช​ของ​พิศ​ช่วย​ทุก​คน​ไว้

อาจารย์​หวัง​รับ​รู้​ถึง​ความ​พ่าย​แพ้ และ​ยิ่ง​โกรธไป​กัน​ใหญ่​เมื่อ​วิศิษฏ์​กับ​เพื่อน​ไป​ที่​บ้าน​ร้าง​แล้ว​ตุ๊กตา​ผี​อีก​สอง​ตัว​ต่อสู้​กับ​ผี​ชุบ​และ​อวบ​แล้ว​พ่าย​แพ้​แตกหัก​ยับเยิน ส่วน​พวก​วิศิษฏ์​โชค​ดี​ที่​มี​ของขลัง​มา​เต็มอัตรา จึง​รอด​พ้น​พวก​ชุบ​และ​บริวาร​มา​ได้

แก๊ง​ผี​ของ​ชุบ​ไม่​ยอม​รา​มือ จะ​ตาม​ไป​บุก​บ้าน​เฟื่อง​ขจร​แต่​พิศ​ปราก​ฏ​ตัว​ขัดขวาง ไม่​ต้องการ​ให้​พวก​เขา​ทำ​บาป​เพิ่ม​ขึ้น​ทั้งที่​เจ้ากรรม​นายเวร​ของ​พวก​เขา​ไม่​มี​ ทาง​สู้ แต่​ถ้า​ไม่​เชื่อ​ตน​จะ​แจ้ง​ท่าน​ยมทูต​ให้​มา​เอา​วิญญาณ​ไป​ทรมาน​ใน​นรก​ไม่ได้​ผุด​ไม่ได้​เกิด

ได้​ผล​ชะงัด! ผี​ทุก​ตน​กลัว​มาก​เก็บ​ตัว​เงียบ​ไม่กล้า​ออก​จาก​ที่​อาศัย แต่​สำหรับ​อาจารย์​หวัง​ที่​บริวาร​พ่าย​แพ้​ราบคาบ เขา​โกรธ​มาก​สร้าง​ข่าย​มน​ตรา​ไม่​ให้​ผี​อยู่​ใน​บ้าน​เฟื่อง​ขจร พิศ​เลย​เดือดร้อน ต้อง​รอ​จนกว่า​ข่าย​มน​ตรา​ เบาบาง​ลง​ถึง​จะ​เข้า​บ้าน​หลัง​นี้​ได้

วิภาดา​ทราบ​เรื่อง​ข่าย​มน​ตรา​จาก​อาจารย์​หวัง​ก็​มา​เยาะ​หยัน​วิศิษฏ์​ว่า​จะ​เลี้ยง​ผี​อีก​ไม่ได้ ชาย​หนุ่ม​ไม่​พอใจ ​และ​มี​ปาก​เสียง​กับ​พี่​สาว​ค่อนข้าง​แรง

“ฉัน​ต้อง​พิสูจน์​ให้​คุณ​แม่​เชื่อ​ให้​ได้​ว่า​แก​เลี้ยง​ผี... ทุเรศ​ที่สุด เลี้ยง​อะไร​ไม่​เลี้ยง ดัน​เลี้ยง​ผี”

“ระวัง​ตัว​พี่​ดี​กว่า”

“ระวัง​เรื่อง​อะไร”

“ก็​นาย​หวัง​น่ะ​มัน​จะ​ปอกลอก​พี่ แล้ว​สัก​วันหนึ่ง​พี่​ก็​คง​ตกเป็น​เมีย​มัน”

“ไอ้​ศิษฏ์! ที่​ฉัน​ทำ​ทุก​อย่าง​ก็​เพื่อ​ช่วย​คุณ​แม่”

“ผม​เข้าใจ​ความ​หวัง​ดี​ของ​พี่ แต่​พี่​วิ​ไม่​จำเป็น​ต้อง​วุ่นวาย​อะไร​กับ​เรื่อง​ของ​ผม ผม​ไม่​ชอบ”

วิศิษฏ์​เดิน​หนี​ขึ้น​รถ​ขับ​ออก​ไป วิภาดา​ไม่​พอใจ แจ้น​ไป​หา​อาจารย์​หวัง​จะ​ให้​จัดการ​กับ​ผี​ที่​น้อง​ชาย​เลี้ยงไว้ โดย​เธอ​ยอม​ทุ่ม​เงิน​ไม่​อั้น

“อย่า​ห่วง​เลย...รับปาก​ว่า​สำเร็จ​แน่...ตอน​นี้​ไอ้​ผี​ที่​บ้าน​ร้าง​มัน​ก็​ถูก​ขัง​อยู่​ใน​ข่าย​มน​ตรา​ออก​มา​เล่น​งาน​แม่คุณ​ไม่ได้ ส่วน​ที่​บ้าน​คุณ ถ้า​นัง​ผี​สี​ทอง​ที่​มัน​ตาม​น้อง​ชาย​คุณ​เฮี้ยน​มาก​นัก ผม​จะ​อ่าน​โองการ​ท้าว​มหา​พรหม​จริงๆจังๆซะ​ที มัน​จะ​ได้​อยู่​ไม่ได้”

วิภาดา​ยิ้ม​พอใจ วางเงิน​ปึก​ใหญ่​ให้​อาจารย์​หวัง​ที่​ยิ้มกริ่ม​ด้วย​ความ​โลภ​และ​เจ้าเล่ห์...

พิศ​เข้า​บ้าน​ไม่ได้​แต่​มา​ปรากฏ​ตัว​ให้​วิศิษฏ์​เห็น​ที่​สำนักงาน ทั้ง​คู่​พูด​คุย​กัน​ด้วย​ความ​คิดถึง โดยเฉพาะ​วิศิษฏ์​ที่​ผูกพัน​และ​อาลัยอาวรณ์​อยาก​อยู่​ใกล้​พิศ​ตลอดเวลา ถึง​ขนาด​ถาม​เธอ​ว่า

“ตาย​ไป​ผม​จะ​ได้​เป็น​เทวดา​หรือ​เปล่า ผมจะได้​ขอ​คุณ​พิศ​แต่งงาน เรา​จะ​สร้าง​วิมาน​หลัง​ใหญ่ๆ แล้ว​มี​ลูก​กัน​หลายๆคน”

“วิมาน​เรา​ต้อง​สร้าง​ด้วย​บุญ​เจ้า​ค่ะ​คุณ​เด๋อ ทุกอย่าง​ขึ้น​อยู่​กับ​บารมี​ที่​เรา​ทำ​ไว้​ตอน​มี​ชีวิต​อยู่”

“งั้น​ผม​จะ​ทำบุญ​เยอะๆ แต่​มี​ข้อแม้​นะ คุณ​พิศ​ต้อง​ทำบุญ​กับ​ผม​ด้วย...สัญญา​นะ”

“ทำไม​ต้อง​ให้​ฉัน​ทำ​ด้วย​ล่ะ​เจ้า​คะ”

“ไม่​เคย​ได้ยิน​เหรอ...โบราณ​บอก​ว่า​ทำบุญ​ร่วมชาติ ตักบาตร​ร่วม​ขัน”

พิศ​ยิ้ม​ปลื้ม สีหน้า​สะเทิ้น​อาย...ขณะ​เดียวกัน แพรว​พรรณ​หรือ “แม่​แพรว” น้อง​สาว​ใน​อดีตชาติของ​พิศ​กำลัง​คิดถึง​วิศิษฏ์ ชาย​หนุ่ม​ที่​เธอ​หลง​รัก​ตั้งแต่แรกเห็น แต่​งาม​เนตร​แม่​ของ​เธอ​กลับ​ยุยง​ส่งเสริม​จะ​ให้​ลงเอย​กับ​บรรจบ ซึ่ง​ตอน​นี้​เขา​นอน​รักษา​ตัว​อยู่​โรงพยาบาล

งาม​เนตร​บังคับ​แพรว​พรรณ​ให้​ไป​เยี่ยม​บรรจบ​ทั้งที่​สุรเดช​ไม่​เห็น​ด้วย สอง​สามี​ภรรยา​มี​ปาก​เสียง​กัน​ครู่​หนึ่ง​ก่อน​ที่​สุรเดช​จะ​ยอม​จำนน​ด้วย​ความ​รำคาญ...

ขณะที่สองแม่ลูกอยู่ในระหว่างการเดินทาง สัตตะชิงไปถอดกายทิพย์ของบรรจบออกมาคุยกันมุมหนึ่งในโรงพยาบาล โดยทิ้งร่างของเขาไว้บนเตียงผู้ป่วยที่บุรีเข้าใจว่าลูกชายหลับสนิท

สัตตะต้องการให้บรรจบใช้สีผึ้งกับแพรวพรรณ แล้วคิดซ้อนแผนเอาตัวเธอไป แต่บรรจบรู้ทันทำท่าจะไม่ยอม สัตตะจึงข่มขู่จะทำให้ธุรกิจของบุรีพังพินาศ

เมื่อบรรจบกลับมาเข้าร่างและตื่นขึ้นมาก็มีอาการหวาดกลัว บอกบุรีว่าตนจะไม่ยอมให้สัตตะทำอะไรแพรวพรรณ บุรีไม่รู้อะไรนึกว่าลูกชายคิดถึงผู้หญิงจนเพ้อ จึงเตือนว่าอย่าคิดมาก อีกเดี๋ยวเธอก็มาเยี่ยม

แพรวพรรณกับงามเนตรมาโรงพยาบาลโดยไม่รู้ว่ากุมารทองติดตามมาด้วย กุมารทองเจอกับนางพรายบริวารของสัตตะแล้วทะเลาะกันก่อนนำไปสู่การต่อสู้ กุมารทองเด็กกว่าจึงเป็นรองต้องร้องเรียกพิศมาช่วย ส่วนแพรวพรรณเกือบถูกบรรจบป้ายสีผึ้งสำเร็จ ถ้ากุมารทองไม่มารั้งตัวเธอเพื่อเร่งให้กลับบ้าน

แต่ก่อนออกจากโรงพยาบาล งามเนตรแม่ของแพรวพรรณมีปากเสียงกับสุนทรีแม่ของนงรามที่อยากได้บรรจบเป็นลูกเขยอยู่เหมือนกัน สองคุณแม่เปิดศึกครู่ใหญ่อย่างไม่มีใครยอมใคร ขณะที่นงรามเอาแต่ร่ำไห้หลังถูกบรรจบไล่กลับเหมือนไม่ไยดี ทั้งที่เธอมอบทั้งกายใจให้เขาไปแล้ว

พิศมาช่วยกุมารทองจัดการนางพรายจนพ่ายแพ้กลับไปหาสัตตะที่ป่าช้า สัตตะยิ่งโกรธเกลียดและอาฆาตพิศมากขึ้น ตั้งใจเปิดศึกอย่างเต็มที่นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ด้านสุนทรีที่มีปากเสียงกับงามเนตรจนแทบจะมีการฟ้อนเล็บ พอเห็นนงรามร้องไห้เสียใจเรื่องบรรจบไม่สนใจก็เลยต้องถอยทัพพาลูกสาวกลับไปเพราะอับอายสายตาใครต่อใคร ฝ่ายแพรวพรรณไม่ได้รักชอบบรรจบก็ชวนแม่ของตนกลับบ้านเช่นกัน

ขณะสองแม่ลูกนั่งรถออกจากโรงพยาบาล พิศติดตามแพรวพรรณมาด้วย เธอรำพึงด้วยความรักและเป็นห่วงน้องสาว

“แม่แพรว...ไม่ว่าในชาติที่แล้วแม่แพรวจะร้ายกาจจงเกลียดจงชังพี่เพียงใด แต่พี่ก็รักและห่วงแม่แพรว

น้องสาวของพี่ทุกภพทุกชาติ พี่จะปกป้องแม่แพรว จะไม่ยอมให้ใครทำร้ายเธอได้”

พิศเลือนหายไป กุมารทองเข้ามาแทนที่ นั่งเบาะหลังคอยคุ้มภัยให้แพรวพรรณ งามเนตรสังเกตเห็นลูกสาวกระสับกระส่ายถามอย่างแปลกใจว่ามีอะไรหรือเปล่า แพรวพรรณรู้ว่ากุมารทองมาด้วยแต่ปฏิเสธแม่ว่าไม่มีอะไร พอกลับถึงบ้านเธอรีบเข้าห้องร้องเรียกหาเขา

“นิล...นิลอยู่หรือเปล่าลูก”

กุมารทองที่เพิ่งได้ชื่อใหม่ว่านิลที่พิศตั้งให้มาไม่นานค่อยๆปรากฏตัวขึ้นนั่งกอดเข่าซุกอยู่มุมห้อง แพรวพรรณเดินเข้าไปใกล้ถามว่าใครทำอะไรหนู แค่นั้นเอง นิลถลามากอดเธอแน่น พูดไปร้องไห้ไป “หนูหมดพลังแล้วแม่ หนูช่วยแม่ไม่ได้แล้ว หนูต้องไปจากแม่แล้ว หนูไม่อยากไปเลย หนูคิดถึงแม่”

“เป็นเพราะหนูช่วยแม่ไว้ใช่มั้ย”

“ใช่...แต่หนูสู้เขาไม่ได้หรอก ดีนะที่พี่สาวของแม่มาช่วยไว้”

แพรวพรรณตะลึง ผละออกมองหน้านิลด้วยความสงสัย “พี่สาว...แม่ไม่มีพี่สาวที่ไหน แม่เป็นลูกคนเดียว นิลหมายถึงใคร”

พิศปรากฏร่างมองมาที่นิล นิลรู้ทันทีว่าพิศไม่ต้องการให้เปิดเผย จึงตอบแพรวพรรณว่า “หนูยังบอกไม่ได้ รู้แต่ว่ามีคนคอยช่วยเหลือแม่อยู่ หนูไปก่อนนะแม่”

นิลถอยไปยืนห่างๆแล้วโบกมือลา แพรวพรรณน้ำตาไหลพรากเรียกนิลเสียงสั่นเครืออย่างอาวรณ์

พิศและนิลหายไปจากห้องแพรวพรรณพร้อมกัน พิศกำชับนิลให้ไปปฏิบัติธรรมสร้างบารมีก่อน แล้วตนจะให้กลับมาช่วยแม่แพรว นิลรับปากและขอคำสัญญาจากพิศว่าจะไม่ทิ้งแม่แพรวของตน

“สัญญาสิ ฉันเป็นพี่สาวแม่แพรว ฉันจะทิ้งน้องสาวฉันได้ยังไง”

นิลยิ้มพอใจและกอดลาพิศไปด้วยความสบายใจ
---------------
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น