วิภาดาพาอาจารย์หวังมาไล่วิญญาณภายในบ้านเฟื่องขจร โดยเฉพาะพิศที่อาจารย์เรียกว่า “นังแสงสีทอง” ที่ตามติดอยู่กับวิศิษฏ์ ซึ่งวิธีที่ชะงัดนักคงไม่พ้นอ่านโองการท้าวมหาพรหม
วิศิษฏ์พยายามคัดค้านวิภาดาแต่ไม่ได้ผล เขาจนใจไม่รู้จะช่วยพิศยังไง ไม่อยากให้เธอจากไปเพราะเธอเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาเสียแล้ว พิศเองก็ไม่อยากไป
จากคนที่ตามหามาแสนนาน แต่ยามนี้คับขันต้องพาบริวารของตนหนีไปก่อน
พิศพาลิ้นจี่ไปหาที่ซ่อนเพราะกลัวว่ายมทูตจะจับตัวไป ลิ้นจี่ได้ที่อาศัยแห่งใหม่เป็นศาลไม้เก่าๆพรางตา พิศกำชับนักหนาห้ามเธอออกมาข้างนอก หากมีอันตรายให้เรียกตน
ขณะที่พิศกำลังจะกลับเธอเห็นสัตตะอยู่ที่ศาลาใกล้ป่าช้า บริกรรมคาถาปลุกผีมาเป็นสมุน พิศกับสัตตะประมือกันอย่างไม่ยอมกัน สัตตะจำได้ว่าหน้าตาของพิศเหมือนกับแพรวพรรณหญิงสาวที่เขาหลงรัก จึงแน่ใจว่าเคยเป็นฝาแฝดกันมาก่อนในอดีตชาติ เขาอาฆาตว่าหากทำร้ายพิศไม่ได้ก็จะเล่นงานแพรวพรรณแทน
ส่วนที่บ้านเฟื่องขจร...อาจารย์หวังยังไม่ได้ลงมือไล่ผีแต่ขอให้วิภาดาไปเจรจากับวิศิษฏ์ให้ดีเสียก่อน เพื่อไม่ให้เขาขัดขวางหรือทำลายพิธี วิภาดาเชื่อฟังบุกเข้ามาในห้องน้องชายอย่างร้อนรน
“เฮ้ย! พี่วิ...พี่ถ้าผมโป๊อยู่จะว่าไง”
“ถ้าเรื่องนั้นน่ะไม่เป็นปัญหาหรอก แต่ถ้าเรื่องนายเลี้ยงผีล่ะก็มีปัญหาแน่”
“ปัญหาอะไร”
“แสดงว่าแกยอมรับใช่ไหมว่าเลี้ยงผี อาจารย์หวังบอกว่าผีของแกน่ะแหละเป็นตัวชักนำผีตัวอื่นให้เข้ามาทำร้ายคุณแม่...รู้แล้วก็กำจัดผีของแกไปซะ ก่อนที่ฉันจะให้อาจารย์หวังมาจัดการกับผีของแก”
“พี่กำลังโดนไอ้อาจารย์ลวงโลกหลอกแล้วล่ะครับ”
“อย่าลามปาม สบประมาทอาจารย์ของพี่นะ ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะนายศิษฏ์ อาจารย์หวังรู้เห็นทุกอย่าง ถ้าอาจารย์รู้ว่าแกลบหลู่ท่าน แกจะเจอดี”
“เอาเลย...ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าอาจารย์ของพี่จะทำอะไรผม”
วิภาดาจ้องหน้าวิศิษฏ์แล้วสะบัดพรืดออกจากห้อง วิศิษฏ์ถลามาที่หน้าต่างมองออกไปข้างนอกด้วยความเป็นห่วงพิศ แต่แล้วคืนนั้นพิศปรากฏตัวในห้องเขา
ชายหนุ่มดีใจมากแทบจะโผเข้ากอด
“ผมนึกว่าคุณพิศทิ้งผมไปแล้ว”
“ก็อยากทิ้งดอกเจ้าค่ะ...แต่ยังไม่ได้”
“นายหวังจะเล่นงานคุณพิศ พี่วิมาขู่ผมถึงในห้อง”
“ขอบคุณค่ะคุณเด๋อ...ถ้าฉันถูกนายหวังจับใส่
หม้อถ่วงน้ำก็ตามไปช่วยฉันด้วยนะเจ้าคะ”
“ทำไมคุณพิศพูดแบบนี้ ผมไม่อยากได้ยินเลย”
“ไม่มีอะไรแน่นอนดอกเจ้าค่ะ ความพลัดพรากเป็นกฎอนิจจังที่จริงแท้แน่นอน เป็นสัจธรรม”
“ไม่ๆๆ ผมไม่อยากได้ยิน รู้ไหมว่าทุกครั้งที่คุณพิศหายไป ผม...คิดถึง...คิดถึงจริงๆนะ”
“คุณเด๋อก็เหมือนผู้ชายคนอื่นๆ คำว่ารักคำว่าคิดถึงมักหลุดปากกับผู้หญิงทุกคนที่ได้อยู่ใกล้”
“ไม่จริงครับ ในชีวิตผม...ผมเคยพูดคำนี้กับผู้หญิงแค่สองคนเท่านั้น นงรามกับคุณพิศ”
“ต่อไปคุณเด๋อจะได้พูดกับอีกคนเจ้าค่ะ”
วิศิษฏ์จะปฏิเสธแต่พิศใช้มือปิดปากเขาไว้ วิศิษฏ์รวบมือเธอไปหอมทันที
“คุณเด๋อ...ฉวยโอกาส” พิศดึงมือกลับ ดวงตามีแววสะเทิ้นอาย “วันนี้คุณอยู่เฝ้าคุณแม่นะ อย่าลืมใส่แหวนนาคราชด้วย แหวนวงนั้นจะช่วยคุณได้ทุกเรื่อง ฉันต้องไปก่อนนะเจ้าคะ”
“คุณพิศจะไปไหน”
“นางฟ้าสวยๆอย่างฉันก็ต้องมีธุระบ้างสิคะ”
วิศิษฏ์หัวเราะอารมณ์ดี ถามว่าธุระของนางฟ้ามีอะไรบ้าง
“สังสรรค์ ประชุม เดินแฟชั่นมั้งเจ้าคะ”
“คุณพิศน่ะเหรอ สังสรรค์ ประชุม เดินแฟชั่น ไม่จริงละมั้ง”
ปรากฏว่าพิศเนรมิตให้ตัวเองเป็นได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะนางแบบที่เธอโพสท่าราวกับมืออาชีพ วิศิษฏ์เห็นแล้วทึ่งรีบถ่ายคลิปเก็บไว้
“นางแบบมืออาชีพอายเลยครับ...ผมจะเก็บไว้ดูเวลาคิดถึงคุณพิศ...คุณพิศไม่ว่าอะไรนะครับ” พิศไม่ตอบ สบตาเขาอย่างสะเทิ้นอาย “ผมอยากให้คุณพิศอยู่กับผมแบบนี้ตลอดไป”
“ไม่ได้ค่ะคุณเด๋อ วันนี้ฉันรู้สึกแปลกๆ รู้ด้วยญาณบางอย่าง คุณเด๋อก็ต้องระวังตัวนะเจ้าคะ ใส่แหวนนาคราชแล้วไปอยู่กับแม่คุณเถอะ คืนนี้นายชุบกับพวกน่าจะตามมาจองเวรแม่คุณอีก...ไปก่อนนะเจ้าคะ”
พิศเลือนหายไป วิศิษฏ์หน้าม่อย หงอยลงทันใด
ooooooo
คืนเดียวกัน อาจารย์หวังมาที่ป่าช้าที่สัตตะ ครอบครองเพื่อปลุกผีใส่ตุ๊กตาเสียกบาล ผ่านไปไม่นานสัตตะรู้เห็นและเกิดมีปากเสียงกับอาจารย์หวังแย่งป่าช้ากัน
พิศเห็นแต่ไม่เข้าไปยุ่ง เพราะทั้งคู่ล้วนเป็นศัตรูของตน แต่มาบอกลิ้นจี่ให้ระวังตัวอย่าได้ออกไปเพ่นพ่านข้างนอกอย่างเด็ดขาด
ด้านผีสองผัวเมียที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรของเฟื่องขจร คืนนี้พาบริวารมาเล่นงานเฟื่องขจรอีกให้หนำใจแต่ไม่สำเร็จเพราะวิศิษฏ์มีแหวนนาคราชคอยช่วยเหลือ ขณะเดียวกันกุมารทองก็กลับมาเฝ้าระวังแพรวพรรณตามคำสั่งพิศ ซึ่งทราบดีว่าสัตตะกำลังคิดจองล้างจองผลาญเราสองพี่น้อง...
เช้าวันถัดมาวิภาดานำตุ๊กตาเสียกบาลของอาจารย์หวังมาที่บ้านเฟื่องขจร ชื่นจิตกลัวมากมือไม้อ่อน ออกตัวว่าอย่าให้ตนยุ่งกับเรื่องผีเลย ลำพังชีวิตตนก็จะเอาไม่รอดอยู่แล้ว
“ฉันไม่ได้ให้หล่อนนังชื่น...เอาไปไว้ในห้องนายศิษฏ์ เดี๋ยวฉันจะโทร.คุยเอง”
“คุณวิเอาไปเองสิคะ แม่ชื่นสอนไม่ให้เข้าห้องคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ยิ่งห้องผู้ชาย ชื่นยิ่งไม่เข้า”
“ก็เพราะไม่เข้าไง ถึงได้ขึ้นคานแบบนี้ เอามานี่” วิภาดากระชากถุงใส่ตุ๊กตาเสียกบาลคืนมาจากชื่นจิตแล้วเดินปึงปังขึ้นบันไดไปห้องน้องชาย ค้นหาผีว่าอยู่ไหน หรือว่าจะพกติดตัวไปด้วย
เมื่อหาไม่เจอเธอโทร.บอกน้องชายว่าเอาตุ๊กตาเสียกบาลมาไว้ในห้อง วิศิษฏ์โวยลั่นให้เอาออกไป เพื่อนๆและผู้ร่วมงานต่างหันมามองเขาเป็นตาเดียว
“ช่วยแม่แค่นี้แกยังไม่มีน้ำใจเลยเหรอศิษฏ์...อย่าให้ฉันนับแกเข้าเป็นพวกอกตัญญูต่อบุพการีเลยนะ”
“มันจะมากไปแล้วนะพี่วิ”
“ถ้าอาจารย์หวังไม่ระบุว่าต้องเป็นแก ฉันก็ไม่ขอร้องหรอก”
วิภาดากระแทกเสียงแล้ววางสายก่อนเดินตัวปลิวออกไป ทิ้งถุงผ้าตุ๊กตาเสียกบาลเอาไว้ในห้อง
ด้านวิศิษฏ์หนักใจเอามากๆ บ่นให้ภาณุกับแสวงฟังว่าพี่สาวตนหลงเชื่อหมอผีจะให้ตนเอาตุ๊กตาเสียกบาลที่มีผีสิงไปวางไว้ที่บ้านร้างคืนนี้
แสวงไม่เชื่อเรื่องนี้แต่ภาณุเชื่อสนิท เสนอตัวไปเป็นเพื่อนวิศิษฏ์และไม่วายเยาะหยันแสวงว่าปอดแหก แสวงเลยมีลูกฮึดขอไปด้วย
สองหนุ่มกลับบ้านไปเตรียมความพร้อมหากต้องเผชิญหน้ากับผี ต่างคนต่างพกเครื่องรางของขลังไปเต็มตัว ขณะที่วิศิษฏ์มีเพียงแหวนนาคราชของพิศเท่านั้น
ตุ๊กตาทั้งหมดมีสี่ตัว วิภาดาให้วิศิษฏ์เอาไปวางที่บ้านร้างสองตัว ที่เหลืออีกสองเอาไว้ที่ห้องเฟื่องขจร รับรองว่าผีทั้งหลายไม่มีทางรุกรานกล้ำกลายแม่ของเราได้อีก
วิศิษฏ์เตรียมพร้อมแต่ยังดูหวาดกลัว พิศปรากฏตัวพร้อมเสียงหัวเราะ เล่นเอาเขาสะดุ้งโหยงขาแข้งสั่น
“คุณพิศ ผมตกใจหมดเลย”
“แค่นี้ก็กลัวด้วย...เดี๋ยวต้องทำงานใหญ่นะเจ้าคะคุณเด๋อ”
“คุณพิศไม่ไปช่วยผมเหรอ”
“มีผู้ช่วยตั้งสองคนแล้วนี่คะ”
“ไอ้แหวงกับไอ้ณุมันจะช่วยอะไรผมได้”
“อย่าประมาทนะคะ...อาจช่วยได้”
“คุณพิศก็รู้จักพวกมันดี มันจะช่วยอะไรได้
ถ้าผมเกิดถูกผีบีบคอจะว่ายังไงล่ะครับ ไม่รัก ไม่ห่วง ไม่หวงไม่แหน ไม่ช่วยเหลือกันแล้วใช่มั้ย...คุณพิศใจร้าย”
“ฉันอยู่ใกล้คุณเสมอค่ะคุณเด๋อ” พูดขาดคำ
พิศเลือนหายไป วิศิษฏ์เบ้หน้าหมั่นไส้ บ่นกระปอดกระแปดว่าอยู่ใกล้แต่หนีทุกที ก่อนตายไปเป็นนางฟ้าชอบเล่นซ่อนแอบนักหรือไง?
ooooooo
วิศิษฏ์ยังไม่ทันออกจากบ้านไปสมทบกับภาณุและแสวงซึ่งนัดกันไปบ้านร้างก็เจอดีเข้าเสียก่อน...ผีสองตนออกจากตุ๊กตาเสียกบาลที่วิศิษฏ์วางไว้ข้างเตียง เฟื่องขจร แต่ทำอะไรใครไม่ได้เพราะแหวนนาคราชของพิศช่วยทุกคนไว้
อาจารย์หวังรับรู้ถึงความพ่ายแพ้ และยิ่งโกรธไปกันใหญ่เมื่อวิศิษฏ์กับเพื่อนไปที่บ้านร้างแล้วตุ๊กตาผีอีกสองตัวต่อสู้กับผีชุบและอวบแล้วพ่ายแพ้แตกหักยับเยิน ส่วนพวกวิศิษฏ์โชคดีที่มีของขลังมาเต็มอัตรา จึงรอดพ้นพวกชุบและบริวารมาได้
แก๊งผีของชุบไม่ยอมรามือ จะตามไปบุกบ้านเฟื่องขจรแต่พิศปรากฏตัวขัดขวาง ไม่ต้องการให้พวกเขาทำบาปเพิ่มขึ้นทั้งที่เจ้ากรรมนายเวรของพวกเขาไม่มี ทางสู้ แต่ถ้าไม่เชื่อตนจะแจ้งท่านยมทูตให้มาเอาวิญญาณไปทรมานในนรกไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด
ได้ผลชะงัด! ผีทุกตนกลัวมากเก็บตัวเงียบไม่กล้าออกจากที่อาศัย แต่สำหรับอาจารย์หวังที่บริวารพ่ายแพ้ราบคาบ เขาโกรธมากสร้างข่ายมนตราไม่ให้ผีอยู่ในบ้านเฟื่องขจร พิศเลยเดือดร้อน ต้องรอจนกว่าข่ายมนตรา เบาบางลงถึงจะเข้าบ้านหลังนี้ได้
วิภาดาทราบเรื่องข่ายมนตราจากอาจารย์หวังก็มาเยาะหยันวิศิษฏ์ว่าจะเลี้ยงผีอีกไม่ได้ ชายหนุ่มไม่พอใจ และมีปากเสียงกับพี่สาวค่อนข้างแรง
“ฉันต้องพิสูจน์ให้คุณแม่เชื่อให้ได้ว่าแกเลี้ยงผี... ทุเรศที่สุด เลี้ยงอะไรไม่เลี้ยง ดันเลี้ยงผี”
“ระวังตัวพี่ดีกว่า”
“ระวังเรื่องอะไร”
“ก็นายหวังน่ะมันจะปอกลอกพี่ แล้วสักวันหนึ่งพี่ก็คงตกเป็นเมียมัน”
“ไอ้ศิษฏ์! ที่ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อช่วยคุณแม่”
“ผมเข้าใจความหวังดีของพี่ แต่พี่วิไม่จำเป็นต้องวุ่นวายอะไรกับเรื่องของผม ผมไม่ชอบ”
วิศิษฏ์เดินหนีขึ้นรถขับออกไป วิภาดาไม่พอใจ แจ้นไปหาอาจารย์หวังจะให้จัดการกับผีที่น้องชายเลี้ยงไว้ โดยเธอยอมทุ่มเงินไม่อั้น
“อย่าห่วงเลย...รับปากว่าสำเร็จแน่...ตอนนี้ไอ้ผีที่บ้านร้างมันก็ถูกขังอยู่ในข่ายมนตราออกมาเล่นงานแม่คุณไม่ได้ ส่วนที่บ้านคุณ ถ้านังผีสีทองที่มันตามน้องชายคุณเฮี้ยนมากนัก ผมจะอ่านโองการท้าวมหาพรหมจริงๆจังๆซะที มันจะได้อยู่ไม่ได้”
วิภาดายิ้มพอใจ วางเงินปึกใหญ่ให้อาจารย์หวังที่ยิ้มกริ่มด้วยความโลภและเจ้าเล่ห์...
พิศเข้าบ้านไม่ได้แต่มาปรากฏตัวให้วิศิษฏ์เห็นที่สำนักงาน ทั้งคู่พูดคุยกันด้วยความคิดถึง โดยเฉพาะวิศิษฏ์ที่ผูกพันและอาลัยอาวรณ์อยากอยู่ใกล้พิศตลอดเวลา ถึงขนาดถามเธอว่า
“ตายไปผมจะได้เป็นเทวดาหรือเปล่า ผมจะได้ขอคุณพิศแต่งงาน เราจะสร้างวิมานหลังใหญ่ๆ แล้วมีลูกกันหลายๆคน”
“วิมานเราต้องสร้างด้วยบุญเจ้าค่ะคุณเด๋อ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับบารมีที่เราทำไว้ตอนมีชีวิตอยู่”
“งั้นผมจะทำบุญเยอะๆ แต่มีข้อแม้นะ คุณพิศต้องทำบุญกับผมด้วย...สัญญานะ”
“ทำไมต้องให้ฉันทำด้วยล่ะเจ้าคะ”
“ไม่เคยได้ยินเหรอ...โบราณบอกว่าทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขัน”
พิศยิ้มปลื้ม สีหน้าสะเทิ้นอาย...ขณะเดียวกัน แพรวพรรณหรือ “แม่แพรว” น้องสาวในอดีตชาติของพิศกำลังคิดถึงวิศิษฏ์ ชายหนุ่มที่เธอหลงรักตั้งแต่แรกเห็น แต่งามเนตรแม่ของเธอกลับยุยงส่งเสริมจะให้ลงเอยกับบรรจบ ซึ่งตอนนี้เขานอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล
งามเนตรบังคับแพรวพรรณให้ไปเยี่ยมบรรจบทั้งที่สุรเดชไม่เห็นด้วย สองสามีภรรยามีปากเสียงกันครู่หนึ่งก่อนที่สุรเดชจะยอมจำนนด้วยความรำคาญ...
ขณะที่สองแม่ลูกอยู่ในระหว่างการเดินทาง สัตตะชิงไปถอดกายทิพย์ของบรรจบออกมาคุยกันมุมหนึ่งในโรงพยาบาล โดยทิ้งร่างของเขาไว้บนเตียงผู้ป่วยที่บุรีเข้าใจว่าลูกชายหลับสนิท
สัตตะต้องการให้บรรจบใช้สีผึ้งกับแพรวพรรณ แล้วคิดซ้อนแผนเอาตัวเธอไป แต่บรรจบรู้ทันทำท่าจะไม่ยอม สัตตะจึงข่มขู่จะทำให้ธุรกิจของบุรีพังพินาศ
เมื่อบรรจบกลับมาเข้าร่างและตื่นขึ้นมาก็มีอาการหวาดกลัว บอกบุรีว่าตนจะไม่ยอมให้สัตตะทำอะไรแพรวพรรณ บุรีไม่รู้อะไรนึกว่าลูกชายคิดถึงผู้หญิงจนเพ้อ จึงเตือนว่าอย่าคิดมาก อีกเดี๋ยวเธอก็มาเยี่ยม
แพรวพรรณกับงามเนตรมาโรงพยาบาลโดยไม่รู้ว่ากุมารทองติดตามมาด้วย กุมารทองเจอกับนางพรายบริวารของสัตตะแล้วทะเลาะกันก่อนนำไปสู่การต่อสู้ กุมารทองเด็กกว่าจึงเป็นรองต้องร้องเรียกพิศมาช่วย ส่วนแพรวพรรณเกือบถูกบรรจบป้ายสีผึ้งสำเร็จ ถ้ากุมารทองไม่มารั้งตัวเธอเพื่อเร่งให้กลับบ้าน
แต่ก่อนออกจากโรงพยาบาล งามเนตรแม่ของแพรวพรรณมีปากเสียงกับสุนทรีแม่ของนงรามที่อยากได้บรรจบเป็นลูกเขยอยู่เหมือนกัน สองคุณแม่เปิดศึกครู่ใหญ่อย่างไม่มีใครยอมใคร ขณะที่นงรามเอาแต่ร่ำไห้หลังถูกบรรจบไล่กลับเหมือนไม่ไยดี ทั้งที่เธอมอบทั้งกายใจให้เขาไปแล้ว
พิศมาช่วยกุมารทองจัดการนางพรายจนพ่ายแพ้กลับไปหาสัตตะที่ป่าช้า สัตตะยิ่งโกรธเกลียดและอาฆาตพิศมากขึ้น ตั้งใจเปิดศึกอย่างเต็มที่นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ด้านสุนทรีที่มีปากเสียงกับงามเนตรจนแทบจะมีการฟ้อนเล็บ พอเห็นนงรามร้องไห้เสียใจเรื่องบรรจบไม่สนใจก็เลยต้องถอยทัพพาลูกสาวกลับไปเพราะอับอายสายตาใครต่อใคร ฝ่ายแพรวพรรณไม่ได้รักชอบบรรจบก็ชวนแม่ของตนกลับบ้านเช่นกัน
ขณะสองแม่ลูกนั่งรถออกจากโรงพยาบาล พิศติดตามแพรวพรรณมาด้วย เธอรำพึงด้วยความรักและเป็นห่วงน้องสาว
“แม่แพรว...ไม่ว่าในชาติที่แล้วแม่แพรวจะร้ายกาจจงเกลียดจงชังพี่เพียงใด แต่พี่ก็รักและห่วงแม่แพรว
น้องสาวของพี่ทุกภพทุกชาติ พี่จะปกป้องแม่แพรว จะไม่ยอมให้ใครทำร้ายเธอได้”
พิศเลือนหายไป กุมารทองเข้ามาแทนที่ นั่งเบาะหลังคอยคุ้มภัยให้แพรวพรรณ งามเนตรสังเกตเห็นลูกสาวกระสับกระส่ายถามอย่างแปลกใจว่ามีอะไรหรือเปล่า แพรวพรรณรู้ว่ากุมารทองมาด้วยแต่ปฏิเสธแม่ว่าไม่มีอะไร พอกลับถึงบ้านเธอรีบเข้าห้องร้องเรียกหาเขา
“นิล...นิลอยู่หรือเปล่าลูก”
กุมารทองที่เพิ่งได้ชื่อใหม่ว่านิลที่พิศตั้งให้มาไม่นานค่อยๆปรากฏตัวขึ้นนั่งกอดเข่าซุกอยู่มุมห้อง แพรวพรรณเดินเข้าไปใกล้ถามว่าใครทำอะไรหนู แค่นั้นเอง นิลถลามากอดเธอแน่น พูดไปร้องไห้ไป “หนูหมดพลังแล้วแม่ หนูช่วยแม่ไม่ได้แล้ว หนูต้องไปจากแม่แล้ว หนูไม่อยากไปเลย หนูคิดถึงแม่”
“เป็นเพราะหนูช่วยแม่ไว้ใช่มั้ย”
“ใช่...แต่หนูสู้เขาไม่ได้หรอก ดีนะที่พี่สาวของแม่มาช่วยไว้”
แพรวพรรณตะลึง ผละออกมองหน้านิลด้วยความสงสัย “พี่สาว...แม่ไม่มีพี่สาวที่ไหน แม่เป็นลูกคนเดียว นิลหมายถึงใคร”
พิศปรากฏร่างมองมาที่นิล นิลรู้ทันทีว่าพิศไม่ต้องการให้เปิดเผย จึงตอบแพรวพรรณว่า “หนูยังบอกไม่ได้ รู้แต่ว่ามีคนคอยช่วยเหลือแม่อยู่ หนูไปก่อนนะแม่”
นิลถอยไปยืนห่างๆแล้วโบกมือลา แพรวพรรณน้ำตาไหลพรากเรียกนิลเสียงสั่นเครืออย่างอาวรณ์
พิศและนิลหายไปจากห้องแพรวพรรณพร้อมกัน พิศกำชับนิลให้ไปปฏิบัติธรรมสร้างบารมีก่อน แล้วตนจะให้กลับมาช่วยแม่แพรว นิลรับปากและขอคำสัญญาจากพิศว่าจะไม่ทิ้งแม่แพรวของตน
“สัญญาสิ ฉันเป็นพี่สาวแม่แพรว ฉันจะทิ้งน้องสาวฉันได้ยังไง”
นิลยิ้มพอใจและกอดลาพิศไปด้วยความสบายใจ
---------------
ที่มา ไทยรัฐ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น