วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 7


ปฐวีลากชิดชบากลับบ้าน ก่อนจะเหวี่ยงลงบนโซฟาในห้องรับแขกอย่างโกรธจัด ด่าลั่นว่าเกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงได้เห็นออฟฟิศของเขาเป็นตลาดสด เรียนเมืองนอกมาแท้ๆกลับทำตัวเหมือนคนขาดการอบรม เธอโต้ไม่ยอมแพ้ นี่เป็นเรื่องระหว่างเธอกับระรินไม่เกี่ยวกับเขา หรือว่าเขาเจ็บร้อนแทน

“อย่ามากล่าวหาว่าผมกินไม่เลือกนะ ผมไม่ใช่สมภารที่ชอบกินไก่วัด”

“คุณจะกินไก่วัดหรือไม่กิน ฉันไม่สนหรอก ฉันขอบอกนะว่าที่ฉันทำลงไปน่ะ ไม่เท่าครึ่งที่ระรินทำกับฉัน”

“หมายความว่าอย่างไร ใครทำอะไรใคร”

ชิดชบาไม่จำเป็นต้องบอกให้เขารู้ คนไม่มีหัวใจอย่างเขา คงไม่รู้สึกรู้สมอะไรด้วยหากเธอต้องเจ็บ แล้ววิ่งหนีเข้าห้อง ปฐวีวิ่งตามมาคาดคั้นให้บอกว่าเมื่อคืนหายไปไหนมา โทร.ไปเช็กที่บ้านสวนก็ไม่อยู่ ที่สำคัญ อรุณณรงค์ก็หายไปด้วย เธอไม่สน เขาจะคิดอะไรก็เชิญคิดตามสบาย เพราะไม่ว่าเขาจะคิดอะไรก็ต้องถูกเสมอ แล้วดันเขาออกจากห้อง ปิดประตูใส่หน้า ก่อนจะหลับตาลงด้วยจิตใจที่อ่อนล้าเต็มที...

แทนที่ชัยญาจะสงสารและเห็นใจที่ระรินถูกชิดชบาทำร้ายจนหน้าตาบวมช้ำ กลับด่าซ้ำที่ทำงานไม่สำเร็จ

เธอโทษเขาต่างหากที่ทำไม่สำเร็จ เธอเอาชิดชบาใส่จานให้แล้วยังไม่มีปัญญาจะงับ เขาตบเธอที่บังอาจมาต่อปาก ต่อคำ แล้วจะเข้าไปตบซ้ำ ชัยยงค์ผ่านมาเห็นพอดีรีบห้ามลูกชายไว้

“เฮ้ยหยุด อย่ามัวแต่กัดกันเอง พลาดอีกแล้ว ใช่ไหม ถึงได้โยนกันไปโยนกันมาอย่างนี้” ชัยยงค์เห็นทั้งคู่นิ่งเงียบ ก็ด่ากราด “พวกแกนี่ไม่ได้เรื่องเลย ใช้ทำอะไรก็พลาดหมด หรือว่าฉันต้องลงมือเอง”

ooooooo

จำเรียงเห็นเลยเที่ยงแล้ว ชิดชบายังไม่ลงมาจากห้อง จึงยกอาหารกลางวันขึ้นไปให้ แล้วเข้ามาคุกเข่าข้างเตียง ถามเจ้านายสาวที่ยังนอนซมด้วยความห่วงใยว่าเป็นอะไรไป

“คุณหายไปทั้งคืน คุณปฐวีวุ่นวายโทร.ตามคุณทั้งคืนเลยค่ะ เอ๊ะ! นั่นคุณไม่สบายหรือเปล่าคะ”

“ฉันมึนๆหัวน่ะ”

“มึนหัว?...แล้วมีคลื่นไส้ มีอยากจะอาเจียนผสมด้วยไหมคะ”

ชิดชบามองออกว่าจำเรียงคิดว่าเธอท้อง รีบตัดบทไล่ให้ออกไปได้แล้ว จำเรียงวิ่งปรู๊ดลงไปที่เรือนครัวบอก บุญถิ่นกับสมควรด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น สงสัยชิดชบาจะท้อง บุญถิ่นตกใจถึงกับทำตะหลิวหลุดมือ พอตั้งสติได้รีบโทร.ฟ้องเถาว์เครือซึ่งมาเป็นเพื่อนโสมสุภางค์ดูชุดแต่งงาน เธอพึมพำสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“นังชิดชบาท้องหรือ”

จังหวะนั้นชัยยงค์เดินนำหน้าถกลเข้ามาทักทายเถาว์เครือว่าเคยเจอกันในงานเลี้ยงบ่อยๆ เพียงแต่ไม่มีโอกาสทำความรู้จักกันเป็นส่วนตัว เขาได้ข่าวว่าลูกสาวของเธอกำลังจะแต่งงานกับปฐวี

“น่ายินดีนะครับที่งานนี้ปฐวีเขาทุ่มหนัก ไหนจะบ้านที่เป็นเรือนหอราคานับร้อยล้าน แล้วไหนจะงานแต่งงานใหญ่โตหรูหรา ผมเชื่อเลยครับว่าลูกสาวของคุณเถาว์เครือจะต้องเป็นเจ้าสาวแห่งปีแน่” คำพูดของชัยยงค์จุดไฟโลภในใจเถาว์เครือให้ลุกโชนเมื่อรู้ถึงมูลค่ามหาศาลของบ้านหลังนั้น...

ไม่นานนักสองแม่ลูกก็กลับถึงบ้าน เถาว์เครือเดินนำหน้าโสมสุภางค์มาที่ห้องรับแขกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไม่ทันเห็นแพรวานั่งรออยู่ สั่งให้ลูกเก็บข้าวของย้ายเข้าไปอยู่บ้านปฐวี

“เราต้องเข้าไปจองที่ไว้ก่อน ก่อนที่นั่งชิดชบามันจะใช้มารยาร้อยเล่มเกวียนของมัน ยักย้ายถ่ายเทบ้านกลับไปเป็นของมัน” เถาว์เครือเพิ่งสังเกตเห็นแพรวา ถึงกับ ชะงัก “ขอโทษ แม่ไม่เห็นว่าหนูแพรวามา ไม่เห็นรถของหนูข้างนอก คุยกันไปก่อนนะ แม่จะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”

แพรวารอจนเถาว์เครือไปพ้นแล้ว จึงเตือนเพื่อนรักว่าการที่เธอจะเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นเท่ากับเป็นการต้อนให้ชิดชบาจนมุม เธอก็รู้ว่าหมาจนตรอกทุกตัวจะสู้ตาย

“เพราะฉะนั้นอย่าต้อนคนให้จนมุม”...

หลังจากสอบถามทั้งระริน ยุวดีและเลขาฯของตัวเองถึงเหตุวิวาทที่เกิดขึ้น ปฐวีสรุปว่าไม่ใช่เป็นความผิดของระริน จึงไม่ไล่เธอออกจากงาน แต่อย่าให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก และเขาจะไม่ถามด้วยว่าไปทำอะไรไว้ ชิดชบาถึงได้กลายร่างเป็นเสือตามมาขย้ำเธอถึงที่นี่ ระรินได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตา

“เดี๋ยวเบิกค่ายาค่าหมอไปรักษาอาการบอบช้ำแล้วค่อยกลับมาทำงาน แค่นี้แหละ ออกไปได้แล้ว”

ทั้งสามสาวรับคำก่อนจะพากันออกไป ปฐวีมองตามด้วยสายตาเจ้าเล่ห์...

ทางด้านธวัชพงษ์เห็นสีหน้าท่าทางของแพรวาก็รู้ทันทีว่ากล่อมโสมสุภางค์ไม่สำเร็จ ทั้งเรื่องเลื่อนการแต่งงานและไม่ให้ใช้บ้านหลังนั้นเป็นเรือนหอ เธอไม่รู้ว่าเถาว์เครือคิดอย่างไรถึงจะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น หรือว่ามูลค่าของมันสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของโสมสุภางค์

“จริงหรือครับ คุณนายเถาว์เครือจะพาลูกสาวเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นจริงๆหรือครับ”

“โสมสุภางค์ยืนยันกับฉันเองว่าจะเข้าไปอยู่ก่อนแต่งงาน เราคงทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ”

ธวัชพงษ์เชื่อว่าเรื่องนี้ต้องมีผลประโยชน์บางอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง...

เป็นอย่างที่นักข่าวหนุ่มพูดไว้ไม่มีผิด ชัยยงค์ใช้ความโลภและผลประโยชน์เป็นเหยื่อล่อเถาว์เครือให้ร่วมมือกับตนเอง เพื่อหาทางทำให้กรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนั้นเปลี่ยนมือมาเป็นของโสมสุภางค์ให้ได้...

ตลับนาคเปลี่ยนใจนาทีสุดท้าย ให้เด็กคนงานเอาผลไม้ออกจากตะกร้า แล้วใส่เสื้อผ้าข้าวของจำเป็นของเธอลงไปแทนที่ จากนั้นก็ให้ขนไปใส่รถของเฉวียงที่จอดรออยู่นอกรั้ว

“ปิดประตูหน้าต่างฝนจะได้ไม่สาด สองสามวันก็เปิดเข้าไปกวาดฝุ่นแล้วถู ผลไม้ในสวนเก็บได้ก็ตามคนมาเก็บนะ มีอะไรก็โทร.ถึงฉัน” ตลับนาคสั่งการเสร็จ หันมาเห็นสีหน้าฉงนของเฉวียง ก็รีบบอก “ไม่ต้อง

แปลกใจหรอก ทีแรกฉันก็ว่าจะไปเยี่ยมหลาน แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันจะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น”

ooooooo

ทันทีที่เห็นรถของเถาว์เครือมาจอดหน้าประตูรั้ว บุญถิ่นวิ่งแซงสมควรกับจำเรียงรีบเปิดประตูให้

“เชิญค่ะคุณนายขา เข้าไปจอดหน้าตึกเลยค่ะ เดี๋ยว สมควรกับจำเรียงขนข้าวของของคุณนายกับคุณโสมสุภางค์ขึ้นไปไว้ข้างบนเลยนะ ห้องคุณนายอยู่ทางปีกซ้าย ส่วนห้องของคุณโสมสุภางค์ให้ใช้ห้องเก่าของเจ้าของบ้านเดิม” สั่งเสร็จ บุญถิ่นรีบวิ่งตามรถของเถาว์เครือ จำเรียงมองตามสีหน้าเป็นกังวล

“ลุง ก็ห้องนั้นเป็นห้องของคุณชิดชงค์ที่ยิงตัวตายนี่”

สมควรยังไม่ทันพูดอะไร เฉวียงเลี้ยวรถผ่านหน้า เข้าไปจอดใกล้กับรถของเถาว์เครือ ตลับนาคลงจากรถพร้อมกับตะกร้าใส่เสื้อผ้า เป็นจังหวะเดียวกับสองแม่ลูกลงจากรถเช่นกัน เถาว์เครือมองตะกร้าใส่ผ้า ก่อนจะถามว่านี่หมายความว่าอย่างไร ตลับนาคเชิดใส่

“ก็หมายความว่าฉันจะย้ายเข้ามาอยู่กับหลานสาวของฉันในบ้านหลังนี้ไง”

ชิดชบาลงมาจากตัวตึก โผกอดตลับนาคด้วยความดีใจ แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นสองแม่ลูกมีกระเป๋าเดินทางมาด้วย สองฝ่ายฮึ่มๆใส่กัน เฉวียงเห็นท่าไม่ดี รีบเข้ามากั้นตรงกลาง เถาว์เครือไม่พอใจ ตลับนาคจะเข้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร เธอจะอยู่ในฐานะป้าซึ่งเป็นห่วงหลานสาว กลัวเสือ สิงห์ กระทิง แรดจะขย้ำ โสมสุภางค์เสียงเขียวทันที ไม่มีใครมีสิทธิ์อยู่ในบ้านหลังนี้

“แล้วใครล่ะที่มีสิทธิ์ บ้านหลังนี้ยังติดสัญญาทาส ไม่รู้จะตกเป็นของใคร ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของตอนนี้ เร็วไปไหม” ตลับนาคลอยหน้าใส่โสมสุภางค์ซึ่งคุยอวดว่าตนกับปฐวีกำลังจะแต่งงานกัน และบ้านหลังนี้ก็จะเป็นเรือนหอของเรา ชิดชบาไม่มีสิทธิ์เอาใครมาอยู่ตามอำเภอใจ

“ถ้าคุณอ้างสิทธิ์ของการเป็นเจ้าสาว ฉันก็อ้างสิทธิ์ของการเป็นนางบำเรอได้...คุณป้าคะ หนูจะให้จำเรียงจัดห้องให้คุณป้า ห้องเก่าที่คุณป้าเคยอยู่”

บุญถิ่นเสนอหน้าทันที “ดิฉันจัดห้องไว้ให้คุณโสมสุภางค์กับคุณนายแล้วค่ะ”

“ทุกอย่างก็ลงตัวดีนี่ เจ้าสาวกับนางบำเรออยู่ในบ้านเดียวกัน พร้อมวงศาคณาญาติของทุกฝ่าย ฟังดูอบอุ่นดี” ตลับนาคแดกดัน ปฐวีเดินลงมาจากตึกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ยินดีต้อนรับ ผมเป็นคนไร้ญาติขาดมิตร ผมชอบคนเยอะๆ เชิญครับ ทุกคนจะอยู่ในบ้านหลังนี้ เราจะอยู่กันแบบครอบครัวสุขสันต์”

ooooooo

หม่อมจรัสเรืองกำลังนั่งจิบกาแฟอยู่กับอุราศรีที่โต๊ะสนามหน้าบ้าน ตอนที่อรุณณรงค์เดินออกมาด้วยสีหน้าร่าเริง หม่อมจรัสเรืองถามดักคอว่าจะไปไหนหรือ วันนี้ท่านชวนอุราศรีมากินข้าวด้วย

“นี่หม่อมแม่กำลังจะทำอะไรครับ” อรุณณรงค์เสียงเครียด

“แม่ก็ทำอย่างที่แม่ทุกคนต้องทำ เช้าวันหยุด

ชายเอี่ยวจะได้ไม่มีที่ไป แม่รู้นะว่าลูกกำลังจะไปไหน คุณหญิงอุราศรีคือคนที่เหมาะสมกับลูก ถ้าชายเอี่ยวไม่หยุดเรื่องชิดชบา แม่ก็จะไม่หยุด”

อรุณณรงค์เห็นสีหน้าเอาจริงของหม่อมแม่ ถึงกับอึ้ง...

ด้านชัยญาอดทึ่งไม่ได้ ที่พ่อของตนเองทำให้เถาว์เครือยอมร่วมมือในการสร้างความวุ่นวายให้ปฐวี เขาคุยอวดว่าแค่ใช้ความโลภของมนุษย์ให้เป็นประโยชน์และต้องขัดขวางไม่ให้ปฐวีสร้างบ่อนพนันกลางเมือง

“แกต้องไปสืบว่าใครหนุนหลังปฐวีอยู่ เราจะได้หา ทางเลื่อยขาเก้าอี้ของคนคนนั้น...ระริน เธอก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น”...

ทางฝ่ายบุญถิ่นพาโสมสุภางค์มายังห้องนอนเก่าของชิดชงค์ โดยไม่ได้บอกว่าเจ้าของห้องยิงตัวตายในนี้ โสมสุภางค์พอใจที่ได้ห้องใหญ่ที่สุดในบ้าน แล้วถามว่าห้องของปฐวีอยู่ไหน บุญถิ่นอึกอักเพราะเขานอนห้องเดียวกับชิดชบา เถาว์เครืออ่านสีหน้าเธอออก สั่งให้ไปย้ายข้าวของของปฐวีมาไว้ในห้องนี้

“พอแต่งงานแล้วจะได้ไม่ต้องเสียเวลาจัดอีก ยังไงลูกโสมสุภางค์ก็ต้องแต่งงานกับปฐวีอยู่แล้ว อย่างนั้นใช่ไหมลูก” เถาว์เครือสีหน้ามีความสุขเมื่อคิดถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับจากบ้านหลังนี้

ชิดชบายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ปฐวีจะไปจากห้องของตนเอง รีบโยนข้าวของเครื่องใช้ของเขาออกมานอกห้องให้บุญถิ่นขนไปไว้ยังห้องของโสมสุภางค์ แล้วปิดประตูใส่หน้า...

ในเวลาเดียวกัน ปฐวีนั่งรถที่สมควรขับมุ่งหน้าออกจากซอยบ้านเพื่อจะไปสนามบิน เฉวียงมายืนขวางกลางถนน สมควรรีบเบรกตัวโก่ง ต่อว่าว่าอยากตายหรืออย่างไร เขาเดินเข้ามาหาปฐวีสีหน้าโกรธเกรี้ยว

“ผมกำลังจะไปเชียงใหม่เรื่องพบผู้ใหญ่ เริ่มเรื่องของคุณก่อนที่ผมจะตกเครื่องบิน”

“คุณให้คุณโสมสุภางค์กับคุณนายเถาว์เครือเข้ามาอยู่ในบ้านเดียวกับคุณหนู นี่คุณกำลังทำอะไร ไอ้ที่คุณทำมันยังไม่พออีกหรือ คุณมันคนใจร้าย คนเลือดเย็น” เฉวียงชี้หน้าเอาเรื่อง

“มันเป็นแค่สงครามน่ะคุณเฉวียง สงครามทุกที่มันก็โหดร้ายทารุณอย่างนี้แหละ ไม่ได้มีคุณชิดชงค์คนเดียวที่ตายเพราะสงครามพนัน...ทุกวันนี้มนุษย์เกิดมาก็เพื่อจะช่วงชิง เพื่อจะเป็นผู้ชนะ ผมหรือชิดชบาหรือคุณเฉวียง เราต่างก็อยู่ในสงครามชีวิต...ไปได้แล้ว นายสมควร”

เฉวียงมองตามรถของปฐวีจนลับสายตาด้วยสีหน้าครุ่นคิด ยังไม่ทันจะกลับขึ้นรถตัวเอง ชัยยงค์เข้ามาหาเสียก่อน โดยมีชัยญากับถกลตามมาคุ้มกัน เขายื่นข้อเสนอให้เฉวียงมาเป็นพวกเดียวกัน เพื่อหาทางโค่นปฐวีก่อนที่จะใหญ่ค้ำฟ้าจนทำอะไรไม่ได้ เฉวียงอยากรู้หากตนทำอย่างนั้นแล้วจะได้อะไร

“คุณจะได้เสรีภาพของชิดชบาคืนไปไง”

ooooooo

กว่าชิดชบาจะรับสาย เล่นเอาธวัชพงษ์ใจหาย ใจคว่ำด้วยความเป็นห่วง พอรู้ว่าเธอไม่เป็นอะไรก็โล่งใจ แต่ไม่วายเตือนให้เธอระวังตัวไว้ด้วย พวกนั้นคงไม่หยุดง่ายๆ

“ฉันก็ไม่เข้าใจว่าคนพวกนี้ต้องการอะไรจากฉัน”

“มันต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคุณพ่อคุณแน่ ผมกำลังสืบเรื่องนายชัยยงค์กับคุณปฐวีอยู่ เพราะสงสัยว่าเขาจะสร้างบ่อนพนันใหญ่ ผลประโยชน์มหาศาลก็เลยต้องช่วงชิงกัน”

“ยังไงฉันก็ต้องรู้ให้ได้ว่ามันเกี่ยวข้องกับคุณพ่อฉันทางไหน แค่นี้ก่อนนะธวัชพงษ์” ชิดชบาปิดมือถือ ตลับนาคอดถามไม่ได้ว่าใครโทร.มา มีเรื่องอะไรหรือเปล่า เธอเล่าให้ฟังว่าธวัชพงษ์ซึ่งเป็นนักข่าวโทร.มา เขากำลังสืบเรื่องปฐวีจะสร้างบ่อนพนัน เธอจะร่วมมือกับเขาสืบเรื่องนี้ เพราะอยากรู้ว่าทำไมพ่อต้องฆ่าตัวตาย

“บางทีมันอาจจะไม่ใช่แค่คุณพ่อรับความพ่ายแพ้ไม่ได้ ใครจะรู้ล่ะคะ คุณป้า”...

เถาว์เครือเดินกร่างไปทั่วทำตัวราวกับเป็นเจ้าของบ้าน ชี้นิ้วสั่งการให้บุญถิ่นเอาข้าวของมีค่าตั้งแต่สมัยชิดชงค์ยังอยู่ไปทิ้ง ไม่รู้จะเก็บไว้ให้นึกถึงความหลังทำไม ในเมื่อความหลังของคนบ้านนี้ไม่มีอะไรน่านึกถึง บุญถิ่นเชิญเธอตามสบาย อีกหน่อยที่นี่ต้องเป็นของโสม-สุภางค์อยู่แล้ว ตลับนาคซึ่งฟังอยู่ตลอดก็ทักท้วง

“ฉันว่าเก็บเอาไว้ก่อนเถอะ คนไม่มีความหลังให้นึกถึงน่ะ เหมือนคนไม่มีตัวตน แล้วเรื่องกรรมสิทธิ์ของบ้านหลังนี้ มันยังไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร เกมมันยังไม่จบค่ะคุณเถาว์เครือ อย่าเพิ่งด่วนดีใจ ลูกสาวของคุณยังไม่ได้แต่งงานกับคุณปฐวีก็เป็นผู้อาศัยหลานสาวของฉัน...ฉันในฐานะญาติผู้ใหญ่ของชิดชบา ขอเตือนให้คุณเร่งจัดงานแต่งงานเร็วๆ เพราะว่า...” ตลับนาคพูดยังไม่ทันจบ โสมสุภางค์โวยวายลงมาจากชั้นบน

“วีล่ะคะคุณแม่ หนูเผลอหลับไปแค่งีบเดียว ตื่นขึ้นมาก็ไม่พบเขาแล้ว”

“ปฐวีไม่อยู่ เห็นว่าจะไปเชียงใหม่” เถาว์เครือตอบอย่างเสียไม่ได้ โสมสุภางค์ตัดพ้อ จะไปทั้งทีไม่บอกสักคำ หรือเขาจงใจจะหลบหน้าเธอ พอเราย้ายมาปุบปับไม่ได้บอกล่วงหน้าเขาก็เลยประชดด้วยการพานางบำเรอไปเชียงใหม่ ชิดชบาเดินลงมาจากบันไดได้ยินคำนินทาของโสมสุภางค์เลยแกล้งแหย่ ถึงปฐวีจะไม่ได้เอาตนไปเชียงใหม่ด้วย ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่มีคนอื่น เธอก็น่าจะรู้ว่าเขาใช้ผู้หญิงเปลืองโสมสุภางค์เต้นเป็นเจ้าเข้า เถาว์เครือต้องสั่งไม่ให้ไปฟังชิดชบาพูด ลูกก็รู้ว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร นังนั่นอยู่ในฐานะอะไร ระหว่างเมียกับนางบำเรอ ตนไม่เห็นผู้ชายคนไหนเลือกนางบำเรอสักคน

“มันก็ไม่แน่หรอกคุณเถาว์เครือ ถ้าเมียทำตัวเป็นเมียเจ้าปัญหา โดยเฉพาะเมียจำพวกญาติเยอะ เขาก็อาจจะหันไปหาผู้หญิงไร้ญาติขาดมิตร อยากได้แต่เงินล้วนๆอย่างหลานสาวของฉันไงจ๊ะ”

สองแม่ลูกเถียงไม่ทัน ได้แต่ร้องกรี๊ดๆราวกับเปรตขอส่วนบุญ บุญถิ่นทนฟังไม่ไหวรีบยกมือปิดหู

ooooooo

ระหว่างเดินชมสวนสวยในวังด้วยกัน อุราศรี สังเกตเห็นสีหน้าเศร้าหมองของอรุณณรงค์ เสนอให้หยุดแค่นี้ก็ได้หากเขาไม่สบายใจ เรื่องที่ผู้ใหญ่เห็นว่าเหมาะสม เราอาจปฏิเสธได้ถ้าเขารักชิดชบา อรุณณรงค์ รู้แก่ใจดีว่าเรื่องนั้นไม่มีวันเป็นไปได้ ขอเวลาให้เขาทำใจ อย่าเพิ่งทิ้งกันไปตอนนี้ เธอคือคนที่ดีที่สุดสำหรับเขา

“คนที่ดีที่สุด อาจจะไม่ใช่คนที่รักที่สุด ฉันไม่ได้รังเกียจชิดชบา แต่ฐานะนางบำเรอที่ชิดชบาเป็นอยู่ คุณจะแบกรับไหวหรือ คุณต้องแบกรับไปตลอดชีวิตของคุณนะ”

“ผมก็ไม่รู้ว่ารักของผมยิ่งใหญ่แค่ไหน มันจะมากพอที่จะลบความรักที่ผมมีต่อตัวเองไหม”

“ไม่ใช่แค่ตัวเอง แต่กับเกียรติของคุณด้วย”

คำพูดของอุราศรีทำให้อรุณณรงค์อดปวดร้าวใจไม่ได้...

บุญถิ่นไม่พอใจมากที่ตลับนาคมาก้าวก่ายงานในครัว โดยให้จำเรียงมาดูในตู้เย็นว่ามีของสดอะไรบ้างจะได้คิดเมนูสำหรับมื้อค่ำ เธอด่าฝากไปกับจำเรียง ถือดีอย่างไรถึงมาสั่งโน่นสั่งนี่ทั้งที่เป็นแค่คนอาศัย แม้เมื่อ ก่อนตอนเจ้าของบ้านคนเก่ายังอยู่ ตลับนาคจะเคยทำหน้าที่ดูแลที่นี่ แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว พอโสมสุภางค์แต่งงานกับปฐวี ก็ต้องเฉดหัวนางบำเรอออกไปนอนข้างถนน ตลับนาคเดินเข้ามาพอดี

“แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครแต่งงานกับใคร จำเรียง...ว่าไง มีอะไรเหลือบ้าง จะได้ทำขึ้นโต๊ะเป็นมื้อค่ำ มีผักหรือ งั้นแกงจืดผักรวมก็แล้วกัน มื้อค่ำนี้ฉันจัดการเอง”

“ฮึ...จะฟ้องคุณนายว่ามายึดอำนาจในครัว” พูดจบ บุญถิ่นเดินเชิดออกไป...

อีกมุมหนึ่งของบ้าน ชิดชบาเข้าไปในห้องงานปั้น พึมพำเบาๆด้วยท่าทีที่เหนื่อยล้า

“หนูรู้ค่ะว่าสงครามกำลังจะเกิด เขาเหวี่ยงระเบิดแล้วหายไป หนูไม่ยอมแขนขาดขาขาดคนเดียวหรอกค่ะพ่อ เขาด้วย เขาต้องรับผลกรรมที่ทำไว้กับหนู กับพ่อ”...

ขณะที่ชิดชบาหมายหัวจะเอาคืนปฐวีให้สาสม ถกลเปิดคลิปให้ชัยยงค์กับชัยญาและระรินดู เป็นคลิปที่ปฐวีกำลังคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่คนหนึ่งที่เห็นเพียงด้านหลังเกี่ยวกับโครงการใหญ่ที่ตัวเองกำลังจะสร้าง และขอให้ท่านผู้นั้นให้การสนับสนุน

“ผมไม่ขัดข้อง เรามาร่วมมือกันทำแผนนี้ให้เสร็จเร็วๆ ประโยชน์จะได้ถูกแบ่งปันอย่างที่คุณว่า”

ปฐวียกมือไหว้ขอบคุณผู้ใหญ่ท่านนั้นที่ให้การสนับสนุน ชัยญาสั่งให้ถกลปิดคลิป แล้วหันไปบอกพ่อว่าปฐวีมีนัดกับผู้ใหญ่ที่เชียงใหม่อย่างที่คาดไว้ คลิปนี้คนของเขาดึงมาจากกล้องวงจรปิดของโรงแรมแห่งหนึ่ง

“ปฐวีมีคนหนุนอยู่ข้างหลังจริงๆ เป็นไปอย่างที่เราคิด มันขอการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ ต้องเป็นเรื่องสร้างบ่อนพนันแน่ เราต้องหาทางหยุดมัน” พูดจบชัยยงค์ผุดลุกขึ้นด้วยความโมโห เดินไปหยุดที่ผนังกระจกโปร่งแสงซึ่งมองเห็นระเบียงตึกสูงภายนอก โดยไม่รู้ว่าธวัชพงษ์ ใช้กล้องถ่ายรูปซูมภาพผ่านกระจกบานนั้นเข้ามา

“ไม่ใช่คุณคนเดียวหรอกคุณชัยยงค์ที่จะหยุดคุณปฐวี ผมด้วย”...

ฝ่ายหม่อมจรัสเรืองไม่พอใจมากเมื่อเห็นอรุณณรงค์ พยายามโทร.หาชิดชบา เขาแก้ตัวว่าโทร.เพราะเป็นห่วง ท่านไม่เห็นจะต้องมีอะไรให้ห่วง ตอนนี้ชีวิตของเธอคงจะอบอุ่นไปด้วยญาติ เพราะโสมสุภางค์กับเถาว์เครือย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นแล้ว อรุณณรงค์ถึงกับร้องเอะอะ ทำอย่างนั้นทำไม ถึงโสมสุภางค์จะแต่งงานกับปฐวี ก็ไม่ควรก้าวก่ายชิดชบา หม่อมจรัสเรืองเห็นเขาเจ็บร้อนแทนชิดชบาก็เท่ากับว่ายังตัดใจจากแม่นี่ไม่ได้ อรุณณรงค์อ้างว่าเจ็บร้อนแทนในฐานะเพื่อนเท่านั้น

“คน ไม่ได้เกิดมาเพื่อจะเป็นเพื่อนกันทุกคน ยกเว้นผู้หญิงคนนี้สักคนหนึ่งไม่ได้หรือ เห็นแก่แม่ หรืออะไรก็ได้ เป็นต้นว่าเห็นแก่อนาคตการเป็นนักการทูตของตัวเอง”

ไม่ว่าหม่อมจรัสเรืองจะยกเรื่องไม่ดีอะไรเกี่ยวกับชิดชบาขึ้นมาพูด อรุณณรงค์จะคอยแก้ต่างให้ตลอด ทำให้ท่านขุ่นเคืองมาก คิดหาทางเขี่ยเธอไปให้พ้นจากชีวิตของลูกชายตัวเอง

ooooooo

โสมสุภางค์ถึงกับโล่งอกเมื่อเถาว์เครือโทร.ไปถามที่ทำงานของปฐวีให้แล้วว่าเขาไปเชียงใหม่จริง มีนัดกับผู้ใหญ่ที่นั่นและที่สำคัญเขาไปคนเดียว เลขาฯของเขาไม่ได้ไปด้วย

“ค่อยยังชั่วค่ะ ที่รู้ว่าเขาไม่ได้หลบหน้า แล้วนี่นังชิดชบามันหายไปไหนคะ”

คนที่โสมสุภางค์ถามถึงกำลังนอนลอยตัวอยู่ในสระว่ายน้ำหลังบ้าน ด้วยความแค้นใจที่เธอยุแยงตะแคงรั่วว่าปฐวีพาผู้หญิงอื่นไปเชียงใหม่ด้วย โสมสุภางค์ตามมาพูดจาดูหมิ่นดูแคลนเพื่อเอาคืน แต่เธอกลับไม่สะทก-สะท้าน แถมเตือนโสมสุภางค์ให้ใช้สติกรองใจตัวเองให้อยู่ เดี๋ยวจะเลวตามปฐวีไปด้วย แล้วเดินหนีเข้าข้างใน โสมสุภางค์กำมือแน่น พยายามข่มอารมณ์ไว้

“แก...นังชิดชบา อวดดียังไงมาว่าปฐวีของฉันเป็นคนเลว”...

ทางด้านธวัชพงษ์นำคลิปที่ใช้กล้องถ่ายภาพเลนส์พิเศษซูมได้จากบ้านของชัยยงค์มาเปิดให้แพรวาดู เนื่องจากแอบถ่ายมาอีกทอดหนึ่งจึงมีแต่ภาพไม่มีเสียง แล้วสรุปเอาเองว่าปฐวีกำลังจะสร้างบ่อนพนัน มีผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพลคอยหนุนหลัง แพรวาอดสงสัยไม่ได้ ธวัชพงษ์แน่ใจได้อย่างไรว่าเขาจะทำอย่างนั้น

“คลิปนี้เป็นหลักฐาน เชื่อเถอะ ท่าทางเขามันบอก เขามีคนหนุนหลัง เขาไม่ใช่คนดี เขากำลังมอมเมาคนในชาติให้ตกเป็นเหยื่อผีพนัน”

“แต่ฉันกลับไม่คิดอย่างนั้น”...

ขณะที่ธวัชพงษ์กับแพรวามีความคิดที่แตกแยก ชัยยงค์สั่งให้ชัยยาจับตาดูปฐวีไว้อย่าให้คลาดสายตา ส่วนตนเองจะไปปรึกษาเรื่องบ่อนพนันกับผู้หลักผู้ใหญ่ ชัยญารอจนรถของพ่อลับสายตา หันมองระริน

“เป็นหน้าที่ของเธอ ฉันให้โอกาสเธอแก้ตัว ฉันต้องรู้ว่าปฐวีอยู่ที่ไหน ทำอะไร”...

ทันทีที่ปฐวีกลับถึงบ้าน รีบตรงไปหาชิดชบาที่อยู่ในห้องงานปั้น เธอละสายตาจากงานตรงหน้า มองเขาเย็นชา ก่อนจะทำงานของตัวเองต่อไป เขาไม่พอใจที่เธอทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน แล้วด่าว่าเธอต่างๆนานา ชิดชบาไม่ยอมให้ถูกเล่นงานฝ่ายเดียว ด่าคืนบ้าง ปฐวีโกรธจัดกระชากเธอมาจูบ จังหวะนั้นโสมสุภางค์เปิดประตูผลัวะเข้ามา เห็นภาพบาดตาบาดใจตรงหน้า หันหลังวิ่งหนีไปทั้งน้ำตา ปฐวีรีบวิ่งตามจนทันกันที่ห้องโถงด้านล่าง

“คุณต้องรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคุณไม่ควรย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ แต่เมื่อคุณย้ายเข้ามาแล้ว คุณก็ต้องรับ อะไรๆของผมกับนางบำเรอ”

โสมสุภางค์ตัดพ้อ ตกลงนี่เป็นความผิดของเธอใช่ไหมที่ยังทำใจเรื่องชิดชบาไม่ได้ ปฐวีนึกว่าเราสองคนคุยกันเข้าใจแล้วเสียอีก เมื่อเธอแต่งงานกับเขา เธอจะเป็นเมียถูกต้องตามกฎหมาย ยังต้องการอะไรมากกว่านี้อีก ถ้าเธอรักเขา ไม่ต้องตัดแขนตัดขาเขาให้ยุ่งยาก แค่รับให้ได้ว่าเขาเป็นอย่างไรก็พอ โสมสุภางค์รับปากจะอดทนเพื่อเราสองคน แล้วเอนศีรษะซบไหล่ปฐวี ชิดชบา มองลงมาเห็นภาพทั้งคู่ แววตาหม่นหมองลงทันที

ooooooo

เพื่อตัดปัญหาเรื่องชิดชบา หม่อมจรัสเรืองจึงขอให้อุราศรีรับหมั้นอรุณณรงค์ไว้ก่อน ส่วนเรื่องงานแต่ง รับรองจะต้องให้สมเกียรติคุณหญิงของเธอ อุราศรีทักท้วงจะไม่เร็วไปหรือ อรุณณรงค์อาจยังไม่พร้อม

“ชายเอี่ยวอายุสมควรจะแต่งงาน เรื่องพร้อมหรือไม่น่ะ หนูไม่ต้องห่วง ป้าอยากให้เขาแต่งงานก่อนที่จะไปรับตำแหน่งใหม่ ป้าแก่แล้วจะไปจะอยู่ก็ยังไม่รู้เลย”

อุราศรีไม่คิดว่าเหตุผลแค่นี้จะทำให้อรุณณรงค์เข้าใจ และที่สำคัญเธอไม่ใช่สาวน้อยมหัศจรรย์ที่จะบันดาลหรือเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ถ้าเขาไม่ร่วมมือด้วย หม่อมจรัสเรืองอาสาจะจัดการเรื่องชิดชบาให้เอง...

เถาว์เครือเห็นตลับนาคได้รับคำชมจากปฐวีที่ทำอาหารเช้าอร่อยถูกปาก แขวะว่าแค่อาหารพื้นๆ ลูกสาวของเธอก็ทำได้เช่นกัน ปฐวีขี้เกียจฟังเธอคุยอวด รีบตัดบทขอตัวไปทำงาน มีประชุมแต่เช้า โสมสุภางค์ จะชวนเขาไปกินข้าวด้วยกันหลังเลิกงาน แล้วเลยไปเต้นรำ ปฐวีเหลือบมองไปยังชิดชบาที่นั่งก้มหน้าก้มตากินมื้อเช้าไม่สนใจอะไรใครทั้งสิ้น ก่อนจะบอกโสมสุภางค์ ว่าวันนี้เขาเลิกงานดึก

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะไปนั่งเฝ้าคุณ ไปค่ะวี ฉันจะเดินไปส่งคุณที่รถค่ะ” โสมสุภางค์คล้องแขนเดินคลอไปกับปฐวี เถาว์เครือค้อนตลับนาคหนึ่งวง ก่อนจะลุกออกไป ตลับนาคเป็นห่วงความรู้สึกของหลานสาว ยังไม่ทันจะปลอบใจ เธอชิงพูดขึ้นเสียก่อน ให้ท่านนึกเสียว่าที่เห็นเมื่อครู่เป็นการแสดง และทำใจให้ชินกับมัน...

สายวันเดียวกัน หม่อมจรัสเรืองบุกมาหาชิดชบาถึงบ้าน ขอร้องเธอในฐานะของคนเป็นแม่ที่ต้องเห็นแก่อนาคตของลูกให้ชิดชบาปล่อยอรุณณรงค์ไป เธออธิบายว่าคงเป็นการเข้าใจผิด เธอกับเขาเป็นแค่เพื่อนกันไม่มีอะไรมากกว่านั้น และที่สำคัญเธอไม่อยู่ในฐานะที่จะทำอะไรตามใจตัวเองได้

“ก็ดี หวังว่าฉันคงไม่เชื่อคนผิดนะ ฉันจะจัดการให้ชายเอี่ยวแต่งงานกับผู้หญิงที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ฉันดีใจที่เราพูดกันรู้เรื่อง...สักวันหนึ่ง เธอจะต้องเป็นแม่ แล้วเธอจะเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่อย่างฉัน” ว่าแล้ว หม่อมจรัสเรืองก็ลุกออกไป ชิดชบามองตาม ก่อนจะเอามือแตะท้องน้อยของตัวเอง มัวแต่ครุ่นคิดถึงคำพูดของหม่อมจรัสเรือง ไม่ทันสังเกตเห็นเถาว์เครือแอบฟังอยู่อีกมุมหนึ่ง ได้ยินทุกอย่างที่ทั้งคู่คุยกัน

ooooooo

ชัยยงค์ ชัยญาและถกลมาหาเฉวียงที่สำนักงานทนายความเพื่อฟังคำตอบว่าเขาจะร่วมมือด้วยหรือไม่ แล้วคุยอวดว่าหากเขายอมร่วมมือกับพวกตน จะสบายไปทั้งชาติ เฉวียงขอผ่าน เรื่องเงินเขาเองก็ชอบ แต่ไม่รู้ว่าได้มาแล้วจะได้อยู่ใช้หรือเปล่า เพราะเคยเห็นคนทรยศคดโกงจนมีเงินมากมาย แต่กลับไม่มีโอกาสใช้

“คุณรู้ไหมว่าคนพวกนั้นไปไหน”

“ไปไหนวะ” ชัยญาโพล่งขึ้นอย่างเหลืออดชัยยงค์ต้องปรามลูกไว้

“ไม่ตายก็ติดคุก” เฉวียงเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน จ้องชัยยงค์อย่างท้าทาย...

ด้านอรุณณรงค์รู้เรื่องที่หม่อมแม่ไปหาชิดชบาจากอุราศรี พอท่านกลับถึงวัง ปรี่เข้าไปหาอย่างร้อนใจ หม่อมจรัสเรืองบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุขว่า ท่านจบเรื่องของเขากับชิดชบาไปแล้ว

“ต่อไปนี้ชิดชบาจะไม่เข้ามายุ่งในชีวิตของลูกอีก หน้าที่ของชายเอี่ยวจากนี้ไป คือเตรียมตัวแต่งงาน”...

ชัยญาพยายามข่มความโกรธเดินออกมากับชัยยงค์ พอถึงหน้าสำนักงานทนายความก็หมดความอดกลั้น ชักปืนขึ้นมาจะกลับเข้าไปเอาเรื่องเฉวียงที่กล้ายอกย้อนพ่อของตนเอง ชัยยงค์ต้องปรามให้ใจเย็นๆ ขืนเขาเป็นอะไรไปตอนนี้เราเดือดร้อนแน่ แต่ที่สำคัญ เรายังใช้ประโยชน์จากเขาได้

“ผมไม่เข้าใจ ทำไมมันถึงได้โง่อย่างนี้ คุณชิดชงค์ ตายไปแล้ว ชิดชบาจะมีปัญญาจ้างทนายส่วนตัวหรือ ตัวเองยังถูกเลี้ยงเหมือนนก” ชัยญาเข่นเขี้ยว ชัยยงค์ยังมีแผนสำรอง แม้เฉวียงจะไม่ให้ความร่วมมือก็ตาม...

ระหว่างที่ชัยยงค์วางแผนจะฮุบบ้านที่ปฐวียึดได้จากชิดชงค์มาเป็นของตัว เถาว์เครือกับโสมสุภางค์วางแผนจะทำให้สัญญาระหว่างชิดชบาและปฐวีจบเร็วขึ้น โดยจะทำให้เธอเป็นชู้กับอรุณณรงค์ นั่นเท่ากับเธอทำผิดสัญญา และบ้านหลังนี้ก็จะเป็นของปฐวี จากนั้นค่อยยักย้ายมาให้โสมสุภางค์หลังแต่งงานกับเขา...

ค่ำวันเดียวกัน อรุณณรงค์ไปดักรอชิดชบาที่ฟิตเนส แล้วชวนไปกินดินเนอร์ที่ร้านอาหารในโรงแรมหรูกลางกรุง บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง เธออยากให้เขาทำตามที่หม่อมแม่ของเขาต้องการ เขามีอนาคตอีกไกล ไม่ควรมายุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงอย่างเธอ ให้บังเอิญเหลือเกินที่ปฐวีพาโสมสุภางค์มาที่นี่เช่นกัน ต่างมองทั้งคู่ตาเขม็ง โสมสุภางค์สบช่องใส่ไฟชิดชบาทันที

“ตอนนี้ฉันเชื่อจริงๆแล้วว่าคุณชายอรุณณรงค์ไม่ได้วิเศษอย่างที่ใครๆมอง”

ปฐวีไม่อยากเห็นภาพบาดตาชวนโสมสุภางค์ไปกินอาหารที่อื่น เธอแขวะถึงกับกินไม่ลงเลยหรือ ปลงเสียบ้างเถอะ ถึงอย่างไรชิดชบาก็ไม่ใช่ของตายสำหรับเขาเพราะยังดิ้นได้ ปฐวีไม่ชอบให้ถูกหยาม ลากแขนเธอเข้าไปทักทาย อรุณณรงค์ทักตอบอย่างเก้อๆ เนื่องจากไม่คาดคิดว่าจะเจอ ขณะที่ชิดชบาเชิดหน้าไม่สนใจ

“ผมคงรบกวนคุณ ขอให้อร่อยนะครับ” พูดจบปฐวีเดินจากไปกับโสมสุภางค์ด้วยท่าทีเริงร่า อรุณณรงค์เห็นกิริยาเงียบๆของชิดชบาแล้วอดสงสารไม่ได้

ooooooo

เมื่อได้ข้อมูลของชิดชงค์มาพอสมควร ธวัชพงษ์นัดแพรวาออกมาเจอกันที่ร้านบะหมี่ข้างถนน แล้วเล่าประวัติคร่าวๆของชิดชงค์ให้ฟังว่าเมื่อก่อนเขาเริ่มต้นจากเข้าหุ้นกับเพื่อนซื้อข้าวเปลือกส่งโรงสี ต่อมาพอเพื่อนเขาตาย เขาก็เลยได้โควตาค้าข้าวทั้งหมด

จากนั้นชิดชงค์ก็เอาเงินที่ได้ไปต่อยอดธุรกิจอื่น มีธุรกิจค้าเหล็ก แล้วก็ผูกขาดตลาดสินค้าเกษตรส่งออก

“เพื่อนที่เคยเป็นหุ้นส่วน คนที่ทำโรงสีกับคุณชิดชงค์ นามสกุลเดียวกับปฐวี”

แพรวากำลังจะคีบบะหมี่เข้าปาก ถึงกับชะงัก...

ดึกมากแล้วกว่าอรุณณรงค์จะขับรถมาส่งชิดชบา ตลับนาคซึ่งรออย่างร้อนใจ ปราดเข้ามาต่อว่าหลานสาวตัวเอง ทำไมเพิ่งกลับ จะโทร.บอกสักคำก็ไม่มี ปฐวีกลับมารอเธอนานแล้ว พอรู้ว่าหลานสาวไปกินข้าวกับอรุณณรงค์มา ตลับนาคถึงบางอ้อทันที ทำไมปฐวีถึงได้หน้าบูดขนาดนั้น เถาว์เครือตามเข้ามาเย้ยหยันว่าปฐวีคงไม่มีเวลามาสนใจนางบำเรอของตัวเองจะไปไหนกับใครและคงไม่มีใครถือสาด้วย

“แต่ฉันถือ ยังไงหลานสาวของฉันก็ยังเป็น...เอ้อ เป็นสมบัติของคุณปฐวีอยู่ ควรจะให้เกียรติคนที่เป็นเจ้าของ ชิดชบา...ถึงเราจะต้องอยู่ท่ามกลางคนไม่มีเกียรติ ก็ต้องรักษาเกียรติไว้ อย่างน้อยเราก็เป็นผู้หญิง”

ชิดชบาขอบคุณตลับนาคสำหรับคำสั่งสอน ขอตัวไปอาบน้ำก่อน เถาว์เครือปากเสีย แนะให้เธอสอนหลานให้เป็นตุ๊กแก ใกล้อะไรต้องเกาะเอาไว้ก่อน เผื่อจะมีโอกาสที่ดีกว่า เธอย้อนอย่างเจ็บแสบว่าเถาว์เครือควรไปสอนลูกตัวเองให้เกาะปฐวีไว้แน่นๆ เพราะเหลือโอกาสเดียวแล้ว แต่ชิดชบายังมีทางเลือกมากกว่า

“ขอให้ทางเลือกของนังชิดชบาเป็นทางไปนรก” เถาว์เครือแช่งไล่หลังตลับนาคที่เดินขึ้นตึก...

ฝ่ายปฐวีดักรอชิดชบาอยู่หน้าห้องของเธอ ทันทีที่เจอหน้าถามคาดคั้นว่าหายไปไหนมา แค่กินข้าวทำไมใช้เวลานานนัก เธอเหนื่อยเกินกว่าจะทะเลาะด้วยเดินหนีเข้าห้อง เขาตามมากระชากแขนเธอไว้ ด้วยความหึงหวงทำให้ปฐวีพาลด่าไปถึงอรุณณรงค์ว่าทำตัวเป็นแมวที่คอยจะงาบปลาย่างของคนอื่น

“เขาคงคิดสินะว่าแต่งงานแล้วผมจะปล่อยคุณไปบอกเขาว่าเขาคิดผิด”

“เขาไม่ใช่แมว แล้วคุณก็ไม่ใช่เสือ ปล่อยฉันนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะร้องดังๆว่า...” แล้วแกล้งร้องครวญครางน้ำเสียงเซ็กซี่ “ร้องให้ถึงหูของว่าที่เจ้าสาวคุณว่าคุณกำลังทำอะไร” คำขู่ของเธอได้ผล ปฐวีผลุนผลันออกจากห้องทันที

ooooooo

ธวัชพงษ์ยังคงตามติดเรื่องราวในอดีตของปฐวี ชวนแพรวาบุกไปถึงสถานที่ที่เคยเป็นโรงสีเก่าของเพื่อนของชิดชงค์ ซึ่งเขาเชื่อว่าเพื่อนคนนั้นเป็นพ่อของปฐวี แต่ตอนนี้กลายเป็นท่าข้าวไปแล้ว มีเรือบรรทุกข้าวจอดที่ท่าเรือเต็มไปหมด ธวัชพงษ์จะลองสอบถามคนแถวนี้ดูว่าจำเรื่องราวเก่าๆของที่นี่ได้บ้างไหม

“ยี่สิบปีมาแล้ว ใครจะจำได้ แล้วถึงจะมีคนจำได้ ฉันก็ไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวข้องกับคุณปฐวี”

“คุณยังจำฝันร้ายของเขาได้ไหม คุณเคยบอกว่าคนที่มีฝันร้ายติดตัวต้องเป็นคนมีภูมิหลังมาแต่วัยเด็ก”

“แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเขามีวัยเด็กยังไง”

นักข่าวหนุ่มลองสอบถามคนแถวนั้นดู แต่ไม่มีใครรู้อะไร เพราะเรื่องราวเกิดขึ้นมานานมากแล้วชาวบ้าน คนหนึ่งแนะให้ลองไปสอบถามเจ้าอาวาสวัดซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ เพราะท่านอยู่ที่นี่มาตั้งแต่หนุ่มๆ แม้ท่านจะให้รายละเอียดได้ไม่มากนัก แต่ก็ทำให้ทั้งคู่รู้ว่าพ่อของปฐวีซึ่งเป็นเจ้าของโรงสีแห่งนั้น ผูกคอตายเพราะโดนเพื่อนโกงหมดตัว ไม่ นานหลังจากนั้น แม่ของเขาก็ตายตามเพราะตรอมใจ

“ปฐวีต้องอยู่วัด เรียนหนังสือกับพระ เขาเป็นคนหัวดีมีมานะ กินข้าวก้นบาตรอยู่ไม่กี่ปีก็ไปกรุงเทพฯ โยมเห็นเด็กๆพวกนั้นไหม เป็นเด็กกำพร้าที่พ่อแม่ทิ้งบ้างก็พ่อแม่ตาย บ้างก็หายสาบสูญ ปฐวีเขาดูแลเด็กพวกนี้ เขาส่งเงินส่งเสื้อผ้า ส่งอาหารมาให้ทุกเดือน เขาให้พระเลี้ยงเด็กกำพร้าไว้ จนกว่าเขาจะมีทางขยับขยาย”

“แล้วคุณปฐวีเคยมาที่นี่ไหมคะ”

“เขาไม่เคยมา แต่ความช่วยเหลือของเขาก็มาถึงเด็กๆ เด็กมีที่อยู่ที่กินที่ปลอดภัย มีโรงเรียนประชาบาลใกล้ๆนี่ สังคมมันต้องร่วมมือช่วยเหลือกันยังงี้แหละโยม สังคมถึงจะอยู่ได้”...

ขณะที่แพรวาและธวัชพงษ์ตามไปขุดคุ้ยประวัติสมัยเด็กๆของปฐวี อุราศรีแวะมาดูชุดแต่งงานที่ร้านเสื้อแห่งเดียวกับที่โสมสุภางค์มาตัดชุดแต่งงาน ได้ยินพนักงานในร้านแอบนินทาเธอกันอย่างสนุกปาก แถมเม้าท์ไปถึงชิดชบาอีกด้วย เธอฟังแล้วอดสงสารชิดชบาไม่ได้...

ทางด้านเถาว์เครือพยายามยุยงให้ชิดชบาหันไปเลือกอรุณณรงค์แทนที่จะมายุ่งเกี่ยวกับปฐวีที่กำลังจะแต่งงาน และยังชี้ให้เห็นว่าเขามีดีเหนือปฐวีทั้งด้านการงาน ทั้งเกียรติยศในสังคม อีกทั้งเทือกเถาเหล่ากอของอรุณ–ณรงค์ก็มีที่มาที่ไป ไม่เหมือนอีกฝ่ายหนึ่ง ที่จนป่านนี้แล้วยังไม่มีใครรู้เลยว่าเขามาจากไหน...

เสร็จจากคุยกับท่านเจ้าอาวาส ธวัชพงษ์พาแพรวาไปแวะที่ว่าการอำเภอเพื่อดูทะเบียนราษฎร์บ้านเก่าของปฐวี มีชื่อเขา ชื่อพ่อกับแม่ของเขาตรงตามที่ท่านเจ้าอาวาส บอก แพรวาไม่เข้าใจ ทำไมต้องขุดคุ้ยประวัติปฐวีละเอียดขนาดนี้ ธวัชพงษ์อยากรู้ว่าชิดชงค์ฆ่าตัวตายเพราะอะไร ส่วนเธอก็อยากรู้ไม่ใช่หรือว่าปฐวีฝันร้ายเพราะอะไร ชิดชบาเองก็มีสิทธิ์จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อของเธอกันแน่ และที่สำคัญเราต้องหยุดปฐวีเรื่องสร้างบ่อนพนันกลางกรุงเทพฯให้ได้ แพรวาชักไม่แน่ใจเรื่องนี้ แนะให้เขาลองพิจารณาใหม่อีกครั้ง

“ถ้าคุณปฐวีเขาดูแลเด็กกำพร้านับร้อยๆคนได้ เขาก็คงจะ...”

“มนุษย์มีสองด้าน ดำกับขาว คนเดี๋ยวนี้มีความชั่วความดีปนอยู่ในตัวคนเดียวกัน ไม่อย่างนั้นเราจะมี นักการเมืองสองหน้าหรือ”

ooooooo

สองพ่อลูกชัยยงค์และชัยญาสะกดรอยตามปฐวี ไม่ให้คลาดสายตา เห็นเขาออกมาส่งผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพลคนนั้นหลังจากเสร็จธุระ ชัยญาคาดการณ์ว่าปฐวีคงกำลังเร่งเรื่องอนุมัติสร้างบ่อนพนันให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

“ใช่ เราต้องหาทางเอาเอกสารที่ผู้ใหญ่ท่านเซ็นอนุมัติออกมาแฉ ไม่อย่างนั้นเราจะหยุดปฐวีไม่ได้”

“ผมจะให้ระรินจัดการครับพ่อ”

แค่ชัยญาโทร.กริ๊งเดียว ระรินก็จัดการเขี่ยเลขาฯหน้าห้องของปฐวีพ้นทางโดยเอายาถ่ายผสมน้ำให้กิน พอเธอวิ่งเข้าห้องน้ำ ระรินย่องเข้าไปในห้องทำงานของปฐวี ค้นหาเอกสารที่ชัยญาต้องการ แต่ไม่พบ...

ขณะชิดชบากำลังเดินดูดอกไม้สวยอยู่ที่หน้าตึกใหญ่ พอเห็นปฐวีขับรถเข้ามาจอด จัดแจงจะเดินหนี เขาร้องเรียกให้หยุดก่อน ทำไมพักนี้เธอต้องคอยหลบหน้าเขาด้วย เธอปฏิเสธว่าไม่ได้หลบ

“ผมได้ข่าวว่าคุณชายอรุณณรงค์จะแต่งงาน หม่อมจรัสเรืองเป็นคนออกข่าวเอง คงไม่ใช่ข่าวเท็จ”

ชิดชบาพยักหน้ารับรู้อย่างแกน ปฐวีแปลกใจที่เธอไม่รู้สึกรู้สมอะไรด้วย เธอดักคอว่าเขาคงผิดหวังใช่ไหมที่เธอรู้เรื่องนี้แล้วไม่ได้ลงไปนอนดิ้นพราดๆสิ้นใจตายตรงหน้า แล้วเดินหน้าเชิดคอตั้งเข้าตัวตึก สวนกับโสมสุภางค์ที่เห็นหน้าบอกบุญไม่รับของอีกฝ่าย ถึงกับออกปากว่าเขาทะเลาะอะไรกับแม่นั่นหรือ ปฐวีปฏิเสธว่าไม่มีอะไร เธอชวนเขาเข้าบ้าน แล้วคุยว่าเริ่มจะชินกับการที่มีชิดชบาอยู่ร่วมบ้านด้วย

“เราควรจะมีความสุขให้ชิดชบาเห็น เพราะสถานะของเธอขึ้นอยู่กับใครเป็นผู้ผิดสัญญา”...

ในขณะที่โสมสุภางค์พยายามเล่นสงครามประสาทกับชิดชบา เถาว์เครือแวะไปดูจี้เพชรที่ร้านขายเพชรเผื่อจะให้ลูกสาวใส่ในวันแต่งงาน เจอชัยยงค์เข้ามาทักทาย พร้อมกับเสนอตัวจะซื้อจี้เพชรชิ้นนี้ให้ แทนที่เถาว์เครือจะปฏิเสธ กลับรับมาเป็นของตัวหน้าตาเฉย โสมสุภางค์รู้เข้าก็ต่อว่าว่าไปรับของเขามาทำไม ใครจะให้อะไรใครครั้งละหลายแสนบาทได้อย่างไร ถ้าเขาไม่ต้องการผลประโยชน์ตอบแทน

“ก็ช่างเขาปะไรล่ะ เขามีสิทธิ์ที่จะต้องการอะไรๆที่เป็นผลประโยชน์ แต่เราจะให้หรือเปล่า ตั้งแต่แม่เกิดมา แม่ไม่เคยเสียรู้ใครเลยนะ เพราะแม่รักตัวเองมากกว่ารักคนอื่น” เถาว์เครือเชิดหน้าอย่างทะนงตน...

แม้จะได้ฤกษ์แต่งงานของอรุณณรงค์กับอุราศรีมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ทันใจหม่อมจรัสเรือง อยากจะให้เร็วกว่างานแต่งของปฐวีกับโสมสุภางค์เสียด้วยซ้ำ เพราะเกรงอรุณณรงค์จะเปลี่ยนใจ...

ชัยญากลัวว่าแผนอ่อยเหยื่อซื้อเพชรให้เถาว์เครือของพ่อจะไม่ได้ผลเพราะเถาว์เครือขึ้นชื่อว่าเค็มขนาดทะเลยังเรียกป้า นี่ถ้าปฐวีไม่ร่ำรวย คงไม่ยอมยกลูกสาวให้ แต่งงานกับผู้ชายที่มีนางบำเรอแน่นอน ชัยยงค์ต้องเอาเถาว์เครือมาเป็นพวกให้ได้เพราะถ้าบ้านหลังนั้นหลุดมือจากชิดชบาก็ต้องตกเป็นของโสมสุภางค์

“พ่อ คุณนายเถาว์เครือรู้แล้วว่าบ้านหลังนั้นมูลค่าเพิ่มมหาศาล แกจะไม่ฮุบไว้คนเดียวหรือ”

“ฉันจะเป็นหุ้นส่วนชีวิตของคุณนายเถาว์เครือ” คิดได้ดังนั้น ชัยยงค์ไม่รอช้า ส่งดอกไม้ช่อสวยไปกำนัลเถาว์เครือถึงบ้าน ทีแรกเธอคิดว่าอรุณณรงค์ส่งให้ชิดชบา แต่พออ่านการ์ดที่แนบมากับช่อดอกไม้ว่ามอบให้เธอเองจากชัยยงค์ ก็ฉีกยิ้มกว้าง หอบช่อดอกไม้เข้าตัวตึกทันที ชิดชบามองตามสีหน้าครุ่นคิดสงสัย...

ระหว่างทางกลับบ้าน อุราศรีเห็นสีหน้าหม่นหมองของอรุณณรงค์แล้วพอจะเดาใจออก เสนอให้ยกเลิกการแต่งงานไปก่อน เราแค่เพิ่งจะได้ฤกษ์มายังไม่มีใครรู้ เขาขอเวลาสักพักให้พร้อมกว่านี้ แต่เราจะไม่ยกเลิกงานแต่ง เธอไม่เร่งรัด เขาต้องการเวลานานแค่ไหนก็ได้ เพราะถ้าใจเขาไม่พร้อม แต่งงานไปก็เท่านั้น

“ผมขอบคุณที่คุณเห็นแก่หม่อมแม่ เห็นแก่อนาคตของผม สักวันหนึ่งผมจะเห็นแก่คุณ เห็นแก่ความเสียสละที่คุณมีให้ผม คุณหญิงอุราศรี” อรุณณรงค์ยิ้มเศร้า เธอแตะมือเขาอย่างปลอบโยน ก่อนจะลงจากรถ

ooooooo

เลขาฯของปฐวีเข้ามาเห็นยุวดีกับระรินนั่งแต่งหน้า แข่งสวยกันก็แว้ดใส่ เวลาทำงานไม่ใช่เวลาแต่งหน้า ถ้าอยากจะสวยเชิญสวยมาจากบ้านให้เสร็จแล้วสั่งงานให้สองสาวไปทำ ตั้งแต่งานเดินเอกสารไปจนถึงตามบริษัทกำจัดขยะมูลฝอยมาดูดส้วมพนักงาน อยู่ๆท้อง เจ้ากรรมทำพิษเลขาฯอีกครั้ง

“อุ๊ย...เอ่อ...ทำตามที่ฉันสั่งนะ ฉันต้องกลับไปทำธุระที่บ้านด่วน ถ้าคุณปฐวีถามหาล่ะก็บอกว่าลาป่วยย่ะ” เลขาฯพูดจบคว้ากระเป๋าถือเดินขนลุกซู่ออกไป ยุวดีชักเอะใจ ระรินทำอะไรเลขาฯกันแน่...

เถาว์เครือบ้าเห่อ สวมจี้เพชรที่ชัยยงค์ซื้อให้ พลางจัดดอกไม้ใส่แจกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เห็นตลับนาคยืนคุยกับจำเรียงเรื่องเมนูอาหารอยู่ใกล้ๆ แกล้งคุยอวดกับบุญถิ่นด้วยเสียงดังลั่นหวังจะเย้ยอีกฝ่ายหนึ่ง

“รู้ไหมบุญถิ่นว่าจี้อันนี้เท่าไหร่ คุณชัยยงค์ซื้อจี้เพชรให้ฉัน แล้วก็ส่งดอกไม้มาให้อีก โอ๊ย...ฉันงง”

“ยาแก้งงไหมคะคุณนายขา”

“ไม่ต้อง ฉันก็แกล้งทำงงไปอย่างนั้นเอง ฉันรู้ว่าฉันไม่ใช่คนแก่ตกรุ่นเหมือนใครบางคนที่แก่แล้วแก่เลย” เถาว์เครือว่ากระทบตลับนาค ชิดชบามาทันได้ยินช่วยป้าตัวเองแขวะคืนให้บ้าง เธอถึงกับพูดไม่ออก...

ขณะที่ชิดชบาเปิดศึกน้ำลายรายวันกับเถาว์เครือ ระรินและยุวดีแข่งกันเอาใจปฐวี เพราะเลขาฯตัวจริงลาป่วย เขาคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ถามทั้งคู่ว่าเย็นนี้ว่างไหม สองสาวตอบอย่างพร้อมเพรียงกันว่าว่าง จากนั้น ระรินรีบโทร.แจ้งชัยญาเรื่องที่ปฐวีชวนไปกินมื้อเย็น เขาอนุญาตให้เธอค้างคืนกับปฐวีได้เลย แล้วอย่าลืมส่งข่าวมาให้รู้ด้วยว่าปฐวีทำอะไรที่ไหน เราต้องทำลายความน่าเชื่อถือของเขาเพื่อล้มเรื่องสร้างบ่อนพนัน

ooooooo



-----------
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น