สองปีผ่านไป...
น้าไหวกับกล้าเมาจนแก่เกินวัย แต่ก็ยังกอดคอกันดวดไม่เว้นวัน คืนนี้ก็เมาแล้วขี่มอเตอร์ไซค์ซ้อนท้ายกันมา ร้องเพลงโหวกเหวกกันประสาคนเมา
แต่พอมาถึงบริเวณบ้านร้างหลังมหาวิทยาลัย
รถก็หยุดไปเฉยๆ สองน้าหลานเลยลงมาดูรถบ่นและโทษกันว่าบอกแล้วว่าเมาไม่ขับ พลันน้าไหวก็ชี้ให้ดูสาวสวย
ที่ยืนอยู่ที่ศาลา หารู้ไม่ว่านั่นคือผีริลณี! กล้าคึกขึ้นมาเดินไปหลีสาว ถามว่า “ดึกดื่นมายืนทำไมมืดๆคนเดียวจ๊ะคนสวย” น้าไหวก็ปล่อยแก่บ้างว่า “ซ้อนมอเตอร์ไซค์พวกพี่กลับบ้านไหมจ๊ะ”
“ช่วย-เอา-ยันต์-ออก-ให้-หน่อย” เสียงผีริลณีเย็นเยือก
“ยันต์อะไรจ๊ะคนสวย ยันโครม ยันเต หรือยันเข้าให้” น้าไหวทำเป็นพูดติดตลก
“ยันต์-ที่-อยู่-บน-หลังคา...”
กล้ามองไปบนศาลาเห็นยันต์อยู่สูง ถามว่าอยู่สูงเสียขนาดนั้นจะเอาลงมาได้ยังไง น้าไหวแน่กว่าอยากโชว์สาว สั่งกล้าให้ก้มลงแล้วตัวเองปีนขึ้นหลังกล้าพยายามจะคว้ายันต์บนหลังคาศาลา กำลังจะคว้าได้อยู่แล้ว กล้าดันจามออกมาน้าไหวหงายลงมานอนแผ่ที่พื้น ลุกขึ้นปัดฝุ่นมองลอดหว่างขาเห็นสาวสวยกลายเป็นผีเน่าเฟอะ!
น้าไหวแทบหายเมา กล้าจะแสดงฝีมือเป็นฝ่ายปีนไปเอายันต์บ้าง น้าไหวพูดไม่ออกบอกไม่เป็นเลยแกล้งทำเหรียญหล่นให้กล้าก้มเก็บ กล้ามองลอดหว่างขาจึงเห็นผีเน่าเฟอะเข้าเต็มตา กล้าตกใจเงยหน้าขึ้น เห็นน้าไหววิ่งอ้าวไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ขี่หนีไปแล้ว
“ช่วย ฉัน ด้วย” เสียงผีริลณีร้องขอแต่กล้าวิ่งอ้าวไปแล้ว ตะโกนเรียกน้าไหวให้รอด้วย...รอด้วย...ผีริลณีมองตามร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด โหยหวน
“ช่วย ฉัน ด้วย!! ใคร ก็ได้ ปลด ปล่อย ฉัน ออกไปที...”
ooooooo
ที่บ้านเด็กกำพร้า ลมกระโชกแรงจนข้าวของเครื่องใช้ปลิวว่อน เอทีเอ็มกับเฟื่องฟ้าช่วยกันเก็บวุ่นวาย
ท่ามกลางเสียงสายลมพัดแรง เอทีเอ็มเหมือนได้ยินเสียงริลณีร้องขอความช่วยเหลือมาด้วยประโยคเดิม แต่พอบอกเฟื่องฟ้าก็ถูกหาว่าหูฝาด คิดเลขทำบัญชีมากไป หรือไม่ก็ถูกหัวหน้าด่ามาใช่ไหม บ่นว่าบอกแล้วว่าอย่าไปทำที่บริษัทออแกไนซ์อะไรนั่นเลย มาช่วยตนดูแลบ้านเด็กกำพร้าดีกว่า เอทีเอ็มว่าขืนอยู่ดูแลกันทั้งสองคนก็อดตายกันพอดี
ความอัตคัดและหาทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจของบ้านเด็กกำพร้า ทำให้ทั้งสองคิดถึงริลณี บ่นกันว่าถ้าเธออยู่ก็จะผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ พูดแล้วต่างก็คิดถึงริลณีจับใจ
“ทำไมรินถึงไม่ติดต่อพวกเรามาบ้าง” เอทีเอ็มบ่น
“ตอนนี้รินเขามีความสุข ฉันมั่นใจถ้ารินพร้อมเขาก็จะติดต่อกลับมาหาพวกเราเองแหละ” เฟื่องฟ้ายังมีความหวัง
ooooooo
ในอพาร์ตเมนต์ที่อเมริกา...เตชินที่กำลังเก็บเสื้อผ้าเตรียมกลับเมืองไทย เขาแชตคุยกับชัชถามว่าได้ข่าวริลณีหรือยัง
“ฉันตามรินของนายมาสองปีแล้ว ยังไม่ได้ข่าวคราวอะไรเลย นายคงต้องกลับมาตามเองแล้วล่ะ แล้วนายจะกลับเมืองไทยเมื่อไหร่”
“มะรืนนี้”
ปิดคอมฯแล้ว เตชินหงายพิงพนักเก้าอี้รำพึงอย่างห่วงใย
“คุณหายไปไหนของคุณนะริน คุณโกรธผมมากขนาดต้องหนีผมไปเลยเหรอ”
เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้น เตชินหลุดจากภวังค์ ลุกไปเปิดประตู เห็นชมพูยืนยิ้มน่ารักอยู่หน้าห้อง เขารีบพาเธอเข้ามานั่ง ชมพูมองข้าวของทักว่านึกแล้วว่าเขายังไม่เก็บของ พลางเดินมาช่วยจัด เตชินเป็นห่วงว่าเธอเพิ่งหาย บอกว่าเดี๋ยวตนจัดเอง
ชมพูมารักษาตัวที่อเมริกาสองปี แม้อาการอื่นจะหายดีแล้ว แต่เธอก็สูญเสียความทรงจำบางส่วน แม้แต่เหตุการณ์ในวันที่ถูกรถชนและเรื่องก่อนหน้านี้ ทำให้เตชินยิ่งรู้สึกเสียใจรู้สึกตัวเองผิดตลอดมา
“ถึงความทรงจำส่วนนั้นจะหายไป แต่สองปีที่ผ่านมาพี่เตชินก็สร้างความทรงจำที่ดีที่สุดให้ชมพูนะคะ เพราะฉะนั้นอย่าไปสนใจเลยค่ะ บางทีมันอาจจะมีเรื่องไม่น่าจำจนชมพูไม่อยากจะจำมันก็ได้ค่ะ” เธอมักจะปลอบและให้กำลังใจเขาเสมอ
ชมพูช่วยเตชินจัดของ เจอนาฬิกาที่หน้าปัดแตก เธอบอกว่าหน้าปัดแตกก็ทิ้งไปเสียจะเก็บไว้ทำไม เตชินรีบคว้าไว้
“อย่าทิ้งนะครับ มันเป็นนาฬิกาเรือนสำคัญของพี่นะครับ” เธอถามว่าสำคัญแล้วทำไมไม่ซ่อม หรือไม่มีเวลาตนจะเอาไปซ่อมให้ “ไม่ต้องหรอกครับ เก็บไว้อย่างนี้แหละ บางครั้งความทรงจำบางอย่าง เราก็อยากจะเก็บเอาไว้เหมือนเดิม”
วันนี้...ที่เมืองไทย คุณหญิงจิตรา นายพลณรงค์ พิสมัย และพิชัย ต่างก็มาเตรียมรับเตชินกับชมพูที่บ้านชมพูกันอย่างตื่นเต้น คุณหญิงเอาฤกษ์มาให้ดูด้วย บอกว่าเป็นวันมหาฤกษ์เหมาะที่จะจัดงานมงคลมากที่สุดในรอบ 12 ปี
“คราวนี้คงไม่พลาดแล้วนะคะ เชิญคุณหญิงกับท่านนายพลข้างในก่อนค่ะ ป่านนี้เครื่องคงแลนดิ้งแล้ว เดี๋ยวสักพักสองคนนั้นก็คงมาถึง” พิสมัยตื่นเต้นมาก
ooooooo
เตชินกับชมพูมาถึงแล้ว ขณะนั่งรถที่สมหมายคนขับรถเก่าแก่มารับนั้น ชมพูมองบ้านเมืองอย่างตื่นเต้นบอกว่าไปแค่สองปีเปลี่ยนไปเยอะ พลันก็ร้องดีใจเมื่อเห็นภาพป้ายโฆษณาที่มีปริมลดาเป็นนางแบบ
“อุ๊ย...พี่เตชิน ดูนั่นสิคะ รูปเพื่อนชมพูที่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน ชื่ออะไรน้า...” สมหมายจำได้บอกว่าชื่อปริมลดา
“ใช่ๆๆ ปริมลดา เรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมจนจบมหาวิทยาลัยเลยเนอะ ชมพูจำได้แม่นเลยว่าเขาชอบประกาศตัวว่าจะต้องเป็นดาราดังให้ได้”
ชมพูจำเพื่อนและเรื่องราวต่างๆได้หลายเรื่อง เตชินเลยถามว่า “แล้วชมพูจำเพื่อนช่วงมหาวิทยาลัยได้ไหมครับ”
ชมพูนิ่งคิด เอ่ยรายชื่อออกมาทีละคน...ทีละคน จำได้หมดทุกคนเว้นแต่ริลณีเธอนึกไม่ออก พอพยายามนึกก็ปวดหัวจนเตชินตกใจถามว่าจะไปโรงพยาบาลก่อนไหม เธอขอพักสมองสักครู่เดี๋ยวก็หาย แล้วเธอก็หลับตาซบไหล่เตชินหลับไป
ระหว่างหลับ ชมพูฝันว่าตนได้รำกับริลณีแต่เป็นฝันที่น่ากลัวเพราะเห็นริลณีเป็นผีจนเธอตกใจร้องกรี๊ดตื่นขึ้นมา
เมื่อกลับมาถึงบ้าน พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายต่างโผเข้ากอดลูกด้วยความคิดถึง แต่เตชินสดชื่นดีใจได้ไม่ทันไร ก็เครียดเมื่อคุณหญิงพูดถึงความรับผิดชอบต่อชมพูของเขาอย่างชื่นชมว่า ที่แล้วมาทำดีมากและต่อไปก็จะทำต่อให้ดียิ่งขึ้น ดูแลกันไปตลอดเสียที เตชินเข้าใจความหมายพยายามที่จะท้วงติง แต่ถูกพิชัยคุณพ่อของชมพูตัดบทชวนไปทานอาหารกันก่อน
ชมพูเห็นเตชินเครียดๆ ถามว่ามีอะไรหรือเปล่า
“ไม่มีอะไรหรอกครับ รีบไปทานข้าวกัน เดี๋ยวน้องชมพูต้องทานยา” เตชินประคองชมพูไปที่โต๊ะอาหารอย่างทะนุถนอม ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายต่างมองภาพนั้นด้วยความปลื้มสุดๆ
ooooooo
เมื่อกลับบ้านตัวเอง เตชินตัดสินใจพูดกับคุณพ่อ คุณแม่ว่า “คุณพ่อคุณแม่ก็รู้นี่ครับ ผมอยู่กับน้องชมพูตอนรักษาตัวที่เมืองนอก ผมไม่เคยทำอะไรให้น้องชมพูเสียหายเลยนะครับ” คุณหญิงยักไหล่บอกว่าก็ดีแล้ว ถามว่าแล้วมีปัญหาอะไร “ก็คุณพ่อกับคุณแม่และทุกคน จะให้ผมกับชมพู...”
“แต่งงานกัน ก็เข้าใจถูกแล้วนี่” คุณหญิงพูดแทน พอเตชินจะชี้แจงต่อ ณรงค์ก็พูดขัดขึ้นว่า
“ลูกบอกว่าจะดูแลชมพูจนกว่าจะหายดี แล้วจะรับผิดชอบเรื่องนี้จนถึงที่สุดไง การแต่งงานกับหนูชมพูนี่แหละ คือการแสดงความรับผิดชอบ เพราะแกจะต้องดูแลเขาไปตลอดชีวิต”
“น้องต้องเจ็บตัวเพราะลูก แต่ทางครอบครัวนั้นก็ไม่เคยพูดหรือทำอะไรให้พวกเรารู้สึกแย่เลย คิดดูให้ดีนะเตชิน สิ่งนี้คือสิ่งที่ลูกควรจะรับผิดชอบไหม?” คุณหญิงตึงเครียดขึ้นมา เตชินได้แต่ก้มหน้า เถียงไม่ออก แอบถอนใจอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี
เมื่อเตชินได้คุยกับชัชที่มุมส่วนตัวในบ้าน ชัชเล่าอย่างหนักใจว่า เวลาสองปีที่ผ่านมาตนตามหาริลณีตลอดเวลาแต่ก็ไม่พบ พูดทีเล่นทีจริงว่าดีไม่ดีอาจจะแต่งงานมีลูกไปแล้วกระมัง
เตชินมองหน้าชัชขวับจนชัชสะดุ้ง เขาบอกชัชว่าตนแต่งงานกับชมพูไม่ได้เพราะเคยสัญญากับริลณีว่าจะดูแลเธอจนตาย ตนไม่เคยรักใครนอกจากริลณี
“คิดให้ดี ชีวิตคนเราต้องเดินไปข้างหน้า จะจมอยู่กับอดีตไม่ได้”
“นายไม่มีวันเข้าใจหรอกว่าฉันกับรินน่ะเรารักกันแค่ไหน”
“งั้นแกก็ต้องลองตามหาเขาเอง ไม่แน่นะ ความรักของแกอาจจะนำแกไปพบกับเขาก็ได้”
ooooooo
วันต่อมาเตชินขับรถไปที่มหาวิทยาลัย มองไปยังที่ต่างๆในมหาวิทยาลัยที่เห็นริลณีเคยเดิน เคยนั่ง และเคยพบปะกัน
เตชินตกอยู่ในภวังค์จนขับรถเกือบชนปริมลดาที่แต่งตัวจัดเดินข้ามถนนตัดหน้ารถในระยะกระชั้นชิดจนตัวเองล้มลง เตชินรีบลงไปดู เลยจำกันได้
เมื่อเจอปริมลดา เตชินคิดจะพบปะเพื่อนเก่าๆ ของริลณีเพื่อถามข่าวคราวของริลณี เขาจึงไปดูเธอเข้าฉากละครที่กองถ่ายเห็นเธอเดินกะเผลกก็ยิ่งรู้สึกผิด เมื่อเอ่ยขอโทษเธออ้อนว่างั้นรอฉากสุดท้ายอีกแป๊บเดียวแล้วตนจะพาเขาไปฟื้นความจำเก่าๆด้วยกัน พอเตชินอึกอัก เธอรวบรัดตัดบทว่า
“ก็ถือว่าไปเลี้ยงปลอบใจลดาแล้วกันค่ะ นะคะ... นะ...นะ...ร้านใกล้ๆนี่เอง...” เตชินรู้สึกตัวเองผิดอยู่แล้ว เลยรับคำ “แล้วอย่าแอบหนีให้ลดาเก้อนะคะ คราวนี้ลดาโกรธจริงๆด้วย”
ระหว่างนั่งรอนั่นเอง หูเตชินแว่วเสียงเรียก “เตชิน... เตชิน...” เขาพยายามมองหาที่มาของเสียงก็ไม่เจอ จนเมื่อเขาลุกไปตามที่คาดว่าเสียงมาจากทางนั้น ก็ถูกปริมลดามาถามว่าจะไปไหน เขาบอกว่าจะไปตามเสียงเรียก ปริมลดาทำเง้างอนหาว่าผู้หญิงที่ไหนมาเรียกอีก แล้วคล้องแขนพาเขาออกไปเลยเพราะกลัวเขาจะเปลี่ยนใจ
พี่โต้งผู้กำกับที่เคยมีข่าวฉาวกับปริมลดามองตามเธอควงเตชินออกไปไม่พอใจมาก
ooooooo
เมื่อไปนั่งในร้านอาหารแล้ว เตชินบอกปริมลดาว่าตนมาทานข้าวด้วยเพราะอยากให้เธอช่วยนัดเพื่อนเก่าๆ สมัยเรียนมหาวิทยาลัยมาสังสรรค์ เพราะอยากให้ ชมพูได้เจอเพื่อนเก่าๆบ้างเผื่อจะช่วยฟื้นความจำในอดีตได้
ปริมลดาชักสีหน้าไม่พอใจ เธอรับปากแต่มีข้อแม้ว่าทำแล้วเขาต้องไปเที่ยวกับตน พอดีพี่โต้งโทร.มาปริมลดาจึงขอตัวลุกไปคุยโทรศัพท์
พี่โต้งโทร.มาเตือนเรื่องนัดต่อบทกันคืนนี้ทั้งคืน ปริมลดาสวนไปอย่างไม่พอใจว่าไม่ต้องย้ำ พี่โต้งบอกว่าต้องย้ำ! เพราะกลัวเธอจะเห็นผู้ชายอื่นสำคัญกว่าการต่อบทกับตนคนที่จะทำให้เธอยังคงเป็นนางเอกเบอร์หนึ่งต่อไปได้ พูดขู่ๆว่า มีดาราสาวๆอีกเพียบที่อยากเล่นบทนี้ ปริมลดาอยากจะกรี๊ดแต่ก็ต้องห้ามใจไว้ ทำเสียงหวานตอบเอาใจว่า
“พี่โต้งไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ลดารู้ว่าผู้ชายคนไหนของลดาสำคัญที่สุด”
ระหว่างนั้นเตชินแว่วเสียงเรียก “เตชิน...เตชิน...” จนเขาลุกพรวดจากเก้าอี้มองหาไปรอบๆ เสียงเรียกก็ยังแว่วมาไม่ได้หยุด ในที่สุดเขาหยิบเงินวางไว้เป็นค่าอาหารแล้วรีบตามเสียงเรียกนั้นไปเหมือนต้องมนต์
“คุณเตชินคะ จะรีบไปไหน...เตชิน” ปริมลดากลับมาเห็นเตชินกำลังเดินอ้าวออกไป เธอร้องเรียกแต่เขาไม่สนใจขับรถออกไปอย่างเร็ว
เตชินขับรถไปตามเสียงเรียก จนเจอบ้านร้างหลังมหาวิทยาลัย ก็แว่วเสียงเพลงไทยเดิมจนแปลกใจ
เตชินเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ขับรถตามเสียงเพลงไปจนมาถึงหน้าบ้านร้าง รถดับสตาร์ตก็ไม่ติด พอลงไปดูปรากฏว่าน้ำแห้ง เขาตัดสินใจเดินเข้าไปในบ้านด้วยหวังว่าจะได้พบเจอใครที่จะขอน้ำมาเติมรถได้
ระหว่างทาง เจอกำไลเท้านางรำที่พื้น เขาหยิบขึ้นดูอย่างแปลกใจแล้วเก็บใส่กระเป๋าไว้ ทั้งยังถ่ายรูปบ้านที่ยังดูสวยงามอย่างถูกใจ
พลันก็มีชายแก่ปรากฏตัวขึ้น โวยว่า “แอบเข้ามาแบบนี้ จะเข้ามาพิสูจน์บ้านผีสิงรึไง!” เตชินบอกว่าจะเข้ามาขอน้ำไปเติมรถสักขวด ขอโทษที่เข้ามาโดยไม่ได้ขออนุญาต
ชายแกถามว่าชอบบ้านนี้หรือ ถ้าชอบก็ลองขอซื้อจากเจ้าของดู ได้ข่าวว่าเจ้าของกำลังประกาศขายถูกๆ เตชินสนใจถามว่ามีเบอร์ติดต่อเจ้าของไหม ชายแก่บอกว่าลองไปหาดู พูดเป็นนัยว่า “อะไรถ้าจะได้เป็นของเรา มันก็จะได้เป็น”
เตชินถามว่าแถวนี้มีร้านค้าหรือบ้านที่ตนพอจะหาน้ำไปเติมรถได้ไหม ชายแก่หันมายิ้มบอกว่า “รถไม่ได้เสียหรอก”เมื่อเขาออกไปสตาร์ตรถอีกทีปรากฏว่าสตาร์ตติด!
ที่ใต้ศาลา ริลณีมองตามเตชินยิ้มอย่างมีความสุข ในขณะที่เตชินเองหันมองบ้านอย่างตั้งใจว่าจะต้องกลับมาอีกครั้งแน่
ooooooo
กลับถึงบ้าน เตชินโทร.คุยกับชัช ขอให้ช่วยสืบว่าใครเป็นเจ้าของบ้านหลังนั้น จะขายราคาเท่าไร ตนอยากได้จริงๆ
คุยกับชัชแล้ว เตชินเดินมาที่เตียงหยิบรูปริลณีในชุดรำไทยที่ตนเคยถ่ายไว้มาดู พลันก็นึกถึงกำไลเท้าที่เก็บมา เขาหยิบออกมาดู ปรากฏว่าเหมือนกำไลเท้าที่ริลณีใส่รำไม่มีผิด!
“คุณหายไปอยู่ที่ไหนนะริน...” เตชินรำพึงด้วยความคิดถึง...เป็นห่วง...วางรูปของริลณีและกำไลเท้าไว้ที่หัวเตียงข้างๆนาฬิกาหน้าปัดแตกที่ริลณีให้ ล้มตัวลงนอนอย่างเหนื่อยอ่อน
เตชินฝันว่าได้พบริลณีกำลังร่ายรำอย่างมีความสุขอยู่บนบ้านหลังนั้น เขาเข้าไปถามว่าหายไปไหนมารู้ไหมว่าตนคิดถึงและตามหาตลอดมา ริลณีบอกว่าตนก็รอเขามาตลอดเวลาเช่นกัน เตชินจะพูดถึงวันที่ตนผิดนัด ริลณีเอามือปิดปากเขา
“อย่าพูดถึงเรื่องที่ผ่านมาเลยค่ะ ความจริงบางเรื่องมันทำให้เราเจ็บปวด” เตชินสัญญาว่าจะไม่ทิ้งเธอ
ไปไหนอีก เราจะอยู่ด้วยกัน “ค่ะ...เราจะอยู่ด้วยกัน แม้ความตายก็จะแยกเราสองคนไม่ได้”
เตชินสะดุ้งตื่นเขามองไปที่นาฬิกาเป็นเวลาตีสามพอดี!! เขายกมือปาดเหงื่อที่หน้าผาก แล้วต้องแปลกใจที่กำไลเท้าที่วางไว้หัวเตียงก่อนนอนกลับมาอยู่ในมือได้อย่างไร?!
ooooooo
สมหมายและหมูหวานช่วยกันจัดห้องให้ชมพู พิสมัยติงว่าที่จริงไม่น่าต้องจัดเพราะอีกหน่อยชมพูก็ต้องแต่งงานออกไปอยู่ที่อื่นแล้ว ชมพูบอกว่าก็ไม่แน่ ตนอาจจะต้องอยู่บ้านนี้ไปอีกนานก็ได้ อะไรมันก็ไม่แน่นอน
ขณะนั้นเอง มีโทร.เข้ามือถือของชมพู พอฟังปลายสาย เธออุทานตื่นเต้นดีใจสุดๆ
“ลดา!! เธอได้เบอร์ฉันมาได้ยังไงเนี่ย”
พิสมัยคุมหมูหวานให้จัดเสื้อผ้าข้าวของของชมพูใส่ตู้ ขณะหมูหวานเอาของใส่ตู้ชั้นบนสุด พบกล่องอยู่ในมุมลึกสุด หมูหวานหยิบออกมาถามพิสมัยว่ากล่องอะไรไม่รู้วางอยู่มุมในสุดซ้ำยังตั้งรหัสไม่ให้เปิดด้วย พิสมัยรับไปดูอย่างแปลกใจ
พิสมัยเอากล่องไปถามชมพูที่คุยโทรศัพท์อยู่กับปริมลดาที่โทร.มานัดให้พรุ่งนี้ไปเจอเพื่อนๆกัน พิสมัยเอากล่องมาถามว่ากล่องอะไรให้เปิดดูว่ามีอะไรอยู่ในนั้น ชมพูรับไปดูอย่างพิจารณา พอปลดล็อกเปิดฝากล่อง เธอมองของในกล่องทั้งอึ้งและแปลกใจอย่างที่สุด
ในกล่องเป็นรูปถ่ายสมัยเรียนกับเพื่อนๆ ชมพูหยิบดูทีละใบ...ทีละใบ เอ่ยชื่อเพื่อนในรูปและความชอบความถนัดของแต่ละคนในรูปอย่างถูกต้องทุกคน จนมาถึงรูปถ่ายหมู่สามคน มีเฟื่องฟ้า เอทีเอ็มและริลณี ชมพูจำได้แต่เฟื่องฟ้ากับเอทีเอ็มแต่จำชื่อริลณีไม่ได้ ทั้งที่ในความรู้สึกตนสนิทกับริลณีมากแต่ทำไมจำชื่อไม่ได้?
ชมพูพลิกดูหลังรูป มีข้อความเขียนไว้ว่า “เราจะรักกันตลอดไปนะเพื่อน ริลณี” เธอจึงจำได้ว่าเพื่อนคนนี้ชื่อริลณี!
ชัชหาข้อมูลบ้านทรงไทยมาให้เตชิน บอกว่าราคาถูกมากจนแทบไม่อยากซื้อเลย แล้วส่งข้อมูลให้เตชินอ่าน พอเขาจะพลิกดู ชัชเอามือจับไว้
“เดี๋ยว!! ก่อนที่แกจะอ่าน ฉันต้องบอกก่อนว่าประวัติของบ้านนั้นไม่ธรรมดา พอฉันเสิร์ชชื่อบ้านร้างหลังมหาวิทยาลัยแล้วก็ชื่อถนนลงไป รู้ไหม ข้อมูลที่พบคืออะไร” ชัชทำหน้าสยองบอกว่า “ในเน็ตเขาบอกว่า บ้านนั้นเป็นบ้านผีสิง!”
เตชินฟังแล้วหัวเราะบอกให้เอาแค่ชื่อเจ้าของกับเบอร์ติดต่อมาก็พอ ชัชหงุดหงิดที่เพื่อนไม่เชื่อ เตชินพูดขำๆว่าที่ไหนก็มีคนตายทั้งนั้น และที่สำคัญ “ฉันไม่เชื่อเรื่องผี ขอบใจนะที่หาข้อมูลให้” หยิบข้อมูลแล้วเตชินเดินออกไป ชัชโวยวายหัวเสียบ่นว่า “ไม่ฟังกันบ้างเลยไอ้คุณชายเต!”
ooooooo
วันรุ่งขึ้น เตชินขับรถพาชมพูไปพบเพื่อนๆ เขาชมว่าเพื่อนๆเธอน่ารัก พอกลับมาปุ๊บก็ได้ข่าวปั๊บแถมยังจัดงานต้อนรับด้วย พูดยิ้มๆว่า ดี ตนก็อยากเจอเพื่อนๆของเธอเหมือนกัน
ชมพูถามว่าเขารู้จักเพื่อนตนด้วยหรือ เตชินบอกว่ารู้จักคนที่จะจัดงานต้อนรับนี่แหละ ชมพูเลยรู้ว่าที่แท้เตชินเป็นคนส่งข่าวให้ปริมลดานั่นเอง ชมพูขอบคุณเขาอย่างซึ้งใจ
ชมพูเห็นกำไลเท้าโผล่มาจากกระเป๋าเตชิน เธอถือวิสาสะหยิบไปดู เตชินหัวเราะเขินๆ บอกว่าตนไปดูบ้านทรงไทยหลังหนึ่งสวยมาก และเจอกำไลนี่หล่นอยู่เลยเอามาให้เพื่อนช่วยดูว่าเป็นกำไลยุคไหน ถ้าเป็นของเก่าก็จะได้ส่งให้ทางราชการ
ชมพูมโนว่าเตชินคงไปดูบ้านเตรียมเป็นเรือนหอ มองกำไลยิ้มปลื้ม แต่พอมองออกไปนอกรถก็ร้องกรี๊ดดดด!! จนเตชินตกใจถามว่าเป็นอะไร เธอเล่าปากคอสั่นว่า เมื่อกี๊ เห็นผู้หญิงหน้าตาน่ากลัวมากนั่งอยู่ที่กระโปรงรถ เตชินมองไปบอกว่าไม่เห็นมีอะไรเลย เธอเลยบอกว่าสงสัยสมองตนปั่นป่วนอีกแล้ว เตชินบอกให้หลับตาพักผ่อนเสีย
เตชินโอบศีรษะชมพูให้ซบไหล่ตนบอกให้นอนพักก่อน ถึงที่แล้วจะปลุก ชมพูซบไหล่เขาหลับไปอย่างมีความสุข
ooooooo
ปริมลดาจัดงานต้อนรับชมพูที่ห้องเพนต์เฮาส์ในคอนโดหรูของเอกราช เมื่อแก๊งเพื่อนเก่ามาเจอกันก็โผกอดกันด้วยความดีใจที่ไม่ได้เจอกันนาน
การมาเจอกันครั้งนี้ ตุลเทพเอ่ยปากกับเอกราชว่าอยากให้ช่วยหน่อยเพราะศูนย์กีฬาทางน้ำของเขากำลังประสบปัญหาทำท่าจะเจ๊ง ถูกปริมลดาเหน็บว่าถ้าเขาเอาเวลาไปบริหารงานให้ดีไม่มัวแต่ไปคั่วหญิงก็ไม่ประสบปัญหาขนาดนี้
“ถ้าเธอไม่พยายามใช้เต้าไต่กับผู้กำกับ จนฉันต้องขายหน้าคนทั้งประเทศฉันก็ไม่ไปมีคนใหม่หรอก” ตุลเทพโต้
เชิงชายรำพึงขึ้นว่าเจอกันครบทีไรบรรลัยทุกครั้ง แล้วบอกว่าวันนี้ตนมีเพลงใหม่มาโชว์ เพลงนี้กำลังฮิตติดชาร์ตด้วย ลองฟังกันดู พอเชิงชายเปิดเพลงให้ฟังบรรยากาศจึงค่อยดีขึ้น ประวิทย์ถามขึ้นว่า แขกพิเศษที่อยากให้พวกเราเจอมาหรือยัง พอดีเสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น
ปริมลดาบอกว่าพูดถึงปุ๊บก็มาปั๊บเลย แล้วรีบออกไปรับจนเชิงชายสงสัยว่าทำไมปริมลดาจึงต้องตื่นเต้นเว่อร์ขนาดนี้
คนที่มาคือชมพูกับเตชินนั่นเอง พอเข้ามาในห้องเพนต์เฮาส์ ชมพูเอ่ยทักทุกคนในห้อง เธอจำได้หมดทุกคน เล่าอย่างดีใจว่าเมื่อคืนอุตส่าห์ท่องชื่อมาทั้งคืน พวกผู้ชายพากันงงว่าทำไมต้องท่อง ปริมลดาเจ้ากี้เจ้าการชี้แจงว่า
“พวกเธอก็รู้นี่ว่าชมพูประสบอุบัติเหตุ เลยมีปัญหาด้านความทรงจำ ก็เลยอยากจะให้พวกเราช่วยกันฟื้นความทรงจำสมัยเรียนให้” แล้วหันบอกชมพูว่า “วันนี้ฉันเตรียมโมเมนต์ฟื้นความหลังให้เธอเพียบ ไปค่ะ
คุณเตชิน” ปริมลดาทำหน้าตายเข้าควงแขนเตชินเข้าไปในห้องจนชมพูมองเหวอ ตุลเทพหมั่นไส้พูดแขวะปริมลดากับเพื่อนๆว่า
“รู้รึยังว่ายายลดาตื่นเต้นเว่อร์เพราะอะไร”
ชมพูมองเพื่อนๆอย่างตื่นเต้น แก๊งปริมลดาต่างเล่าเรื่องในอดีตทั้งสนุกและหมั่นไส้กัน ชมพูจำแม่นว่าปริมลดากับตุลเทพเป็นแฟนกัน ปริมลดากับตุลเทพต่างรีบบอกว่าเลิกกันแล้ว ปริมลดาประกาศตัวว่าตอนนี้โสดสนิทพลางกระแซะเตชิน จนเชิงชายถามชมพูว่าจะไม่แนะนำบอดี้การ์ดให้เป็นทางการหน่อยหรือ
พอชมพูแนะนำว่านี่คือพี่เตชิน ปริมลดาก็แทรกขึ้นอย่างรู้ดีว่าเพิ่งจบปริญญาโทด้านสถาปัตย์มา
ระหว่างที่พวกเพื่อนๆของชมพูกำลังคุยกันถึงความหลังนั้น ปริมลดาสังเกตเห็นเตชินเหมือนมองหารอคอยใครอยู่ พอถาม เตชินก็ย้อนถามว่ามีคนมาแค่นี้หรือ ปริมลดาบอกว่ายังมีอีก เตชินจึงยังมีความหวังว่าริลณีจะตามมาภายหลัง
ชมพูมองเพื่อนๆบอกว่ายังมีเพื่อนเยอะกว่านี้ หงส์หยก เฟื่องฟ้า เอทีเอ็ม และริลณีด้วย ยังไม่เห็นมา เตชินได้ยินชมพูเอ่ยถึงริลณีก็มองขวับ หวังได้ฟังเรื่องของริลณีจากคนอื่นๆ แต่บรรยากาศกลับเงียบกริบไปทันที ทุกคนในห้องมองหน้ากันไปต่อกันไม่ถูก จนชมพูกับเตชินแปลกใจ
ครู่เดียวโทรศัพท์มือถือของปริมลดาดังขึ้น เธอรับสายพูดอย่างฉุนเฉียวว่าเลิกบ่นเสียทีเดี๋ยวจะให้คนลงไปช่วยถือของแล้วบอกชมพูว่า “คนที่เธอเพิ่งเอ่ยชื่อเมื่อกี๊มาอีกคนแล้ว ได้ข่าวว่าซื้อของกินมาเพียบใครจะไปช่วยถือของบ้าง”
“ผมไปช่วยเองครับ” เตชินรีบอาสาเพราะคิดว่าต้องเป็นริลณีแน่ๆ แต่พอเตชินออกไปกลายเป็นหงส์ยก
-----
ที่มา ไทยรัฐ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น