วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร แหวนสวาท ตอนที่ 1


วิศิษฏ์ หนุ่มหล่อข้าราชการสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้นิยมชมชอบสะสมของเก่าเดินทางมาดูงานที่ตลาดน้ำอโยธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ระหว่างที่ชายหนุ่มยืนชมการแสดงอาวุธโบราณโดยสำนักดาบชื่อดังอย่างออกรสออกชาติอยู่นั้น เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดไม่คาดฝัน เมื่อนักดาบคนหนึ่งมีอาการผีเข้าไล่ฟันผู้ชมจนวิ่งหนีแตกตื่น รวมไปถึงแพรวพรรณลูกสาวข้าราชการระดับสูงที่มายืนชมการแสดงอยู่ด้วย

นักดาบพุ่งเข้าหาแพรวพรรณ วิศิษฏ์กระชากหญิงสาวให้พ้นคมดาบและเอาตัวปกป้องเธอ ในวินาทีที่ผีร้ายจะฟันดาบใส่ร่างชายหนุ่ม นางฟ้าแสนสวยในชุดไทยก็ปรากฏกายใช้ฤทธิ์เดชที่สูงกว่าสยบวิญญาณผีเร่ร่อนจนหลุดออกจากร่างนักดาบ ช่วยชีวิตวิศิษฏ์และแพรวพรรณได้อย่างหวุดหวิด กว่าวิศิษฏ์จะเรียกสติกลับคืนมาได้ นางฟ้าตนนั้นหายวับไปเสียแล้ว

หลังเหตุการณ์ระทึกขวัญผ่านไป เจ้าของสำนักดาบมาขอโทษวิศิษฏ์ และบอกว่าเป็นเพราะนักแสดงคนนั้นไม่ได้ไหว้ครูจึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ชายหนุ่มถามถึงผู้หญิงที่แต่งกายคล้ายนักแสดงนางรำของที่นี่ เจ้าของสำนักดาบงุนงงว่าตนไม่เห็นผู้หญิงที่เข้าไปช่วยชีวิตเขาเลย ยืนยันว่าไม่มีนักแสดงใส่ชุดไทยบริเวณนี้

ส่วนแพรวพรรณเกิดความประทับใจในตัวชายหนุ่มที่กล้าเอาชีวิตเข้าปกป้องเธอ หญิงสาวพึงใจวิศิษฏ์เป็นอย่างมาก แต่ยังไม่ทันได้พูดคุยหรือสานต่อสัมพันธ์ใดๆ เธอก็ถูกมารดาโทร.ตามตัวให้รีบกลับบ้านเพราะพ่อป่วย แต่พอมาถึงกลับทราบว่าเป็นแผนการของคุณหญิงงามเนตรผู้เป็นมารดา เพื่อต้องการให้เธอได้ออกไปรับประทานอาหารกับบรรจบลูกชายมหาเศรษฐี

วิศิษฏ์เดินทางกลับกรุงเทพฯ แต่เหมือนมีอำนาจบางอย่างดลบันดาลให้เขาหลงทางไปที่ร้านขายของโบราณและได้พบกับแหวนหัวนาคราช ด้วยความสนใจของเก่าเป็นทุนเดิมจึงเกิดความชื่นชอบซื้อมาครอบครองในราคาแสนถูก แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องเอาเงินค่าแหวนเพียงพันบาทไปทำบุญ และต้องทำด้วยใจ

กลับถึงกรุงเทพฯ ในคืนนั้น วิศิษฏ์ได้พบกับแพรวพรรณอีกครั้ง แต่เพียงชั่วครู่เพราะบรรจบรีบพาเธอจากไป ขณะที่วิศิษฏ์กำลังให้เงินเด็กเป็นการทำบุญด้วยใจอย่างแท้จริง อดีตกรรมทำให้เขาได้พบกับสาวสวยนามว่าพิศ เธอมากับแหวนวงนั้น และต้องการทำภารกิจบางอย่างให้สำเร็จลุล่วง

พิศเป็นโอปปาติกะหรือนางฟ้าที่มีฤทธิ์เดชสามารถปรากฏร่างได้ทุกที่ ทั้งกลางวันและกลางคืน สิงอยู่ในหัวแหวนนาคราชเพื่อรอคอยช่วยน้องสาวให้พ้นจากบ่วงกรรม พิศตามวิศิษฏ์มาถึงบ้านแต่ต้องสู้รบกับผีลิ้นจี่ที่เฝ้าต้นไม้ใหญ่อยู่หน้าบ้าน

การสู้รบยุติลงเมื่อพิศเป็นผู้ชนะ ผีลิ้นจี่สยบให้พิศและยอมเป็นบริวารของเธออย่างง่ายดาย เพราะเกรงกลัวฤทธิ์เดชร้ายกาจของเธอนั่นเอง

วิศิษฏ์ชื่นชอบแหวนหัวนาคราชและคิดว่าเฟื่องขจรมารดาของตนก็น่าจะชอบ แต่เหมือนได้ยินเสียงบอกว่าอย่าเอาของตนไปให้ใคร ตนไม่ต้องการอยู่กับคนอื่น ต้องการอยู่กับเขาคนเดียวเท่านั้น ตนรอคอยวันนี้มานานมากแล้ว

ชายหนุ่มหันมองรอบตัวแต่ไม่เห็นใคร แล้วก้มมองแหวนในมือ พึมพำกับตัวเองด้วยความทะเล้นว่า

“หรือว่าแหวนผี เราถึงได้ยินเสียงผู้หญิง ดีสิ คืนนี้จะได้จับลงหม้อ ถ้าสาวด้วยสวยด้วยจะปล้ำจูบซะให้เข็ด”

ทันใดที่ด้านหลังวิศิษฏ์ พิศปรากฏร่างขึ้นมองด้วยสายตาเข้มดุ ไม่ชอบใจวาจาของเขา

ooooooo

และแล้วคืนนั้นวิศิษฏ์ก็ต้องตกตะลึงเมื่อมีสาวสวยชุดไทยมาปรากฏตัวในห้องนอน เขาจำได้ว่าเธอเป็นหญิงสาวคนเดียวกับที่ช่วยเขาที่อยุธยา เธอเรียกเขาว่า “คุณเด๋อ” แนะนำตัวว่าชื่อพิศ เป็นวิญญาณที่สิงอยู่ในแหวนโบราณ

“รู้ได้ด้วยว่าฉันอยู่ในแหวนพญานาควงนั้น เมื่อคุณเป็นเจ้าของแหวน ฉันก็ต้องมาอยู่กับคุณเด๋อ...อนุญาตให้ฉันอยู่ด้วยสิคะ”

“โอเค...อยู่ก็อยู่”

“ดี ฉันมีข้อแม้สองประการ...หนึ่ง คุณต้องเก็บแหวนไว้เป็นสมบัติส่วนตัว อย่ามอบให้ใครเด็ดขาด แม้แต่แม่ของคุณ...สอง รูปแฟนคุณเอาไปเก็บที่อื่น อย่ามาตั้งไว้ในห้องนี้ ฉันไม่ชอบ”

ชายหนุ่มพุ่งสายตาไปยังโต๊ะข้างเตียงที่วางรูปนงรามแฟนสาวคนสวย แล้วหันกลับมาทำหน้าล้อๆใส่พิศ

“บังคับอย่างนี้เชียวเหรอ...คุณยังไม่ได้เป็นอะไรกับผมนะ หรือว่าพอเห็นผมก็เกิดหลงรักผมขึ้นมาก็เลยหึง”

“ฉันมีสิทธิ์”

“สิทธิ์อะไรไม่ทราบ”

พิศรู้ตัวว่าพูดพลาดไป เลยกลบเกลื่อนว่า “ก็แค่ขอความร่วมมือเท่านั้น แต่ฉันบอกได้เลยว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เนื้อคู่ของคุณ”

“งั้นก็รู้ไว้ด้วยนะ ผมกับนงรามจะหมั้นกันอยู่แล้ว พรุ่งนี้เรามีนัดไปเลือกแหวนหมั้นด้วยกัน...ขอโทษนะที่เดาผิด แล้วผมก็ไม่รับข้อเสนอของคุณด้วย...เชิญกลับไปได้แล้ว ผมจะนอน”

วิศิษฏ์เดินมาล้มตัวลงนอน พิศนิ่งอึ้งสีหน้าไม่พอใจ... เฟื่องขจรยืนฟังอยู่หน้าห้องแปลกใจว่าลูกชายคุยกับใคร เธอลงมาบ่นให้สาวใช้ฟัง สาวใช้หาว่าเธอหูแว่วเพราะดูละครมากไป หรือไม่ก็คงเป็นผี!

เป็นอย่างหลังมากกว่า...พิศกำลังสำแดงเดชทำให้กรอบรูปนงรามหล่นแตกเพราะไม่พอใจวิศิษฏ์ที่ไม่อนุญาตให้เธออยู่ด้วย

“คุณจะทำกับรูปคนรักของผมแบบนี้ไม่ได้นะ ออกไปจากห้องของผมได้แล้ว คุณจะเป็นใครก็ช่าง ผมไม่กลัวคุณ แล้วมันก็ไม่เหมาะที่ผู้หญิงจะมาอยู่ร่วมห้องกับผู้ชาย...ไปสิ”

เฟื่องขจรซึ่งกลับขึ้นไปแนบหูฟังตรงบานประตูห้องลูกชายได้ยินเสียงทะเลาะกัน เคาะอยู่หลายครั้งพร้อมส่งเสียงเรียกจนวิศิษฏ์ตกใจ ลดเสียงลงเร่งพิศให้รีบไปก่อนจะเกิดเรื่องใหญ่ ถ้าแม่ตนเข้ามาต่อให้เธอเป็นผีหรือเป็นอะไรก็ตามต้องเดือดร้อนแน่

เมื่อเรียกแล้วไม่มีเสียงตอบรับ เฟื่องขจรตัดสินใจเปิดประตูที่ไม่ได้ล็อกเข้าไป แต่ไม่เห็นใครอื่นนอกจากลูกชายคนเดียว

“แม่ได้ยินเหมือนศิษฏ์คุยกับใคร เสียงผู้หญิงด้วย”

“ไม่มีครับ...คุณแม่หูแว่วไปหรือเปล่า”

“มีสิ...แล้วนั่นรูปหนูนงรามนี่ ทำไม...”

“แมวครับ ไม่รู้เข้ามาในห้องผมได้ยังไง ผมไล่มัน มันเลยกระโดดใส่กรอบรูป...ก็เลยเป็นอย่างที่คุณแม่เห็นนี่แหละครับ”

“แมวที่ไหนมันจะเข้ามาในห้องแกได้ยังไง”

วิศิษฏ์จนมุมแกล้งหาวหน้าตาเฉย ตัดบทว่าตนง่วง แล้วรุนหลังแม่ให้ออกจากห้อง...เพียงเฟื่องขจรลับกาย พิศก็ปรากฏตัวยืนตรงหน้าชายหนุ่ม ถามเสียงขุ่นว่าใครกันแน่ที่เดือดร้อน

“คุณไปได้แล้ว”

เขาไล่เสียงเรียบ แต่มันทำให้พิศน้อยใจ รำพันว่าตนไม่ต้องการอาหาร ไม่ต้องการพื้นที่ เขาจะไม่สิ้นเปลืองอะไรเกี่ยวกับตนเลย แค่นี้เขายอมให้ตนอยู่ด้วยไม่ได้เหรอ

“ไม่!”

พิศอึ้ง ดวงตาน้อยใจมีแววกร้าวเล็กๆ “พักผ่อนเถอะ เรามีเรื่องต้องคุยกันอีกยาว”

เธอจ้องหน้าเขานิ่ง...พลันร่างวิศิษฏ์อึ้งไปเหมือนถูกสะกดจิตเดินมาที่เตียง ล้มตัวลงนอนหลับอย่างง่ายดาย

พิศยิ้มเศร้ามองใบหน้าเขา...นึกย้อนอดีตไปตอนวิศิษฏ์นอนเอกเขนกที่ตั่งใต้ต้นลั่นทมสูงใหญ่ ดอกขาวพราวเต็มต้น

พิศนั่งอยู่ข้างๆ เขาจับมือเธอมาจูบก่อนหยิบดอกลั่นทมที่ร่วงหล่น ลุกขึ้นประจงเสียบที่ข้างหู

“พี่จะไม่มีวันทิ้งเจ้า พี่อยากจะอยู่กับแม่พิศจนวันตาย”

“อย่าเจ้าค่ะ...อย่าพูดเรื่องตาย มันจะเป็นลางไม่ดีเจ้าค่ะ”

“เราหนีความตายไม่พ้นดอกแม่พิศ...อยู่ที่ว่าจะตายอย่างใด และตายกับใคร หากว่าชาตินี้พี่ไม่ได้อยู่กับแม่พิศจนตายก็อย่าหมายว่าพี่จะตายบนตักหญิงอื่น”

วิศิษฏ์ดึงพิศมากอดจูบอย่างรักใคร่ พิศเองก็สุขใจ ไม่ลืมเลือนคืนวันอันหวานชื่น...กระทั่งวันนี้ในปัจจุบัน เธอได้พบเขาอีกครั้ง เธอรอคอยมานานแสนนาน และจะไม่มีวันพรากจากเขา...

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น เด็กหญิงติ๋วกับเด็กชายโต้งแต่งชุดนักเรียนลงมากินข้าวร่วมโต๊ะกับคุณย่า โดยมีชื่นจิตสาวใช้คอยปรนนิบัติและพูดคุยเรื่องที่เฟื่องขจรยังคาใจว่ามีผู้หญิงอยู่ในห้องวิศิษฏ์เมื่อคืน

หลานสองคนกินไปฟังไป ก่อนเสนอตัวไปถามอาศิษฏ์ให้เอาไหมว่าเกิดอะไรขึ้น เราสองคนสนิทกับคุณอา แต่คุณย่าไม่สนใจแถมยังปรามว่าไม่ใช่เรื่องของเด็ก

“แต่เด็กอย่างเราสองคนจะถามเอาความจริงมาให้คุณย่าค่ะ เชื่อใจติ๋วสิคะคุณย่า จะได้รู้กันไปเลยว่าผีหรือคน”

“ใช่แล้วพี่ติ๋ว”

“ไม่ต้อง” เฟื่องขจรตวาดเสียงเขียว หลานสองคนถึงกับหน้าเสียเงียบในบัดดล

ขณะนั้นบนห้อง วิศิษฏ์แต่งตัวเตรียมออกไปทำงาน เห็นกรอบรูปนงรามแตกอยู่ที่พื้นจะก้มเก็บ แต่ทันใดมันกลายสภาพดีเหมือนเดิม พร้อมๆกับพิศปรากฏตัวในชุดหญิงสาวสมัยใหม่ เล่นเอาชายหนุ่มสะดุ้งตกใจ

“คุณเด๋อต้องเป็นคนเอารูปนี้ไปเก็บหรือไม่ก็เอาไปทิ้งด้วยตัวเองเจ้าค่ะ”

“ผมนึกว่าคุณไปแล้วซะอีก...โอ้โฮ วันนี้แต่งตัวสวย ทำไมไม่แต่งชุดไทยแล้วล่ะ”

“มนุษย์แต่งยังไง ฉันก็แต่งได้...สวยมั้ยล่ะ”

“ผมไม่มีเวลาคุยกับคุณหรอก ไร้สาระ”

วิศิษฏ์หยิบกรอบรูปไปตั้งไว้ที่เก่า พิศมองอย่างไม่พอใจ ทวงถามหวังว่าเขาจะรักษาสัญญาเอารูปนั่นไปทิ้ง

“คุณยุ่งอะไรกับรูปแฟนผมไม่ทราบ...เสียใจด้วยนะ ผมไม่มีวันทำตามคำสั่งของคุณเป็นอันขาด”

เขาคว้ากระเป๋าเอกสารจะออกไป พิศขวางหน้าไว้ บอกเขาให้เอาตนไปด้วย ขาดคำแหวนก็ลอยจากโต๊ะข้างเตียงมาตรงหน้าแล้วค่อยๆหย่อนลงในกระเป๋าเสื้อของวิศิษฏ์

“อย่าเอาฉันออกจากกระเป๋านะเจ้าคะ แล้วตกลงจะให้ฉันอยู่ด้วยหรือเปล่า คุณต้องอนุญาต นี่เป็นกฎ”

“กฎ...กฎหมายมาตราไหนไม่ทราบ”

“กฎในโลกของฉัน สักวันคุณเด๋อจะเข้าใจ”

วิศิษฏ์มองพิศหัวจดเท้าแล้วเอ่ยยิ้มๆ “ก็ดีเหมือนกัน มีผีสาวสวยๆอยู่ในห้อง แล้วระวังตัวให้ดีล่ะ ผมปล้ำคุณขึ้นมาวันไหนก็อย่ามาว่ากัน”

พิศยิ้มกว้างดีใจ พูดระรัว “ฉันถือว่าคุณเด๋ออนุญาตแล้วนะเจ้าคะ ทีนี้คุณเด๋อก็ทราบไว้ด้วยนะเจ้าคะว่าฉันชื่อพิศ...แม่พิศ...ลองเรียกสิเจ้าคะ”

“โบราณดีแม่พิศ...หึๆ แล้วอย่าวุ่นวายล่ะ ถ้าทำให้ใครสักคนเดือดร้อน ผมจะไม่ให้คุณอยู่ด้วย...ผมจะเอาแหวนไปคืนยัยแก่ที่มายัดเยียดแหวนผีสิงให้ผม”

พิศน้อยใจแล้ววูบหายไป วิศิษฏ์ยิ้มบางๆ ยอมรับว่าเธอแต่งตัวแบบนี้น่ารักไม่เบา

ooooooo

ทันทีที่ลงมาถึงโต๊ะอาหาร แน่นอนว่าวิศิษฏ์ถูกมารดาคาดคั้นราวกับจำเลย โดยมีสายตาของหลานและสาวใช้จับจ้อง ส่วนพิศเพิ่งก้าวเข้ามา ชายหนุ่มสังเกตท่าทีของทุกคนก็มั่นใจได้ว่าไม่เห็นเธอ

“ตกลงจะยอมรับหรือเปล่าว่าแกเอาผู้หญิงมาค้างในห้อง บอกไว้ก่อนเลยนะว่าบ้านฉันไม่ใช่โรงแรม รีบแต่งงานแต่งการกับหนูนงรามได้แล้ว ขืนปล่อยให้แกลอยชายอยู่อย่างนี้ แกจะยิ่งคิดนอกใจหนูนงราม...ผู้หญิงเดี๋ยวนี้ก็กระไรเลย ใจกล้าหน้าด้าน ไร้ยางอายที่สุด ห้องหับผู้ชายก็กล้าเข้ามาค้างอ้างแรม บัดสี ไม่รู้จะเปรียบกับอะไรดี”

เฟื่องขจรร่ายยาว วิศิษฏ์ชำเลืองมองสีหน้าท่าทีพิศที่ตึงๆ แล้วอยากแกล้ง

“ใช่ครับคุณแม่ ผู้หญิงอะไรไม่รู้...ใจกล้าหน้าด้าน ไร้ยางอายที่สุด”

พิศหน้าบึ้ง จ้องวิศิษฏ์เขม็งครู่หนึ่งก่อนสะบัดพรืดเดินผ่านร่างชื่นจิตวูบไป ชื่นจิตรู้สึกเหมือนมีลมปะทะใบหน้า อุทานออกมาอย่างหวาดๆ

“อุ๊ย ทำไมขนลุก”

“หมั่นไส้ นังชื่น พูดแค่นี้ทำเป็นขนลุก นี่ไงถึงอยู่ขึ้นคานจนวันนี้”

ติ๋วกับโต้งหัวเราะคิกคักกับคำพูดคุณย่า วิศิษฏ์รีบกินข้าวต้มตรงหน้าจนโดนมารดาท้วงอย่างระแวงว่าเดี๋ยวติดคอ ทำไมต้องรีบร้อน หรือว่ามีอะไรปิดบัง

“ไม่มีครับ...ผมต้องรีบไปประชุมน่ะครับคุณแม่ ไปก่อนนะครับ” วิศิษฏ์ดื่มน้ำแล้วคว้ากระเป๋าออกไป หลานสองคนมองตามและพูดเป็นเสียงเดียวกันอย่างแก่แดดว่าคุณอามีพิรุธจริงๆด้วย

ขณะขับรถออกจากบ้านมา วิศิษฏ์ทำจมูกฟุดฟิดเหมือนสูดกลิ่นอะไรสักอย่าง พอพิศปรากฏตัวนั่งเบาะข้างๆ เขากระเซ้าอย่างอารมณ์ดีว่า “น้ำหอมกลิ่นนี้หอมจัง ระวังผมจะหอมแก้มผีสาวอย่างคุณเอาฤกษ์เอาชัยแต่เช้า”

“ก็ลองดูสิเจ้าคะ”

“อย่าบอกนะว่าจะตามผมไปทำงาน...ผีสวยๆ แบบนี้ ไอ้ณุกับไอ้แหวงมันคงมองเพลินไปเลย บอกไว้ก่อนเลยนะว่าผมไม่ยอมให้คุณไปวุ่นวายที่ทำงานผมเป็น อันขาด”

พิศไม่ว่ากระไร แต่เชิดหน้ามองไปนอกรถเหมือนไม่ใส่ใจคำพูดของเขา

ooooooo

ถึงสำนักงาน พิศเดินตามวิศิษฏ์มาเจอระรินเลขาฯ สาวที่แอบชอบเจ้านายรูปหล่อ ระรินเห็นพิศเต็มตาถามวิศิษฏ์ว่าพาใครมาด้วย

“ไม่มีนี่ครับ คุณรินตาฝาดแล้วมั้งครับ ไม่เห็นมีใครสักคน ว่าแต่คุณรินมีอะไรจะบอกผมหรือเปล่า”

ระรินมองไปทางด้านหลังก็เห็นพิศยืนอยู่ แถมเธอยังส่งยิ้มมาเสียด้วย

“เอ้อ...ท่านอธิบดีเชิญหัวหน้าไปพบด่วนค่ะ”

“ขอบใจ” จบคำเขาก็ผละไป พิศเดินตามได้สองสามก้าวก็วูบหาย ระรินขยี้ตาแล้วเพ่งให้แน่ใจ ปรากฏว่าเห็นวิศิษฏ์เดินไปคนเดียว

“เอ๊ะ หรือว่าเราตาฝาดจริงๆ”

วิศิษฏ์รู้เต็มอกว่าระรินไม่ได้ตาฝาด เขาคาดโทษพิศที่มาเผชิญหน้าท้าทายว่าถ้าไม่เชื่อฟังทั้งที่รับปากจะไม่วุ่นวาย จะหาหมอผีมาปราบ

“ใจร้าย...แน่จริงก็ลองดูสิ”

“พรุ่งนี้ผมจะไม่เอาไอ้แหวนผีสิงนี่ติดตัวมาหรอก คุณจะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายที่นี่”

“คุณอนุญาตให้ฉันอยู่ด้วยแล้ว ฉันสามารถตามคุณเด๋อไปทุกหนทุกแห่ง...เสียใจด้วยนะเจ้าคะ”

วิศิษฏ์เหวอไปเลย ไม่คิดว่าหลวมตัวรับปากแล้วจะเป็นอย่างนี้ พิศยิ้มยั่วโมโหแล้ววูบหายไป

ด้านระรินที่ยังคาใจไม่หายเรื่องเห็นสาวสวยเดินตามหลังวิศิษฏ์ หล่อนมาเล่าให้แม่บ้านชื่อเขียวฟัง เขียวเองก็ชื่นชอบวิศิษฏ์ เลยเม้าท์กันออกรสว่าถ้าเธอคนนั้นเป็นคนคงยอมไม่ได้ แต่ถ้าเป็นผีพวกตนคงขอบายเพราะกลัวมากๆ

พิศหยั่งรู้และทำให้เขียวเห็นผีสาวผูกคอตายในสำนักงานสภาพสยดสยอง เขียวตกใจสุดขีดวิ่งหนีไปชนนงรามแฟนสาวของวิศิษฏ์จนล้มลงไปด้วยกัน

“ว้าย...นังบ้า!”

“คุณนงราม ช่วยเขียวด้วย” เขียวตัวสั่นผวากอดนงรามแน่น

“ปล่อยๆๆ ปล่อยฉันนะนังเขียว เป็นบ้าเสียสติไปแล้วรึไง”

นงรามสะบัดหนี พอดีแสวงกับภาณุเพื่อนสนิทของวิศิษฏ์ผ่านมาเห็น พร้อมๆกับระรินที่วิ่งออกจากห้องทำงานตรงมา

ทุกคนซักถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขียวเป็นอะไร แสวงจะประคองนงรามลุกขึ้นแต่เธอปัดมือเขาอย่างรังเกียจแล้วลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง

“เขียว เกิดอะไรขึ้น ทำไมร้องดังลั่นแบบนี้”

“ผีค่ะ ผีหลอก”

ภาณุฟังแล้วอึ้งไปนิดก่อนถามย้ำให้แน่ใจว่าเขียวพูดเล่นหรือพูดจริง

“โอย...คุณณุขา พี่เขียวจะพูดเล่นทำไมล่ะคะ นี่ไง เลือดหยดแหมะใส่หัว มันผูกคอตายให้เขียวเห็นเลยนะคะ”

“จริงเหรอพี่เขียว” ระรินถามเสียงสั่น สีหน้าหวาดๆ ยืนอยู่ด้านหลังแสวง

“ประสาทกันหมด...เล่นอะไรบ้าๆ เป็นเด็กไปได้... แบบนี้มันน่าไล่ออกเรียงตัวเลย”

นงรามชี้นิ้วกราด...ไม่เห็นพิศยืนกอดอกยิ้มสะใจ แต่เหลือบเห็นวิศิษฏ์เดินลิ่วมา เธอรีบเข้าไปอ้อนแฟนหนุ่ม โดยมีสายตาหลายคู่เฝ้ามองด้วยความหมั่นไส้ โดยเฉพาะพิศ

“ศิษฏ์ขา...นงเจ็บไปทั้งตัวเลยค่ะ”

“เป็นอะไรครับ”

“ลูกน้องคุณน่ะสิคะ เล่นเป็นเด็กๆ วิ่งชนนงจนเจ็บไปหมดเลยค่ะ”

วิศิษฏ์มองภาณุกับแสวงเหมือนอยากฟังเรื่องราว แต่ทั้งสองยิ้มแหยๆ ไม่กล้าพูดอะไร

“นงไปนั่งพักในห้องทำงานผมก่อนดีกว่าครับ”

นงรามหน้าระรื่น เกาะแขนวิศิษฏ์เข้าห้องทำงาน แต่ไม่วายหันมายิ้มหยันให้ระริน

“ฮึ! หมั่นไส้” ระรินพึมพำเจ็บใจ ขณะที่พิศมองตามทั้งคู่ไปอย่างหึงหวงและไม่พอใจ

ooooooo

แพรวพรรณหลงรักวิศิษฏ์ตั้งแต่แรกเห็น เธอจึงไม่สนใจด็อกเตอร์บรรจบลูกชายมหาเศรษฐีที่มารดาพยายามจับคู่ให้...

วันนี้แพรวพรรณชวนเรืองรุ้งเพื่อนสนิทไปอยุธยา เรืองรุ้งเป็นนักจิตวิทยาแต่สนใจในไสยศาสตร์สามารถมองเห็นวิญญาณได้อย่างเหลือเชื่อ ทันทีที่รถจอดหน้าซากโบราณสถาน เธอเห็นวิญญาณหลายตนทั้งหญิงและชายแต่ไม่ได้บอกเพื่อน แค่อยากรู้ว่าทำไมถึงพาเธอมาที่นี่

“แพรวเคยพบใครบางคนแล้วรู้สึกเหมือนรู้จักกันมานาน พบแล้วก็อยากพบเขาอีก”

“แบบนี้เขาเรียกบุพเพสันนิวาส”

“บุพเพสันนิวาส...หมายความว่ายังไง”

“ก็เป็นเนื้อคู่กันมาแต่ชาติปางก่อน หรือไม่ก็ตั้งจิตอธิษฐานว่าจะครองคู่กันไปทุกภพทุกชาติ พอชาติใดบุญมาเสมอกันก็เลยมีโอกาสได้มาพบกันอีก แล้วก็ได้ครองรักกันตามคำอธิษฐาน...ฟังแล้วโรแมนติกดีมั้ยจ๊ะ”

แพรวพรรณเผลอยิ้ม เรืองรุ้งเอะใจคาดคั้นเธอว่ามีอะไรปิดบังก็รีบเล่ามาเดี๋ยวนี้

“เปล่าๆ ไม่มีอะไร”

“งั้นแพรวขับรถพารุ้งมาที่นี่ทำไมจ๊ะ”

“แพรวรู้สึกผูกพันกับที่นี่...เหมือนกับว่าเคยอยู่ที่นี่มาก่อน”

เรืองรุ้งมองเพื่อนสีหน้าสงสัย พลันฟ้าเริ่มมืดครึ้ม เมฆดำลอยต่ำเหมือนฝนจะตก ลมพัดใบไม้ปลิวว่อน เรืองรุ้งหลับตาครู่หนึ่งแล้วลืมตาขึ้นเห็นวิญญาณชายหญิงที่เป็นข้าทาสต่างทำงานกันในมุมต่างๆ

“แพรว...อำนาจของอดีตชาติชักนำให้เธอมาที่นี่แน่ๆ บอกรุ้งสิว่าเคยมาที่นี่หรือเปล่า นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วนะ...ว่าไง”

“เพิ่งมาเมื่อวานเอง แพรวไปตลาดน้ำแล้วขับรถผ่านที่นี่ รู้สึกว่าสวยและอยากมา...ก็เลยพารุ้งมาวันนี้”

เรืองรุ้งมีแววกังวล ชวนเพื่อนรักไปทำบุญ บางทีเจ้ากรรมนายเวรของเธออาจต้องการบุญจากเธอ เขาถึงดลใจให้เธอมาที่นี่ แพรวพรรณคล้อยตาม แต่กว่าจะถูกใจวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งในอยุธยาก็ตระเวนหากันอยู่นาน...

ooooooo

นงรามยังเกาะติดวิศิษฏ์อยู่ที่สำนักงาน ขณะสองคนเลือกดูแหวนหมั้นจากไอแพดแต่ส่วนมากราคาแพง ภาณุซึ่งเคยเห็นแหวนหัวพญานาคของวิศิษฏ์ว่าสวยแปลกตา จึงเสนอให้เพื่อนเอามาหมั้นแฟน

นงรามเห็นแหวนวงนั้นก็พึงพอใจอย่างมาก หยิบมาสวมนิ้วได้พอดีเป๊ะ คนอื่นพลอยชื่นชมว่าทั้งสวยและเท่ แต่พิศที่ปรากฏร่างให้วิศิษฏ์เห็นยืนหน้างอไม่พอใจ ทวงถามสัญญาที่ว่าต้องไม่ให้แหวนวงนี้กับใคร วิศิษฏ์จึงบอกให้นงรามถอดออกเพราะมันไม่เหมาะกับเธอ

“ไม่ค่ะ เห็นปุ๊บชอบปั๊บ เอาวงนี้ก็ได้ เท่ดีค่ะ เราก็บอกใครๆว่าเป็นแหวนประจำตระกูล ตกทอดมา หลายชั่วอายุคน เริ่ดออกค่ะ ส่วนเงินก็เก็บไว้จัดงานแต่งให้หรูดีกว่า”

พิศจ้องไปที่แหวน พลันดวงตาพญานาคเป็นสีแดง นงรามแสบร้อนร้องกรี๊ดและพยายามดึงแหวนออกจากนิ้วแต่ไม่สำเร็จ ภาณุพูดโพล่งว่าแหวนวงนี้ต้องมีอาถรรพณ์แน่ๆ วิศิษฏ์ตกใจเหลียวหาพิศแต่ไม่เห็น

นงรามยิ่งดึงแหวนออกก็เหมือนยิ่งแน่น ร้องโอดโอยเจ็บนิ้ว เขียวแนะนำให้ไปเอาสบู่ถูมือให้ลื่นแต่ทำแล้วก็ไม่สำเร็จอยู่ดี เหลียวมาเจอหญิงสาวแปลกหน้าและขอความช่วยเหลือทั้งที่ไม่รู้จัก แต่เธอกลับเอ่ยเสียงเรียบว่า

“ไม่ใช่แหวนของคุณ ถือวิสาสะเอาของคนอื่นมาใส่ทำไม”

“แหวนของแฟนฉันมันก็เหมือนของฉัน ไม่รู้อะไรอย่าเดา”

พิศยิ้มหยันและจ้องที่แหวน ทันใดน้ำที่นงรามเปิดล้างมือก็กลายเป็นน้ำร้อนลวกมือจนเธอกรีดร้องลั่นเขียวกับระรินวิ่งพรวดเข้ามา ขณะที่พิศหายวับไปอย่างรวดเร็ว

พวกวิศิษฏ์วิ่งกรูมา พอเห็นสภาพนงรามทุรนทุรายปวดแสบปวดร้อน ภาณุเชื่อสนิทว่าแหวนมีอาถรรพณ์เร่งให้วิศิษฏ์ซึ่งเป็นเจ้าของถอดแหวนด้วยตัวเอง

ปรากฏว่าวิศิษฏ์ถอดแหวนออกจากนิ้วนงรามได้อย่างง่ายดาย ภาณุกับแสวงแทบขนหัวลุก ตอนแรก อยากซื้อต่อแหวนวงนี้ แต่ตอนนี้ตัวใครตัวมันดีกว่า ส่วนนงรามคาดคั้นระรินกับเขียวเป็นการใหญ่ว่าที่นี่รับพนักงานใหม่ใช่ไหม ทำไมไม่เห็นวิศิษฏ์เล่าให้ฟัง

ระรินกับเขียวยืนยันเป็นเสียงเดียวว่าไม่มีพนักงานใหม่ นงรามไม่เชื่อ บอกว่าตนเจอในห้องน้ำท่าทางวางมาดไม่เบาราวกับลูกผู้รากมากดี ระรินนึกได้หรือว่าจะเป็นคนเดียวกับที่เดินตามวิศิษฏ์เข้ามาในตึก

“มันเป็นใคร มากับศิษฏ์ได้ยังไง พวกแกรู้มั้ย” นงรามออกลูกหึงทันที

ระรินหมั่นไส้อยู่เป็นทุน เลยพูดเหมือนจะให้กลัวว่าเธอคนนั้นอาจจะไม่ใช่คนก็ได้ แต่ผิดคาด นงรามเอ่ยอย่างมีอารมณ์ว่าต่อให้มันเป็นผีหรือเป็นคน ถ้ามันคิดจะแย่งวิศิษฏ์ไปจากตน ตนไม่ปล่อยมันไว้แน่!

ooooooo

วิศิษฏ์แน่ใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือพิศ เขาเดินตามหาเธอและมาเจอในมุมลับตา พิศหน้าบึ้งพูดเสียงแข็งว่าถ้าผู้หญิงคนนั้นยังยุ่งวุ่นวายกับแหวนของตนอีก เธอจะได้รับบทเรียนหนักกว่านี้

“ก็ลองดู ผมบอกคุณไว้ตรงนี้เลยนะ ถ้าคุณนงเป็นอะไรไป ผมไม่ปล่อยคุณไว้แน่”

พิศไม่พอใจแต่ต้องรีบหายตัวไปเพราะภาณุกับแสวงกำลังเดินตรงมา สองหนุ่มยังคงพูดเรื่องแหวนอาถรรพณ์แต่วิศิษฏ์ค้านว่าไร้สาระแล้วเดินจากไปทางหน้าลิฟต์ เจอพิศเดินเตร่อยู่แถวนั้น เขามองซ้ายมองขวาก่อนคว้าข้อมือเธอหมับ

“ผมถูกตัวคุณได้ด้วย”

“ถ้าฉันต้องการ...แต่ว่าถ้าเป็นตอนกลางวันพลังฉันจะหมด ฉันต้องใช้ความพยายามอย่างมาก มีอะไรก็ว่ามา แล้วก็ปล่อยมือฉันได้แล้ว”

“โอเค เรามาตกลงกัน...ถ้าอยากอยู่กับผมต้องไม่ก่อความเดือดร้อนแบบนี้อีก”

“คุณต้องไม่ให้แหวนแก่ใคร จำไม่ได้เหรอ...ฉันต้องไปแล้วเจ้าค่ะ...โอย...พลังฉัน”

พิศหน้าซีด ค่อยๆถอยหลังแล้ววูบหายไป วิศิษฏ์พึมพำสะใจว่าดี ให้พลังหมดไปเลยจะได้เลิกวุ่นวาย แต่พอเขาก้าวขาเข้าในลิฟต์ต้องตกใจสุดขีด ลิฟต์สั่นไหวก่อนไฟดับมืด เขาเซถลามาพิงร่างพิศ สบตากันในความมืดสลัวด้วยท่าทีเขินๆ

พอตั้งหลักได้ พิศยันตัวเขาออกห่างและอธิบายว่า “อยู่ในที่มืดค่อยยังชั่ว ฉันพอเรียกพลังกลับคืนมาได้ เรามาคุยเรื่องสัญญากันต่อดีกว่าค่ะคุณเด๋อ”

“นี่เธอทำไฟดับทั้งตึกเพราะแค่อยากพูดเรื่องสัญญากับผมเนี่ยนะ รู้ไหมว่าเขาเดือดร้อนกันทั้งตึก”

“ก็สัญญามาก่อนสิ”

“ก็ได้ แล้วก็รีบทำให้ไฟติดซะ ก่อนที่เขาจะวุ่นวายกันมากกว่านี้ รู้ไหมว่ามันเสียหาย”

“ขอบคุณเจ้าค่ะ” สิ้นเสียงพิศไฟติดทั้งตึก ส่วนร่างเธอหายวับไป วิศิษฏ์แทนที่จะโกรธแต่กลับอมยิ้มขำๆ พึมพำว่าผีสวยๆก็มีเหมือนกัน นึกว่าจะน่าเกลียดอย่างในหนังซะอีก

ooooooo

ค่ำแล้วสุนทรีเพิ่งกลับเข้าบ้าน หน้าตาเธอเคร่งเครียด ท่าทีหงุดหงิดโยนกระเป๋าไปมุมหนึ่ง นงราม เห็นแล้วเดาได้ไม่ยากว่าเสียไพ่มาอีกแน่

เพียงลูกสาวทักเรื่องเสียไพ่ สุนทรีก็แว้ดใส่ว่าจะได้หรือเสียมันก็เรื่องของตน

“ก็ดีค่ะ ต่อไปนี้นงจะไม่ถาม...แล้วถ้าคุณแม่กลับมาบ้านวันไหนไม่เห็นนงหรือนงกลายเป็นศพ คุณแม่ก็อย่าตกใจ”

สุนทรีตกใจถามลูกสาวทำไมพูดอย่างนี้ นงรามสีหน้าไม่ดีเดินหนีขึ้นห้องนอน แม่ตามมาถามก็ร่ำไห้เป็นวักเป็นเวรก่อนจะระบายออกมาว่าตนกลุ้มใจที่วิศิษฏ์ไม่ค่อยสนใจเรื่องหมั้น วันนี้นัดกันไปดูแหวนก็ยกเลิกแถมยังได้ข่าวว่าเขามีผู้หญิงคนใหม่อีก

“ดีแล้ว ลูกของแม่จะได้พ้นจากขุมนรก”

“หมายความว่ายังไงคะ”

“ผู้ชายจนๆแบบนั้นจะปักใจหลงรักหัวปักหัวปําอยู่ทำไมกันจ๊ะ ลูกสาวแม่ทั้งสวย ทั้งเก่ง ทั้งน่ารัก หาผู้ชายที่ดีแล้วก็รวยกว่านายวิศิษฏ์ได้ตั้งหลายเท่า...เชื่อแม่เถอะนง”

“แต่นงรักเขาค่ะ เรารักกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย คุณแม่จะให้นงตัดใจจากเขา...คงไม่ง่ายหรอกค่ะ”

“จะง่ายหรือยากก็รีบตัดใจซะ ก่อนจะต้องไปกัดก้อนเกลือกินกับมันไปจนตาย...จำไว้นะ เกิดมาเป็นลูกสาว แม่ต้องไม่โง่” สุนทรีทิ้งท้ายหนักแน่นเสียจนลูกสาวหน้าเสีย

หลังจากนั้นไม่นาน สุนทรีเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เพื่อไปงานกลางคืน ฝากองุ่นดูนงรามให้ด้วยตนจะออกไปสมาคมกับคนอื่นเพื่อหาช่องทางทำมาหากิน องุ่นพูดไม่ออก ได้แต่เศร้าใจและสงสารนงรามที่ตนเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก

หลังผ่านการร้องไห้มาพอสมควร นงรามโทร.หาวิศิษฏ์แต่พิศรับสายแทน นี่เองทำให้เธอมั่นใจว่าแฟนหนุ่มต้องแอบมีหญิงอื่น

“มีธุระอะไรคะ” เสียงพิศดังจากปลายสาย นงรามปรี๊ดแตกแว้ดกลับไปว่า

“แกเป็นใคร...แล้วเข้าไปอยู่ในห้องแฟนฉันได้ไง ฉันต้องการพูดกับศิษฏ์ ให้เขามาพูดกับฉันเดี๋ยวนี้”

วิศิษฏ์ออกมาจากห้องน้ำ พลันร่างของพิศหายไป เขาเห็นโทรศัพท์วางอยู่บนเตียงจึงหยิบขึ้นมากรอกเสียงฮัลโหล...เท่านั้นเอง นงรามใส่เป็นชุด คาดคั้นให้เขาบอกมาเดี๋ยวนี้ว่าผู้หญิงที่ไหนอยู่ในห้อง

ชายหนุ่มเหลียวมองรอบห้องรู้ว่าเป็นฝีมือพิศแน่ แต่บอกแฟนสาวว่าไม่มีใคร ตนอยู่ในห้องคนเดียว

“ไม่มีได้ไง เสียงผู้หญิง มันพูดท้าทายนง มันถามนงว่านงมีธุระอะไรกับคุณ...ศิษฏ์ก็รู้ว่านงรักคุณแค่ไหน ทำไมคุณถึงนอกใจนงล่ะคะ”

“ไปกันใหญ่แล้วนง...ไม่มีจริงๆ เชื่อผมสิครับ”

“งั้นก็บอกมาว่านังนั่นมันเป็นใคร”

วิศิษฏ์อึกอักแล้วก็หาทางออกบอกว่าเมื่อสักครู่ตนเข้าห้องน้ำ พี่สาวเลยมารับโทรศัพท์แทน

“แน่ใจนะว่าเป็นพี่สาวคุณ อย่าให้นงจับได้นะว่าคุณนอกใจนง นงจะไม่มีวันให้อภัยคุณเลย” จบคำก็วางสายไปทั้งน้ำตา...วิศิษฏ์หนักใจเหลียวหาพิศแต่ไม่เห็น บ่นงึมงำในความแสบของเธอ

ด้านนงรามพอวางสายก็เอาแต่ร้องไห้ องุ่นขึ้นมาปลอบด้วยความสงสาร แต่กลับได้ยินเธอรำพึงรำพันน่าตกใจว่าอยากตาย ไม่อยากเชื่อเลยว่าคนที่เธอรัก เขาจะนอกใจเธอแบบนี้

องุ่นพูดไม่ออก โอบกอดนงรามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ครุ่นคิดหาทางออกให้เธอ

ooooooo

ในงานสังคมระดับสูงที่มีแต่ผู้มีอันจะกิน วิภาดาพี่สาวของวิศิษฏ์จับตามองสุนทรียืนคุยกับบุรีโดยมีบรรจบยืนอยู่ข้างๆ

บุรีคุยอวดลูกชายที่จบปริญญาเอกจากเมืองนอกมาสานต่องานในบริษัทที่ตนสร้างมา สุนทรียิ้มแย้มพอใจหมายตาบรรจบเอาไว้ให้ลูกสาว

“น่าชื่นใจแทนคุณบุรีนะคะ มีลูกชายทั้งหล่อทั้งเก่ง เสียดายที่หนูนงรามลูกสาวน้าไม่ได้มางานด้วย จะได้รู้จักกันไว้บ้าง”

“ผมเพิ่งทราบนะครับว่าคุณสุนทรีมีลูกสาวด้วย”

สุนทรียิ้มหวานให้บุรีและจงใจเลยไปถึงบรรจบด้วย “ค่ะ สวยด้วยนะคะ”

“สักวันผมคงมีโอกาสได้รู้จักลูกสาวของคุณน้านะครับ”

“อุ๊ย ต้องมีโอกาสสิคะด็อกเตอร์”

“ขอตัวไปรับแขกทางโน้นก่อนนะครับ” บุรีบอกลาแล้วเดินออกไปพร้อมลูกชาย ทักทายแขกคนอื่นที่รู้จัก สุนทรีมองตามสองพ่อลูกด้วยสายตาชื่นชม วาดหวังอยากให้บรรจบคบหากับนงราม

ภายในไม่กี่นาทีที่สองพ่อลูกพ้นไป วิภาดาก็เข้ามาทักสุนทรีและพูดจาดักคอเรื่องเธอพยายามจะยัดเยียดนงรามให้บรรจบ สุนทรีโกรธมากตอบโต้อย่างเจ็บแสบว่า

“อย่าคิดนะว่าฉันจะให้ลูกสาวได้ไปเป็นน้องสะใภ้ของเธอ ฝันไปเถอะ แล้วก็อย่าทำตัวเด่นดังเกินกำพืด เขารู้กันทั้งเมืองว่าหล่อนน่ะได้ดีมีสุขทุกวันนี้ก็เพราะเสวยสุขอยู่บนกองสมบัติที่ไอ้ผัวแก่มันทิ้งไว้ ผู้หญิงกินผัวอย่างหล่อนน่ะใครสมาคมด้วยก็ซวยไปทั้งชาติ”

“เหรอคะ...ผัวตายคาอกก็ยังพูดได้เต็มปากว่าผัวรัก แต่ผัวทิ้งเพราะทนอยู่ด้วยไม่ได้อย่างคุณสุนทรีสิคะ ไปที่ไหนก็มีแต่คนนินทาว่าแค่ผัวคนเดียวก็ยังรั้งไว้ไม่ได้ ออกจากบ้านก็ส่องกระจกดูตัวเองบ้างนะคะ”

โดนศอกกลับซะขนาดนี้ สุนทรีแทบเต้น อ้าปากจะด่าแต่วิภาดาไวกว่า

“ถ้าขายลูกสาวไม่ออกก็อย่ากลืนน้ำลายตัวเองด้วยการเอาลูกสาวใส่พานมายกให้น้องชายฉันล่ะ น้องชายฉันคงทนไม่ได้แน่ ใส่ตะกร้าร้อยใบล้างน้ำร้อยครั้งก็ยังไม่หมดกลิ่นคาวมังคะ”

วิภาดาหัวเราะหยันเดินจากไป สุนทรีจะด่าไล่หลังแต่เหลือบเห็นบรรจบเดินมาเลยชะงัก

“คุณน้ายังไม่กลับอีกเหรอครับ”

สุนทรีรีบปรับอารมณ์ยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม บอกว่ากำลังจะกลับอยู่พอดี แต่เห็นลานจอดรถเปลี่ยวๆเลยหาเพื่อนเดินไปด้วย

“ไปกับผมก็ได้ครับ”

“ขอบใจจ้ะ เอ๊ะ คุณพ่อล่ะคะ”

“ท่านเจอเพื่อนๆ เลยเข้าไปดื่มอะไรต่อ คืนนี้คงยาวครับ”

สุนทรียิ้มรับแล้วเดินเคียงเขาไป วิภาดาหลบมุมมองตามอย่างหมั่นไส้

ooooooo

กลับถึงบ้านค่อนข้างดึก สุนทรีอารมณ์ดีเป็นพิเศษ คุยให้นงรามฟังว่าในงานสังคมมีคนหล่อๆรวยๆ ดูดีมีชาติตระกูลทั้งนั้น

“เสียดายที่นงไม่ได้ไปกับแม่ จะได้รู้จักคนอื่นๆบ้าง ไม่ต้องจมปลักอยู่กับไอ้เจ้าวิศิษฏ์คนเดียว แต่งงานไปกับมัน มันจะมีปัญญาเลี้ยงเราหรือเปล่าก็ไม่รู้”

“ถ้าคุณแม่คิดว่าใครเหมาะสมกับนง คุณแม่ก็แนะนำให้นงรู้จักบ้างสิคะ”

องุ่นยิ้มพอใจ เพิ่งสอนนงรามให้คิดใหม่เรื่องความรักแล้วได้ผล สุนทรีรู้เข้าก็ยิ้มแป้น

“แม่ดีใจที่นงของแม่ตาสว่างเสียที พรุ่งนี้ไปสปาขัดสีฉวีวรรณ แต่งตัวให้สวยที่สุดนะจ๊ะ”

“ทำไมคะคุณแม่”

“แม่จะให้หนูทานข้าวมื้อหรูๆกับลูกชายมหาเศรษฐีของเมืองไทยน่ะสิจ๊ะ แล้วก็ลืมไอ้ยาจกวิศิษฏ์ไปได้เลย”

สุนทรีสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข ต่างจากนงรามที่อึ้งไป เพราะลึกๆในใจยังรักวิศิษฏ์อยู่เหมือนเดิม

ขณะเดียวกันนั้น วิศิษฏ์นอนดูรูปถ่ายนงรามอยู่ในห้อง จู่ๆพิศปรากฏตัวตรงหน้าถามเขาว่าเมื่อไหร่จะเอารูปไปทิ้ง หรือไม่ก็เก็บไปเสียที

“คุณจะละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผมมากเกินไปแล้วนะ”

“ฉันไม่ได้ละเมิดค่ะ แต่กำลังจะบอกความจริงกับคุณเด๋อมากกว่า”

“ความจริงอะไร”

“นงรามไม่ได้เป็นเนื้อคู่ของคุณ คุณไม่ได้แต่งงานกับเธอ”

วิศิษฏ์หัวเราะอย่างไม่เชื่อ กอดรูปนงรามแนบอก พิศเคืองหายวูบไปทันที

“ผมรักของผม ชีวิตนี้ผมมีนงรามคนเดียว คุณจะยุ่งอะไรด้วย” วิศิษฏ์พึมพำแล้วยิ้มหวานกับรูปแฟนสาว

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น วิภาดาบอกเฟื่องขจรว่าตนเพิ่งไปดูบ้านเก่าหลุดจำนองมา ตนจะยกให้เป็นของขวัญวันเกิดแม่ปีนี้

“เหรอ...อยู่ที่ไหนล่ะ ถ้าทำเลดีแม่ว่าจะให้ฝรั่งเช่าไปก่อน ถ้าเจ้าศิษฏ์แต่งงานกับหนูนง แม่จะยกให้เป็นเรือนหอ”

ได้ยินชื่อนงราม...วิภาดาหน้าตึงขึ้นมาทันที

“ถ้าเข้าหอกับคนอื่นที่ไม่ใช่แม่นงรามทรามสวาทล่ะก็ วิไม่ขัดค่ะ แต่สำหรับรายนี้ไม่ไหว”

“อ้าว ทำไมล่ะ หนูนงรามน่ะทั้งสวย ทั้งเรียบร้อยทั้ง...”

วิภาดาไม่รอให้แม่พูดจบ แทรกเสียงขุ่นว่า “ยัยสุนทรีแม่ของนงรามเที่ยวเอาลูกสาวไปคุยอวดกับเศรษฐีอยู่บ่อยๆ ไม่รู้ว่าป่านนี้ใส่พานไปให้ลูกชายเศรษฐีบ้านไหนแล้วหรือยัง วิไม่ยอมให้น้องชายเสียรู้ใครหรอกค่ะคุณแม่”

“แม่วิเอาอะไรมาพูด”

“ดูกันไปดีกว่าค่ะ อย่าเพิ่งปักใจเชื่อ”

ฟังลูกสาวแล้วเฟื่องขจรเริ่มมีสีหน้าวิตกกังวล

ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น