วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร นางชฎา ตอนที่ 1


ค่ำคืนนี้...ที่ศาลาสวดศพวัดชานเมืองแห่งหนึ่ง ...เสียงพระสวดและบรรยากาศในวัดวังเวง...ซ้ำที่หลังคาศาลายังมีอีกาเกาะอยู่เป็นร้อยๆตัว แขกมาในงานไม่มากนัก ทำให้ยิ่งวิเวก...วังเวง...


ในบรรดาแขกนั้น มีหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งนั่งเรียงกันอยู่ มีหงส์หยก ปริมลดา เตชิน ชมพู เอกราช ประวิทย์ และตุลเทพ ปริมลดานั่งติดกับเตชิน แม้เสียงพระสวดทุ้มต่ำจะดังกังวาน แต่ปริมลดาผู้เปรี้ยว รวย สวย เอ็กซ์ กลับทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับเสียงพระสวด เธอใช้ปลายรองเท้าส้นสูงราคาแพงไล้ไปตามขาเตชินอย่างยั่วยวน เมื่อเตชินหันมองอย่างไม่พอใจและขยับหนี เธอกลับได้ใจ ยิ่งรุก เอื้อมมือจะลูบหน้าขาเขา

แต่ต้องชะงัก เมื่อเสียงพระสวดจบลง และพระทยอยเดินออกจากศาลา เตชินได้จังหวะลุกยืนไหว้พระ หันบอกปริมลดา

“พี่ไปรอที่รถนะครับ”

เตชินเดินออกไป ปริมลดาจะเดินตาม แต่อยู่ๆ ก็มีอีกาตัวหนึ่งบินผ่านปริมลดาจนลมปีกกระพือปะทะใบหน้าวืด...แล้วกาตัวนั้นก็บินไปเกาะที่ฝาโลงร้อง... กา...กา...ก้า...เสียงก้องศาลา!

หงส์หยกขนลุกซู่ เธอชวนประวิทย์ “ฉันว่าเรารีบกลับเถอะ ที่นี่มันแปลกๆยังไงก็ไม่รู้” ประวิทย์ชวนไปลาศพก่อน ขณะเพื่อนๆที่นั่งอยู่ด้วยกันพากันลุกขึ้น ไฟในศาลาทุกดวงก็ติดๆ ดับๆ อีกาบนหลังคาศาลาบินแตกฮือ! รวมทั้งตัวที่เกาะอยู่บนฝาโลงก็บินหนีไปด้วย

“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ก็แค่ไฟตก” เอกราชบอกเพื่อนๆ แต่พอสิ้นเสียงเขา ไฟในศาลาก็ดับพรึ่บ พร้อมกันนั้นเสียงเพลงไทยเดิมก็ดังไปทั่วศาลา...
เสียงกำไลเท้าและเสียงซอยเท้าดังไปรอบห้อง หนุ่มสาว

กลุ่มนั้นพากันหันมองหาที่มาของเสียง ไม่เห็นอะไร แต่เสียงซอยเท้าก็ใกล้เข้ามาทุกทีจนเหมือนวนมาอยู่รอบตัวแล้วหยุดที่ข้างหลังทุกคน พลันทุกคนก็รู้สึกเย็นวาบที่หลัง เอกราชหันมอง พลันไฟก็สว่างขึ้น แต่ข้างหลังเขาไม่มีอะไรเลย!

“ดะ...ดะ...ดูนั่น!!” ชมพูปากคอสั่นชี้ไปที่หน้าโลง เพื่อนๆ มองไป เห็น ริลณีในชุดนางรำ สวมชฎาเต็มยศ กำลังซอยเท้าร่ายรำอย่างอ่อนช้อยงดงามมาก ทุกคนมองช็อก!

“เป็นไปไม่ได้!!” ตุลเทพพึมพำอึ้ง

ริลณีหยุดรำ มองเขม็งไปที่หนุ่มสาวทั้ง 6 ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น หนุ่มสาวทั้งหกตกใจพากันวิ่งไปทางประตู แต่ประตูศาลาก็ปิดปัง!

แล้วริลณีก็มาปรากฏตรงหน้าทุกคน จ้องทุกคน ยิ้มช้าๆ ปากฉีกไปถึงหู เลือดแดงสดทะลักล้นออกมา ริลณีค่อยๆ ยกมือชี้ไปที่ทั้งหกที่ยังช็อกอยู่ พูดช้าๆด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บแค้น

“หนี ยังไง ก็ ไม่ พ้นหรอก!! กู จะตาม เอาคืน พวกมึง ทุก คน!!!!”

สิ้นเสียงริลณี ไฟในศาลาก็ดับพรึ่บ ฟ้าผ่าเปรี้ยง! แสงจากฟ้าทำให้ทุกคนเห็นว่าริลณีหายไปจากหน้าโลงศพ แต่มายืนเผชิญหน้าทุกคน หน้าเธอกลายเป็นหน้าผี! ทุกคนร้องกรี๊ดลั่นศาลา!!

ooooooo

สองปีก่อนโน้น...

ขณะเตชิน หนุ่มหล่อผู้รวยทั้งคุณสมบัติ รูปสมบัติ และทรัพย์สมบัติ กำลังนั่งสเกตช์รูปหญิงสาวแสนสวยลงในสมุดวาดรูป ชัช เพื่อนสนิทอารมณ์ดีของเขาชะโงกมาดูแขวะขำๆ

“อาจารย์เขาให้มาวาดรูปวัด ไม่ใช่รูปนางในฝัน...”

เตชินพลิกรูปวัดที่ตนวาดเสร็จแล้วให้ดู ชัชบ่นว่าเสร็จแล้วก็ไม่พูดปล่อยให้ด่าอยู่ได้ แล้วแซวต่อ “อ๊อ...ลืมไปงานเสร็จไว เพราะวันนี้คุณชายเตต้องรีบไปหาคู่หมั้น”

เตชินไม่เล่นด้วยถามหน้าตึงว่า “ใครคู่หมั้น พูดดีๆหน่อย ผู้หญิงเขาเสียหาย”

“เสียหายอะไร...ผู้หญิงที่ไหนก็อยากเป็นคู่หมั้นคุณชายเตทั้งนั้นแหละ” ชัชชี้ไปที่มุมหนึ่ง “ดูโน่น สาวๆ กลุ่มนั้นเขาให้ฉันมาขอไลน์ของนาย นายจะให้ฉันบอกว่าไง”

“ก็บอกไปว่าฉันไม่เล่น” ถูกชัชสวนทันควันว่าโกหก “ฉันไม่ชอบให้ความหวัง แล้วก็ไม่สนใจเรื่องพวกนั้นด้วย”

“ไม่ใช่เพราะมัวแต่แอบรักสาวที่นายวาดเองงั้นเหรอ” ชัชเล่นไม่เลิก เตชินไม่ตอบแต่มองรูปสาวที่ตนวาดในสมุด ยิ้มอย่างมีความสุข แต่พอเหลือบดูนาฬิกาก็ตกใจ บอกว่าต้องรีบไปแล้วเดี๋ยวไม่ทัน ถามชัชว่าจะไปด้วยกันไหมล่ะ ชัชยังสนุกแซวไม่เลิกว่า “ถ้าไม่ไปก็อดเห็นว่าที่คู่หมั้นคุณชายเตน่ะสิคร้าบบบบ”

เตชินบ่นว่าปากอย่างนี้ไม่น่าพาไปด้วยเลย แล้วยัดสมุดใส่มือชัชฝากส่งงานอาจารย์ด้วยนะไปเก็บของก่อน ว่าแล้ววิ่งไปเลย ชัชมองสมุดเหวอๆ ตะโกนตามหลัง “อ้าว...แล้วไลน์ล่ะ”

“ก็บอกว่าไม่เล่น” เตชิตนตะโกนตอบอย่างไม่สนใจ ชัชส่ายหน้าบ่นขำๆว่า

“ไอ้เตนะไอ้เต...ผู้หญิงตัวเป็นๆ ไม่สน ดั๊น...ไปสนหญิงในรูปวาด” ชัชเปิดดูรูปที่เตชินสเกตช์ไว้ ยอมรับว่าสวยแต่จะหาผู้หญิงที่ไหนสวยเท่าล่ะ ส่ายหน้าพึมพำ “ไม่มีทางหรอก!!”

ooooooo

ที่ทางเดินในมหาวิทยาลัย... ริลณี สาวที่หน้าสวยราวกับหลุดออกมาจากสมุดที่เตชินวาด กำลังเดินอย่างเร่งรีบ เสียงจากโปรแกรมไลน์ดังขึ้น ริลณีหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดฟังข้อความที่ส่งมา

“รินอยู่ไหนแล้ว...ทำไมยังมาไม่ถึงสักที” เสียงชมพูถาม ริลณียิ้มขำๆ กดส่งข้อความเป็นเสียงกลับไปว่า

“รินมาถึงแล้ว กำลังจะไปหาชมพูเดี๋ยวนี้แหละ รอหน่อยนะเพื่อนรัก”

ส่งเสียงตอบชมพูแล้วริลณีเงยหน้ามองไปรอบๆ เห็นนักศึกษาที่เดินผ่านไปมาและที่โต๊ะ พากันมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ บางคนซุบซิบกัน ส่วนพวกชายหนุ่มมองด้วยสายตากรุ้มกริ่ม นักศึกษาหนุ่มสองสามคนท่าทางกร่าง เดินมาจับมือถือแขนริลณีพยายามจะพูดด้วย

“ทำอะไร ปล่อยนะคะ!” ริลณีตกใจสะบัดแขนออก แต่พวกนั้นก็ยังพยายามจะจับมืออีก ริลณีวิ่งหนีไปด้วยความตกใจกลัว เธอวิ่งมาจนถึงสระว่ายน้ำในมหาวิทยาลัย หันมองไม่เห็นใครตามมาแล้ว เธอหยุดเหนื่อยหอบ แล้วก็เหลือบเห็นกระดาษที่มีรูปคล้ายหน้าตัวเอง บ้างลอยอยู่ในสระน้ำ บ้างตกที่พื้น ริลณีหยิบใบปลิวขึ้นอ่านข้อความในนั้น...

“ขายทุกระดับ รับทุกออปชั่น สนับสนุนการศึกษา เด็กกำพร้ายากไร้ สนใจติดต่อริลณี ชมรมนาฏศิลป์”

ขณะที่ริลณียืนอึ้งอยู่นั้น ชายหนุ่มคนหนึ่งย่องมาข้างหลังก็โผกอดเธอเต็มแขน! ริลณีตกใจหันมองเห็นเป็นตุลเทพ หนุ่มนักกีฬาหน้าตาดี เธอดิ้นพลางปราม

“ปล่อยนะ ตุลเทพ! นายจะทำอะไร!”

“ก็สนับสนุนการศึกษาไง เธอประกาศขายอยู่ไม่ใช่เหรอ”

ริลณีพยายามขัดขืนแต่สู้แรงตุลเทพไม่ได้ เธอเลยเหยียบเท้าเขาขยี้เต็มแรงจนตุลเทพร้องโอ๊ย ริลณีฉวยจังหวะนั้นสะบัดหลุด พูดเสียงสั่นด้วยความโกรธว่า “ถึงฉันจะเป็นเด็กกำพร้ายากจน แต่ก็ไม่เคยคิดจะทำอะไรต่ำๆแบบนั้น!”

ตุลเทพหยิบกระดาษที่ปลิวอยู่ขึ้นมาถามว่าแล้วประกาศพวกนี้ล่ะ อย่าบอกนะว่าโดนแกล้ง ริลณีสะบัดเสียงใส่ว่าแล้วแต่จะคิดแล้วเดินเชิดไป ตุลเทพยังตะโกนถามอย่างคะนองว่า “งั้นถ้าฉันให้เธอห้าหมื่นล่ะ” ริลณีหันขวับมองอย่างครุ่นคิด ถูกตุลเทพยิ้มเหยียดพูดเยาะว่า “ฮึ!! ทำเป็นบอกไม่ขาย ที่แท้ก็อยากขึ้นค่าตัว”

ริลณีโกรธจี๊ด จากที่เดินหนีก็กลับตรงเข้าตบหน้าเขาฉาดใหญ่ บอกให้เก็บเงินไว้ทำบุญเสียเผื่อจิตใจจะได้สูงขึ้นบ้างแล้วเดินเชิดไป ตุลเทพมองตามกำมือแน่นแล้ววิ่งตามไปหน้าตาถมึงทึง คว้าแขนริลณีพูดอย่างเอาเรื่องว่า

“คิดว่าตบฉันแล้วจะเดินหนีได้ง่ายๆงั้นเหรอ!”

ริลณีตกใจถามว่าจะทำอะไร ตุลเทพยิ้มร้ายพูดสามหาวว่าห้าหมื่นไม่ต้องการตนจัดให้ฟรีก็ได้ แล้วลากริลณีไปที่สระว่ายน้ำ พอดีหงส์หยกลงจากมอเตอร์ไซค์รับจ้างเห็นเข้า เดาได้ว่าลากกันมาแบบนี้เป็นเรื่องแล้วแน่ๆ รีบวิ่งอ้าวไป อารามรีบเลยสะดุดล้ม กระดาษใบปลิวที่มีรูปริลณีใบนั้นหล่นจากแฟ้มเอกสาร หงส์หยกรีบเก็บแล้ววิ่งออกไป

ooooooo

ที่โต๊ะใต้ตึกคณะบัญชี กล้า ยามคู่หูของน้าไหวเดินตรวจตรามาใต้ตึกเรียน คุยกับน้าไหวสบายๆว่า

ตอนเป็นยามอยู่อาชีวะเด็กตีกันทั้งวัน ย้ายมาอยู่มหาวิทยาลัยค่อยยังชั่วหน่อย มีแต่หนุ่มสาวหน้าตาใสๆ ไร้ความรุนแรง

กล้าพูดไม่ทันขาดคำ ร่างหนึ่งก็ถูกผลักหล่นพลั่กลงกองที่พื้น แล้วปริมลดาก็ถือแก้วน้ำแดงเข้ามาสาดรุ่นน้องคนนั้น

“ฉันเคยเตือนแล้วใช่ไหมว่าถ้าฉันรู้ว่าแกยังโทร. แชต ไลน์ สไกพ์ ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก หรืออะไรใดๆที่ยุ่ง เกี่ยวกับ ‘ตุลเทพ’ แฟนฉันล่ะก็...โดนแน่!”

นักศึกษาสาวรุ่นน้องคนนั้นยกมือไหว้ปลกๆบอกว่าจะไม่ยุ่งกับพี่เขาอีกแล้ว ปริมลดาขู่ว่าคราวหน้าคงไม่ใช่แค่น้ำแดง แล้วประกาศกร้าว “จำไว้นะ ถ้าผู้ชายคนไหนเป็นของฉัน พวกแกไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะมอง”

เพื่อนของนักศึกษาสาวคนนั้นมาช่วยประคองพาเธอออกไป ปริมลดามองอย่างสะใจ ก็พอดีหงส์หยกวิ่งหน้าตื่นเข้ามาบอกว่า “ลดา...มาอยู่นี่เอง เกิดเรื่องใหญ่แล้ว” พลางคว้าแก้วน้ำแดงที่โต๊ะติดมือไปบอกว่าเผื่อได้ใช้อีก

น้าไหวถามกล้าที่ยืนเหวอกับเหตุการณ์ตรงหน้าว่า “เป็นไงล่ะหนุ่มสาวหน้าใสไร้ความรุนแรง...นายน่ะยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ” น้าไหวตบบ่ากล้าแล้วเดินออกไป ทิ้งกล้าที่ยังยืนเหวอค้างอยู่ตรงนั้น

ooooooo

เฟื่องฟ้ากับเอทีเอ็มมาเจอพฤติกรรมเลวๆ ของตุลเทพเลยเข้าห้ามและช่วยริลณีไว้ ทีแรกตุลเทพทำกร่างไม่ยอมปล่อยริลณี แต่พอเฟื่องฟ้าบอกว่า
จะฟ้องโค้ช ตุลเทพก็ชะงัก

“ถ้านายมีประวัติเสีย มั่นใจได้เลยว่านายไม่มีทางได้ไปคัดตัวนักว่ายน้ำทีมชาติแน่” เฟื่องฟ้าสำทับ

“เลือกเอาแล้วกัน นายจะเอาอนาคตมาทิ้งเพื่อผู้หญิงคนเดียวไหม” เอทีเอ็มปราม ตุลเทพจึงปล่อยริลณี เฟื่องฟ้ากับเอทีเอ็มรีบไปดึงตัวริลณีออกมาแล้วพากันออกไปทันที

เอทีเอ็มกับเฟื่องฟ้าเตือนริลณีว่ารู้ว่าตุลเทพเป็นอย่างนี้ก็ให้ห่างๆไว้ ริลณีบอกว่าตนเดินมาที่นี่ได้ยังไงก็ไม่รู้ เพราะตอนนั้นมีผู้ชายกลุ่มหนึ่งทำท่าแปลกๆ

ตนเลยเดินหนี เฟื่องฟ้าคาดว่าคงเป็นเพราะใบปลิวพวกนั้นแน่ เอทีเอ็มเสนอว่าริลณีควรบอกอาจารย์ทั้งเรื่องตุลเทพและเรื่องใบปลิว

“ช่างเถอะ รินไม่อยากมีปัญหากับใคร” เอทีเอ็มติงว่าใบปลิวพวกนั้นทำให้เธอเสียหาย “รินจะเสียหายได้ยังไงก็มันไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย” ริลณีแย้ง ดูนาฬิกาแล้วตกใจ บอกว่าต้องรีบไปเตรียมตัวขึ้นรำแล้ว

เอทีเอ็มบอกให้ริลณีรีบไปเดี๋ยวพวกตนจะจัดการเรื่องใบปลิวให้เองแล้วจะรีบตามไปช่วยหลังเวที ริลณีขอบคุณเพื่อนทั้งสอง

“เราสามคนเป็นกำพร้าเหมือนกัน เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เด็ก ถ้าเพื่อนไม่ช่วยเพื่อนแล้วจะให้ช่วยใครล่ะ” เฟื่องฟ้าพูดจากใจจริง ริลณีกอดเพื่อนรักทั้งสองอย่างซึ้งใจแล้วรีบวิ่งไป เอทีเอ็มมองเคลิ้มจนเฟื่องฟ้าเตือนว่า

“ถ้าอยากเป็นเพื่อนกับรินนานๆ ก็เก็บอาการหน่อย ตาเยิ้มซะขนาดนั้นเห็นแล้วขนลุก”

“รินเป็นคนดีจริงๆ โดนแกล้งขนาดนี้ยังไม่รู้จักโกรธอีก” เอทีเอ็มเก็บอาการเคลิ้มเอ่ยอย่างชื่นชม

ooooooo

ริลณีไปถึงหลังเวทีเจอชมพูวิ่งเข้ามาถามว่าทำไมมาช้าจัง ริลณีบอกว่ามัวแต่ไปหาพวงมาลัยที่สวยที่สุดมาให้ เธอเอาพวงมาลัยให้ชมพูและเอาของตัวเองออกมา พากันไหว้ครูบาอาจารย์ที่หิ้งบูชา

ระหว่างนั้นริลณีเห็นชมพูมือสั่นมาก ถามว่าตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น ชมพูบอกว่าเป็นงานใหญ่งานแรก ตนไม่ได้รำออกงานอย่างนี้บ่อยๆ ผิดกับริลณีที่รำโชว์ทุกวัน ประสบการณ์เพียบ แล้วบ่นตัวเองว่าทำไมไม่หายสั่นสักที ริลณีจึงเอา

“จี้นางรำ” ใส่มือให้กำไว้ ครู่หนึ่งชมพูก็หายสั่น

“จี้นางรำอันนี้ คุณครูนาฏศิลป์คนแรกของรินให้มา รินจะใส่ทุกครั้งเวลาที่ตื่นเต้น ช่วยให้รินรู้สึกหมือนว่ามีครูคอยมารำอยู่ด้วยใกล้ๆ รินให้ชมพูยืมจ้ะ”

“ขอบใจมากนะริน เฮ้อ...ถ้าไม่มีรินฉันจะทำยังไงเนี่ย” ชมพูโผกอดริลณีด้วยความดีใจแล้วต่างก็หัวเราะด้วยความรักที่มีต่อกัน

หงส์หยกพาปริมลดาไปสระว่ายน้ำแต่ไม่เจอใครแล้ว หงส์หยกยืนยันว่าเมื่อกี๊เห็นตุลเทพลากริลณีเข้ามาในนี้จริงๆ

“ก็ไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อ ฉันรู้ว่าคนอย่างตุลเทพเจ้าชู้แค่ไหน เขาไม่มีทางทิ้งหลักฐานให้ฉันตามเจอหรอก”

หงส์หยกหยิบใบปลิวมาให้ริลณีดู บอกว่า “ปกติตุลเทพก็ไม่ได้ทำอะไรบุ่มบ่ามขนาดนั้น สงสัยเห็นใบปลิวที่เธอทำก็เลยนึกว่ายายนั่น ‘ขาย’ จริงๆ”

“พูดผิดพูดใหม่ได้นะ ‘เรา’ สองคนช่วยกันทำต่างหาก กล้าพูดไหมวะว่าเธอไม่ได้หมั่นไส้ยายนั่นที่จะได้ทุนเรียนต่อของคณะ แทนที่จะเป็นเธอ”

“ใครๆก็ชอบเขาทั้งนั้นแหละ สมควรแล้วที่เธอ เอ๊ย พวกเราจะสั่งสอนนังนั่นมันบ้าง”

“แต่อย่าไปพูดอะไรผิดๆกับคนอื่นล่ะ ถ้าฉันรู้ว่าเธอเอาฉันไปเม้าท์เมื่อไหร่ ฉันไม่คบเธอแน่ ควรรู้ตัวนะว่าลูกเจ๊กขายหมูอย่างเธอมาคบกับฉันได้เพราะอะไร” หงส์หยกพูดเบาๆว่าเพราะตนทำรายงานให้ ปริมลดาเสียงเขียวทันทีว่า “เธอว่าอะไรนะ” หงส์หยกยิ้มแหยแก้เป็นว่า เพราะเธอให้โอกาสตนเป็นเพื่อน

“ถ้าทำตัวให้รำคาญเมื่อไหร่ เชิญกลับไปเดินกับพวกลูกแม่ค้าในตลาดเดียวกับเธอเถอะ”

หงส์หยกทำหน้าแบ๊ว หยิบใบปลิวอีกปึกใหญ่จากแฟ้มในกระเป๋า ถามปริมลดาว่าใบปลิวพวกนี้จะให้ทำยังไง ปริมลดาประชดว่าเอาไปให้พ่อเธอห่อหมูขายก็แล้วกัน ว่าแล้วก็เดินเชิดไป หงส์หยกถามว่าจะไปไหน

“ฉันจะไปจัดการนังริลณีน่ะสิ”

หงส์หยกเบ้หน้าใส่ยักไหล่มองตามอย่างไม่ชอบปริมลดาสุดๆ

ooooooo

ชมพูกับริลณีแต่งหน้าพร้อมกัน ชมพูแต่งเป็นตัวนาง ส่วนริลณีแต่งเป็นตัวพระ ขณะเพื่อนๆกำลังเย็บเสื้อให้ ชมพูก็ยืนเล่นโทรศัพท์ไปด้วย พลันก็โกรธจี๊ดเมื่อเห็นอะไรบางอย่าง

“รูปใบปลิวที่ส่งต่อกันในไลน์พวกนี้คืออะไร ยายลดากับหงส์หยกแกล้งรินอีกแล้วใช่ไหม” ชมพูเสียงเครียด ริลณีหน้าเสียถามชมพูว่ารู้ได้ยังไงว่าเป็นฝีมือสองคนนั้น “โฟโต้ช็อปเน่าๆ กับสำนวนละค้อนละครแบบนี้จะมีใครอีกล่ะ”

“อย่าไปสนใจเลย ช่างมันเถอะ”

“จะช่างมันได้ยังไง กี่ครั้งแล้วที่พวกเขาแกล้งริน ถ้ายายลดาจะโกรธที่ตุลเทพตามจีบรินก็ควรจะไปห้ามแฟน ไม่ใช่มาแกล้งรินแบบนี้ เดี๋ยวฉันจะคุยกับสองคนให้รู้เรื่อง” ชมพูหยิบโทรศัพท์จะโทร.ริลณีรีบห้ามไม่อยากให้

เรื่องแย่ไปกว่านี้ เพราะพรุ่งนี้คนก็ลืมเรื่องใบปลิวแล้ว ชมพูใจอ่อนแต่มีข้อแม้ว่าถ้าคราวหน้ามีเรื่องแบบนี้จะต้องรีบบอกตน ริลณีให้สัญญา

ขณะนั้นเอง อาจารย์นาฎเข้ามาดุเสียงดังว่าป่านนี้ยังแต่งตัวไม่เสร็จ มัวแต่เม้าท์ๆๆกันอยู่นั่นแหละ มองๆ แล้วโวย

“อ้าว!! แล้วนี่ชฎากับมงกุฎอยู่ไหน ทำไมยังไม่มีใครยกมาอีก โอ๊ยยยย!! รำกันมากี่ครั้งแล้ว ทำไมจะต้องให้เตือนอีก!” พอดีเฟื่องฟ้ากับเอทีเอ็มเดินเข้ามา อาจารย์นาฎเห็นเลยสั่ง “มาพอดีเลย เธอสองคนช่วยไปเอาชฎากับมงกุฎที่ห้องชมรมนาฏศิลป์ให้ทีนะ”

เฟื่องฟ้ากับเอทีเอ็มมองหน้ากันอึ้ง เฟื่องฟ้าถามว่าเราสองคน? จะดีหรือ? ส่วนเอทีเอ็มก็อ้างวันนี้ตนไม่ได้ใส่พระมาด้วย แต่พอเจอสายตาพิฆาตของอาจารย์นาฎ

ทั้งสองก็วิ่งตื๋อออกไปทันที

ooooooo

ที่ห้องชมรมนาฏศิลป์ เฟื่องฟ้ากับเอทีเอ็มค่อยๆ แง้มประตูเปิด พอชะโงกเข้าไปดูก็มองหน้ากันเสียวๆ พลันก็ร้องกรี๊ดเมื่อกล้าค่อยๆโผล่หน้ามาจากด้านหลัง

น้าไหวเอ็ดกล้าว่าบอกแล้วว่าอย่าโผล่มาเงียบๆ คนอื่นเขาตกใจหมด เอทีเอ็มบอกว่ายิ่งคนเขาลือกันว่าห้องนาฏศิลป์มีผีอยู่ด้วย กล้าหัวเราะร่าถามว่าห้องนาฏศิลป์จะมีผีอะไร สิ้นเสียงกล้าเพลงไทยเดิมก็โหยหวนขึ้น

กล้าที่ทำปากกล้าถึงกับโดดเกาะหลังน้าไหว แต่ก็ยังปากกล้าว่า

“ก็ไม่ได้กลัวแต่ตกใจ ยามรุ่นใหม่เขาไม่กลัวผีกันแล้ว”

“งั้นแสดงว่าแกยังไม่เคยได้ยินเรื่องผีที่อยู่ในห้องนาฏศิลป์น่ะสิ”

แล้วน้าไหวก็เล่าเรื่องเมื่อ 55 ปีก่อนให้ทั้งสามฟังว่า...

“เมื่อหลายสิบปีก่อน มีนางรำสองคนเป็นเพื่อนรักกันมาก ทั้งสองคนจะรำคู่กันเสมอไม่ว่างานไหนๆ ผู้คนก็จะหลั่งไหลมาดูทั้งคู่ ว่ากันว่าสองคนรำสวยราวกับนางฟ้านางสวรรค์ แต่โชคร้าย...วันหนึ่งในขณะที่ทั้งสองรำในงานใหญ่ของมหาวิทยาลัย สะพานไฟที่อยู่บนเวทีเกิดร่วงลงมาทับร่างหนึ่งในสองนางรำตายคาที่ ร่างงี้ ขาดเป็นสองท่อน ศพสยองมากๆ”

น้าไหวลดเสียงลงเล่าหวาดๆว่า

“เขาว่ากันว่า หญิงสาวที่ตายขณะร่ายรำ ยังไม่ยอมไปไหน ยังคงร่ายรำอยู่บนเวที หรือไม่ก็ยังวนเวียนอยู่ใน ห้องนาฏศิลป์ ใกล้ๆกับสิ่งที่เธอสวมในขณะตาย”

น้าไหวเล่าว่า เหตุการณ์ทั้งหมดนี้มีภารโรงที่ทำความสะอาดในหอประชุมเห็นเงาหญิงสาวในชุดนักศึกษากำลังร่ายรำอยู่บนเวที ก่อนที่จะเห็นว่าเงานั้นขาดออกเป็นสองท่อน ภารโรงตกใจวิ่งหนีไป

ต่อมาเมื่อภารโรงเข้าไปในห้องนาฏศิลป์ กำลังทำความสะอาดดอกไม้ทัดและอุบะที่อยู่บนชฎาอย่างหวงแหน นางรำคนนั้นค่อยๆหันมา ภารโรงผงะเมื่อเห็นว่า นางรำคนนั้น ไม่มีท่อนล่าง!

ooooooo

น้าไหวมองทั้งสามคนที่ฟังตนเล่าแล้วต่างอึ้ง เอทีเอ็มถามว่าสิ่งที่นางรำคนนั้นวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ไม่ยอมไปไหนคืออะไรหรือ

“ชฎาไง”

“ชฎา!!” ทุกคนอุทานพร้อมกัน

น้าไหวบอกว่าคงเพราะเธอรักและภูมิใจในความเป็นนางรำมากเลยหวงแหนชฎาของเธอเหลือเกิน ทุกคนกลืนน้ำลายเอื๊อก น้าไหวเล่าว่าหลังจากนางรำคนนั้นตาย ชฎาที่เธอสวมใส่ในวันนั้นก็ยังถูกเก็บรักษาไว้ที่นี่ ในห้องนี้

น้าไหวหันมองชฎาและมงกุฎสองยอดที่วางอยู่คู่กันในตู้ห้องนาฏศิลป์ ทั้งสามมองตามแล้วรู้สึกกลัว

สิ่งที่เห็น กล้าถามกลัวๆว่าแล้วชฎายอดไหนล่ะ มีตั้งสองยอด

“ชฎาน่ะมียอดเดียว ส่วนข้างๆน่ะเขาเรียกมงกุฎ ชฎาน่ะสำหรับตัวพระ ส่วนมงกุฎน่ะสำหรับตัวนาง” แล้วน้าไหวก็ชี้ไปที่ชฎาที่ดูโบราณ สวย และขลัง ทั้งสามมองชฎากลัวๆ ขยับเข้าใกล้กันโดยอัตโนมัติ

ที่ห้องแต่งตัวนางรำ อาจารย์นาฎกำลังทำความสะอาดชฎาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ มีริลณี ชมพู ที่แต่งหน้าเสร็จแล้ว และเฟื่องฟ้ากับเอทีเอ็มยืนล้อมอย่างสนใจ อาจารย์นาฎเล่าว่า

“นางรำคนนั้น เป็นรุ่นพี่ของครูเอง เรารำคู่กันตั้งแต่ครูเข้าปีหนึ่ง เขาเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจมากๆ เขาเคยบอกครูว่า ถ้าเรียนจบจะมาเป็นครูสอนนาฏศิลป์ที่นี่” ชมพูบอกว่าคิดเหมือนรินเลย อาจารย์นาฎเล่าต่อว่า “แต่น่าเสียดายที่มาเกิดเรื่องเสียก่อน”

“ละ...แล้วทำไมถึงยังเก็บชฎายอดนี้ไว้ล่ะคะ นะ...น่ากลัวออก” เฟื่องฟ้าถามตะกุกตะกัก

“ชฎานี้เป็นของโบราณ คุณค่าและมูลค่าประเมินไม่ได้ จะให้ทิ้งไปเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องที่ร่ำลือกัน

งั้นเหรอ? ไร้สาระ” เอทีเอ็มเห็นด้วยเพราะเป็นเรื่องอุบัติเหตุ ไม่เกี่ยวกับชฎา เฟื่องฟ้ากระซิบถามว่าแล้วเขากล้าใส่ไหมล่ะ เอทีเอ็มหัวเราะแหะๆ บอกว่าไม่กล้า...เลยถูกเฟื่องฟ้าค้อนขวับหมั่นไส้ที่ดีแต่พูด ไม่แน่จริง

อาจารย์นาฎนึกได้บ่นว่ามัวแต่พูดนั่นพูดนี่นางรำเลยแต่งตัวไม่เสร็จเสียที แล้วร้องเรียกว่าใครอยู่ตรงนั้นให้มาช่วยกันแต่งตัวหน่อย มองเฟื่องฟ้ากับเอทีเอ็มถามว่าจัดเรื่องคิวการแสดงเรียบร้อยแล้วหรือ เฟื่องฟ้าตกใจบอกว่ามัวแต่อยากรู้เรื่องชฎาเลยลืมสนิท

อาจารย์นาฎไล่ให้รีบไปจัดการเสีย ทั้งสองรีบวิ่งไป อาจารย์ร้องถามว่าข้างนอกน่ะไม่ได้ยินที่ครูเรียกรึไง ทำไมต้องให้ตามตลอด แล้วอาจารย์ก็เดินตามเฟื่องฟ้ากับเอทีเอ็มไป เหลือแต่ริลณีกับชมพูยืนดูชฎาตาเป๋งอยู่ ชมพูถามเพื่อนว่ากลัวไหม ริลณีส่ายหน้าว่าไม่กลัว

“อยู่ชมรมนาฏศิลป์มาตั้งนาน เคยเห็นแต่ชฎา แต่ไม่เคยรู้เรื่องอะไรแบบนี้เลย ดีนะที่รำตัวนางไม่ต้องใส่ชฎายอดนี้ ไม่อย่างนั้นละก็...สยองงงง!!” ชมพูทำท่าขนลุกขนพอง จนริลณีติงว่าอย่าทำเล่นอย่างนี้ไม่ดี “ขำๆ น่ะ จะได้ไม่เครียดก่อนขึ้นไปรำไง” ชมพูหัวเราะขำๆ ริลณีหัวเราะตามเพื่อนไปฝืดๆ

ทั้งสองไม่ทันสังเกตว่า ควันธูปที่จุดบูชาอยู่บนหิ้งบูชา ลอยเป็นวงกลมรอบๆชฎา เหมือนเป็นการแสดงความไม่พอใจกับการพูดเล่นขำๆ ที่ไม่เคารพของชมพู

ชมพูนึกได้ถามริลณีว่าวันนี้รีบกลับหรือเปล่า

ริลณีบอกว่าก็คงต้องรีบไปรำที่ร้านอาหารเหมือนเดิม

“ว้า...เสียดาย จะแนะนำให้รู้จักบางคนซะหน่อย แต่ไม่เป็นไรวันหลังก็ได้ เพราะเอาเข้าจริงฉันก็ไม่รู้ว่าเขาจะมารึเปล่า” ชมพูพูดตัดบทอย่างตัดใจเพราะอยากให้ใครคนนั้นมาดูรำวันนี้เหลือเกิน...

ooooooo

ที่ถนนสายหลัก รถสปอร์ตหรูสองคันขับมาคนละทาง คันหนึ่งขับมาอย่างเร็ว ในขณะที่อีกคันขับผิดเลนสวนทางมา พอถึงทางแยก รถทั้งสองคันเบรกเอี๊ยดเสียงสนั่น รถสองคันจอดห่างกันแค่เส้นยาแดงเดียว!

คันที่ขับผิดเลนมีเอกราชลูกชายนักธุรกิจอิทธิพลขับมา มีเชิงชายและประวิทย์นั่งมาด้วย ทั้งหมดหัวคะมำจากการเบรกกะทันหัน เอกราชฮึดฮัดลงจากรถไปจะเอาเรื่องคู่กรณี เชิงชายที่เสียบหูฟังฟังเพลงอยู่รีบบอกให้ใจเย็นๆ เราเป็นฝ่ายผิด

“คนอย่างเอกราชไม่เคยผิด”

เอกราชกร่างมาก เชิงชายเลยโอเคเพราะรู้นิสัยเพื่อนดี ส่วนประวิทย์ที่ท่าทางสุขุมกว่ารีบลงจากรถ เชิงชายเลยตามไป

เอกราชเดินไปเคาะกระจกรถคู่กรณีเรียกให้ลงมาพูดกันให้รู้เรื่องถามว่า “รู้ไหมว่านายเกือบขับรถชนรถใคร!” เตชินนั่งอยู่ในรถ เขาขอโทษ ติงว่าเอกราชขับสวนเลน ชัชที่นั่งมาด้วยเตือนเพื่อนพูดอะไรให้ระวังหน่อย พลางบุ้ยใบ้ให้ดูประวิทย์กับเชิงชายที่ยืนพิงรถคุมเชิงอยู่

เอกราชมองเตชินแต่หัวจดเท้าบอกว่าเขามาจากมหาวิทยาลัยอื่นคงไม่รู้ว่าตนเป็นใคร เตชินไม่อยากมีเรื่องเลยขอโทษอีกครั้งจะได้จบๆกันไป แต่เอกราชไม่ยอมต้องให้เตชินกราบตน

เตชินมองอย่างไม่สะทกสะท้านบอกว่าไม่คิดว่าจำเป็นต้องทำแบบนั้น เอกราชสะอึกเข้าหาบอกให้เลือกเอาเองว่าจะก้มกราบเองดีๆ หรือจะให้คนจับให้กราบ

“มันคงไม่ง่ายอย่างคุณคิด เพราะผมก็ไม่ก้มหัวให้ใครง่ายๆเหมือนกัน” เตชินตั้งท่าเตรียมพร้อม

ประวิทย์เข้าไปเตือนเอกราชว่าอย่าเพิ่งมีเรื่องดีกว่า พ่อเขาคงไม่พอใจแน่เพราะคราวที่แล้วเขาเพิ่งมีเรื่องกับตำรวจไป เอกราชหันมองเห็นตำรวจกำลังเดินมา เลยพูดไว้เชิงว่า “ถือว่าวันนี้นายโชคดี” ประวิทย์มองเตชินเตือนว่าวันหลังขับรถระวังหน่อยก็แล้วกันจะได้ไม่ต้องมีเรื่อง แล้วเดินไปขึ้นรถ

ชัชโมโหตะโกนด่าไล่หลัง “ไอ้พวกขี้เบ่ง ทำเป็นกร่างแบบนี้ พ่องไม่สั่งสอนรึไงวะ” ด่าเสร็จเห็นเตชินขึ้นรถไปแล้วก็วิ่งตุ้บตั้บเหลียวหน้าเหลียวหลังรีบมุดขึ้นรถไป

ooooooo

เตชินมาที่นี่เพื่อจะมาดูรำโชว์ที่ชมพูรอคอย ชัชยังอดแหย่ไม่ได้ว่า ที่มานี่เพราะแม่บังคับหรือกลัวเขาเสียใจ ถามว่า

“นายไม่ชอบเขาสักนิดเลยหรือ น้องชมพูอะไรเนี่ย”

เตชินบอกว่ารู้จักกับชมพูมาตั้งแต่เด็ก มีแต่ความรักที่เหมือนพี่ชายรักน้องสาว ชัชบอกว่าชมพูไม่ได้คิดกับเขาแบบนั้นนะ เตชินขอร้องอย่าพูดอย่างนั้นทำให้ตนยิ่งรู้สึกผิด

“เอาน่า ถ้าไม่ได้มาเพราะชอบน้องเขา ก็ถือว่ามาเปิดหูเปิดตาก็แล้วกัน ไม่แน่นะ บางทีวันนี้นายอาจจะได้พบนางในฝันก็ได้” ชัชพูดเองขำเอง แต่เตชินส่ายหน้าไม่ได้รู้สึกอะไรอย่างที่ชัชพูดเลยสักนิด

ที่ห้องแต่งตัวนางรำ ริลณียืนพิจารณาชฎาเห็นว่าอุบะนั้นเก่าและกลีบร่วงไปหลายกลีบแล้ว จึงดึงอุบะกับดอกไม้ทัดอันเก่าออก ชมพูถามว่าจะทำอะไร ริลณีบอกว่าจะเปลี่ยนอันใหม่เพราะอันเก่ากลีบดอกไม้หายไปหลายกลีบแล้ว

ชมพูติงว่าไม่รู้ว่าเจ้าของอุบะดอกไม้ทัดเดิมเป็นใคร เกิดเป็นคนที่ตายไปล่ะ ริลณีเชื่อว่าไม่ใช่เพราะเรื่องนานแล้วเขาคงไม่เก็บไว้ เชื่อว่าตนเอาของใหม่มาเปลี่ยนทำให้ชฎาดูสวยขึ้น ดูดีขึ้น เขาคงไม่โกรธหรอก

ริลณีไหว้อย่างเคารพก่อนแกะอุบะกับดอกไม้ทัดอันเก่าออก ขณะริลณีกำลังแกะนั้นมีกลุ่มพลังงานบางอย่างวนเวียนอยู่รอบอุบะกับดอกไม้ทัดอันเก่า ราวกับหวงแหน ริลณีแกะออกแล้ววางอย่างระมัดระวังไว้บนโต๊ะแล้วติดอันใหม่แทน

ขณะนั้นเอง ปริมลดาเดินอ้าวเข้ามาท่าทางเอาเรื่อง ชมพูรู้ว่าจะมีเรื่อง บอกว่าคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการแสดงไม่อนุญาตให้เข้ามาหลังเวที ปริมลดาบอกว่าตนไม่เกี่ยวข้องกับการแสดงแต่เกี่ยวข้องกับริลณี

ปริมลดามาหาเรื่องริลณีหาว่าไปยุ่งกับแฟนตน ริลณีชี้แจงอย่างไรก็ไม่ฟังไม่เชื่อจะเข้าไปตบริลณี ชมพูทนไม่ได้เข้าไปขวางไม่ยอมให้ใครมาตบคนในชมรมของตนเด็ดขาด ปริมลดาผลักชมพูออกไปแล้วตบริลณี

เพียะ! เพียะ!!

น้าไหวเห็นเหตุการณ์บอกกล้าให้รีบไปตามอาจารย์มา อาจารย์นาฎมาถึงก็สั่งลั่น

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!! นี่มันมหาวิทยาลัยไม่ใช่ตลาด ถึงจะมาทำอะไรไร้สติแบบนี้” ปริมลดาเถียงว่าเด็กของอาจารย์มายุ่งกับแฟนตนก่อน อาจารย์นาฎบอกว่า “ฉันจะรายงานพฤติกรรมของเธอให้ท่านอธิการทราบ”

“เสียเวลาเปล่าๆ คุณพ่อของหนูกับคุณอาอธิการสนิทกันมาก ท่านคงไม่ว่าอะไรหรอก” ปริมลดาเชิดออกไป

ปรากฏว่าชมพูถูกปริมลดาผลักไปชนโต๊ะจนแขนเดาะ หมอให้พักอย่างน้อยหนึ่งถึงสองสัปดาห์ ทุกคนตกใจชมพูพยายามขอร้องหมอขอขึ้นรำโชว์ หมอบอกว่าถึงหมอไม่ตรึงแขน ชมพูก็ยกแขนแทบไม่ได้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ

อาจารย์นาฎคิดหนักเพราะงานนี้เป็นงานใหญ่ จะไปหาใครที่รำได้เก่งพอที่จะรำคู่กับริลณีแทนชมพูได้ในเวลากระชั้นชิดเช่นนี้ ปรากฏว่าหงส์หยกที่แอบติดตามเหตุการณ์อยู่ เสนอตัวเสียบแทนชมพู

ชมพูเสียดายที่ไม่ได้รำคู่กับริลณี หันมองเพื่อนเห็นกำลังก้มหาอะไรอยู่ ถามว่าหาอะไร ริลณีบอกว่าอุบะ ดอกไม้ทัดที่ติดกับชฎาอันก่อน ตนวางไว้บนโต๊ะไม่รู้หายไปไหน ชมพูคาดว่าคงหล่นตอนที่มีเรื่องกัน เดี๋ยวช่วยกันหาก็คงเจอ

ระหว่างนั้น หงส์หยกที่นั่งให้เพื่อนใส่มงกุฎให้อยู่เห็นอุบะ ดอกไม้ทัดตกอยู่ที่พื้นใกล้ตัว จึงแอบก้มเก็บซ่อนปนๆกับของในกล่องเครื่องสำอาง แล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

ริลณีกับชมพูช่วยกันหาอุบะ ดอกไม้ทัดของเก่าไม่เจอ เอทีเอ็มก็มาเร่งว่าอีกห้านาทีม่านจะเปิด สาวๆ ไปสแตนด์บายข้างเวทีได้แล้ว ริลณียังหาไม่เจอแต่จำต้องไปก่อน ส่วนหงส์หยกเดินเชิดออกไปอย่างสะใจที่ได้แกล้งพวกริลณี

ooooooo

เตชินกับชัชนั่งดูอยู่ด้านหน้า เตชินดูนาฬิกาอย่างกังวลว่าถึงเวลาแล้วทำไมยังไม่แสดง เขากังวลเพราะต้องรีบไปพรีเซนต์งานกับอาจารย์ ชัชบอกว่าอาจารย์เลื่อนคนอื่นมาแทนแล้ว

เตชินถามว่าเลื่อนใครมาแทน ชัชสารภาพว่าตนเอง เตชินถามว่าแล้วจะทำอย่างไรถ้าไปพรีเซนต์ไม่ทันจะถูกปรับตกไม่จบปีนี้รู้ใช่ไหม ชัชหน้าเสียยอมรับว่าตนทำพลาด เตชินจะขับรถไปส่งก็คงไม่ทัน ชัชเลยนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างไป แต่ไม่วายบอกเตชินว่าให้ถ่ายรูปเด็กของเขามาอวดด้วย อยากรู้ว่าหน้าแย่แค่ไหนเขาถึงไม่สนใจ

ระหว่างไปยืนรอสแตนด์บายอยู่นั้น อาจารย์นาฎมาดูความเรียบร้อย เห็นอุบะ ดอกไม้ทัดชฎาที่ริลณีใส่อยู่ก็ตกใจถามว่าเธอเปลี่ยนอุบะกับดอกไม้ทัดหรือ ริลณีหน้าเสียรับว่าใช่ ถามอาจารย์ว่าทำไมหรือ?

อาจารย์นาฎหน้าเสียเมื่อคิดถึงเรื่องราวในอดีตเมื่อ 55 ปีก่อน...

นางรำรุ่นพี่ในชุดนางรำมองอุบะกับดอกไม้ทัด ในมือน้ำตาไหล บอกว่า

“อุบะกับดอกไม้ทัดอันนี้ แฟนของพี่เขาตั้งใจทำให้พี่เองกับมือ เพื่อจะให้พี่ใส่ขึ้นรำ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีโอกาสอยู่ดู เพราะเขา...” เธอร้องไห้จนพูดไม่ออก อาจารย์นาฎที่เป็นคู่รำเวลานั้นปลอบใจว่าแฟนพี่เขาไปสบายแล้วอย่าร้องไห้เลยเชื่อตนเถอะ “จ้ะนาฎ พี่จะไม่ร้อง พี่ต้องตั้งใจรำให้ดีที่สุด เพราะพี่มั่นใจว่าวันนี้แฟนของพี่คงมาดูด้วย...พี่จะติดอุบะ ดอกไม้ทัดของเขาไว้ที่ชฎา ให้เขารู้ว่า ไม่ว่าพี่จะรำที่ไหน เขาจะอยู่กับพี่เสมอ เราสองคนจะไม่พรากจากกัน...”

และในคืนนี้เอง นางรำรุ่นพี่ก็ถูกสะพานไฟทับ เธอพยายามเอื้อมมือที่เปื้อนเลือดมาจับอุบะกับดอกไม้ทัดแต่เอื้อมไม่ทันถึงก็สิ้นใจเสียก่อน...อาจารย์นาฎเล่าจนตกอยู่ในภวังค์ จนริลณีเรียกถามว่ามีอะไรหรือเปล่า อาจารย์นาฎถามว่าเธอยังไม่ได้ทิ้งอุบะกับดอกไม้ทัดอันเดิมใช่ไหม

“ค่ะ รินยังไม่ได้ทิ้ง...แต่...”

“เอากลับไปคืนที่เดิมเสียนะ จำเอาไว้ว่า ของบางอย่างเจ้าของเขาหวง” เมื่อริลณีรับคำ อาจารย์นาฎอวยพร “รำให้ดีทั้งคู่ล่ะ”

ชมพูบอกริลณีให้สบายใจว่าเดี๋ยวตนจะช่วยหาให้ ก็พอดีเอทีเอ็มมาบอกให้ทุกฝ่ายเตรียมพร้อมอีก 10 วินาทีม่านจะเปิดแล้ว เอทีเอ็มเห็นเท้าหงส์หยกซอยออกไปก่อน ตามด้วยริลณีที่ซอยออกไปพร้อมๆกับเท้าของใครอีกคนที่ใส่กำไลเท้าซอยตามริลณีออกไปติดๆ เอทีเอ็มสะดุ้งเฮือกร้องเฮ้ย! มองออกไปก็เห็นแต่ริลณีอยู่กับหงส์หยกเลยขยี้ตาตัวเองอย่างสงสัย

ชมพูใจจดจ่ออยู่กับคนที่รอคอย แอบโผล่มองไปที่คนดู พอเห็นเตชินก็ยิ้มดีใจ

หงส์หยกภูมิใจที่ได้ออกรำ แต่ปรากฏว่าผู้ชมต่างมองแต่ริลณีไม่มีใครมองหงส์หยกเลย โดยเฉพาะเตชินมองริลณีตาไม่กะพริบ พึมพำอย่างไม่อยากเชื่อว่า “มีจริงๆ เหรอเนี่ย??”

และเมื่อรำโชว์เสร็จ บรรดาผู้ชมโดยเฉพาะหนุ่มๆ ต่างพากันมาขอถ่ายรูปกับริลณี หงส์หยกยืนทื่อเป็นตอไม้ไม่มีใครสนใจจนสุดท้ายทนไม่ได้เดินหนีกลับเข้าไปข้างใน

เอกราชดูอยู่กับเชิงชาย เขาถามว่าคนนี้หรือที่อยากให้ตนมาจีบ เชิงชายบอกว่าตนรู้จัก เธอชื่อริลณี อยู่คณะเดียวกับพวกตน เชิงชายคุยว่าถึงริลณีจะเป็นคนเงียบๆ เรียบๆ แต่ก็มีผู้ชายจีบกันทั้งมหาวิทยาลัย และที่สำคัญหล่อรวยเป็นนักกีฬามีชื่ออย่างตุลเทพก็ยังจีบไม่ติดเลย

“ผู้หญิงคนไหนก็ไม่ใช่ปัญหาของฉัน ลองถ้าคนอย่างเอกราชอยากจีบ รับรองว่าติดตั้งแต่คิดแล้ว” เอกราชหันไปยักคิ้วกับปริมลดาถามว่า “แล้วถ้าฉันจีบยายเด็กกำพร้านั่นติด เธอจะให้ทำอะไร”

“ทำให้มันคาวซะ! ตุลเทพจะได้เลิกสนใจมันเสียที” ปริมลดาจิกตาร้าย

ooooooo

ชมพูบอกเตชินว่าวันนี้ตนเจ็บแขนเลยไม่ได้รำโชว์ ขอโทษที่ทำให้เขามาเก้อ เตชินบอกว่าถือว่ามาเปลี่ยนบรรยากาศ และที่มาวันนี้สำหรับตนถือว่าคุ้ม ชมพูมองปลื้มถามว่าทำไมหรือ เขากลับบอกว่าไม่มีอะไรแล้วขอตัวกลับ

ชมพูมองตามเตชินไปด้วยความรู้สึกว่าตัวเองคงไม่ใช่สำหรับเขาเสียแล้ว...

อาจารย์นาฎชมว่าวันนี้ริลณีรำได้ดีมาก ครูภูมิใจในตัวเธอ ริลณีไหว้ขอบคุณที่อาจารย์นาฎให้โอกาสดีๆ แก่ตนมาโดยตลอด ที่ตนได้เรียน มีเงินจ่ายค่าเทอมจนถึงทุกวันนี้เพราะคำแนะนำของอาจารย์ทั้งนั้น สัญญากับอาจารย์นาฎว่า

“รินจะตั้งใจฝึกฝนให้หนักกว่าเดิมอีก รินจะได้กลับมาช่วยอาจารย์สอนน้องๆรุ่นต่อไป พวกเขาจะได้มีโอกาสดีๆแบบรินบ้าง”

ริลณีดูนาฬิกาแล้วบอกอาจารย์นาฎว่าต้องรีบไปรำที่ร้าน ไหว้ลาแล้วรีบวิ่งออกไปจากห้อง มีเงาของผู้หญิงเดินตามไปด้วยแต่ริลณีไม่รู้

ริลณีจะไปรำโชว์ที่ร้านอาหาร แต่ระหว่างทางเปลี่ยว ถูกวัยรุ่นขี้ยาสามคนรุมมาทั้งหมายชิงทรัพย์และหวังโทรม ริลณีสู้สุดชีวิต ร้องขอความช่วยเหลือสุดเสียง

โชคดีที่เตชินขับรถผ่านมาเจอจึงช่วยไว้ พาเธอขึ้นรถขับออกมา เตชินจะไปส่งที่บ้าน ริลณีขอให้ส่งที่ป้ายรถเมล์ก็พอ เตชินส่งที่ป้ายรถเมล์แต่แอบตามไปจึงรู้ว่าริลณีอยู่บ้านเด็กกำพร้า

กลับถึงบ้านแล้ว ในห้องเตชินเต็มไปด้วยภาพนางในวรรณคดีและโมเดลงานออกแบบบ้านทรงไทยที่ยังทำไม่เสร็จ เตชินเปิดสมุดที่วาดรูปดูอย่างชื่นชม ยิ้มอย่างมีความสุข พึมพำ... “ไม่เคยคิดเลยนะ ว่านางในฝันจะมีอยู่จริง”

ooooooo

ที่บ้านเตชินวันนี้ ได้ต้อนรับพิสมัยและชมพูที่ทำคัพเค้กแต่งหน้าสวยมาฝาก จิตราหมายมุ่งที่จะให้เตชินรักกับชมพู เมื่อพิสมัยพาชมพูมา จึงต้อนรับขับสู้อย่างกระตือรือร้น เรียกสร้อยให้ไปตามเตชินลงมา สร้อยขึ้นไปตามปรากฏว่าเตชินไม่อยู่ ย่องมากระซิบ กระซาบบอกจิตรา

สร้อยกระซิบจนฟังไม่รู้เรื่อง จิตราหงุดหงิดบอกพูดให้มันได้ยินหน่อยได้ไหม สร้อยเลยพูดเกือบเป็นตะโกนว่า

“คุณเตไม่อยู่บนห้อง รถก็ไม่อยู่ที่จอด คาดว่าตอนนี้คงไม่ได้อยู่ในบ้านแล้วล่ะค่ะ ชัดไหมคะคุณหญิง”

ปรากฏว่าไม่ได้ชัดเฉพาะคุณหญิง แต่ชัดไปถึงพิสมัยและชมพูด้วย จิตรายิมแหยบ่นแก้เกี้ยวว่า

“นายเตนะนายเต แอบหนีไปไหน ทำไมถึงไม่บอกกันก่อนฮึ!”

หารู้ไม่ เตชินกำลังบ่ายหน้าไปที่บ้านเด็กกำพร้า!

ริลณีทำท่าจะร้องไห้เมื่อหาโทรศัพท์มือถือไม่เจอและเงินจะซื้อใหม่ก็ไม่มี ขณะกำลังใจเสียอยู่นั้น เอทีเอ็มเข้ามาบอกว่าไม่ต้องซื้อแล้ว พลางเอามือถือของริลณีเข้ามาให้ พร้อมกับเตชินเดินตามมาเขิน

“มีคนเอามือถือของรินมาคืน เจอตกอยู่ในรถเขา”

ระหว่างนั้น เตชินก็มีทั้งของกินของใช้ของเด็กเล่นมาฝากพวกเด็กๆมากมาย

ริลณีตกใจที่เตชินตามมาถึงบ้านเด็กกำพร้าทั้งที่เมื่อคืนเธอให้เขาส่งที่ป้ายรถเมล์ เตชินชี้แจงว่า

“ผมต้องขอโทษนะครับที่เมื่อคืนผมแอบขับรถตามรถที่คุณขึ้นมาถึงที่นี่ เพราะกลัวคุณจะไม่ปลอดภัย แต่ไม่คิดจะทำอะไรไม่ดีนะครับ”

“ขอบคุณนะคะที่ช่วยเมื่อคืน โทรศัพท์แล้วก็ของที่คุณเอามาบริจาค ของพวกนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเรามากค่ะ”

เตชินแนะนำตัวเองเขินๆว่าชื่อเตชินหมายให้ริลณีแนะนำตัวเองบ้าง แต่ทันใดนั้นไฟในบ้านก็ดับวูบ เตชินถามว่าเกิดอะไรขึ้น เฟื่องฟ้าบอกว่าเป็นเหตุการณ์ปกติ แล้วกระซิบกับริลณีว่า ยังไม่เอาเงินไปจ่ายค่าไฟใช่ไหม

“เงินพอที่ไหนล่ะ ต้องรอเงินค่ารำที่จะได้วันนี้ก่อน” ริลณีกระซิบบอก เตชินแอบได้ยิน เขาเดินไปหาเอทีเอ็ม เอาเงินทั้งหมดที่มีให้บอกว่าขอบริจาคเงินด้วย ริลณีกับเฟื่องฟ้าเดินมาทัน ริลณีรับเงินไว้แล้วยื่นคืนให้

“ปัญหาของเรา เราจัดการได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องขอเงินของคุณ แค่ข้าวของที่คุณเอามาบริจาคมากพอแล้ว เอาเงินคืนไปเถอะค่ะ” เอทีเอ็มโวยว่าเขาจะบริจาคจะไปห้ามเขาทำไม ริลณียืนยันว่า “เรื่องเงินค่าไฟฉันจัดการเอง”

เฟื่องฟ้าสงสารเด็กที่คืนนี้จะต้องอยู่มืดๆ เตชินเสนอว่า ตนให้ยืมเงินนี้ไปจ่ายค่าไฟก่อน เมื่อทางนี้มีเงินค่อยเอามาคืน ริลณีถามว่าแล้วเขาจะได้อะไรจากการทำแบบนี้

“ได้ช่วยพวกคุณไง ถ้าพวกคุณเป็นผม คุณก็ต้องทำอย่างนี้” เตชินแสดงความบริสุทธิ์ใจ

“เอายังไงริน” เอทีเอ็มมองหน้าริลณีอย่างกดดัน

ooooooo

เมื่อริลณีไปทำงาน เตชินตามไป เธอบอกเขาอย่างไม่พอใจว่าให้ไปรอที่รถ ตนเบิกเงินได้แล้วจะเอาไปคืนให้ เตชินบอกว่าตนไม่ได้ตามมาทวงเงิน
แต่จะมาหาอะไรกินในร้านเท่านั้น

ริลณีเสียหน้าแต่ทำตีหน้าตายบอกว่างั้นก็เชิญในร้าน เพราะตรงนี้เป็นทางเข้าของพนักงาน

“คุณจัดการธุระคุณเสร็จแล้วก็โทร.บอกผมนะครับ”

“แต่ฉันไม่มีเบอร์ของคุณนะคะ”

“ผมเมมไว้ในเครื่องคุณแล้ว ชื่อ เตชิน เบอร์ของคุณผมก็เมมไว้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะใส่ชื่ออะไร”

ริลณีบอกเขินๆว่าชื่อริลณี เตชินยิ้มดีใจบอกว่า “งั้นเราสองคนก็รู้จักกันแล้ว หวังว่าเราสองคนจะเป็นเพื่อนกันได้นะครับ คุณริลณี”

เตชินยิ้มเท่ๆ จนริลณีเขิน เธอไม่ตอบ แต่รีบเดินเข้าไปในร้านกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเอง

ขณะนั้นเอง จิตราโทร.เข้ามือถือของเตชิน เขามองโทรศัพท์เครียดๆ แล้วปิดเสียงเรียกเข้าเสียเลย

จิตราพูดแก้หน้ากับพิศมัยและชมพูว่า เตชินคงทำงานอยู่กับเพื่อนๆ ใกล้จบแล้วมีทั้งธีสิส ทั้งโครงงานอะไรวุ่นวายไปหมด ไม่มีเวลาแม้แต่จะรับโทรศัพท์แม่ แล้วชวนเราสามคนออกไปทานข้าวกันเอง ไว้วันหลังค่อยชวนเตชินไป

“ขอโทษจริงๆนะจ๊ะหนูชมพู ป้าไม่คิดว่าลูกชายป้าจะบ้างานขนาดนี้”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” ชมพูพูดอย่างนั้นทั้งที่ใจรู้สึกผิดหวัง ส่วนจิตรายิ้มแย้มกับพิศมัยและชมพูแต่พอพ้นสายตาทั้งสองก็ชักสีหน้าไม่พอใจเตชิน

ooooooo

เอกราชกร่างมาก วันนี้ถึงกับเหมาร้านเพื่อจะดูริลณีรำพวกเดียว หมายจะรวบรัดริลณีให้ได้ เชิงชายติงว่าขนาดตุลเทพจีบอยู่นานยังไม่สำเร็จเลย

“ก็ตุลเทพ คิดจะฟันอย่างเดียว ผู้หญิงสมัยนี้เขาไม่ได้รักแค่สนุก เขารักสบายด้วย” ประวิทย์แนะ เชิงชายเลยให้ช่วยบรรยายให้ฟังหน่อย “ยายนั่นเป็นเด็กกำพร้า ขาดทุนทรัพย์ ที่พยายามเล่นตัวอาจเพราะต้องการเงินก็ได้”

“ถ้าเป็นพวกเงินมาผ้าหลุดนี่จะเสียอารมณ์มากๆ นะ” เอกราชส่ายหน้าเซ็งๆ

ทั้งหมดคุยกันในห้องน้ำ พอพวกเอกราชออกไป เตชินก็ออกจากห้องน้ำห้องหนึ่ง เขามองตามทั้งสามไปอย่างไม่พอใจสุดๆ

พอพวกเอกราชมานั่งที่โต๊ะ ริลณีก็เดินออกมาเผชิญหน้าในชุดปกติที่ยังไม่ได้แต่งชุดนางรำ เอกราชถามว่าทำไมถึงยังไม่เปลี่ยนชุดออกมารำให้พวกตนดู

“พวกนายต้องการอะไร ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ด้วย”

“ผมก็แค่อยากมีโอกาสทำความรู้จักรินให้มากกว่านี้” เอกราชกรุ้มกริ่มแล้วมองไปทางเชิงชาย ฝ่ายนั้นรีบส่งช่อดอกไม้ให้ เอกราชยื่นให้ริลณี เธอไม่รับ เขาหยิบกระเป๋าถือยี่ห้อดังยื่นให้ เธอไม่รับอีก เขาถามว่า “หรือจะเปลี่ยนเป็นเงินทุนสำหรับการศึกษา คุณจะได้ไม่ต้องมาลำบากทำงานแบบนี้”

“คนที่ใช้เงินซื้อมิตรภาพ ไม่มีทางที่ฉันจะยอมเป็นเพื่อนด้วยหรอกค่ะ ขอตัวนะคะ”

เอกราชคว้ามือไว้ “อย่าทำเล่นตัวมากไปหน่อยเลย แค่นี้ก็มากพอสำหรับเด็กกำพร้าแบบเธอแล้ว” ริลณีสั่งให้ปล่อย “ผมไม่ปล่อย จนกว่าคุณจะยอมคุยกับผมดีๆก่อน”

ริลณีพยายามขัดขืน เอกราชยิ่งยื้อไว้ ทันใดนั้น เสียงเตชินแทรกเข้ามา

“ถ้าผู้หญิงบอกให้ปล่อย ผู้ชายที่ดีและมีความเป็นสุภาพบุรุษพอก็ควรทำตามนั้นนะครับ”

เอกราชถามว่ามายุ่งอะไรด้วย แล้วพยักหน้าให้พรรคพวกเข้าไปจัดการเตชิน แต่ทั้งหมดถูกเตชินเล่นงานจนสะบักสะบอม ข้าวของในร้านพังเสียหาย เตชินพูดอย่างผู้เหนือกว่าว่า

“จำไว้ โลกนี้ไม่ใช่ของนาย รู้จักให้เกียรติและเคารพคนอื่นบ้างจะได้ไม่ต้องเป็นแบบนี้”

เชิงชายกับประวิทย์ต้องช่วยกันประคองเอกราชออกไป เตชินเข้าไปจับแขนริลณีถามว่าเจ็บมากไหม ริลณีบอกว่าตนควรจะถามเขามากกว่า

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย!!” เสียงเจ้าของร้านถามอย่างเอาเรื่อง

ooooooo

ผลจากการชกต่อยกันจนร้านพังคือ ริลณีถูกเลิกจ้าง เตชินขอโทษที่ตนเป็นต้นเหตุให้เธอต้องเดือดร้อน ริลณีบอกว่าตนเป็นฝ่ายที่ต้องขอโทษเขามากกว่า เพราะเขาช่วยตนหลายครั้งแล้ว ส่วนเรื่องเงิน...

“ไม่ต้องคิดมากหรอก ถือว่าผมบริจาคก็แล้วกัน...คนจะทำบุญอย่าขัดศรัทธาสิครับ ผมอยากช่วยพวกคุณจริงๆ”

แต่ริลณีกลับภาวนาขออย่าได้พบเขาอีกเพราะตนไม่อยากทำให้เขาเดือดร้อน ก้มหัวให้แทนคำขอบคุณแล้วผละไปอย่างเร็วด้วยความรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

เตชินกลับถึงบ้าน สร้อยก็แจ้นไปรายงานจิตราทันที พอเตชินเข้าบ้านก็ถูกแม่ลุกขึ้นชักสีหน้าถามว่าหายไปไหนมาทั้งวันโทร.ก็ไม่รับสาย เท่านั้นไม่พอยังหันไปฟ้องนายพลณรงค์สามีที่นั่งอยู่ด้วยว่า

“ลูกชายคุณชักจะเหลวไหลใหญ่แล้วนะคะ” พอสามีติงว่าลูกต้องวุ่นเรื่องเรียนอย่าไปจู้จี้จุกจิกมากนักเลยก็สวนกลับทันทีว่า “ไม่จุกจิกได้ยังไงล่ะคะฉันกลัวลูกจะแอบไปเที่ยวเล่นกับพวกผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่พยายามจะจับลูกเราน่ะค่ะ เตชินลูกชายท่านนายพลณรงค์กับคุณหญิงจิตรา ไม่มีสาวไหนอยากปฏิเสธหรอกค่ะ”

“ก็ไม่จำเป็นเสมอไปหรอกครับคุณแม่ ถ้าไม่มีอะไรผมขอตัวนะครับ”

“เดี๋ยว!!” คุณหญิงเรียกไว้แล้วเดินเข้าไปพูดดีด้วย “ว่างๆพาหนูชมพูเขาไปกินข้าว ดูหนังฟังเพลงบ้างจะได้สนิทสนมกันไว้ เข้าใจไหม”

เตชินไม่ตอบ ถอนใจเบาๆ แล้วเดินออกไป คุณหญิงหันยิ้มกับณรงค์อย่างพอใจ

เมื่อเข้าห้องตัวเอง เตชินไปหยุดตรงรูปวาดในสมุด มองดูรูปแล้วก็เฝ้าแต่คิดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับริลณี นับแต่ได้เจอกันจนกระทั่งเธอถูกไล่ออกจากงาน เขาเฝ้าคิดวนเวียนอยู่อย่างไม่อาจหยุดได้

สองวันต่อมา เมื่อชัชรู้ว่าเตชินคิดถึงเรื่องราวของริลณีอยู่ถึงสองวันสองคืนก็ถามว่าจะบ้าหรือ เตชินยอมรับว่าตนอดคิดไม่ได้จริงๆ ทั้งชื่นชม สงสาร และเห็นใจที่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งต้องดิ้นรนกับชีวิตมากขนาดนั้น

“ที่นายร่ายมาตั้งยาวเนี่ยสรุปสั้นๆได้สามคำ” 

เตชินถามว่าอะไรหรือ ชัชย้ำคำชัดๆว่า “นาย-ชอบ-เขา จบไหม”

ooooooo

เอกราชเจ็บใจว่าไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้ตนเสียหน้าได้ขนาดนี้เลย เชิงชายกับประวิทย์สรุปว่า ริลณีไม่ใช่คนหิวเงิน แถมเอกราชยังมีคู่แข่งหน้าตาดีกว่าอีกด้วย ปริมลดาก็เสนอว่าเมื่อเอาเงินซื้อไม่ได้ก็ต้องเอาความดีเข้าข่ม

แต่เอกราชคิดว่าริลณีคงไม่ยอมให้ตนเข้าใกล้อีกแล้ว ปริมลดาจึงเสนอตัวจะจัดการให้เอง

ปริมลดาใช้หงส์หยกให้ไปบอกริลณีว่าตนมีเรื่องอยากคุยด้วย ริลณีจึงไปหาปริมลดาที่นั่งวางท่าอยู่ที่โต๊ะกลุ่ม แต่พอริลณีเห็นเอกราช เชิงชายและประวิทย์นั่งอยู่ด้วยเธอก็ชะงัก ปริมลดาจึงลุกเดินมาหาพูดหยิ่งๆ ว่า

“เรื่องที่ฉันตบเธอวันก่อน ฉันไม่ได้ตั้งใจอย่าโกรธกันนะ” ริลณีบอกว่าไม่เป็นไรแค่เธอไม่โกรธไม่เกลียดตนก็ดีใจแล้ว “ถ้าฉันจะโกรธควรต้องโกรธแฟนฉันมากกว่า ผู้หญิงเราไม่ควรมีปัญหากันเพราะเรื่องผู้ชาย จริงไหม”

เอกราช เชิงชายและประวิทย์ลุกเดินตามมา เชิงชายขอโทษเรื่องที่ร้านอาหารวันนั้น เอกราชก็ทำเป็นคนดีบอกว่า

“เรายอมรับว่าบุ่มบ่ามกับเธอเกินไป แต่เพราะเราชอบเธอจริงๆ ตอนนี้เราเข้าใจแล้วว่าเธอไม่ได้ชอบเรา เพราะฉะนั้นเราก็น่าจะยังเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหม”

พอริลณีบอกว่าได้ เอกราชก็ยื่นมือไป พอริลณีจับ ทั้งเชิงชาย ประวิทย์และปริมลดาก็ยื่นมือตามไป ทั้งห้าจับมือกันเป็นหนึ่งเดียว ปริมลดาและพวกเอกราชแอบยิ้มให้กันที่แผนการสำเร็จสมใจ

-----
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น