วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร นางชฎา ตอนที่ 3


เมื่อริลณีไปแจ้งความแล้ว ตำรวจเรียกเอกราช ประวิทย์ และเชิงชายไปสถานีตำรวจ นักข่าวต่างกรูกันเข้าสัมภาษณ์


คำถามประดังเซ็งแซ่ ทั้งถามว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า, จะมีผลกระทบต่อชื่อเสียงของคุณพ่อเขาไหม เอกราชตอบอย่างไม่สะทกสะท้านว่า คนดีอย่างตนจะทำอย่างนั้นทำไม...คุณพ่อรู้อยู่แล้วว่าลูกชายเป็นอย่างไร

ทนายความเข้ามากันนักข่าวออกบอกว่ารอเขาให้ปากคำตำรวจก่อนค่อยมาแถลงอีกที แล้วพาทั้งสามขึ้นโรงพักไป

กลับถึงหอพัก ประวิทย์โวยวายว่าอนาคตตนดับวูบแล้ว ไหนจะทุนปริญญาเอกที่อเมริกา ไหนจะพ่อแม่อีก กุมหัวตัวเองโวยวายว่าไม่น่าช่วยเอกราชทำอะไรบ้าๆอย่างนั้นเลย เชิงชายบอกประวิทย์ว่าถ้าอนาคตเขาดับก็ดับกันหมดนั่นแหละ

“อย่าตีโพยตีพายไปหน่อยน่า อย่าลืมสิว่าพ่อฉันเป็นใคร ฉันไม่มีวันยอมให้นังเด็กกำพร้านั่นมาทำอะไรพวกเราได้แน่!!” เอกราชพูดอย่างมั่นใจว่าอำนาจอิทธิพลของพ่อจะเป็นเกราะป้องกันเขาได้

ooooooo

ตำรวจสอบปากคำริลณีและเตชินอย่างละเอียด ถามว่าฝ่ายริลณีมีพยานไหมเพราะฝ่ายโน้นเขาอ้างว่าไม่ได้อยู่ที่หอขณะเกิดเหตุ ถ้าไม่มีพยานหลักฐาน ชัดเจนกว่านี้ ตำรวจก็ไม่สามารถจับคนผิดมาลงโทษได้

ทั้งเตชินและริลณีต่างอึ้ง จนตำรวจสะกิดว่า ตอนที่ริลณีวิ่งหนีมีใครเห็นเหตุการณ์บ้างไหม ริลณีจึงนิ่งคิดทบทวน

นอกจากริลณีจะต้องหาพยานหลักฐานมาเอาผิดกับพวกเอกราชแล้ว เธอยังต้องบากหน้าไปมหาวิทยาลัยทนฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตนในทางลบเหมือนยิ่งซ้ำเติมความเจ็บปวดให้ร้าวลึกยิ่งขึ้น

อาจารย์นาฎบ่นกับชมพูเรื่องริลณีขาดซ้อมบ่อย จนบางทีคิดว่าอาจจะต้องส่งชมพูไปรำคนเดียวเสียแล้ว ชมพูพยายามพูดขอโอกาสให้ริลณี อาจารย์นาฎพูดอย่างหนักใจว่า

“ครูก็อยากให้โอกาสนะ แต่ท่าทางผู้ใหญ่ของคณะเขาจะไม่ให้น่ะสิ” อาจารย์เครียด ชมพูเองก็คิดหนักสงสารเพื่อน

ooooooo

ริลณีตัดสินใจไปคุยกับตุลเทพขณะเขาซ้อมว่ายน้ำเสร็จ ขอร้องให้เขาช่วยเป็นพยานให้ตน ตุลเทพบอกว่าตนไม่อยากมีปัญหากับใคร รู้กันอยู่ว่าทั้งมหาวิทยาลัยไม่มีใครอยากมีเรื่องกับเอกราช

เมื่อริลณีบอกว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับ พวกเอกราชไม่มีทางรู้ว่าเขาไปเป็นพยานให้ตน ตุลเทพมองริลณีนิ่งแล้วถามว่า

“แล้วผมจะได้อะไร?” ริลณีบอกว่าเขาจะได้ช่วยหยุดคนพวกนี้ไม่ให้ทำเลวๆกับคนอื่นอีก “ผมไม่สนใจเหตุผลโลกสวยแบบนั้นหรอก เพราะผมเป็นคนทำอะไรหวังผล”

เมื่อริลณีถามว่าเขาอยากได้อะไร ถ้าเป็นเงินตนไม่มี ตุลเทพบอกว่าเขาต้องการอย่างอื่นแต่เอาไว้นึกออกค่อยบอก

“แสดงว่านายจะช่วยไปเป็นพยานให้แล้วใช่ไหม” ริลณีดีใจมาก

“ก็เธออุตส่าห์มาขอร้องซะขนาดนี้ ยังไงเพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อน...หึๆ” ตุลเทพยิ้มร้ายอย่างมีแผน

เอกราชที่เคยกร่างผยอง วันนี้ก็หัวเสียหมดฟอร์มเมื่อตำรวจมีหมายเรียกทั้งเอกราช ประวิทย์และเชิงชายเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดี

ปริมลดาดูข่าวนี้จากแท็บเล็ตถึงกับขว้างแท็บเล็ตทิ้งอย่างโมโหสุดขีด

ต่อมาปริมลดาไปหาทั้งสามที่บ้านเอกราช ถามว่าได้ข่าวว่าทางมหาวิทยาลัยไล่ออกทั้งหมดเลยหรือ

“ใช่...ไล่ออก ริบทุนคืน อนาคตทุกอย่างของฉันพังหมด แล้วฉันจะมีหน้ากลับไปบอกพ่อแม่ได้ยังไง” ประวิทย์โวย หงส์หยกถามว่าแล้วเรื่องคดีล่ะ เชิงชายบอกว่าไม่มีปัญหาเพราะพ่อเอกราชจะจัดการให้ แต่พวกตนก็หมดอนาคตแล้ว

“เธอต้องช่วยฉันแก้แค้นนังนั่นนะลดา เพราะที่เราทำทุกอย่างมันเป็นแผนของเธอ” เอกราชโยนกลองให้ปริมลดา เธอบอกว่ารู้แล้ว แต่ตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้ ขืนบุ่มบ่ามมีหวังถูกไล่ออกกันหมด แต่ตนต้องหาทางให้เขาเอาคืนแน่ๆ!!

ooooooo

เมื่อสถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดี ริลณีไปกราบขอโทษอาจารย์นาฎที่ต้องลำบากใจกับตนมาหลายเรื่อง

“เรื่องมันผ่านไปแล้วอย่าไปพูดถึงมันเลย อยู่กับปัจจุบันและทำมันให้ดีที่สุดก็พอ” ส่วนเรื่องเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยไปประกวดนั้นอาจารย์นาฎบอกว่า “เธอเกือบจะไม่ได้เป็นแล้ว ดีแต่ที่ครูกับชมพูช่วยกันยืนยันกับผู้ใหญ่ว่าถ้ารินรำต้องชนะการประกวดแน่ๆ” ริลณีซึ้งใจที่ชมพูช่วยตนมาตลอด “เพื่อนที่ดีจะเห็นกันยามยากอย่างนี้แหละ เมื่อมีเพื่อนดีแล้ว ก็ควรจะรักษาเอาไว้ให้ยาวนานที่สุด เข้าใจไหม”

“ค่ะ...อาจารย์...” ริลณีรับคำหน้าจ๋อยยิ่งรู้สึกตัวเองทำผิดกับชมพูมากที่แอบคบกับเตชินด้วยความรู้สึกผิดกับเพื่อนที่แสนดีคนนี้ ทำให้ริลณีตัดสินใจที่จะไปจากเตชิน เมื่อเตชินมาแสดงความยินดีที่พวกเอกราชถูกดำเนินคดีไปแล้ว ริลณีพูดอย่างเย็นชาว่า “ขอบคุณนะคะ งั้นคุณกลับไปได้แล้ว” พูดแล้วเดินผละไป

เตชินแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของริลณี เรียกเธอไว้บอกว่ามีเรื่องสำคัญอยากคุยกับเธอ ริลณีหันมองบอกว่า“รินเองก็มีเรื่องสำคัญอยากพูดกับคุณเหมือนกัน”

ชมพูเดินลงจากตึกเรียนเห็นรถของเตชินจอดอยู่เธอแปลกใจว่าเขามาตั้งแต่เมื่อไร พอดีกล้ากับน้าไหวเดินคุยกันมาว่าน่าอิจฉาเจ้าของรถคันนี้จัง มาจอดทีไรก็มีสาวๆมาด้อมๆมองๆทุกที น้าไหวชมว่ารถก็สวยคนก็หล่อจะไม่ให้สาวๆกรี๊ดได้ยังไง กล้าเห็นชมพูดูรถอยู่ก็พูดอย่างคะนองปากว่า

“ใจเย็นนะครับน้อง ถ้าอยากเห็นหน้าคนขับคงต้องรอหน่อย สงสัยกำลังไปสวีตกับแฟน” เห็นชมพูชะงัก กล้าถามหยอกว่า “ช็อกล่ะสิ เจ้าของรถเขามีแฟนเรียนอยู่ที่นี่ ท่าทางสวีตกันมาก เจ้าของรถถึงมารับมาส่งแทบทุกวัน”

ชมพูอึ้งแล้วอึ้งอีกถามว่ารู้ไหมว่าใครเป็นแฟนเขา น้าไหวบอกไม่รู้แต่เห็นมาทีไรก็เดินไปทางตึกนาฏศิลป์ทุกที

ชมพูเดินไปที่ตึกกิจกรรมทั้งหวั่นใจทั้งกลัวจะได้รู้เห็นสิ่งที่ตัวเองระแวง เดินไปจนใกล้ตึกกิจกรรมเห็นชายคนหนึ่งยืนหันหลังคุยกับสาวอยู่ที่ระเบียงเพียงแค่รู้สึกคุ้นๆก็ใจหายแล้ว ยิ่งเห็นชายคนนั้นดึงหญิงสาวเข้าไปกอดก็แทบหัวใจสลาย

เตชินมอบแหวนเพชรที่ซื้อไว้ให้ริลณี เธอบอกว่ารับไว้ไม่ได้ เตชินดูเธอแปลกไปมากถามว่ามีอะไรเล่าให้ฟังได้ไหม

“รินเหนื่อยน่ะค่ะ รินเหนื่อยเรื่องของเรา ถ้าคุณไม่เข้ามาในชีวิตริน ทุกอย่างมันก็คงไม่ยุ่งยากแบบนี้ รินว่ามันถึงเวลาที่เราควรจะเลิกข้องเกี่ยวกันเสียที เราเลิกกันเถอะค่ะ”

เตชินอึ้ง ช็อก ยิ่งเมื่อริลณีบอกว่ารู้ตัวมาตลอดว่าเรื่องของเราเป็นไปไม่ได้ ตนเหนื่อยและไม่อยากพบเขาอีก ขอให้กลับไปเสีย เตชินดึงเธอเข้าไปกอด ยืนยันจะไม่ไปเด็ดขาดถ้าเธอไม่บอกว่าเกิดอะไรขึ้น และเชื่อว่าเธอไม่ได้อยากเลิกกับตนจริงๆ ริลณีทำใจให้เข้มแข็ง เช็ดน้ำตาจนแห้ง มองหน้าเขาพูดจริงจังว่า

“ริน ไม่ ได้ รัก คุณ” เตชินสะอึกบอกว่าเธอโกหก “รินไม่ได้โกหก หวังว่าต่อจากนี้เราคงไม่พบกันอีก”

เตชินทั้งผิดหวังและโกรธมาก เขาหันหลังเดินไปอย่างเจ็บปวด ริลณีมองตามน้ำตาท่วม เจ็บปวดไม่น้อยกว่ากันเลย

ชมพูวิ่งไปจนถึงชายที่ยืนหันหลังให้ที่ระเบียง ตรงไปดึงเขาออกมา แล้วเธอก็ตกใจเมื่อเขาเป็นใครก็ไม่รู้ รีบขอโทษแล้วผละออกมา เจอกล้ากับน้าไหวอยู่แถวรถที่จอดเมื่อครู่ น้าไหวใจดีบอกว่า

“เพิ่งขับออกไปเมื่อตะกี๊นี้เองครับ”

“ท่าทางมู้ดดี้ คงมีปัญหากับแฟนแน่ๆ” กล้าบอก แล้วสองน้าหลานก็เดินผ่านไป ชมพูยืนอึ้ง ช็อก ไม่รู้ว่าเตชินมาที่นี่ทำไม? มาหาใคร?

ooooooo

เตชินกลับไปบ้านนั่งที่โต๊ะอาหารกับทั้งคุณพ่อและคุณแม่แต่เขาเอาแต่นั่งซึม สร้อยจอมสาระแนแอบกระซิบบอกคุณหญิงว่าวันนี้เตชินแปลก ข้าวไม่แตะน้ำไม่ดื่มซึมตั้งแต่กลับมาแล้ว

คุณหญิงส่งสายตาให้สามีดูเตชินว่าเป็นจริงอย่างที่สร้อยว่า นายพลณรงค์จึงเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นว่า

“พ่อให้คนติดต่อมหาวิทยาลัยที่อเมริกา เรื่องที่จะส่งลูกไปเรียนต่อเรียบร้อยแล้วนะ สอบเสร็จก็เตรียมตัวเดินทางได้เลย” เตชินตกใจถามว่าไม่เร็วไปหรือ ตนอยากทำงานหาประสบการณ์ที่นี่สักพัก “รีบไปเรียนน่ะดีแล้ว พ่ออยากให้ลูกรีบเรียนรีบจบ จะได้กลับมาแต่งงานไวๆ”

“หมายความว่ายังไงครับ”

“ก็หมายความว่า ก่อนไปลูกจะต้องหมั้นกับหนูชมพู แล้วก็ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ลูกจะได้ช่วยดูแลน้องด้วย” คุณหญิงพูดยิ้มแย้ม แต่เตชินฟังแล้วเครียดโวยทันทีว่าตนยังไม่อยากหมั้นและยังไม่อยากไปเรียนต่อ ถูกณรงค์ตบโต๊ะปัง! จ้องหน้าเตชินพูดอย่างเอาเรื่องว่า

“ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งนั้น อย่าทำให้พ่อกับแม่ต้องเสียผู้ใหญ่ เข้าใจไหม!”

เตชินไม่ตอบ ลุกเดินออกจากโต๊ะไปทันที ณรงค์จะลุกตามถูกคุณหญิงห้ามไว้ บอกว่าปล่อยไปก่อนยังไงลูกก็ไม่มีทางขัดขืนคำสั่งพวกเราได้อยู่แล้ว

ooooooo

เมื่อเรื่องคดีเรียบร้อยแล้ว ตุลเทพโทร.มาทวงสัญญากับริลณี บอกว่าตอนนี้คิดออกแล้วว่าอยากได้อะไรจากเธอ นัดไปพบกันที่สระว่ายน้ำในมหาวิทยาลัย

ริลณีสังหรณ์ใจว่าจะมีเรื่องไม่ดี เธอจึงเอามีดใส่กระเป๋าไปด้วย ตุลเทพรออยู่ที่สระว่ายน้ำ เขาเตรียมกล้องถ่ายรูปนั่งรออยู่แล้ว

“นายอยากได้อะไรก็รีบบอกมาเร็วๆ ฉันจะได้ไปหามาให้ จะได้หมดเรื่องกันเสียที” ริลณีพูดทันทีที่พบกัน

ตุลเทพยกกล้องขึ้นถ่ายรูปเธอทันที พูดไปถ่ายไปจนริลณีถามว่าจะถ่ายไปทำไม ตุลเทพอ้างว่าเพราะรักจึงอยากถ่ายไว้ดู ริลณีเริ่มรู้สึกไม่ดี พยายามถอยห่างถูกตุลเทพกระชากเสื้อจนกระดุมเม็ดบนขาด เขาถ่ายรูปไว้อีก ริลณีถามว่าเขาจะทำอะไร ตุลเทพแสยะยิ้มบอกว่า

“ไม่มีอะไรมากหรอก ผมก็แค่อยากถ่ายรูปเปลือยของเธอเป็นที่ระลึกเท่านั้นเอง” แล้วก็ตรงเข้าชกท้องเธอจนจุก แต่ริลณีก็ต่อสู้สุดฤทธิ์ ถูกตุลเทพใช้กำลังที่เหนือกว่าอุ้มไปวางไว้ที่พื้นแล้วกระชากเสื้อเธอออกจะถ่ายรูปอีก

ริลณีคว้าได้มีดในกระเป๋าเธอฟันแขนเขาสุดแรง ตุลเทพโมโหจะตบถูกริลณีถีบเข้ากลางลำตัวจนตกสระ ริลณีรวบรวมกำลังลุกขึ้นคว้ากระเป๋าวิ่งหนีไปสุดชีวิต

ตุลเทพโผเข้าเกาะขอบสระจะไล่ตามแต่เจ็บแผลจนทนไม่ได้ เลยได้แต่มองตามริลณีไปอย่างเจ็บใจ

ooooooo

ปริมลดาถูกพี่โต้งผู้กำกับที่มีข่าวฉาวกันเรียกไปแจ้งปลดเธอจากนางเอก เพราะข่าวฉาวของเธอหึ่งทั่วเน็ตแล้ว ขืนให้เธอเป็นนางเอกต่อไปมีหวังคนเม้าท์กันไม่เลิกแน่

ปริมลดาโมโหมากโต้เถียงเสียงดังว่า “พี่สัญญากับลดาแล้วนะคะ ลดาอุตส่าห์ยอมทำตามที่พี่ต้องการทุกอย่าง”

“จะพูดเสียงดังไปทำไม” พี่โต้งดุหน้าเครียด “อยากให้คนเขารู้รึไงว่าข่าวลือนั่นเป็นเรื่องจริง แค่นี้พี่ก็โดนผู้ใหญ่เรียกไปด่าจะแย่อยู่แล้ว ช่วงนี้ก็ต่างคนต่างทำงานไปก่อน ไว้คนลืมเรื่องนี้เมื่อไหร่ค่อยว่ากัน”

ปริมลดายิ่งแค้นริลณีหาว่าปล่อยข่าวแกล้งจนตนถูกปลดจากนางเอก ขณะกำลังเดือดพล่านนั้น ก็ได้รับโทรศัพท์จากตุลเทพว่าเขาอยู่โรงพยาบาลเพราะถูกริลณีทำร้าย ทำให้ความแค้นของปริมลดายิ่งลุกโพลง

เมื่อพากันไปเยี่ยมตุลเทพที่โรงพยาบาล จึงรู้ว่าตุลเทพว่ายน้ำไม่ได้อีกแล้ว ซ้ำแขนยังไม่สามารถกลับมาใช้งานได้เต็มร้อยด้วย ประวิทย์เทียบกับตัวเองแล้วบอกว่ายังดีที่ริลณีไม่ไปแจ้งความให้ตำรวจจับและถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยเหมือนพวกตน

“นังริลณีมันทำพวกเราแสบ เพราะมัน ชีวิตพวกเราทุกคนถึงได้แย่แบบนี้!!” เอกราชคำรามแค้น

ผลจากการคิดชั่วทำเลวของคนกลุ่มนี้คือ พวกเอกราชถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย ปริมลดาถูกปลดจากนางเอก และตุลเทพไม่อาจว่ายน้ำได้เหมือนเดิม ความฝันที่จะได้เป็นทีมชาติมลายไปในพริบตา

“แล้วพวกเราจะปล่อยให้นังนั่นเล่นงานพวกเราฝ่ายเดียว ไม่คิดที่จะแก้แค้นบ้างเหรอ” ตุลเทพถาม ปริมลดาบอกว่าคิด! เอกราชถามว่าพูดแบบนี้แสดงว่ามีแผนแล้ว

“แน่นอน ฉันมีแผนที่จะทำให้พวกเราทุกคนหายแค้น แผนที่ต้องการเพียงความใจกล้าของพวกเราเท่านั้นเอง ถ้าพวกเราทุกคนร่วมมือกัน ทุกอย่างมันต้องสำเร็จอย่างแน่นอน” ปริมลดาจิกตาร้าย

ooooooo

ระหว่างที่เฟื่องฟ้ากับเอทีเอ็มนั่งรอริลณีกับชมพูที่ห้องสมุดเพื่อติวเตรียมสอบกันนั้น เฟื่องฟ้าสังเกตเห็นเอทีเอ็มเศร้าผิดปกติ พอทักก็ปั้นหน้ายิ้มแย้มแต่ดูฝืดเฝื่อนเต็มที

พอริลณีกับชมพูมาถึงก็ติวกันอย่างคร่ำเคร่ง เฟื่องฟ้าเครียดมากเลยเสนอให้หยุดผ่อนคลายมาบันเทิงกันดีกว่า เอทีเอ็มดักคอว่าจะนินทาใคร? เฟื่องฟ้าบอกว่าไม่ได้นินทาแต่จะอัพเดตข่าวที่ฮอตที่สุดในมหาวิทยาลัยตอนนี้ เฟื่องฟ้าอ่อยเสียจนเพื่อนๆอยากฟัง

“ก็เรื่องนายตุลเทพไง สรุปว่าตุลเทพอดไปคัดตัวทีมชาติ แล้วก็ว่ายน้ำต่อไปไม่ได้แล้ว”

ชมพูพึมพำว่าสงสารที่อุตส่าห์ฝึกมาหลายปีแต่พอจะได้เป็นทีมชาติก็มีปัญหา เอทีเอ็มถามว่าทำไมอยู่ดีๆตุลเทพถึงได้เอ็นขาดแบบนี้ ริลณีที่นั่งฟังเงียบๆ ได้ยินเอทีเอ็มถามก็ถึงกับทำหนังสือร่วงจากมือ

ชมพูเสนอไปเยี่ยมตุลเทพกัน ริลณีปฏิเสธทันทีจนเพื่อนมองเป็นตาเดียวถามว่าทำไม ริลณีตอบอึกอักว่าไม่อยากมีปัญหากับปริมลดา

เอทีเอ็มถามชมพูว่า ลือกันว่าสอบเสร็จจะไปเรียนต่อที่อเมริกาเลยจริงไหม ชมพูตอบเรียบๆว่าใช่ คุณพ่อคุณแม่จะส่งไปเรียนต่อที่อเมริกาพร้อมเตชิน

เอทีเอ็มฟันธงว่าไปเรียนด้วยกันแบบนี้แสดงว่าชมพูจะแต่งงานกับเตชินแน่นอน

เป็นคำถามที่ทำให้ชมพูหน้าเจื่อนบอกว่าไม่มีอะไรแน่นอน ของแบบนี้ต้องดูกันไปอีกยาวๆ แล้วหยิบหนังสืออ่านพยายามไม่คิด เฟื่องฟ้ากับเอทีเอ็มเหลือบมองริลณีที่นั่งก้มหน้านิ่งเงียบ ต่างสงสารเธอมาก

จนเย็น ริลณีเจอเอทีเอ็มที่หน้าร้านขายขนม เอทีเอ็มถามริลณีว่าจะบอกชมพูเรื่องเธอกับเตชินไหม ริลณีตกใจที่เอทีเอ็มรู้เรื่องนี้ เอทีเอ็มบอกว่าตนรู้โดยบังเอิญ แล้วถามย้ำว่า “แล้วรินจะบอกชมพูเมื่อไหร่”

ริลณีบอกว่าไม่รู้ เอทีเอ็มเลยแนะว่าเธอควรรีบบอกก่อนที่อะไรมันจะแย่ไปกว่านี้

“ให้รินเลิกกับคุณเตชิน ยังง่ายกว่าบอกเรื่องนี้กับชมพู รินไม่อยากให้ชมพูเกลียดริน เพราะชมพูเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของริน”

“ถ้ารินคิดว่าชมพูเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด เขาก็ต้องเข้าใจริน และก็ต้องเข้าใจว่าความรักมันบังคับกันไม่ได้ รินบอกให้เขาเจ็บตอนนี้เพื่อเริ่มต้นใหม่ มันน่าจะดีกว่านะ แล้วรินกับคุณเตชินก็จะได้ไม่ต้องคบกันหลบๆซ่อนๆด้วย”

“เรื่องของรินกับคุณเตชินมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดหรอก”

“ก็ถ้ามันลำบากขนาดนั้น รินจะต้องทนเจ็บทนเศร้าแบบนี้ทำไม ในเมื่อรินยังมีคนที่รักรินและพร้อมจะดูแลให้รินมีความสุขอยู่ใกล้ๆรินแล้ว ถ้ารินจะมองเห็นเค้าบ้าง” ริลณีมองหน้าเอทีเอ็มตกใจ คาดไม่ถึง เอทีเอ็มมองหน้าริลณีเอ่ยเบาๆ

“ริน...รินรู้ใช่ไหมว่าเรา...”

เอทีเอ็มไม่ทันบอกความในใจ เฟื่องฟ้าก็วิ่งอ้าวมาบอก “แย่แล้ว...ๆๆ เมื่อกี๊ครูน้อยโทร.มาหาฉัน แต่เสียงมันขาดๆหายๆ แล้วฉันก็ได้ยินเสียงน้องๆ ร้องโวยวาย ฉันพยายามจะโทร.กลับไป แต่ก็ไม่มีสัญญาณ โทรไปที่บ้านก็ไม่มีใครรับ ฉันว่าดูแปลกๆ นะ”

“พวกเราต้องรีบกลับก่อนนะ” ริลณีบอกชมพู แล้วทั้งสามก็วิ่งอ้าวออกไปทันที ชมดูมองตามด้วยความเป็นห่วงมาก

พอไปถึงบ้านเด็กกำพร้า ทั้งริลณี เอทีเอ็มและเฟื่องฟ้าก็ตะลึงงัน เมื่อเห็นไฟกำลังไหม้บ้าน ครูน้อยกำลังพาเด็กๆหนีออกจากบ้านกันวุ่นวาย ริลณีถามครูน้อยว่าเด็กๆออกมากันหมดหรือยัง ครูน้อยมองเข้าไปในกองไฟบอกว่าน่าจะหมดแล้ว พลันก็นึกได้ ร้องอย่างตกใจสุดขีด “ยัง...ยังมีอีกคนนอนหลับไม่สบายอยู่บนห้อง”

เอทีเอ็มวิ่งเข้าไปในบ้านทันที ริลณีกับเฟื่องฟ้าวิ่งตามไป ครูน้อยมองตามทั้งสามไปด้วยความเป็นห่วง

ooooooo

ทั้งสามวิ่งเข้าไปถึงห้องนอนเด็ก พบเด็กหญิงคนหนึ่งยังนอนหลับอยู่ ริลณีให้เฟื่องฟ้าอุ้มน้องออกไป ส่วนตัวเองกับเอทีเอ็มช่วยกันเก็บข้าวของที่พอจะหยิบฉวยเอาไปได้

ไฟโหมแรงขึ้นควันลอยคลุ้งเข้ามาในห้อง เอทีเอ็มเอาผ้าชุบน้ำให้ริลณีปิดปากปิดจมูก แต่ตัวเองไม่มีอะไรป้องกันบอกว่าไม่เป็นไร จนไฟลุกแรงขึ้น เอทีเอ็มบอกริลณีว่าอยู่ไม่ได้แล้วเร่งให้รีบออกไปกัน ขณะกำลังพากันออกมานั้นมีคานที่ถูกไฟไหม้หล่นลงมาครูดที่ไหล่เอทีเอ็มจนเป็นแผลออกมาถึงข้างนอก เฟื่องฟ้าเห็นแผลที่ไหล่เอทีเอ็มมีเลือดซึมออกมาถามว่าเป็นอะไร ริลณีบอกว่าเอทีเอ็มช่วยตนไว้ ครูน้อยบอกริลณีรีบไปทำแผลให้เอทีเอ็ม ตนกับเฟื่องฟ้าจะดูแลทางนี้เอง

ระหว่างทำแผลให้เอทีเอ็ม ริลณีพูดอย่างสะเทือนใจว่า “ขอโทษนะเอทีเอ็ม”

เอทีเอ็มได้แต่ถอนใจเศร้าๆ มองริลณีอย่างเจ็บปวด แต่...เข้าใจ

ooooooo

ชมพูได้ข่าวไฟไหม้บ้านเด็กกำพร้า เธอมาที่บ้านเด็กกำพร้าทั้งกลางคืน บอกครูน้อยว่ามีอะไรตนช่วยได้ให้บอก ไม่ต้องเกรงใจ ครูน้อยขอบคุณความมีน้ำใจ ชมพูถามว่าแล้วครูน้อยจะทำอย่างไรต่อไป

“ก็คงต้องหาที่พักใหม่ให้เด็กๆชั่วคราวก่อน แล้วค่อยๆระดมทุนเพื่อช่วยซ่อมบ้าน” แล้วหันบอกริลณี “แต่เรื่องพวกนี้รินไม่ต้องเป็นห่วงนะ ทางราชการเขาติดต่อมาว่าจะช่วยเรื่องนี้แล้ว”

ริลณีเดินดูข้าวของและของเล่นเด็กที่ถูกไฟไหม้ด้วยความเสียดาย เสียใจ พลันโทรศัพท์มือถือดังขึ้น

เธอรีบกดรับ ไม่ทันทักทายไป เสียงปลายสายก็เย้ยหยันเกรี้ยวกราดเข้ามา

“ฉันบอกแกแล้วใช่ไหม ว่าถ้าไม่อยากให้น้องๆ ของแกที่บ้านเด็กกำพร้าเดือดร้อนให้เลิกยุ่งกับลูกชายฉันซะ นี่ฉันจัดชุดเล็กแค่สั่งสอน ถ้าฉันรู้ว่าแกยังยุ่งกับลูกชายฉันอีกละก็...แกกับเพื่อนของแกจะไม่เหลือบ้านเด็กกำพร้าเน่าๆนั่นไว้ซุกหัวนอนแน่”

พูดจบก็กดตัดสายเลย ริลณียืนช็อก!!!

คืนนี้เอง เตชินบอกชัชว่าตนจะพาริลณีไปอเมริกาด้วย ชัชแทบสะอึกถามมึนๆว่าหมายความว่ายังไง?

“ในเมื่อฉันขัดคำสั่งพ่อกับแม่ไม่ไปเรียนต่อไม่ได้ ฉันก็จะพารินไปด้วย เราจะไปเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน รอจนกว่าฉันเรียนจบแล้วค่อยกลับมา ป่านนั้นคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องยอมรับเรื่องนี้ได้แล้ว”

ชัชมองเพื่อนมึนๆ เตชินบอกว่าจะเอาเงินเก็บของตนให้ชัชช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ บอกว่าชัชก็แค่จัดการทุกอย่างจนริลณีสามารถไปถึงอเมริกาได้ก็พอแล้ว ชัชตั้งหลักได้ก็ส่ายหน้าพึมพำ “เวรล่ะสิ!!”

เตชินขอร้องชัชช่วยตนหน่อย ถ้าตนไม่ทำแบบนี้ก็ต้องถูกจับแต่งงานจริงๆ พอชัชรับปาก เตชินถึงกับโผกอดขอบใจเพื่อนรักอย่างซึ้งใจ

“แต่ฉันว่าก่อนที่แกจะทำอะไร ควรไปบอกให้เจ้าตัวเขารู้ก่อน บางทีน้องรินของแกอาจจะไม่ปลื้มแผนการของแกก็ได้”

เตชินฟังแล้วกังวลขึ้นมาเหมือนกัน

ooooooo

เพราะไฟไหม้บ้าน คืนนี้ชมพูชวนริลณีไปนอนที่บ้านตนเอาเสื้อผ้าของใช้ของตัวเองแบ่งให้ริลณีใช้

ริลณีเสียใจว่าตนเป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่อง ชมพูปลอบว่าเธอไม่เกี่ยวและเธอก็ไม่ใช่ต้นเหตุของความผิดพลาดทุกเรื่อง ปลอบใจเพื่อนว่า “ไม่เอาแล้วห้ามคิดมาก แล้วก็หยุดโทษตัวเอง ไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายใจดีกว่า แล้วก็มาพักผ่อนนอนให้หลับ อาจารย์นาฎบอกว่าพรุ่งนี้จะต้องซ้อมหนักมาก”

พอริลณีไปอาบน้ำ ชมพูรำพึงอย่างสงสารเห็นใจเพื่อนรัก... “ทำไมชีวิตเธอถึงได้เจอแต่เรื่องนะริน...”

ระหว่างนั้นโทรศัพท์มือถือของริลณีดังขึ้น ชมพูกำลังเก็บข้าวของอยู่โทรศัพท์ยังดังไม่หยุด ฉุกคิดว่าอาจจะเป็นเรื่องสำคัญจึงไปรับสาย ทักเพียงแค่ “สวัสดีค่ะ” เท่านั้น เสียงปลายสายก็พูดพรั่งพรูมาทันที

“ริน...ผมรู้แล้วนะว่าผมจะทำยังไงเรื่องของเรา คุณพ่อคุณแม่ผมจะให้ผมไปเรียนต่อที่อเมริกากับชมพู ผมจะให้รินไปกับผมด้วย เราจะไปอยู่ด้วยกันที่นั่นจนกว่าผมจะเรียนจบแล้วค่อยกลับมาบอกเรื่องของเรากับ

คุณพ่อคุณแม่ ถ้าถึงตอนนั้นท่านต้องยอมรับเรื่องของเราสองคนแน่... ริน...ริน...ได้ยินที่ผมพูดรึเปล่าครับ...ริน...”

ชมพูช็อกแล้วช็อกอีก ได้ยินเสียงเตชินร้องเรียก “ริน...ริน...ริน...” ก็ยิ่งเจ็บปวด วางโทรศัพท์ทรุดลงอย่างหมดแรง ทั้งความผิดหวัง เสียใจ ประดังเข้ามากับเรื่องที่ได้รับรู้โดยบังเอิญ!

ริลณีอาบน้ำเสร็จออกมา เห็นชมพูนอนหันหลังให้อยู่ เธอดึงผ้าห่มคลุมให้ มองชมพูพึมพำอย่างซาบซึ้งใจ...

“ขอบคุณนะชมพู เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับรินเสมอ...”

ริลณีนอนลงถอนใจยาว...เครียด...ส่วนชมพูไม่ได้หลับ เธอนอนหันหลังให้ริลณี เอามือปิดปากไม่ให้เสียงร้องไห้ดังออกมา

ooooooo

วันรุ่งขึ้น เตชินรีบไปที่บ้านเด็กกำพร้า เจอเฟื่องฟ้ากับเอทีเอ็มกำลังเก็บข้าวของที่ถูกไฟไหม้ พอเห็นเตชินเฟื่องฟ้าก็รีบมาดึงมือเขาออกไปบอกว่าริลณีไม่อยู่ที่นี่ ให้กลับไปก่อนเดี๋ยวใครมาเห็นจะไม่ดี เตชินบอกว่าตนมีเรื่องต้องคุยกับริลณี

“ตอนนี้รินไปอยู่บ้านชมพู คุณอย่าเพิ่งตามไปยุ่งกับเขาได้ไหม ถ้าไม่อยากให้เกิดเรื่องยุ่งมากไปกว่านี้”

เตชินบอกว่าตนเข้าใจแต่ตนก็มีเรื่องจำเป็นต้องได้คำตอบจากริลณี เลยฝากเฟื่องฟ้าถามริลณีให้หน่อยว่า เมื่อคืนตนคุยกับเธอ เธอตกลงไหมที่จะไปอเมริกาด้วยกัน ถ้าเธอจะไปตนจะได้จัดการทุกอย่างให้เร็วที่สุด

การซ้อมวันนี้ ชมพูซึมเศร้าเหม่อลอย รำผิดรำถูกจนอาจารย์นาฎแปลกใจ ริลณีก็พยายามใกล้ชิดถามว่าเป็นอะไร ชมพูมึนตึงหมางเมินกับริลณีจนผิดสังเกต แต่ริลณีก็คิดว่าคงเพราะชมพูเครียดจากการสอบ

หลังการซ้อม ชมพูไปนั่งร้องไห้อยู่ที่สระว่ายน้ำ คิดทบทวนความรักความหวังดีที่มีต่อกันกับริลณีตลอดมาแล้วชมพูยิ่งเสียใจ คิดถึงวันที่ปริมลดามาเตือนว่าระวังริลณีจะแย่งเตชินไปจากเธอ วันนั้นเธอบอกปริมลดาไปอย่างมั่นใจว่า

“เพื่อนรักของฉันไม่มีวันทำแบบนั้นกับฉันแน่”

แต่วันนี้...เมื่อรู้ความจริง ชมพูร้องไห้ทำใจไม่ได้ ถามตัวเองอย่างเจ็บปวด

“ทำไม...ทำไมต้องหลอกกันแบบนี้...ทำไมเธอถึงต้องทำกับฉันแบบนี้...ริน...ทำไม...”

ooooooo

วันนี้หงส์หยกกลับถึงบ้านเดินผ่านป๊าที่กำลังขายหมูก็ไม่ทักไม่ถาม เดินงุดๆขึ้นบันไดไปชั้นบนจนป๊าแปลกใจ ทั้งด่าทั้งบ่น

พอหงส์หยกเข้าห้องก็ปิดประตูคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นอย่างไม่หายตระหนก

ปริมลดา เอกราช ประวิทย์ เชิงชายและตุลเทพนั่งคุยกันอยู่ที่สระน้ำ หงส์หยกเดินมาถึง ปริมลดาบอกเธอว่า

“พวกเรากำลังวางแผนทำอะไรสนุกๆกัน ก็เลยอยากให้เธอช่วยบางเรื่อง” หงส์หยกถามว่าจะจัดปาร์ตี้หรือ เอกราชพูดแทรกขึ้นว่า พวกเราจะแก้แค้นริลณี!

หงส์หยกฟังพวกที่นั่งคุยกันอยู่ ทุกคนเคียดแค้นและมุ่งมั่นที่จะแก้แค้นริลณี หงส์หยกติงว่าสิ่งที่พวกเขาคิดมันผิด

“ไม่ต้องมาแอ๊บแบ๊วทำเป็นคนดีหรอก ฉันรู้ว่าเธอก็เกลียดนังริลณีเหมือนกัน จำไม่ได้เหรอ ถ้ายายนั่นไม่เข้าไปทำตัวเด่นที่ชมรมนาฏศิลป์ คนที่จะได้เป็นนางรำอันดับหนึ่งก็น่าจะเป็นเธอไม่ใช่เหรอ” ปริมลดายุแหย่

หงส์หยกบอกว่าเรื่องแค่นี้ไม่ทำให้ตนโกรธเกลียดริลณีหรอก เอกราชเปลี่ยนเป็นถามว่างั้นก็ถือว่าช่วยเราเพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อน ปริมลดาถอดนาฬิการาคาแพงออกมาอ่อยว่า ถ้าไม่เห็นแก่ความเป็นเพื่อนก็เห็นแก่นาฬิกาเรือนนี้ก็แล้วกัน ยื่นนาฬิกาให้บอกว่าเรือนละหลายแสน รู้ว่าเธออยากได้

“ข้อเสนอดีๆแบบนี้ไม่มีมาง่ายๆ ได้ทั้งแก้แค้นได้ทั้งของ แถมเธอยังจะได้อภิสิทธิ์เป็นเพื่อนระดับวีวีไอพี จากพวกเราตลอดชีพด้วย” ตุลเทพอ่อยต่อ

หงส์หยกดูนาฬิกาที่ปริมลดายื่นมาตรงหน้าอย่างตัดสินใจไม่ถูก แต่ด้วยความอยากได้นาฬิกา หงส์หยกถามว่าตนต้องทำอะไรบ้าง

“ไม่มีอะไรยาก วันที่ริลณีและชมพูแข่งขันรำอะไรนั่นเสร็จ สองคนนั่นจะต้องกลับมาเปลี่ยนชุดที่ชมรม ฉันจะเป็นคนแยกชมพูออกไปก่อน ส่วนเธอมีหน้าที่ทำอะไรก็ได้ให้พายายริลณีนั่นมาตรงจุดที่เรานัดหมาย เป็นไงงานง่ายใช่ไหม”

หงส์หยกถามว่าแล้วหลังจากนั้นพวกเธอจะทำอะไร “ตอนนี้ยังไม่ต้องรู้หรอก เก็บเอาไว้รู้วันนั้นตื่นเต้นดี”

ooooooo

เพราะรับปากกับเตชินไว้ เมื่อมาเจอริลณีที่ตึกกิจกรรม เฟื่องฟ้าจึงลากริลณีหลบไปบอกว่าเตชินฝากให้มาบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอ

ริลณีบอกว่าตนไปพบเขาไม่ได้เพราะตนทำให้คนอื่นเดือดร้อน เฟื่องฟ้าเอะใจซักถามจนริลณีกระซิบบอกว่า

“แม่คุณเตชินมาขู่ไม่ให้ฉันยุ่งกับลูกชายเขา ไม่อย่างนั้นเขาจะทำให้น้องๆของเราที่บ้านเด็กกำพร้า เดือดร้อน”

เฟื่องฟ้าตาโตเหมือนฉุกคิดอะไรได้ ริลณีเดาใจเพื่อนออกยอมรับว่าไฟไหม้บ้านเป็นฝีมือคุณแม่ของเตชินแต่เจ้าตัวเขาไม่รู้เรื่อง เฟื่องฟ้าจึงเร่งให้เธอไปพบเตชินคาดว่าเรื่องที่เขาอยากคุยด้วยอาจเป็นคำตอบของปัญหานี้ก็ได้

เมื่อริลณีไปพบเตชินที่สวนสาธารณะ เขาถามว่าเกิดเรื่องถึงขนาดนี้แล้วทำไมไม่บอกตน ริลณีลำบากใจไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับคุณแม่เขา

“เราต้องหนี...” เตชินเสนอทันที แล้วชี้แจงว่าตนต้องไปเรียนต่อที่อเมริกา มั่นใจว่าไปที่นั่นแล้วคุณแม่ไม่ตามไปยุ่งด้วยแน่ ตนอยากให้เธอไปด้วย เราจะไปใช้ชีวิตด้วยกันที่นั่น ตนฝากชัชให้ช่วยจัดการเรื่องทุกอย่างให้เธอแล้ว ริลณีถามว่าแล้วชมพูล่ะ? “ผมว่า...มันถึงเวลาแล้วที่ชมพูจะต้องรู้ความจริง...นี่เป็นทางออกเดียวที่เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกัน และรินกับทุกคนที่รินรักจะปลอดภัย เชื่อผมสิ”

เตชินหว่านล้อมจนริลณีตัดสินใจจะไปอเมริกากับเขา ทั้งสองกอดกันด้วยความหวังว่าจะหนีพ้นจากการคุกคามทั้งปวง และมีความสุขด้วยกันที่อเมริกา

ขณะที่ชมพูหลบไปร้องไห้ผิดหวังเสียใจอย่างที่สุดอยู่ที่ริมสระว่ายน้ำในมหาวิทยาลัยนั้น พลันเธอก็สะดุ้งรีบหลบเมื่อเห็นเอกราช ประวิทย์ เชิงชาย ตุลเทพและปริมลดาเดินเข้ามา

ชมพูได้ยินทั้งหมดคุยกันถึงแผนการที่จะทำร้ายริลณีโดยมีปริมลดาเป็นคนวางแผน แก๊งเอกราชพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้าแผนโหดถึงขั้นต้องติดคุกก็ไม่ไหว ตุลเทพถามว่าถ้าไม่โหดมันจะสาสมกับที่ริลณีทำกับพวกเราหรือ

“ฉันไม่คิดแผนให้เดือดร้อนถึงตำรวจหรอก และถ้าพวกเราทำตามแผนสำเร็จเมื่อไหร่ รับรองว่านังริลณีนอกจากจะไม่กล้าสู้หน้าใครบนโลกนี้แล้ว มันจะไม่มีวันกลับเข้ามาในชีวิตของพวกเราทุกคนอีกแน่นอน” ปริมลดา ยิ้มร้าย ชมพูซุกตัวเงียบกริบตื่นเต้นตึงเครียดจนแทบไม่กล้าหายใจ...

ooooooo

เมื่อสอบเสร็จ อาจารย์นาฎเตรียมการประกวดรำของริลณีและชมพูทันที พาทั้งสองไปไหว้ชฎา มงกุฎที่ตั้งอยู่ บอกว่า

“คราวนี้เราบูชาอย่างถูกต้อง ท่านน่าจะช่วยให้พวกเราชนะการแข่งครั้งนี้เนอะ” หันถามริลณีว่า “เธอไม่กลัวที่จะใส่ชฎานี้อีกครั้งใช่ไหม”

“ค่ะอาจารย์ คราวนี้รินจะไม่กลัว เพราะอย่างน้อยรินก็มีชมพูรำอยู่ข้างๆ”

ชมพูขอไปเปลี่ยนชุดแล้วลุกไปเลยไม่สนใจที่ริลณีพูด จนเฟื่องฟ้าถามริลณีว่ามีอะไรกันหรือเปล่าเห็นชมพูตึงๆกับเธอ ริลณีบอกว่าไม่มีอะไร ชมพูอาจเครียดเพราะเพิ่งสอบเสร็จ เฟื่องฟ้าแอบถามริลณีว่าเธอจะไปวันนี้ใช่ไหม

ริลณีบอกว่าตนจะไปพักที่หอพักของชัชสักพักก่อน จัดการเรื่องเอกสารให้เรียบร้อย พอเตชินกับชมพูไปแล้วค่อยตามไป เฟื่องฟ้าบ่นสงสารเอทีเอ็ม ริลณีฝากเธอดูแลด้วย เพราะเอทีเอ็มเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของตน คนหนึ่งไม่อยากให้เขาเสียใจ เฟื่องฟ้ารับปากจะดูแลให้ ถามว่าแล้วเมื่อไรจะบอกชมพูเรื่องเธอกับเตชิน

“ริน จะ บอก วัน นี้!!” ริลณีพูดจริงจังหนักแน่น เตชินไปดูหอพักของครอบครัวชัชที่จะให้ริลณีหลบไปพักก่อนเดินทาง โดยเตชินจะไปรับริลณีวันนี้หลังแข่งรำเสร็จ

ขณะทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น ตุ๊กแกร้องขัดจังหวะขึ้น ชัชชะงักนับตุ๊กแกร้องได้ห้าครั้ง เขาบอกเตชินสีหน้าไม่ดีว่า

“ตุ๊กแกร้องห้าเขาว่ากันว่าจะมีโชคร้าย จะซวย แถมมาร้องตอนกลางวันอีก ซวยซ้อนซวยเลยล่ะ” ชัชบ่นว่าทุกทีก็ไม่เคยร้อง เกิดมาร้องวันนี้ทำไม เตชินพูดขำๆว่าอาจเพราะมันเห็นตนกระมัง “เฮ้ย!! พูดเล่นไม่ได้นะเว้ยของพรรค์นี้ ไม่ได้แล้ว เดี๋ยวต้องให้คนรีบมาไล่ไปก่อน” ชัชรีบจริงจังกับเรื่องนี้มาก ในขณะที่เตชินมองเพื่อนขำๆ

ooooooo

ที่หน้าตึกกิจกรรม...ชมพูนั่งอยู่ในรถตู้ มองไปเห็นรถของเอกราชที่มีตุลเทพ ปริมลดา หงส์หยก ประวิทย์และเชิงชายนั่งอยู่แล่นเข้ามา ชมพูเบือนหน้าไปทางอื่น ก้มมองเข็มกลัดนางรำในมือที่ริลณีให้เธอไว้เป็นขวัญกำลังใจในการรำ

ครู่หนึ่งริลณีมาขึ้นรถ ชมพูเอาเข็มกลัดคืนริลณีขอบใจที่ให้ยืม ริลณีบอกให้เก็บไว้ก่อน ประกวดเสร็จค่อยคืนก็ได้

“ไม่เป็นไรหรอก เธอเอาคืนไปเถอะ บางทีเธออาจต้องการใช้ มันเป็นเครื่องรางประจำตัวของเธอนี่” ชมพูพูดอย่างมึนตึง แต่ริลณีก็ยิ้มดีใจที่เพื่อนพูดด้วย พอดีอาจารย์นาฎขึ้นมาบอกทั้งสองว่า

“เอาล่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ไปกันเลยค่ะ”

พวกเอกราชจับตาดูรถตู้ที่ริลณีนั่ง พอเห็นออกไปแล้ว เอกราชตรงไปหาน้าไหวกับกล้าที่ยืนดูอยู่ ยื่นเงินให้คนละสองพัน พูดอย่างใจดีว่าปิดภาคเรียนแล้วคืนนี้คงไม่มีอะไรต้องดูแลมาก เอาไปฉลองกันให้เต็มที่ ทั้งสองยกมือไหว้ท่วมหัว รับเงินแล้วชวนกันว่าคืนนี้ไปซัดเหล้ากันให้ชุ่มปอด กินกันให้เมาเละไปเลย

เอกราชเดินกลับไปหาพรรคพวก ตุลเทพถามว่าแล้วพวกเราจะทำอะไรต่อ

“ก็แค่รอเวลา...” เอกราชยิ้มร้าย

ooooooo

ตกค่ำ ริลณีกับชมพูกลับมาอย่างภาคภูมิใจพร้อมถ้วยรางวัล แต่หารู้ไม่ว่าหายนะกำลังรออยู่!

หงส์หยกมีหน้าที่ดูต้นทาง พอเห็นพวกริลณีกลับมาก็โทร.บอกใครบางคนทันที!

ระหว่างซุ่มรอ เชิงชายรู้สึกกลัวขึ้นมา เอกราชบอกประวิทย์เอาเบียร์ให้เชิงชายดื่มย้อมใจ เป่าหูให้คิดว่าริลณีทำให้เขาต้องสูญเสียอะไรบ้าง เชิงชายรับเบียร์ไปดื่มอั้กๆ

เวลาเดียวกัน เตชินนั่งตรวจแบบที่ต้องส่งอาจารย์อยู่ที่ห้องทำงาน จู่ๆก็เกิดพายุฝนพัดแรงจนหน้าต่างกระแทกปึงปัง เขาลุกไปปิดหน้าต่าง หน้าปัดนาฬิกาข้อมือที่ริลณีให้แลกกับแหวนเพชรที่เขาให้แตกอย่างไม่รู้สาเหตุ เตชินใจไม่ดีรีบลงไปที่รถ แต่สตาร์ตรถไม่ติดอีก!

ที่ห้องชมรมนาฏศิลป์ ริลณีถอดเข็มกลัดนางรำจากชุดที่ใส่รำมาติดที่เสื้อตัวเองรำพึงอย่างพยายามทำใจว่า

“ไม่คิดเลยนะว่าการที่ต้องถอดชุดนางรำออกและรู้ว่าคงจะไม่มีโอกาสได้ใส่อีกแล้วเนี่ยมันเศร้าขนาดนี้” ชมพูหันมองริลณีอย่างแปลกใจ ริลณียังรำพึงต่อว่า “เด็กกำพร้าอย่างริน มีโอกาสดีๆในชีวิตได้ก็เพราะได้ใส่ชุดนางรำนี่แหละ ได้ทั้งเกียรติ ได้ทั้งความภูมิใจ แล้วก็ได้เพื่อนที่ดีที่สุดก็คือชมพู รินขอบคุณที่ชมพูช่วยเหลือรินมาตลอด ชมพูเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของรินเลยนะ”

ชมพูเองก็อดสะเทือนใจไม่ได้ ทำให้ความรู้สึกดีๆ กลับคืนมาบอกริลณีให้ดูแลตัวเองให้ดี ถามว่าคืนนี้จะไป นอนที่ไหนจะให้คนขับรถของตนไปส่งไหม ริลณีไม่รบกวน ตัดสินใจจะบอกเรื่องตนกับเตชิน ไม่ทันพูดโทรศัพท์มือถือของริลณีในกระเป๋าก็ดังขึ้น ชมพูอยู่ใกล้กว่าจะหยิบให้ มือสองคนชนกันจนกระเป๋าตกของในกระเป๋าหกเกลื่อน 
ชมพูช่วยเก็บ หยิบแหวนเพชรที่เตชินให้ริลณีขึ้นดูก่อนส่งคืนให้ชมว่า แหวนสวยดีนะ

“อ๋อ...คือแหวนนี้ริน...”

ริลณีไม่ทันพูดต่อ ชมพูก็ลุกพรวดขอไปเข้าห้องน้ำเหมือนไม่อาจทำใจฟังอะไรได้

ชมพูไปยืนทำใจอยู่หน้าห้องน้ำ เจอปริมลดาเข้ามาทัก ชมพูแปลกใจว่าทำไมป่านนี้ปริมลดายังไม่กลับ

ที่แท้ปริมลดาทำอุบายว่ารถสตาร์ตไม่ติด โทร.หาตุลเทพก็ไม่รับสาย เบอร์อู่ซ่อมก็ไม่มี ขอร้องชมพูให้เป็นเพื่อนตนไปเอาโทรศัพท์ที่ลืมไว้ในรถ หลอกล่อจนชมพูใจอ่อนยอมไปเป็นเพื่อน แต่พอไปถึงรถปริมลดาลองสตาร์ตอีกทีปรากฏว่าสตาร์ตติด ชมพูจึงวิ่งกลับไป ปริมลดามองตามยิ้มร้าย

เตชินสตาร์ตรถติดก็รีบขับออกมาปรากฏว่ารถติดมาก เขาโทร.บอกริลณีให้รอหน่อยตนกำลังรีบไปอยู่ ริลณีบอกให้ขับรถดีๆ พอวางสายจากเตชิน ริลณีก็ร้อนใจว่าทำไมชมพูไปเข้าห้องน้ำนานผิดปกติ

ที่แท้เป็นแผนของปริมลดา ตัวเองทำเป็นรถเสียขอให้ชมพูเป็นเพื่อนไปเอาโทรศัพท์ที่รถ พอไปถึงปรากฏว่ารถสตาร์ตติด ครู่เดียวหงส์หยกก็วิ่งมาบอกริลณีให้ไปดูชมพูไม่รู้เป็นอะไรที่ห้องน้ำหลังตึกเลือดนองเต็มไปหมด ริลณีตกใจรีบวิ่งตามไป ถูกไอ้โม่งชายสองคนมาดักฉุด ริลณีต่อสู้จนวิ่งต่อไป ก็เจอชายอีกสองคนมาดัก คนหนึ่งมือใส่เฝือก

ริลณีวิ่งสะดุดล้มเท้าแพลงถูกเอกราชใส่ไอ้โม่งมายืนขวาง ริลณีหันกลับก็เจอไอ้โม่งสองคนแรกคือประวิทย์กับเชิงชายวิ่งตามมาทัน ในที่สุดเธอถูกไอ้โม่งทั้งสี่คือเอกราช ประวิทย์ เชิงชาย และตุลเทพเข้ามาอุ้มพาไปที่รถ

ระหว่างนั้นลุงไหวกับกล้าได้เงินคนละสองพันไปดวดกันเมาแอ๋กลับมา พวกเอกราชจึงต้องหลบจนทั้งสองเดินผ่านไปจึงลากริลณีออกมา ริลณีรู้สึกตัวขึ้นมาเธอดิ้นสุดชีวิตทำให้เข็มกลัดนางรำร่วงหลุดไม่รู้ตัว พวกนั้นเอาเธอไปยัดใส่ท้ายรถขับออกไปทันที

ooooooo

เตชินขับรถมาอย่างร้อนใจ โทร.หาริลณีก็ไม่รับสาย เร่งโทร.จนแบตจะหมดก้มลงหยิบเพาเวอร์แบงก์พอเงยขึ้นอีกทีก็ชนใครคนหนึ่งเข้าอย่างจัง จอดรถลงไปดูเตชินแทบช็อกเมื่อเห็นเป็นชมพูที่นอนเลือดท่วมอยู่

เตชินรีบโทร.บอกคุณพ่อคุณแม่ให้รีบไปรอที่โรงพยาบาลและให้ช่วยโทร.บอกคุณพ่อคุณแม่ของชมพูด้วยว่าตนขับรถชนเธอ และกำลังรีบพาเธอไปโรงพยาบาล

พวกเอกราชขับรถพาริลณีไปหาปริมลดาที่รออยู่บ้านร้างหลังมหาวิทยาลัย ริลณีถูกหามมาวางที่พื้น ปริมลดาปราดเข้าตบทันที สั่งหงส์หยกให้จับริลณีตรึงไว้แล้วตบไม่ยั้ง

ระหว่างนั้นริลณีรู้ตัวกลุ่มคนร้ายทั้งหมด เพราะเธอดิ้นจนเกี่ยวหมวกไอ้โม่งของปริมลดาหลุด หงส์หยกตกใจร้อง “ซวยแล้วสิ” ริลณีจำเสียงได้ ส่วนตุลเทพริลณีจำได้เพราะใส่เฝือกที่แขน ทำให้เธอรู้ทันทีว่าสามคนที่เหลือคือเอกราช ประวิทย์และเชิงชาย พวกนั้นตกใจที่เธอรู้ตัว จึงเร่งลงมือตามแผน

เอกราชที่จะเป็นคนประเดิมทำลายริลณีพรวดเข้าไป ถูกริลณีข่วนหน้าจนเป็นแผล มันโมโหมากจับริลณีเหวี่ยงไปกระแทกโต๊ะจนขาเธอหัก เท่านั้นไม่พอมันตรงเข้าบีบคอริลณีจนแน่นิ่งไป พวกมันตกใจว่าริลณีตายแล้ว กลัวความผิดคิดหาทางทำลายหลักฐาน จึงขุดหลุมฝังเธอไว้ที่ใต้ศาลาบ้านร้างนั่นเอง

เอกราชบอกให้เชิงชายกับประวิทย์ช่วยกันฝังริลณีตนจะให้รางวัลอย่างงาม ประวิทย์โกยดินถมได้ครู่เดียวก็อ้างว่าถูกมดแดงกัดขอไปล้างน้ำก่อน จึงเหลือเชิงชายโกยดินฝังอยู่คนเดียว ระหว่างนั้นริลณีรู้สึกตัวอ้อนวอนเสียงแผ่ว “อย่าฝังฉันเลย” เชิงชายตกใจว่าริลณียังไม่ตาย แต่ถ้าปล่อยไว้ก็กลัวความผิดบอกว่าถ้าเธอไม่ตายตนนี่แหละต้องตายแทน จึงเร่งโกยดินฝัง

เมื่อฝังเสร็จ เอกราชบอกปริมลดาให้ไปจัดการข้าวของของริลณีที่ชมรมให้หมดทำให้คนคิดว่าริลณีกลับไปแล้ว ส่วนที่เหลือพากันขึ้นรถแยกย้ายกันหนีไปท่ามกลางสายฝนที่เทลงมาอย่างกะทันหัน

ริลณีพยายามช่วยตัวเอง เธอร้องขอความช่วยเหลือเสียงแผ่ว คิดถึงคำเตือนของหลวงพ่อที่บอกว่า

“อย่าไว้ใจใครทั้งนั้น โดยเฉพาะคนใกล้ตัว ถึงโยมจะคิดว่าผีร้าย แต่ก็ร้ายไม่เท่าคน”

ริลณีตาเบิกโพลงด้วยความแค้นสุดขีด ดิ้นอย่างทรมาน คิดอาฆาตก่อนจะสิ้นใจว่า

“ถ้าฉันตาย ขอให้ฉันไม่ไปผุดไปเกิด จนกว่าจะแก้แค้นพวกมันทั้งหมด!!!”

ooooooo

ครอบครัวเตชินและชมพูมาเฝ้าชมพูอยู่หน้าห้องฉุกเฉินอย่างกระวนกระวายใจ จนหมอออกมาบอก ว่าชมพูได้รับบาดเจ็บทางสมองตอนนี้ยังไม่ได้สติ

พิสมัยและพิชัยพ่อแม่ของชมพูบอกหมอว่าหมอจะทำอย่างไรก็ได้ขอให้ลูกสาวตนฟื้นเป็นปกติก็พอ เตชินเฝ้าดูอยู่อย่างรู้สึกผิดมากที่เป็นคนทำให้ชมพูอยู่ในสภาพนี้

ปริมลดากับหงส์หยกไปเก็บข้าวของของริลณีหมดทำให้เหมือนว่าริลณีกลับไปแล้ว หงส์หยกเก็บของริลณีเจอแหวนเพชรก็ตาโตแอบเอาใส่กระเป๋าตัวเอง

หลังจากนั้นเอกราชก็สั่งทุกคนให้จำไว้ว่าไม่เคยมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นถ้าไม่อยากมีปัญหาขอให้กลับไปใช้ชีวิตปกติและอย่าเอ่ยชื่อผู้หญิงคนนี้อีกเด็ดขาด ส่วนจะมีใครมาเจอศพริลณีหรือไม่นั้น เอกราชมั่นใจว่า

“บ้านร้าง แถมมีข่าวลือว่าผีดุขนาดนั้นไม่มีใครกล้าเข้าไปหรอก”

เอาของของริลณีมาแล้ว ปริมลดาและพวกก็เอาโยนลงถังน้ำมันที่จุดไฟไว้แล้วเผาทีละชิ้น...ทีละชิ้นอย่างสะใจ ส่วน หงส์หยกปลื้มปริ่มที่ได้แหวนเพชร พอปริมลดาถามว่ามีอะไรก็รีบปฏิเสธว่าไม่มีเร่งให้รีบไปกันก่อนที่จะมีใครมาเห็น

แม้จะทำลายหลักฐานต่างๆแล้วแต่เอกราชและเชิงชายก็ยังหวาดผวา ประวิทย์จึงเอายาให้กินบอกว่าจะได้ลืมๆไป พวกประวิทย์ เอกราช และเชิงชาย กินยาปลอบใจ แต่วิญญาณแค้นของริลณีเริ่มทำงานทันทีที่ครบสามวัน เธอตามหลอกหลอนพวกเอกราช ปริมลดากับตุลเทพ จนปริมลดาบอกว่า

“เราต้องรีบทำอะไรสักอย่างนะ ก่อนที่พวกเราจะถูกหลอกหลอนจนความแตกเสียก่อน เอกราชคุยโวว่าไม่ต้องห่วงตนมีอาจารย์เก่งอยู่คนหนึ่งชื่ออาจารย์ดำเป็นหมอผีที่เก่งที่สุด ตอนนี้ไม่ได้เชิญท่านมาเพราะกลัวเรื่องจะฉาวโฉ่ แต่ท่านก็ได้ให้ผ้ายันต์ ตะปูตอกฝาโลงและขวดใส่เลือดหมาดำมาใช้ก่อน

ระหว่างเอกราชอวดของดีจากอาจารย์ดำนั้น ผีริลณีก็นั่งห้อยขาฟังอยู่แต่ไม่มีใครเห็น ตุลเทพเร่งว่าจะทำอะไรก็รีบๆทำเสีย เอกราชจึงเอาผ้ายันต์ให้เชิงชายไปติดที่หลังคาศาลา เอาตะปูให้ตุลเทพและปริมลดา ขวดเลือดหมาดำเอาให้หงส์หยก ไปหยอดที่หลุม ส่วนตัวเองเอาโพยมาท่องคาถา เสร็จแล้วสาป “กูให้มึงติดตรึงอยู่ ณ จุดนี้จนชั่วกัปชัวกัลป์”

ร่างริลณีที่ถูกฝังอยู่ค่อยๆจมลึกลงไปในดินเหมือนถูกธรณีสูบ ริลณีจ้องพวกนั้นสาปแช่งอย่างอาฆาต

“พวกแกไม่มีวันหนีเวรกรรมที่ทำกับฉันได้ ตราบใดที่พวกแกยังไม่ตายฉันจะตามอาฆาต ตามเอาคืนพวกแกทุกคน”

เอกราชก็สาปส่ง “แกจะไม่มีวันได้ผุดได้เกิด แกจะไม่มีวันได้ออกไปไหน นังผีบ้า!!” แล้วร่างริลณีก็ถูกสูบหายไปใต้ดินท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดทรมานของเธอ และท่ามกลางความโล่งอกของพวกเอกราชและปริมลดา

ooooooo

เมื่ออาการของชมพูไม่ดีขึ้นหมอจึงอนุมัติให้ส่งตัวไปรักษาที่ต่างประเทศตามความประสงค์ของพ่อแม่เธอ ณรงค์บอกเตชินให้รีบกลับไปเตรียมเดินทางไปพร้อมกับชมพู

เตชินเป็นห่วงริลณีแต่ติดต่อไม่ได้ จึงฝากชัชให้ช่วยติดตาม ถ้าอาการของชมพูดีขึ้นตนจะกลับมารับริลณีไป

“เออ ไม่ต้องห่วง นายรีบไปเถอะฉันจะตามหาน้องรินแทนแกเอง”

ส่งเตชินขึ้นรถแล้ว ชัชโทร.หาริลณีทันที มีแต่เสียงบอกว่าไม่มีสัญญาณตอบรับ ชัชโทร.ครั้งแล้วครั้งเล่าก็ตอบแบบเดียวกันจนเขาเครียด

“โทร.ไม่ติดแบบนี้แล้วฉันจะไปตามที่ไหนเนี่ย...ริลณี!!!” ชัชบ่นหนักใจ
--------
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น