วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 1


ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ปฐวีนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อผู้มั่งคั่ง ฝันร้ายเห็นภาพในอดีตเมื่อครั้งยังเป็นแค่เด็กชายตัวน้อย ภาพปลายเท้าพ่อของตัวเองที่ผูกคอตายตรงหน้า ทำให้เขาสะดุ้งตื่น ลุกพรวดขึ้นนั่ง เหงื่อท่วมตัว พึมพำกับตัวเองเบาๆ
“ฝัน...นี่เราฝันร้ายอีกแล้วหรือ”

เนื้อตัวของชายหนุ่มสั่นสะท้าน นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด...
ขณะที่ปฐวีฝันร้ายซ้ำซากถึงพ่อที่ฆ่าตัวตายเพราะหมดตัวจากถูกเพื่อนทรยศคดโกง โสมสุภางค์คู่หมั้นของเขาซึ่งอยู่ที่บ้านตัวเองในกรุงเทพฯ พยายามโทร.ติดต่อเขา แต่ไม่มีใครรับสาย จังหวะนั้นเถาว์เครือแม่ของโสมสุภางค์เดินหน้าเครียดเข้ามาบอกว่ามีคนพูดกันให้แซดว่าปฐวีชนะพนันชิดชงค์ได้ทรัพย์สินไปหมด ทั้งธุรกิจ เรือสำราญหรือแม้แต่คฤหาสน์หลังงาม โสมสุภางค์แปลกใจ ทำไมไม่เห็นเขาพูดถึงเรื่องนี้ให้ฟัง...
ทางฝ่ายปฐวีออกจากโรงแรมห้าดาวมาที่ถนนใหญ่ ขณะกำลังจะรับสายเรียกเข้ามือถือจากคู่หมั้นตัวเอง ชิดชบาเดินชนเขาอย่างจัง มือถือตกพื้นแตกกระจาย หญิงสาวขอโทษเป็นภาษาฝรั่งเศส เขามองเธอนิ่งก่อนจะตอบเป็นภาษาไทยว่าไม่เป็นอะไร แค่อุบัติเหตุเท่านั้น เธอยิ้มตื่นเต้นดีใจ
“คุณเป็นคนไทยหรือคะ แล้วทำไมคุณรู้ว่า...”
“ผมได้กลิ่นน้ำอบไทย” ปฐวีว่าแล้วกอบเศษมือถือ เดินจากไป ชิดชบาตะโกนไล่หลังให้เขารอก่อน เธอเสียใจที่ทำให้มือถือของเขาพัง ชายหนุ่มไม่สนใจแม้แต่จะหันมอง ยังคงเดินต่อไป ชิดชบาไล่ตามจนทัน
“คุณจะไม่มีเวลาฟังคำขอโทษกับคำเสียใจของใครเลยหรือคะ ฉันขอโทษแล้วฉันก็เสียใจ ให้ฉันจ่ายค่าเสียหายให้คุณได้ไหม”
ปฐวีไม่ต้องการอะไรจากเธอทั้งนั้น แค่อย่ายุ่งกับเขาก็พอ แล้วผละจากไป ชิดชบามองตาม ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง เขาเป็นอะไรของเขา
ooooooo
ที่คฤหาสน์ของชิดชงค์ ขณะที่ตลับนาค พี่สาวของชิดชงค์เดินนำหน้าจำเรียงคนรับใช้ที่ถือถาดใส่อาหารกำลังจะเอาไปให้ชิดชงค์ที่ห้องทำงาน เห็นเฉวียงทนายความประจำตระกูล เดินสวนลงมาก็ร้องถามว่า
“เกิดอะไรขึ้น ตั้งแต่ชิดชงค์กลับจากบ่อนพนันก็ขังตัวเองอยู่ในห้องทั้งคืน เขาเรียกคุณเฉวียงมาทำไม”
“มันเป็นเรื่องที่คุณชิดชงค์ควรจะอธิบายกับคุณตลับนาคด้วยตัวเองครับ ไม่ใช่ผม ขอโทษนะครับ ผมต้องไปจัดการเรื่องที่คุณชิดชงค์สั่ง” เฉวียงเดินลิ่วจากไป ตลับนาคได้แต่มองตามสงสัย แล้วเดินนำจำเรียงขึ้นไปยังห้องทำงานของน้องชาย เคาะประตูเรียกอยู่หลายครั้ง แต่ไม่มีเสียงขานตอบ
ภายในห้องนั้น ชิดชงค์นั่งก้มหน้าคอตกอย่างสิ้นหวัง ก่อนจะยกมือปิดหน้าสะอื้นไห้เบาๆ...
ระหว่างที่ชิดชงค์คิดจะทำบางอย่างที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คนในครอบครัวตัวเองไปตลอดกาล ชิดชบาเรียนหนังสือเสร็จ ก้าวออกมาจากสถาบันสอนศิลปะ
ในกรุงปารีสเพื่อไปรอรถประจำทาง ต้องชะงักเมื่อเห็นชายหนุ่มที่ตัวเองเดินชนเมื่อเช้านั่งอยู่ที่ม้านั่งริมถนน กำลังต่อชิ้นส่วนมือถือที่เธอทำพัง หญิงสาวมองอย่างขบขัน เดินไปหยุดยืนตรงหน้าเขา เสนอจะซื้อมือถือเครื่องใหม่ชดใช้ให้ เขานิ่งเฉยไม่สนใจ
“ไม่ก็...ให้ฉันทำอะไรให้คุณแทนคำว่าเสียใจหรือขอโทษ”
“เด็กอย่างคุณจะทำอะไรได้ ยังแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่ไม่ใช่หรือ”
“ใช่ค่ะ แต่ฉันเป็นลูกเศรษฐี มีปัญญาซื้อโทรศัพท์ใหม่ให้คุณ เราจะได้ไม่ติดค้างกันไปถึงชาติหน้าไง เอางี้ ถ้าคุณไม่ต้องการโทรศัพท์ใหม่ ให้ฉันเลี้ยงข้าวคุณมื้อค่ำได้ไหม”
ปฐวีแอบหมั่นไส้ ในเมื่อคุยอวดว่าพ่อรวยนักก็จะให้เธอเลี้ยงอาหารหรูแทนคำขอโทษ...
ชิดชบามีเงินจ่ายค่าอาหารแพงระยิบอย่างที่คุยเอาไว้ หลังกินอาหารมื้อหรูเสร็จ เธอจัดแจงขอตัวกลับ ปฐวีรีบเดินตามมาเรียกไว้ ถามว่าเรียนศิลปะที่ปารีส แล้วรู้จักที่นี่ดีแค่ไหน ชิดชบาเชิดหน้า รู้จักดีพอจะเป็นมัคคุเทศก์ให้ผู้ใหญ่หรือลูกท่านหลานเธอที่มาเที่ยวปารีสได้โดยไม่หลงทาง
“ไม่น่าเชื่อ”
“นี่คุณ ครั้งแรกคุณก็ไม่เชื่อว่าฉันมีปัญญาจ่ายค่าเสียหายได้ แล้วฉันก็จ่ายแล้ว จ่ายมากกว่าค่าโทรศัพท์บุโรทั่งเครื่องที่มันพัง ตอนนี้คุณไม่เชื่อว่าฉันรู้จักปารีสดี คุณมีปัญหาเรื่องจิตใจหรือเปล่า” ชิดชบาต่อว่าโดยไม่ได้คิดอะไร ปฐวีโกรธ เสียงเขียวใส่ พูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร
“ก็หมายความว่าคนที่หมดความไว้วางใจมนุษย์ คือคนที่ถูกมนุษย์หลอกเสียจนเข็ด” คำพูดแทงใจดำ
ของชิดชบาทำให้ปฐวีถึงกับหน้าสลด รีบหันหลังให้ กลัวเธอจะเห็นความอ่อนแอ
“คุยว่ารู้จักปารีสดี แล้วทำไมคุณไม่ทำหน้าที่มัคคุเทศก์พาผมเที่ยวปารีสล่ะ”
ooooooo
รุ่งขึ้น ชิดชบารับหน้าที่ไกด์จำเป็นพาปฐวีทัวร์กรุงปารีสอย่างที่รับปากไว้ อธิบายสถานที่ท่องเที่ยวได้คล่องแคล่วราวกับไกด์อาชีพ ไล่ตั้งแต่หอไอเฟลเรื่อยไปจนถึงพิพิธภัณฑ์ลูฟว์ซึ่งเป็นที่เก็บงานศิลปะมากมาย รวมทั้งภาพเขียนอันลือลั่นและลึกลับเหมือนเขา
“เหมือนผมหรือ ผมลึกลับตรงไหน”
“คุณลึกลับตรงที่นัยน์ตาของคุณซ่อนอะไรไว้ในใจเยอะแยะ แล้วรอยยิ้มของคุณก็...ช่างน่าสะพรึง”
เขารีบตัดบท ชวนเธอเข้าไปข้างใน ชิดชบาดึงเขาไปใกล้กับภาพโมนาลิซ่าเพื่อเปรียบเทียบว่าลึกลับเหมือนที่ตนเองว่าหรือไม่ จากนั้นทั้งคู่ไปเที่ยวชมอนุสรณ์สถานสำคัญของเมืองอีกแห่งหนึ่งคือประตูชัยนโปเลียน เธออธิบายที่มาที่ไปของมันได้ครบถ้วนไม่มีตกหล่น เขาเริ่มสนใจในความรอบรู้ของเธอ เมื่อเดินผ่านประตูชัยมายังถนนที่เต็มไปด้วยร้านกาแฟและร้านขายของแบรนด์เนม
“ถนนสายนี้ชื่อถนนละลายทรัพย์เพราะทำคนกระเป๋าฉีกมาแล้วค่ะ เป็นถนนสายที่สวยงามหรูหรา ราคาแพงที่สุด ฌ็องเซลิเซ่ค่ะ”
ปฐวีเดินต่อไปไม่สนใจจนชิดชบาต้องทักท้วง ไม่คิดจะแวะซื้อกระเป๋า รองเท้าหรือนาฬิกาเรือนละสิบล้านบาทบ้างหรือ เขาขอผ่าน เพราะถือว่าสาระของนาฬิกาก็คือเดินให้ตรง ไม่ใช่เดินไปแพงไป...
ระหว่างที่ชิดชบาพาปฐวีชมเมืองที่แสนจะ โรแมนติกแห่งหนึ่งของโลก โสมสุภางค์ซึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ ร้อนใจมากที่โทร.ติดต่อปฐวีไม่ได้ เถาว์เครือเพิ่งกลับมาจากนอกบ้าน ถามลูกสาวว่าเรื่องที่ปฐวีชนะพนันชิดชงค์เศรษฐีใหญ่ ได้กิจการเดินเรือกับทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขาไปถึงไหนแล้ว
“หนูก็ยังไม่รู้รายละเอียดหรอกค่ะคุณแม่ เขาไปปารีสกะทันหัน ติดต่อไม่ได้ค่ะ”
“เป็นไปได้ไหม เขาไปพบนักพนันตัวพ่อที่นั่น”
“คุณแม่คะ วีเขาก็ไม่ได้ออกหน้าเรื่องการพนันหรอกค่ะ เขาเคยทำงานที่...”
“บ่อนแถบมาเก๊า ก็เลยมีเสียงค่อนนินทาว่าเขาเติบโตอยู่ในบ่อน เพราะยังงั้นแหละ เขาถึงได้เป็นนักพนันระดับเซียนพอๆกับคุณชิดชงค์ ความจริงแม่ไม่ได้รังเกียจเขาหรอก ยังไงเขาก็มีบริษัทส่งออก ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นเซียนพนัน เขาก็เป็นนักพนันมีระดับ แต่ที่แม่ห่วงก็คือ โบราณท่านว่าไว้ โจรปล้นยังเหลือบ้าน ไฟไหม้ยังเหลือที่ดิน แต่คนเล่นการพนันน่ะ ไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่ชีวิต” เถาว์เครืออดหวั่นใจไม่ได้...
ทางฝ่ายชิดชงค์ที่เสียพนันจนหมดตัว ค่อยๆเปิดลิ้นชักดูปืนที่อยู่ในนั้น ยื่นมือสั่นเทาไปแตะด้วยสีหน้าหวาดหวั่น ก่อนจะเลื่อนลิ้นชักปิดไว้เหมือนเดิม แล้วพึมพำหน้าเศร้า “ชิดชบาลูกพ่อ พ่อ...เสียใจ”...
ชิดชบายืนรอปฐวีที่มาติดต่อธุรกิจอยู่หน้าโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง ผ่านไปพักใหญ่ เขาออกมากับชาวฝรั่งเศส 4 คน จับมือล่ำลากันเสร็จ เดินมาบอกเธอว่า พรุ่งนี้ต้องกลับเมืองไทยแล้ว มีอะไรจะนำเสนออีกไหม เธอบ่นเสียดาย ทำไมกลับเร็วนัก เขาขอไม่ตอบคำถามนั้น แต่อยากรู้ว่าเธอชื่ออะไร
“คุณไม่อยากจำชื่อเด็กๆอย่างฉันให้รกสมองหรอกค่ะ ฉันก็ไม่ต้องการจดจำชื่อของคุณเหมือนกัน เพราะยังไงคุณก็คือ คนแก่” ชิดชบาว่าแล้วหัวเราะคิกๆ แต่ต้องหยุดกึกเมื่อเห็นเขาส่งสายตาดุมาให้
“เอาเป็นว่าเราไม่รู้จักกัน ไง...เรื่องที่คุณจะนำเสนอผม มีอะไร”
หญิงสาวเชิญเขาตามมาได้เลย แล้วเดินลิ่วออกไป ชัยยงค์กับชัยญาและถกล ก้าวออกจากโรงแรมพอดี มองตามปฐวีด้วยความสงสัย มาทำอะไรที่นี่...
ครู่ต่อมา ชิดชบาพาปฐวีนั่งเรือล่องแม่น้ำแซนชมความงามสองฟากฝั่งที่มีชาวปารีเซียงออกมานั่งดื่มไวน์พบปะสังสรรค์กัน เสียงเพลงที่นักดนตรีบนเรือบรรเลง ทำให้เธอนึกสนุกลุกขึ้นเต้นรำ แล้วชวนเขาเต้นด้วย ปฐวีมีท่าทีผ่อนคลายเนื่องจากความสดใส มองโลกสวยงามและความบริสุทธิ์น่ารักของเธอ ระหว่างนั้นเขาชวนเธอพูดคุยไถ่ถามว่าเรียนศิลปะสาขาไหน เธอเรียนด้านงานปั้น
“ด้วยมือสองข้างของฉันฉันจะปั้นโลกนี้ให้งดงามเหมือนอย่างที่ฉันมีโลกของฉันกับพ่อ” พูดถึงพ่อแล้ว ชิดชบายิ้มมีความสุข กอดเอวปฐวีหมุนตัวไปรอบๆอย่างสนุกสนาน จังหวะหนึ่งเธอเซเข้าหาเขาใบหน้าเกือบชนกัน เขารีบถอยห่าง พรุ่งนี้เขาต้องไปแล้ว ขอบใจเธอมากสำหรับคืนโรแมนติกในกรุงปารีส
“พรุ่งนี้ฉันมีเรียนเช้า แต่ฉันจะไปส่งคุณที่สนามบินค่ะ”
ooooooo
ปฐวียืนรอชิดชบาอยู่หน้าสนามบินชาร์ล เดอโกล พร้อมด้วยกระเป๋าเดินทาง ดูนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง เห็นได้เวลาต้องขึ้นเครื่องแล้ว กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอ ตัดสินใจจะเดินเข้าไปข้างใน
มีเสียงชิดชบาตะโกนโหวกเหวกให้รอก่อนดังขึ้น แล้วเจ้าของเสียงวิ่งปรู๊ดมาชนเขา กระเป๋าถือตัวเองตกข้าวของกระจายเกลื่อน ปฐวีช่วยเก็บของให้เห็นรูปของชิดชงค์ตกอยู่ เงยหน้ามองเธอด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“พ่อฉันเองค่ะ พ่อที่ฉันรักที่สุด พ่อ...ผู้ชายคนเดียวในดวงใจฉัน”
“พ่อหรือ...เขาเป็นพ่อคุณหรือ” ปฐวีเหมือนจะพึมพำกับตัวเอง แล้วยื่นกระเป๋าถือให้เธอด้วยท่าทีเย็นชา “ผมต้องไปแล้ว” พูดจบเขาเดินลิ่วไปหน้าตาเฉย ปล่อยให้ชิดชบายืนงงกับท่าทางแปลกๆของเขา...
แม้จะเหนื่อยกับการนั่งเครื่องบินกลับเมืองไทย แต่คืนนี้ปฐวียังคงฝันร้ายอีกเช่นเคย ฝันเห็นแม่ของเขากรีดร้องด้วยความตกใจ ที่พบว่าพ่อของเขาผูกคอตาย ก่อนจะกุมอกด้านซ้ายจุกแน่นด้วยอาการของโรคหัวใจกำเริบ แล้วทรุดลงฟุบกับพื้น เด็กชายปฐวีได้ยินเสียงร้องวิ่งเข้ามาดู พบแม่นอนแน่นิ่ง พอเงยหน้ามองไล่จากปลายเท้าที่แกว่งไกวเบาๆของพ่อขึ้นไป ต้องหวาดกลัวสุดขีดกับสภาพใบหน้าเขียวคล้ำ ลิ้นจุกปาก มีเลือดแห้งกรังจากจมูกและปาก เด็กน้อยตะโกนเรียกพ่อสุดเสียง
ปฐวีตกใจตื่น ผวาลุกขึ้นนั่ง เหงื่อเม็ดเป้งผุดขึ้นทั่วใบหน้า หายใจหอบเหนื่อย สีหน้ายังคงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเหมือนเมื่อครั้งตอนเป็นเด็กไม่มีผิดเพี้ยน โสมสุภางค์ที่นอนอยู่ข้างๆพลอยตื่นไปด้วย พอรู้ว่าเขาฝันร้ายอีกแล้ว แนะให้ลองปรึกษาจิตแพทย์ดูเผื่อจะช่วยให้ฝันร้ายซ้ำซากนี้ยุติสักที
“ช่างเถอะ” พูดจบปฐวีลุกไปเข้าห้องน้ำ เปิดน้ำราดหัวหวังจะให้ฝันร้ายละลายไปกับน้ำ แต่แล้วสีหน้าหวาดกลัวเมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง เมื่อนึกถึงชิดชงค์คนที่ทำให้พ่อกับแม่ของเขาต้องตาย...
ณ อพาร์ตเมนต์ที่พักของชิดชบาในกรุงปารีส ชิดชงค์ที่กำลังจะฆ่าตัวตาย โทร.มาล่ำลาลูกสาวเป็นครั้งสุดท้าย ชิดชบาไม่ล่วงรู้อะไรด้วยรับสายด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“พ่อโทร.มาทำไมคะ ทางนี้ตีหนึ่งค่ะ ต้องมีเรื่องสำคัญแน่ๆ พ่อถึงโทร.หาหนู พ่อจะมาปารีสหรือคะ หนูดีใจจังเลยค่ะที่หนูจะได้พบพ่อ” หญิงสาวเห็นพ่อเงียบไปก็ชักเอะใจ ถามว่ามีอะไรหรือเปล่า
“พ่อ...พ่ออยากได้ยินเสียงของหนูเป็นครั้งสุดท้าย พ่อ...พ่อ...”
“พ่อคะ นั่นพ่อกำลังจะทำอะไร พ่อ...” ชิดชบายังพูดไม่ทันจบ ชิดชงค์ก็ชิงตัดสายเสียก่อน แล้วยกปืนขึ้นยิงหัวตัวเอง
ooooooo
การฆ่าตัวตายของชิดชงค์เป็นข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์ฉบับเช้ากันอย่างเอิกเกริก ธวัชพงษ์นักข่าวหนุ่มไฟแรงหยิบหนังสือพิมพ์ของสำนักพิมพ์ต้นสังกัดของตัวเองขึ้นมาอ่านข่าวนี้ด้วยความสนใจ...
โสมสุภางค์โยนหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวการตายของชิดชงค์ลงตรงหน้าปฐวี ถามเสียงเครียดว่าเรื่องที่ทำให้เขาฝันร้ายใช่เรื่องนี้หรือเปล่า เขาหยิบขึ้นมาอ่านอย่างรู้สึกผิด ก่อนจะปัดความคิดนั้นออกไปจากหัว
“เขาเสียพนันคุณ เสียบ้าน เสียเกียรติภูมิที่เขาแพ้คนรุ่นลูก เพราะเหตุนี้ใช่ไหมที่ทำให้เขายิงตัวตาย”
ปฐวีปฏิเสธทันทีว่าไม่ใช่ โสมสุภางค์จ้องหน้าเขา คาดคั้น ถ้าไม่ใช่เหตุผลนั้นแล้วเป็นเพราะอะไร สายตาของปฐวีฉายแววอาฆาตแค้นขึ้นมาทันใด
“เพราะกรรมที่เขาทำไว้กับพ่อแม่ของผม”...
เย็นวันเดียวกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชิดชบาวิ่งออกจากประตูผู้โดยสารขาเข้าอย่างรีบร้อน ชนเข้ากับอรุณณรงค์หรือคุณชายเอี่ยว หม่อมราชวงศ์หนุ่มรูปงามนักการทูตอนาคตไกล ก่อนจะวิ่งผ่านไปไม่ได้ขอโทษสักคำ ตรงไปหาเฉวียงซึ่งรออยู่ด้วยความกระวนกระวายใจ
“ไม่จริงใช่ไหมคะคุณลุงเฉวียง ไม่...ไม่จริง”
“จริงครับ คุณพ่อคุณหนูยิงตัวตาย”...
ไม่นานนัก ชิดชบามาถึงศาลาสวดศพชิดชงค์ ทิ้งตัวลงคุกเข่าต่อหน้าโลงศพของพ่อ ร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด ไม่ทันสังเกตเห็นปฐวีนั่งอยู่ที่โซฟายาวกับตลับนาคและโสมสุภางค์
“พ่อ...หนูไม่อยากเชื่อเลยว่าพ่อโทร.ถึงหนูเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อจะบอกลา โธ่...ทำไมพ่อต้องทำแบบนี้ พ่อเป็นนักสู้ พ่อสอนหนูให้สู้ แล้วทำไมพ่อต้องถอยด้วยการฆ่าตัวตาย...ทำไม”
ตลับนาคเข้ามาคุกเข่าข้างๆตระกองกอดหลานสาวไว้แล้วร่ำไห้ไปด้วยกัน ปฐวีมองชิดชบาด้วยแววตายิ้มเยาะ ขณะที่โสมสุภางค์มองแววตานั้นของคู่หมั้นด้วยความแปลกใจ...
ธวัชพงษ์พยายามตื๊อหัวหน้าของตัวเองให้ทำสกู๊ปข่าวการตายของชิดชงค์ ทีแรกเขาไม่อนุญาต เพราะไม่เป็นประโยชน์อะไร นอกจากผู้คนจะสมน้ำหน้า ธวัชพงษ์ต้องยกเหตุผลว่าการทำสกู๊ปข่าวเรื่องนี้ จะเป็นอุทาหรณ์ให้คนอ่านได้รู้ว่าการพนันคือหายนะ เขาถึงอนุญาตให้ทำ...
หลังเสร็จจากงานสวดศพ แทนที่เฉวียงจะพาชิดชบากลับบ้าน กลับพาไปพักที่โรงแรมหรูกลางกรุงและเธอต้องอยู่ที่นี่จนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย
“หนูไม่เข้าใจ นี่หมายความว่าบ้านหลังนั้น...พ่อเสียพนันบ้านหลังนั้นด้วยหรือคะ”
“ไม่ใช่แค่บ้านที่คุณชิดชงค์เสียพนัน ธุรกิจทั้งหมด คุณตลับนาคย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านสวนแล้วนะครับ คุณปฐวีรับผิดชอบเรื่องการทำศพของคุณพ่อคุณหนู เขาสั่งให้เปิดโรงแรมชั้นหนึ่งให้คุณหนูพัก ตอนนี้เขากำลังจัดการเรื่องทางกฎหมาย เพราะว่าคุณชิดชงค์โอนลอยบ้านไว้ให้เขา”
“แล้วคุณปฐวีเป็นใคร”
ooooooo
โสมสุภางค์ตามปฐวีมาที่ออฟฟิศแต่เช้า เห็นเขาหยิบแปลนคฤหาสน์ของชิดชงค์มากางดู ออกปากว่าไม่เห็นด้วยที่เขาจะคืนบ้านหลังนี้ให้ลูกสาวของชิดชงค์ บ้านหลังใหญ่ มีมูลค่าเพิ่มจากเดิมหลายเท่า ถึงมันจะเก่าเหมือนบ้านโบราณ แต่เขาก็มีเงินซ่อมใหม่ ใช้เงินอีกไม่เท่าไหร่บ้านก็ฟื้นคืนชีวิต ปฐวียิ้มอย่างผู้ชนะ
“ผมไม่สนใจบ้านหรือมูลค่าเพิ่มของมัน สิ่งที่ผมสนใจคือมันมีชัยชนะอยู่ในบ้านไม้ผุๆนั่น คุณรู้ไหมบ้านหลังนี้มีเรื่องราวที่ทำให้ผมฝันร้ายมาชั่วชีวิต”
“คุณชิดชงค์เขามีลูกสาวคนเดียว ลูกสาวเขาไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าพ่อเป็นนักพนัน ก็ตามประสาคนมีเงินส่งลูกไปอยู่ไกลๆ ลูกจะได้ไม่รู้ว่าเงินที่สำราญอยู่มาจากไหน”
เขามีเงื่อนไขให้เลือกว่าชิดชบาต้องการได้บ้านหลังนี้คืนหรือไม่ โสมสุภางค์ชักอยากจะรู้ขึ้นมาแล้วว่าเงื่อนไขที่ว่าจะคุ้มกับที่เขาต้องเหนื่อยกับเกมพนันนั่นหรือเปล่า ปฐวีอ้างว่ามีเหตุผลของตัวเอง
“เหตุผลข้อไหน ในเมื่อฉันเป็นผู้หญิงที่คุณจะต้องแต่งงานด้วย คุณได้อะไรๆมาเพราะชนะพนัน ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งคุณอาจจะเหมือนคุณชิดชงค์ก็ได้ เซียนพนันที่ยอมพนันทุกอย่างแม้แต่ลูกเมียของตัวเอง”
สีหน้าและแววตาของปฐวีเปลี่ยนเป็นหวั่นไหวทันทีกับคำพูดแทงใจดำนั้น ก่อนจะผลุนผลันออกไป...
ขณะที่ชิดชบาร้องไห้คร่ำครวญถึงพ่อที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ มีเสียงกริ่งประตูห้องพักดังขึ้น เธอปาดน้ำตาทิ้งแล้วเดินไปเปิดประตู บริกรเข็นรถเข็นที่เต็มไปด้วยอาหารหรูเข้ามา เธองง ยังไม่ได้สั่งอะไรสักหน่อย
“เป็นคำสั่งของคุณปฐวีครับ”
ชิดชบานิ่วหน้าแปลกใจ ทำไมคุณปฐวีคนนี้ถึงได้วุ่นวายกับตัวเองนัก...
โสมสุภางค์กลับถึงบ้านยังไม่ทันจะหย่อนก้นลงนั่ง เถาว์เครือซึ่งรอท่าอยู่ เข้ามาต่อว่าว่าเทจนหมดหน้าตักแบบนี้แล้ว จะเหลืออะไรต่อรองกับปฐวีเรื่องแต่งงาน เธอยืนยันถึงอย่างไรเธอกับเขาก็ต้องแต่งงานกัน
“แต่รีบไปนอนค้างอ้างแรมกับเขานี่ คนเป็นแม่ลำบากใจนะ เออเห็นข่าวในหนังสือพิมพ์หรือยัง คุณชิดชงค์นักธุรกิจใหญ่ฆ่าตัวตาย มีข่าววงในว่าเขาแพ้พนันจนหมดเนื้อหมดตัว ธุรกิจก็ไม่เหลือซ้ำบ้านเก่าราคาร้อยล้านก็หมด ลูกสาวคุณชิดชงค์กลับมาจากนอก คุณชิดชงค์น่ะมีลูกคนเดียว เมียตายเพราะตรอมใจ...เอ้อ เพราะโรคหัวใจ แม่ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณชิดชงค์ถึงได้ฆ่าตัวตาย”
“เขาอาจจะ...” โสมสุภางค์ยังพูดไม่ทันจบ เถาว์-เครือชิงพูดตัดหน้าว่าจำคำเตือนของท่านได้ไหมที่ว่าโจรปล้นยังเหลือบ้าน ไฟไหม้ยังเหลือที่ดิน แต่มีผัวเป็นนักพนัน จะไม่เหลือทั้งบ้าน ที่ดินหรือแม้แต่ชีวิตเหมือนที่ชิดชงค์เป็น โสมสุภางค์อดหวั่นไหวกับคำพูดของแม่ไม่ได้...
ชัยยงค์ ชัยญาและถกลเดินทางกลับถึงเมืองไทยในบ่ายวันนี้ ระหว่างเดินออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ ชัยยงค์ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับเรื่องการตายของชิดชงค์ว่าไม่น่ามาจากเรื่องเสียพนัน เพราะคนอย่างเขาโตมากับบ่อนไพ่ คนเป็นนักพนัน ลูกเมียยังหักหลังได้เลย เรื่องอะไรจะหักหลังตัวเองด้วยการฆ่าตัวตาย
“แล้วพ่อคิดว่ามันมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไร”
“พ่อก็ไม่รู้ เราถึงต้องรีบกลับมาไง พ่อกลัวว่าบ้านหลังนั้นมันจะหลุดมือไป”...
งานสวดศพชิดชงค์ค่ำนี้ ปฐวีมาร่วมงานด้วย ชิดชบาเห็นเขาก้าวเข้ามาในงานถึงกับชะงัก ต่างฝ่ายต่างจ้องมองกัน ก่อนที่เขาจะเดินเลี่ยงไปนั่งอีกด้านหนึ่งของศาลา ธวัชพงษ์ทำทีมาร่วมงานด้วย เพื่อหาข้อมูลไปเขียนข่าว ได้ยินแขกที่มาร่วมงานนินทาลูกสาวคนตายว่าเพิ่งกลับจากเมืองนอก ชิดชงค์ส่งลูกไปอยู่ไกลๆจะได้ไม่ต้องมารู้เห็นว่าตัวเองเป็นนักพนัน มีคนลือกันว่าเมียของเขาตรอมใจตายเพราะผัวเป็นเซียนพนัน
ooooooo
ถึงเวลาที่ปฐวีจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้ชิดชบาได้รู้จัก จึงไปหาที่ห้องพัก แนะนำตัวเองว่าชื่อเรียงเสียงใด และยังเป็นคนที่ชนะพ่อของเธอในไพ่
เกมนั้น ชิดชบาปรี๊ดแตกทันที
“แก...แกทำให้พ่อฉันฆ่าตัวตาย”
“สุภาพกับผมหน่อย ให้สมกับที่ผมเป็นคนสำคัญของคุณ นับตั้งแต่วินาทีที่พ่อของคุณฆ่าตัวตาย คุณคงไม่ต้องการจะเสียใจมากกว่าที่เป็นอยู่ไม่ใช่หรือ คุณชิดชบา”
หญิงสาวโกรธจัด ด่าเขาหยาบๆคายๆ แล้วถามว่าต้องการอะไรกันแน่ ปฐวีมีข้อเสนอสำหรับคฤหาสน์หลังนั้นที่เธอรักมาก เพราะเสวยสุขกับมันมาตั้งแต่ยังจำความได้
“บ้านหลังใหญ่ มีเรื่องราวสีชมพู แต่คุณไม่รู้หรอกว่ามันปักเสาเข็มลงบนเลือดเนื้อ ชีวิตของใครบ้าง”
“แก...นี่แกกำลังจะพูดถึงอะไร”
“ตุ๊กตาเนื้อกระเบื้อง ที่พอหล่นกระทบพื้นก็แตก... มันอยู่ที่คุณจะยอมทำตามเงื่อนไขของผมหรือไม่ทำ คุณต้องตัดสินใจเอง” พูดจบปฐวีออกจากห้อง ชิดชบาถลาไปที่ประตู มองตามมือสั่นด้วยความคั่งแค้น...
ขณะที่ชิดชบายังกังขากับเงื่อนไขที่ปฐวีพูดถึงไม่หาย หม่อมจรัสเรืองเดินเข้าไปหาอรุณณรงค์ลูกชายของท่านที่กำลังชมสวนกุหลาบอยู่ ออกตัวว่าตั้งแต่เขาไม่อยู่ ท่านไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างในสวนนี้
“ชายเอี่ยว แม่ดีใจที่ลูกกลับมา พอแม่อายุมากขึ้น สิ่งที่แม่ห่วงที่สุดอะไรรู้ไหม”
“อะไรครับ”
“หาผู้หญิงที่เหมาะสมมาเป็นสะใภ้ของแม่น่ะสิ” หม่อมจรัสเรืองจับมือลูกชายยิ้มมีความสุข...
ชิดชบาแวะไปหาตลับนาคที่บ้านสวน ต่างนั่งจมอยู่ในความคิดของตัวเองกันพักใหญ่ ผู้เป็นป้าเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนว่า เธอย้ายกลับมาบ้านสวนตั้งแต่รู้ว่าชิดชงค์โอนธุรกิจให้ปฐวีแล้ว ไม่อยากเห็นอะไรที่เคยเห็นเคยสุขสบาย ชิดชบาขอร้อง อะไรที่สูญเสียไปแล้วเรียกคืนไม่ได้ ป่วยการที่จะไปคิดถึงมัน
“มันไม่แค่นั้นน่ะสิลูกเอ๊ย บ้านเป็นของนอกกายก็จริงอยู่ แต่ว่า...”
“หมายความว่าอย่างไรคะคุณป้า”
ตลับนาคไม่ตอบ กลับย้อนถามว่าปฐวีพูดถึงเงื่อนไขของเขาหรือยัง ชิดชบาส่ายหน้าแทนคำตอบ แต่คืนนี้เขาขอให้เธอไปพบ ตลับนาคเตือนให้เธอตัดสินใจดีๆทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจครั้งนี้ของเธอ หญิงสาวมองสบตาผู้เป็นป้าสีหน้าเป็นกังวล...
ขากลับจากบ้านสวน ชิดชบาแวะไปที่คฤหาสน์เก่าของพ่อซึ่งซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อย เห็นที่นี่แล้วเธออดคิดถึงอดีตเมื่อครั้งที่มีความสุขกับพ่อไม่ได้ หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งตรงเชิงบันไดร้องไห้
“หนูเข้าใจแล้วว่าทำไมพ่อไม่อยากเสียบ้านหลังนี้ ไป หนูรักบ้านนี้ เพราะมันมีภาพของความสุข มีภาพของเรา พ่อลูก พ่อคะ หนูจะไม่ยอมเสียมันไป หนูจะไม่ยอม”
ooooooo
โสมสุภางค์ไขกุญแจเข้ามาในคอนโดฯที่พักของปฐวี กวาดตามองหาเจ้าของห้องแต่ไม่เจอ เดินไปดูที่ห้องนอน เห็นรูปถ่ายของชิดชบาและชิดชงค์ในอดีตวางอยู่ เธอหยิบขึ้นมาดูด้วยความแปลกใจ
“นี่รูปของคุณชิดชงค์กับลูกสาวนี่...วีเขาคิดจะทำอะไรนะ”...
สิ่งที่ปฐวีทำก็คือโทร.บอกเฉวียงว่าตนพร้อมแล้ว ถ้าชิดชบาพร้อมจะได้ส่งรถไปรับ ไม่นานนัก รถหรูก็แวะไปรับชิดชบาจากห้องพัก โดยมีเฉวียงติดรถมาด้วย ระหว่างทางไปคฤหาสน์ซึ่งเคยเป็นของชิดชงค์ ชิดชบาขอให้เฉวียงช่วยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง ก่อนที่เขาจะทำอย่างนั้น ขอเตือนเธอว่าปัญหาต่อไปนี้เธอจะใช้อารมณ์ตัดสินไม่ได้ เลือดของชิดชงค์ที่เธอได้รับมา อาจทำให้เธอตัดสินใจผิด
“เริ่มเถอะค่ะ หนูพร้อมจะขึ้นสวรรค์หรือลงนรกถ้าทางนั้นเป็นทางที่พ่อผลักให้หนูต้องเลือก”
“คุณปฐวีเป็นนักธุรกิจ เขาเป็นเซียนพนันที่รู้เรื่องพนันทุกชนิดทุกประเภท ร่ำรวยมีชื่อเสียงในสังคมนี้เพราะเขาเก็งหุ้นในตลาดผิดพลาดน้อยที่สุด เขาชนะพนันคุณชิดชงค์ คุณพ่อของคุณหนูเสียตั้งแต่ธุรกิจ เรือสำราญ โรงแรมและบ้าน คุณชิดชงค์ใช้ชีวิตนักพนัน เขาเป็นเซียนโดยที่คุณหนูไม่รู้ เขาประมาทเขาจึงเสีย เขาทนอยู่ดูหน้าคุณหนูไม่ได้ เพราะเขาไม่เคยแพ้”
“ในที่สุดพ่อก็ไม่มีอะไรเหลือแม้แต่ชีวิต ผู้ชายคนนั้นทำให้พ่อล้มละลายถึงกับฆ่าตัวตาย หนูสูญเสียมามากแล้ว หนูจะไม่ยอมเสียอะไรอีก แม้แต่บ้าน” ชิดชบาน้ำตารื้นขึ้นมาด้วยความสะเทือนใจ...
จากนั้นไม่นาน ชิดชบามาถึงคฤหาสน์ จำเรียงพาเธอกับเฉวียงไปพบปฐวีที่รอท่าอยู่ก่อนแล้ว ชิดชบาอยากรู้ว่าเขาต้องการอะไรอีกในเมื่อได้ไปทุกอย่างแล้ว
“ผมเป็นนายทุนที่ตรงไปตรงมา คุณพ่อคุณแพ้ก็คงไม่ต่างจากนักพนันคนอื่นๆที่เคยแพ้ เราไม่ถือว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย แต่การฆ่าตัวตายของคุณชิดชงค์ คุณเป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาต้องทำ”
ชิดชบาปรี๊ดแตก ลุกพรวดขึ้นยืน เอากระเป๋าฟาดกับโต๊ะ ไม่พูดจาภาษาดอกไม้อีกต่อไป “แก...แกเป็นคนทำให้พ่อฉันฆ่าตัวตาย ฉันจะฆ่าแก” แล้วจะเข้าไปเอาเรื่อง เฉวียงต้องจับตัวไว้เตือนให้ใจเย็นๆ
“ถึงคุณจะฆ่าผม คุณชิดชงค์ก็ฟื้นขึ้นมาไม่ได้ คุณน่าจะพยายามไถ่บ้านหลังนี้คืนไปไม่ดีกว่าหรือ”
“เท่าไหร่” ชิดชบาเสียงเข้ม
“สำหรับบ้านที่ผมลงทุนลงแรงต้องเสียเหงื่อเสียแรงสมองในเกมพนันข้ามวันข้ามคืน กับเสียเงินอีกหลายสิบล้านเพื่อซ่อมแซมตกแต่งให้มันอยู่ในสภาพที่คุณเห็นอยู่นี่ ผมตีราคามันเท่ากับตัวคุณ” คำพูดของปฐวีทำเอาเฉวียงถึงกับร้องเอะอะ ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“คุณได้ยินถูกต้องแล้วคุณเฉวียง ผมบอกแล้วไงว่าผมเป็นนายทุนที่ยังมีเมตตาอยู่มาก นายจ้างของคุณมีสิทธิ์ที่จะไถ่ถอนบ้านหลังนี้คืนไป ถ้าปฏิบัติตามเงื่อนไขผม เป็นนางบำเรอของผมหนึ่งปี”
ชิดชบาร้องกรี๊ดๆถลาลงมาที่สนามหน้าบ้าน กางแขนหมุนไปรอบๆอย่างคลุ้มคลั่ง
“บ้านฉัน นี่บ้านฉันนะ บ้านที่ฉันโตมา บ้านที่ฉันใช้ชีวิต ฉันปลูกกุหลาบกอนี้ ฉันลงไม้เถาที่นั่น ฉันรู้จักบ้านนี้ทุกซอกทุกมุม แล้วแกเป็นใคร แกเคยรู้ไหมว่าบ้านหลังนี้มีเรื่องเล่าอะไรบ้าง ไอ้คนเจ้าเล่ห์ ไอ้หมาจิ้งจอก ไอ้...” พูดยังไม่ทันจบ เฉวียงดึงตัวชิดชบามากอดไว้ด้วยความสงสารจับใจ
กำแพงแห่งความอดกลั้นพังทลายลง เธอซบไหล่เขาร้องไห้โฮ โดยไม่รู้เลยว่าปฐวีออกมายืนที่ระเบียงห้อง มองเธอด้วยสายตาชิงชัง
ooooooo
เถาว์เครือนำข่าวที่มีคนลือกันให้แซ่ดว่าปฐวียึดบ้านแพงระยับเหยียบร้อยล้านบาทของชิดชงค์ซึ่งฆ่าตัวตายที่นั่น มาเล่าให้โสมสุภางค์ฟังด้วยท่าทางตื่นเต้น คนฟังกลับสีหน้าไม่สู้ดีนัก ยกมือขึ้นทาบอกด้านซ้าย เจ็บแปลบที่กล้ามเนื้อหัวใจ เธอถามลูกด้วยความเป็นห่วงว่าไม่สบายหรือ
“เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ”
“ยึดบ้านได้ก็ดีนะ แต่งงานก็เอาบ้านหลังนี้เป็นเรือนหอ ที่ตั้งเกือบสิบไร่ หาได้ง่ายๆหรือ คงเป็นบ้านเก่าบ้านแก่ บ้านที่คุณชิดชงค์สร้างไว้ให้ลูกสาวอยู่ คิดว่าจะอยู่ไปชั่วนิรันดร์ แต่...” เถาว์เครือชะงักเมื่อเห็นลูกสาวมีอาการโรคหัวใจกำเริบ ลนลานไปหยิบยามาให้อมใต้ลิ้น “อย่าดีใจจนออกนอกหน้า ยังไงบ้านหลังนั้นก็ต้องเป็นเรือนหอของลูกกับปฐวี ทำใจดีๆไว้ลูกแม่ อย่าตายเชียวนะ ลูกจะตายหนีคฤหาสน์ราคาร้อยล้านไม่ได้”...
ฝ่ายตลับนาคโกรธควันแทบออกหูเมื่อรู้จากชิดชบาถึงข้อเสนอแสนจะพิลึกและสกปรกที่สุดของปฐวี แนะให้หลานรักปล่อยบ้านหลังนั้นไป สักวันมันก็พัง ทับถมเรื่องราวเก่าๆของเราพังไปด้วยกัน หญิงสาวหน้าตาหม่นหมองลงทันที ตลับนาคสงสารจับใจรีบปรับท่าทีอ่อนลง ถามว่าจะตัดสินใจกับเรื่องนี้อย่างไร
“หนูยังคิดอะไรไม่ออกหรอกค่ะคุณป้า ไว้ให้เผาศพคุณพ่อก่อน ค่อยเริ่มคิดกันใหม่ ว่าแต่คุณป้าเถอะค่ะ กลับมาอยู่บ้านสวน ต้องทำงานหนัก คุณป้าต้องระวังเรื่องสุขภาพนะคะ หนูไม่มีใครอีกแล้ว นอกจากคุณป้า” ชิดชบาพูดพลางน้ำตาคลอเบ้า ตลับนาคดึงเธอมากอด ตนเองก็ไม่มีใครนอกจากเธอเช่นกัน
“ที่ป้าออกมาจากบ้านหลังนั้นเพราะเราไม่ได้เป็นเจ้าของบ้านแล้ว จะหน้าด้านอยู่ให้เขาไล่ทำไม คุณปฐวีเขามีผู้หญิง วันหนึ่งเขาแต่งงาน เราจะอยู่ทุเรศทุรังไปนานสักแค่ไหนล่ะ”
“เวลาแค่หนึ่งปี ถ้าหนูต้องการบ้าน...บ้านของเรา”
“มันเป็นของนอกกาย ไม่ตายหาใหม่ได้ ทำไมหนูไม่ตัดใจจากมัน บ้านก็เหมือนวัตถุ ถ้าได้บ้านกลับคืนมาแล้ว หัวใจของหนูมีแต่รอยดำรอยด่าง มันจะเป็นบาปที่ค้างใจเราไปชั่วชีวิตนะลูก”...
ที่คอนโดฯที่พักของปฐวี โสมสุภางค์ไม่รู้ว่าคู่หมั้นหนุ่มวางแผนจะทำอะไรกับบ้านที่ยึดได้จากชิดชงค์ หลังจากเสร็จกิจบนเตียงด้วยกัน เธอถามหยั่งเชิงว่าเราจะแต่งงานกันแล้วใช้บ้านหลังนั้นเป็นเรือนหอ เขาถึงให้ช่างซ่อมบ้านทั้งวันทั้งคืนใช่ไหม เขากลับบอกว่าซ่อมมันเพื่อประโยชน์ของตัวเอง
“แล้วการแต่งงานนี่ คุณได้ประโยชน์จากมันหรือเปล่าคะวี”
ปฐวีไม่ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มอ่อนโยนให้ แล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ชวนเธอไปเที่ยวปารีสด้วยกัน อารามดีใจ ทำให้โสมสุภางค์ลืมข้อสงสัยของตัวเองเสียสิ้น โผกอดเขาแน่น ถามอย่างมีความสุข ว่าเมื่อไหร่ถึงจะได้ไป
“เมื่อผมกวาดเรื่องรกๆลงถังขยะเสร็จแล้ว” ปฐวีตาวาวเป็นประกายน่ากลัว
ooooooo
เฉวียงเดินไปเดินมากระวนกระวายใจอยู่ที่โถงหน้าลิฟต์ชั้นล่างของโรงแรม ทันทีที่ชิดชบาในชุดดำไว้ทุกข์ก้าวออกจากลิฟต์ เขาปราดเข้าไปต่อว่าเมื่อวานนี้หายไปไหนมา โทร.หาตั้งหลายครั้งทำไมไม่รับสาย
“เขาให้คุณลุงมาดูหนูว่าหนีไปหรือยัง...ยังค่ะ เมื่อวานหนูไปค้างบ้านคุณป้าตลับนาคที่บ้านสวน หรือว่าเขาให้คุณลุงมาเร่งรัดเอาคำตอบ”
“ไม่ใช่ครับ คุณปฐวีให้เวลาคุณตัดสินใจ เขาต้องการคำตอบหลังจากเผาศพคุณพ่อคุณหนูเรียบร้อยแล้ว ทนายเขาเพิ่งส่งเอกสารถึงผมเมื่อเช้า เรายังต้องจ่ายหนี้เป็นเงินสด เอ้อ...ที่เกิดจาก...” เฉวียงพูดยังไม่ทันจบ ชิดชบาชิงถามขึ้นเสียก่อนว่าเท่าไหร่ พอรู้ว่าพ่อยังมีหนี้ค้างกับปฐวีอีกยี่สิบล้าน เธอถึงกับอึ้ง ครั้นเสนอจะให้ขายบ้านสวนของตลับนาค ก็ได้เงินอย่างมากไม่เกินสองล้านบาท คิดจะกู้เงินจากแบงก์ก็ไม่มีหลักประกันอะไรให้ ชิดชบาเจอทางตัน ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“มีอยู่อีกทางหนึ่ง คือเอาโฉนดที่สวนของคุณตลับนาคไปจำนองกับทรัสต์ของคุณปฐวี”
“ไม่ หนูจะหาเงินมาใช้หนี้ให้ได้ มันจะได้หมดหนี้กรรมกันในชาติเดียว” ชิดชบาเสียงกร้าว...
บ่ายนี้เป็นวันเผาศพชิดชงค์ ชิดชบาวางดอกไม้ จันทน์ในเตาเผาศพพ่อ พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล เนื่องจากไม่อยากให้ศัตรูเห็นความอ่อนแอ โสมสุภางค์เดินถือดอกไม้จันทน์ขึ้นมาบนเมรุกับปฐวี เห็นความสวยของลูกสาวผู้ล่วงลับแล้ว อดแดกดันคู่หมั้นตัวเองไม่ได้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงเสนอเงื่อนไขจะคืนบ้านหลังนั้นให้ ปฐวีไม่พูดอะไรขยับจะไปวางดอกไม้จันทน์ ชิดชบาเข้ามาเผชิญหน้าพร้อมกับแจ้งว่ายอมรับข้อเสนอเป็นนางบำเรอของเขาหนึ่งปีแลกกับบ้านหลังนั้น โสมสุภางค์หันมองปฐวีสีหน้าตกตะลึง
“นางบำเรอหรือ...นี่มันอะไรกันคะวี ฉันนึกว่า ถ้าแม่นี่มีเงินมาไถ่บ้าน คุณก็จะคืนให้ แต่เงื่อนไขบ้าๆนี่ ฉันไม่เคยได้ยิน ไม่จริงใช่ไหมคะ มันโกหก”
“ตอบผู้หญิงของคุณไปสิคะว่ามันเป็นเรื่องจริง คุณเสนอจะคืนบ้านให้ฉันเมื่อฉันยอมเป็นนางบำเรอของคุณหนึ่งปี...เจ้าข้าเอ๊ย” ชิดชบาเห็นแขกมาร่วมงานต่างมองเป็นตาเดียวกัน จึงลดเสียงลง “มันช่างเป็นข้อเสนอที่พิลึกพิลั่นลามก แต่ฉันรับได้ค่ะ ฉันจะทำให้คุณรู้ว่าเวลาหนึ่งปี...นรกเป็นอย่างไร” พูดจบเดินหน้าเชิดคอตั้งจากไป ทิ้งให้โสมสุภางค์ยืนอ้าปากค้างอยู่กับปฐวี...
ทันทีที่กลับถึงห้องพักในโรงแรมหรู ชิดชบาทรุดตัวลงกองกับพื้นสีหน้าเศร้าหมอง ก่อนจะร้องไห้เป็นเผาเต่า สัญญากับวิญญาณของพ่อทั้งน้ำตาว่าจะเอาบ้านของเราคืนมาให้ได้...
ฝ่ายโสมสุภางค์ไม่พอใจมาก ต่อว่าปฐวีว่าบ้าไปแล้วหรือ ถึงได้เอาบ้านราคาร้อยล้านบาทไปแลกกับการที่ชิดชบายอมเป็นนางบำเรอ คนอย่างเขาจะหาผู้หญิงกี่คนก็ได้โดยไม่ต้องเสียเงินมากขนาดนั้น แถมดูท่าแม่นั่นร้ายไม่ใช่เล่น นรกอาจมีจริงอย่างเธอว่าก็ได้ เขาเองก็อยากรู้ว่านรกเป็นอย่างไร
“โสมสุภางค์ เราจะแต่งงานกัน และต่อไปนี้ ผมจะหยุดฝันร้าย” ปฐวีดึงเธอมากอดสีหน้ามั่นใจ
ooooooo
ที่วังของอรุณณรงค์ หม่อมจรัสเรืองซึ่งเดินมาส่งลูกที่รถเพื่อจะไปงานเลี้ยง อดทักท้วงไม่ได้ ทำไมไม่ให้นายบ่ายขับรถไปให้ เขาไปอยู่เมืองนอกหลายปี ถนนในกรุงเทพฯไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
“นี่ถ้าแม่ไม่ติดธุระสำคัญ แม่ไม่ปล่อยให้ชายเอี่ยวไปงานเลี้ยงคนเดียวหรอก”
อรุณณรงค์ต้องบอกท่านว่าไม่ต้องเป็นห่วง แล้วขึ้นรถขับออกไป...
ทางฝ่ายชิดชบาเดินใจลอยออกจากโรงแรมที่พัก ข้ามถนนไม่ได้ดูตาม้าตาเรือ ตัดหน้ารถอรุณณรงค์กระชั้นชิด โชคดีรถแล่นช้าจึงแค่เฉี่ยวเธอล้ม เขารีบลงจากรถมาประคองเธอไว้ ถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ขอโทษที่เบรกไม่ทัน อาสาจะพาไปหาหมอ เธอไม่ยอมไป อ้างว่าเดินไหวแล้วพยายามยันตัวลุกขึ้น กลับเซจะล้ม อรุณณรงค์ต้องประคองไว้อีกครั้ง เธอเบี่ยงตัวหลบทำทีเข้มแข็ง ยืนยันไม่เป็นอะไรจริง
“ถ้าอย่างนั้นให้ผมไปส่งคุณได้ไหมครับ ผมจะได้รู้สึกผิดน้อยลง”
ทีแรกชิดชบาลังเล แต่สุดท้ายก็ยอมให้เขาไปส่งที่ปากทางเข้าบ้านสวนของตลับนาค...
เถาว์เครือถึงกับโวยวายลั่นเมื่อรู้จากโสมสุภางค์ว่าปฐวีจะรับลูกสาวของชิดชงค์เป็นนางบำเรอเพื่อแลกกับบ้านราคาเป็นร้อยล้านบาทที่ยึดมาได้จากชิดชงค์ เธอฝืนยิ้มแสร้งมีความสุขตบตาแม่ตัวเอง
“แม่คะ แต่เราจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุดค่ะ เดี๋ยวหนูต้องไปงานเลี้ยงกับวีค่ะ” ตัดบทเสร็จ โสมสุภางค์เดินหนีขึ้นบ้าน เถาว์เครือโกรธเดินไปดักหน้าลูก
“เดี๋ยว ต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อน ตอนรักกัน ปฐวีเขาจับหนูหันซ้ายหันขวาแม่พอรับได้ ตอนที่หนูเทหน้าตักไปนอนกับเขา แม่ก็ยังรับได้ แต่นี่ยื่นข้อเสนอแต่งงาน แต่มีนางบำเรอเป็นของแถม แม่จะรับได้อย่างไร...คิดว่านอนกอดทะเบียนสมรสแล้วเป็นสุขหรือ ระวังหนูจะเป็นเมียที่อยู่บนหิ้ง แต่นางบำเรออยู่บนเตียง” คำพูดของเถาว์–เครือทำเอาโสมสุภางค์หวั่นใจขึ้นมาตงิดๆ...
ตลับนาคสะเทือนใจน้ำตาซึมที่รู้ว่าหลานรักรับข้อเสนอของปฐวี เธอปลอบท่านทั้งที่ใจเจ็บแปลบว่าไม่ต้องร้องไห้ เธอไม่ได้เดินไปตาย การเริ่มต้นไม่ได้มีเพียงครั้งเดียวในชีวิตลูกผู้หญิง เธอจะเป็นคนที่เริ่มต้นทุกวัน
“แล้วนี่หนูต้องเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นหรือเปล่า ชิดชบา”
หญิงสาวพยักหน้า คิดว่าคงต้องไป ตลับนาคดึงหลานสาวมากอด หากต้องกลับไปอยู่ที่นั่นก็ให้แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนกันบ้าง ท่านจะได้รู้สารทุกข์สุกดิบของเธอ และขอให้รู้ไว้ว่าท่านเป็นห่วงเธอเสมอ...
ภายในห้องจัดงานเลี้ยงของโรงแรมหรูกลางกรุง ขณะธวัชพงษ์กำลังยืนเขียนข่าวอยู่ เหลือบเห็นโสมสุภางค์เดินควงแขนปฐวีเข้ามา เจ้าของงานแนะนำให้ปฐวีได้รู้จักกับอรุณณรงค์ซึ่งยื่นมือให้จับอย่างเป็นมิตร โสมสุภางค์รีบเสนอหน้าแนะนำตัวเองว่าเป็นคู่หมั้นคู่หมายของปฐวีและกำลังจะแต่งงานกัน
“จริงหรือครับ ผมแสดงความยินดีตอนนี้เร็วไปไหมครับ”
“เร็วไปครับ...เพราะงานแต่งงานของเรา ต้องเชิญคุณชายอรุณณรงค์ด้วยครับ”
โสมสุภางค์ยิ้มกว้างพอใจที่ปฐวีไม่ขุ่นเคืองที่เธอออกตัวแรงไปหน่อยกับคนที่เพิ่งรู้จัก
ooooooo
ระหว่างที่ชิดชบานั่งกอดเข่าเศร้าใจกับมรสุมชีวิตที่ต้องผจญ มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเปิดประตูรับ โสมสุภางค์เดินอย่างถือตัวผ่านหน้าชิดชบาเข้ามาในห้อง แนะนำตัวว่าเป็นคู่หมั้นของปฐวี แล้วแดกดันว่าดูท่าเธอจะอยู่สุขสบาย ชิดชบาไม่ได้สบายอะไรนักก็แค่อยู่ตามที่เขาสั่ง
“วีเขาเป็นคนรสนิยมเรื่องที่อยู่ที่กิน รวมทั้งผู้หญิงด้วย แต่เสียอยู่อย่างเดียว เขาเบื่อง่าย ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน ที่พักหรือผู้หญิง”
“มันเป็นธรรมดาของคนที่มีโอกาสเลือกไม่ใช่หรือคะ เอาเป็นว่าเขามีสิทธิ์เลือก เขาก็ต้องทำตัวเป็นคนเรื่องมาก ไม่อย่างนั้นก็ไม่ใช่ จริงไหม” โดนยอกย้อนเข้าไป โสมสุภางค์ชักจะคุมอารมณ์ไม่ได้ ถามเสียงเครียดว่าคิดจะเป็นนางบำเรอของปฐวีได้นานสักเท่าไหร่ เธอตอบไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับเขา เรื่องนี้เป็นแค่ธุรกิจเท่านั้น
“เธอยังไม่รู้จักปฐวี แล้วเธอจะรู้จักเขา” โสมสุภางค์ทิ้งท้ายเสร็จก็เดินออกจากห้อง ชิดชบาเครียดจัดคว้าขวดไวน์มายกซด แล้วเทราดหัวตัวเองเพื่อดับอารมณ์ ผ่านไปพักใหญ่ ปฐวีใช้คีย์การ์ดอีกใบหนึ่งเปิดประตูห้องพักของชิดชบาเข้ามา พบเธอนอนหลับอยู่ที่พื้น เข้าไปปลุกให้ตื่น เธอปรือตาถามว่าใครกัน ก่อนจะพยายาม สะบัดหัวไล่ความเมา แล้วจ้องมองใกล้ๆ ถึงได้รู้ว่าเป็นเขาก็ร้องทัก
“ใช่ ผมเอง การเป็นนางบำเรอไม่ใช่ของง่ายนะ อย่างน้อยต้องจำผมได้ทุกครั้งที่ผมมาใช้บริการ” เขาชะงักเมื่อได้กลิ่นเหล้าจากตัวเธอ เอ็ดลั่นว่าเมาหรือ เธอลอยหน้าถามว่าเมาแล้วจะทำไม เขาไม่ชอบให้ผู้หญิงของเขาทำตัวเหมือนผู้หญิงข้างถนน ถ้าเขาต้องการแบบนั้นเขาหาได้ง่ายๆไม่จำเป็นต้องลงทุน ชิดชบาใช้นิ้วจิ้มหน้าอกปฐวีด้วยอาการเซเล็กน้อย พร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะ
“อ้อ ต้องการผู้หญิงรสนิยมบนเตียงเยี่ยม เท่าๆกับพาเดินบนถนนได้สินะ นี่แน่ะคุณปฐวี ฉันจะบอกอะไรให้ ผู้หญิงที่คุณซื้อได้น่ะ สันดานมันก็เหมือนๆกันหมดนั่นแหละ ไม่มีผู้หญิงดีๆที่ไหนที่คุณซื้อได้หรอก นอกจากผู้หญิงหยำฉ่าอย่างฉัน” ชิดชบาเชิดหน้าใส่ ก่อนจะเมาหลับทรุดลงไปแทบเท้าเขา...
ภายในร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง หม่อมจรัสเรืองพาอรุณณรงค์มาแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนคุณหญิงคุณนายของท่านรวมทั้งเถาว์เครือด้วย คุยอวดว่าลูกชายของท่านถูกส่งไปเรียนที่อังกฤษตั้งแต่ยังเล็ก ตอนนี้เขาจะกลับมาอยู่เมืองไทย ทำให้ท่านคลายความเหงาลงได้ เถาว์เครือชมเปาะ
“หม่อมโชคดีที่มีคุณชายเอี่ยว”
“คุณเองก็กำลังจะได้โชคหลายชั้นไม่ใช่หรือคะ เห็นว่าหนูโสมสุภางค์จะแต่งงาน”
“แหมก็ไม่รู้ว่าจะโชคดีหรือโชคร้าย เพราะได้ข่าวคุณปฐวีเขามีของแถมเป็นนางบำเรอมาช่วยราชการหนูโสมสุภางค์ไม่ใช่หรือคะ” หนึ่งในคุณหญิงแขวะ โดนไม้นี้เข้าไปเถาว์เครือถึงกับทำหน้าไม่ถูก...
โสมสุภางค์ไม่พอใจมากเมื่อรู้ว่าปฐวีทำบัตรเครดิตให้ชิดชบา ถึงกับแดกดัน สมัยนี้นางบำเรอต้องใช้บัตรเครดิตด้วยหรือ เขาเดินเข้ามากอดเอวเธออย่างเอาใจ ออกตัวว่าแค่บริการเสริมเท่านั้น
“ไม่อย่างนั้นนกตัวนี้จะไม่มีอะไรทำ นอกจากถูกขังอยู่ในกรง” ปฐวียิ้มสะใจ จากนั้นเขามอบให้เฉวียงเป็นคนเอาบัตรเครดิตไปให้ว่าที่นางบำเรอของตัวเอง พร้อมกับสั่งให้เธอย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น
ชิดชบายกบัตรเครดิตขึ้นมาดู ก่อนจะพึมพำอย่างเคียดแค้น “นายจะต้องรู้ว่านรกมีจริง”
ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น