วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 2


หลังจากทดลองขับเครื่องบินเล็กจนเป็นที่พอใจ ปฐวีจับมือกับเจ้าของบริษัทขายเครื่องบินตกลงซื้อหนึ่งลำ และให้ส่งสัญญาซื้อขายไปให้ทางฝ่ายกฎหมายของตนพรุ่งนี้เลย อรุณณรงค์กับเพื่อนซึ่งมาเยี่ยมชมเครื่องบินเล็กของบริษัทนี้เช่นกัน มองตามทั้งคู่ที่เดินออกไป

“คุณปฐวีเขาเป็นคนที่จับธุรกิจหลายอย่าง ไม่ใช่จู่ๆก็ร่ำรวยขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ”

“เขาเป็นคนเก่งนะ” อรุณณรงค์อดชื่นชมไม่ได้

“ครับ คุณชาย แต่เขามีเบื้องหลังเป็นนักพนัน” คำพูดของเพื่อนทำให้อรุณณรงค์เลิกคิ้วสีหน้าฉงน...

ขณะที่ปฐวีมีความสุขกับการได้ขับเครื่องบิน เพราะทำให้รู้สึกเหมือนได้อยู่เหนือคนอื่น ชิดชบากำลังเดินช็อปปิ้งผลาญเงินด้วยบัตรเครดิตที่ปฐวีทำให้ ก่อนจะหอบถุงสินค้าแบรนด์เนมหลายสิบใบมาขึ้นรถแท็กซี่

ระหว่างทางกลับโรงแรมที่พัก คนขับรถแท็กซี่บ่นให้ฟังถึงชีวิตแสนจะยากลำบากของตนเอง ว่าเมื่อก่อนทำนา ข้าวราคาตกเงินไม่พอให้ลูกให้เมียกับแม่ ต้องไปกู้ยืมจากนายทุนหน้าเลือด พอไม่มีเงินใช้หนี้ก็ถูกยึดที่นา เขาก็เลยต้องเข้ากรุงเทพฯมาขับแท็กซี่ ชิดชบาฟังเรื่องทุกข์ยากของเขาด้วยความสนใจ

“เมียทำงานหนักไม่ได้เป็นมะเร็งในมดลูก นี่ผมก็กำลังจะหาเงินสักก้อนไปรักษาเมีย สงสาร เคยอิ่มเคยอดด้วยกันครับ ไม่อยากให้ตาย ไม่รู้เมียตายแล้วผมจะอยู่ยังไง” เล่าถึงตอนนี้ รถแล่นมาถึงหน้าโรงแรมที่พักของชิดชบาพอดี เธอสั่งให้จอดรถ แล้วหยิบเงินสดเท่าที่มีในกระเป๋าให้คนขับแท็กซี่

“เอาเงินไปรักษาเมียนะ แล้วของนี่ ฉันฝากไปให้ลูกก็แล้วกัน” พูดจบชิดชบาลงจากรถ

“คุณครับ ขอบใจหลายๆเด้อครับ ขอให้มีความสุขหลายๆเด้อ” คนขับแท็กซี่ตะโกนไล่หลัง ครู่ต่อมา ชิดชบากลับถึงห้องพัก ปิดล็อกห้อง ยืนพิงประตู พึมพำกับตัวเองเบาๆ

“ยังมีคนที่ทุกข์กว่า มีคนที่ลำบากกว่า มีคนที่เขาเจียนตายมากกว่าเรา เราต้องสู้ พ่อคะ หนูจะสู้”

ooooooo

เถาว์เครือยังคงโวยวายเรื่องที่ปฐวีรับชิดชบามาเป็นนางบำเรอไม่เลิกไม่แล้ว แถมแนะให้โสมสุภางค์หาทางทำอะไรสักอย่างในฐานะที่เป็นคู่หมั้นคู่หมาย เธอคงทำอะไรไม่ได้ในเมื่อเขาออกปากเองว่าต้องการ ชิดชบาไว้เป็นนางบำเรอ เถาว์เครือบ่นอุบแล้วจะแต่งงานกับเขาทั้งที่มีผู้หญิงคาราคาซังอย่างนี้หรือ

“ปล่อยวีเขาสักพักหนึ่งเถอะค่ะ ตั้งแต่เขาขับเคี่ยวกับ คุณชิดชงค์เรื่องเกมพนัน หนูไม่เคยเห็นเขามีความสุขเลย จนกระทั่งเขาชนะ”

“คุณชิดชงค์เขาก็มือหนึ่งร่ำรวยขึ้นมาด้วยการพนัน มีไม่กี่คนหรอกทำได้อย่างเขา ไม่น่าเชื่อนะว่าเขาต้องแพ้สิ้นเนื้อประดาตัวจนต้องฆ่าตัวตาย”

โสมสุภางค์กลัวเวรกรรมจะตามปฐวีทัน ถึงวันนั้น เธอก็ไม่รู้ว่าผลกรรมของเขาจะตกมาถึงเธอหรือเปล่า ดูคุณชิดชงค์เป็นตัวอย่าง กรรมที่เขาทำไว้ยังตกมาถึงลูกสาว เถาว์เครือเตือนโสมสุภางค์ว่าชิดชบาเองก็มีเลือดนักพนันของพ่ออยู่ในตัว จะประมาทไม่ได้...

คำเตือนของแม่ทำให้โสมสุภางค์ตัดสินใจถามปฐวีในคืนนั้นว่าเขาถือว่าเรื่องข้อตกลงกับชิดชบาเป็นแค่ธุรกิจเหมือนอย่างเจ้าตัวคิดหรือเปล่า เขาไม่เข้าใจ หมายความว่าอย่างไร

“ผู้หญิงที่กล้าขายตัวเองเพื่อสิ่งแลกเปลี่ยน เราเรียกว่าผู้หญิงขายตัว จะชั้นสูงอยู่ในวิมานหรืออยู่ในซ่องโสโครก มันก็ผู้หญิงขายตัว มันเป็นธุรกิจค้าความใคร่”

“คุณไปเก็บผู้หญิงพวกนั้นมาค้างใจทำไมกัน”

โสมสุภางค์รู้สึกว่าชิดชบาไม่ใช่ผู้หญิงขายตัวธรรมดาๆเตือนให้ระวังตัวไว้บ้าง เธออาจทำให้เขาย่อยยับได้ เพราะอยากแก้แค้นที่เขาทำให้พ่อของเธอต้องฆ่าตัวตาย ปฐวีหาว่าโสมสุภางค์คิดมากเกินไป ปกติไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนทำให้เธอหวั่นไหวมาก่อน แล้วจับมือเธอขึ้นมาจูบ โสมสุภางค์ทวงถามเมื่อไหร่เราจะแต่งงานกัน เขารับปากเมื่อถึงเวลานั้น เธอจะเตรียมตัวแทบไม่ทัน พนันกันก็ได้ เธอหน้าเครียดทันที

“เลิกเอาชีวิตไปเล่นพนันเสียทีเถอะค่ะ ฉันเห็นชีวิตคุณชิดชงค์มาแล้ว เขาฆ่าตัวตายเพราะเสียทุกอย่างให้การพนัน แม้แต่ลูกของเขาเอง ฉันกลัวค่ะ ฉันกลัว”

ooooooo

ชิดชบาได้กลับมาอยู่ที่บ้านตัวเองอีกครั้งตามข้อตกลงกับปฐวีในวันถัดมา เห็นสภาพภายในห้องโถงแล้วอดแปลกใจไม่ได้ แม้บ้านจะซ่อมแซมใหม่ แต่ข้าวของเครื่องใช้ตั้งแต่สมัยเธอเด็กๆก่อนจะไปเรียนเมืองนอกยังอยู่ที่เดิมไม่เปลี่ยนแปลง จากนั้นเธอเดินขึ้นไปที่ห้องนอนของตัวเอง ถึงกับฉีกยิ้มด้วยความดีใจ

“เตียงของฉัน โคมไฟก็ยังอยู่ ข้าวของเครื่องใช้ ทุกชิ้นยังอยู่” ชิดชบาว่าแล้วกางแขนหงายหลังผลึ่ง

ลงบนเตียงนอน หลับตาอย่างมีความสุข จึงไม่เห็นปฐวีเข้ามายืนมองด้วยสายตาเหยียด เธอลืมตาขึ้นมาเจอ ทะลึ่งพรวดลุกขึ้นนั่ง เขาตำหนิเธอว่าควรจะรักษากิริยาให้ดูดีกว่านี้ ชิดชบาไม่พอใจ ยียวนใส่

“คุณจะมาหวังอะไรมากมายกับผู้หญิงหยำฉ่าอย่างฉัน นางพญากับนางบำเรอน่ะ มันเหมือนกันไม่ได้หรอกค่ะ คุณคงไม่หวังว่าสินค้าของคุณจะเลิศเลอนักไม่ใช่ หรือคะ คุณปฐวี อ้อ จะบอกอะไรให้ วันนี้ฉันใช้บัตรเครดิต ที่คุณทำให้ไปแปดแสน เป็นนางบำเรอเศรษฐีทั้งที จ่ายสี่ซ้าห้าหมื่นก็โง่เต็มทีล่ะ” พูดจบชิดชบาเดินอย่างเริงร่าลงไปข้างล่าง ปฐวีเดินหน้าเครียดตามขอคุยด้วย แต่ไม่ได้จะคุยเรื่องเงิน

“ก่อนอื่นคุณต้องอยู่ที่นี่ในฐานะที่คุณเคยอยู่เคยเป็น”

“ว้าว เจ้าของบ้านหรือคะ แหม ฉันเลยไม่รู้จะรับความกรุณาทำนองนี้เพื่อประโยชน์อะไร”

“มนุษย์น่ะ นับวันความสุขมันจะห่างชีวิตออกไปเรื่อยๆ ผมแนะนำให้คุณหาความสุขให้ตัวเอง ตลอดเวลาหนึ่งปีที่คุณติดคุกอยู่ที่นี่ ไม่มีผู้ชายคนไหนทุ่มเงินจำนวนนับร้อยล้านเพื่อไถ่ตัวคุณ หรือถึงจะมีผู้ชายร่ำรวยคนนั้น เขาก็คงคิดแล้วคิดอีกว่ามันคุ้มกับสินค้าที่เขาจะใช้ประโยชน์หรือเปล่า” คำพูดของปฐวีทำให้ชิดชบาถึงกับหน้าชาที่ถูกตีราคาเหมือนไม่ใช่คน

“ผมพูดอะไรผิดหรือเปล่า จริงๆแล้วสิ่งที่ผมพูดนี่มันไม่ใช่เรื่องไร้สาระ เป็นธรรมดาคนไม่คุ้นเคยกันอย่างเรา ก็เลยต้องทำความเข้าใจกันให้มากก่อนจะเริ่มต้น”

ชิดชบาเชิดหน้าอย่างทระนง พร้อมจะทำอย่างที่ตกลงกันเอาไว้ เธอเปลี่ยนหัวใจกับวิญญาณเป็นแม่ค้า นับตั้งแต่รู้ว่าตัวเองต้องการบ้านหลังนี้คืน ปฐวีเห็นเธอปลงได้ก็ยินดีด้วย แล้วหยิบเอกสารยื่นให้

“เอกสารนี่ ผมจะให้ทนายฝ่ายผมส่งไปให้ทนายฝ่ายคุณ มันจะถูกโอนอย่างสมบูรณ์ในอีกหนึ่งปีข้างหน้า หมายถึงหนึ่งปีที่ผมจะต้องไปจากที่นี่ ถ้าผมแพ้คุณ”...

จากนั้นไม่นาน ปฐวีมาที่ร้านอาหารซึ่งนัดโสม-สุภางค์เอาไว้ เห็นเธอนั่งรอท่าอยู่ก่อนแล้ว รีบเข้าไปขอโทษที่มาช้า เธอพยายามจะซักถามถึงสาเหตุที่เขาต้องลงทุนกับชิดชบามากกว่าผู้หญิงคนอื่นที่ผ่านมาทั้งที่เธอก็เป็นแค่สินค้าชิ้นหนึ่งของเขาเท่านั้น เขารีบตัดบท เวลาของเราไม่ควรมีคนอื่น

“ผมสัญญาว่าชิดชบาจะไม่เป็นปัญหาสำหรับเรา เอาเถอะ ผมบอกแล้วไง เราจะไปยุโรปกันสักสองสามอาทิตย์ ใช้เวลาสำหรับเราสองคน”

โสมสุภางค์ยิ้มออก ชวนดื่มให้กับสินค้าชิ้นใหม่ของเขา ปฐวีขอดื่มให้กับความสุขของเราสองคนดีกว่า เพราะถ้าโลกนี้มีเราสองคน โลกไม่ควรมีคนอื่นจริงไหม ทั้งคู่ต่างชนแก้วกันยิ้มมีความสุข

ooooooo

เมื่อได้รับเอกสารการโอนสิทธิ์ที่ปฐวีเซ็นโอนลอยไว้เรียบร้อย เฉวียงรีบเอามาให้ชิดชบาตรวจสอบก่อนที่เขาจะส่งไปเก็บในเซฟของธนาคาร เอกสารฉบันนี้จะมีผลสมบูรณ์เมื่อครบกำหนดหนึ่งปีข้างหน้า

“ค่าใช้จ่ายของคุณหนู เขาจะจ่ายให้เป็นรายเดือน รถยนต์เขาจัดมาให้ คุณปฐวีมีคอนโดฯส่วนตัวกลางเมือง คุณต้องศึกษาเอาเองในฐานะที่คุณหนูต้องอยู่กับเขา”

ชิดชบาฝากเฉวียงดูแลตลับนาคให้ด้วย แล้วขอให้เขาเก็บเอกสารนี้ไว้ก่อน วันนี้มันเป็นแค่เศษกระดาษ แต่วันหนึ่งข้างหน้า มันอาจจะเป็นประโยชน์สำหรับเรา...

ฝ่ายอรุณณรงค์กังวลใจเรื่องที่ขับรถเฉี่ยวชิดชบาไม่รู้ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง หม่อมจรัสเรืองตำหนิน่าจะถามไถ่ชื่อไว้ จะได้แสดงความรับผิดชอบได้ รถเฉี่ยว บางทีอาการยังไม่ออกเพราะตกใจ เขาฟังแล้วก็ยิ่งเป็นห่วง ตัดสินใจจะลองไปตามหาแถวซอยที่ขับรถมาส่งเธอ

ไม่นานนัก อรุณณรงค์เข้ามาเมียงๆมองๆหาชิดชบาที่บ้านสวน เห็นตลับนาคกำลังยืนคุมคนงานตัดแต่ง สวนผลไม้ที่รกอยู่ เข้ามาถามหาผู้หญิงที่ตัวเองมาส่งหน้าปากซอย แต่ไม่รู้ชื่อ

“มาตามหาคนแต่ไม่รู้ชื่อ แล้วฉันจะรู้ไหมล่ะว่าคุณมาตามหาใคร” ตลับนาคต่อว่า อรุณณรงค์จึงต้องกลับไปอย่างผิดหวัง...

ค่ำวันเดียวกัน ชิดชบาเข้าห้องได้รีบล็อกประตูเพื่อกันไม่ให้ปฐวีเข้า แต่กลับพบว่าเขารอท่าอยู่ในห้องก่อนแล้ว เรียกให้เธอมาที่หน้าต่าง พอเธออิดออด เขากระชากตัวไปจนติดหน้าต่าง ถามว่าเห็นอะไรบ้าง เธอมองไปที่สนามหญ้าหน้าบ้าน พลันภาพในอดีตตอนที่พ่อจัดงานรื่นเริงผุดขึ้นมาในความคิดของเธอ เสียงหัวเราะมีความสุขของเธอกับพ่อดังก้องอยู่ในหู ก่อนจะถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ด้วยน้ำเสียงกร้าวของปฐวี

“จริงสินะ คุณคงไม่คิดถึงมนุษย์ตัวเล็กๆที่มันเคยเป็นเหยื่อของพ่อคุณหรอก ผมโตขึ้นมาด้วยความยากลำบาก เพราะพ่อผมถูกเพื่อนทรยศโกงจนหมดตัว”

“คุณ...คุณจ้องมองเราอย่างเสือหิวมานานแล้วสินะ”

สองคนปะทะคารมกัน ชิดชบาด่าปฐวีสาดเสียเทเสีย แถมแช่งให้เวรกรรมที่ทำไว้กับพ่อของเธอตามเขาทัน ปฐวีไม่พอใจกระชากเธอเข้ามาใกล้ หวังว่าสินค้าที่เขาจ่ายเงินไปชิ้นนี้คงจะคุ้ม มีทั้งปริมาณและคุณภาพ เธอโกรธจัด เงื้อมือจะตบ เขารวบมือไว้ทัน

“ก็ไหนคุยว่าเป็นแม่ค้าไม่ใช่หรือ เสนอสินค้าของคุณสิ ลูกค้าอย่างผมจะได้รู้ว่าปริมาณกับคุณภาพของสินค้าสมราคาหรือเปล่า หรือว่า...มีแต่ปริมาณ คุณภาพก็ยังงั้น” เหยียดหยามเสร็จ ปฐวีจูบเธออย่างไม่ปรานีปราศรัย เป็นจังหวะเดียวกับโสมสุภางค์โทร.เข้ามือถือของเขา เสียงสายเรียกเข้าทำให้ปฐวีชะงัก คว้ามือถือขึ้นมาปิดเครื่อง แล้วเหวี่ยงชิดชบาที่ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวลงบนเตียง ก่อนจะโถมตัวตาม

ooooooo

หม่อมจรัสเรืองกำลังตัดดอกกุหลาบอยู่ที่สวนสวยภายในวังของตัวเอง ตอนที่ลูกชายเดินเข้ามาหา ท่านทักว่าเจอคนที่ตามหาไหม เขาหาไม่เจอเนื่องจากไม่รู้ชื่อของเธอก็เลยไม่รู้จะถามคนแถวนั้นได้อย่างไร

“วันนี้หม่อมแม่ไปไหนหรือเปล่าครับ”

“แม่มีประชุม แต่เชื่อเถอะ ประเด็นที่พูดกันแซ่ดคงไม่ใช่เรื่องที่จะประชุมกันหรอก แต่เป็นเรื่องคุณปฐวี”

อรุณณรงค์ได้ยินมาว่าปฐวีเป็นนักพนัน จริงหรือเปล่า ท่านก็ได้ยินใครต่อใครพูดแบบนั้น แต่เขาก็ทำธุรกิจเป็นเรื่องเป็นราว แล้วถามลูกว่าสงสัยอะไรในตัวปฐวี หรือว่าสนใจเรื่องที่ผู้คนลือกันให้แซ่ด เขาไม่ได้สนใจเรื่องนั้น แค่สงสัยว่าทำไมโสมสุภางค์คิดอย่างไรถึงกล้าแต่งงานกับนักพนัน...

ฝ่ายโสมสุภางค์ร้อนใจมาก พยายามโทร.หาปฐวีทั้งคืน แต่ติดต่อไม่ได้ ตัดสินใจไปตามหา...

คนที่โสมสุภางค์ตามหาเพิ่งแต่งตัวเสร็จ หันมองชิดชบาที่นอนหันหลังให้บนเตียง ถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันจะไม่พูดอะไรบ้างหรือ เธอไม่มีอะไรจะพูดด้วย

“ผมเป็นคนพูดตรงๆไม่อ้อมโลก ผมแปลกใจจริงๆที่คุณยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง คุณอยู่ปารีส แล้วปารีสก็แสนจะโรแมนติก สังคมที่นั่นมีเสรีในเรื่องเพศ นี่ผมเจอรางวัลใหญ่หรือนี่ เอ่อ...ไม่ร้องไห้?”

ชิดชบาฉุนขาด กางเล็บเข้าหาหมายจะฝากรอยไว้ที่แก้มเพื่อประจาน แต่เขาคว้ามือเธอไว้ “คุณได้มันไปอย่างซาตาน การที่ฉันเสียสาวให้ซาตานมันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรหรอก ฉันเป็นแม่ค้า ฉันไม่มานั่งเศร้าโศกกับสินค้าที่ฉันโก่งราคาจนเกินคุ้ม ดีเสียอีก ที่ฉันทำมาค้าคล่อง” ชิดชบาเกรี้ยวกราดทั้งที่ข้างในเจ็บปวด

“เป็นแม่ค้าน่ะ ไม่ใช่จู่ๆคุณเริ่มค้าขายก็รู้เล่ห์เหลี่ยมของการค้า เสียดายนะ พ่อคุณน่าจะอบรมลูกสาวให้เป็นนักธุรกิจ ค้าขายน่ะ มันมีกำไร ขาดทุนนะ”

“หมายความว่าอย่างไร ขาดทุน” ชิดชบาสะบัดมือ หลุด พยายามพันผ้าห่มให้คลุมรอบตัว

“หนึ่งปีที่เราต้องอยู่ร่วมกันนี่ ผมต้องใช้สินค้าของผมคุ้มแน่ คุณแน่ใจได้ยังไงว่าคุณจะไม่ท้อง” ปฐวีเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของเธอก็ยิ้มสะใจ หันหลังเดินไปเปิดประตูเจอโสมสุภางค์ยืนอยู่ ต่างฝ่ายต่างชะงัก เธอมองข้ามไหล่เขาไปเห็นสภาพของชิดชบา ทนดูไม่ได้ หันหลังก้าวฉับๆลงบันไดโดยมีปฐวีเดินตามสีหน้าไม่พอใจ พลางต่อว่าว่ามาที่นี่ทำไม เราพูดกันรู้เรื่องแล้วไม่ใช่หรือว่าเธอควรจะอยู่ในที่ที่ควรอยู่ โสมสุภางค์ยังช็อกกับภาพที่เห็นเมื่อครู่ ได้แต่อึกอัก ปฐวีเห็นสีหน้าเธอไม่สู้ดีนักเข้ามาโอบไหล่ ปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“มันคือการทำธุรกิจ ผมบอกคุณแล้วไงว่าผมจะหยุดฝันร้ายให้ได้ ผมจะมีชีวิตกับฝันร้ายตลอดไปไม่ได้ถ้าเราจะแต่งงานกัน”

“จริงหรือคะวี เราจะได้แต่งงานกันจริงๆหรือคะ” โสมสุภางค์สีหน้าดีขึ้นทันตา ธวัชพงษ์ยืนด้อมๆมองๆอยู่ที่ประตู ปฐวีหันไปเห็น เอ็ดลั่นว่านั่นใคร พอรู้ว่าเป็นนักข่าวไล่ตะเพิดไปให้พ้น ไม่อย่างนั้นจะเรียกตำรวจ โสมสุภางค์ขอร้องให้เขาใจเย็นๆก่อน ปฐวีไม่เย็นด้วย ตะโกนไล่ธวัชพงษ์อีกครั้งหนึ่ง

นักข่าวหนุ่มเห็นท่าไม่ดี รีบถอยออกมา เธอตำหนิคู่หมั้นหนุ่ม ทำไมถึงไปพูดกับนักข่าวแบบนั้น เกิดเขาไม่พอใจขึ้นมาจะยุ่ง

“เชิญ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าสังคมนี้จะเขียนถึงผมยังไง”...

ทางด้านชิดชบานั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่บนเตียงนอนด้วยความคั่งแค้น ตั้งใจมั่นจะต้องฆ่าปฐวีให้ได้...

บรรยากาศในห้องประชุมเป็นอย่างที่หม่อมจรัสเรืองพูดไว้ไม่มีผิดเพี้ยน เหล่าคุณหญิงคุณนายพากันนินทาเรื่องปฐวีเอาตัวชิดชบามาเป็นนางบำเรอกันสนุกปาก เถาว์เครือเครียดจัดกำหูกระเป๋าถือแน่นจนเส้นขึ้น หม่อมจรัสเรืองพยายามส่งสายตาปรามเหล่าคุณหญิงคุณนายที่ปากอยู่ ไม่สุข แต่พวกนั้นไม่สนใจ เถาว์เครือทนไม่ไหวต้องลุกหนี พวกคุณหญิงคุณนายมองตามสะใจ

ooooooo

ในเวลาต่อมา ขณะปฐวีออกจากออฟฟิศไปขึ้นรถที่จอดอยู่ ชัยยงค์เดินนำชัยญาและถกลเข้ามาทัก พวกตนกลับมาช้าไป แต่ไม่ถือสาที่เขาตัดหน้าเรื่องชิดชงค์ ขอแค่โอกาสล้างตา แล้วตนจะส่งเทียบเชิญมาให้

“ไม่ต้อง ผมคงจะต้องพักร้อนสักระยะ เกมสุดท้ายของผม ทำให้ผมเหนื่อย ข้อสำคัญ ผมยังเสวยสุขกับชัยชนะของผมไม่อิ่ม” ปฐวียิ้มเย้ย ก่อนจะขึ้นรถขับออกไป ชัยญามองตามไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร

“เขาหมายถึง ลูกสาวของคุณชิดชงค์” ชัยยงค์ขบกรามแน่นด้วยความแค้น...

ฝ่ายชิดชบาขับรถใจลอยมาตามถนน เห็นคลินิกสูตินารีแพทย์อยู่เบื้องหน้า หวนคิดถึงคำพูดของปฐวีที่ว่าเธออาจจะท้องกับเขาก็ได้ ตัดสินใจเข้าไปปรึกษาหมอด้วยสีหน้าหวั่นวิตกว่าจะคุมกำเนิดอย่างไร หมอแนะนำให้ใช้วิธีกินยาคุม จนกว่าเธอต้องการจะมีลูก...

เถาว์เครือกลับถึงบ้านด้วยอาการหงุดหงิดบ่นกับโสมสุภางค์ว่าไม่น่าไปร่วมประชุมวันนี้เลย มีแต่คนเม้าท์เรื่องปฐวี ถามว่าสิ่งที่เขาทำบาปไหม โสมสุภางค์ เครียดจัด โรคหัวใจกำเริบ แน่นหน้าอกซวนเซจะล้ม เถาว์เครือต้องประคองลูกไปนอนที่โซฟา พร้อมกับตะโกนเรียกคนรับใช้

“นังแหวน ยาคุณโสมสุภางค์อยู่ไหน เอายามาเร็วๆ”...

ขณะที่โสมสุภางค์ถูกโรคหัวใจรุมเร้า ชิดชบาที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ถอยรถไม่ทันดูทาง ชนกับรถของอรุณณรงค์ที่กำลังถอยเช่นกัน เขารีบลงมาขอโทษ พอเห็นหน้ากันชัดๆต่างก็จำกันได้ ชิดชบาโทษตัวเองที่ขับรถไม่ดี ในเมื่อไม่มีใครเป็นอะไร ต่างคนต่างซ่อมก็แล้วกัน แล้วทำท่าจะกลับขึ้นรถ
“เดี๋ยวก่อนครับ เอ่อ วันนั้นคุณเจ็บที่ไหนหรือเปล่า”

“เปล่าค่ะ ฉันต้องไปแล้ว” ชิดชบาตัดบทขยับจะขึ้นรถ อรุณณรงค์ยื่นนามบัตรให้ หากมีอะไรเสียหายจะให้เขาชดใช้ โทร.ได้ทุกเมื่อ “เอ่อ...ขอโทษครับ ผมยังไม่รู้จักคุณเลย”

“ฉันชื่อชิดชบาค่ะ” พูดจบ หญิงสาวขับรถออกไป จากนั้นไม่นาน ชิดชบาแวะไปหาตลับนาคที่บ้านสวน การมาครั้งนี้ของเธอทำให้ได้รู้เรื่องราวในอดีตตั้งแต่สมัยที่เธอยังไม่เกิดว่าชิดชงค์เคยโกงเถ้าแก่โรงสีซึ่งเป็นเพื่อนเก่าหมดเนื้อหมดตัว จนต้องผูกคอตายเหมือนอย่างที่พ่อของเธอยิงตัวตาย ชิดชบาสีหน้าหวาดหวั่น ไม่คาดคิดมาก่อนว่าพ่อตัวเองจะทำเรื่องแบบนั้น หรือนี่เป็นเวรเป็นกรรมที่ท่านต้องชดใช้...

หม่อมจรัสเรืองกำลังดื่มน้ำชายามบ่ายอยู่ที่สนามหญ้าหน้าวังของตัวเอง ตอนที่อรุณณรงค์ขับรถท้ายบุบแล่นเข้ามาจอด ท่านร้องถามลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่เดินเข้ามาหาว่ารถไปโดนอะไรมา เขาถอยชนกับรถอีกคัน ดีที่เจ้าทุกข์ไม่เอาเรื่อง รถของอีกฝ่ายก็บุบเช่นกัน หม่อมจรัสเรืองอดแปลกใจไม่ได้ที่ไม่มีเรื่องมีราวกัน คนสมัยนี้แค่มองหน้ากันก็ยิงกันตายแล้ว อรุณณรงค์ เองก็แปลกใจเช่นกัน

“คู่กรณีคงคิดว่าฟาดเคราะห์ไป คนบางคนก็เหน็ดเหนื่อยกับชีวิตจนไม่อยากเอาเรื่องหยุมหยิมมาแบกให้หนัก เราเองก็นึกว่าฟาดเคราะห์แล้วกัน กลับมาเหนื่อยๆ...ผกา ไปหาอะไรเย็นๆมาให้คุณชายเอี่ยว เร็วๆ”

ผกาสาวใช้ของวังรีบไปปฏิบัติตามคำสั่ง อรุณณรงค์ ทรุดตัวลงนั่งข้างๆหม่อมแม่ บอกว่าเจอผู้หญิงที่ขับรถเฉี่ยวแล้ว เธอชื่อชิดชบา

ooooooo

คนที่อรุณณรงค์พูดถึงเพิ่งเลี้ยวรถเข้ามาจอดในบ้าน ปฐวีรอท่าอยู่ก่อนแล้ว เสียงเข้มใส่ไปไหนมา

“ก็ยังดีที่กลับมาทันดูพระอาทิตย์ตกดิน แล้วก็พร้อมจะปฏิบัติหน้าที่นางบำเรอ...รถไปโดนอะไรมา”

ชิดชบายียวน เห็นอยู่แล้วว่าถูกชนท้าย ยังจะมาถามอีก ปฐวีซักว่าเรียกประกันหรือยัง เธอไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรต้องเรียกให้รถติด แค่อุบัติเหตุนิดหน่อยเลิกแล้วต่อกันก็จบ ปฐวีแดกดันว่าพูดง่ายดี

“ค่ะ ชีวิตมันยุ่งยากสับสนมากพอแล้ว ต่อไปนี้อะไรที่มันมักง่าย ฉันจะทำสิ่งนั้น”

“เยี่ยม หวังว่าคุณคงรู้จักเลือกทำชุ่ยๆเป็นบางกรณีนะ เพราะเมื่อผมประมูลซื้อคุณมาแล้ว ผมต้องถือสิทธิ์การเป็นเจ้าของ” พูดจบปฐวีกระชากเธอมาชิดตัว “อย่าลืมความจริงในข้อนี้ก็แล้วกัน คุณชิดชบา”

ทั้งคู่ไม่ล่วงรู้เลยว่าธวัชพงษ์แอบมองอยู่หน้าประตูรั้วด้วยความสงสัย ชิดชบาดันตัวปฐวีออกห่างแล้วเดินหนีขึ้นห้อง เขาตามติดมาถึงในห้อง เพื่อทวงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของในตัวเธอ หญิงสาวถอยกรูดจนไปติดผนัง เขาตามเข้ามาเอามือเท้าผนังกันไม่ให้หนี ก่อนจะก้มลงจูบ เธอได้แต่หลับตากล้ำกลืนความเจ็บปวด และความขื่นขมเอาไว้...

โสมสุภางค์อยากให้ปฐวีเลิกฝันร้าย จึงขอร้องให้แพรวา จิตแพทย์ซึ่งเป็นเพื่อนกันช่วยเหลือ เล่าเรื่องที่เขาฝันร้ายเกี่ยวกับความตายของพ่อของเขาให้ฟัง ความฝันซ้ำซากนั้น ทำให้เขาไม่มีความสุข ต้องสะดุ้งผวามาหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าเขาเป็นบ้าหรือเปล่า แพรวายังตอบอะไรไม่ได้ เพราะขึ้นกับปัจจัยหลายอย่างในชีวิต

“คุณปฐวีของเธอ เขามีความเป็นมาในชีวิตยังไง”

“ฉันก็ไม่รู้ เพราะยังงี้แหละ ฉันถึงต้องขอความช่วยเหลือจากเธอ ฉันกับปฐวีรักกัน เรากำลังจะแต่งงานกัน

แต่ฉันก็ไม่รู้เรื่องราวในชีวิตของเขาเลย”

“โสมสุภางค์ คนจะฝันร้ายซ้ำซากมันต้องมีเหตุผลนะ มันอาจจะเกี่ยวเนื่องกับอดีตของเขาก็ได้”

“ช่วยเขาด้วย ฉันรักเขา ฉันอยากแต่งงานกับเขาแล้วอยู่กับเขาไปจนตายจาก เธอต้องช่วยเขานะ”...

ขณะที่โสมสุภางค์พยายามหาทางช่วยเหลือคนรักของตัวเอง ธวัชพงษ์มองซ้ายมองขวาเห็นปลอดคน เปิดประตูรั้วบานเล็กของบ้านปฐวี ค่อยๆคลานหลบสายตาไปตามพื้นหญ้า แต่โชคไม่ดีเจอสมควร คนสวนของปฐวีเสียก่อน เขารู้ทันทีว่าผู้บุกรุกเป็นนักข่าวที่มาหาข่าวเจ้านายของตัวเอง เชิญให้ออกไป แล้วขยับเสียมในมือเป็นเชิงขู่ ธวัชพงษ์รีบถอยออกมาแทบไม่ทัน

บุญถิ่นมาทันเห็นหลังเขาไวๆซักสมควรว่าเขามาหาใคร

“มาหาใครก็ช่างเถอะ เจ้านายสั่งไว้ไม่ให้คนแปลกหน้าเข้ามายุ่มย่ามไม่เว้นแม้แต่พวกนักข่าว”...

ชิดชบารอจนปฐวีหลับ แอบเข้าร้องไห้ในห้องน้ำอย่างเงียบเสียงที่สุด ปลอบใจตัวเองทั้งน้ำตา

“อดทนไว้นะอดทนไว้ เวลาแค่หนึ่งปี...หนึ่งปีเท่านั้น แค่หนึ่งปี”

ooooooo

ชิดชบารอให้ปฐวีไปทำงานแล้วจึงลงมาที่ห้องโถง จำเรียงนำกาแฟมาเสิร์ฟให้ ทำท่าจะออกไป เธอเรียกไว้ ถามว่ามีใครอยู่ในบ้านนี้บ้าง ได้ความว่ามีบุญถิ่นแม่ครัวกับสมควรคนสวนคนของปฐวีเท่านั้น

“แล้วบ้านหลังนี้ล่ะ”

จำเรียงรายงานว่าเปิดใช้อยู่ไม่กี่ห้อง มีห้องโถง ห้องกินข้าว ห้องสมุด ห้องนอนของชิดชบา แล้วก็ห้องงานปั้น นอกนั้นล็อกกุญแจไว้ กุญแจอยู่ที่บุญถิ่นหนึ่งชุด ส่วนอีกชุดหนึ่งอยู่ที่เฉวียง ชิดชบาสั่งให้เธอไปบอกบุญถิ่น ว่าขอกุญแจห้องนอนเก่าของพ่อ ตนอยากเห็นห้องนั้น

ครู่ต่อมา ชิดชบาไขกุญแจเข้ามาในห้องนอนของพ่อ กวาดตามองไปรอบๆด้วยสีหน้าเศร้าหมอง เธออยากอยู่ในห้องตามลำพัง จึงบอกจำเรียงว่ามีอะไรต้องทำก็ให้ไปทำ...

ระหว่างที่ชิดชบาเดินดูข้าวของในห้องของพ่อด้วยความอาลัยอาวรณ์ ปฐวีบรรลุข้อตกลงทางธุรกิจกับลูกค้าชาวต่างชาติแล้วจับมือกัน ก่อนจะแยกย้ายกันไป...
ทางฝ่ายชัยยงค์สั่งให้คนขับรถจอดรถที่หน้าบ้านของปฐวี บ่นให้ลูกชายฟังว่าเสียดายที่บ้านหลังนี้หลุดมือเราไป ที่ดินนับสิบไร่ใจกลางกรุงเทพฯ ไม่ได้มีมูลค่าแค่ร้อยล้านบาทเท่านั้น แต่มันทำประโยชน์ได้อีกมากมายนัก ชัยญาขอให้พ่อเลิกคิดเรื่องบ้านหลังนี้ได้แล้ว เราควรจะไปกันต่อดีกว่า

“ฉันตัองหาทางเอามันมาเป็นของฉันให้ได้”

ชัยยงค์สีหน้ามุ่งมั่น...

เถาว์เครือลงมาเห็นลูกสาวตั้งหน้าตั้งตาโทร.หาปฐวี ไม่วายเหน็บแนม ที่ติดต่อเขาไม่ได้ อาจเป็นเพราะเขากำลังอยู่กับนางบำเรอก็เลยปิดมือถือ โสมสุภางค์เถียงแทนคู่หมั้นว่านี่เวลางาน เขาไม่ทิ้งงานแบบนั้นแน่

“รู้ว่าเขาทำงาน จะโทร.ถึงเขาทำไมล่ะ”

โสมสุภางค์จะถามว่าเขาว่างเมื่อไหร่ อยากให้ไปพบแพรวาซึ่งเป็นจิตแพทย์เผื่อจะช่วยเรื่องฝันร้ายของเขา เถาว์เครือไม่คิดว่าเขาจะยอมไปพบจิตแพทย์ เพราะกลัวใครๆจะหาว่าเป็นบ้า เพราะสิ่งที่เขาทำมันเป็นเรื่องบ้าสุดๆ พอเหลือบเห็นสีหน้าไม่สู้ดีนักของลูกสาว รีบเปลี่ยนเรื่องพูด

“ไป ไม่มีอะไรทำก็ไปร้านเพชรกับแม่แม่จะเอาต่างหูไปซ่อม ดีกว่าผุดลุกผุดนั่ง เดี๋ยวก็พานต้องพบหมอโรคจิต แทนที่จะเป็นโรคหัวใจอย่างเดียว” เถาว์เครือเห็นลูกลังเล รีบคะยั้นคะยอ “น่ะ เผื่อนอกบ้านจะมีความหวังใหม่ ไม่ใช่หวังอยู่กับผู้ชายคนเดียวอย่างปฐวี”...

ให้บังเอิญเหลือเกินที่โสมสุภางค์กับเถาว์เครือมาร้านเพชรร้านเดียวกับหม่อมจรัสเรืองและอรุณณรงค์มา หม่อมจรัสเรืองเข้ามาทักทายสองแม่ลูกอย่างสนิทสนม ก่อนจะถามโสมสุภางค์ว่าเมื่อไหร่จะแต่งงาน เธอคงยังไม่แต่งเร็วๆนี้ หม่อมจรัสเรืองไม่เข้าใจจะรออีกทำไมในเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว อรุณณรงค์เห็นเธอได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ รู้สึกเห็นใจ จึงช่วยเบี่ยงเบนความสนใจ ชวนเธอกับแม่ไปหาอะไรกินกัน ถ้าไม่มีธุระที่ไหน

“ค่ะ ไม่มี ฉันมาเป็นเพื่อนคุณแม่ค่ะ”

“งั้นขอให้ผมได้รับเกียรติจากคุณโสมสุภางค์นะครับ”

โสมสุภางค์มองสบตาแม่ซึ่งเริ่มจะถูกใจอรุณณรงค์ จึงส่งสายตาเป็นทำนองให้ลูกรับคำเชิญ

ooooooo

เมื่อได้อยู่กันตามลำพังแม่ลูก เถาว์เครือพยายามยุให้โสมสุภางค์สนใจอรุณณรงค์ที่พร้อมทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ อีกทั้งเป็นถึงคุณชาย นี่ถ้าได้แต่งงานกันคงจะดีไม่น้อย โสมสุภางค์ติง การแต่งงานไม่สามารถจับยัดให้กันได้ ท่านทำแน่หากลูกตัวเปล่า เพราะท่านสนิทกับหม่อมจรัสเรือง

“มันสายแล้วล่ะค่ะ หนูมีวีแล้ว”

“ใช่ สายไปแล้ว แม่ถึงได้เสียดายคุณชายอรุณณรงค์ แม่พบเขาช้าไปหน่อย ก็ไม่รู้ว่าอะไรมาปิดตาแม่ แม่ถึงไม่ได้คิดเรื่องอนาคตของหนู”

โสมสุภางค์สวนทันทีว่าถูกเงินของปฐวีปิดตาไว้ เถาว์เครือโกรธ ห้ามเธอพูดประชดแบบนี้อีก คนเป็นแม่ ย่อมต้องเห็นแก่อนาคตที่ดีของลูกก่อนเรื่องอื่น ใครจะผลักให้ลูกตัวเองไปกัดก้อนเกลือกินกับผู้ชายที่มีแต่ตัว

“แต่เดี๋ยวนี้แม่คิดได้แล้ว เงินน่ะมันยังไม่พอ ต้องมีเกียรติยศด้วย ถ้าหนูแต่งงานกับคุณชายอรุณณรงค์ อนาคตอาจเป็นถึงคุณหญิง เป็นเกียรติกับวงศ์ตระกูล
กับแม่ ปฐวีน่ะ หมั้นก็ไม่ได้หมั้น ก็แค่หมายกันไว้ กี่ปีแล้วล่ะ แล้วตอนนี้เขามีเรื่องนางบำเรอหึ่งไปทั้งวงสังคม คิดดู แม่จะต้องตอบคำถามของนังพวกไฮโซยังไง”...

ขณะที่ชิดชบานั่งซึมอยู่ในห้องงานปั้น ได้ยินเสียงสตาร์ตรถ ลุกไปดูที่หน้าต่างเห็นสมควรกับจำเรียงกำลังกำกับให้ช่างจัดการกับรถคันที่เธอขับชนเมื่อวาน ร้องถามว่าจะเอารถไปไหน ได้ความว่าปฐวีสั่งให้ช่างมารับรถไปซ่อม เธอร้องห้ามลั่น

“ไม่ต้องช่อม เพราะฉันจะชนอีก”...

ดึกแล้ว ปฐวีเพิ่งเคลียร์งานเสร็จ เปิดประตูห้องทำงานออกมา เป็นจังหวะเดียวกับโสมสุภางค์โทร.เข้าเครื่องของออฟฟิศพอดี เลขาฯของเขารับสายแล้วยื่นให้เจ้านายซึ่งเดินผ่านไปหน้าตาเฉย เธอถึงกับหน้าเหรอก่อนจะบอกปลายสายว่าเขากลับไปแล้ว โสมสุภางค์วางสายด้วยสีหน้าหวาดระแวง เถาว์เครือไม่วายถามยุแยงว่าตกลงเขากลับคอนโดฯที่พักหรือกลับไปหานางบำเรอ โสมสุภางค์อึกอักไม่รู้จะตอบอย่างไร

“จะทำอะไรก็ทำเสียเถอะ จะจับตัวปฐวีไปหาหมอโรคจิตหรือจะจับเขาแต่งงาน ทำให้มันเสร็จสักเรื่อง”

โสมสุภางค์รับคำสีหน้าเคร่งเครียด...กว่าปฐวีจะถึงบ้านก็เกือบเที่ยงคืน สมควรรอเปิดประตูรั้วให้พร้อมกับรายงานว่าวันนี้รถที่ถูกชนไม่ได้เอาไปซ่อม เนื่องจากชิดชบาไล่ช่างกลับ บอกว่าไม่ต้องซ่อมเพราะจะขับชนอีก ปฐวีขบกรามแน่นด้วยความโกรธ เงยหน้ามองห้องของชิดชบาที่เพิ่งปิดไฟ ยิ้มแสยะก่อนจะตรงไปที่ห้องนั้น แต่ประตูล็อก ทั้งร้องเรียกทั้งทุบประตูให้เปิดรับ ชิดชบากลับเงียบไม่ยอมขานตอบ

“ผมรู้นะว่าคุณยังไม่หลับ ผมเห็นไฟในห้องคุณเพิ่งปิดเมื่อครู่นี้เอง...ชิดชบา”

คนถูกเรียกนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงนอน มองมายังประตูห้องด้วยแววตาชิงชัง พึมพำไล่ให้เขาไปลงนรกแล้วทิ้งตัวลงนอนไม่สนใจ ปฐวีต้องการเอาชนะเธอให้ได้ ลงไปเอากุญแจไขห้องที่บุญถิ่นถึงเรือนคนรับใช้ เมื่อปฐวีเปิดห้องเข้าไป กลับพบชิดชบานอนหลับสนิทไปแล้ว สีหน้าอ่อนโยนไร้เดียงสาของเธอ ทำให้ความโกรธเกรี้ยวของเขาเมื่อครู่มลายไปสิ้น เอื้อมมือจะไปจับตัวเธอ แต่ยั้งไว้ทันก่อนจะถอยออกมา

ooooooo

เป็นครั้งแรกที่ปฐวีกับชิดชบากินอาหารเช้าด้วยกัน เขาไม่วายต่อว่าว่าทีหน้าทีหลังอย่าล็อกประตูห้องอีก ถ้าเขามานอนที่นี่ก็หมายถึงเขาต้องการจะใช้บริการของนางบำเรอ เธอพยายามข่มความขมขื่นใจแล้วพูดจายั่วประสาทจนเขาโกรธ กระแทกถ้วยกาแฟอย่างแรง ถามเสียงเข้มว่าวันนี้จะออกไปไหนหรือเปล่า

“ฉันจะออกไปตอนบ่ายๆ ไปเดินบริหารเส้นเอ็นรับแสงอาทิตย์ หน้าที่ของนางบำเรอไม่ได้ให้บริการแค่บนเตียงเท่านั้นนะคะ เสื้อผ้าหน้าผมต้องพร้อม เผื่อมีภาคสนาม เป็นต้นว่า...”

“ใช่...คุณเตรียมทำใจไว้ก็ดีแล้ว เพราะผมมีงานภาคสนามให้คุณทำ”

“พบปะกับนักธุรกิจใหญ่ ต้องเอานางบำเรอไปเสนอหน้าด้วยเพื่อแสดงฐานะทางสังคมกับสมรรถภาพทางเพศ ข้อสำคัญคุณได้ประจานฉัน”

“ผมลงโทษคุณที่คุณล็อกประตูเมื่อคืนนี้ต่างหากล่ะ” ปฐวียิ้มเย้ย ก่อนจะลุกออกไป...

แทนที่ปฐวีจะได้ประจานชิดชบาต่อหน้าคู่ค้าชาวจีนที่เขาพามาเลี้ยงข้าว เธอกลับเป็นฝ่ายฉีกหน้าเขา กินอาหารด้วยกิริยามูมมามสุดๆ จนก้างปลาติดคอถึงกับตาเหลือก ลงไปชักดิ้นในอ้อมแขนของปฐวีซึ่งร้องเอะอะให้บริกรช่วยเรียกรถพยาบาลให้ ครู่ต่อมา ชิดชบาถูกนำตัวส่งห้องฉุกเฉิน หมอต้องคีบก้างปลาชิ้นใหญ่ออกจากคอเธอ แม้จะหน้าตาอิดโรย แต่ชิดชบายังมีแรงแกล้งเรอเอิ๊กอ๊ากต่อหน้าหมอกับพยาบาล ปฐวีขบกรามแน่นทั้งโกรธทั้งอาย ทันทีที่กลับถึงบ้านเขาเล่นงานชิดชบายกใหญ่

“ทำลงไปได้ไม่รู้จักอับอายขายหน้าคนต่างชาติ รู้ไหมว่าคู่ค้าของผมจะพูดถึงคุณยังไง”

“เขาจะพูดถึงฉันยังไง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าฉันชื่ออะไร แต่เขารู้ว่าคุณชื่อคุณปฐวี นักธุรกิจใหญ่ มีบริษัทส่งออกนำเข้า มีบริษัทการเงิน แล้วก็มีหุ้นในตลาด หลักทรัพย์” ชิดชบายิ้มกวนแล้วพูดด้วยสำเนียงไทยปนจีนล้อเลียนคู่ค้าของปฐวีว่า คู่ค้าของเขาคงจะพูดว่าเขาไร้ รสนิยม เสียแรงที่เป็นนักธุรกิจใหญ่ กลับมีนางบำเรอเหมือนผู้หญิงหยำฉ่า ปฐวีเห็นจำเรียง บุญถิ่นและสมควรอยู่แถวนั้น กระชากชิดชบาตัวปลิวขึ้นบันได เธอทั้งดิ้นทั้งถีบให้เขาปล่อยแต่ไร้ผล เขาลากเธอมาถึงห้องนอน เธอสะบัดมือเขาออก หนีเข้าห้องน้ำล็อกประตู

“ใช่...คุณพูดถูก แทนที่ผมจะประจานคุณ คุณกลับเป็นฝ่ายประจานผม ถามหน่อยเอาอะไรคิดคิดออกมาได้อย่างไร ทำลงไปได้อย่างไรเนี่ย” ปฐวีโกรธจัด ขณะที่ ชิดชบานั่งพิงประตูห้องน้ำหัวเราะเบาๆสะใจ...

วันมะรืนจะเป็นวันจัดงานแซยิดหม่อมจรัสเรือง เถาว์เครือตั้งใจจะพาโสมสุภางค์ไปงานนี้ด้วยเผื่อจะได้ทำความคุ้นเคยกับอรุณณรงค์ แต่เธอกลับจะชวนปฐวีไปด้วย เพราะอยากให้หม่อมจรัสเรืองเห็นว่าเธอกับเขายังรักกันดีอยู่ ถึงเราจะยังไม่แต่งงานกัน เถาว์เครือไม่ขัดข้อง แต่เขาจะมีเวลาไปงานหรือ

“เห็นเขาไม่เคยว่าง ติดต่อเขาได้หรือยังล่ะ หรือว่าเขายังเพลินกับอาหารว่างอยู่”

“ถ้าหนูบอกเขาต้องไปค่ะ คุณแม่ไม่ต้องห่วง คนอย่างปฐวีเขาต้องทำหน้าที่คู่หมายให้ดีที่สุดค่ะ” พูดจบ โสมสุภางค์เดินหน้าตึงออกไป เถาว์เครือมองตามอดเป็นห่วงลูกสาวตัวเองไม่ได้

ooooooo

ในเมื่อโทร.ติดต่อปฐวีไม่ได้ โสมสุภางค์จึงบุกไปที่ออฟฟิศของเขาตอนใกล้เลิกงาน ตัดพ้อว่าหายไปไหนมา ไม่โทร.หากันมาสามวันแล้ว เขางานยุ่ง มีลูกค้าจากเมืองนอกที่ต้องคุยธุรกิจด้วย ต้องขอโทษที่ไม่ได้โทร.หา อยู่ๆโสมสุภางค์ก็โพล่งขึ้นว่าไปนอนกับชิดชบามา หรือเปล่า โดนถามซึ่งหน้าปฐวีถึงกับอึ้ง

“ถ้าตอบว่าไม่ได้ไป ฉันยิ่งสงสารคุณนะ แล้วยังงี้คุณจะใช้สินค้าชิ้นนี้คุ้มหรือ”

ปฐวีดึงเธอมากอด ชวนไปกินข้าวด้วยกัน เพื่อชดเชยที่หายหน้าไปจากชีวิตเธอ แล้วหอมผมเธอเบาๆ...

หลังจากอิ่มอร่อยกับมื้อค่ำแสนจะโรแมนติก โสมสุภางค์บอกเขาถึงเรื่องที่จะพาไปหาแพรวาจิตแพทย์ที่จะช่วยรักษาอาการฝันร้ายของเขาให้หายขาด คุยอวดว่าเพื่อนคนนี้ของเธอเก่งมาก

“นี่คุณคิดว่าผมเป็นบ้าหรือ” แม้น้ำเสียงจะราบเรียบแต่แววตาที่แฝงด้วยความไม่พอใจของปฐวีทำให้โสมสุภางค์ถึงกับไปไม่เป็น จากนั้นไม่นาน ปฐวีขับรถเข้ามาส่งโสมสุภางค์ที่หน้าบ้านด้วยสีหน้านิ่งเฉย เธอรีบออกตัว ไม่ได้คิดว่าเขาเป็นบ้า คิดแค่เขาเป็นผู้ชายที่เธอรัก ต่อให้เขาหมดตัว หรือแม้แต่แขนขาขาด เธอก็ยังรักเขาไม่เปลี่ยนแปลง ปฐวีเชยคางเธอ ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

“ผมรู้ ไป...ไปนอนเถอะ เราต้องมีชีวิตที่ดีรออยู่ ขอเวลาให้ผมสักพักนะ”

โสมสุภางค์จูบที่ฝ่ามือของเขาก่อนจะลงจากรถเดินเข้าตัวตึก พอเธอลับสายตา สีหน้าของปฐวีเปลี่ยนจากอ่อนโยนเป็นเคร่งขรึม

ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น