วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 4


หลังจากจัดการงานที่สถานทูตไทย ณ กรุงปารีสเรียบร้อย อรุณณรงค์นัดดื่มกาแฟกับอุราศรี ราชนิกุลสาวสวยซึ่งกำลังจะกลับเมืองไทยหลังจากอยู่ที่ปารีสมานาน เธอบ่นว่าอยากจะกลับไปเริ่มต้นใหม่ที่นั่น ด้วยเกรงจะเริ่มต้นใหม่ไม่ทัน อรุณณรงค์ เชื่อว่าคนมีความรู้ความสามารถอย่างเธอ ใช้เวลาไม่นานก็ปรับตัวได้

“เหมือนคุณชายเอี่ยวใช่ไหมคะ” อุราศรีมองผู้ชายตรงหน้าตัวเองด้วยสายตาชื่นชม

“ผมก็ยังไม่รู้ว่าจะอยู่เมืองไทยได้อีกนานแค่ไหน ท่านผู้ใหญ่ท่านเปรยๆว่าจะให้ผมไปเป็นเลขาฯทูต น่าจะเป็นประเทศแถบเอเชีย”

“เอเชียก็ดีค่ะ ใกล้บ้าน งั้นมื้อนี้ขออนุญาตให้ฉันเป็นเจ้าภาพเลี้ยงฉลองล่วงหน้าได้ไหมคะ” พูดจบ อุราศรียกแก้วกาแฟขึ้นชนกับแก้วกาแฟของอรุณณรงค์...

อีกมุมหนึ่งของเมือง ปฐวีแอบตามชิดชบาที่ออกมาเดินทอดอารมณ์ด้วยท่าทางหงอยๆ เธอเห็นเขาตามมาเพียงลำพังไม่เห็นคู่หมั้นคู่หมายของเขามาด้วยก็ถามหา ได้ความว่าโสมสุภางค์ยังนอนพักอยู่ หลังจากต้องเดินทางอย่างเหน็ดเหนื่อยมาเกือบ 15 ชั่วโมง

“คุณเองก็น่าจะพักบ้างนะ คุณหิวหรือยังชิดชบา”

“ยังค่ะ เราต้องรอคุณโสมสุภางค์ไม่ใช่หรือ”

“งั้นอย่าเพิ่งกลับโรงแรมเลย เดินไปเรื่อยๆ ปารีส เมืองโรแมนติก เคยมีตำนานรักเกิดขึ้นมากมายที่นี่”

ชิดชบาไม่โรแมนติกด้วย เพราะไม่ใช่นักสร้างตำนาน ปฐวีแขวะอาจเป็นเพราะคนที่เดินข้างๆเธอไม่ใช่ผู้ชายแบบที่น่าสร้างตำนานรักเชยๆด้วย หญิงสาวไม่พูดอะไรได้แต่มองเขาไม่ค่อยจะชอบใจ...

พอถึงเวลาจ่ายเงินค่าอาหารเช้า อรุณณรงค์กลับจะแย่งอุราศรีจ่าย เธอต้องยืนกรานขอเป็นเจ้าภาพมื้อนี้เอง เขาถึงได้ยอมให้เธอเลี้ยง

ooooooo

อากาศหนาวยามเช้าของปารีส ทำให้ชิดชบาต้องเดินห่อไหล่กอดอก ปฐวีถอดเสื้อโค้ตมาคลุมให้อย่างเสียไม่ได้ เธอปฏิเสธทันทีว่าไม่ต้อง เขาไม่จำเป็นต้องรักษามารยาท เราแค่ทำธุรกิจร่วมกัน มารยาทเป็นแค่เรื่องปลีกย่อย เขาไม่วายแดกดันว่าเธอทำใจได้เร็วดี เขาคิดว่าเธอต้องใช้เวลาปลงนานกว่านี้เสียอีก

“ยังมีสายเลือดนักพนันของคุณพ่อหลงอยู่ในตัวฉันมากกว่าที่คุณคิด”

“ผมก็เป็นนักพนัน ถึงจะมีสายเลือดส่วนหนึ่งมาจากพ่อที่เป็นคนมองโลกในแง่บวก แต่เราก็คงจะไม่แตกต่างกันเท่าไหร่” น้ำเสียงเยาะๆของเขา ทำให้ชิดชบาหยุดกึก จ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง อยากรู้ว่ายังมีหนี้สินอะไรของพ่อของเธออีกที่เขายังไม่ได้บอก เธอจะได้จัดการให้ เผื่อจะหมดเวรหมดกรรมกันในชาติเดียว

“ผมก็บอกไม่ถูกว่าเราจะใช้หนี้กันหมดสิ้นในชาตินี้หรือชาติหน้า แต่ที่แน่ๆหนี้สินที่มีอยู่ คุณจะต้องเป็นคนชำระแทนคนที่ตายไปแล้ว”

ชิดชบาอดสงสัยไม่ได้ พ่อของเธอไปทำอะไรให้ปฐวีถึงได้จองเวรเอาเป็นเอาตายแบบนี้ เขาไม่ยอมเฉลยได้แต่บอกว่าสักวันหนึ่งเธอจะรู้ว่าสิ่งที่เขาทำกับเธอ ยังโหดเหี้ยมไม่ได้ครึ่งที่ชิดชงค์ทำไว้กับครอบครัวของเขา แล้วกระชากแขนเธอด้วยอารมณ์ที่เริ่มเดือดปุดๆ สั่งให้กลับกันได้แล้ว

“คุณอาจจะรู้สึกว่าคุณเหยียบโลกนี้ไว้ใต้รองเท้าของคุณ แต่อย่าทะนงไปนักเลยคุณปฐวี สัตว์สี่เท้ายังพลาดได้ นับประสาอะไรกับมนุษย์อย่างคุณกับฉันจะไม่พลาด” ชิดชบาจ้องเขาอย่างท้าทาย

“นักพนันที่ดีจะไม่พะวงถึงอนาคตเพราะยังมาไม่ถึงไว้ให้คุณรอดตลอดหนึ่งปีคุณค่อยหัวเราะให้ดังๆ”

ไม่นานนัก ปฐวีกับชิดชบามาถึงห้องอาหารของโรงแรมที่พัก เห็นโสมสุภางค์นั่งหน้าหงิกรออยู่ พลางตัดพ้อต่อว่านึกว่าต้องรอเขาทั้งวันเสียอีก เขาคิดว่าเธอยังหลับอยู่ ก็เลยออกไปเดินเล่น ชิดชบาไม่สนใจคู่รักงอนใส่กัน จัดแจงจะสั่งอาหารมากิน โสมสุภางค์ไม่อยากนั่งร่วมโต๊ะด้วย ดึงปฐวีออกมา เขาต้องเตือนว่าเราสองคนมาปารีสเพื่อหาความสุข อย่าทำลายมัน ขอให้คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นแค่เกม

“แล้วเกมนี้ใครจะแพ้ ใครจะชนะคะ”

ooooooo

แค่ติดสินบนด้วยส้มตำกับข้าวเหนียวไก่ย่างก็ทำให้ธวัชพงษ์รู้จากจำเรียงว่าปฐวีไปปารีสกับโสมสุภางค์โดยหนีบชิดชบาติดไปด้วย เขาต้องการจะตามไปสืบหาข้อมูลจึงขอให้หัวหน้ากอง บก.หาสปอนเซอร์ซื้อตั๋วเครื่องบินไปที่นั่นแลกกับการลงโฆษณา หัวหน้าไม่ยอมเพราะไม่ต้องการให้สกู๊ปข่าวนี้เป็นเมืองขึ้นของใคร

“ถ้าอย่างนั้นทำไมพี่ไม่หางบของโรงพิมพ์ซื้อตั๋วให้ผม”

“เพื่ออะไร”

“ข้อมูลสำคัญที่ผมสงสัยว่าคุณปฐวีเขาไปทำอะไรที่นั่น”...

ด้วยความกลัวชิดชบาจะแย่งปฐวีไปเป็นของตัว โสมสุภางค์จึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อข่มคู่อริ เอากระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงระยับที่ปฐวีเพิ่งถอยให้จากย่านการค้าหรูหราของปารีสมาอวด นอกจากชิดชบาจะไม่สนใจข้าวของนอกกายเหล่านั้น ยังพูดจาค่อนแคะให้เธอเจ็บใจแทบกระอักเป็นเลือด ตอกย้ำความแค้นที่มีต่อกันให้เพิ่มเป็นเท่าทวีคูณ...

ฝ่ายเถาว์เครือซึ่งอยู่ที่เมืองไทย เรียกแพรวามาพบที่บ้าน ขอให้ช่วยตามไปดูโสมสุภางค์ที่ไปปารีสกับปฐวีให้ที เนื่องจากไม่ไว้ใจว่าที่ลูกเขยซึ่งเมื่อก่อนก็ดูดี แต่ยิ่งนานวัน ยิ่งมีบางอย่างน่ากลัว

“เป็นต้นว่าอะไรบ้างคะ”

“ภูมิหลังของเขาน่ะสิ ไม่รู้เขาเป็นใคร ร่ำรวยมาได้อย่างไร แพรวา...แม่เป็นแม่นะ แม่ต้องห่วงลูก จะปล่อยลูกไปติดแร้วติดบ่วงได้อย่างไร เขาเป็นนักพนัน มีชื่อฉายเรื่องทำให้คนฆ่าตัวตาย และที่แม่กลัวมากก็คือ กลัวเขาจะเป็นนักค้ายา แม่ถึงขอร้องให้หนูตามโสมสุภางค์ไปปารีส”...

จากนั้นไม่นาน แพรวามาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ลากกระเป๋าเดินทางตรงไปยังบอร์ดตารางเวลาเที่ยวบิน เจอธวัชพงษ์ยืนอยู่หน้าบอร์ด ต่างฝ่ายต่างแปลกใจที่เจอกัน สักพักทั้งคู่มาเจอกันตรงช่องผู้โดยสารขาออกอีกครั้ง แพรวาต้องประหลาดใจเมื่อรู้ว่าธวัชพงษ์จะไปยังจุดหมายปลายทางเดียวกับเธอ

“คุณไปปารีสทำไม”

“คุณหมอไปทำไม ผมก็ไปแบบที่คุณหมอไป” คำพูดของธวัชพงษ์ทำให้แพรวาแปลกใจเป็นครั้งที่สาม...

ณ บ้านพักของอุราศรีชานกรุงปารีส เจ้าของบ้านกำลังทำส้มตำเลี้ยงมื้อกลางวันให้นักเรียนไทยที่นั่น โดยมีอรุณณรงค์คอยเป็นลูกมืออยู่ใกล้ๆ

“เราจะมีงานเลี้ยงเล็กๆกันพรุ่งนี้ คุณชายเอี่ยวมาด้วยนะคะ เจ้าภาพเขายืมสถานที่ที่นี่จัดเลี้ยงค่ะ เห็นว่ามีเพื่อนมาจากเมืองไทย”

“ครับ ผมว่าง แหมนี่ระดับมืออาชีพเลยนะครับ กลิ่นมาก่อน หน้าตาก็ไปวัด ถวายพระได้สบายๆ”

อุราศรีทำส้มตำบ่อยเพราะเพื่อนคนไทยที่มาอยู่ที่นี่แวะมาเป็นประจำ บางคนก็เอาของจากเมืองไทยมาฝากจนที่นี่ก็เลยกลายเป็นครัวไทยไปโดยปริยาย อรุณณรงค์เสียดายแทนคนไทยที่นี่ หากเธอไม่อยู่สักคนจะทำอย่างไรกัน เธอเปลี่ยนเรื่องคุยหน้าตาเฉย เสียดายที่ฤดูนี้ไม่มีหิมะ ไม่อย่างนั้นจะชวนเขาไปเล่นสกี แค่นี้เขาก็เกรงใจเธอจะแย่ที่กรุณาทำอาหารไทยเลี้ยง ทำให้เขาหายคิดถึงเมืองไทยไปเป็นกอง

“คิดถึงเมืองไทยหรือคนที่เมืองไทยคะ”

อรุณณรงค์คิดถึงชิดชบาขึ้นมาทันที

ooooooo

โสมสุภางค์เห็นชิดชบานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาฝรั่งเศสอยู่ที่ม้านั่งริมถนนใกล้โรงแรมที่พัก เข้าไปเยาะเย้ยว่าวันนี้ปฐวีจะพาเธอไปกินข้าวบ้านเพื่อน ซึ่งเป็นเศรษฐีโดยจะเลี้ยงอาหารไทยกัน

“แล้วเธอล่ะชิดชบา จะสับหลีกตัวเองอย่างไร”

“สับหลีก?...อ๋อไม่ยากหรอกค่ะ ฉันเคยเป็นนายสถานีเก่า ว่าแต่คุณปฐวีต้องการให้สับหลีกหรือว่าคุณเป็นฝ่ายต้องการ” ชิดชบาทำท่ารื่นเริงเต็มที่ โสมสุภางค์อยากรู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับการเป็นส่วนเกินในชีวิตของตนกับปฐวี เธอไม่รู้สึกอะไร ถือว่านี่คือการทำธุรกิจ เธอไม่เอาหัวใจมาทำธุรกิจ ใช้แต่ร่างกายอย่างเดียว

“ฉันก็เพิ่งได้ยิน ว่าหัวใจกับร่างกายมันแยกส่วนกันได้”

“สำหรับแม่ค้า...ต้องได้” พูดจบ ชิดชบามองโสมสุภางค์ด้วยสายตากร้าว ครู่ต่อมาชิดชบาเปิดประตูห้องพักของตัวเองเข้ามาด้วยความรู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดดูแคลนของโสมสุภางค์ แต่ต้องข่มอารมณ์เอาไว้เมื่อเห็นปฐวียืนอยู่ในห้อง เขาต้องการให้เธอไปงานเลี้ยงด้วย เธอไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องทำอย่างนั้น

“สำหรับผมน่ะจำเป็น ผมจะทิ้งคุณไว้คนเดียวได้อย่างไร”

“ถ้าจำเป็นต้องมีทั้งคู่หมายกับนางบำเรอขนาบข้างซ้ายขวาก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณจะได้อวดสันดานผู้ชายไทย ประกาศให้โลกรู้ว่าสันดานผู้ชายไทยชอบกดขี่ทางเพศ เห็นคนเพศแม่เป็นของเล่น” ชิดชบาหลอกด่า

“แค่ไป นี่เป็นคำสั่งของผม” สั่งเสร็จ ปฐวีออกจากห้องอย่างหัวเสีย ทันทีที่ประตูห้องปิด ท่าทีห้าวหาญของชิดชบาเมื่อครู่มลายไปสิ้น เธอทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างเหน็ดเหนื่อยใจ...

ที่สนามบิน ชาร์ล เดอ โกล ในกรุงปารีส แพรวา เดินออกมาหน้าสนามบินโดยมีธวัชพงษ์ตามประกบ เป็นเงาตามตัว เธอพยายามจะไล่เขาไปตามทางของเขาเอง แต่เขายืนยันเธอไปไหนเขาไปด้วยเนื่องจากเราสองคนมีที่หมายเดียวกัน แพรวางง ยังไม่ได้บอกเขาสักคำว่ามาที่นี่ด้วยเหตุผลกลใด

“ถ้าคุณหมอไม่ได้มาดูแลจิตใจคนไข้โรคจิต ก็มาดูแลคนไข้โรคหัวใจ”

“คุณนี่สมกับเป็นนักข่าวจริงๆนะ มีอะไรที่คุณอยากรู้แล้วไม่รู้ไม่ได้บ้าง” แพรวายอมรับว่าตัวเองต้องมาดูแลโสมสุภางค์และปฐวี ถ้าเขายอมให้เธอดูแลในฐานะคนไข้...

อรุณณรงค์ทั้งแปลกใจทั้งดีใจปนกันเมื่อพบว่าแขกคนไทยที่อุราศรีบอกว่ามางานเลี้ยงวันนี้คือปฐวี ชิดชบาและโสมสุภางค์นั่นเอง จากนั้นเจ้าภาพที่มายืมบ้านพักของ

อุราศรีจัดงานเลี้ยงต้อนรับก็พาปฐวีและโสมสุภางค์แยกไปคุยกันที่มุมหนึ่งของงาน อรุณณรงค์เดินไปหยิบเครื่องดื่มมาบริการชิดชบาและคอยดูแลไม่ห่าง สร้างความขุ่นเคืองใจให้ปฐวีเป็นอย่างมาก

“คุณชิดชบามีแผนเที่ยวที่ไหนหรือยัง”

“ไม่มีค่ะ สำหรับฉันมีข้อบังคับบางข้อต้องแล้วแต่คุณปฐวี คุณชายถามทำไมคะ”

“เพราะมันเป็นเรื่องโชคร้ายสำหรับผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นคุณโสมสุภางค์หรือคุณ”

“คุณก็เลยพยายามทำให้ทุกสิ่งดีขึ้น ด้วยการแยกฉันไปจากเขา ยังงั้นหรือคะ”

นักการทูตหนุ่มยินดีทำด้วยความเต็มใจหากชิดชบาไม่รังเกียจ เธอเองก็อยากมีเพื่อนจึงตอบรับไมตรีจากเขาแล้วต่างชนแก้วกันเพื่อมิตรภาพที่ดี ปฐวีมองทั้งคู่ไม่ค่อยจะสบอารมณ์นัก ยิ่งโสมสุภางค์พยายามใส่ไฟว่าอรุณณรงค์ดูท่าทีมีใจให้ชิดชบา เขาทนไม่ได้ จูงมือเธอเดินมาหาอรุณณรงค์และชิดชบา

“ผมต้องกลับล่ะครับคุณชาย โสมสุภางค์ไม่ค่อยสบายน่ะครับ อยากกลับไปพัก”

อรุณณรงค์ยังคุยกับชิดชบาไม่จบ ก็เลยขอให้เธออยู่คุยกับตนเองก่อน หลังอาหารค่ำตนจะไปส่งเธอเอง อุราศรีเห็นปฐวีลังเล ช่วยพูดอีกแรงหนึ่งว่า “ไว้ใจคุณชายเอี่ยวเถอะค่ะ เขามีใบขับขี่สากล เขาใช้รถฉันได้ค่ะ”

เจอไม้นี้เข้าไป ปฐวีไม่มีทางเลือกจำต้องทิ้งชิดชบาไว้กับอรุณณรงค์

ooooooo

เนื่องจากเดินทางมาปารีสแบบเร่งด่วน ธวัชพงษ์ไม่ได้จองที่พักไว้ แถมห้องพักยังเต็มหมดไม่รู้จะไปหาที่ไหน จึงออดอ้อนขอพักกับแพรวาซึ่งปฏิเสธเสียงหลงว่าไม่ได้

“หรือว่าคุณไม่สงสารเพื่อนร่วมชาติผู้ตกทุกข์ได้ยากในต่างแดน” ธวัชพงษ์ตีหน้าเศร้าสุดฤทธิ์...

ระหว่างนั่งรถกลับโรงแรมที่พัก โสมสุภางค์ไม่วายยุแยงปฐวี ปล่อยปลาย่างชิ้นงามไว้กับแมวตัวเขื่องได้อย่างไร ระวังจะต้องเสียใจภายหลัง โดนลูกยุของคู่หมั้นคู่หมายบ่อยครั้งเข้า ปฐวีอดหวาดระแวงและอดหวงแหนในตัวชิดชบาไม่ได้...

อรุณณรงค์ไม่ยอมเอารถของอุราศรีไปใช้ แต่จะนั่งรถไฟไปส่งชิดชบาที่โรงแรมที่พักแทน ชิดชบาขอบคุณอุราศรีสำหรับมื้อค่ำแสนอร่อยและหวังว่าเราจะพบกันอีกที่เมืองไทย สองสาวจับมือกันด้วยไมตรีจิตอันดี อุราศรีมองตามทั้งคู่เดินจากไปอย่างเคลือบแคลงสงสัย...

ใช้เวลาไม่นาน อรุณณรงค์กับชิดชบามาถึงสถานี รถไฟไม่ห่างจากโรงแรมที่พัก เขาอดถามไม่ได้ว่าพรุ่งนี้ปฐวีวางแผนเรื่องเที่ยวไว้หรือเปล่า เธอเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน ปฐวีไม่ได้บอกอะไร อรุณณรงค์มีทริปจะนำเสนอหากเขาไม่มีแผนท่องเที่ยวที่ไหน แล้วถอดเสื้อโค้ตตัวเองคลุมไหล่ให้ชิดชบาแก้หนาว

“คุณชาย คุณช่างกรุณา...”

“อย่าถือเป็นความกรุณาอะไรเลยครับ เพราะถึงคุณจะเป็นอะไรไม่ได้สำหรับผม แต่เราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ ไม่ใช่หรือครับ” ว่าแล้วอรุณณรงค์ยิ้มให้อย่างจริงใจ ขณะที่ชิดชบากลับมีสีหน้าหม่นหมอง...

ข่าวการไปปารีสของปฐวี ทำให้ชัยยงค์ซึ่งอยู่ที่ เมืองไทยคิดไปทางร้ายต่างๆนานา ไม่เชื่อว่าเขาจะแค่พา คู่หมั้นคู่หมายกับนางบำเรอไปเที่ยว ต้องมีบางอย่างแอบแฝง ชัยญาเองก็คิดแบบเดียวกับพ่อ ปฐวียึดธุรกิจเรือสำราญของชิดชงค์ อาจใช้เป็นช่องทางฟอกเงินค้ายาหรือไม่ก็ทำบ่อนพนันลอยน้ำ

“พ่อจะทำอย่างไร”

ชัยยงค์มองไปทางระรินที่กำลังผสมเหล้าอยู่ “ส่งคู่ขาของแกไปประกบปฐวี”...

คนที่ชัยญากับพ่อพูดถึง แหวกม่านหน้าต่างห้องพักในกรุงปารีสมองไปยังถนนเบื้องหน้าเห็นอรุณณรงค์เดินเคียงคู่มาส่งชิดชบาที่สีหน้ามีความสุข เธอบ่นเสียดาย ยังคุยกันไม่จบก็ถึงที่พักเสียแล้ว เขาสัญญาพรุ่งนี้จะมารอเธอที่นี่แต่เช้า จะให้เธอเป็นไกด์พาทัวร์กรุงปารีสในฐานะเป็นนักเรียนเก่า ชิดชบายืนส่งจนเขาลับสายตาแล้วนึกขึ้นได้ว่ายังไม่คืนเสื้อคลุมให้เขา ขยับจะตาม แต่ปฐวีออกมาจากโรงแรมเสียก่อน

“กลับมาแล้วหรือ กินอะไรมาหรือยัง...อ้อ ผมไม่น่าถาม คุณอาจจะกำลังอิ่มใจจนกินอะไรไม่ลง”

ชิดชบากำลังมีความสุขไม่อยากให้อะไรมาทำให้ขุ่นข้องหมองใจ หันหลังจะเข้าโรงแรม เขาคว้าแขนไว้ ด้วยความหึงหวงที่เห็นเธอใกล้ชิดสนิทสนมกับอรุณณรงค์ จึงด่าว่าต่างๆนานา พร้อมทั้งเตือนว่านางบำเรออย่างเธอจะทำอะไรตามใจชอบไม่ได้ หากผิดข้อตกลง ผลลัพธ์ที่เธอจะได้ก็คือสูญเปล่า ชิดชบาทนไม่ไหว สะบัดมือเขาออก แต่ตัวเองกลับเซจะล้ม ปฐวีประคองเธอไว้ ถามว่า ไม่สบายหรือเปล่า

“ไม่เป็นไร ฉันยังไม่ตายง่ายๆหรอก ฉันสัญญาว่าคุณจะได้รับสิ่งตอบแทนจากนางบำเรอคนนี้เกินคุ้ม” แผดเสียงเสร็จ ชิดชบาจ้ำอ้าวเข้าโรงแรม

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น แพรวาโทร.นัดโสมสุภางค์ให้ออกมาเจอกันที่ร้านกาแฟริมถนน โดยมีธวัชพงษ์ยืนถ่ายรูปอยู่ไม่ห่าง โสมสุภางค์ไม่ค่อยจะพอใจนักเมื่อรู้ว่าแม่ส่งเพื่อนรักให้มาเป็นพี่เลี้ยง เหมือนไม่ไว้ใจว่าตนจะจัดการเรื่องทั้งหมดเองได้ แพรวาต้องแก้ตัวให้ท่าน

“คุณแม่ท่านคงเป็นห่วง ยังไงคุณแม่ก็อยากแน่ใจว่าเธอไม่เป็นไร โสมสุภางค์”

“ดูฉันเป็นยังไงล่ะ วีเขามีเรื่องต้องไปพบคนนั้นคนนี้ ฉันก็เดินซื้อของมีความสุขจะตายไป เอ่อ แพรวา ผู้ชายคนนั้น เด็กเธอหรือ” โสมสุภางค์บุ้ยใบ้ไปทางที่ธวัชพงษ์ยืนอยู่ แพรวาไม่รู้จะตอบอย่างไร ได้แต่นิ่งอึ้ง...

ฝ่ายชิดชบามาพบอรุณณรงค์ตามนัด เขาเห็นสีหน้าหม่นหมองของเธอแล้ว ถึงกับออกปากว่ามีอะไรในใจมากมายเลยใช่ไหม เธอพยักหน้ารับ พยายามไล่มันก็ไม่ไป ปัดก็ไม่ออก ก็เลยต้องยอมให้มันอยู่ในนั้น

“ชิดชบา ถ้าผมช่วยอะไรได้ ผมไม่รีรอที่จะช่วย แต่ปัญหาที่คุณมีอยู่ มันหนัก...หนักเกินกว่าที่คนทั้งโลกจะช่วยได้ สู้ๆนะครับ” อรุณณรงค์ไม่พูดเปล่า จับมือเธอบีบเบาๆอย่างให้กำลังใจ...

ขณะที่อรุณณรงค์พยายามสื่อความในใจให้ชิดชบา รับรู้ เถาว์เครือซึ่งอยู่ที่เมืองไทยต้องการดึงโสมสุภางค์ ออกห่างจากปฐวี จึงจ้างวานยุวดีสาวสวยหุ่นเซ็กซี่ ทำอย่างไรก็ได้ให้ชนะใจปฐวี เธอคุยอวดทันที

“เรื่องผู้ชาย ไม่มีใครหนีหนูพ้นหรอกค่ะ หนู...สังหารมาเยอะ”

“ย่ะ แล้วฉันจะคอยดูว่าเธอน่ะจะสังหารปฐวีหรือถูกปฐวีสังหาร”...

หลังจากเถาว์เครือจับยุวดีอบรมมารยาทให้เข้าที่เข้าทาง ก็ส่งไปสมัครงานที่บริษัทการเงินของปฐวี ชัยยงค์เกิดใจตรงกัน ส่งระรินไปยื่นใบสมัครงานที่นั่นเช่นกัน สองสาวเกาเหลากันตั้งแต่แรกเห็น แย่งชิงว่าใครมาสมัครงานก่อนกัน เลขาฯของปฐวีถึงกับกุมขมับ ขอร้องให้หยุดเถียงกันได้แล้ว

“ใครมาก่อนมาหลังไม่สำคัญหรอกค่ะ สำคัญตรงที่คุณปฐวียังไม่รับพนักงานใหม่”

ทั้งระรินและยุวดีเหมือนไม่ได้พูดภาษาเดียวกันกับเลขาฯของปฐวี ยังคงตื๊อจะสมัครงานให้ได้ แถมค่อนขอดว่าเป็นแค่เลขาฯจะตัดสินใจแทนปฐวีว่าจะรับหรือไม่รับใครได้อย่างไร

“เมื่อไหร่คุณปฐวีจะกลับ” ระรินเผลอหลุดปาก เลขาฯนิ่วหน้าฉงน รู้ได้อย่างไรว่าปฐวีไปเมืองนอก

ooooooo

ระหว่างชิดชบาทำหน้าที่ไกด์จำเป็นพาอรุณณรงค์ชมกรุงปารีสไปตามริมฝั่งแม่น้ำแซน ทำให้เธอได้รู้ว่าเขาเองทราบเรื่องข้อตกลงที่เธอยอมเป็นนางบำเรอของปฐวีนานหนึ่งปีเพื่อแลกกับบ้านของพ่อ เขายังคาใจไม่หาย เธอจำเป็นแค่ไหนที่ต้องได้บ้านคืน หรือเพราะคิดว่ามันจะเรียกเกียรติภูมิของตัวเองกลับมาได้

“ฉันไม่รู้หรอกค่ะ ฉันรู้แต่ว่าฉันต้องได้บ้านคืนมา ฉันต้องทำ”

“เขาโหดร้ายกับคุณหรือเปล่า”

“เราก็ต่างโหดร้าย อย่ากลัวไปเลยค่ะว่าฉันจะต้องตายไปเพราะความโหดเหี้ยมของเขา...เขาก็ต้องตายเพราะความเกลียดของฉัน”...

ในเวลาไล่เลี่ยกัน ธวัชพงษ์ยังคงตามติดแพรวาไม่เลิก เธอต้องขอร้องให้เขาต่างคนต่างไปได้แล้ว เพราะถึงอย่างไรเธอก็พาเขาเข้าไปหาข้อมูลส่วนตัวของปฐวีไม่ได้ ธวัชพงษ์สาธยายให้เธอฟังถึงโทษของการพนันซึ่งเขาจะเปิดโปงให้ทุกคนได้รับรู้ ที่สุดเธอต้องยอมแพ้ให้กับความมุ่งมั่นของเขา

“คุณทำงานของคุณ ผมทำงานของผม ถ้าเขาขังผู้หญิงคนหนึ่งไว้เพราะอาการทางจิต ผมก็ต้องรู้ว่าทำไมเขาต้องทำให้คนคนหนึ่ง ฆ่าตัวตาย”...

ด้วยความหึงหวงในตัวชิดชบา กอปรกับคืนนี้โสมสุภางค์ไม่ได้อยู่ในโรงแรมที่พัก ปฐวีบุกถึงห้องของ ชิดชบา เพื่อทวงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ พร้อมกับเตือนให้เธอเลิกฝันถึงตำแหน่งคุณหญิงท่านทูตได้แล้ว ก่อนจะจับเธอเหวี่ยงไปที่เตียงแล้วโถมตัวตาม...

ดึกแล้ว แต่ชิดชบายังนอนไม่หลับ ออกมายืนทอดอารมณ์อยู่ที่ระเบียงห้อง ปฐวีเข้ามาแตะไหล่ บอกว่าพรุ่งนี้อรุณณรงค์และอุราศรีจะมารับพวกเราไปเที่ยว แล้วขอกอดเธอหน่อยได้ไหม จากนั้นก็โอบเอวเธอทางด้านหลัง ก่อนจะถามเสียงอ่อนโยนว่าหนาวไหม เธอพยักหน้ารับคำ

“ผมกอดคุณไว้อย่างนี้ยังไม่อุ่นอีกหรือ”

“ไม่ว่าคุณจะกอดหรือปล่อย มันไม่มีความหมายหรอกค่ะ คุณก็รู้ดีว่ามันไม่มีความหมายอะไรเลย”

“แต่ถ้าเราจะสร้างความหมายขึ้นมาเพื่อให้มันสมบูรณ์ขึ้นล่ะ”

เธอตอบโดยไม่ต้องคิด จะให้ฝืนใจทำในสิ่งที่ตัวเองอยากอาเจียนคงไม่ได้ เขาหัวเราะในลำคอก่อนจะคลายอ้อมแขนออก ทั้งคู่พูดกันดีๆได้ไม่กี่ประโยค ความแค้น ที่หยั่งรากลึกในใจ ทำให้มีปากเสียงกันอีก

ooooooo

ธวัชพงษ์ถือคติ ตื๊อเท่านั้นครองโลก ตื๊อจนแพรวายอมให้เขามาร่วมทัวร์ปราสาทเก่าแก่ในชนบทของฝรั่งเศส ร่วมกับปฐวี ชิดชบา และโสมสุภางค์ โดยมีอุราศรีรับหน้าที่ไกด์ ขณะที่อรุณณรงค์สวมบทสารถี

ไม่นานนัก กรุ๊ปทัวร์ก็มาถึงสถานที่เป้าหมาย ธวัชพงษ์ตื่นตาตื่นใจกับความงามของสถานที่ คว้ากล้องขึ้นมาเก็บภาพประทับใจไว้ ปฐวีเห็นเขาอยู่คนเดียว เข้ามาทัก จำได้ว่าเขาเป็นนักข่าวที่ตนเคยไล่ตะเพิดออกจากบ้าน แล้วถามว่าตามมาถึงนี่ต้องการอะไรกันแน่ ธวัชพงษ์ต้องการความจริงเรื่องชิดชงค์

“ความจริงของผม เป็นสิทธิ์ที่ผมจะเก็บมันไว้เป็นความลับ ที่นี่ผมอาจจะตะเพิดคุณไม่ได้เหมือนที่เมืองไทย แต่อย่าล้ำเส้นชีวิตของผม ไม่ว่าคุณหรือหมอแพรวา”...

ในขณะที่ไกด์กิตติมศักดิ์พาชมปราสาทเก่าพร้อมกับบรรยายถึงความเป็นมาเป็นไป แพรวาเข้ามากระซิบถามธวัชพงษ์ว่าเมื่อครู่นี้คุยอะไรกับปฐวี ธวัชพงษ์ว่า

ไม่มีอะไร ปฐวีแค่จำตนเองได้ เตือนไม่ให้มายุ่มย่ามกับเขา แล้วฝากมาเตือนเธอด้วยว่า เขาไม่ต้องการทั้งนักข่าวและหมอโรคจิต

“เขารู้ว่าผมไม่ถอย แล้วคุณก็ไม่ถอย เราจะเดินหน้า...สู้ๆครับคุณหมอ” ธวัชพงษ์ล้อเลียน...

ชิดชบาไม่ปลื้มกับการเที่ยวครั้งนี้ จึงแยกตัวไปอีกมุมหนึ่งของปราสาท อรุณณรงค์เห็นสีหน้าเซ็งๆของเธอ เข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงว่าไม่สนุกหรือ สงสัยเขา

จะคิดผิดที่พามาที่นี่ เธอไม่ใช่ไม่ชอบสถานที่ เพียงแต่อึดอัดเพราะรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน

“อย่าคิดอย่างนั้นเลยครับ เขาคงไม่ปล่อยให้คุณห่างสายตา เหมือนตอนนี้ ผมก็เชื่อว่าเขาคงเฝ้าดูอยู่”

“ดูฉันหรือคะ งั้นเราไปกันเถอะค่ะ กลับไปรอใครๆ ที่รถดีกว่า” พูดจบชิดชบาขยับจะไป แต่ก้าวพลาดขาแพลง อรุณณรงค์ต้องเข้ามาประคองเอาไว้

เป็นอย่างที่อรุณณรงค์คาดไว้ไม่มีผิด ปฐวีซึ่งอยู่ที่ร้านขายของที่ระลึกของปราสาทแห่งนี้ กำลังใช้กล้อง ส่องทางไกลส่องมาทางชิดชบา เห็นเหมือนทั้งคู่กำลังกอดกันอยู่ก็ไม่พอใจ รีบลากแขนโสมสุภางค์ที่กำลังเลือกซื้อของฝากออกมาทันที เจออรุณณรงค์อุ้มชิดชบาออกจากปราสาท ถามเสียงเข้มว่าเกิดอะไรขึ้น

“อุบัติเหตุน่ะครับคุณปฐวี คุณชิดชบาข้อเท้าแพลง ผมเลยต้องอุ้มออกมา”

โสมสุภางค์ไม่พอใจที่มีแต่คนเป็นห่วงเป็นใยชิดชบา หาเรื่องด่าว่าประชดประชัน จนปฐวีต้องปราม เธอยิ่งเคืองหนัก ถึงขนาดร้องจะกลับเมืองไทย...

ในขณะที่โสมสุภางค์ทนอยู่ในฝรั่งเศสต่อไปไม่ไหว ชัยยงค์ ชัยญาและถกล ซึ่งอยู่ในเมืองไทยวางแผนจะส่งระรินเข้าไปสืบว่าปฐวีคิดจะทำอะไรกันแน่ เพื่อหาทางตัดปีกตัดหางก่อนที่เขาจะมีอิทธิพลค้ำฟ้า และเธอจะต้องทำทุกอย่างเพื่อทำลายชื่อเสียงของเขา ระรินอยากรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง

“เข้าไปเป็นนางบำเรอของปฐวี อย่างที่ลูกสาวของคุณชิดชงค์เป็น”...

ไม่ได้มีแต่สองพ่อลูกเจ้าของบ่อนพนันที่อยากกำจัดปฐวี เถาว์เครือเองก็แสดงเจตนาชัดแจ้งต้องการแยกปฐวีออกจากโสมสุภางค์ จึงจ้างวานยุวดีเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เธอไม่เข้าใจ ทำไมเถาว์เครือต้องทำอย่างนั้นในเมื่อเขาร่ำรวยล้นฟ้า

“ฉันมีเหตุผลของฉัน เธอไม่จำเป็นต้องรู้ แค่เธอขึ้นเตียงกับเขาให้ได้ แล้วส่งคลิปมา ฉันจะให้เธอห้าแสน”

ยุวดีถึงกับร้องเอะอะ แค่ขึ้นเตียงกับผู้ชายได้เงินถึงห้าแสนบาท เถาว์เครือยอมจ่าย เพราะต้องการโยนปฐวีออกจากชีวิตลูกสาวของเธอเพื่อแลกกับผู้ชายดีๆอีกคน ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุน...

ทางด้านปฐวียังเคืองที่อรุณณรงค์คอยเอาอกเอาใจชิดชบาไม่ห่าง ทันทีที่กลับถึงโรงแรมที่พัก ตามเข้ามาโวยวายใส่ชิดชบาถึงห้องพักว่าจากนี้ไปจะไม่เปิดโอกาสให้อรุณณรงค์เข้าใกล้เธออีก เธอทักท้วงว่าเขาบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้จะทำอะไรไม่ดี ปฐวีสวนทันที ที่อรุณณรงค์กอดเธอ เรียกว่ามีเจตนาบริสุทธิ์อีกหรือ

“คุณเป็นผู้หญิงของผม ระวังคุณจะเสียทั้งตัวทั้งเวลา แล้วไม่ได้อะไรไปเลย นอกจากเลขศูนย์”...

ฝ่ายโสมสุภางค์ทนอยู่ปารีสต่อไปไม่ไหว รอจนปฐวีมาที่ห้องพัก ขอร้องทั้งน้ำตาให้พากลับเมืองไทย...

ทันทีที่กลับถึงบ้านที่เมืองไทย ชิดชบาสั่งให้จำเรียงช่วยรื้อของออกจากกระเป๋าเดินทางให้ด้วย เธอมีของฝากจากฝรั่งเศสให้ทุกคน แล้วสั่งว่าวันนี้ไม่ต้องทำอาหารไว้ให้ เดี๋ยวเธอจะไปหาตลับนาค

“หวังว่าบุญถิ่นกับนายสมควรคงชอบของฝากของฉันนะ”

จำเรียงมองชิดชบาซาบซึ้งใจที่อุตส่าห์มีแก่ใจคิดถึงพวกตน จากนั้นไม่นานชิดชบามาถึงบ้านสวนของตลับนาคพร้อมด้วยของฝากจากฝรั่งเศสหอบใหญ่ ตลับนาคมีเรื่องจะปรึกษาเธอพอดี มีคนมาติดต่อจะซื้อที่สวนผืนนี้ 7 ล้านบาท ถ้าชิดชบาต้องการจะเอาเงินไปใช้หนี้ปฐวี ตนจะได้บอกขาย เธอไม่อยากให้ขาย อย่างน้อยจะได้มีที่ผืนนี้ไว้เป็นเรือนตาย ตลับนาคอดเป็นห่วงไม่ได้ เกิดเธอท้องกับปฐวีขึ้นมาจะทำอย่างไร

“หนูจะทำแท้งค่ะ” ชิดชบาตอบโดยไม่ต้องคิด...

แม้จะได้ตัวชิดชบามาสนองความแค้น แต่นั่นก็ไม่ทำให้ฝันร้ายของปฐวีหยุดลงได้ เขาสะดุ้งตื่นกลางดึก แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ooooooo

การที่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางไกล กอปรกับความเครียดเรื่องของปฐวี ทำให้โรคหัวใจของ โสมสุภางค์กำเริบ ล้มลงหมดสติ เถาว์เครือต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ทันทีที่ปฐวีทราบข่าวรีบมาเยี่ยม เห็นเธอนอนหมดสติมีสายน้ำเกลือระโยงระยาง เข้ามาโอบกอดไว้ด้วยความเป็นห่วง

เถาว์เครือที่นั่งเฝ้าอยู่ไม่พอใจเขามาก ตำหนิว่ารู้ทั้งรู้ว่าโสมสุภางค์เป็นโรคหัวใจยังทำเรื่องที่ทำให้เธอต้องช้ำใจซ้ำอีก ถ้าลูกของตนเป็นอะไรไป ตนจะประกาศให้โลกนี้รู้ว่ามันเป็นความผิดของเขา แววตาชิงชังที่

เถาว์เครือมองมาทำให้ปฐวีอึดอัดใจ ลุกพรวดพราดออกมา แต่ต้องชะงักเมื่อเจอแพรวายืนรอท่าอยู่หน้าห้อง ขอคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว แล้วแจ้งว่าเธอเพิ่งไปคุยกับอาจารย์หมอที่เป็นเจ้าของไข้ของโสมสุภางค์มา

“โสมสุภางค์ลิ้นหัวใจเป็นแผล การผ่าตัดอันตรายมาก ต้องใช้ยาอมใต้ลิ้นถ้ามีอาการหายใจขัด โอกาสที่คุณจะเสียโสมสุภางค์มีสูง อย่าให้มีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจเพราะมันจะส่งผลให้เกิดอาการช็อกได้”

“โสมสุภางค์จะมีทางหายไหม”

“ไม่มีค่ะ มีแต่ทรงกับทรุด ฉันพูดตรงๆหวังว่าคุณคงเข้าใจนะ คุณต้องรักษาจิตใจของโสมสุภางค์”

คำพูดของแพรวาทำให้ปฐวีได้คิด จึงกลับไปที่ห้องพักฟื้นของโสมสุภางค์อีกครั้ง เป็นจังหวะที่เธอรู้สึกตัวตื่นพอดี เขารีบเข้าไปกุมมือเธอไว้อย่างรู้สึกผิด บอกให้พักผ่อนมากๆ จะได้กลับมาเป็นโสมสุภางค์คนเดิมของเขาอีก เธอขอร้องทั้งน้ำตาเมื่อไหร่เขาถึงจะไล่ฝันร้ายออกไปจากชีวิตของเขา

“เราจะได้มีแค่...เรา ไม่มีฝันร้ายนั่น แล้วก็ไม่มี...”

“ผมจะพยายาม โสมสุภางค์ ผมจะพยายาม” ปฐวีรับคำ รู้สึกสงสารเธอจับใจ...

เยี่ยมเยียนตลับนาคเสร็จ ชิดชบาเอาของฝากไปให้เฉวียงที่สำนักงานทนายความ ถึงได้ทราบข่าวการป่วยของโสมสุภางค์ว่าอาการน่าเป็นห่วง ลิ้นหัวใจเป็นแผล อันตรายถึงตายได้ แม้ชิดชบาจะทำท่าไม่สนใจเรื่องนี้ แต่ความจริงแล้วอดรู้สึกผิดต่อโสมสุภางค์ไม่ได้ ขณะเธอเดินใจลอยออกมาหน้าสำนักงานทนายความ เจอชัยญาที่บังเอิญขับรถผ่านพอดี เขาลงมาทักทายและแนะนำตัวเอง พร้อมกับบอกว่าพ่อของเขากับพ่อของเธอเป็นหุ้นส่วนกัน เขาเสียใจด้วยกับการตายของชิดชงค์

“ขอบคุณที่มาแสดงความสลดสังเวชกับฉันตอนนี้ ขอบอกว่ามันสายไป” ประชดประชันเสร็จ ชิดชบาเดินหน้าเชิดขึ้นรถ ขับออกไปอย่างรวดเร็ว ชัยญารู้สึกพึงพอใจกับท่าทีทะนงตนของเธอ...

แม้จะป่วยหนัก แต่โสมสุภางค์ยังอดเป็นห่วงปฐวีไม่ได้ ขอร้องแพรวาให้ช่วยหยุดฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนเขาด้วย เขาจะได้ไม่ต้องใช้วิธีแก้แค้นชิดชบารักษาอาการป่วยนี้...

ทางด้านปฐวีไม่พอใจมากที่ชิดชบาไม่ยินดียินร้ายใดๆทั้งที่เธอเองก็มีส่วนทำให้โสมสุภางค์ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เธอเถียงคอเป็นเอ็น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ เขาต่างหากที่ทำให้โสมสุภางค์อาการทรุด เขาน่าจะลองใช้เงินของเขาซื้อความตายให้คู่หมั้นคู่หมายของเขา เพราะทั้งชีวิตเขามีแต่เงินคำเดียวเท่านั้น

ความรู้สึกผิดในใจ ทำให้ปฐวีตัดสินใจแต่งงานกับโสมสุภางค์ และบอกเรื่องนี้ให้ชิดชบารับรู้ เธอตื่นเต้นดีใจ ถ้าเขาตัดสินใจแบบนั้น แสดงว่าเขาจะปล่อยเธอเป็นอิสระ แต่ต้องดีใจเก้อ เพราะเขายืนกรานเสียงเข้ม ไม่มีวันปล่อยเธอก่อนจะถึงกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้เด็ดขาด

ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น