วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร นางชฎา ตอนที่ 5


ธุรกิจของตุลเทพฟื้นและเฟื่องฟูได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เอกราชถามแซวว่ามีข่าวว่าสาวใหญ่ยอมเซ็นเช็ค 8 หลักให้หรือ ตุลเทพยิ้มกว้างอย่างยอมรับ พูดอย่างศรัทธาว่า ตนมีของดีช่วย

เมื่อเพื่อนๆเข้าไปในห้องทำงานของตุลเทพต่างพากันตะลึงเมื่อเห็นเครื่องรางของขลังเต็มไปหมด ปริมลดาถามว่าเดี๋ยวนี้เขาเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยหรือ?

“ตอนแรกก็ไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ฉันมั่นใจแล้วว่าสิ่งพวกนี้มีอยู่จริง ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่กลับมาเฮงภายในเวลาไม่ถึงอาทิตย์แบบนี้หรอก” ตุลเทพพูดอย่างเลื่อมใสศรัทธาจนเชิงชายต้องเดินเข้าไปดูอย่างตื่นเต้น

ที่แท้ทั้งสามมาหาตุลเทพเพื่อจะบอกว่ามีคนมาซื้อบ้านทรงไทยหลังมหาวิทยาลัย เกิดมีใครเจอ...ที่เราฝังไว้พวกเราเสร็จแน่ ตุลเทพเชื่อว่าสองปีแล้วป่านนี้ไม่มีหลักฐานอะไรเหลือแล้ว เชิงชายกลัวว่าเกิดผีเฮี้ยนมาอาละวาดหลอกหลอนพวกเราล่ะ? ตุลเทพตัดบทว่าอย่าเพ้อเจ้อ ป่านนี้วิญญาณนั่นคงตกนรกไปแล้ว

ผีริลณีได้ยินโกรธแค้นมากแต่ก็ไม่อาจออกจากศาลาไปทำอะไรได้

สอบถามกันไปมาจึงรู้ว่าเตชินเป็นคนซื้อบ้านหลังนั้นไว้ แก๊งปริมลดาระแวงว่าอาจเพราะผีริลณีดลใจให้ซื้อก็ได้

ฝ่ายเตชิน เพื่อความสบายใจของพวกผู้ใหญ่ เขาจึงทำพิธีเซ่นไหว้ขอขมาเจ้าที่เจ้าทาง แต่ก็เกิดอาถรรพณ์ขณะพราหมณ์กำลังทำพิธีก็เกิดลมพัดแรงจนเครื่องเซ่นไหว้ปลิวเกลื่อน ทุกคนมองหน้ากันแต่ไม่มีใครกล้าพูด แต่เตชินยังคงยืนอย่างสงบ

จนเมื่อพราหมณ์จุดธูปให้เตชินและชมพูอธิษฐาน เตชินไม่ได้ขออะไรเพียงยกมือไหว้แล้วปักธูปลงไป แต่ชมพูอธิษฐานขอให้วิญญาณที่อยู่ในที่นี้ได้โปรดอภัยในสิ่งที่พวกตนล่วงเกิน และขอให้ได้อยู่ที่นี่กันอย่างเป็นสุขตลอดไป

แต่พอชมพูจะปักธูป ก็ถูกผีริลณีปัดธูปกระเด็นแล้วเข้าสิงเธอทันที ชมพูเดินไปที่ใต้ศาลาแล้วจู่ๆเธอก็เอาหัวโขกเสาจนเลือดไหลทะลักท่ามกลางความตกใจของทุกคน เธอเอาหัวโขกอยู่อย่างนั้น เตชินเข้าไปจับก็กรีดร้องโหยหวน ชัชถามว่าใครมีสร้อยพระไหมสงสัยชมพูจะโดนผีเข้า เตชินโมโหมากบอกว่าชมพูไม่ได้เป็นอะไร แล้วรีบพาเธอไปโรงพยาบาล

เตชินชี้แจงว่าเพราะชมพูไม่ได้กินยาหลายวันจึงเกิดอาการเช่นนั้น คุณหญิงได้ทีบอกทุกคนว่า

“ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวพอหนูแต่งงานแล้ว เตชินเขาจะดูแลหนูอย่างดีเลยจ้ะ”

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้แก๊งปริมลดากระวน กระวายใจกลัวเรื่องจะปูดออกมา เอกราชไปเยี่ยมชมพูถามหาเตชิน ชมพูบอกว่าไม่อยู่ เอกราชจึงบอกผ่านเธอว่าอยากจะให้เตชินไปช่วยดูงานโรงแรมที่กำลังก่อสร้างที่พัทยา

ที่แท้เตชินไปที่ศาลาพยายามขัดล้างเลือดของชมพูที่เสาออก แต่ทำอย่างไรก็ล้างไม่ออก ผีริลณีพยายามบอกเตชินให้เอายันต์ออกไป แต่เตชินไม่รับรู้ พอดีชมพูโทร.บอกเตชินเรื่องเอกราชจะให้ไปดูงานที่พัทยา พอได้ยินชื่อเอกราช ผีริลณีคำราม

“ไอ้เอกราช...แกต้องตาย!!” แต่เธอก็ไม่อาจทำอะไรได้เพราะผ้ายันต์ทำให้เธอออกไปไหนไม่ได้

เมื่อเอกราชรู้ว่าเตชินจะรื้อศาลาทิ้ง เขาตกใจรีบบอกพรรคพวกให้หาทางสกัดกั้นอย่าให้เตชินรื้อศาลาเด็ดขาด เพราะถ้ารื้อไม่มีผ้ายันต์ ผีริลณีจะเป็นอิสระและออกอาละวาด จึงหว่านล้อมให้ชมพูช่วยพูดอ้างอาถรรพณ์ต่างๆนานา แต่ชมพูติดต่อเตชินไม่ได้ แก๊งปริมลดาร้อนใจแนะให้โทร.หาชัชดักไว้ก่อน

แต่พอชัชฟังชมพูแล้วโทร.ไปที่ช่าง ปรากฏว่าช่างรื้อศาลาใกล้เสร็จแล้ว!

เมื่อรื้อศาลาที่มีผ้ายันต์ออก ผีริลณีจึงเป็นอิสระ เธอดีใจมาก วันนี้จึงออกมาร่ายรำในบ้านอย่างรื่นรมย์ เสียงหัวเราะอย่างสะใจดังก้องไปทั่วบริเวณ

ooooooo

ที่หน้าบ้านพักคนงาน พอตกเย็น น้าไหว กล้า และสัปเหร่อหยอย ก็นั่งดวดเหล้ากันตามปกติ แต่วันนี้เกิดมีลมกระโชกแรง สัปเหร่อหยอยแหงนมองท้องฟ้าเอ่ยอย่างประหลาดใจ...

“ลมแรง ท้องฟ้ามีพายุอาเพศในวันโกนแบบนี้ คืนนี้แกสองคนอย่าออกจากบ้านไปไหนนะเว้ย” แต่น้าไหวกับกล้าเปรี้ยวปาก เพราะเงินเดือนออกต้องไปฉลองกันให้เต็มคราบ “เชื่อสัปเหร่ออย่างข้าเถอะวะ รีบกลับบ้านไปนอน ใครมาเรียกอย่าเปิดรับ เพราะวันโกนวันปล่อยผี แล้วยิ่งฟ้ากระหน่ำฝนคะนองแบบนี้...เขาว่ากันว่า ผีเฮี้ยนจะออกมาล้างแค้น”

น้าไหวกับกล้าที่ทำปากดีตอนแรก ฟังแล้วมองหน้ากัน ลุกเก็บข้าวของอย่างเร็วเผ่นแน่บไปแทบไล่ตามกันไม่ทัน

เวลาเดียวกัน ที่ห้างสรรพสินค้า เตชินกำลังเดินหาซื้อของ เขาโทร.บอกชมพูขณะลงบันไดเลื่อนว่า

“พี่แวะซื้อขนมที่ชมพูชอบ ชมพูอยากได้อะไรอีกไหมครับ จะได้ซื้อไปเลยทีเดียว”

ขณะนั้นเอง เตชินเหลือบเห็นบันไดเลื่อนขึ้นที่อยู่ข้างๆ มีหญิงสาวคล้ายริลณี พอดีหญิงสาวเงยหน้าขึ้น เตชินอุทาน

“ริน!!!”

ชมพูได้ยินเสียงเตชินอุทานก็แปลกใจถามว่ามีอะไรหรือ แต่ใจเตชินอยู่ที่หญิงสาวคนนั้นแล้ว เขาบอกว่าแค่นี้ก่อนแล้ววางสายเลย วิ่งลงบันไดเลื่อนไปขึ้นบันไดเลื่อนตัวนั้น ตามหญิงสาวคนนั้นไปทันที

เตชินวิ่งตามพล่านแหวกผู้คนอย่างลืมตัว ไล่ตามไปยังหลืบโน้นซอกนี้ อยู่ในสภาพเหมือนถูกหลอน ถูกล่อให้ไล่ตาม เห็นกันเพียงแว้บๆ วิ่งตามไปจนถึงลานจอดรถ เจอริลณีจังๆ เตชินดีใจมาก ต่างเรียกและโผเข้ากอดกันน้ำตาคลอ

เตชินรำพันความรักความคิดถึงและการตามหา เธอมาสองปีเต็มๆ จนริลณีน้ำตาร่วงบอกว่าตนก็คิดถึงเขาสุดหัวใจเช่นกัน เตชินบอกว่าจะไม่ยอมให้เธอหนีไปจากตนอีกแล้ว แต่พอโผกอดริลณีกลับกอดได้แต่ความว่างเปล่า!

“ริน...ริลณี!” เตชินมองหาไปทั่ว มาสะดุดตาที่ผ้าเช็ดหน้าตกที่พื้น หยิบดูเห็นปักตัวอักษร “ริลณี” แต่พอเขาเงยหา ก็ถูกรถพุ่งชนจนล้มหมดสติไป เขาสะดุ้งลุกพรวดขึ้นอีกทีก็ร่ำร้องเรียกหาริลณี จนพนักงานงงถามว่าใครหรือ พอเขาบรรยายรูปร่างลักษณะของริลณีให้ฟัง พนักงานก็บอกว่าไม่มี เห็น รปภ.พาเขามาตรงนี้บอกว่าเขาหมดสติอยู่ที่ลานจอดรถ

เตชินยืนยันว่าริลณีอยู่กับตนตอนตนถูกรถพุ่งชน พนักงานก็ยืนยันว่าไม่มีรถพุ่งชนแต่เขาเป็นลมหมดสติไปเอง

ooooooo

ฝ่ายชมพูยังติดใจแปลกใจไม่หายปรารภกับคุณพ่อคุณแม่ว่าเตชินเป็นอะไรจู่ๆก็วางสาย ถามว่าจะโทร.กลับดีไหม พิสมัยกับพิชัยบอกว่าอย่าจุกจิกจู้จี้กวนใจเขามาก ผู้ชายเขาจะเบื่อเอา จะแต่งงานอยู่แล้วต้องฝึกเอาไว้ ชมพูจึงจำต้องนิ่ง

คืนนี้พิชัยบอกชมพูว่าคุยกับหมอแล้วหมออนุญาตให้พรุ่งนี้กลับบ้านได้ พิสมัยดีใจที่ลูกจะได้กลับบ้าน แต่ชมพูกลับเหงาๆ พอถาม เธอรำพึงว่า

“พี่เตชินหายไปเลย บอกว่าจะซื้อขนมมาให้ชมพูก็ไม่มา แถมยังหายเงียบไปอีก ชมพู....” พิสมัยรีบเข้าประคองให้นอนลง ปลอบว่าอย่าคิดมาก เตชินคงมีธุระด่วนจริง ชมพูถามเสียงเครือว่า “แล้วพี่เตชินจะมาพาชมพูกลับบ้านพรุ่งนี้ไหมคะ”

พิสมัยกับพิชัยแอบมองหน้ากันอย่างลำบากใจ พิชัยเลยทำเป็นพูดหยอกว่า

“พ่อกับแม่อยู่ตรงนี้ทั้งคู่ แต่ลูกสาวเรากลับอยากให้คนอื่นพากลับบ้าน อย่างนี้มันน่าน้อยใจไหมเนี่ย”

“โธ่...คุณพ่อ...สำหรับชมพูไม่มีใครสำคัญไปกว่าคุณพ่อคุณแม่หรอกค่ะ”

“ถ้างั้นก็พักผ่อนมากๆ ลูกจะได้สดชื่น ว่าที่เจ้าสาวยังมีอะไรต้องวุ่นวายอีกเยอะ เชื่อแม่สิ”

พอชมพูยอมนอนอย่างว่าง่าย พิชัยกับพิสมัยก็มองหน้ากันเครียด

ooooooo

ด้วยความเป็นห่วงความรู้สึกของลูก พิสมัยกับพิชัยคุยกันหน้าเครียด พิสมัยบอกว่าตนลองโทร.ไปหาเตชินแล้วแต่ปิดเครื่อง พิชัยคิดว่าคงมีธุระสำคัญจริงๆ

“แล้วพรุ่งนี้เราจะเอายังไงกันดีคะ ลูกถามหาแต่เตชินแบบนี้”

“ก็ไม่ต้องทำอะไร ถ้าเตชินไม่ว่างเราก็พาลูกเรากลับบ้านเองก็แค่นั้น เราจะพึ่งพาแต่เตชินทุกเรื่องคงไม่ได้ แล้วที่เขาหายไปแบบนี้แสดงว่ามีธุระสำคัญจริงๆ เราก็ไม่ควรรบกวนเขานะ เตชินไม่เคยเหลวไหลคุณก็รู้”

แม้จะเชื่อพิชัย แต่พิสมัยก็ยังอดกังวลไม่ได้

รุ่งขึ้น เมื่อรับชมพูกลับบ้านแล้ว พิสมัยโทร.ไปที่บ้านคุณหญิง สร้อยรับสาย บอกว่าอยู่ทั้งคุณหญิงและเตชิน ถามว่าจะเรียนสายกับใคร พิสมัยบอกว่าคุณหญิง สร้อยจึงเอาโทรศัพท์ไปให้คุณหญิงที่กำลังดูต้นไม้อยู่ที่ระเบียง

พอรับสายคุณหญิงก็ทักเสียงหวานยิ้มแย้มอารมณ์ดีว่าใจตรงกันเลยกำลังจะโทร.ถามว่าอาการของชมพู

เป็นอย่างไร คุณหญิงตกใจเมื่อรู้ว่าชมพูออกจากโรงพยาบาลแล้ว เอามือปิดโทรศัพท์ถามสร้อยว่าเตชินอยู่ไหน สร้อยบอกว่าอยู่ข้างบน คุณหญิงฉุนขาดแต่ก็ทำเสียงกังวลบอกพิสมัยว่าไม่ทราบเรื่องชมพูออกจากโรงพยาบาลเลย

วางสายจากพิสมัยแล้วคุณหญิงถามสร้อยเสียงเขียวว่าเตชินทำอะไรอยู่ สร้อยบอกว่า “อยู่กับคุณชัชค่ะ”

ooooooo

เตชินกลับมาแล้วแต่เขาขลุกอยู่กับชัชบนห้อง เล่าเหตุการณ์ที่ประสบมาอย่างตื่นเต้นแกมฉงนว่า เมื่อวานตนเจอริลณี ได้คุยกัน ได้สัมผัสตัวเธอ ถูกชัชขัดคออย่างเห็นเป็นเรื่องไร้สาระว่า

“พอเลยไอ้เต นายไม่ได้เจอริลณี ไม่ได้ถูกรถชน นายแค่เป็นลมหมดสติในห้างเท่านั้น” เมื่อเตชินยืนยันว่าตนถูกรถชน ชัชถามว่า “รถชนอะไร แผลสักนิดก็ไม่มี แกแค่คิดถึงริลณีมากจนมโนไปเอง”

เตชินเอาผ้าเช็ดหน้าที่ปักชื่อ “ริลณี” ให้ดู ชัชบอกว่าคนชื่อริลณีในโลกนี้มีเยอะแยะ เตชินติงว่า “แต่คงไม่มีใครปักชื่อที่ผ้าเช็ดหน้าใช่ไหม แต่รินปัก รินเคยบอกฉันว่า อยู่บ้านเด็กกำพร้า ข้าวของต้องซักรวมกันก็เลยต้อง ปักชื่อกันหายทุกชิ้น เพราะฉะนั้น ผืนนี้ของรินร้อยเปอร์เซ็นต์”
“ถ้าเป็นรินจริงเขาจะรีบหนีนายทำไม หรือเขาโกรธนายอยู่” ชัชเริ่มเสียงอ่อนลง

“ฉันจะต้องหาคำตอบเรื่องนี้ให้ได้” เตชินมุ่งมั่น ชัชส่ายหน้าว่ายาก “ยากแค่ไหนฉันก็ต้องหาให้ได้ ถ้าฉันกับรินเรายังเคลียร์กันไม่ได้ ฉันก็...” เตชินพูดไม่ทันจบ คุณหญิงก็ผลักประตูตีหน้ายักษ์เข้ามา พูดโพล่งว่า

“หนูชมพูออกจากโรงพยาบาลแล้ว!”

เตชินตกใจถามว่าออกตั้งแต่เมื่อไร ก็ถูกคุณหญิงตำหนิและไล่ให้ไปหาชมพูอย่าให้ทางโน้นคิดได้ว่าพวกเราไม่สนใจดูแล เตชินบอกว่าตนกำลังคุยเรื่องสำคัญอยู่กับชัช ถูกคุณหญิงย้อนถามว่าเวลานี้มีเรื่องไหนสำคัญกว่าเรื่องของชมพูบ้าง บอกว่าตนสั่งให้คนเตรียมรถไว้แล้ว พูดแล้วออกไปเลย เตชินได้แต่ถอนใจเซ็งๆ

ชัชเตือนสติว่า ตอนนี้ผู้หญิงที่เขาควรจะคิดถึงมากที่สุดไม่ใช่ริลณีแต่เป็นชมพู กระนั้นเตชินก็ยังมุ่งมั่นว่า

“ถ้าฉันไม่ได้เคลียร์กับรินให้รู้เรื่อง ฉันก็คงทำใจแต่งงานกับน้องชมพูไม่ได้เหมือนกัน!!”

ระหว่างนั้นมีเสียงหมาหอนระงมโหยหวนไปหมด สร้อยที่กำลังเช็ดรถบ่นว่าจะมาหอนอะไรกลางวันแสกๆ หมาหอนไม่หยุดสร้อยเลยเดินออกไปดู ปรากฏว่าข้างนอกไม่มีหมาสักตัว! ทำเอาสร้อยขนลุกซู่ พึมพำ “น่ากลัวชะมัด”

ไม่เพียงเท่านั้นสร้อยยังเห็นผีริลณียืนอยู่ตรงโน้น ตรงนั้น ตรงนี้ แต่พอหันมองจังๆ ก็ไม่พบอะไร เลยจ้ำอ้าวเข้าบ้าน

หารู้ไม่! ผีริลณีเดินตามสร้อยไปทันที แต่กลับถูกอะไรบางอย่างผลักออกมา พยายามจะเข้าไปอีกก็ถูกผลักออกมาอีก! ที่แท้ผีริลณีถูกศาลพระภูมิในบ้านขวางไว้นั่นเอง!

ขณะเตชินเตรียมออกไปหาชมพูนั้น ชัชเห็นแปลน บ้านวางอยู่บนโต๊ะเลยนึกขึ้นได้บอกเขาว่า ศาลาหน้าบ้านที่ เขาบอกให้รื้อนั้น วันก่อนชมพูโทร.บอกตนให้เก็บไว้ แต่ไม่ทันเพราะช่างรื้อไปแล้ว ถามว่าชมพูคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม

“ปกติน้องชมพูไม่เคยยุ่งเรื่องนี้เลยนี่ คงไม่เป็นไร รื้อไปก็ดีแล้ว”

พลันชัชก็แว่วเสียงเรียก “เตชิน...เตชิน...” ชัชพยายามหาต้นเสียง บอกเตชินว่ามีคนมาตะโกนเรียกเขา

เตชินเงี่ยหูฟังแต่ไม่ได้ยินอะไรเลย บ่นชัชว่าสงสัยทำงานมากจนเพี้ยนไปแล้ว พอชัชเงี่ยหูฟังอีกทีก็ไม่ได้ยินอะไรแล้ว เลยคิดว่าตัวเองหูฝาดไปจริงๆ เลยฉวยโอกาสว่าคงทำงานมากไปจริงๆ วันนี้ขอพักสักวันก็แล้วกัน ว่าแล้วทิ้งตัวลงนอนทำเป็นหลับ

“เพี้ยนจริงๆ” เตชินมองขำๆ

แต่ที่นอกบ้าน ริลณีเข้าไปในบ้านไม่ได้เธอได้แต่มองเข้าไปในบ้าน รำพึงเศร้าๆ

“รินรอคอยที่จะได้พบคุณมานาน...นานเหลือเกิน แต่ทำไม...รินถึงเข้าไปหาคุณไม่ได้”

ริลณีร้องไห้เจ็บปวดเสียใจ แล้วค่อยๆหายไปจากตรงนั้น...

ผีริลณีไปที่บ้านเด็กกำพร้าด้วยความคิดถึงเพื่อนกับน้องๆ แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเสียใจอีกเมื่อไม่มีใครเห็นเธอเลย ทั้งเฟื่องฟ้าและเอทีเอ็มพูดคุยกันถึงเธอด้วยความรักและห่วงใย ริลณีเองก็พยายามเรียกและบอกว่าตนอยู่ตรงนี้ แต่ทุกอย่างก็ว่างเปล่า ผิดหวัง แม้แต่ร่างเธอที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ยังถูกเฟื่องฟ้าเดินทะลุไปอย่างไม่รู้สึกอะไรเลย...

ooooooo

ความโหยหาที่จะได้พบคนรักและเพื่อนรัก ทำให้ริลณีไปหาหลวงพ่อคงที่เตชินเคยพาไปกราบท่าน เธอกราบหลวงพ่อร้องไห้สะอึกสะอื้นเล่าว่า ตนไปหาคนรักและเพื่อนแต่ไม่มีใครรับรู้ว่าตนอยู่ตรงนั้นเลย

“นั่นเป็นเพราะโยมและพวกเขาอยู่กันคนละภพแล้ว” ริลณีบอกว่าเมื่อวานตนยังคุยกับคนรักได้แล้วทำไมวันนี้ถึงทำไม่ได้ “เมื่อวานเป็นวันโกน วันที่วิญญาณจากอีกภพจะกลับมาในภพนี้ได้ แต่หลังจากวันนั้น โยมจะไม่มีโอกาสข้องแวะกับคนในภพภูมินี้อีก จนกว่าจะถึงวันโกนอีกครั้ง”
ริลณีคร่ำครวญว่าตนถูกจองจำทรมานอยู่หลายปี เมื่อหลุดพ้นออกมาได้ทำไมจึงยังพบพวกเขาไม่ได้อีก

“โยมควรกลับไปในที่ที่โยมควรอยู่ ถ้าโยมยังยึดติด ถือมั่นอยู่แบบนี้ โยมจะเป็นทุกข์” ริลณีถามว่าตนต้องรอถึงวันโกนอีกครั้งหรือ? “มันขึ้นอยู่กับบุญที่โยมสะสมมา หากโยมมีบุญมากพอ ก็สามารถกลับไปหาพวกขาได้” ริลณียิ้มอย่างมีความหวัง หลวงพ่อเตือนสติว่า “แต่ถึงโยมกลับไปหาพวกเขาได้ โยมก็ไม่มีวันอยู่กับพวกเขาได้ตลอดไปหรอก โยมตายไปแล้ว ต้องระลึกถึงความจริงข้อนี้ไว้เสมอ”

หลวงพ่อกลับเข้าไปในวัดแล้ว ริลณีร้องไห้เสียใจอยู่ตรงนั้น แต่ยังมีความมุ่งมั่นแน่วแน่ว่า

“ถึงฉันจะตาย แต่ฉันก็จะกลับไปอยู่กับพวกเขาให้ได้!”

ooooooo

เมื่อเตชินไปหาชมพูที่บ้าน เธอเอาหนังสือเกี่ยวกับการแต่งงานหลายเล่มมาพลิกดูชุดเจ้าสาวแต่เลือกไม่ได้สักที เลยให้เตชินช่วยเลือกเตชินนั่งเหม่อใจลอยคิดถึงแต่เรื่องริลณี เมื่อชมพูเรียกจนสะดุ้งบอกให้ช่วยเลือกชุดแต่งงาน เขาเลยบอกว่าเธอใส่ชุดไหนก็สวย ชมพูพูดหยอกว่าสงสัยตนต้องหาเพื่อนเจ้าสาวให้มาตัดสินใจแทนเจ้าบ่าวเสียแล้วกระมัง แล้วเล่าอย่างร่าเริงว่า

“ปริมลดาเขาขอมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ บอกว่าอยากช่วยให้ชมพูจัดงานแต่งออกมาดีที่สุด พี่เตชินว่าให้ปริมลดาเป็นเพื่อนเจ้าสาวดีไหมคะ” แต่เตชินกำลังนั่งเหม่อใจลอย ชมพูตัดพ้อหน้าจ๋อย “พี่เตชินไม่ได้ฟังที่ชมพูพูดเลย คิดถึงใครอยู่คะ”

“เออะ...ไม่มีอะไรหรอกครับ มาเลือกชุดเจ้าสาวกันต่อดีกว่านะครับ” เตชินทำเป็นกระตือรือร้นกลบเกลื่อน แต่ก็ไม่ทำให้ชมพูหายระแวงเลิกสงสัยได้ว่าเขาต้องมีอะไรในใจแน่ๆ

ooooooo

ความระแวงสงสัยเตชิน ทำให้ชมพูกดไลน์คุยกับกลุ่มไลน์สามสาวอันมีตัวชมพูเอง ปริมลดาและหงส์หยก

ชมพูปรารภว่าคงต้องขอแรงพวกเธอสองคนเรื่องงานแต่งของตนแล้วล่ะ ทั้งสองตอบรับทันทีเพราะจ้องหาโอกาสอยู่แล้ว นอกจากนี้บางคำถามของชมพูยังทำให้ปริมลดากับหงส์หยกรู้ว่าเตชินไม่ได้สนใจงานแต่งงานสักเท่าไร

ปริมลดาฟันธงกับหงส์หยกว่า ที่เตชินไม่ช่วยเพราะเขาไม่อยากแต่งงานกับชมพู เป็นโอกาสให้แผนการของตนเป็นไปได้ง่ายขึ้น

ระหว่างนั้นเอง เอกราชมาหาปริมลดา หงส์หยกรู้ตัวว่าเป็นส่วนเกินจึงขอตัวกลับ นอกจากเอกราชจะบอกปริมลดาว่ามาหาเธอเพราะเหงาแล้ว ยังถามว่าเธอไปช่วยงานแต่งงานของชมพูเป็นอย่างไรบ้าง

ที่แท้เอกราชยังหาโอกาสที่จะเสียบแทนเตชิน บอกปริมลดาที่พูดดักคอว่ากำลังคิดจะแย่งชมพูจากเตชินอย่างที่เขาชอบทำกับคนอื่นใช่ไหมว่า

“สำหรับชมพูฉันไม่ได้แค่อยากแย่ง ฉันอยากแต่งงานกับเขา” ปริมลดาทำเป็นอ้อนว่าพูดแบบนี้ตนเสียใจนะ “เธอก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับฉันอยู่แล้วนี่ เราก็แค่สนุกๆกันไม่ใช่หรือ”

“ใช่ เราสองคนไม่ใช่คนที่ดีพอของกันและกัน แล้วลดาก็เจอคนที่ใช่สำหรับลดาแล้ว ไม่แน่นะ ถ้าเราร่วมมือกัน เราอาจจะสมหวังในสิ่งที่หวังก็ได้”

“เราสองคนนี่มันเหมาะสมกันจริงๆ” เอกราชกับปริมลดามองตากันอย่างเห็นทะลุถึงหัวใจของกันและกัน

ooooooo

ชมพูยังวุ่นอยู่กับการเตรียมงานแต่งงาน วันนี้ก็เอารูปตัวเองมาเลือกเพื่อทำวีดิโอ หมูหวานมาช่วยเลือกถามว่าแล้วไม่มีรูปของเตชินหรือ ปกติต้องมีทั้งรูปเจ้าบ่าวเจ้าสาว ชมพูพูดเหมือนบ่นว่า เตชินไม่เอารูปมาให้สักที

หมูหวานเจอรูปริลณีกับชมพูในชุดรำ หยิบขึ้นมาถามว่าเพื่อนคนนี้สวยจัง เขาจะมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวไหม

“คงไม่มาหรอก เพราะฉันไม่รู้เลยว่าเขาอยู่ที่ไหน”

“เพื่อนรักของฉัน ฉันมาหาเธอแล้ว” ริลณีบอกชมพู เธอมายืนอยู่หน้าบ้านแล้ว!

เสียงหมาหอนโหยหวนรับกันเป็นทอดๆ ชมพู พึมพำว่าแปลก อยู่ๆทำไมหมาหอนขนาดนี้ หมูหวานบอกว่าเพราะมันเห็นผี แม้ชมพูจะรู้สึกกลัวขึ้นมา แต่ก็บอกหมูหวานว่า “ผีไม่มีจริงหรอก พี่เตชินเคยบอกไว้”

ขณะนั้นเอง พิสมัยกับพิชัยกลับจากไปหาอาจารย์คงมา สมหมายจอดรถที่หน้าบ้านรอเข้า พิสมัยบ่นเสียดายที่ไปแล้วไม่เจออาจารย์คงเลยไม่ได้ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ของเตชินกับชมพู พิชัยบอกว่าไม่เป็นไรแล้วค่อยไปหาใหม่

สมหมายลงไปเปิดประตูเพื่อขับรถเข้าบ้าน พลันก็ชะงักขยี้ตาเพ่งมอง บอกว่ามีใครก็ไม่รู้มายืนอยู่หน้าบ้านเรา พิชัยมองไปบอกว่าไม่เห็นมีใคร บอกให้สมหมายลงไปดูให้แน่ใจอาจจะเป็นขโมยก็ได้ สมหมายขนลุกซู่ พนมมือสวดมนต์บอกกล่าว “กลับไปซะ ที่นี่ไม่มีใครที่เธอรู้จักหรอก อย่ามาขวางทางพวกเราเลย”

พริบตานั้น ผีริลณีหันขวับพุ่งมาเกาะที่กระจกหน้าต่างรถตรงคนขับจ้องอย่างโกรธจัดแผดเสียงกรี๊ดแต่ไม่มีใครได้ยิน สมหมายกลัวตัวสั่นกดเปิดประตูอัตโนมัติแล้วเหยียบคันเร่งพุ่งเข้าไปทันที ริลณีจะตามแต่ก็เข้าไปไม่ได้

หมูหวานร้องกรี๊ดเมื่อเห็นรอยนิ้วมือของริลณีที่กระจกรถเรียกทุกคนให้มาดูก็เห็นรอยนิ้วมือชัดเจนทั้งชมพู พิสมัย และพิชัย มองหน้ากันช็อก!!

ooooooo

วันรุ่งขึ้น พิสมัย พิชัย ชมพูและเตชิน พากันไปทำบุญถวายสังฆทานหลวงพ่อคงที่วัด

“วิญญาณพวกนั้นทำอะไรพวกเราไม่ได้ หากไม่ได้ก่อเวรสร้างกรรมกันมา เขาก็แค่มาขอส่วนบุญเท่านั้น” หลวงพ่อบอกแล้วถามเตชิน “แล้วโยมเตชินล่ะ กลัวผีรึเปล่า”

“ผมไม่เชื่อเรื่องพวกนั้นครับ” เตชินตอบอย่างมั่นใจ หลวงพ่อจึงหันไปถามชมพูบ้าง หมูหวานสาระแนตอบแทนว่าตนเชื่อ บอกหลวงพ่อให้จัดบุญจัดกุศลมาเยอะๆเลยตนจะได้อุทิศส่วนกุศลให้ผีตัวนั้น จะได้ไม่มายุ่งที่บ้านอีก

หลวงพ่อจึงให้ตั้งใจกรวดน้ำ ขอให้ทุกคนตั้งใจอธิษฐาน ท่านมองเตชินเหมือนจะบอกอะไร แต่พูดว่า“ถ้าความมุ่งมั่นและบุญของโยมมีมากพอ คนที่โยมอยากพบ อาจจะกลับมาหาโยมก็ได้” แล้วหลวงพ่อก็เริ่มสวดมนต์อุทิศส่วนกุศล ทุกคนหลับตาอธิษฐาน เตชินมองทุกคนแล้วจึงหลับตาตั้งจิตอธิษฐาน...

“ขอบุญกุศลที่ผมได้ทำในวันนี้ ช่วยทำให้ริลณีกลับมาหาผม ขอให้เราได้อยู่ด้วยกัน นับจากวันนี้จนถึงวันที่เราแก่เฒ่าอย่าให้เราต้องพรากจากกันอีกเลย”

ทันทีที่เตชินอธิษฐานจบ ร่างของริลณีก็มีพลังขึ้นมา ผิวที่ซีดก็ขาวผ่องขึ้นเหมือนเดิม หน้าตาก็สวยงามมีน้ำมีนวลเหมือนเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ริลณีมองตัวเองแล้วยิ้มปลื้ม พึมพำดีใจ

“เตชิน...ฉันจะกลับไปหาคุณ...”

ooooooo

หลังจากถวายสังฆทานแล้ว ชมพูกับพิสมัย และพิชัยจะอยู่ทำสมาธิต่อ เธอถามเตชินว่าจะอยู่ด้วยกันไหม เสร็จแล้วจะได้ไปเลือกการ์ดกับของชำร่วยด้วยกัน

จู่ๆก็เกิดภาพนิมิตแว่บเข้ามาในสมองเตชินโดยไม่ทันตั้งตัว เขาเห็นริลณีนั่งอยู่ที่เก้าอี้ริมบึงในมหาวิทยาลัยบอกว่า

“เตชิน...รินจะรอคุณอยู่ที่นี่...”

ชมพูบอกเตชินว่าตนเลือกของชำร่วยน่ารักๆ ได้สองสามอย่างแล้ว พูดแล้วหันมองเตชินเห็นเขานิ่งๆ อึ้งๆ ถามว่าเขาเป็นอะไร เตชินได้สติตอบอึกอักว่า

“เอ่อ...คือ...พอดีพี่มีธุระสำคัญ ขอตัวก่อนนะครับ” พูดแล้วลุกไปเลย ชมพูมองเหวอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ระหว่างขับรถบ่ายหน้าไปที่มหาวิทยาลัย เตชินโทรศัพท์บอกชัชว่าวันนี้ตนจะไม่เข้าไปดูบ้านฝากเขาดูงานให้ด้วย ชัชโวยว่าไม่มาช่วยกันรีบทำเดี๋ยวเสร็จไม่ทันวันแต่งงานไม่รู้ด้วย

“ฉันมีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ” ชัชถามว่ามีอะไรสำคัญกว่าเรือนหอหรือ “ฉันจะไปตามหาริลณี...ฉันมีความรู้สึกว่าวันนี้ฉันจะได้พบเขา”

เตชินขับรถเข้าไปในมหาวิทยาลัยตรงไปที่เก้าอี้ริมบึงที่เห็นริลณีนั่งในนิมิต เห็นใครบางคนนั่งที่เก้าอี้ริมบึง เดินตรงไปหาพอเห็นชัดๆ เขาอุทานอย่างตื่นเต้น

“ริน!!!”

“เตชิน!!” ริลณีหันมองอุทานดีใจจนน้ำตาคลอ

“ในที่สุดผมก็ได้เจอคุณจริงๆ” เตชินโผกอดริลณีด้วยความดีใจ ริลณีกอดตอบน้ำตาไหลดีใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ทั้งสองกอดกันแนบแน่น...นิ่ง...นาน...ราวกับจะไม่ยอมพรากจากกันอีก...

ooooooo

เตชินนั่งจ้องริลณีไม่วางตาอย่างคิดถึงและโหยหามาถึงสองปี เขาบอกว่าเธอไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ริลณีพูดทันทีว่าแต่เขากำลังจะเปลี่ยน...กำลังจะแต่งงาน

“รินรู้?”

“คุณกำลังจะแต่งงานกับเพื่อนรักที่สุดของริน”

เตชินรีบอธิบายว่า “ริน...มันไม่ใช่อย่างที่รินคิดนะครับ ช่วงที่เราไม่ได้เจอกันเกิดเหตุการณ์มากมาย ผมพยายามตามหาริน เพื่อจะอธิบายเรื่องพวกนั้นว่าทำไมคืนนั้นผมไม่ไปตามนัด ทำไมผมถึงหายไปกะทันหัน แล้วทำไมผมถึงต้องแต่งงาน”

“ไม่ต้องอธิบายหรอกค่ะ รินรู้ทุกอย่างแล้ว”

“แต่รินอาจจะไม่รู้สิ่งที่อยู่ในใจผม ผมไม่เคยลืมรินเลย ผมรู้ว่าผมไม่มีสิทธิ์พูดแบบนี้” ริลณีบอกว่าตนยังเป็นคนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนไป เตชินมองหน้าเธออย่างค้นหา ถามอึ้งๆ “หมายความว่ารินยังไม่ได้แต่งงานงั้นเหรอ?!!”

ริลณีพยักหน้า เตชินตาโตตื่นเต้นดีใจอย่างเห็นได้ชัด คว้ามือเธอไปกุมไว้...ดีใจอย่างที่สุด

กล้ากับน้าไหวเดินผ่านมามองเตชินงงๆ กล้าถามว่าเขาทำอะไรน่ะ ทั้งสองมองเตชินที่นั่งพูดคนเดียวทั้งยังยกมือจับอากาศไปมา น้าไหวพูดขำๆว่าอากาศร้อนคนเลยเพี้ยน กล้าบ่นอย่างเสียดายหน้าตาก็ดี๊ดี...
ไม่น่าบ้าเลย...

พอจะก้าวเดินน้าไหวก็ตกใจร้องลั่นเมื่อเห็นรถญี่ปุ่นคันหนึ่งแล่นมาอย่างเร็วจนทั้งสองโดดหลบแทบไม่ทัน พอรถจอดคนขับกดกระจกลงจึงเห็นว่าเป็นหงส์หยกนั่นเอง เธอจ้องสองน้าหลานตะโกนใส่

“ยังซื่อบื้อเหมือนเดิมนะน้า!!” ยิ้มเยาะแล้วกดกระจกขึ้นขับออกไป น้าไหวกับกล้ามองตามอย่างเจ็บใจ

“ไอ้พวกมีปมด้อย ตอนเรียนไม่มีรถ พอจบมีรถใช้ทำเป็นซิ่ง...เชอะ!!” กล้าตะโกนด่าไล่หลัง

ooooooo

ขณะริลณีกับเตชินคุยกันอยู่นั้น ริลณีเหลือบเห็นหงส์หยกลงจากรถ เธอจ้องอย่างแค้นใจขึ้นมาทันที เตชินขอเวลาอธิบายเพื่อเคลียร์ตัวเอง ริลณีพูดเสียงแข็งว่า

“ยังไม่ใช่วันนี้!! รินมีเรื่องที่ต้องสะสางให้เสร็จก่อน” เตชินจึงขอที่อยู่หรือเบอร์โทรศัพท์เธอไว้จะได้ติดต่อกันได้ “คุณตามหารินมามากแล้ว ต่อไปรินจะไปหาคุณเองค่ะ”

เตชินหยิบนามบัตรพอเงยหน้าจะให้ปรากฏว่า ริลณีหายไปแล้ว เขาตกใจ แปลกใจ มองหาและร้องเรียก

“ริน...ริน...คุณหายไปไหนน่ะ...ริน...ริน...”

ริลณีเดินตามหงส์หยกไปที่ห้องชมรมนาฏศิลป์ หงส์หยกไหว้อาจารย์นาฎ อาจารย์ทักว่าไปยังไงมายังไงถึงมาที่นี่ได้ หงส์หยกบอกว่าตนจะมาขอเด็กรำจากอาจารย์สัก 6 คนไปช่วยรำที่งานอีเวนต์ของบริษัท อาจารย์นาฎรับปากจะไลน์ลองตามเด็กดู ริลณีที่เดินตามหงส์หยกเข้ามา จ้องหงส์หยกคำรามอย่างอาฆาตแค้น

“แกฆ่าฉัน!! เพื่อนทรยศ!! แกต้องตาย!!!” ริลณี ตรงเข้าไปบีบคอหงส์หยก แต่เธอไม่อาจสัมผัสตัวหงส์หยกได้แต่หงส์หยกรับรู้ว่าถูกพลังบางอย่างมาปะทะ หันขวับไปมองเผชิญหน้ากันอย่างใกล้ชิด

“ครูตามเด็กๆมาให้แล้วนะอีกสักครึ่งชั่วโมงคงจะมากันครบ” อาจารย์นาฎมาบอก เห็นหงส์หยกยืนตัวสั่น ช็อกค้างแต่อาจารย์ไม่เห็นริลณี อาจารย์เดินไปดูหงส์หยกยืนตรงที่ที่ริลณียืนพอดี ริลณีเลยหายตัวไป อาจารย์ถามหงส์หยกว่าเป็นอะไร หงส์หยกยังตัวสั่น ปากสั่น มองอาจารย์ที่ยืนแทนที่ริลณีช็อกๆ ยังพูดไม่ออก อาจารย์ถามว่าเป็นอะไรรึเปล่า

“มะ...ไม่มีอะไรค่ะ...หนูกลับก่อนนะคะอาจารย์” อาจารย์ถามว่าแล้วเด็กรำล่ะ หงส์หยกมองเล่ิกลั่กไปรอบห้องลนลานออกจากห้องไปด้วยความหวาดกลัว อาจารย์นาฎได้แต่มอง พึมพำทั้งงง ทั้งแปลกใจ

“อะไรของเขา?”

หงส์หยกเดินแทบจะเป็นวิ่งกลับไปที่รถ เอากุญแจออกมาจะไขประตูรถลนลานจนทำกุญแจร่วง พอก้มเก็บก็เห็นเท้าคนเดินเข้ามายืนประชิด เงยหน้ามองเห็นเป็นน้าไหวกับกล้ายืนยิ้มแฉ่งอยู่เลยถอนใจโล่งอก

“ไม่ต้องโล่งใจ พวกพี่มาแค่อยากจะเตือนน้องว่า...” กล้าลากเสียงยาว แล้วน้าไหวก็พูดต่อให้ว่า...

“ขับรถในมหาวิทยาลัยห้ามใช้ความเร็วเกิน 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เข้าใจไหม”

“เข้าใจแล้วทำไม ไม่เข้าใจแล้วทำไม” หงส์หยกถามอย่างไม่แคร์ผลักทั้งสอง “ถอยไป!!” แล้วขึ้นรถขับออกไปอย่างเร็ว ริลณียืนมองตามไปด้วยความแค้น พึมพำอย่างเจ็บใจ... “ทำไมฉันถึงฆ่ามันไม่ได้...ทำไม!!!”

ooooooo

จากที่ได้เจอริลณีวันนี้ เตชินตัดสินใจถามคุณพ่อคุณแม่ที่โต๊ะอาหารว่าตนจะเลื่อนงานแต่งออกไปแบบไม่มีกำหนดได้ไหม

ทั้งสองหันมองขวับ ถามว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมต้องเลื่อนงานแต่งด้วย คุณหญิงนิ่งไปอึดใจแล้วบอกเตชินว่า เมื่อกล้าขอแบบนี้ก็หวังว่าจะมีเหตุผลที่ดีพอ เตชินอ้างเหตุผลว่าตนปรับปรุงเรือนหอไม่ทัน ณรงค์เสนอให้มาอยู่ที่บ้านก่อน เตชินบอกว่าตนอยากทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์ก่อน

“ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์อะไรทั้งนั้น!! ฤกษ์มีแล้ว งานทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมแล้ว จะถูกเลื่อนเพราะแค่ลูกอยากให้ทุกอย่างสมบูรณ์พร้อม แม่คงยอมไม่ได้หรอก จำไว้นะเตชินทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์” คุณหญิงเสียงเข้ม

“เพราะฉะนั้นจะไม่มีการเลื่อนงานแต่งเด็ดขาด” ณรงค์ประกาศกร้าว พอเตชินจะพูดอีกก็ถูกตัดบท “จะทำอะไรอย่าเอาแต่ใจตัวเอง คิดถึงหน้าพ่อหน้าแม่เอาไว้บ้าง เข้าใจไหม”

เตชินพูดไม่ออก บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเลยอึดอัด หงุดหงิด เตชินนั่งกล้ำกลืนว้าวุ่นใจไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป

ooooooo

คุณหญิงกับณรงค์ไปคุยกันอย่างไม่สบายใจ คุณหญิงเชื่อว่าเหตุผลของเตชินเป็นเพียงข้ออ้าง ส่วนณรงค์คิดว่าคงไม่มีอะไร ลูกอาจเครียดเรื่องบ้านจริงๆก็ได้

คุณหญิงระแวงว่าอาจเป็นเพราะริลณีที่พยายามจะกลับมาในชีวิตเตชินอีกก็ได้ แต่ณรงค์คาดว่าริลณีคงมีสามีมีลูกไปแล้วก็ได้ ติงว่าคุณหญิงอาจฝังใจกับเด็กนั่นเกินไป ตนเชื่อว่าไม่มีอะไร ผู้ชายใกล้แต่งงานก็เป็นแบบนี้แหละกลัวการผูกมัด

พูดแล้วณรงค์หัวเราะขำๆเดินแยกไป แต่คุณหญิงยังคิดเครียดไม่สบายใจอยู่ตรงนั้น

เตชินกลับขึ้นห้อง เขาคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ที่จะเอานามบัตรให้ริลณีแต่เธอหายไปก่อน เขาถือนามบัตรวิ่งตามหาจนเจอ เขาตัดพ้อว่าทำไมอยู่ดีๆก็หายไปตกใจหมด ริลณีถามว่าทำไมต้องตกใจ เขาบอกว่ากลัวจะไม่ได้พบกันอีก

“รินจะไปไหนได้ล่ะคะ รินยังไม่ได้เอานามบัตรคุณไปเลย” ริลณียิ้มดีใจ เตชินยื่นนามบัตรให้ถามอย่างกังวลว่าเธอจะโทร.มาใช่ไหม จะไม่หายไปไหนอีกใช่ไหม “เตชินจำที่เราเคยสัญญากันได้ไหมคะ” เตชินมอง

หน้าเธอพูดอย่างจำฝังใจว่า “เราจะไม่มีวันแยกจากกัน” ริลณีพูดต่อด้วยดวงตาเบิกกว้างจริงจังว่า “แม้แต่ความตายก็จะมาแยกเราสองคนไม่ได้ รินกลับมาหาคุณแล้ว ไม่มีวันจะหนีไปจากคุณอีก”

--------------
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น