วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 3


ทันทีที่โสมสุภางค์เดินเข้าบ้าน เถาว์เครือซึ่ง รอท่าอยู่ก่อนแล้ว ถามประชดว่ากล่อมปฐวีให้ยอมรักษาอาการบ้าสำเร็จไหม เธอขอร้องแม่อย่าพูดคำนี้ให้เขาได้ยินเป็นอันขาด


“ก็พฤติกรรมของเขามันบอกเหตุนี่ว่าไม่บ้าทำไม่ได้หรอก ชนะพนัน ยึดบ้านมาขายเลหลังก็เกินคุ้มแล้ว นี่ยังยึดลูกสาวคุณชิดชงค์มาเป็นนางบำเรออีก ใครที่รู้เรื่องนี้ เขาหาว่าปฐวีบ้ากันทุกคน ตอนนี้ปฐวีจะลุกขึ้นมาประกาศแต่งงานกับลูก แม่ก็ชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าแม่อยากได้เขาเป็นลูกเขย” คำพูดทั้งแดกดัน ทั้งประชดประชันของแม่ ทำให้โสมสุภางค์ถึงกับหน้าเสีย...

ด้านปฐวีกลับคอนโดฯที่พักของตัวเองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา ประกาศกร้าวจะต้องหยุดฝันร้ายของเขาด้วยตัวเอง

ooooooo

ณ ห้างฯหรูแห่งหนึ่ง อรุณณรงค์เห็นชิดชบาหยิบตุ๊กตาหน้าตาตลกตัวหนึ่งขึ้นล้อเล่นอย่างน่าเอ็นดู หยุดมองครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าไปทัก เธอจำเขาได้ทักตอบอย่างเป็นมิตร

“ผมเห็นคุณตั้งแต่คุณขับรถเข้ามาในตึกแล้วล่ะครับ ยิ่งเห็นท้ายรถยิ่งจำได้แม่น ผมขอโทษเรื่องวันนั้น”

“ฉันลืมเรื่องไร้สาระไปแล้วล่ะค่ะ ไม่รู้จะจำไปทำไม”

แม้จะไร้สาระ แต่อรุณณรงค์ก็ยังคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดอยู่ดี ชิดชบาขอร้องไม่ให้พูดเรื่องนี้อีก ไม่อย่างนั้นคงเถียงกันไม่จบ เขาเห็นเธอถือของเต็มสองมือ อาสาจะช่วยถือให้แล้วดึงถุงเหล่านั้นไปจากมือเธอ

“ฉันไม่ได้ตั้งใจมาซื้ออะไรหรอกค่ะ ก็แค่ซื้อแก้เซ็ง”

อรุณณรงค์แนะให้ลองหาเพื่อนใหม่สักคน เผื่อจะหายเซ็ง ชิดชบาเห็นแต่รอยยิ้มจริงใจฉายอยู่บนใบหน้าของเขา ก็เลยยิ้มตอบ สักพัก อรุณณรงค์หอบถุงใส่ของแบรนด์เนมมาส่งให้ที่รถของชิดชบา รวมทั้งตุ๊กตาหน้าตาตลกตัวเมื่อครู่นี้ด้วย พลางตัดพ้อจะไม่ยอมให้เขาทำความรู้จักจริงหรือ

“ฉันไม่มีความหมายอะไรหรอกค่ะ ช่างมันเถอะ มิตรภาพสำหรับบางคน อาจจะมีความหมาย แต่บางคนก็ไม่มี กรุงเทพฯไม่กว้าง เราคงพบกันอีกนะคะ” พูดจบเธอขับรถออกไป อรุณณรงค์มองตามพึงพอใจ...

เถาว์เครืออยากรู้ความเป็นไปของชิดชบา อุตส่าห์ขับรถมาดักรอบุญถิ่นกลับจากซื้อกับข้าวสด จ้างด้วยเงินสองหมื่นบาทให้คอยจับตาดูพฤติกรรมของนางบำเรอคนนั้นแล้วรายงานเธอทุกระยะ...

ทางฝ่ายชิดชบาไม่ได้อยากได้ข้าวของราคาแพง ระยับที่ตัวเองซื้อ แค่ต้องการจะผลาญเงินของปฐวีเพื่อ แก้แค้น จึงสั่งให้จำเรียงเอาถุงข้าวของทั้งหลายไปไว้ในห้องเก็บของ แล้วเปิดท้ายรถหยิบตุ๊กตาหน้าตาตลกตัวนั้นขึ้นมา ปฐวีเข้ามาเห็น ร้องทักว่าไปซื้อตุ๊กตาอะไรมาหน้าตาพิลึก เธอเห็นมันตลกดี เผื่อจะได้ช่วยหัวเราะชีวิตของเราสองคน เขาแขวะทันที น่าจะซื้อตัวที่ร้องไห้ได้จะเหมาะกว่า ชีวิตเราสองคนมันน่าร้องไห้จะตายไป

“ฉันไม่มีวันร้องไห้ ฉันจะไม่ร้องไห้เด็ดขาดและฉันขอสาบานว่าฉันจะเกลียดคุณ เกลียดๆๆๆๆ”

“ดี...เอาเป็นว่าเราต่างคนต่างเกลียดกันนะ” ปฐวีมองตามชิดชบาที่เดินสะบัดหน้าเข้าบ้านอย่างชิงชัง...

สมควรรู้เรื่องที่เถาว์เครือจ้างให้บุญถิ่นรายงานความเคลื่อนไหวของชิดชบา ตำหนิว่าทำแบบนี้เท่ากับเอาเรื่องของเจ้านายไปขาย เธอมีเจ้านายคนเดียวคือปฐวี ส่วนชิดชบาไม่ใช่ แล้วเอาเงินที่ได้ยัดใส่เสื้อชั้นในเดินหนีเข้าบ้าน เขาด่าไล่หลังว่าอีงก ธวัชพงษ์ซึ่งแอบฟังอยู่เสนอหน้าออกจากที่ซ่อน ถามสมควรว่าเถาว์เครือเป็นใคร ทำไมต้องจ้างให้สืบเรื่องราวของชิดชบากับปฐวี

“นี่คุณอีกแล้วหรือ คุณอยากจะรู้เรื่องของเจ้านายผมไปทำไมล่ะ อ้อ คุณเป็นนักข่าวนี่ ไป...ไปให้พ้นเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นผม...เอ๊ย คุณจะเดือดร้อน” สมควรเห็นเขายืนนิ่ง ไล่ซ้ำอีกครั้ง เขาถึงยอมถอยออกไป

ooooooo

คืนนี้มีงานเลี้ยงแซยิดหม่อมจรัสเรือง วังของท่านซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดงานถูกตกแต่งอย่างสวยงาม บุคคลในแวดวงสังคมชั้นสูงมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง โสมสุภางค์ควงคู่มากับปฐวี โดยมีเถาว์เครือมาด้วย อรุณ-ณรงค์ที่ยืนต้อนรับแขกอยู่หน้างานเข้ามาทักทายสองแม่ลูก แล้วค้อมศีรษะให้ปฐวี

“อ้อ ป้าลืมแนะนำไป นี่คุณปฐวีคู่หมั้น เอ่อ ไม่ใช่ค่ะ คู่หมายของลูกโสมสุภางค์...นี่ลูก อยู่คุยกับคุณชายอรุณณรงค์ไปก่อนนะ แม่จะไปกราบสวัสดีหม่อมท่านก่อน”

อรุณณรงค์คุยกับปฐวีและโสมสุภางค์อยู่พักหนึ่งก็ขอตัวไปต้อนรับแขกด้านโน้น โสมสุภางค์กวาดตามองไปรอบๆงาน สีหน้าผิดหวัง สงสัยเราสองคนจะมาผิดงานเพราะมีแต่คนแก่ๆ

“ไม่ผิดหรอก เรามาถูกงานแล้ว อย่างน้อยเราก็ได้รู้จักนักการทูตอนาคตไกลอย่างคุณชายอรุณณรงค์”

“ยังไงเขากับคุณก็ไม่เกี่ยวข้องกันทางธุรกิจอยู่แล้ว ฉันไม่เห็นว่ามันจะมีประโยชน์อะไร”

ปฐวีจับน้ำเสียงขุ่นข้องใจของเธอได้ ถามว่าหงุดหงิดอะไรหรือ โสมสุภางค์เห็นบรรดาคุณหญิงคุณนายต่างสะกิดกันมองมาทางตนก็ยิ่งอารมณ์บูด ถึงกับออกปาก เมื่อก่อนคนพูดกันแต่เรื่องเธอถูกดองหมั้นมานานถึงหกปี ตอนนี้คนพากันนินทาว่าเธออยู่ในฐานะไหนกันแน่ ในเมื่อเขามีนางบำเรอ

“คุณก็เป็นผู้หญิงที่ผมกำลังจะแต่งงานด้วยไงล่ะ” ปฐวียิ้มมีความสุข...

ในขณะเดียวกัน สมควรเห็นบุญถิ่นมาด้อมๆมองๆ ชิดชบาที่กำลังว่ายน้ำอยู่ในสระว่ายน้ำหลังบ้าน จัดแจงไล่ตะเพิดให้กลับครัว หน้าที่แม่ครัวก็ต้องอยู่ในครัวไม่ใช่มาอยู่แถวนี้ นี่คงจะคาบข่าวไปรายงานคุณนายเถาว์เครือใช่ไหม เธอรับเงินมาแล้วต้องสอดส่องพฤติกรรมของนางบำเรอกับคุณปฐวีตามที่ตกลงกันเอาไว้ สมควรเตือนว่าทำแบบนี้จะทำให้เจ้านายเดือดร้อน

“คุณนายเถาว์เครือเป็นแม่ของคุณโสมสุภางค์ แม่ที่ไหนไม่เดือดร้อน ถ้าว่าที่ลูกเขยมีนางบำเรอ”...

ถึงเวลาอันสมควร ปฐวี โสมสุภางค์และเถาว์เครือ ลาเจ้าของงานแล้วพากันกลับ ระหว่างทางไปบ้านของสองแม่ลูก เถาว์เครือพูดจาชื่นชมอรุณณรงค์เพื่อประชดปฐวีเป็นระยะๆ โสมสุภางค์เกรงใจเขามาก แต่ไม่กล้าหักหน้าแม่เช่นกัน ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ไม่นานนัก รถของปฐวีแล่นมาถึงที่หมาย โสมสุภางค์เห็นยังไม่ดึกเท่าไหร่ ชวนปฐวีเข้ามาดื่มกาแฟกันก่อน เขาบอกปัดว่าวันนี้เพลียมาก ไว้พรุ่งนี้ค่อยเจอกัน หันไปไหว้ลาเถาว์เครืออย่างเสียไม่ได้ แล้วขับรถจากไป โสมสุภางค์มองตามด้วยสีหน้าเป็นกังวล...

จากนั้นโสมสุภางค์เดินตามเถาว์เครือจนทัน อยากรู้ว่าแม่ไม่ชอบใจปฐวีตั้งแต่เมื่อไหร่ ท่านไม่ชอบตั้งแต่ที่เขาทำให้ชิดชงค์ฆ่าตัวตาย ริบทรัพย์สินบริวารแล้วก็ลูกเมียมาเป็นของตัว

“ไม่จริงค่ะ ตอนนั้นคุณแม่ยังตื่นเต้นกับบ้านที่เขาได้”

“ใช่ ตอนนั้นเขายังไม่มีนางบำเรอนี่ ไม่น่าเชื่อนะว่าเรื่องแบบนี้ยังมีอยู่ มันน่าจะเป็นเรื่องสมัยกรุงศรีอยุธยาโน่น แม่ถามจริงๆเถอะโสมสุภางค์ หนูไม่สะดุ้งสะเทือนกับบาปของเขา หรือแม้แต่เรื่องที่เขามีนางบำเรอจริงๆหรือ” คำพูดของแม่ทำให้โสมสุภางค์ชักจะหวาดระแรงปฐวีขึ้นมาตงิดๆ...

หลังจากว่ายน้ำจนแทบหมดแรง ชิดชบาโผมาเกาะขอบสระ ปฐวีซึ่งยืนดูเธอได้สักพักหนึ่งแล้ว ร้องถามว่าลงมาว่ายน้ำตอนกลางคืนแบบนี้บ่อยหรือ เธอไม่ได้มีกฎตายตัว ขึ้นอยู่กับอารมณ์ในแต่ละวัน

“ก็ดีนะ อย่างน้อยมันก็ดับอาการฟุ้งซ่านของคุณได้”

ชิดชบาขึ้นจากสระว่ายน้ำ หยิบผ้าเช็ดตัวมาคลุมตัวไว้ “เพิ่งรู้ว่าความฟุ้งซ่านมีวิธีดับหลายวิธี”

ปฐวีก้าวเข้ามาประชิดตัว จ้องด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ เสนอตัวจะดับความฟุ้งซ่านให้ แล้วดึงเธอมากอด หญิงสาวตกใจพยายามดิ้นหนี พร้อมกับด่าว่าจะบ้าหรือ เขาไม่เห็นเป็นเรื่องแปลกถ้าจะมีอะไรกันตรงนี้

“ใช่ สำหรับสัตว์เพศผู้อย่างคุณ แต่ฉันเป็นคน ขอแค่ความเป็นคนให้ฉันบ้าง ถ้าคุณจะไม่ให้อะไรเลย นอกจากข้อแลกเปลี่ยน” ชิดชบาดิ้นรนจนเป็นอิสระ แล้ววิ่งหนีกลับห้องตัวเองปิดประตูล็อก ปฐวีต้องให้จำเรียงไปเอากุญแจจากบุญถิ่นมาไข ชิดชบารู้ดีว่าขัดขืนไปก็เท่านั้น

“เชิญค่ะ มันเป็นหน้าที่ของฉัน ฉันต้องทำหน้าที่ของนางบำเรอให้ดีที่สุด ขอเวลาแก้ผ้าไม่เกินสิบนาที” พูดจบ ชิดชบาเดินเชิดหน้าไปยังฉากเปลี่ยนเสื้อผ้า หลับตาลง รวบรวมพลังใจเพื่อต่อสู้กับความเจ็บช้ำใจ ก่อนจะพึมพำน้ำตาคลอเบ้า “พ่อคะ หนูจะเอาบ้านกลับคืนมาให้ได้ หนูจะอดทนค่ะพ่อ”

แล้วเดินยืดไหล่ออกมา มีเพียงผ้าคลุมร่างเปลือยเปล่า พร้อมจะให้ปฐวีทำตามใจต้องการ แต่เขากลับนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง

ooooooo

ที่กองบรรณาธิการข่าว ขณะที่ธวัชพงษ์กำลังคุยถึงการสืบข่าวการฆ่าตัวตายของชิดชงค์อยู่กับหัวหน้ากอง บก. ชัยยงค์เดินนำชัยญาและถกลเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง ธวัชพงษ์จำได้ว่าเคยเห็นเขาไปซุ่มดูอยู่แถวบ้านปฐวี ชัยยงค์เป็นเจ้าของบ่อนจึงสั่งห้ามธวัชพงษ์เผยแพร่เรื่องของนักพนันหรือการพนัน

“เดี๋ยว...นี่คุณกำลังจะข่มขู่เราหรือ” หัวหน้ากอง บก.เสียงเข้ม

“คุณจะคิดยังงั้นก็ได้ แต่ผมต้องการให้พวกคุณหยุด ไม่อย่างนั้น...” ชัยยงค์ละไว้ในฐานที่เข้าใจ ชี้หน้าธวัชพงษ์ด้วยท่าทีข่มขู่คุกคาม แล้วชวนลูกชายกับสมุนคู่ใจกลับ หัวหน้ากอง บก.โกรธจัด ด่าไล่หลัง คิดว่าใหญ่มาจากไหน ธวัชพงษ์ขอร้องเขาไม่ต้องไปสนใจ ถึงอย่างไรตนก็ไม่หยุดทำข่าวนี้เด็ดขาด...

พอได้รับรายงานจากบุญถิ่น เถาว์เครือหันโวยวายใส่โสมสุภางค์ว่าหลังจากปฐวีส่งเราสองคนแม่ลูกเมื่อคืนนี้แล้ว ก็ไปค้างอ้างแรมกับนางบำเรอที่บ้านหลังนั้น

“หัวใจเขาทำด้วยอะไรนะ รักแล้วก็เทิดทูนลูกสาวของฉันอยู่หลัดๆ แต่ไม่กี่นาทีเขาก็ไปอยู่กับผู้หญิงอื่น นังนั่นน่ะ มันใส่ชุดว่ายน้ำไว้รอปฐวี ทำระริกระรี้ร้อนเพื่อยั่วยวนเขา มันเหมือนนางแมวร้อนสวาท”

“แล้วคุณแม่ทราบได้อย่างไรคะว่าชิดชบาทำตัวยั่วยวนวี” โสมสุภางค์เห็นแม่อึกอัก พอจะเดาออก “หนูคิดว่าหนูพูดกับคุณแม่เข้าใจแล้วเสียอีก”

“ไม่มีใครเป็นแม่พระได้ตลอดรอดฝั่งหรอกนะ ลูกเจ็บปวดแม่รู้ แล้วยังงี้จะยอมนังชิดชบาทำไม”...

ขณะที่เถาว์เครือพยายามยุยงให้ลูกตัวเองทำตัวเป็นแม่มดบ้าง ปฐวีเห็นชิดชบานั่งปั้นดินเหนียวอยู่ในห้องงานปั้นอย่างหงอยๆ ชวนไปกินข้าวนอกบ้านด้วยกัน เธอปฏิเสธทันทีว่าไม่ไป รังเกียจที่จะร่วมทางด้วย

“ยิ่งคุณเกลียดผมมากเท่าไหร่ ผมก็มีความสุขมากขึ้นเท่านั้น ไป...ไปแต่งตัว เมื่อผมสั่งให้คุณทำอะไร คุณต้องทำ ตอนนี้ผมขอสั่งให้คุณแต่งตัว ผมจะพาคุณไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือ”

ครู่ต่อมา ปฐวีพาชิดชบามาถึงร้านขายก๋วยเตี๋ยวเรือเจ้าอร่อยที่มีลูกค้าแน่นร้าน ทุกคนพากันมองเธอซึ่งอยู่ในชุดราตรีแบบจัดเต็ม แถมมีดอกไม้ช่อใหญ่มองเห็นตั้งแต่ปากซอยประดับอยู่บนศีรษะเป็นตาเดียวกัน

ให้บังเอิญเหลือเกินที่อรุณณรงค์มากินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านนี้เช่นกัน เห็นชิดชบาก็ดีใจมาก ปรี่เข้ามาหาพอเจอปฐวีนั่งอยู่ด้วยก็แปลกใจ ร้องทักทำไมวันนี้มาไกลนัก เขาสังเกตเห็นอรุณณรงค์จ้องเธอตาไม่กะพริบ รีบกันท่า แนะนำว่านี่คือชิดชบา ผู้หญิงของเขา

“เราเคยพบกันมาก่อน ไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอกค่ะคุณปฐวี พบกันสองครั้งแล้ว แต่ไม่ได้รับการแนะนำอย่างเป็นทางการ ก็เลยยังเหมือนคนแปลกหน้ากันอยู่”

อรุณณรงค์ดีใจที่มีโอกาสได้รู้จักชิดชบาเป็นเรื่องเป็นราว แล้วถามว่าซ่อมรถหรือยัง ตนยังรู้สึกผิดอยู่เลย

ที่ไม่ได้รับผิดชอบ เธอไม่ติดใจเรื่องนั้นแล้ว ตราบใดที่รถยังวิ่งได้เธอก็ไม่เดือดร้อน ปฐวีเห็นสองคนคุยกันติดลม จำต้องเชิญอรุณณรงค์นั่งร่วมโต๊ะด้วย

“ขอบคุณครับ คุณปฐวีคงไม่รังเกียจ ถ้าผมจะทำความคุ้นเคยกับคุณชิดชบาบ้าง”

“ไม่รังเกียจเลยครับ ผมยินดี”

ooooooo

ปฐวีมีปากเสียงกับชิดชบาตั้งแต่ออกจากร้านก๋วยเตี๋ยวเรือยันถึงบ้าน เพราะไม่พอใจที่อรุณณรงค์ดูจะสนิทสนมคุ้นเคยกับเธอดี ทั้งที่เพิ่งเจอกันแค่สองครั้ง เธอได้ทีชมอรุณณรงค์ถึงความเป็นสุภาพบุรุษของเขาเพื่อประชดประชันอีกฝ่าย ปฐวีเถียงสู้ไม่ได้ พาลหาเรื่อง

“คุณเป็นผู้หญิงของผม ไม่ว่าคุณจะชื่นชมคุณชายอรุณณรงค์แค่ไหน คุณต้องไม่ลืมความจริงข้อนี้”

“ฉันจะจำใส่กะโหลกไว้ ขอบคุณสำหรับคำว่าผู้หญิงของผม ความจริงคุณน่าจะแนะนำว่าฉันเป็นนางบำเรอ ฟังง่ายไม่ต้องตีความหมายให้ยุ่งยาก” ชิดชบาว่าแล้ว เดินเข้าตัวตึก ปฐวีมองตามหงุดหงิดหัวใจ ทั้งคู่มัวแต่เถียงกัน ไม่ทันเห็นธวัชพงษ์แอบมองมาจากนอกรั้ว เริ่มเข้าใจถึงฐานะของชิดชบา...

ทางด้านชัยยงค์กับพวกไม่ได้แค่ขู่ แต่มาดักเล่นงานธวัชพงษ์ระหว่างขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านเส้นทางเปลี่ยวจนสลบเหมือด แพรวาขับรถผ่านมาประสบเหตุ รีบโทร.แจ้งรถพยาบาลว่ามีคนถูกทำร้าย...

โสมสุภางค์ทนเป็นแม่พระอยู่บนหิ้งต่อไปไม่ไหว ยิ่งได้รู้ว่าปฐวีไม่ได้กลับไปนอนคอนโดฯที่พักมาสองคืนติดกันแล้ว เพราะมัวแต่ขลุกอยู่กับนางบำเรอ แถมยังได้แรงยุแยงจากเถาว์เครือ เธอถึงกับตบะแตก ตรงไปหาชิดชบาที่บ้าน พยายามพูดกดหัวให้อีกฝ่ายดูต่ำต้อย

ด้อยค่าว่าเป็นแค่ผู้หญิงขายตัว ชิดชบายอมรับว่าตัวเองเป็นอย่างที่เธอว่าจริงๆ แต่ตนขายตัวตอนที่ยังมีราคา

“มีผู้หญิงกี่คนในโลกนี้มีค่าตัวนับล้าน ผู้หญิงบางคนเดินมาในแวดวงผู้ดีมีอันจะกิน ยังสังเวยความสาวแค่แหวนวงเดียวกับเกียรติยศที่สังคมเรียกว่าคู่หมั้น แต่บางคนไม่ได้หมั้นไม่ได้หมายไม่มีอะไรเป็นหลักประกัน ก็ยังสังเวยด้วย...”ชิดชบาพูดยังไม่ทันจบ โสมสุภางค์ฉุนขาดเงื้อมือจะตบ เธอคว้ามือเอาไว้ทัน มองลึกเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและความกลัวของอีกฝ่าย ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า

“ต้องให้ฉันบอกไหมว่าคุณสังเวยเขาด้วยอะไร”...

ขณะที่ชิดชบากับโสมสุภางค์กำลังปะทะคารมกันอยู่ที่ห้องโถงของบ้าน จำเรียงวิ่งหน้าตื่นเข้าไปบอกสมควรกับบุญถิ่นว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว โสมสุภางค์ตามมาเอาเรื่องชิดชบาที่ปฐวีมานอนค้างที่นี่สองวันสองคืนติด บุญถิ่นเข้าข้างโสมสุภางค์เต็มตัว สมน้ำหน้าชิดชบาที่ถูกเจ้าของปฐวีตัวจริงเล่นงาน

“ป้าไม่ต้องห่วงหรอก คุณชิดชบาน่ะ กับคุณปฐวียังไม่ลดราวาศอกให้เลย นับประสาอะไรกับคุณโสมสุภางค์” จำเรียงหัวเราะขบขัน “ป่านนี้คงร้องไห้ฟ้องแม่...คุณแม่ขา ช่วยหนูด้วย”...

เป็นอย่างที่จำเรียงคาดไว้ไม่มีผิด โสมสุภางค์วิ่งโร่กลับไปฟ้องแม่ทั้งน้ำตาว่าโดนชิดชบาตอกหน้าหงายกลับมา แทนที่เถาว์เครือจะเห็นใจกลับต่อว่าซ้ำ

“ก็ไหนหนูว่านางบำเรอของปฐวีไม่อยู่ในสายตายังไงล่ะ แม่เคยเตือนหนูแล้ว หนูก็เห็นดีเห็นงามไปกับการกระทำของเขา ปฐวีมีสิทธิ์จะคืนหรือไม่คืนบ้านหลังนั้นก็ได้ ขายก็มีคนตะครุบ นี่เขาเล่นขายของอะไรกัน”

“หนูเชื่อใจวีค่ะ”

“ฮึ ถ้าเชื่อใจปฐวี หนูจะร้องไห้ไปทำไมล่ะ ไป...ไปวังหม่อมจรัสเรืองกัน”

โสมสุภางค์ไม่ไปไหนทั้งนั้นจะขอรอปฐวีก่อน เถาว์เครือเบื่อจะเกลี้ยกล่อม เชิญเธอทำตามใจ นี่ถ้าตนรู้ว่าปฐวีมีชีวิตยุ่งยากแบบนี้ ตนไม่ยอมให้ลูกรักกับเขาแน่นอน จังหวะนั้นมีเสียงเรียกเข้ามือถือของโสมสุภางค์ เห็นเบอร์โชว์หน้าจอเป็นของปฐวี เธอดีใจมากรีบรับสายแทบไม่ทัน

ไม่นานนัก โสมสุภางค์มาถึงสนามกอล์ฟตามนัด ปฐวีตรงเข้ามาโอบกอดเธอไว้ คุยว่าวันนี้ตีกอล์ฟชนะ ได้ตั๋วเครื่องบินไปยุโรปสองที่นั่ง เราจะไปปารีสกัน โสมสุภางค์ลิงโลดมาก ลืมความขุ่นข้องใจเสียสิ้น

ooooooo

ธวัชพงษ์ค่อยๆรู้สึกตัวตื่นขึ้นในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล มีรอยฟกช้ำทั่วใบหน้าและตามเนื้อตัว แพรวาปรี่เข้ามาถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง เขามองเธองงๆ

“ฉันชื่อแพรวาเป็นหมอจิตเวช คุณเป็นยังไงบ้างคุณธวัชพงษ์ ขอโทษนะ ที่ต้องค้นกระเป๋าของคุณ ไม่งั้นฉันแจ้งญาติของคุณไม่ได้”

“มันซ้อมผม มันต้องการแค่เตือนให้ผมเลิกยุ่งกับข่าวที่คุณปฐวีชนะพนัน จนมีคนฆ่าตัวตาย”

แพรวาตกใจคาดไม่ถึงที่ชื่อของปฐวีเข้าไปเกี่ยวข้อง กับการเสียชีวิตของคนอื่น...

ขณะที่ชิดชบาเดินเหงาๆอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ปฐวีขอเดินกับเธอด้วย พลางถามว่าพบอรุณณรงค์อีกหรือเปล่า เธอตอบอย่างยียวนว่า ตราบใดที่เขายังไม่ได้ตัดแขนตัดขาของเธอ เธอก็มีสิทธิ์จะพบใครบนโลกนี้ก็ได้ และที่สำคัญเราสองคนไม่ได้มีข้อตกลงในเรื่องสิทธิ์ส่วนตัวบางประการไม่ใช่หรือ

“ใช่ คุณมีสิทธิ์ แต่มันก็ต้องอยู่ในขอบข่ายที่ผม กำหนด คุณเป็นสินค้า ผมเป็นเจ้าของ ผมจะยอมให้คนอื่นใช้สินค้าที่ผมจ่ายเงินครอบครองได้ อย่างไร อ้อ...ผมจะไปยุโรปอาทิตย์หน้า ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมีอิสระเสรีที่จะทำอะไรก็ได้ เอาเถอะ กว่าจะถึงอาทิตย์หน้า ผมคงนึกออกหรอกว่าจะทำอย่างไรกับนางบำเรออย่างคุณ” ปฐวียิ้มเยาะ ก่อนจะเดินจากไป ชิดชบาเคียดแค้นกำมือแน่น

“ไอ้ขยะ ฉันแค่อยากได้บ้านของฉันคืน ฉันต้องเอาชีวิตของฉันคืนมาด้วย”...

การชวนไปปารีสกันสองต่อสองของปฐวีราวกับเป็นน้ำทิพย์ประโลมใจให้โสมสุภางค์ยิ้มได้อีกครั้ง เธอเล่าเรื่องนี้ให้แพรวาฟังด้วยสายตาเป็นประกาย ฝันเฟื่องถึงวันที่จะได้อยู่กับเขาสองต่อสอง ตระกองกอดกันไปตามถนนในกรุงปารีส แพรวาต้องปลุกเพื่อนให้ตื่นจากฝันกลางวัน แล้วถามว่าจะได้พบกับปฐวีเมื่อไหร่

“เอ่อ เขาไม่เป็นอะไรแล้ว เขาทำงานหนักใช้ชีวิตอย่างคนปกติ ไม่เคยพูดถึงฝันร้ายอีกเลย”

“เธอแน่ใจหรือว่าคุณปฐวีหลุดออกมาจากฝันร้ายแล้ว” แพรวามองเพื่อนที่นั่งนิ่งด้วยความเป็นห่วง...

ปฐวียังคงฝันร้ายเหมือนเช่นเคย แถมหนักข้อขึ้น เพราะสะดุ้งตื่นพร้อมกับอาการปวดศีรษะถึงขนาดต้องลุกขึ้นมากินยาแก้ปวด

ooooooo

เช้านี้ ชิดชบามาวิ่งออกกำลังที่สวนสาธารณะ เห็นครอบครัวหนึ่งมาออกกำลังกายใกล้ๆ ครอบครัวที่พร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่และลูกสาวตัวน้อยทำให้เธอหวนคิดถึงตัวเองในวัยเด็ก ตอนนั้นเธอลื่นไถลลงมาจากราวบันไดบ้าน หัวเราะสนุกสนานโดยมีพ่อของเธอยืนดูด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

ทุกอิริยาบถของเธอ ไม่ว่าจะเล่นเปียโน หรือวิ่งเล่นอยู่ในสวนสวยข้างบ้านจะมีภาพของชิดชงค์ยืนมองสายตาเปี่ยมไปด้วยความสุข เสียงหัวเราะของพ่อ แม่ลูกครอบครัวนั้นปลุกให้ชิดชบาตื่นจากภวังค์ พ่อกับแม่ที่คอยประคองลูกให้วิ่งออกกำลังกายทำให้เธอคิดถึงพ่อตัวเองใจแทบขาด...

ไม่ได้มีแต่ปฐวีกับโสมสุภางค์ที่ต้องเดินทางไปปารีสอาทิตย์หน้า อรุณณรงค์เองก็มีธุระต้องไปประชุมเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศกับท่านทูตเกษมสันต์และท่านรัฐมนตรีที่นั่นเช่นกัน หม่อมจรัสเรืองอยากให้เขาหาเวลาว่างแวะไปเยี่ยมท่านหญิงวลัย อรุณณรงค์ ไม่รับปาก แต่จะพยายามไปเยี่ยมท่านให้ได้

“เอ่อ วันนี้คุณเถาว์เครือมาเล่นไพ่ด้วย แม่ดูคุณเถาว์เครือจะไม่ค่อยปลื้มว่าที่ลูกเขยสักเท่าไหร่ แต่นั่นแหละ ลูกอายุปูนนี้แล้ว คนเป็นพ่อแม่ก็ไม่ใช่เสียงสำคัญ เรื่องเลือกคู่เป็นเรื่องของเขาเอง”

“คุณปฐวีเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่หรือครับ”

“ใช่ เขารวยตั้งแต่อายุไม่ถึงสามสิบ ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยมักจะมีข้อเสีย ทะนงตัวมากเกินไป คนพวกนี้จะใช้ชีวิตอย่างประมาท มีพลาดได้ทุกนาที ต้องเห็นใจคุณเถาว์เครือนะ เพราะคุณเถาว์เครือเป็นแม่”...

แม้จะยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บดีนักแต่ด้วยความมุ่งมั่นจะตีแผ่ความเลวร้ายของการพนัน ธวัชพงษ์ไม่สามารถนอนเฉยๆอยู่ในโรงพยาบาลได้ รีบไปเฝ้าหาข่าวหน้าบ้านปฐวี เห็นชิดชบาวิ่งผ่านประตูรั้วเข้ามา แอบมองด้วยความสนใจปนสงสารที่เธอต้องกลายมาเป็นนางบำเรอของปฐวี จังหวะนั้นถกลขับรถเข้ามาจอดนอกรั้ว ธวัชพงษ์รีบหลบมุม ชัยญาลดกระจกลงมองตามชิดชบาที่วิ่งเข้าไปแล้วหันไปทางชัยยงค์

“นั่นไงครับ ลูกสาวคุณชิดชงค์กลายเป็นของเล่นของนายปฐวี แค่เงื่อนไขที่เขาหลอกว่าจะคืนบ้านให้”

“แกต้องพิสูจน์ให้ชิดชบาเห็นว่าปฐวีเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ เราอาจจะใช้ชิดชบานี่แหละฆ่าปฐวี”...

ปฐวีกำลังเดินลงบันไดบ้าน เห็นชิดชบาวิ่งสวนขึ้นมา รีบคว้ามือเอาไว้ หาเรื่องต่อว่าว่าทีหน้าทีหลังแต่งตัวให้เหมาะสมกว่านี้ นี่ไปวิ่งออกกำลังกายหรือไปยั่วผู้ชายกันแน่ เธอตาวาวด้วยความโกรธ

“ของเล่นของผม ผมจะจับหันซ้ายหันขวายังไงก็ได้ รอให้ผมเบื่อคุณก่อน แล้วผมจะวางคุณไว้เฉยๆ”

ชิดชบาสะบัดมือเขาออก รีบวิ่งขึ้นบันได ไม่อยากให้เขาเห็นน้ำตา ขณะที่ปฐวีมองตามสะใจ...

ด้านโสมสุภางค์ปริ่มเปรมมาก พูดไม่หยุดถึงเรื่องที่จะไปปารีสกับชายคนรัก เถาว์เครือไม่วายแดกดันคราวนี้เธอจะตอบผู้คนอย่างไร ต้องมีคนถามตนกันให้แซ่ดแน่ๆ ว่าเธอไปฮันนีมูนหรือเปล่า

“ไม่เห็นยากเลย ก็บอกเขาว่าไปทัวร์ยุโรปกับคู่หมายน่ะสิคะ”

“คงมีเรื่องวิจารณ์กันให้แซ่ด ไฮโซไฮซ้อช่างสงสัยคงจะปากมันกันล่ะ แล้วชิดชบาล่ะ”

“ผู้หญิงอย่างชิดชบาคนละระดับกับหนูค่ะ คู่หมายอย่างหนู วีเขาเอาไว้บนหิ้ง ส่วนชิดชบานางบำเรอเขาเอาไว้ในห้อง” โสมสุภางค์เชิดหน้าทะนงตน...

ภาพการตายของพ่อยังตามหลอกหลอนปฐวีไม่เว้นแม้ในยามตื่น คืนนี้ก็เช่นกัน ขณะเขากำลังเคลียร์งานอยู่ในห้องทำงานหลังจากเลขาฯกลับไปแล้ว เขาเห็นปลายเท้าที่แกว่งไปมาของท่านลอยอยู่ตรงหน้า ปฐวีต้องการยุติความเจ็บปวดนี้ รีบเก็บข้าวของตรงกลับบ้าน คิดว่าความตายของชิดชบาอาจหยุดทุกอย่างได้ ค่อยๆเอื้อมมือจะบีบคอเธอที่กำลังหลับสนิท เป็นจังหวะที่ชิดชบาละเมอเรียกพ่อพอดี ทำให้เขาชะงัก

หญิงสาวรู้สึกตัวตื่นเห็นเขาอยู่ตรงหน้า รีบคว้าผ้าห่มมาปิดเนื้อตัว พร้อมกับต่อว่าถ้าจะมาหาก็ควรจะบอกล่วงหน้า แม้เธอเป็นแค่นางบำเรอ แต่เขาควรจะมีมารยาท เขาไม่ตั้งใจจะมา แค่รู้สึกอยากกลับบ้านแล้วไม่มีบ้านให้กลับ สองคนปะทะคารมกันอีกครั้ง ปฐวีโกรธจัดที่เธอพูดแทงใจดำ ผลักหงายหลังลงบนเตียง ก่อนจะผลุนผลันออกไปขึ้นรถ เร่งเครื่องออกไปอย่างรวดเร็ว

ooooooo

หัวข้อสนทนาระหว่างหม่อมจรัสเรืองกับอรุณ-ณรงค์ยังไม่พ้นเรื่องที่เถาว์เครือไม่ค่อยปลื้มว่าที่ลูกเขย เพราะการเล่นพนันครั้งล่าสุดของเขาทำให้ชิดชงค์ซึ่งร่ำรวยขึ้นมาได้จากการพนันสิ้นเนื้อประดาตัว แม้แต่ชีวิตก็ไม่เหลือ คนที่ผีพนันเข้าสิง ขายได้ทุกอย่างเพื่อเกมพนัน

“คุณชิดชงค์เอาธุรกิจทั้งหมดมาลงพนัน เขาแพ้จนทนมีชีวิตอยู่ไม่ได้ เขาตายเขาสบายไป แต่คนข้างหลังต้องไถ่บาป รู้ไหมลูกสาวคุณชิดชงค์ต้องขายตัวเป็นทาส ไถ่หนี้สินเกมพนัน”

อรุณณรงค์ชักอยากจะรู้ขึ้นมาว่าลูกสาวของชิดชงค์ชื่ออะไร พอรู้ว่าชื่อชิดชบา ทนนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้ รีบขับรถไปหาเธอที่บ้าน ชิดชบากำลังเดินชมสวนอยู่หน้าบ้านถึงกับอุทานด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเปิดประตูรั้วให้เขาขับรถเข้ามาจอดข้างใน ธวัชพงษ์ที่ซุ่มดูอยู่อดสงสัยไม่ได้ แขกผู้มาเยือนคนใหม่เป็นใครกัน...

ไม่ได้มีแต่ธวัชพงษ์เท่านั้นที่คอยสอดแนม บุญถิ่นจับตามองชิดชบาทุกอิริยาบถเพื่อนำไปรายงานเถาว์เครือ ชิดชบาชวนอรุณณรงค์ดื่มกาแฟด้วยกันที่โต๊ะสนาม ทั้งสองคุยกันถูกคอ ตั้งแต่เรื่องออกกำลังกาย เรื่อยไปจนถึงเรื่องต้นไม้ อรุณณรงค์เผลอตัวบอกเธอว่าจะไปยุโรปสองอาทิตย์ แล้วหัวเราะแก้เก้อ

“เอ่อ ตลกจังครับ ผมจะบอกคุณทำไมในเมื่อเราก็ยังเป็นคนแปลกหน้ากันอยู่”

“ลืมความรู้สึกแปลกหน้าเสียเถอะค่ะ ฉันอาจจะมีความจำเป็นในบางฐานะ แต่สำหรับความเป็นเพื่อน ไม่มีใครมาจำกัดสิทธิ์ฉันหรอกค่ะ เพราะมันยังเป็นสิทธิ์ที่ชอบธรรมของฉัน”

“แม้แต่คุณปฐวีหรือครับ”

“ค่ะ เพราะฐานะเพื่อนน่านับถือเสมอยังงั้นใช่ไหมคะ” ชิดชบายิ้มจริงใจ ขณะที่อรุณณรงค์เริ่มมีใจให้หญิงสาวตรงหน้าตัวเองโดยไม่รู้ตัว...

โสมสุภางค์กำลังเลือกเครื่องประดับอย่างมีความสุขอยู่ในห้องนอนตัวเอง ตอนที่เถาว์เครือเดินหน้าเครียดเข้ามาฟ้องว่าวันนี้อรุณณรงค์ไปหาชิดชบาที่บ้าน แถมยังต้อนรับขับสู้เขาเป็นอย่างดี นี่ใจคอนังนั่นจะกวาดไม่เหลือแม้แต่ผู้ชายดีๆอย่างเขาหรือ โสมสุภางค์ขอร้องให้แม่เลิกสอดแนมชิดชบาสักที สู้มาช่วยเธอเลือกสร้อยที่จะเอาไปใช้ที่ปารีสไม่ดีกว่าหรือ เถาว์เครือโวยวายนี่ลูกจะไม่เดือดร้อนเรื่องนังนั่นจริงๆหรือ

“ค่ะ แล้วคุณแม่จะเดือดร้อนทำไม”

“แม่เดือดร้อนเพราะคุณชายอรุณณรงค์เป็นผู้ชายคนเดียวที่แม่หวังจะให้ลูกแต่งงานด้วย มันไม่มีสิทธิ์แย่ง” เถาว์เครือประกาศกร้าว...

ค่ำวันเดียวกัน ขณะที่ชิดชบากำลังปั้นดินเหนียวอย่างมีความสุข ปฐวีเข้ามาต่อว่าด่ากระทบเรื่องที่อรุณณรงค์มาหาเธอถึงที่นี่ ชิดชบาไม่อยากฟัง ลุกขึ้นจะกลับห้อง เขาขวางไว้

“เป็นนางบำเรอน่ะทำหน้าที่แค่นอนไม่ได้นะชิดชบา คุณต้องนั่งด้วย นั่งฟังสิ่งที่ผมพูด”

ชิดชบาเสียงกร้าวตนไม่ใช่ตุ๊กตา จะนั่งหรือจะนอนก็เป็นสิทธิ์ของตน ปฐวีกระชากเธอเข้ามาชิดตัว

“งั้นก็ไปสิ ไปนอน คุณก็รู้ว่านอนน่ะมันง่ายกว่านั่ง ข้อสำคัญนอนนี่ทำให้เราไม่มีเวลาทะเลาะกันไงล่ะ”

หญิงสาวโกรธที่เขาพูดจาไม่ให้เกียรติ สาปแช่งให้เขาตกนรกหมกไหม้ ยังแช่งไม่สาแก่ใจ เขากระชากเธอมาจูบ ชิดชบาพยายามผลักไสใบหน้าเขาออกห่างทำให้โคลนที่มือเธอเปรอะหน้าตาเนื้อตัวเต็มไปหมด

ooooooo

ปฐวีหงุดหงิดแต่เช้าเมื่อรู้ว่าอรุณณรงค์มาตีเทนนิสกับชิดชบา ยังไม่ทันจะลงไปเอาเรื่อง โสมสุภางค์โทร.มาหาเสียก่อน ย้ำเตือนเรื่องจะไปยุโรปด้วยกันเพราะกลัวเขาเปลี่ยนใจ

“วีคะ บ่ายนี้คุณว่างไหมคะ จะไปดูแฟชั่นที่เรอเนซองส์กันดีกว่าค่ะ”

“เที่ยงผมไปรับคุณนะ”

โสมสุภางค์รับคำ วางสายด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข แต่อยู่ๆเกิดแน่นหน้าอกขึ้นมา ซวนเซจะล้ม เถาว์เครือรีบเข้ามาประคอง ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง จะให้เรียกรถพยาบาลไหม

“หนูไม่เป็นอะไรหรอกค่ะคุณแม่ หนูกำลังจะเตรียมตัวไปยุโรปกับวี บ่ายนี้วีจะมารับไปดูแฟชั่นค่ะ”

“วีๆๆๆ อะไรก็ปฐวี ระวังจะเอาชีวิตมาสังเวยผู้ชายที่รักไม่เป็นอย่างปฐวี”...

คนที่เถาว์เครือนินทากำลังแอบดูชิดชบากับอรุณ–ณรงค์ตีเทนนิสกันอย่างสนุกสนาน เขาเกิดหวงแหนในตัวเธอขึ้นมา กลับขึ้นตึกอย่างอารมณ์เสีย ผ่านไป

ไม่นานนัก ชิดชบาเดินซับเหงื่อเข้ามา ปฐวีแดกดันทันที รู้สึกว่าเธอจะสนิทสนมกับอรุณณรงค์ได้รวดเร็วทันใจดี แต่ต้องขอเตือนไว้ก่อน อย่าเคลิ้มไปกับความดีงามของเทพบุตรคนนั้น เพราะจริงๆแล้วเธอคือคนเดินดินไม่สามารถจะใช้ชีวิตอยู่บนวิมานชั้นฟ้าอย่างเขาได้

ชิดชบาปรี๊ดแตก “คุณมันก็เป็นได้แค่หมาหวงก้างหมาที่ขอดเกล็ดขอดเนื้อเหยื่อจนเหลือแต่กระดูก กระดูกที่ไม่มีราคาค่างวดอะไรเลย มันเป็นสันดานของสัตว์เดรัจฉาน” ด่าเสร็จเธอวิ่งขึ้นห้อง ปฐวีตะโกนไล่หลัง

“คุณคิดว่าผมจะปล่อยคุณไว้ให้เทวดามาตีท้ายครัวสินะ ไม่มีทาง”...

หัวหน้ากอง บก.เห็นใจที่ธวัชพงษ์ถูกซ้อม หากเขาจะเลิกทำข่าวชิ้นนี้ ตนก็ไม่ว่า แต่ถ้าคิดจะเดินหน้าต่อ ตนก็เอาด้วย ธวัชพงษ์ยืนยันจะทำต่อไป แม้คดีชิดชงค์ฆ่าตัวตาย ตำรวจจะปิดคดีไปแล้วก็ตาม แต่มันไม่เคยจบในทางสังคม หัวหน้ากอง บก.เตือนให้เขาระวังตัว หากจะเดินหน้าทำข่าวชิ้นนี้ต่อไป

“ผมจะระวังตัว ครับพี่”...

ปฐวีเห็นความสัมพันธ์ระหว่างชิดชบาและ อรุณณรงค์ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ชักจะหวั่นใจ หากทิ้งเธอไว้เมืองไทยตามลำพังระหว่างที่เขาพาโสมสุภางค์ทัวร์ยุโรป อาจต้องเสียเธอให้อรุณณรงค์ก่อนการแก้แค้นจะเสร็จสมบูรณ์ จึงตัดสินใจเอาเธอไปด้วย ชิดชบาไม่เข้าใจจะพาตนเองไปในฐานะอะไร

“นางบำเรอ” ปฐวียิ้มหยัน

ooooooo

ฝันที่โสมสุภางค์วาดไว้เป็นอันพังทลายลงตรงหน้าเมื่อรู้จากปฐวีว่าชิดชบาจะไปทัวร์ยุโรปด้วย เธอไม่เข้าใจเขาจะเอาแม่นั่นไปเป็นตัวถ่วงเราทำไม นับวันเขาจะลงทุนเพื่อผู้หญิงคนนี้แทนที่จะตักตวงให้คุ้ม

“สักวันหนึ่งคุณจะเข้าใจว่าทำไมผมต้องทำ”

“ฉันอาจจะไม่เข้าใจภูมิหลังของคุณ แต่ความอดทนของคนมันมีวันหมด อย่าให้ฉันถึงวันนั้นก็แล้วกัน” โสมสุภางค์ว่าแล้วคว้ากระเป๋าถือเดินจากมาทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ

หลังจากนำเรื่องขุ่นข้องหมองใจครั้งนี้ไปปรับทุกข์กับแม่ โสมสุภางค์บุกไปหาชิดชบาถึงบ้าน หวังจะด่าว่าให้สะใจ แก้ตัวจากคราวก่อนที่โดนตอกหน้าหงาย ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน เธอโดนชิดชบายอกย้อนอย่างเจ็บแสบ กลับถึงบ้านด้วยอาการแน่นหน้าอก ก่อนจะทรุดลงไปกองกับพื้น ท่ามกลางความตกตะลึงของเถาว์เครือ...

ระหว่างที่ธวัชพงษ์เดินไปยังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลเพื่อถามหาแพรวา เห็นเธอวิ่งสวนไปที่ทางเข้าด้านหน้าเพื่อรับโสมสุภางค์ที่ถูกนำตัวมาส่ง เถาว์เครือขอร้องให้ช่วยลูกของตน

“โสมสุภางค์เป็นอะไรคะ”

“ฉันก็ไม่รู้ จู่ๆก็...” พูดได้แค่นั้นเถาว์เครือก็ปล่อยโฮ แพรวาสั่งให้บุรุษพยาบาลนำตัวคนป่วยส่งห้องฉุกเฉิน เขาเข็นเตียงที่โสมสุภางค์นอนอยู่ผ่านหน้าธวัชพงษ์ไปอย่างเร่งรีบ...

ณ บ้านสวน ตลับนาครู้เรื่องที่ปฐวีจะพาชิดชบาไปยุโรปด้วย ถึงกับออกปากว่าพิลึกคน ผู้หญิงคนเดียวก็รับมือแทบไม่ไหว นี่จะแบกไปทีเดียวสองคน

“เขาเป็นเจ้าของเงิน เป็นเจ้าของหนู เขาจะทำอย่างไรกับหนูก็ได้ค่ะ”

ตลับนาคไม่สบายใจมาก ขอร้องให้ชิดชบาตัดใจเรื่องบ้าน แล้วมาใช้ชีวิตอยู่กับตนที่นี่ ตามประสาป้าหลาน พอมีกำลังแล้วค่อยออกไปต่อสู้ชีวิตใหม่ เธอทำไม่ได้เพราะมาไกลเกินกว่าจะกลับไปเริ่มต้นใหม่

“ไม่ต้องห่วงหนูหรอกค่ะคุณป้า หนูจะเอาบ้านคืนมาให้ได้”...

แม้อาการของโสมสุภางค์จะไม่หนักหนาแต่หมอต้องใส่เครื่องช่วยหายใจให้ ปฐวีพรวดพราดเข้ามาในห้องพักฟื้น โผกอดเธอที่ยังนอนหมดสติด้วยความเป็นห่วง เถาว์เครือโกรธมาก โทษว่าเป็นเพราะเขา ลูกของตนถึงได้เป็นแบบนี้ แม้คราวนี้จะยังไม่ตาย แต่ถ้าเขาไม่เลิกพฤติกรรมบ้าๆนั่น โสมสุภางค์ได้ตายแน่

“ฉันเสียใจ ถึงวันนี้ฉันเสียใจที่ฉันไม่ได้ห้ามลูกเรื่องคุณ ฉันคงจะหลงคิดไปว่าคนหนุ่มแน่นร่ำรวยอย่างคุณจะมีอนาคตที่ดีให้ลูกฉัน แต่ไม่เลย มีแต่เรื่องลมๆแล้งๆ เรื่องทุเรศทุรัง เรื่องนางบำเรอ”

ปฐวีทนฟังไม่ได้ ลุกพรวดพราดออกไป เดินผ่านหน้าแพรวาที่ยืนฟังอยู่ตลอด เธอรีบตามเขาจนทันกันใกล้ๆกับจุดที่ธวัชพงษ์ยืนอยู่ ขอร้องให้เขาหยุดก่อนแล้วแนะนำตัวเองว่าชื่อแพรวาเป็นเพื่อนของโสมสุภางค์ เป็นหมอที่เธอต้องการให้มาดูแลเขา ปฐวีของขึ้นทันที โวยเสียงลั่น

“ผมไม่ได้บ้า ผมไม่ต้องการหมอโรคจิต ถ้าผมจะหยุดฝันร้ายล่ะก็ ผมจะหยุดด้วยวิธีของผม” พูดจบเขาจ้ำพรวดๆจากไป แพรวากับธวัชพงษ์หันมาสบตากันงงๆ ทำไมเขาต้องโกรธขนาดนั้น...

กว่าชิดชบาจะกลับถึงบ้านก็ค่ำมากแล้ว เจอปฐวีรอท่าอยู่ที่ห้องโถง เธอไม่มีอารมณ์จะทะเลาะด้วยเดินเลี่ยงจะขึ้นห้อง เขาปรี่มาขวางไว้ จ้องหน้าเธอด้วยสายตาชิงชัง สั่งห้ามเธอแตะต้องโสมสุภางค์ผู้หญิงที่เขารักและจะแต่งงานด้วยเด็ดขาด เธอโทษว่าเขานั่นเองเป็นต้นเหตุให้โสมสุภางค์ต้องเป็นเช่นนี้ มีคู่หมั้นคู่หมายที่ดีดุจนางฟ้า แต่เขากลับทำร้ายหัวใจเธอด้วยการมีนางบำเรอ ปฐวีได้แต่ยืนอึ้ง

ooooooo

เยี่ยมโสมสุภางค์เสร็จ แพรวาเปิดประตูออกมาเจอธวัชพงษ์ยืนถือช่อดอกไม้รออยู่ เขาจะมาขอบคุณเธอที่ช่วยเขาไว้วันนั้น เธอตำหนิ ทำไมถึงรีบออกจากโรงพยาบาลทั้งที่แผลยังไม่หายดี

“ผมไม่เป็นไรแล้วล่ะครับ เอ่อ คุณปฐวีเป็นคนไข้ของคุณหมอหรือครับ พอดีผมกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับเขา เขามีพฤติกรรมที่ส่งผลให้คนคนหนึ่งฆ่าตัวตาย ฝันร้ายที่คุณกับเขาพูดถึง มันเกิดจากจิตใต้สำนึกของเขาใช่ไหมครับ” ธวัชพงษ์สวมวิญญาณนักข่าวหัวเห็ด แพรวาขอให้เขาเลิกสนใจเรื่องนี้จะดีกว่า ถ้าปฐวีเป็นคนไข้ของเธอ เธอก็ให้ข้อมูลอะไรเขาไม่ได้ พูดจบเธอขยับจะไป ธวัชพงษ์ยังซักถามไม่เลิก เธอเดินหนีไปเลยไม่ยอมตอบคำถาม ธวัชพงษ์มองตามถอนใจหนักใจ แล้วนึกขึ้นได้ ยังไม่ได้ให้ดอกไม้เธอแทนคำขอบคุณ...

ทางฝ่ายอรุณณรงค์จะต้องเดินทางไปยุโรปวันพรุ่งนี้ จึงแวะมาลาชิดชบา อีกประมาณสองถึงสามอาทิตย์ถึงจะกลับ เขาคงนับวันนับคืนที่จะได้กลับเมืองไทย

“ฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณดีค่ะ เมื่อตอนที่ฉันไปเรียน ฉันก็นับวันนับคืนเมื่อไหร่จะได้กลับเมืองไทย”

“ผมคงจะคิดถึงคุณ ไม่ขออนุญาตคุณปฐวีหรอกนะครับ แล้วก็ไม่ขออนุญาตคุณด้วย เพราะว่า...” เขายังพูดไม่จบประโยค ชิดชบาตัดบท รีบยื่นมือไปให้เขาจับ อวยพรให้โชคดี...

ที่ห้องพักฟื้นผู้ป่วย โสมสุภางค์ค่อยๆรู้สึกตัวลืมตาขึ้น ปฐวีที่นั่งเฝ้าอยู่ รีบจับมือเธอไว้ คุยอวดว่านั่งเฝ้าอยู่ตลอด รอเวลาให้เธอตื่น จะได้เห็นเขาเป็นคนแรกและจะได้รู้ว่าเขาห่วงเธอแค่ไหน โสมสุภางค์ขอคำยืนยันจากเขาว่าเราจะไปยุโรปกัน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เขาจูบที่ปลายนิ้วของเธอทีละนิ้วอย่างรักใคร่

“จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แม้แต่เรื่องแต่งงาน” คำพูดเอาใจของเขาทำให้เธอดีใจน้ำตาร่วง

ระหว่างกินข้าวกันไปนินทาเจ้านายไปด้วย บุญถิ่นนึกขึ้นได้ ยังไม่รู้เลยว่าปฐวีจะกลับเมื่อไหร่ จำเรียงเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ท่านไม่ได้บอก แต่คงไปไม่กี่วันเพราะโสมสุภางค์ไปด้วยคงจะไม่สนุกเท่าไหร่

“แล้ว เอ่อ แม่คนนั้นล่ะ”

พอรู้ว่าชิดชบาไปด้วย บุญถิ่นตกใจถึงกับร้องเอะอะ

ooooooo

ปฐวี โสมสุภางค์และชิดชบามาถึงสนามบินสุวรรณภูมิตอนเย็นวันรุ่งขึ้น โสมสุภางค์สวมชุดเดินทาง แบรนด์เนมล้วนๆ ขณะที่ชิดชบาใส่กางเกงยีนส์ขาดๆ สวมเสื้อซอมซ่อสะพายเป้ แม้เพิ่งออกจากโรงพยาบาล แต่โสมสุภางค์ไม่วายปากดี ค่อนขอดศัตรูว่าแต่งตัวไม่รู้จักกาลเทศะ ทำเหมือนเป็นอีตัวไม่มีผิด

“...ฉันลืมไปว่าเธอมีฐานะเป็น...โสเภณีส่วนบุคคล ไปค่ะวี ไปเช็กอินตั๋วเครื่องบินกัน” โสมสุภางค์ดึงปฐวีออกไป ชิดชบามองตามแค้นใจ...

ในขณะที่ปฐวี โสมสุภางค์และชิดชบาบินลัดฟ้าสู่ปารีส เถาว์เครือกำลังเล่นไพ่กับคุณหญิงคุณนายและหม่อมจรัสเรือง ถึงกับทำไพ่หลุดมือเมื่อรู้จากหม่อมจรัสเรืองว่าอรุณณรงค์ไปประชุมที่ฝรั่งเศสเช่นกัน...

ณ กรุงปารีส เมืองที่แสนจะโรแมนติก โสมสุภางค์ต้องผิดหวังอีกครั้งเมื่อพบว่าปฐวีจ้องห้องพักไว้สามห้องแทนที่จะจองแค่สองห้อง แล้วเขากับเธอนอนห้องเดียวกัน ชิดชบาเห็นท่าทางของเธอแล้วอดขำไม่ได้

“แหมใจดีจังที่อนุญาตให้ฉันมีห้องพักเป็นสัดส่วน โดยไม่ต้องนอนรวมกันแบบสามคนผัวเมีย”

ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น