พรหมบุญแสดงน้ำใจไมตรีต่อแก้วด้วยการเชิญเขามาที่บ้านพร้อมหวานสวาทแล้วมอบเงินสองแสนเป็นค่าเสียหายที่เสือเล็กทำกองถ่ายทำมิวสิกวีดิโอของเขาปั่นป่วนจนเสียงาน แก้วจะไม่รับก็ไม่ได้เพราะพรหมบุญตีกันว่าอย่าเกรงใจ ถ้าแก้วไม่รับเขาถือว่าไม่ให้เกียรติ
การพูดคุยของสองฝ่ายเป็นไปด้วยดี และจบลงด้วยการโชว์เพลงของหวานสวาทภายในห้องโฮมเธียเตอร์ สุดหรูหรา ฟ้ารุ่งคู่นอนของพรหมบุญหมั่นไส้และหึงหวงอยากเข้าไปขัดคอแต่โดนสมุนของพรหมบุญกางกั้นจนต้องถอยออกมาด้วยท่าทีฮึดฮัด แล้วพาลมาทะเลาะกับอาเหมยคนรับใช้ สุดท้ายเลยโดนพรหมบุญเอ็ดใส่ว่าถ้าอยากอยู่บ้านนี้อย่ายุ่งเรื่องของคนอื่น
แก้วและหวานสวาทกลับออกจากบ้านพรหมบุญด้วยความระมัดระวัง ระหว่างทางเจอสีหราชอย่างไม่คาดคิด สีหราชกับแก้วเป็นเพื่อนกัน เมื่อรู้เห็นว่าเพื่อนเข้าไปพัวพันกับพวกโจรอย่างพรหมบุญจึงต้องเตือน แต่แก้วแย้งว่านักร้องลูกทุ่งอย่างพวกตนไม่มีทางเลือก ไปแสดงที่ไหนถ้าไม่เข้าหาเจ้าที่เจ้าทางคงเปิดการแสดงไม่ได้
“แต่สิ่งที่พวกนายทำมันเสี่ยงอันตราย เพราะฉันกำลังวางแผนจะกำจัดคนเลวอย่างไอ้พรหมบุญกับพวกของมัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นฉันไม่อยากให้นายกับหวานสวาทโดนลูกหลง”
“พวกเรารู้ตัวดีค่ะว่ากำลังเล่นกับอะไรอยู่ แต่การจะฆ่าเสือบางครั้งเราก็ต้องปลอมตัวให้เหมือนเสือ”
สายตาของหวานสวาทเต็มไปด้วยความเจ็บช้ำกับอดีตแต่หนหลัง...แก้วเสริมให้สีหราชเข้าใจมากขึ้นว่า
“หวานสวาทมีเรื่องบางอย่างที่จะต้องเอาคืน และการมาถ่ายทำมิวสิกวีดิโอที่นี่ก็คือสิ่งที่เราวางเอาไว้แล้วล่วงหน้า”
“แสดงว่าพวกนายก็กำลังหาทางกำจัดไอ้พรหมบุญเหมือนกัน”
สองคนพยักหน้ารับ แล้วจากนั้นแก้วก็เผยว่าพรหมบุญทำชั่วเมื่อสิบปีที่แล้วกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งให้จมอยู่กับความทุกข์แสนสาหัส สีหราชเข้าใจทันทีว่าเด็กคนนั้นคือหวานสวาทจึงให้เธอเล่าความระยำของพรหมบุญออกมา
หวานสวาทเล่าทั้งน้ำตาว่าพ่อแม่ของเธอถูกพรหมบุญฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม แล้วมันยังย่ำยีเธอซึ่งเพิ่งจะเริ่มสาวเหมือนของเล่นที่ไม่มีชีวิตจิตใจ ทำให้ชีวิตของเธอเหมือนตกนรกทั้งเป็น
“หลังจากนั้น...หวานสวาทต้องหนีไปอาศัยญาติๆ ที่จังหวัดอื่น ส่วนที่ดินมันก็ให้ปลัดฉกาจปลอมแปลงเอกสารจนที่ดินกลายเป็นชื่อของมัน”
“ตลอดสิบปีที่ผ่านมาเด็กผู้หญิงต้องนอนร้องไห้ เฝ้ารอคอยคืนวันที่จะได้มีโอกาสแก้แค้น จนกระทั่งวันนี้โอกาสก็มาถึงจนได้”
“พ่อของหวานสวาทก็คือลุงของฉัน เมื่อหวานสวาท มาขอร้องให้ช่วย ฉันก็รับปากทันที”
“แล้วคืนนี้ปลาก็ติดเหยื่อพวกนายจนได้”
“ใช่...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็จะทำตามแผนของเราต่อไป เปลี่ยนแปลงไม่ได้”
“ถ้าอย่างงั้นเราคงต้องร่วมมือ...ในฐานะที่มีศัตรูคนเดียวกัน”
สีหราชยื่นมือออกมา แก้วมองหน้าหวานสวาทครู่หนึ่งก่อนทั้งคู่จะยอมจับมือกับสีหราชเป็นคำมั่นสัญญา
ooooooo
เช้าวันนี้อาจารย์เป๋อฉายาตาทิพย์โดนตามตัวมาพบมุกดาถึงปั๊มน้ำมัน มุกดาต้องการให้อาจารย์ช่วยทำนายเรื่องของหัวใจที่เธอเพิ่งพบเจอผู้ชายคนหนึ่งมาหมาดๆ
อาจารย์เป๋อพูดเป็นฉากๆราวตาเห็นว่าชายคนนั้น หล่อมาดแมนหลบเข้าไปถึงห้องนอนของมุกดา เล่นเอาเธอเพ้อหาจนไม่เป็นอันกินอันนอน มุกดาเขินอายกำชับอาจารย์ห้ามพูดเรื่องนี้ให้ใครฟัง
เมื่อออกจากห้องทำงานมุกดามาแล้วอาจารย์เป๋อเห็นสีหราชขับมอเตอร์ไซค์เข้ามาเติมน้ำมัน ฉับพลันตาทิพย์ของอาจารย์ก็เริ่มทำงาน รู้ว่าสีหราชนี่เองคือผู้ชายที่มุกดาใฝ่ฝันหา
สีหราชทักทายอาจารย์เป๋ออย่างสนิทสนมถามว่ามาทำอะไรแถวนี้ อาจารย์บอกว่ามาหามุกดาเพราะเรื่องของเขา สงสัยว่าคืนนั้นไปทำอะไรเข้าล่ะเธอถึงได้ละเมอเพ้อพกถึงเขาแบบนี้ ว่าแล้วรุนหลังจะให้สีหราชไปหามุกดาในห้องทำงานแต่ชายหนุ่มรีบปฏิเสธ
“ไม่เอาๆ ผมยังไม่อยากมีเมียโดยอุบัติเหตุ นี่ผมกำลังจะไปเกษมขนส่งอาจารย์ไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ”
“แน่ะๆ ไปเกษมขนส่ง...มันต้องมีอะไรแน่ๆเลย ญาณสัมผัสของข้ามันวูบวาบยังไงไม่รู้”
“เหอะน่า...ไปเป็นเพื่อนกันหน่อย วันก่อนผมไปโวยเขาไว้เยอะ วันนี้ก็เลยอยากจะไปแก้ตัว”
อาจารย์เป๋อตกลงซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์สีหราชออกไป มุกดาเห็นไวๆ สงสัยว่าอาจารย์ไปกับใคร...เมื่อไปถึงเกษมขนส่ง คนงานจำสีหราชที่มาอาละวาดวันก่อนได้เกรงจะเกิดเรื่องอีกจึงรีบไปบอกเสี่ยเกษม
สีหราชมาดีแต่สายสุนีย์ระแวง กว่าจะคุยกันรู้เรื่องก็เสียเวลาไปพอสมควร สีหราชขอโทษสองพ่อลูกที่วันก่อนเคยล่วงเกินด้วยความโมโหขาดสติ เลยทำตัวเหมือนคนบ้าไม่ยอมฟังเหตุผลอะไร
“นี่นายคงจะรู้ความจริงแล้วใช่ไหมว่าพวกเราไม่เกี่ยวข้อง”
“ครับ ผมรู้แล้วว่าไอ้คนที่มันบงการฆ่าน้องชายผมก็คือไอ้วายร้ายพรหมบุญ มันต้องการฆ่าน้องชายผมก็เพื่อปกปิดในเรื่องที่มันอยู่ในขบวนการค้ายาเสพติด”
สองพ่อลูกแปลกใจเพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าพรหมบุญค้ายาเสพติด
“จริงเหรอคะพ่อ ที่นายพรหมบุญค้ายาเสพติด”
“นั่นสิ พ่อก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าลำพังธุรกิจรถบรรทุกขนส่งอย่างเดียวมันไม่น่าจะร่ำรวยมากมหาศาลแบบนั้น”
สีหราชหยิบโทรศัพท์ของสีทองมาเปิดภาพหลักฐานที่ถ่ายไว้ เห็นชัดว่าพรหมบุญติดต่อกับคนค้ายาเสพติดและฉีกถุงยาทดสอบที่ปลายลิ้น
“โทรศัพท์นี่สีทองฝากผมเอาไว้ก่อนตาย แต่ผมไม่ทันได้เอะใจจนกระทั่ง...” สีหราชเล่าถึงวันที่เขาบุกบ้านพรหมบุญแล้วฆ่าเดี่ยวกับยงค์ตาย แต่ก่อนตายพวกมันสารภาพว่าพรหมบุญต้องการให้ฆ่าปิดปากสีทองที่รู้เห็นว่าเขาค้ายาเสพติด
“แต่ยังมีอีกเรื่องที่ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ นั่นก็คือใครคือมือปืนที่ลอบยิงน้องชายผม”
“เอาล่ะๆ ไหนๆก็ไหนแล้ว ฉันก็จะบอกเท่าที่ฉันรู้ให้เธอฟังก็แล้วกัน” เสี่ยเกษมเล่าเหตุการณ์วันนั้นที่เห็นมือปืน แต่ไม่รู้จริงๆว่ามันเป็นใคร แต่ถ้าได้เจออีกครั้งต้องจำได้แน่
“ที่ไม่เราบอกเรื่องนี้กับใครไม่ได้ก็เพราะเรากลัวจะโดนฆ่าปิดปากไปอีกคน ฉันเองต้องขอโทษแทนเตี่ยด้วย”
“ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่กรรมลิขิตมาแล้วทั้งนั้น คุณสายสุนีย์กับเสี่ยทำถูกแล้ว” อาจารย์เป๋อชื่นชม
“ถึงจะไม่รู้ว่ามือปืนที่ยิงน้องผมเป็นใคร แต่ไม่เป็นไร ผมจะเก็บไว้ถามไอ้พรหมบุญด้วยตัวเอง”
“นี่เธอคิดจะแก้แค้นยังงั้นเหรอ”
“ครับเสี่ย ถ้าไม่ได้จัดการกับมันให้สำเร็จ ผมคงตายตาไม่หลับ”
“เอาเป็นว่าฉันพร้อมที่จะช่วยเหลือเธอในทุกเรื่อง เพียงแต่ความช่วยเหลือของฉันจะเป็นไปอย่างเงียบๆ ไม่กระโตกกระตากจนเกินไป เพราะพวกฉันมันคนทำมาหากิน ไม่ใช่นักเลงหัวไม้ หวังว่าเธอคงเข้าใจนะ”
“ได้ครับ การแก้แค้นของผมจะพยายามไม่ทำให้เสี่ยกับคุณสายสุนีย์เดือดร้อนเป็นอันขาด”
สีหราชยิ้มดีใจที่ได้รับความร่วมมือ สายสุนีย์ยืนนิ่งซ่อนความรู้สึกไม่อยากแสดงออกมากนักว่าพอใจที่สีหราชและเตี่ยของเธอผูกมิตรกัน เมื่อชายหนุ่มหันมายิ้มให้ เธอแกล้งเมินเหมือนไม่ได้สนใจอะไร สีหราชแอบหมั่นไส้ ตอนจะกลับเลยกระเซ้าเย้าแหย่เธอทีเล่นทีจริง เล่นเอาเธอโมโหและขวยเขินระคนกัน
ออกจากเกษมขนส่งไม่คิดว่าสีหราชจะเห็นรถของพรหมบุญที่ชาญเป็นคนขับมีพายัพนั่งอยู่ข้างๆ สีหราช ตัดสินใจซิ่งมอเตอร์ไซค์ตามไปโดยที่อาจารย์เป๋อนั่งซ้อนท้ายคอยใช้ญาณตาทิพย์จับความเคลื่อนไหว พรหมบุญเจอโจทก์เก่าคิดบัญชีแต่ชาญใช้ความเก่งกาจจัดการพวกมันดับดิ้นทุกคนแล้วมุ่งหน้าต่อไปยังชายแดนเพื่อส่งพรหมบุญกับพายัพไปประชุมกับเจ้าพ่อค้ายาเสพติดนามว่าตัน เคียน สิว ซึ่งปลัดฉกาจมารออยู่ก่อนแล้ว
สีหราชไม่รู้ว่าพวกมันมาทำอะไร เขาเลือกที่จะขับรถตามชาญออกไปในเมืองโดยมีอาจารย์เป๋อติดสอยห้อยตามอยู่ตลอด ชาญทำตามคำสั่งพายัพให้เอารถไปล้าง ถ้าเสร็จธุระเมื่อไหร่จะโทร.ตาม
การพบกันระหว่างสีหราชกับชาญซึ่งเป็นเพื่อนรักในวัยเด็ก สองคนไม่ได้รำลึกความหลังแต่สีหราชขอบใจชาญที่ช่วยเรื่องงานศพพ่อแม่ให้ดำเนินไปได้ ชาญบอกว่าที่ทำไปเพราะรักและเคารพพ่อแม่ของเขาเหมือนพ่อแม่ของตน...เมื่อสีหราชขอความร่วมมือชาญเพื่อแก้แค้นแทนทุกคนในครอบครัวกลับได้รับการปฏิเสธ
“แต่นายของแกคือศัตรูของฉัน”
ชาญชะงักกับคำพูดของสีหราช ขณะที่อาจารย์เป๋อซึ่งอยู่ห่างออกไปเฝ้ามองเหตุการณ์ สักครู่ชาญก็สตาร์ตรถขับออกไปไม่สนใจสีหราชที่ยืนนิ่งน้อยใจ อาจารย์เป๋อเดินมาหาทราบดีว่าตอนนี้อารมณ์ของสีหราชกำลังคุกรุ่น
“เวลาเปลี่ยน ใจคนก็เปลี่ยน” สีหราชเค้นเสียงแค้นๆ
“ให้เวลาชาญมันหน่อย เอ็งก็น่าจะรู้ว่ามันเป็นคนยังไง”
“ถ้าจะต้องดวลกับมัน ก็ตายกันไปข้างละกัน” สีหราชสะเทือนใจเมื่อคิดว่าในไม่ช้าเขาอาจจะต้องดวลปืนกับเพื่อนรัก
ooooooo
ใจความสำคัญของการประชุมครั้งนี้คือพรุ่งนี้จะมีการขนส่งสินค้าปะปนไปกับลังปุ๋ยเคมีซึ่งใช้ให้บริษัทนอกเครือข่ายขนส่งแทนพรหมบุญยานยนต์ที่ตำรวจกำลังจับตา
บริษัทนอกที่ว่าก็คือเกษมขนส่งซึ่งเป็นคู่แข่งของพรหมบุญยานยนต์ พรหมบุญกับปลัดฉกาจมั่นใจว่างานนี้สำเร็จแน่ วางแผนแยบยลว่าระหว่างทางที่พวกมันกำลังขนสินค้า เมื่อผ่านจุดที่ตำรวจเพ่งเล็งได้แล้วเราจะหาโอกาสปล้นสินค้ากลับคืนมา
เสร็จประชุม พวกพรหมบุญรีบกลับบ้านแล้วเรียกเสือเล็กมาพบ ส่วนชาญก็ถูกกำหนดให้ช่วยงานนี้ด้วย แต่ขอทำหน้าที่ปกป้องชีวิตพรหมบุญตามคำสั่งพายัพ เรื่องอื่นตนไม่ทำ
ชาญพูดไว้ชัดเจน เมื่อรุ่งขึ้นมีการดักปล้นรถบรรทุกของเสี่ยเกษมที่รับจ้างขนสินค้านำโดยสายสุนีย์ ซึ่งพวกเธอไม่รู้ว่ามีสารตั้งต้นซุกซ่อนปะปนอยู่กับปุ๋ยเคมี ชาญจึงส่งข่าวไปยังสีหราช
สีหราชรีบมาบอกเสี่ยเกษมก่อนจะใช้สิงห์รถบรรทุกคันเก่งออกไปช่วยเหลือสายสุนีย์ที่ตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ลูกน้องของเธอถูกพวกเสือเล็กยิงตายหลายคน ส่วนรถบรรทุกสินค้าก็ถูกปล้นไปหลายคัน โชคดีที่เธอกับเจริญรอดชีวิตเพราะความช่วยเหลือของสีหราชกับอาจารย์เป๋อ
ความสูญเสียทำให้สายสุนีย์เศร้าสลดใจสงสารพนักงานและเสียดายรถบรรทุกของเตี่ย
“พวกมันปล้นรถไปเกือบหมดถ้าเตี่ยรู้คงจะเสียใจมาก แต่ที่สำคัญฉันไม่น่าพาทุกคนมาตายเลย”
สายสุนีย์กล่าวเสียงสั่นเครือก่อนโผเข้าซบหน้ากับอกสีหราชแล้วสะอึกสะอื้น อาจารย์เป๋อเข้าใจรีบปลอบโยน
“อย่าโทษตัวเองไปเลย ทุกอย่างมันเป็นกรรมลิขิต”
“วันนี้คุณร้องไห้ได้ แต่พรุ่งนี้คุณต้องเข้มแข็ง อย่างน้อยก็เพื่อลูกน้องและครอบครัวของคุณ”
สีหราชช่วยปลอบ แต่สายสุนีย์สะเทือนใจเกินกว่าจะกลั้นน้ำตาไว้ได้
ooooooo
ภายในศูนย์บัญชาการแถวชายแดน ตัน เคียน สิว รับสายจากพรหมบุญอย่างร้อนรน ถามผลการทำงานว่าเป็นไง?
“งานเรียบร้อย 80 เปอร์เซ็นต์แล้วครับท่านประธาน”
“แล้วที่เหลือล่ะ”
“คืนนี้ผมจะให้คนไปเก็บงานอีกทีครับ”
“จัดการให้เรียบร้อยนะ ฉันมีรางวัลให้”
“ขอบคุณครับท่านประธาน”
พรหมบุญวางสายด้วยรอยยิ้ม หันมาหาปลัดฉกาจเล่าให้ฟังว่าท่านประธานสั่งให้เก็บงานที่เหลือถ้าสำเร็จ ท่านมีรางวัล ปลัดโปรยยาหอมว่าเที่ยวนี้รางวัลของพรหมบุญคงได้ไม่ต่ำกว่า 50 ล้าน
“ลองคิดคร่าวๆดูสิ ไอ้สารตั้งต้นที่ชิงมานี่ ถ้าเอาไปผลิตเฮโรอีนส่งขาย ท่านประธานได้อย่างน้อยก็เกือบ พันล้าน แบ่งมาเป็นรางวัล 50 ล้านน่ะมันเล็กน้อยมาก”
“ปลัดก็น่าจะได้รางวัลด้วยเหมือนกันนั่นแหละฮ่ะๆ”
พรหมบุญกับปลัดฉกาจหัวเราะร่าชอบใจ จากนั้นพรหมบุญเรียกสมุนเข้ามาสอบถามและสั่งงานเพิ่มเติม
ooooooo
สีหราชตรวจรถบรรทุกสินค้าสองคันที่เอากลับมาได้แล้วพบสารตั้งต้นของยาเสพติดซึ่งเป็นผงสีขาวบรรจุถุงมิดชิดปนอยู่ในถุงปุ๋ยเคมี เอาออกมาโชว์ต่อหน้าเสี่ยเกษมและลูกสาว
“นี่ไงครับ อาเซติก แอนไฮไดรด์ สารตั้งต้นที่ใช้ผลิตเฮโรอีน”
“อย่างงี้มันหลอกใช้บริษัทของเราให้ขนของผิดกฎหมายชัดๆ”
“ลูกค้ารายนี้เป็นใครครับ”
“เป็นลูกค้าใหม่ค่ะ เราสืบประวัติมาแล้ว แต่ไม่พบอะไรน่าสงสัยก็เลยรับงาน”
“นายพรหมบุญต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่นอน”
“งั้นต้องรีบแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มารับของพวกนี้ไปนะ เดี๋ยวตำรวจมาตรวจเสี่ยจะซวยซ้ำสอง” อาจารย์เป๋อเตือน
“ฉันแจ้งไปแล้ว แต่ตามระบบราชการกว่าพวกเขาจะมาถึงก็คงอีกสามวัน”
“สั่งปิดกุญแจล็อกของกลางให้แน่นหนานะครับ รอจนกว่าหน่วยงานที่เราแจ้งจะมาถึง” สีหราชกำชับ
สายสุนีย์ซึ่งอยู่ในภาวะอ่อนแอแอบมองเขาด้วยความรู้สึกดีๆ เมื่อสีหราชบอกลา เธอเดินตามไปขอบคุณ เขาอีกครั้ง ถ้าวันนี้เขาไม่ไปช่วย พวกตนคงถูกฆ่าตายหมด
“บริษัทนี้มีบุญคุณกับครอบครัวของผม เงินเดือนที่คุณให้พ่อแม่แล้วก็น้องชายผมมันเป็นหนี้บุญคุณที่ผมจดจำไว้เสมอครับ”
เสี่ยเกษมเดินตามมา อาจารย์เป๋อเลยถามเขาว่าต่อจากนี้ไปบริษัทของเสี่ยจะทำยังไง
“ฉันยังคิดไม่ออกเหมือนกัน รถโดนปล้นหายไปเกือบหมด คนงานก็ตายไปตั้งหลายคน”
“เสี่ยครับ ท้อได้นะครับ แต่อย่าถอย เสี่ยต้องเข้มแข็งไว้นะครับ”
“ขอบคุณที่เตือนสติ ฉันจะจำเอาไว้” เสี่ยเกษม มองสีหราชอย่างชื่นชมและเป็นมิตร
หลังจากสีหราชกับอาจารย์เป๋อกลับไป มีเจ้าหน้าที่จากทางการมาหาเสี่ยเกษม ทั้งที่ก่อนหน้านี้คุยกันไว้ว่าจะมารับของผิดกฎหมายในอีกสามวัน
ขณะเดียวกัน อาจารย์เป๋อเกิดญาณสัมผัสขึ้นกะทันหัน เห็นภาพถุงปุ๋ยในรถบรรทุกและเห็นมีคนมา สีหราชสังหรณ์ใจจึงเลี้ยวรถกลับไปทางเดิมอย่างรวดเร็ว...
เสี่ยเกษมกำลังเจรจากับเจ้าหน้าที่ด้วยความงุนงงสงสัย “ผมไม่นึกว่าจะมาเร็วกันขนาดนี้ ตอนโทร.คุยกันเห็นบอกว่าคงอีกสามวัน”
“พอดีที่ประชุมเห็นว่าตรงนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน ก็เลยให้พวกเรามารับของทันที”
“แล้วจะเอาของไปยังไงกันครับ”
“คงต้องรบกวนเสี่ย ไหนๆของก็อยู่บนรถอยู่แล้ว ทางเรามีค่าน้ำมันให้ครับ แล้วถ้าเสี่ยไม่ไว้ใจก็จัดให้คนงานติดรถไปด้วย เวลาเอาของลงเสร็จก็ให้ขับรถกลับมาได้เลย”
“ครับ งั้นก็ได้...เจริญ จัดคนงานที่ว่างติดรถไปทีนะ”
“ครับเสี่ย” รับคำแล้วเจริญหันไปสั่งลูกน้องให้ไปกับรถ ขณะที่เสี่ยเกษมส่งกุญแจให้เจ้าหน้าที่
“ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือกับทางราชการนะครับ”
เจ้าหน้าที่รับกุญแจมาส่งต่อให้ลูกน้องแล้วจากนั้นทุกคนก็กระจายกันขึ้นรถบรรทุกขับออกไป สายสุนีย์เดินเข้ามามองด้วยความแปลกใจ
“อะไรกันคะเตี่ย”
“เจ้าหน้าที่เขามารับของกลางน่ะ”
“ไหนบอกว่าอีกสามวัน ทำไมมาเร็วจังคะ”
“เตี่ยก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้สมองมันมึนไปหมด”
สองพ่อลูกยืนมองรถบรรทุกที่แล่นออกจากบริษัทไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจ สักครู่สีหราชกับอาจารย์เป๋อขับรถเข้ามาถามว่า
“รถคันนั้นกำลังจะไปไหนครับ”
“มีเจ้าหน้าที่มารับของกลางไปค่ะ”
“แย่แล้ว! นั่นมันพวกคนร้าย รีบตามไปเร็ว” อาจารย์เป๋อโพล่งขึ้นด้วยท่าทีร้อนรน
สีหราชรีบกลับรถออกติดตามไปทันทีโดยไม่ทันได้อธิบายอะไร สายสุนีย์กับเสี่ยเกษมตกใจ เสี่ยถึงกับหน้าซีดทรุดฮวบเหมือนจะเป็นลม
“เตี่ยๆ เตี่ยเป็นอะไรคะ”
“พวกมันเอารถไปอีกแล้ว”
“พวกเรามาช่วยกันพยุงเตี่ยเข้าข้างในเร็ว”
เจริญและลูกน้องเข้ามาช่วยพยุงเสี่ยเกษมไปปฐมพยาบาล ขณะที่สายสุนีย์หันมองตามสีหราชไปด้วยความห่วงใย
ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น