วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร สิงห์รถบรรทุก ตอนที่ 10


ภายในบ้านหลังใหญ่ของพรหมบุญ แก้วจัดฉากกระชากหวานสวาทด้วยท่าทีข่มขู่ให้พรหมบุญเห็น พอเขาเดินมาถามว่ามีอะไรกัน ทั้งคู่ก็อึกอักมีพิรุธ ได้แต่มองหน้ากันไปมา

พรหมบุญระแวงแก้วจะเป็นสายให้ตำรวจอยู่แล้วจึงคาดคั้นเป็นการใหญ่ หวานสวาทไม่พูด เอาแต่แสดงอาการหวาดกลัว แก้วเลยตอบเสียเองว่าเรากำลังซ้อมมิวสิกเพลงใหม่กันอยู่

“แน่ใจเหรอ แต่เมื่อกี้ที่ฉันเห็นมันเหมือนว่านาย...”

“คือเป็นเพลงแง่งอนน่ะครับ แบบชายหญิงทะเลาะกันน่ะ ไม่มีอะไร”

“จริงเหรอ หวานสวาท”

“ค่ะ เรากำลังซ้อมแอ็กติ้งถ่ายมิวสิกกันอยู่ค่ะ ไม่มีอะไรจริงๆค่ะ”

พรหมบุญไม่เชื่อแต่ไม่ได้แสดงออกมากนัก

ถามว่าซ้อมกันเสร็จแล้วใช่ไหม

“เสร็จแล้วครับ”

“งั้นฉันขอคุยอะไรกับหวานสวาทหน่อย ตามมา”

พรหมบุญเดินนำไป หวานสวาทก้าวตาม แก้วยิ้มน้อยๆเพราะทุกอย่างเป็นไปตามแผน หวังว่าพรหมบุญจะเข้าใจว่าตนกับหวานสวาทไม่ค่อยลงรอยกัน เพื่อกันไม่ให้หวานสวาทตกเป็นผู้ต้องสงสัยเป็นสายตำรวจไปด้วย

เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องกันสองต่อสอง พรหมบุญให้หวานสวาทพูดความจริงมาว่าเกิดอะไรขึ้น หวานสวาทเล่นละครต่อไป ปฏิเสธไม่มีอะไรจริงๆ แต่เขาไม่เชื่อ จับคางเธอบีบอย่างแรง

“เธอยังเห็นว่าฉันเป็นนายของเธองั้นเหรอ”

“ค่ะนาย หวานสวาทมีนายที่รักและเทิดทูนเหนือหัวอยู่คนเดียว”

“งั้นก็บอกความจริงฉันมาเดี๋ยวนี้”

หวานสวาทน้ำตาไหลพราก ท่าทีอัดอั้นตันใจ ปากบอกว่าไม่มีอะไร...พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้น ตามด้วยเสียงอาเหมยดังแว่วเข้ามา

“นายคะ ปลัดฉกาจมาแล้วค่ะ”

พรหมบุญหงุดหงิดผลักหวานสวาทเซล้มลงกับพื้น “แล้วเราจะได้เห็นดีกัน”

หวานสวาทร้องไห้สะอึกสะอื้น แต่พอพรหมบุญเดินออกจากห้องเธอก็ยิ้มพรายออกมา

ปลัดฉกาจนั่งรออยู่ในห้องรับแขก พรหมบุญเดินเข้ามาด้วยสีหน้าท่าทีปกติ ปกปิดสิ่งที่กำลังหงุดหงิดอยู่เมื่อครู่ ถามปลัดว่ามีอะไร

“ก็เรื่องที่คุณพรหมบุญให้ผมจับตาดูชาญนั่นแหละครับ”

“มีความคืบหน้าอะไร”

“คนของผมรายงานมาว่าช่วงหลังชาญมันชอบไปขลุกอยู่ที่ปั๊มน้ำมันของมุกดาบ่อยๆ”

“เรื่องนี้ฉันก็พอจะรู้เลาๆอยู่เหมือนกัน แต่มันบอกว่าเอารถไปล้าง เช็กน้ำมันเครื่อง”

“แต่ผมว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น”

“อะไร”

“ถ้าคุณพรหมบุญอยากรู้ ผมว่าคงต้องส่งคนไปสอบถามมุกดาดู เผื่อจะเจอข้อมูลอะไรดีๆ”

“ได้...เดี๋ยวจะจัดการให้” พรหมบุญคล้อยตามปลัด แล้วเรียกโขนกับหนุมานมาสั่งการ

ooooooo

แล้ววันเดียวกันนี้เอง มุกดาก็ถูกสองสมุนของพรหมบุญบุกเข้ามาจับตัวถึงในบ้านไปพร้อมกระดาษโน้ตข้อความของสีหราชที่เคยเขียนทิ้งไว้ให้มุกดาในวันที่เธอช่วยเหลือเขาพ้นการตามล่าของพวกพรหมบุญ

ชาญ สีหราช และแก้วเห็นการกระทำอันป่าเถื่อนของสมุนพรหมบุญแต่ตัดใจไม่เข้าไปช่วยมุกดา สีหราชเชื่อว่าพวกมันไม่ทำอะไรมุกดาจนกว่าจะรู้ความจริงที่ต้องการ เขาอยากให้แก้วกับชาญทำตัวเนียนๆกลับไปอยู่ในแก๊งนั้นเหมือนเดิม ถ้ามีโอกาสค่อยหาทางช่วยมุกดา

ทั้งคู่เชื่อที่สีหราชแนะนำ รีบกลับเข้ามาที่บ้านพรหมบุญแล้วแอบฟังพรหมบุญกับปลัดฉกาจสอบสวนมุกดา อยากรู้ว่าชาญไปทำอะไรที่ปั๊มน้ำมันของเธอบ่อยๆ

“เขาเป็นลูกน้องคุณ ทำไมไม่ถามกันเอง”

พรหมบุญไม่พอใจในคำตอบและท่าทียโสของมุกดา ตรงเข้าไปจิกผมเธอหน้าหงาย ส่งเสียงดุดัน

“แต่ฉันกำลังถามเธอนะมุกดา ตอบมา!”

“ก็แค่เอารถไปล้าง ไปถ่ายน้ำมันเครื่อง เช็กลมยาง ไปทำอย่างที่คนไปปั๊มน้ำมันเขาทำกันนั่นแหละ”

“แน่ใจนะว่าแค่นั้น”

“ก็จะให้ทำอะไรได้อีก ปั๊มน้ำมันก็มีอยู่แค่นั้นแหละ”

“แล้วที่ไอ้ชาญมันไปตะโกนบอกรักเธอที่กลางตลาดเมื่อวันก่อนล่ะ เธอจะว่าไง”

มุกดาชะงักไปนิด ไม่คิดว่าปลัดฉกาจจะรู้เรื่องนี้ แต่ก็ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า

“ก็ไม่ว่าไง แม่ม่ายอย่างฉันผู้ชายที่เข้ามามันก็คงคิดว่าฉันจะยอมพวกมันง่ายๆทุกคนนั่นแหละ คิดเหรอว่าแค่บอกรักแล้วฉันจะหลงเชื่อง่ายๆ”
โขนหยิบกระดาษโน้ตของสีหราชส่งให้พรหมบุญ ข้อความประโยคเดียวนั้นทำให้พรหมบุญข้องใจ

“นี่คือเรื่องประทับใจที่ผมจะจำไว้ไม่ลืม...สีหราช” อ่านจบ พรหมบุญอยากรู้ว่ามุกดาทำอะไรให้สีหราชประทับใจ แล้วระหว่างเธอกับเขามีความสัมพันธ์อะไรกัน

“ก็ได้...ถ้าอยากให้ฉันพูดฉันก็จะพูด ฉันรักคุณสีหราช รักมาตั้งแต่แรกเห็น ถึงตอนนี้ฉันก็ยังรักเขาอยู่”

“แสดงว่าเธอเป็นเมียมันใช่มั้ย”

“แน่นอน...แม่ม่ายอย่างฉันจะไม่มีวันปล่อยให้ผู้ชายอย่างคุณสีหราชหลุดมือเป็นอันขาด ทั้งหล่อทั้งเก่ง ผู้หญิงคนไหนได้เป็นเมียถือว่าโชคดีที่สุด”

“แล้วไอ้ชาญล่ะ เธอจะว่าไง”

“ก็ไม่ว่าไง คนอย่างฉันรักเดียวใจเดียว คนอื่นฉันไม่สน”

มุกดาส่งสายตาท้าทาย แสดงท่าทีไม่กลัวเกรง... ชาญได้ยินทุกคำ ผิดหวังหัวใจแหลกสลาย ผละไปจากตรงนั้น แล้วกระแทกหมัดกับกำแพงจนได้เลือด

ooooooo

พรหมบุญสั่งสมุนเอามุกดาไปขังไว้ มาดหมายว่าถ้าสีหราชรู้ต้องมาช่วยผู้หญิงของมันอย่างแน่นอน ตกกลางคืนชาญแอบเอาอาหารไปให้มุกดากิน โดยไม่รู้ว่าเสือเล็กกับฟ้ารุ่งจับตามองในมุมมืด

“นังมุกดาเป็นศัตรูของนาย...แล้วชาญมันเข้าไปทำไม”

“ฟ้ารุ่ง...เธอนี่ไร้เดียงสาจริงๆ”

“ทำไม บอกฉันหน่อยว่าเธอหมายความว่ายังไง”

“ไอ้ชาญน่ะมันคือพวกของไอ้สีหราช”

“อะไรนะ!” ฟ้ารุ่งตกใจเผลอตัวอุทานเสียงดัง เสือเล็กรีบตะครุบปากเธอไว้...

มุกดากินอาหารเสร็จ ชาญจัดการมัดมือเธอกลับไปเหมือนเดิม แต่มัดไว้หลวมๆจะได้ไม่เจ็บมาก เธอถามเขาว่าทำไมไม่พาตนหนีออกไปจากที่นี่ ชายหนุ่มบอกว่ายังไม่ถึงเวลา

“แต่ฉันกลัว พวกมันต้องฆ่าฉันตายแน่ๆ”

“มันจะจับเธอเอาไว้เป็นเหยื่อล่อให้สีหราชเข้ามาติดกับดัก”

“งั้นนายต้องบอกคุณสีหราชนะว่าไม่ต้องมาช่วยฉัน ฉันไม่อยากให้คุณสีหราชเป็นอะไร”

ชาญฟังแล้วสะเทือนใจ แต่ปกปิดความรู้สึกนั้นไว้ รีบบอกลาเธอเพราะกลัวใครมาเห็น

“ผมต้องไปแล้ว”

“เดี๋ยวสิ นายมีอะไรในใจหรือเปล่า”

ชาญไม่ตอบ มุกดาสังเกตเห็นรอยเลือดที่หลังมือเขา ถามว่าโดนอะไรมา ชาญบอกปัดว่าไม่มีอะไร แต่เธอไม่เชื่อ ดึงมือเขามาดูใกล้ๆ

“ดูซิ เลือดยังซิบๆอยู่เลย เจ็บมั้ย”

“คนอย่างผมมันด้านชา ไม่มีอะไรเหลือให้เจ็บอีกแล้ว”

“นายมันดื้อ น่าหมั่นไส้...โอเค ฉันไม่สนก็ได้” มุกดาปล่อยมือชาญด้วยท่าทีงอนเล็กๆ

“นอนเถอะ” ชาญตัดบทเสียงแผ่วแล้วค่อยๆย่องออกจากห้องเดินหายไปในความมืด

เสือเล็กกับฟ้ารุ่งโผล่ออกจากที่ซ่อนตัว เห็นการกระทำของชาญทุกอย่าง แต่เสือเล็กไม่คิดจะบอกพรหมบุญ

“ทำไมเธอไม่บอกนาย นายจะได้เห็นความดีความชอบของเธอไง”

“เรื่องอะไรฉันจะบอก เพราะฉันไม่เคยคิดที่จะเป็นลูกน้องมันอยู่แล้วนี่”

“แล้วจะปล่อยมันไว้ทำไม ฉันไม่เข้าใจ”

“ปล่อยมันไว้เป็นหอกข้างแคร่แบบนี้ดีจะตายไป เพราะมันจะได้ช่วยเรากำจัดไอ้พรหมบุญโดยที่เราไม่ต้องออกแรงไงที่รัก”

“เสือเล็ก...เธอนี่มันเลวได้ใจฉันจริงๆ”

เสือเล็กยิ้มรับ แล้วฉุดฟ้ารุ่งเข้าห้องให้รางวัลเป็นการส่วนตัว

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น สีหราชไปรับสายสุนีย์ออกจากโรงพยาบาลกลับมาที่บ้าน และช่วยเสี่ยเกษมดูแลเธออย่างใกล้ชิด พยายามชวนพูดคุยเพื่อให้เธอกลับมาเป็นปกติ

แต่สายสุนีย์นิ่งเฉย ไม่ตอบสนองกับสิ่งรอบตัวเธอตกอยู่ในภวังค์แห่งความตกใจ เสี่ยเกษมเห็นสภาพลูกสาวแล้วเจ็บแค้นใจ บ่นกับสีหราชว่าตั้งแต่ตนโดนตำรวจบุกจับที่ โรงพยาบาล สายสุนีย์ก็ไม่ยอมพูดจากับใครเลย

“คงต้องให้เวลาซักพัก ไม่นานก็คงดีขึ้นนะครับ”

“ที่สายสุนีย์เป็นแบบนี้ก็เพราะพวกมัน แล้วนี่มันยังจับตัวมุกดาไปอีกคน จะกดดันพวกเราไปถึงไหนกัน”

“ผมเชื่อว่าสักวันความดีต้องชนะความชั่วแน่นอน”

“แต่กว่าจะถึงวันนั้น พวกฉันคงโดนยิงตายกันก่อน บอกตามตรงนะสีหราช กำลังใจของฉันมันเหลือน้อยเต็มทนแล้ว”

“ไม่นะครับ อย่าเพิ่งท้อถอย จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ ไม่ได้นะครับ”

เสี่ยเกษมนิ่งไป แววตาแข็งกร้าวพิกลจนสีหราชแปลกใจ

เสี่ยเกษมวางแผนตั้งกองกำลังเข้าห้ำหั่นกับฝ่ายคนชั่วโดยไม่สนใจกฎหมายบ้านเมือง เขาจะไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างพวกพรหมบุญอีกต่อไป

เมื่อเสี่ยเกษมต้องการซื้ออาวุธ เจริญอาสาติดต่อกับเพื่อนที่รู้จักนายหน้าค้าอาวุธแถวชายแดน ผ่านไปวันเดียวก็มีตัวอย่างส่งมาให้เลือก ถ้าสนใจแบบไหนสั่งได้เลย จ่ายเงินมัดจำแล้วจะได้ของภายในเจ็ดวัน

รวดเร็วทันใจเสี่ยเกษมดีแท้ แต่พนักงานคนหนึ่งที่แอบได้ยินรู้สึกวิตกกังวล ที่สุดเธอตัดสินใจเล่าให้สีหราชฟังขณะเขามาดูแลสายสุนีย์อย่างใกล้ชิด แล้วเมื่อสีหราชถามเสี่ยเกษมตรงๆ ก็ได้คำตอบว่าเป็นเรื่องจริงที่เขาสั่งอาวุธลอตใหญ่มาเก็บไว้ในบริษัท

“นายรู้ก็ดีแล้ว เพราะฉันก็กำลังจะขอความช่วยเหลือจากนายกับเพื่อนๆอยู่เหมือนกัน และที่ฉันสั่งอาวุธมาก็เพราะฉันอยากจะจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด”

“เสี่ยจะให้ผมช่วยอะไร”

“เก็บนายพรหมบุญซะ คนชั่วอย่างมันถ้าตายซะได้ทุกอย่างก็คงจบ อำเภอเขาชุมสิงห์ของเราจะได้กลับมาสงบสุขซะที”

สีหราชนิ่งอึ้ง ไม่คาดคิดว่าเสี่ยเกษมที่เคยวิ่งหนีการต่อสู้จะเปลี่ยนแปลงไปได้ขนาดนี้...ลึกๆแล้วเขาไม่เห็นด้วย เพราะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่เมื่อมาเล่าให้คำอ้ายฟัง คำอ้ายกลับเห็นต่างอย่างมีเหตุผล

“บ้านเมืองมีกฎหมายแต่ไม่มีใครบังคับใช้ สื่อมวลชนก็ถูกปิดหูปิดตาด้วยอำนาจทุน คนที่เขาชุมสิงห์ เหมือนถูกตัดหางปล่อยวัด ไม่มีใครสนใจเหลียวแล เหลืออยู่ทางเดียวก็คือต้องตั้งกองกำลังติดอาวุธป้องกันตัวเอง ใครมันจะปล่อยให้โดนถล่มอยู่ฝ่ายเดียว ถ้าพวกมันมีระเบิด มีปืนเอ็ม 79 ทำไมเราจะมีบ้างไม่ได้”

“แต่มันผิดกฎหมาย”

“แล้วผู้รักษากฎหมายมันทำงานมั้ย”

“แสดงว่าพี่เห็นด้วยกับเสี่ย”

“ใช่ เพราะมันเป็นทางรอดทางเดียวของพวกเรา”

“ไม่ครับ มันต้องมีทางอื่น”

“งั้นนายก็บอกมาสิว่าถ้าไม่จับอาวุธขึ้นมาสู้ เราจะต้องทำยังไงกันต่อไปถึงจะไม่โดนพวกมันย่ำยีแบบนี้”

สีหราชตอบไม่ได้ แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการต้องลุกขึ้นมาฆ่าแกงกัน อาจารย์เป๋อซึ่งนั่งสมาธิอยู่ไม่ไกลลืมตาแล้วพูดโพล่งชวนไปบ้านพรหมบุญ มันกำลังจะเกิดเหตุบางอย่าง

“หรือว่าคุณมุกดากำลังจะโดนทำร้าย” สีหราชคาดเดาแล้วเร่งรีบออกไปด้วยกันทั้งสามคน

ooooooo

เวลาเดียวกันนั้น หวานสวาทกำลังโดนพรหมบุญสอบสวนว่าวันก่อนเธอมีเรื่องอะไรกับแก้วการเวก หญิงสาวบีบน้ำตาอยู่แทบเท้าเขาอย่างน่าสงสาร

“หวานสวาทไม่มีอะไรจะบอกจริงๆค่ะนาย”

“งั้นต่อไปเธอก็อยู่ส่วนของเธอ ไม่ต้องเสนอหน้า ถ้าฉันไม่เรียกใช้”

“อย่าทำอย่างงี้กับหวานสวาทนะคะนาย หวานสวาทอยู่โดยขาดนายไม่ได้”

“เธอเห็นคนอื่นดีกว่าฉัน เธอปิดบังความจริงกับฉัน นั่นเท่ากับเธอไม่ได้ยกย่องให้ฉันเป็นเจ้าชีวิตของเธอ”

พรหมบุญเดินหนีออกจากห้องอย่างขุ่นมัว หวานสวาทแสร้งร้องไห้โฮหวังว่าเขาจะใจอ่อนย้อนกลับมา แต่กลายเป็นฟ้ารุ่งก้าวเข้ามาแทน

“เสียใจด้วยนะ นายใช้ให้ฉันมาบอกหล่อนว่าให้ไสหัวออกจากบ้านนี้ได้แล้ว ไป๊!”

“ไม่จริง ฉันไม่มีวันเชื่อเธอเด็ดขาด”

“ยังจะมาทำปากดีอีก รู้ไว้ซะว่านายเค้าเบื่อเธอแล้ว”

“ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้”

“ฉันไม่ออก เธอนั่นแหละเก็บข้าวของของเธอออกไป”

หวานสวาทเดินไม่รู้ร้อนรู้หนาวไปนั่งที่เตียง หยิบตะไบขึ้นมาแต่งเล็บเพื่อท้าทาย ฟ้ารุ่งเห็นแล้วหงุดหงิดใจ ตรงไปกระชากเสื้อผ้าออกจากตู้ หวานสวาทลุกขึ้นยื้อแย่ง แต่สู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้ พลาดท่าโดนล็อกตัวและมัดมือมัดเท้าด้วยผ้าจนดิ้นไม่หลุด

พรหมบุญอยู่กับปลัดฉกาจในห้องคาราโอเกะ รอสมุนไปพาตัวมุกดาเข้ามา จากนั้นสั่งสมุนจับเธอแก้ผ้า อยากรู้ว่าเสน่ห์แม่ม่ายอยู่ตรงไหน

มุกดาถอยกรูด หวีดร้องเสียงดัง ชาญตกใจรีบร้อนเข้ามาขอร้องอย่าทำอย่างนี้กับเธอเลย พรหมบุญไม่พอใจตวาดเสียงเขียว

“นังมุกดามันเป็นเมียไอ้สีหราช ทำไมฉันจะทำกับมันไม่ได้”

“ผมขอ”

พรหมบุญกับชาญจ้องมองกันไปมา แต่แล้วจู่ๆ เสือเล็กก็เดินเข้ามาเล็งปืนใส่ชาญ ทว่าชาญไม่สนใจ เสือเล็ก พูดกับพรหมบุญว่า ถ้าอยากจะฆ่าตนก็เชิญ แต่ขอร้องอย่าทำอะไรมุกดา

“นี่ถึงขนาดยอมเอาชีวิตตัวเองเข้าแลกเชียวรึวะชาญ” ปลัดฉกาจคาดไม่ถึง

“แกเป็นคนของฉัน ทำงานกับฉัน แต่ทำไมต้องไปปกป้องนังผู้หญิงคนนี้ด้วย อย่าบอกนะว่าแกหลงนังคนนี้จนหน้ามืดตามัว”

ชาญไม่ทันตอบอะไร ฟ้ารุ่งเดินตรงดิ่งมาเรียกพรหมบุญว่าตนมีอะไรจะบอก

“ถ้าเป็นเรื่องไร้สาระก็ออกไปก่อน”

“ไม่ใช่เรื่องไร้สาระค่ะนาย เพราะฟ้ารุ่งจะเข้ามาบอกว่าเมื่อคืนฟ้ารุ่งแอบเห็นชาญเข้าไปหานังมุกดาในห้องขัง”

พรหมบุญชะงัก แล้วคาดคั้นชาญว่าเข้าไปทำไม มุกดากลัวชาญโดนเล่นงานชิงตอบเสียเองว่าเขาเอาอาหารมาให้เธอกิน พรหมบุญมองหน้าชาญ เริ่มปักใจว่าเขาน่าจะเป็นสายที่ปลอมตัวเข้ามาจริงๆ

“งั้นก็แสดงว่าแกเป็นพวกเดียวกับมัน”

“แล้วแต่จะเข้าใจ”

ท่าทางไม่สะทกสะท้านของชาญทำให้พรหมบุญเหลืออด แผดเสียงสั่งเสือเล็กให้ฆ่ามัน!

ชาญไม่รอให้เสือเล็กลั่นกระสุน เขาถีบปืนในมือเสือเล็กหลุดกระเด็นแล้ววิ่งหนีออกจากห้อง พรหมบุญแค้นสุดๆ สั่งสมุนตามไป ส่วนมุกดาก็ให้สมุนเอาตัวไปขังไว้ในห้องเหมือนเดิม

ชาญวิ่งหนีออกมานอกบ้าน หลบคมกระสุนของเสือเล็กที่วิ่งไล่กวด แล้วหาจังหวะซัดกันตัวต่อตัว ด้วยมือเปล่า พรหมบุญกับปลัดฉกาจตามออกมายืนมอง เห็นตรงกันว่าฝีมือของทั้งคู่กินกันไม่ลง แต่พรหมบุญบอกว่าถึงฝีมือดีแต่ทรยศ ตนไม่เอาไว้แน่นอน

ชาญกับเสือเล็กซัดกันดุเดือด ท่ามกลางเสียงเชียร์ของสมุนพรหมบุญ ช่วงหนึ่งเสือเล็กพลาดเซล้มลง ทำให้ชาญแย่งปืนมาได้แล้วจะยิง แต่พรหมบุญและสมุนก็ชักปืนเล็งไปที่ชาญอย่างรวดเร็ว

“เอาสิ ยิงเลยชาญ ต่อให้เอ็งแม่นปืนแค่ไหน ยังไงคราวนี้คงไม่รอด”

ชาญเห็นปืนหลายกระบอกเล็งมาจึงลดปืนในมือตัวเองลง เสือเล็กลุกพรวดดึงปืนคืนมาพร้อมตะโกนลั่นว่า ได้เวลาเผาจริงแล้ว

ทันใดนั้น ทุกคนได้ยินเสียงปืนและเสียงโวยวายของแก้วที่แกล้งทำเหมือนถูกพวกสีหราชไล่ยิง วิ่งหนีหน้าตาตื่นเข้ามาบริเวณบ้านของพรหมบุญ

แก้ววางแผนช่วยชีวิตชาญโดยให้สีหราช คำอ้าย และอาจารย์เป๋อไล่ยิงตนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเสือเล็กและพวกพรหมบุญ ปรากฏว่าได้ผล เสือเล็กเปลี่ยนเป้าหมายจากชาญไปที่สีหราช ส่วนพรหมบุญสั่งสมุนจับชาญเข้าไปขังไว้ในบ้านกับมุกดา

การไล่ล่าระหว่างเสือเล็กกับพวกสีหราชเริ่มต้นและจบลงอย่างรวดเร็ว เพราะคำอ้ายกับอาจารย์เป๋อไม่เห็นด้วยที่สีหราชจะถล่มเสือเล็กในวันนี้ จุดประสงค์ของเรามาเพื่อช่วยชีวิตชาญ ถ้าขืนอยู่นานอาจโดนพวกมันปิดล้อม

สามคนพากันถอยร่นออกไป โขนหัวเราะสะใจคิดว่าพวกสีหราชกลัวถึงกับวิ่งหนีหางจุกตูด แต่เสือเล็กอ่านเกมออกบอกว่ามาแล้วหนีแบบนี้ไม่ใช่ทางของพวกมัน

เวลาเดียวกันนั้นในบ้าน แก้วกำลังเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้พรหมบุญกับปลัดฉกาจฟังด้วยท่าทีตื่นตระหนก

“ผมไปเดินซื้อของที่ตลาด แล้วพอจะกลับมาที่นี่ก็รู้สึกเหมือนมีคนติดตามมา พอหันไปดูก็เห็นว่าเป็นพวกไอ้สีหราช ผมก็จะเก็บมัน...แต่มันรู้ตัวก่อน เลยตามไล่ยิงผมมาที่นี่แหละครับ”

“มันบุกมาถึงแล้วก็หนีกลับไปแบบนี้ มันแปลกๆอยู่เหมือนกันนะ...ว่ามั้ย” ปลัดฉกาจตั้งข้อสังเกต แก้วอ้างว่าวันนี้มันคงไม่ได้เตรียมตัวจะมาถล่มเรา พอเห็นพวกเราโต้กลับไปก็เลยต้องหนี...แล้วสรุปด้วยท่าทีอ่อนน้อมกับพรหมบุญว่า

“ขอบพระคุณนายมากเลยครับที่ส่งคนมาช่วยผมเอาไว้”

โขนกลับเข้ามารายงานสถานการณ์โดยตั้งใจจะเอาหน้าเพราะรู้ว่าตอนนี้นายไม่โปรดเสือเล็กแล้ว

“ผมกับพวกส่งคนไปลาดตระเวนรอบบ้านแล้วครับนาย รับรองว่าวันนี้พวกมันไม่กล้ากลับมาอีกแน่ๆ”

“เสือเล็กอยู่ไหน”

“ไม่ทราบครับนาย เห็นเดินเข้ามาในบ้านนานแล้ว ไม่รู้ว่าหลบไปอยู่ที่ไหน”

“เดี๋ยวผมไปตามให้นะครับ” แก้วอาสา

“ไม่ต้อง” พรหมบุญสั่งเสียงดัง...ไม่พอใจที่เสือเล็กไม่เข้ามารายงานสถานการณ์

เวลานั้นเสือเล็กอยู่กับฟ้ารุ่งในมุมค่อนข้างลับตา ฟ้ารุ่งกระซิบบอกเรื่องจับหวานสวาทซ่อนไว้และต้องการเล่นงานให้หนัก แต่วันไหนจะบอกเสือเล็กอีกที

เสือเล็กรับทราบแล้วรีบผละไปเพราะฟ้ารุ่งเห็นอาเหมยกำลังเดินตรงมา อาเหมยวางมาดผู้ดูแลบ้านสั่งฟ้ารุ่งไปทำงานในครัว

ฟ้ารุ่งฮึดฮัดแต่ไม่กล้าหือ เห็นอาเหมยแยกถ้วยชาสีขาวกับสีน้ำตาลมากองให้ล้าง แต่ถ้วยสีดำเอาวางในถังใส่เศษใบชาเก่าที่ทิ้งแล้ว

“อาเหมย ฉันอยากรู้จริงๆเลยว่าถ้วยชาสีดำพวกนั้นเคยมีใครทำความสะอาดมั่งหรือเปล่าตั้งแต่ซื้อมา”

“ไม่มี”

ฟ้ารุ่งแปลกใจถามว่าถือเคล็ดอะไรกันหรือเปล่า... คำตอบคือไม่ถือ แต่มันเป็นถ้วยของคนชั้นต่ำ นายสั่งไม่ให้ล้าง ฟ้ารุ่งฟังแล้วนึกถึงครั้งหนึ่งที่เธอเคยฟ้องพรหมบุญว่าอาเหมยไม่ล้างถ้วยชาสีดำแล้วถูกเขาตวาดดุไม่ให้ยุ่งเรื่องคนอื่น...มาถึงวันนี้เธอเข้าใจแล้วว่านี่คือวิธีการดูถูกเหยียดหยามของพรหมบุญที่มีต่อบุคคลที่เกลียดชัง

ooooooo

แก้วแอบรายงานพวกสีหราชว่าชาญกับมุกดาตกอยู่ในอันตรายโดนจับขังไว้ด้วยกัน เสี่ยเกษมทราบข่าวอยากหาทางช่วยทั้งคู่โดยเร็ว แต่คำอ้ายหนักใจเพราะการบุกเข้าไปในบ้านพรหมบุญไม่ใช่เรื่องง่าย

ขณะทุกคนปรึกษาหารือกันอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือสีหราชดังขึ้น เบอร์โทร.ไม่คุ้นแต่เขาก็รับสายโดยเปิดสปีกเกอร์โฟนให้ได้ยินกันทั่ว

เสียงมุกดาตะกุกตะกักดังมา...แต่แล้วพรหมบุญที่ยืนประกบข้างเธอก็คว้าโทรศัพท์มาพูดเอง

“ไอ้สีหราช...ถ้าอยากได้เมียของเอ็งคืน พรุ่งนี้ไปเจอกันที่ถ้ำเขาวัวแดงตอนเที่ยงตรง ไม่งั้นนังมุกดาเมียเอ็งตาย!” จบคำก็ตัดสายทิ้งแล้วปิดเครื่องทันที

เสี่ยเกษมรู้จักถ้ำเขาวัวแดง แถวนั้นเป็นเหมืองหินของพรหมบุญ สีหราชจึงให้เสี่ยช่วยเขียนแผนที่...

พนักงานหญิงคนหนึ่งของเกษมขนส่งได้ยินทุกอย่าง เธอสนใจประเด็นเรื่องมุกดาเป็นเมียสีหราช นึกสงสารสายสุนีย์ว่าคงไม่รู้เรื่องนี้แน่ๆ

ครู่ต่อมา พนักงานสาวเข้าไปหาสายสุนีย์ในมุมพักผ่อน เห็นสภาพเจ้านายยังเหม่อลอยก็ยิ่งสงสาร นั่งลงรำพันเรื่องไม่สบายใจออกมาหมด

“คุณสายสุนีย์ต้องรีบหายเร็วๆนะคะ อย่าป่วยนาน ไม่งั้นแย่แน่ๆ นี่ถ้าหนูพูดไป คุณสายสุนีย์จะรู้เรื่องไหมนะ คุณสายสุนีย์คงยังไม่รู้ใช่ไหมว่าคุณมุกดาเป็นเมียคุณสีหราช...ยังไงก็ตัดใจจากคุณสีหราชเถอะนะคะ เพราะเขามีเมียแล้วคือคุณมุกดา”

สายสุนีย์นิ่งฟัง แม้จะไม่แสดงอาการรับรู้ใดๆ แต่จิตใต้สำนึกของเธอเริ่มรื้อฟื้นความทรงจำ...เธอเคยเห็นกับตาช่วงนอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล สีหราชห่มผ้าให้มุกดาที่หลับคุดคู้อยู่ข้างเตียงคนไข้

“มุกดา...”

“ค่ะ หนูได้ยินเต็มสองรูหูเลยว่าคุณมุกดาเป็นเมียคุณสีหราช” พูดไปแล้วพนักงานชะงัก รู้ตัวว่าสายสุนีย์เอ่ยชื่อมุกดาออกมา “เอ๊ะ เดี๋ยวนะคะ เมื่อกี้คุณสายสุนีย์พูดเหรอคะ คุณพูดอีกสิคะ พูดอีกค่ะ”

พนักงานสาวเร่งเร้าอย่างมีความหวัง แต่สายสุนีย์นิ่งเฉยไม่ตอบโต้ ลูกน้องก็เลยไม่แน่ใจ บ่นพึมพำสงสัยตัวเองจะหูฝาดไป...

ooooooo
ที่มาไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น