วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร สิงห์รถบรรทุก ตอนที่ 9


คืนนี้พรหมบุญเห็นกับตาว่าเสือเล็กเดินหายเข้าไปในห้องฟ้ารุ่ง หลังจากเธอโดนลดบทบาทหน้าที่ในบ้านเหลือเพียงสาวใช้แล้วรับไม่ได้ร้องไห้เสียอกเสียใจเป็นวรรคเป็นเวร

ความโกรธแค้นทำให้พรหมบุญบีบแก้วแตกบาดมือเลือดไหล แล้วหุนหันกลับไปที่ห้องหวานสวาท ยอมให้เธอทำแผลทายาก่อนจะเรียกโขนกับหนุมานมาสั่งฆ่าเสือเล็ก

ขณะเดียวกัน เสือเล็กอยู่กับฟ้ารุ่งที่ยังสะอึกสะอื้นร่ำไห้ไม่เลิก เขาไม่คิดจะปลอบแต่บอกให้เธอหยุดร้องซะ เพราะร้องให้ตายก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น

“ก็เธอไม่มาเป็นฉันนี่ ใครจะทนได้ เคยทำหน้าที่คุมคนทั้งบ้าน ตอนนี้ก็ตกมาเป็นคนใช้ เคยอยู่ห้องใหญ่โต ตอนนี้ต้องมานอนห้องรูหนู”

“หัดกินง่ายอยู่ง่ายซะบ้าง ชีวิตมันมีสิ่งที่ต้องคิดต้องทำอีกเยอะ”

“โอ๊ย...ทำไม่ได้หรอก ฉันเคยเป็นที่หนึ่ง ยังไงฉันก็จะต้องกลับไปเป็นที่หนึ่งเหมือนเดิม เธอก็เหมือนกัน จะยอมเป็นลูกน้องไอ้แก่นั่นอีกนานแค่ไหน”

“นี่เธอกำลังพูดอะไร”

“ฉันรู้ว่าเธอเองก็ไม่ชอบเป็นลูกน้องใคร และที่เธอมายอมลงให้กับนายพรหมบุญก็เพราะเงินมันดีใช่ไหม”

“ก็ใช่”

“ก็ในเมื่อรู้ว่ามันมีเงิน เราจะมามัวรอเศษเงินของมันอยู่ทำไม หาโอกาสจัดการมันซะ แล้วเอาเงินมันไปสร้างอาณาจักรของตัวเองไม่ดีกว่าเหรอ”

“อย่าพูดมาก” เสือเล็กดุดัน

“นี่เธอจงรักภักดีกับนายขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ฉันไม่เคยเรียกไอ้พรหมบุญว่านาย”

“เธอหมายความว่าไง”

“ฉันกำลังรอโอกาสที่จะจัดการมัน เพียงแต่ตอนนี้ฉันอยากให้เธอเงียบเอาไว้ให้มากที่สุด ห้ามแสดงออกให้ใครรู้เด็ดขาด”

“ก็ได้ ฉันจะเก็บความรู้สึก ก้มหน้าก้มตาทำงานไปให้มันตายใจ ถึงเวลาเมื่อไหร่เราค่อยจัดการพวกมันด้วยกันนะเสือเล็ก”

เสือเล็กไม่ตอบ แต่ดึงหญิงสาวเข้ามาซุกไซ้ซอกคออย่างร้อนแรง

ooooooo

เช้าวันนี้ สายสุนีย์ต้อนรับนักข่าวกับตากล้องด้วยความยินดี เธอนำพวกเขาดูร่องรอยสถานที่เกิดเหตุภายในบริษัทเกษมขนส่งที่โดนพวกพรหมบุญถล่มเมื่อหลายวันก่อน ก้องภพให้ตากล้องของตนเก็บภาพหลักฐานไว้ โดยที่สายสุนีย์คอยอธิบาย

“บริษัทเราโดนยิงถล่มกลางวันแสกๆ ทั้งปืนทั้งระเบิดโดยไม่มีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเข้ามาระงับเหตุการณ์เลย ร่องรอยกระสุนยังอยู่นี่เลยค่ะ เห็นไหมคะถ่ายไว้เลยค่ะ”

“แสดงว่าฝ่ายตรงข้ามคงจะมีอิทธิพลมากเลยนะครับ ถึงสามารถทำให้เรื่องเงียบได้ขนาดนี้”

“พวกมันมีแบ็กอัพเป็นข้าราชการของอำเภอนี้ค่ะ ชาวบ้านทุกคนทราบดี ไม่ว่าจะร้องเรียนอะไรเรื่องก็ถูกปัดตก แล้วก็เงียบหายเข้ากลีบเมฆทุกครั้ง”

“เมื่อกี้เห็นคุณบอกว่าอำเภอนี้เป็นแหล่งพักยาเสพติดที่มาจากนอกประเทศก่อนจะกระจายออกไปใช่ไหมครับ”

“ใช่ค่ะ พวกมันลำเลียงทั้งยาเสพติดทั้งอาวุธเถื่อนเข้ามาพักไว้ที่อำเภอนี้กันก่อน แล้วจากนั้นก็จะมีคนมารับต่อไปเป็นทอดๆ”

“มีหลักฐานไหมครับ”

สีหราชเดินเข้ามาได้ยินพอดี ตอบคำถามนั้นอย่างหนักแน่นว่า “มีครับ อีกสองวันจะมีการลำเลียงอาวุธเถื่อนไปส่งให้ชนกลุ่มน้อย ถ้าคุณอยากได้หลักฐานก็ตามไปถ่ายด้วยกันสิครับ รับรองว่าข่าวใหญ่แน่นอน”

ก้องภพยิ้มพอใจ ตั้งใจจะทำเรื่องนี้ให้เป็นข่าวใหญ่และมีหลักฐานมัดตัวคนร้ายให้ดิ้นไม่หลุด โดยขอความร่วมมือจากพวกสายสุนีย์และชาวบ้านที่มีโทรศัพท์มือถือรุ่นถ่ายรูปได้ช่วยกันบันทึกภาพระหว่างปฏิบัติงาน ย้ำว่าต้องถ่ายให้ได้มากที่สุดจะเป็นคลิปวีดิโอหรือภาพนิ่งก็ได้

สายสุนีย์รับปากด้วยความเต็มใจ เมื่อถึงวันเวลาที่แก้วนำทีมขนอาวุธ ชาญนั่งรวมไปกับรถตู้คุ้มกันและแอบสื่อสารกับสีหราชเป็นระยะ ส่วนเสือเล็กนั่งอีกคันกับสว่าง และโขนกับหนุมานอยู่ในรถตู้คนละคัน

กลุ่มสีหราชซึ่งมีก้องภพกับตากล้องอีกคนรวมอยู่ด้วยไล่ตามทิ้งระยะกันพอสมควร จนกระทั่งถึงจุดจอดพัก พวกสายสุนีย์ก็ปรากฏตัวในชุดเชิดสิงโตพรางหน้าตากันมิดชิด พากันเข้ามาป่วนขบวนขนอาวุธ ทุกคนแอบบันทึกภาพรถและอาวุธเอาไว้ได้ ก่อนที่เสือเล็กจะไหวตัวแล้วเกิดการปะทะกันดุเดือดเลือดพล่าน

โขนกับหนุมานแทนที่จะต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม พวกเขากลับเพ่งเล็งจะปลิดชีพเสือเล็กตามคำสั่งพรหมบุญ แต่ยังไม่มีโอกาสเหมาะ เพราะเสือเล็กกำลังห้ำหั่นกับสีหราชโดยมีชาญแอบช่วยเหลือ

หลังจากได้ภาพที่จะเป็นข่าวและเอาผิดพวกพรหมบุญได้แล้ว พวกสีหราชถอยร่นไปหลบที่ไร่คำอ้าย คราวนี้ไม่มีใครบาดเจ็บล้มตาย และทุกคนก็คาดหวังว่าอิทธิพลของพรหมบุญคงจะหมดไปหากก้องภพทำตามที่รับปากไว้จริง

แต่แล้วพรหมบุญก็ดิ้นได้อีก เขารู้ทันพวกสายสุนีย์จึงใช้เส้นของตันเคียนสิวซึ่งมีหุ้นในบริษัทใหญ่ๆที่ เป็นสปอนเซอร์รายการข่าวด้วยการขู่จะถอนโฆษณาเพียงเท่านั้นก็สำเร็จ ข่าวที่ก้องภพทำไปส่งถูกงดออกอากาศเพราะเจ้าของสถานีกลัวโดนถอนโฆษณา

สายสุนีย์ผิดหวังมาก ร้องไห้เสียใจและคับแค้นใจเป็นที่สุด เพราะเธอทุ่มเทกับเรื่องนี้สุดตัว แต่สุดท้ายก็พ่ายอำนาจเงินเข้าจนได้ สีหราชและเสี่ยเกษมช่วยกันปลอบใจเธอ แต่เพียงข้ามวันก็มีเรื่องมากระทบใจเธอซ้ำอีก เมื่อตำรวจนำหมายเรียกมายื่นต่อเสี่ยเกษม

“มีชาวบ้านร้องเรียนว่าที่นี่มีอาวุธ แล้วก็ซ่องสุมชายฉกรรจ์เอาไว้เพื่อก่อเหตุวุ่นวาย ถือว่ามีการกระทำ อันเป็นซ่องโจร”

“เดี๋ยวนะสารวัตร ผมกับลูกน้องเนี่ยนะก่อเหตุวุ่นวาย มีการกระทำอันเป็นซ่องโจร บริษัทผมมันบริษัทขนส่งนะครับ แล้วลูกน้องผมส่วนใหญ่ก็เป็นคนขับรถบรรทุก พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย”

“แล้วนี่อะไร”

สารวัตรหยิบปลอกกระสุนปืนที่เก็บได้ขึ้นมา ขณะที่ลูกน้องอีกสองคนค้นเจอปืนสองสามกระบอก สารวัตรได้ทีเล่นงานสองพ่อลูก

“ถ้าทำมาหากินโดยสุจริตกันจริงแล้วทำไมต้องมีปืน มีบังเกอร์เหมือนค่ายทหาร แล้วไหนจะร่องรอยกระสุนปืนตามกำแพงอีกเยอะแยะ ยังไงผมขอเชิญเสี่ยไปให้ปากคำที่โรงพักดีกว่า”

“ไม่ไป เตี่ยฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ยังไงฉันก็จะไม่ยอมให้เตี่ยไปเด็ดขาด”

“ถ้าไม่ไปมันก็แล้วแต่เสี่ยนะครับ ครั้งนี้ผมออกหมายเรียก ถ้าเสี่ยไม่ไปผมจะออกหมายจับ...เอาหมายเรียกไปปิดไว้ที่ประตูที”

สารวัตรส่งหมายเรียกให้ลูกน้องแล้วหันมามองสองพ่อลูกอย่างเหนือกว่า เสร็จแล้วพากันกลับไป ทิ้งความเจ็บแค้นใจไว้ให้สองพ่อลูก

ooooooo

สีหราชเดินทางมาถึงเกษมขนส่งหลังจากตำรวจกลับไปได้สักพัก พอรู้เรื่องหมายเรียกและข้อหาซ่องโจรที่สารวัตรยัดเยียดให้ก็เคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด

สองพ่อลูกคับแค้นใจที่โดนข้อหาซ่องโจรทั้งที่ทำอาชีพสุจริต แต่พรหมบุญกับพวกของมันกลับไม่โดนอะไรเลย แบบนี้พวกมันใช้อำนาจทางกฎหมายบีบบังคับเรา

เสี่ยเกษมกลุ้มใจ บ่นว่าโดนหมายเรียกแบบนี้แล้วจะทำยังไงดี สายสุนีย์ไม่ให้สนใจ ย้ำว่าเราไม่ผิดก็ไม่ต้องไป

“ไม่ได้นะครับ ถึงเราไม่ผิดแต่เราก็ต้องไปให้ ปากคำ” สีหราชค้าน

“แต่เราโดนกลั่นแกล้ง พวกมันกล่าวหาเรา ฉันจะไม่ยอมเล่นตามเกมของมันเด็ดขาด”

“เรื่องนี้เป็นเรื่องของกฎหมายบ้านเมือง ยังไงก็ต้องปฏิบัติตาม”

“แต่กฎหมายมีไว้ปกป้องคนดี ไม่ได้มีเอาไว้เป็นเครื่องมือของคนชั่วแบบนี้”

“แต่ถ้าเสี่ยไม่ไปตามหมายเรียก ต่อไปถ้ามันออกหมายจับพวกเราจะแก้อะไรไม่ทันอีกแล้วนะครับ นี่ไม่ใช่การเล่นตามเกม แต่มันเป็นโอกาสเดียวที่เราจะได้อธิบายเรื่องทั้งหมดให้ตำรวจฟัง ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป”

สายสุนีย์ไม่เห็นด้วย แต่เสี่ยเกษมตัดบทว่าตนจะไป ลูกสาวไม่พอใจเดินหนีทันที สีหราชทำท่าจะตามแต่เสี่ยเกษมบอกให้ปล่อยไปก่อน น้ำเชี่ยวอย่าเพิ่งเอาเรือไปขวาง

สายสุนีย์ขับรถด้วยความเร็วไปหามุกดาที่ปั๊มน้ำมันแล้วร้องไห้อย่างคับแค้น พร้อมกับพร่ำพรรณนาถึงความไม่ยุติธรรม ความดีแพ้ความชั่ว ผ่านไปสักพักความโกรธและเสียใจทำให้เธอมีอาการตัวเกร็งเหมือนจะชัก มุกดาตกใจรีบโทร.ตามเสี่ยเกษม สีหราชยังอยู่ด้วยกันจึงรีบมาพาเธอส่งโรงพยาบาล

เมื่อพรหมบุญทราบข่าวจากปลัดฉกาจก็หัวเราะสะใจ ขอบใจปลัดที่จัดการเรื่องหมายเรียกให้จนสองพ่อลูกเดือดร้อน

หมอตรวจอาการของสายสุนีย์แล้วให้คำแนะนำกับญาติว่าคนไข้ได้รับความสะเทือนใจมาก ร่างกายเลยเกิดอาการเกร็ง แต่หลังจากนี้ก็จะค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ

“แกจะหายเป็นปกติใช่ไหมครับ”

“หายครับ เพียงแต่อาจต้องใช้เวลาหน่อย ยังไงต้องช่วยกันดู อย่าให้มีเรื่องกระทบจิตใจอีก”

เสี่ยเกษม สีหราช และมุกดามองหน้ากันอย่างกังวล หลังจากนั้นสีหราชขับรถไปส่งมุกดาที่ปั๊มแล้วแวะเอาเสื้อผ้าให้เสี่ยเกษมที่จะนอนเฝ้าลูกสาว

มุกดากลับเข้ามาในห้องทำงานเห็นชาญก็ตกใจ คราวนี้ชาญตัดสินใจสารภาพรักเธอ แต่เธอกลับเดินหนีอย่างไม่เชื่อ เพราะคิดว่าคงไม่มีชายหนุ่มคนไหนจริงใจกับแม่ม่ายอย่างเธอ

ตกเย็น คำอ้ายกับอาจารย์เป๋อแวะมาเยี่ยมสายสุนีย์ ทั้งคู่นั่งคุยกับเสี่ยเกษมอยู่ที่ร้านอาหารในโรงพยาบาล ส่วนสีหราชตามมาสมทบหลังจากมุกดาขึ้นไปเปลี่ยนเฝ้าสายสุนีย์

คำอ้ายถามเสี่ยเกษมเรื่องหมายเรียกว่าตำรวจนัดวันไหน เสี่ยบอกว่าวันจันทร์ที่จะถึงนี้

“ไม่ต้องห่วงนะ ขั้นตอนนี้คงไม่มีอะไรมาก ตำรวจแค่เรียกเรามาซักถาม ถ้าเรามีเหตุผล มีพยานหลักฐานก็ไม่น่ามีปัญหา”

แต่เสี่ยเกษมบอกตรงๆว่าตนไม่มีกะจิตกะใจไปพบตำรวจตามนัด เพราะไหนจะงาน ไหนจะเรื่องสายสุนีย์ ถ้าขอเลื่อนนัดไปก่อนจะได้ไหม

“ได้สิครับ แค่เราโทร.ติดต่อร้อยเวรเจ้าของคดี แล้วนัดหมายกันวันอื่นก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร”

“เสี่ยจะเลื่อนไปเป็นวันไหนครับ”

“ถ้าเป็นวันศุกร์ล่ะ จะมีปัญหาอะไรมั้ย”

“งั้นเดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วผมจะไปจัดการเรื่องนี้ ให้ครับเสี่ย ไม่ต้องห่วง” คำอ้ายอาสาด้วยความเต็มใจ

ฉับพลัน! ความยุ่งยากบางอย่างปรากฏในหัวอาจารย์เป๋อตาทิพย์ สีหราชสังเกตเห็นอาจารย์สะดุ้ง รีบถามว่าเป็นอะไร

“ไม่รู้สิ มันยังไงไม่รู้ จู่ๆก็เห็นภาพ...ไม่รู้นะอะไรก็ไม่รู้”

“งั้นคิดออกค่อยบอกแล้วกัน ตอนนี้กินกันก่อนเหอะ หิวจนตาลายแล้ว” คำอ้ายตัดบท ทุกคนจึงลงมือกินข้าว ยกเว้นอาจารย์เป๋อที่ยังพยายามทบทวนภาพที่เห็นอยู่ไปมา...

อาจารย์เป๋อพยายามทบทวนภาพที่เห็นแต่ไม่สำเร็จเพราะมันเร็วและสับสนจนจับต้นชนปลายไม่ถูก ได้แต่สังหรณ์ใจว่าน่าจะเกี่ยวกับการเลื่อนนัด เสี่ยเกษมจึงตัดสินใจไปเจรจาเรื่องนี้กับร้อยเวรด้วยตนเอง โดยมีคำอ้ายกับอาจารย์เป๋อตามไปเป็นเพื่อน ปรากฏว่าเรียบร้อยดีไม่มีปัญหา

วันถัดมา พรหมบุญให้ชาญขับรถพาเขาไปพบตันเคียนสิวเป็นการส่วนตัว ขณะรถเคลื่อนออกจากบ้าน พรหมบุญเหลือบเห็นเสือเล็กยืนโอบกอดฟ้ารุ่งอยู่มุมหนึ่ง...ความแค้นยิ่งแน่นอกแต่เขาไม่กระโตกกระตากให้ชาญรู้

พอถึงจุดหมาย พรหมบุญเข้าไปคุยกับตันเคียนสิวตามลำพัง ไม่นานก็กลับออกมาพร้อมข้อมูลว่าในบรรดาลูกน้องของเขาอาจมีใครบางคนปลอมตัวเข้ามาเป็นสาย... พรหมบุญกลับมาหารือปลัดฉกาจ หวานสวาทแอบได้ยินว่าพวกเขาสงสัยชาญและแก้ว จึงรีบปรึกษาแก้วว่าจะหาทางเอาตัวรอดยังไงดี

ด้านสายสุนีย์ที่ยังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล เธอฟื้นมาในสภาพเหม่อลอย เสี่ยเกษมถามอะไรก็ไม่ตอบ ผ่านไปสักพักหลังจากคนเป็นพ่อพยายามทบทวนความจำ เธอเริ่มรับรู้และเรียกเตี่ยออกมา แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ให้เธออาการหนักขึ้นอีก เมื่อสารวัตรบุกมาจับเสี่ยเกษมกับลูกน้องสองคนใส่กุญแจมือต่อหน้าต่อตาเธอ

“เฮ้ย! นี่มันอะไรกัน มาจับผมทำไม” เสี่ยเกษมโวยวาย

“ผมบอกแล้วไง ถ้าไม่ไปตามหมายเรียก ผมก็ต้องออกหมายจับ แล้วนี่ก็หมายจับของเสี่ย”

“แต่วันก่อนผมไปเลื่อนนัดแล้วนี่ ลูกสาวผมป่วย ทำไมทำกับผมแบบนี้”

“เลื่อนนัดอะไร ผมไม่รับรู้...เอาไปโรงพักเดี๋ยวนี้”

สารวัตรสั่งลูกน้อง เสี่ยเกษมดิ้นรนขัดขืนจนเซเกือบล้ม สายสุนีย์รับไม่ได้กรีดร้องลั่นห้อง หมอกับพยาบาลวิ่งเข้ามาด้วยความตกใจ แต่สารวัตรไม่สนใจ เร่งลูกน้องเอาตัวผู้ต้องหาไปโรงพัก

เสี่ยเกษมถูกลากตัวออกจากห้อง หมอและพยาบาลรีบเข้าไปดูแลสายสุนีย์ที่กรีดร้องอย่างขวัญเสีย

หลังจากนั้นไม่นาน สีหราชทราบเรื่องขณะอยู่กับคำอ้ายและอาจารย์เป๋อ ทุกคนแปลกใจว่าเสี่ยเกษมโดนตำรวจจับได้ยังไง แล้วรีบตามไปที่โรงพัก
สีหราชมาติดต่อตำรวจนายหนึ่งว่าตนต้องการเยี่ยมผู้ต้องหา...พวกเสี่ยเกษมอยู่ในห้องขัง สีหน้าแต่ละคนเศร้าหมอง กดดัน และเจ็บแค้น

“ผมขอโทษครับเสี่ยที่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา”

“สีหราช...มันไม่ใช่ความผิดของนาย”

“เสี่ยใจเย็นๆนะครับ ยังไงพวกเราจะช่วยอย่างเต็มที่” คำอ้ายปลอบ

“เดี๋ยวผมจะไปทำเรื่องขอประกันตัวเสี่ย พี่เจริญกับพรชัยออกไปให้เร็วที่สุด ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวมา”

สีหราชปลีกตัวไป เสี่ยเกษมจะเรียกแต่ไม่ทัน บ่นกับคำอ้ายและอาจารย์เป๋อว่าตนติดอยู่ในนี้ สายสุนีย์ก็นอนโรงพยาบาล แล้วจะเอาหลักทรัพย์ประกันตัวจากที่ไหน

“แต่เซ้นส์ผมบอกนะว่าสีหราชทำได้”

“ให้มันจริงเหอะอาจารย์ ครั้งที่แล้วจิตสัมผัสมาเตือนแล้วดันแปลไม่ออก เห็นมั้ยเลยต้องมาติดแหง็กกันอยู่ที่นี่” คำอ้ายบ่นกระปอดกระแปด อาจารย์เป๋อเหล่มองแล้วค้อนปะหลับปะเหลือก

ooooooo

สีหราชเดินเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวของสารวัตร...เจ้าของเห็นผู้มาเยือนก็โวยวายว่าเขาเป็นใคร เข้ามาในนี้ได้ยังไง

“ผมมาขอสอบถามเรื่องคดีของเสี่ยเกษม”

“ที่แท้ก็พวกเสี่ยเกษม มีอะไรจะถามว่ามา”

“คือตามกฎหมายแล้วเวลามีหมายเรียกไปถึงผู้ถูกกล่าวหาหมายเรียกควรจะมีสองครั้งไม่ใช่หรือครับ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆสารวัตรถึงออกหมายจับ ทั้งๆที่เสี่ยเกษมก็เข้ามาขอเลื่อนนัดออกไปแล้ว”

“แต่ฉันเป็นตำรวจ ฉันจะทำอย่างงี้นายมีปัญหาอะไร”

“แต่ตำรวจคือผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ไม่ใช่ผู้ทำลายสันติของราษฎร”

“อย่ามาโอหัง พูดจาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน เดี๋ยวจะเจอดี...ออกไป”

“ผมจะไม่ออกไปไหนทั้งนั้น จนกว่าผมจะเสร็จธุระ”

“หน็อย...ลองดีใช่มั้ย”

สารวัตรชักปืนออกมาเล็ง ในขณะที่สีรหาชหยิบบัตรประจำตัวออกจากกระเป๋าชูขึ้นตรงหน้า...สารวัตรเพ่งมองด้วยอาการตกใจ แล้วอีกไม่กี่นาทีถัดไปเสี่ยเกษมกับลูกน้องก็ได้รับการปล่อยตัว

คำอ้ายกับอาจารย์เป๋อแปลกใจทำไมสีหราช

ทำเรื่องประกันตัวเร็วนัก เสี่ยเกษมก็สงสัยถามสีหราชว่าใช้หลักประกันอะไร

“เอาไว้ผมจะอธิบายเรื่องนี้วันหลังนะครับ ยังไงตอนนี้เรารีบกลับกันก่อนดีกว่า”

ทั้งกลุ่มพากันเดินออกจากโรงพัก สารวัตรยืนมองจากมุมหนึ่ง สีหน้ายังคงอึ้งไม่หายที่ได้รู้ความจริงว่าสีหราชเป็นใคร

ooooooo
ที่มาไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น