วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร เพื่อนอพง ตอนที่ 13


หลังหุงหามื้อเย็นให้พ่อกินเรียบร้อย แพงขอตัวไปอาบน้ำ แล้วตรงไปที่ท่าน้ำนุ่งผ้าถุงกระโจมอกลงแหวกว่ายอย่างสบายอารมณ์ แต่อยู่ๆเกิดเจ็บแปลบที่ขาถึงกับร้องโอ๊ยลั่น ลอเพิ่งกลับจากงานในไร่เดินผ่านมาได้ยินเสียงร้อง ก็ตะโกนถามว่าเป็นอะไร เธออ้ำอึ้งอยู่นานกว่าจะบอกว่าปลิงเกาะขา

“โธ่อีแพง ทำเป็นเรื่องใหญ่ แค่ปลิงเกาะขาก็รีบขึ้นมา ข้าจะช่วยเอาออกให้ มันเกาะตรงไหนเอ็ง”

ลอลงไปอุ้มแพงขึ้นจากน้ำ สั่งให้ถลกผ้าถุงจะได้เอาปลิงออกให้ เธออายเพราะปลิงเกาะต้นขา แต่สุดท้ายทนเจ็บไม่ไหว ค่อยๆถลกผ้าถุงขึ้นไปเหนือเข่า เห็นปลิงตัวใหญ่เกาะอยู่ เขาเอายาสูบมาเคี้ยวจนนุ่มแล้วเอาโปะที่ตัวปลิง สักพักมันเมาน้ำจากใบยาสูบร่วงจากขา เลือดไหลจากแผลถูกกัดเต็มขาอ่อนแพงไปหมด ลอฉีกเสื้อตัวเองมาซับเลือดให้ หญิงสาวเขินอายขอทำแผลเอง เขาโวยใส่จะทำเองทำไมอีกเดี๋ยวก็เสร็จ

“ฉันเป็นผู้หญิงนะพี่ลอ มาถลกผ้าถุงจับขาอ่อนฉันแบบนี้จะไม่ให้ฉันอายได้อย่างไร” แพงปัดมือเขาออก ลอเผลอมองขาอ่อนเธอแล้วมองไปที่เนินอกซึ่งมีเพียงผ้าถุงกระโจมไว้อย่างไม่ตั้งใจ

“พูดแล้วยังมองฉันอีก ทะลึ่ง” แพงผลักลอหงายหลัง คว้าเสื้อมาคลุมไหล่ แล้วเดินหน้าแดงหนีไป

ลออดยกมือที่เพิ่งสัมผัสขาอ่อนเธอขึ้นมามอง “นี่เอ็งโตเป็นสาวอย่างนี้แล้วเหรอวะอีแพง”...

แพงยังเขินไม่หายไม่กล้าสู้หน้าลอหลบอยู่แถวใต้ถุนบ้าน ปล่อยให้เขาขึ้นบนบ้านคนเดียว พิศเห็นเขามา ร้องเรียกให้มากินข้าว แพงเตรียมไว้รอจนจะชืดหมดแล้ว และออกตัวว่าฝีมือทำกับข้าวของแพงอาจจะไม่อร่อยเท่าเพื่อน แต่ก็ทนเอาหน่อย ไว้เพื่อนกลับมาแล้วคอยกินฝีมือเธอให้หายอยาก

“แต่ฉันว่าฝีมืออีแพงมันก็เข้าท่าอยู่นะจ๊ะอา ยิ่งถ้าให้มันแกงเนื้อกับเปียกข้าวเหนียวเอามาวางคู่กับของแม่เพื่อนล่ะก็ ฉันแยกไม่ออกเลยเชียวว่าของใครเป็นของใคร”

พิศเตือนลออย่าไปยอแพงเกินไปนัก เดี๋ยวจะเหลิง เธอยิ่งไม่ค่อยจะเชื่อฟังใคร แม้แต่ตนซึ่งเป็นพ่อ ยังทำหูทวนลมบ่อยๆ ลอไม่อยากต่อความด้วยบอกให้พิศไปนอนพัก กินเสร็จแล้วเขาจะเก็บเอง

“ไม่ต้อง กินเสร็จก็เรียกอีแพงมาเก็บ แล้วเอ็งก็ไปนอนพักเอาแรงพรุ่งนี้ต้องทำงานแต่เช้าอีก” พิศพูดจบเดินเข้าห้อง ลอทรุดตัวลงนั่งหน้าสำรับกับข้าวลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อย แพงที่แอบมองอยู่อดยิ้มดีใจไม่ได้...

หลังจากกวาดสำรับจนเกลี้ยง ลอเก็บจานจะมาล้าง แพงรีบเข้ามาบอกให้วางไว้ เดี๋ยวเธอจัดการเอง ลอไล่เธอไปนอนเขาล้างเองได้ แพงไม่ยอมให้ทำ แย่งจานไปจากมือ แต่ดึงแรงไปหน่อย จานร่วงพื้น

พิศตะโกนสวนทันที “อีแพง ซุ่มซ่ามอะไรของเอ็งอีก โครมครามอยู่ได้ ข้าจะนอนโว้ย”

“ขอโทษจ้ะพ่อ” แพงใจตรงกับลอที่หยิบจานพร้อมกัน มือจับกันพอดี ใบหน้าของทั้งคู่ห่างแค่คืบ ตาต่อตาประสานกันนิ่งงัน แพงได้สติรีบชักมือออก หลบสายตาไม่กล้าสบตาด้วย

“ฉันลอกใบจากเอาไว้ให้พี่มวนยาแล้ว วางไว้แถวคอกไอ้เปลี่ยว พี่รีบไปเอาเถอะ เดี๋ยวไอ้เปลี่ยวนึกว่าเป็นฟางก็เผลอเคี้ยวแย่งพี่ไปหรอก” แพงมองตามลอที่เดินจากไปด้วยใจเต้นตึกตักกับความใกล้ชิดเมื่อครู่...

ดึกคืนเดียวกัน ลอฝันเห็นเพื่อนกลับมาหาตัวเองถึงในมุ้ง ร้องห่มร้องไห้ขอให้เขาอภัยให้ที่ทิ้งเขาไป ลอรักเธอมาก ต่อให้เธอเอามีดกรีดหัวใจ เขาก็ไม่เจ็บ แล้วนับประสาอะไรกับคำว่าให้อภัย เพื่อนตระหนักแล้วว่าไม่มีใครจะรักเธอเท่าเขาอีก จากนี้ไปเธอจะไม่ขออะไรจากเขานอกจากความรัก แล้วจับมือเขาขึ้นมากุมพลางสบตาหวานซึ้ง

“ฉันขอให้พี่รู้เอาไว้ด้วยว่า มือพี่ไม่ได้กุมแค่มือฉัน แต่มือพี่กำลังกุมหัวใจของฉันเอาไว้หมดทั้งดวง และถึงแม้พี่จะไม่เรียกร้องการชดใช้ความผิดเอาจากฉัน แต่ฉันก็จะขอชดใช้ให้พี่อย่างเต็มใจ” เพื่อนพูดจบจุมพิตลอ อย่างดูดดื่ม แล้วค่อยๆปลดเสื้อออก “ทั้งกายและหัวใจของฉันเป็นของพี่แต่ผู้เดียวจ้ะพี่ลอ” เพื่อนเอนตัวลงนอน ลอค่อยๆโน้มตัวลงไปจูบหน้าผาก ไล่ลงมาที่จมูก ปาก ซอกคอและเนินอก

“พี่รักแม่เพื่อนของพี่เหลือเกิน” ลอเลื่อนขึ้นมาจะจูบปากเธออีกครั้ง แต่คราวนี้ผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดตัวเองกลับเป็นแพงซึ่งพร้อมจะพลีกายให้ทั้งกายและใจเช่นกัน แล้วโน้มคอเขาเข้ามาจูบ

ลอสะดุ้งตื่นลุกพรวดจากที่นอน ตกใจที่ฝันของตัวเองมีแพงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ยิ่งหวนคิดถึงความใกล้ชิดทั้งตอนที่เอาปลิงออกจากขาอ่อนให้เธอ และตอนที่มองสบตากันเมื่อตอนหัวค่ำ เขาถึงกับหน้าเครียด เหลือบมองไปยังพระเครื่องของพ่อที่แขวนอยู่ใกล้ตัว ก่อนจะคว้ามากำไว้แน่น

ooooooo

ระหว่างที่แพงตักบาตรให้สมภารบุญอยู่ตรงทางเข้าวัด ถูกซักถึงเรื่องที่ไปก่อไว้ในพระนครเป็นความจริงหรือเปล่า เธอตอบเลี่ยงๆว่าท่านได้ยินอย่างไรมาก็เป็นอย่างนั้น สมภารบุญไม่เชื่อ เพราะรู้จักสันดานของเธอดีว่าไม่ใช่คนจะไปหาเรื่องใครก่อน เธออธิบายว่าพวกลูกผู้ดีในพระนครมาหาเรื่องตนก่อน ตนก็เลยต้องเอาคืน

“ลูกท่านหลานเธอเลยหางจุกตูด เขาก็เลยไม่ให้เรียนหนังสืออีก ได้กลับมายั่วโมโหหลวงพ่อเหมือนเดิมนี่แหละเจ้าค่ะ” แพงเห็นท่านมองอย่างจับผิด เลยแกล้งยักคิ้วกวนๆกลบเกลื่อน

“อีแพง เพราะสันดานเอ็งมันเป็นซะแบบนี้ คนอื่นเขาถึงระอาเอ็งกันหมด” สมภารบุญถอนใจเหนื่อยใจก่อนจะเดินเข้าวัด แพงมองตามสีหน้าสลด ยกมือไหว้ขอโทษตามหลังที่ต้องมุสา แล้วหันหลังจะกลับเจอก้อนกับแก้วที่พากันมาทำบุญตักบาตรเช่นกัน แก้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่นไม่อยากเสวนาด้วย แถมดึงก้อนที่กำลังทักทายเธอให้รีบไป อ้างจะไม่ทันหลวงพ่อฉันเพล...

ในเวลาต่อมา หลังกรวดน้ำเสร็จ ก้อนอดถามหญิงคนรักไม่ได้ว่าโกรธอะไรกันกับแพงถึงขนาดไม่พูดจาทักทายกัน เธอไม่อยากพูดถึง ขยับจะเดินหนี แต่เขาคว้าแขนไว้ ดักคอว่าโกรธแพงเรื่องทิ้งอนาคตกลับมาบ้านสร้างใช่ไหม แก้วพยักหน้าแทนคำตอบ เขาเองก็คิดเหมือนเธอว่าแพงช่างโง่เง่าจริงๆ

“แต่แม่แก้วก็รู้ คนอย่างอีแพงมันรู้แต่กตัญญู มันไม่เคยคิดถึงความสุขตัวเองหรอก”

แก้วพึมพำถ้าแพงคิดแค่นั้นตนคงจะไม่โกรธ ก้อนได้ยินไม่ถนัดถามว่าพูดอะไร เธอเฉไฉว่าไม่มีอะไร วานให้เขาช่วยไปดูลอบ้าง อย่าปล่อยให้อยู่คนเดียว ก้อนไม่ห่วงเรื่องนั้นเพราะเขามีงานที่จะต้องทำเยอะแยะแถมมีแพงคอยเป็นนกแก้วนกขุนทองพูดกรอกหูให้รำคาญอยู่ทุกวี่วัน แก้วยิ่งใจไม่ดีกลัวทั้งคู่จะใกล้ชิดกัน อ้อนวอนให้ก้อนไปอยู่เป็นเพื่อนลอ อย่าให้แพงไปยุ่งกับลอจะดีกว่าเพราะเธอต้องคอยดูแลอาพิศ

“อืม...ก็จริงของแม่แก้ว ไอ้ลอมันรักนังเพื่อนอย่างถวายหัว ปล่อยมันไปไม่ดูดำดูดีก็ไม่ควร...พี่คิดอะไรออกแล้ว งั้นพี่ไปนะ” ก้อนยิ้มให้คนรักแล้วเดินลิ่วออกไป...

ณ บึงน้ำขนาดใหญ่ ลอดักได้ปลาขึ้นมาหลายตัวก็ดีใจ เผลอตัวร้องเรียกเพื่อนให้มาดู แต่นึกขึ้นได้ว่าเธอไม่กลับมาด้วยถึงกับหน้าเศร้า ระหว่างนั้นแพงเดินเข้ามาหาเห็นเขาได้ปลาตะเพียนตัวเป้ง อาสาจะเอาไปต้มเค็มให้กิน ลอนึกถึงความฝันเมื่อคืนขึ้นมาทันที จัดแจงโยนปลาลงบึง ก้มหน้าเก็บแหเก็บข้องเดินหนี แพงเดินตาม อารามรีบร้อนไม่ทันดูทางสะดุดหินหกล้ม ตะโกนเรียกให้เขาช่วยดึงมือ แต่เขาไม่สนใจ

“เอ็งไม่ต้องเสือกตามข้ามาอีกนะอีแพง กลับไปดูแลอาพิศ ไป”

“ฉันแค่อยากออกมาช่วยพี่ทำงาน ทำไมต้องไล่ฉันด้วย”

ลอกลัวใจตัวเองรีบปฏิเสธว่าไม่ต้องการคนช่วย

ไล่ตะเพิดเธอกลับ ไม่แม้แต่จะช่วยฉุดให้เธอลุกขึ้น เดินหนีไปหน้าตาเฉย ก้อนตามมาทันร้องเรียกสหายรักไว้ เมื่อครู่นี้เขาเดินผ่านมาเห็นไอ้เปลี่ยวดูหงุดหงิดงุ่นง่าน ชอบกล เขาไม่กล้าเข้าใกล้กลัวมันจะขวิดเอา ลอจะไปจัดการมันเองแล้วรีบร้อนออกไป แพงจะตาม แต่ก้อนห้ามไว้ จากนั้นชายหนุ่มก็วิ่งตามลอจนทันกันแถวทุ่งนา ปล่อยให้เขาเข้าไปดูไอ้เปลี่ยวตามลำพัง

ส่วนตัวเองยืนหลบอยู่หลังต้นไม้ไม่กล้าเข้าไปใกล้ๆ ลอสำรวจควายคู่ใจเรียบร้อย จูงมันมาหาสหายรัก อธิบายว่าที่มันหงุดหงิดงุ่นง่านก็เพราะติดสัด เข้าทางก้อนทันที เสนอจะให้ลอเอาไอ้เปลี่ยวไปทับอีจั่นควายของน้าตนเองที่เริ่มเป็นสัดเหมือนกัน ลอเห็นดีด้วย

“ต้องอย่างนี้สิวะ เดี๋ยวเอ็งปล่อยให้ไอ้เปลี่ยวทับอีจั่นไป ส่วนข้าก็มีทีเด็ดไว้ให้เอ็งไม่น้อยหน้าไอ้เปลี่ยวเหมือนกัน” ก้อนเห็นลอนิ่วหน้าสงสัย รีบดักคอไม่ให้ถามอะไรตอนนี้ ไว้ไปถึงบ้านน้าของตนก่อน

“รับรองว่าเอ็งต้องขอบใจที่ข้าหวังดี ช่วยให้เอ็งไม่ต้องอมทุกข์เรื่องแม่เพื่อนอีก” ก้อนยิ้มกริ่ม แพงแอบฟังอยู่ พอจะเดาออกว่าเขากำลังจะพาลอไปทำอะไร รีบสะกดรอยตาม

ooooooo

ในเวลาไล่เลี่ยกัน เพื่อนหวังจะใช้เสน่ห์ปลายจวักที่ลอติดใจหนักหนามัดใจมานพ แต่ไม่ได้ผล นอกจากเขาจะไม่ชอบอาหารบ้านๆที่เธอทำให้กิน ยังเตรียมตัวจะออกไปข้างนอก เธอตามมารั้งตัวไว้ ตัดพ้อที่เขาไม่เคยมีเวลาให้ ออกจากบ้านแต่เช้าทุกวันกว่าจะกลับก็ดึกดื่น เขาอ้างว่ามีงานต้องทำ ยังไม่มีเวลาให้เธอตอนนี้

“แต่คุณสัญญาว่าจะแต่งงานกับฉัน เมื่อไหร่คุณถึงจะทำตามสัญญาที่คุณกล้าป่าวประกาศด้วยเกียรติยศที่คุณอวดว่าคุณมีมากกว่าพี่ลอ”

“กล้าเอาผมไปเปรียบเทียบกับไอ้บ้านนอกนั่นเหรอ น้ำหน้าอย่างไอ้ลอมันแค่เศษกรวดที่ติดซอกพื้นรองเท้าผม ถ้าคุณพูดถึงมันอีกล่ะก็ ผมจะถือว่าคุณจงใจยั่วโมโหผม” มานพไม่พอใจบีบแขนเพื่อนสีหน้าเอาเรื่อง เธอต้องรับปากจะไม่พูดถึงลออีก แค่อยากจะให้เขาทำตามสัญญาเท่านั้น มานพไม่ลืมเรื่องแต่งงาน ถึงเวลาจะจัดการให้ แต่ตอนนี้เขามีธุระต้องทำ แล้วผลักเพื่อนพ้นทางก่อนจะเดินจากไป เธอมองตามสีหน้าครุ่นคิดสงสัย...

ด้านก้อนวางแผนจะเป็นพ่อสื่อให้ลอกับจวงญาติของตัวเอง โดยใช้เวลาระหว่างรอให้ไอ้เปลี่ยวทับอีจั่น วานให้ลอช่วยพาเธอไปไหว้พระ แล้วพายเรือเล่นสักหน่อย พอดีเธอเพิ่งมาจากสามโคกตามแม่ของเธอมาเที่ยว

ทุ่งบ้านสร้าง เลยยังไม่คุ้นกับที่นี่สักเท่าไหร่ ลอแปลกใจทำไมเขาไม่พาไปเอง

“ข้ามีธุระกับน้าข้า พ่อข้ากำชับมา เอ็งพานังจวงไปเถอะไป” ก้อนผลักลอเซถลาเกือบจะชนกับจวงที่เอาแต่ยืนเอียงอาย แล้วรีบชิ่งหนี แพงซึ่งแอบดูอยู่ตลอดชักสีหน้าไม่พอใจ...

จวงพยายามทอดสะพานให้ลอสุดฤทธิ์ไม่เว้นแม้แต่ในบริเวณสวนร่มรื่นของวัด จับมือเขาขึ้นมา ยัดดอกลั่นทมใส่ วานให้ช่วยทัดผมให้ แล้วขยับตัวเบียดจนลอกระอักกระอ่วนใจ แพงรู้เท่าทันจวง รีบเข้าไปกันท่า

“อ้าวพี่ลอ มาโผล่อยู่ที่นี่เอง ฉันก็ตามหาซะทั่ว แล้วนั่นใครล่ะ”

“ฉันชื่อจวงจ้ะ เป็นญาติกับอาผู้ใหญ่ผาด...พี่ลอจ๊ะ ฉันอยากไปพายเรือเล่นแล้ว พี่ลอพาฉันไปหน่อยสิจ๊ะ” จวงไม่รอคำตอบ ควงแขนลอออกไปไม่สนใจแพง อีกครู่ต่อมา ลอมาถึงบริเวณท่าน้ำโดยมีจวงเกาะแขนแน่น

ยิ่งกว่าปลิง เขาบอกให้เธอรอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวจะไปเอาเรือมารับ จวงรีบออกตัวว่าว่ายน้ำไม่เป็น ฉะนั้นตอนอยู่ในเรือเขาจะต้องนั่งใกล้ๆเธออย่าห่างแม้แต่นิดเดียวเพราะเธอกลัว แพงถลาเข้ามาทันที

“ว่ายน้ำไม่เป็นแต่ทะลึ่งอยากนั่งเรือเล่น มารยาไม่เบานะแม่จวง”

สองสาวเปิดศึกน้ำลายกัน จวงด่าสู้แพงไม่ได้เงื้อมือจะตบ แต่เธอคว้ามือไว้ จับบิดจนร้องลั่น แล้วถีบซ้ำถลาตกลงไปในคลอง ลอตกใจ ตำหนิแพงทำแบบนี้ได้อย่างไร จวงว่ายน้ำไม่เป็นเดี๋ยวก็จมน้ำตาย แล้วจะโดดลงไปช่วย แพง ดึงมือไว้ ขอร้องอย่าพาซื่อ หัดรู้เท่าทันมารยาหญิงบ้างจะได้ไม่โดนหลอกซ้ำซาก แล้วชี้ให้ดูจวงที่ว่ายน้ำไปขึ้นท่าอย่างคล่องแคล่ว แพงไม่พอใจตามมาผลักเธอตกน้ำอีกรอบ

“จำใส่กบาลไว้เลยนะอีตอแหล พี่ลอเขามีคู่หมั้นแล้ว เขารักกันมากด้วย เพราะฉะนั้นถ้าข้าเห็นเอ็งมาให้ท่าพี่ลออีก เอ็งเจ็บตัวแน่” แพงชี้หน้าจวงเอาเรื่อง แล้วมองค้อนลอหนึ่งวงก่อนจะสะบัดหน้าเดินจากไป จวงร้องเรียกให้เขาช่วยฉุดขึ้นจากน้ำ แต่เขาไม่สนใจรีบเดินตามไปคว้าข้อมือแพงกระชากให้หันกลับมา

“ทำบ้าอะไรของเอ็งหาอีแพง”

“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ก็แค่ทำเรื่องที่พี่ลอ

อยากทำแต่ไม่กล้าก็แค่นั้นเอง ฉันไม่ต้องรอให้พี่อ้าปาก ยังไงฉันก็รู้พี่ยังรักพี่เพื่อน ยังรอพี่เพื่อนกลับมา ต่อให้มีนางฟ้านางสวรรค์แห่มากราบอ้อนวอนขอให้พี่ลืมพี่เพื่อน พี่ลอก็ทำให้ไม่ได้” แพงแดกดันเสร็จ สะบัดมือเขาออก ลอด่าว่าจะสาระแนเรื่องของเขามากไปแล้ว เขาจะลืมเพื่อนหรือไม่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่เธอจะไปหาเรื่องใส่คนอื่นแบบนี้

“ฉันไม่กลัว ถ้ามีคนอื่นเข้ามายุ่งกับพี่อีก ฉันก็จะชี้หน้าด่าไม่ให้เข้าใกล้พี่อีกเหมือนกัน”

“อีแพง ปากเอ็งด่าพี่สาวเกลียดที่เขาทำร้ายใจข้า แต่ตอนนี้เอ็งกลับหวงข้าแทนพี่สาวเอ็ง ถามจริงๆเถอะวะ เอ็งหวงข้าแทนพี่สาวหรือว่าหวงแทนตัวเอง” เจอคำถามนี้เข้าไป แพงถึงกับพูดไม่ออก ผลักเขาพ้นทาง ก่อนจะวิ่งหนี ลอมองตามหน้าเครียด

ooooooo

เพื่อนเดินไปเดินมาอยู่ในห้องโถง ค่ำมืดป่านนี้แล้วไม่เห็นแม้แต่เงาของมานพ พลันมีเสียงรถแล่น เข้ามาจอด เธอคิดว่าเป็นชายคนรัก ร้องเรียกด้วยความดีใจ แต่คนที่เข้ามากลายเป็นเจ้าคุณรัตน์ เธอยกมือไหว้ ขอประทานโทษแทบไม่ทัน ที่ไม่ทราบว่าท่านจะกลับจากเพชรบุรีวันนี้

“ไม่เป็นไรแม่เพื่อน ฉันไม่ได้แจ้งมาว่าจะกลับวันนี้เอง แต่ถึงยังไง เรื่องเกิดขึ้นในบ้านนี้ ฉันก็รู้จากคนของฉันที่คอยรายงานให้ทราบตลอด เป็นการดีที่แม่เพื่อนจะมาอาศัยอยู่ที่นี่เพราะถ้าปล่อยให้ไปพักตามลำพังอยู่ในโรงแรม ฉันก็คงไล่ตอบคำถามเพื่อนฝูงไม่หวาดไม่ไหว”

“ดิฉันสัญญาจะไม่ทำให้ท่านลำบากใจ จะเรียกใช้อะไรก็ขอให้เรียกได้เลยเจ้าค่ะ”

ท่านมีคนรับใช้มากพอแล้ว คงไม่ต้องอาศัยไหว้วาน อะไรเธออีก และอีกอย่างเธอคงไม่มีเวลาทำอย่างอื่น เพราะแค่ไล่ตามมานพอย่างเดียว ท่านก็อดเวทนาสงสารเธอไม่ได้ แต่ก็ขอให้เธอสบายใจว่าท่านจะไม่กีดกันอะไรเธอ แต่ในเมื่อโฉมฉายห้ามแล้ว เธอกลับไม่ฟัง มานพไม่ใช่คนดี เพราะท่านเลี้ยงดูเขามาผิด

“เมื่อเทียบกับนายลอแล้ว แม้จะต่ำต้อยด้อยค่าในเรื่องเกียรติยศ แต่นายลอก็ยังมีเนื้อแท้เป็นเพชรมากกว่ามานพเสียอีก แม่เพื่อนเอ๊ย เมื่อเลือกแล้วก็ต้องอดทน ฉันเตือนได้แค่นี้”...

ณ ห้องโถงของโรงแรม แรมกำลังเมาได้ที่อาละวาดใส่ผู้จัดการโรงแรมที่ปฏิเสธการให้บริการจนกว่าวิชิตจะมาชำระค่าห้องพักและค่าเครื่องดื่มที่ติดค้างอยู่ จนแขกที่มาใช้บริการพากันหันมองเธอเป็นตาเดียวกัน ผู้จัดการกลัวเธอจะทำให้โรงแรมเสียชื่อ สั่งให้พนักงานช่วยกันจับตัวเธอออกไป เพื่อนมาทันเวลาพอดี จะจ่ายเงินที่แรมติดค้างให้เอง แล้วหยิบธนบัตรยื่นให้ผู้จัดการ

ไม่นานนัก แรมพาเพื่อนมาที่ห้องพักของตัวเอง แต่ยังโวยวายไม่เลิก ที่ตนต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะโดนพักตร์พริ้งเมียหลวงของวิชิตกลั่นแกล้ง แล้วขอยืมเงินเพื่อนจะจ้างรถไปราวีนังนั่นถึงบ้าน เธอไม่ยอมให้เพราะเมื่อครู่นี้เพิ่งจ่ายเงินให้ทางโรงแรมไป แรมจะเข้าไปแย่งเงินในกระเป๋า ถูกเธอตีมือดังเพียะ

“ที่ฉันมาช่วยเหลือพี่วันนี้ ไม่ได้จะมาเป็นท้อง พระคลังให้ เงินที่ช่วยไปถือเป็นค่าจ้างที่พี่ต้องทำงานตอบแทนฉันต่างหาก” เพื่อนยิ้มเหี้ยม ขณะที่แรมมองสงสัยจะให้ทำงานอะไรให้...

เพื่อนต้องการให้แรมไปสอดส่องดูความเคลื่อนไหวของมานพที่สมาคมนักเรียนนอก ว่าเป็นอย่างที่ตนคาดการณ์ไว้หรือไม่ แรมหายเข้าไปในนั้นพักเดียวก็กลับมารายงานเพื่อนที่รออยู่นอกตึกว่าท่าทางมานพจะหลงโสภีมากกว่าเธอ เพราะเดี๋ยวก็กอดเดี๋ยวก็หอมเดี๋ยวก็ซบ เต้นรำกันจนจะสิงอยู่ในร่างเดียวกัน แล้วยุส่ง

“ถ้าฉันเป็นแก ฉันจะบุกเข้าไปราวี จิกหัวนังนั่นมาตบสั่งสอนประจานให้เสียผู้เสียคน”

“แต่ฉันจะไม่ทำแบบนั้น คนที่จะลงมือสั่งสอนนังโสภีจะเป็นพี่แรม ไม่ใช่ฉัน” เพื่อนว่าแล้วหยิบเงินปึกหนึ่งออกจากกระเป๋าถือยื่นให้ “กว่าพี่จะแย่งคุณวิชิตคืนมาจากเมียหลวงได้ ฉันว่าคงต้องอดอยากปากแห้งอีกนาน ว่าไงสนใจอยากช่วยฉันเล่นงานนังโสภีขึ้นมาบ้างหรือยัง”
แรมมองเงินในมือเพื่อนสีหน้าครุ่นคิด

ooooooo

แพงมีปากเสียงกับพ่อเรื่องที่ท่านไม่ยอมกินยา ทั้งที่กินแล้วอาการทุเลาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พิศกลับแย้งว่าตัวเองดีขึ้นเพราะได้ข่าวดีของเพื่อนต่างหากไม่ใช่เพราะยานั่นสักหน่อย

“เหรอจ๊ะ แค่รู้ว่าพี่เพื่อนเขาได้ดิบได้ดีอยู่พระนคร ยังลุกขึ้นมาด่าฉันฉอดๆ งั้นถ้าพี่เพื่อนกลับมาแต่งงานกับพี่ลอ พ่อคงลุกขึ้นมาวิ่งปร๋อแข่งกับไอ้เปลี่ยว” แพงประชด พิศไม่พอใจ คว้าไม้เรียวจะตีแต่เกิดเจ็บบริเวณท้องขึ้นมา เซจะล้มเป็นจังหวะเดียวกับลอขึ้นมาบนเรือนพอดี รีบช่วยกันกับแพงประคองเขาไปนอนพัก แล้วขอให้เขากินยาตามที่แพงเอามาให้จะได้ไม่ต้องเป็นแบบนี้อีก พิศ ทักท้วง แพงไม่ใช่หมอทำไมถึงคิดว่าจะรักษาตนได้ 

อีกทั้งยาที่เอามาให้กินก็ไม่รู้ได้มาจากไหน แพงถึงกับหน้าเจื่อน ลอต้องช่วยอธิบาย

“อีแพงไม่ได้มั่วเอายาที่ไหนมารักษาอาหรอก มันถ่อไปคุยกับหมอถึงอำเภอเล่าอาการป่วยกระเสาะกระแสะที่อาเป็นให้หมอฟัง ถึงได้รู้ว่าที่อาเป็นแบบนี้เพราะผลจากที่อากินแต่เหล้ามาตลอด”

“หมอเขาว่า ถ้าหมั่นกินยาจะช่วยไม่ให้ตับพ่ออักเสบได้”

พิศไม่เชื่อว่าน้ำหน้าอย่างแพงจะคุยกับหมอรู้เรื่อง สั่งให้ลอจดหมายไปเล่าอาการป่วยของตนให้เพื่อนฟัง จะได้หาหมอจริงๆที่พระนครมารักษาตน แพงน้อยใจ เดินหนีมาร้องไห้แถวคอกเลี้ยงควาย ลอรีบตามมาบอกว่าไม่ต้องเขียนจดหมายไปหาเพื่อน แค่ปลอมจดหมายของเธอแล้วเอามาอ่านให้อาพิศฟัง จะได้ยอมกินยาที่แพงอุตส่าห์หามาให้ พออาการดีขึ้นเขาจะเล่าความจริงเรื่องเพื่อนให้ท่านฟังเองแล้วคว้ามือเธอขึ้นมาบีบคาดคั้นให้ตอบคำถามมาสักทีว่าเธอหวงเขาให้พี่สาวหรือหวงให้ตัวเอง แพงตัดสินใจตอบคำถามคาใจ

“ฉัน...ฉันหวงพี่ลอเพราะว่าฉันรักพี่ ฉันทนไม่ได้ที่จะให้คนอื่นเข้าใกล้พี่ เว้นก็แต่พี่เพื่อนคนเดียวเท่านั้น ฉันไม่ได้รักอย่างน้องที่พี่ลอเคยอุ้มชู แต่รักอย่างผู้หญิงคนหนึ่งที่ใครก็มาห้ามไม่ให้ฉันหยุดรักพี่ได้”

“อีแพงเอ็งต้องไปกับข้าเดี๋ยวนี้” ลอกระชากแขนแพงออกไปทันที ครู่ต่อมา ทั้งคู่มาถึงคุ้งต้นไทร เขาสั่งให้เธอสาบานว่าไม่ได้รักเขาอย่างที่พูด เธอไม่ยอมทำตาม ลอโวยวาย ทำไมเธอถึงดื้อดึงมารักเขา แพงไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น รักเพราะเกิดมาเพื่อรักเขาคนเดียว ชีวิตไม่ได้เป็นของเธอตั้งแต่วันที่สิ้นแม่ แต่ที่มีชีวิตอยู่มาทุกวันนี้ก็เพื่อเขา ลอตระหนักแล้วว่าที่เธอยอมทิ้งอนาคต ยอมถูกเข้าใจผิดก็เพื่อจะได้มาอยู่กับเขา

“สำหรับพี่ลอแล้ว ใครจะด่าใครจะว่ายังไง อีแพงก็ขอรักอย่างโง่ๆ ขอรักอย่างขมขื่น แต่อย่างน้อยอีแพงก็ยังได้รักพี่ลออยู่ อีแพงไม่ขออะไรมากกว่านี้อีกแล้ว” แพงจับมือลอมาแนบแก้มตัวเอง เขาสะบัดมือเธอออก

“ข้าขอบใจที่เอ็งสารภาพว่าเอ็งรักข้า ยอมเจ็บยอมขมขื่นเพื่อข้า น้ำใจเอ็งมันช่างประเสริฐนัก แต่อีแพงเอ๊ย อาพิศมีบุญคุณกับข้าและข้าก็สาบานว่าจะรักแต่แม่เพื่อนผู้เดียว ข้าถึงให้เอ็งรักไม่ได้ เมื่อเอ็งไม่ยอมสาบาน ข้าก็จะไม่พูดกับเอ็ง แม้แต่หน้า ข้าก็จะไม่มอง จำเอาไว้อีแพง” พูดจบลอผละจากไปทิ้งให้แพงยืนตะลึงน้ำตาไหลพรากอยู่ตรงนั้น ครั้นกลับถึงกระท่อมเขาระเบิดอารมณ์ปัดข้าวของกระจุยกระจาย

“ข้า...ข้าก็รักเอ็งอีแพง แต่ข้า...ข้าปล่อยให้เกิดขึ้นไม่ได้” ลอกระชากเสื้อตัวเองโยนไปนอกกระท่อมด้วยความอัดอั้นโดยไม่รู้ว่าพระเครื่องที่ห้อยคอติดอยู่ในนั้นด้วย

ooooooo

แรมแอบมาพบเพื่อนที่มุมปลอดคนในสวนของบ้านเจ้าคุณรัตน์เพื่อขอเงินค่าจ้างทำให้โสภีเสียโฉมเพิ่ม อ้างว่านี่ไม่ใช่งานง่ายๆ เพื่อนไม่ยอมให้ หาว่าเธอฉวยโอกาสซ้ำเติมคนที่กำลังเดือดร้อน

“งั้นก็ตามใจ ถึงแม่โสภีจะเป็นแม่ม่ายแต่ก็มีทั้งความสวย ฉลาดเข้าสังคมเก่ง เป็นผู้ดีพอๆกับคุณมานพ เทียบกับหล่อนที่เป็นสาวบ้านสร้างแต่พยายามเป็นสาวพระนครแล้ว...”

เพื่อนไม่รอให้แรมพล่ามจนจบ ตัดใจให้เงินตามที่เรียกร้อง เธอยิ้มพอใจ สั่งให้เพื่อนไปถ่วงเวลามานพเอาไว้แล้วรีบออกไปจัดการตามแผน เพื่อนเดินกลับเข้าตัวบ้านเห็นมานพกำลังจะออกไปข้างนอก พยายามถ่วงเวลาเอาไว้สุดฤทธิ์โดยอ้างเจ้าคุณรัตน์สั่งไว้ว่าให้เขาอยู่รอพบท่านวันนี้ ท่านต้องการทราบกำหนดการแต่งงานของเรา เพราะตั้งแต่ท่านกลับมาเขายังไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรเลย

“คุณก็เลยชิงไปคุยกับคุณพ่อผมเอง” มานพ ตวาดเสร็จกลับเข้าตัวบ้านอย่างหัวเสีย...

แผนดักกรีดหน้าโสภีไม่ง่ายอย่างที่แรมว่าจริงๆ นอกจากนักเลงหัวไม้ที่เธอจ้างจะทำงานไม่สำเร็จถูกคนของโสภีเล่นงานสะบักสะบอม ยังซัดทอดอีกด้วยว่าแรมเป็นคนจ้างวาน โสภีจึงให้คนของตนมาดักจับแรม ทีแรกเธอปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็น แต่พอเห็นนักเลงหัวไม้ที่ตัวเองจ้างวานถูกซ้อมปางตายต่อหน้าต่อตา รีบโยนความผิดว่าเพื่อนเป็นคนต้นคิด เธอไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกับโสภี แล้วขอโทษขอโพยยกใหญ่

“ฮึ...พวกบ้านนอกคอกนาก็อย่างนี้แหละ คิดอะไรได้แค่ตื้นๆ เธอกับแม่เพื่อนประมาทฉันเกินไป ในเมื่อไม่รู้จักฉันดีก็อย่าคิดว่าจะจัดการฉันได้ง่ายๆ กลับไปบอกแม่นั่นด้วยว่าถ้ายังคิดโง่ๆแบบนี้อีก มันนั่นแหละที่จะเสียโฉม” โสภีผลักแรมล้มกลิ้ง พอตั้งหลักได้ก็รีบวิ่งหนีไม่คิดชีวิต...

ทันทีที่วางสายโทรศัพท์ มานพหันขวับมองเพื่อน อย่างเอาเรื่อง ก่อนจะกระชากลากถูไปที่ห้องนอน แล้วเหวี่ยงลงบนเตียง เธอตัดพ้อทำแบบนี้กับตนทำไม เขาโกรธมากที่เธอตีหน้าใสซื่อ เขารู้จากแรมหมดแล้วว่าเธอไปทำเรื่องชั่วอะไรไว้บ้าง เห็นหวานๆซื่อๆแต่ที่แท้ก็หมาลอบกัดดีๆนี่เอง แล้วตบหน้าเธอฉาดใหญ่

“ฉันให้เงินเลี้ยงดูเธอแต่เธอกลับเอาไปจ้างคุณแรมให้หาคนไปทำร้ายโสภี ดีที่คุณแรมเขาไม่เล่นด้วยเพราะห่วงว่าฉันจะเลี้ยงนังงูเห่าหน้าซื่อเอาไว้ทำร้ายฉันเอง”

เพื่อนเข้าไปเกาะแขนจะอธิบาย แต่เขาไม่ต้องการฟังคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น ขอให้เธอจำใส่กะโหลกไว้ด้วย เขาไม่ได้คิดจะแต่งงานกับเธอ แต่ที่ต้องลากเธอไปป่าวประกาศต่อหน้าผู้ดีค่อนพระนครเพราะตอนนั้นเขาไม่มีทางเลือก จึงต้องหลอกเธอให้มาเป็นห่วงผูกคอ เพื่อนคร่ำครวญทั้งน้ำตาว่ารักเขามากมายเพียงใด

“รักเหรอ...ฮึ ความรักของเธอจะเป็นแค่ของเล่นสนุกของฉันเท่านั้น ถ้าเธออยากได้ฉันเป็นผัว ฉันก็จะเป็นให้ แต่อย่าหวังว่าฉันจะส่งเสริมเธอให้เป็นหลวง คุณโสภีต่างหาก ที่เหมาะกับฉัน ไม่ใช่นังบ้านนอกอย่างเธอ จำไว้” มานพเดินจากไปอย่างไม่แยแส ทิ้งให้เพื่อนปวดร้าวใจอยู่เพียงลำพัง

ooooooo

ลอกำลังเตรียมแหกับข้องจะออกไปจับปลา ตอนที่พิศลงมาถามว่าเขียนจดหมายถึงเพื่อนหรือยัง เขาอึกอักไม่รู้จะตอบอย่างไรดี แพงตอบคำถามแทนว่าเขียนไปแล้ว อีกไม่นานพี่เพื่อนก็คงตอบกลับมาเอง พิศร้อนใจเมื่อรู้ว่าเธอส่งจดหมายไปหาเพื่อนแค่ฉบับ เดียว สั่งให้เขียนไปหลายๆฉบับ

“นังเพื่อนจะได้รู้ว่าข้าป่วย ข้าคิดถึงมันอยากเห็นมันกลับมาแต่งงานกับไอ้ลอสักที เขียนเสร็จแล้วเอ็งก็ออกไปช่วยไอ้ลอจับปลาด้วย ช่วงนี้น้ำหลากปลาชุม”

“อย่าเลยอา ให้อีแพงดูแลอาอยู่ที่บ้านนี่แหละ” ตัดบทเสร็จ ลอออกไปทันที ไม่แม้แต่จะปรายตามองแพง พิศเห็นสีหน้าสลดของเธอแล้วอดถามไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงไม่พูดจากัน เธอได้แต่อึกอักไม่รู้จะตอบพ่ออย่างไร พิศสรุปเอาเองว่าเป็นเพราะเธอไปยั่วโมโหลอ แล้วเตือนว่าหากเราไม่มีเขาช่วยทำมาหาเลี้ยง เราสองคนจะเอาอะไรกิน นี่ถ้าตนมีเรี่ยวแรงจะเฆี่ยนเธอให้หลังลาย แพงต่อล้อต่อเถียง ถ้าเกิดพ่อทำเธอเจ็บตัวขึ้นมา คงต้องหาคนเขียนจดหมายไปถึงพี่เพื่อนแทนที่ พิศปรามอย่ามาทำหัวหมอกับตน

“ฉันไม่อยู่หัวหมอกับพ่อก็ได้ ฉันไปจดหมายถึงพี่เพื่อนให้พ่อแล้วกัน” แพงว่าแล้วขยับจะไป

พิศรั้งไว้ แล้วเตือนให้ระวังตัวไว้บ้าง ตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กๆแล้วจะหยอกล้อเล่นหัวกับลอต้องรู้จักกาลเทศะบ้าง เดี๋ยวชาวบ้านจะเอาไปพูดได้ว่าเธอให้ท่าผัวของพี่สาว หรือไม่ตนจะรีบหาผัวให้เธอ จะได้ไม่ต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน แพงไม่สนใจพวกปากหอยปากปู ขอตัวไปเขียนจดหมายหาพี่เพื่อนก่อน

จากนั้นเธอหยิบกระดาษกับดินสอไปที่ริมบึงเพื่อปลอมจดหมายของพี่สาว พลันคำพูดที่ลอตัดเยื่อใยเมื่อวานนี้ดังก้องขึ้นมาในความคิด แพงถึงกับน้ำตาคลอเบ้า ก่อนจะปาดน้ำตาทิ้งแล้วก้มหน้าก้มตาเขียนจดหมาย ระหว่างนั้นมีเสียงแก้วคุยกับด้วงเรื่องงานแต่งงานของเธอดังเข้ามา เขาเหลือบเห็นแพงนั่งอยู่ก็ร้องทักมาทำอะไรอยู่ตรงนั้น เธอรีบซ่อนจดหมายไว้ด้านหลัง โกหกว่ามานั่งเล่น

แก้วยังงอนสหายรักไม่หาย บอกให้ด้วงอยู่คุยกันไปก่อน ตนจะไปช่วยก้อนทำนา แล้วขยับจะไป แพงร้องเรียกไว้ ถามว่าเมื่อครู่นี้คุยกับด้วงเรื่องงานแต่งงานหรือ

“ไม่เป็นไรหรอกอีแพง ข้ารู้ว่าเอ็งยุ่ง ไหนจะต้องดูแลพ่อ ดูแลพี่ลอ ถ้าเอ็งไม่ว่างไปข้าก็ไม่ว่าหรอก” ประชดเสร็จ แก้วจ้ำพรวดๆออกไปเลย แพงมองตามหน้าเสีย ขณะที่ด้วงอดสงสัยกับท่าทางของแก้วไม่ได้

ครู่ต่อมา แก้วมาถึงบ้านผู้ใหญ่ผาด ทันทีที่เห็นหน้าชายคนรัก ทวงถามว่าเรื่องจับคู่ลอกับจวงไปถึงไหนแล้ว เขาส่ายหน้า จะไปถึงไหนได้อย่างไรในเมื่อแพงตามไปอาละวาดถีบจวงตกน้ำ ขู่ซ้ำว่าลอรักคู่หมั้นของเขามาก อย่าให้เห็นเธอมายุ่งกับเขาอีกไม่อย่างนั้นมันจะเล่นงานให้หนัก

“แม่แก้วสนิทสนมกับอีแพง ทำไมมันถึงไปพูดแบบนั้น มันก็รู้เห็นกับเราไม่ใช่หรือว่าแม่เพื่อนทิ้งไอ้ลอไปแล้ว หรือมันยังหวังว่าพี่สาวมันจะกลับมาคืนดีกับไอ้ลอ” ก้อนเห็นหญิงคนรักหน้าตาเคร่งเครียด รู้ทันทีต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล คาดคั้นให้เล่าให้ฟัง อีกไม่กี่วันเราจะแต่งงานกันแล้ว อย่ามีเรื่องต้องปิดกันเลย

“น้ำตาลใกล้มด น้ำมันใกล้ไฟแบบนี้ ฉันกลัวเหลือเกินจ้ะพี่ก้อน” แก้วอดหวั่นใจไม่ได้

ooooooo

เมื่อรู้จากแก้วว่าแพงคิดอย่างไรกับลอ ก้อนอยู่นิ่งเฉยต่อไปไม่ได้ รีบตรงไปยังกระท่อมปลายนา แต่ไม่เจอใคร กำลังจะออกตามหาสหายรัก สายตาของเขาสะดุดกับพระของลอซึ่งตกอยู่บนพื้นหน้ากระท่อม

“ทำไมมาตกอยู่แถวนี้” ก้อนก้มลงเก็บด้วยสีหน้าไม่สบายใจ แล้วออกตามหาเจ้าของพระกับสร้อยคอไปถึงลำกระโดง เห็นเขากำลังทอดแหหาปลาอยู่ ยื่นสร้อยกับพระให้ บอกว่าเจอตกอยู่หน้ากระท่อม ไม่เข้าใจทำไมเขาถึงปล่อยให้ของรักของหวงยิ่งกว่าชีวิตหายไปได้อย่างไร ลอรับมาไหว้แล้วเอาคล้องคอไว้

“ข้าไม่ทันระวัง เผลอดึงหลุดไปแล้วหาไม่เจอ” พูดจบลอหันไปทอดแหหาปลาต่อไป

ก้อนอยากรู้ว่าที่ลอเป็นได้ขนาดนี้เพราะเรื่องเพื่อนกับแพงใช่ไหม เขาคงรู้แล้วว่าแพงคิดอย่างไรกับเขา

คนถูกถามได้แต่นิ่งเงียบ เก็บแหกับข้องลุยน้ำไปขึ้นเรือเพื่อแจวไปจับปลาที่อื่น ก้อนรีบเดินตาม

“เอ็งไม่ต้องหนีหน้าข้า แม่แก้วบอกข้าหมดแล้วและข้าก็คิดเหมือนเธอ อีแพงเป็นคนดี ชีวิตมันไม่เคยทำเรื่องเห็นแก่ตัว ยอมเสียอนาคตก็เพื่อเอ็ง ถ้าเอ็งจะรักมันให้สมกับที่มันรักเอ็ง ข้ากับแม่แก้วก็ไม่ขัด กลับจะเห็นดีด้วย แต่เอ็งต้องลืมนังเพื่อนให้สิ้นจริงๆ ไม่งั้นทั้งเอ็งทั้งอีแพงหาสุขไม่ได้ ไม่ต่างอะไรจากจูงมือพากันไปโดดเหวนะโว้ยไอ้ลอ” ก้อนเห็นลอไม่ตอบโต้ พายเรือห่างออกไปเรื่อยๆ ตะโกนไล่หลัง

“พวกข้าเตือนเพราะรักทั้งเอ็งทั้งอีแพงนะโว้ย”...

ขณะที่ลอคิดหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับแพง เพื่อนกำลังแอบฟังเจ้าคุณรัตน์กับลูกชายเถียงกันอยู่ในสวนข้างบ้านเรื่องที่ฝ่ายหลังต้องการจะแต่งงานกับโสภีและจะให้พ่อเห็นดีเห็นงามไปด้วยแต่ท่านไม่ยอม ซ้ำยังต่อว่าเขาที่เห็นเพื่อนเป็นแค่สิ่งท้าทาย พอแย่งจากลอมาได้ก็ทิ้งขว้างไม่ไยดี

“งั้นก็ตามใจคุณพ่อ อย่าลืมนะครับ คุณโสภีก็สนิทสนมกับผู้ใหญ่ในรัฐบาลชุดนี้ เธอจะทำให้หน้าที่การงานของผมรวมไปถึงคุณพ่อ เจริญก้าวหน้ามากกว่าที่ผมต้องมีเมียเป็นสาวบ้านนอกคอกนา”

เพื่อนถึงกับยืนอึ้งตัวชาน้ำตาไหลอาบแก้ม ค่อยๆ ถอยออกมา แต่ชนกระถางต้นไม้หล่นเสียก่อน สองพ่อลูกหันมองตามเสียง เห็นเธอยืนมองด้วยสายตาเจ็บปวด ก่อนจะหันหลังกลับเข้าตัวตึก เจ้าคุณรัตน์เป็นห่วงความรู้สึกของเธอรีบวิ่งตาม ขณะที่มานพกลับไม่แยแสเธอแม้แต่น้อย

เจ้าคุณรัตน์ตามมาเห็นเพื่อนนั่งร้องไห้เป็นเผาเต่าก็ยิ่งเวทนา ขอโทษแทนลูกชายตัวเองด้วยที่ทำกับเธอแบบนี้ เพื่อนไม่โทษใคร เป็นเพราะเธอโง่เองที่ไม่ฟังคำเตือนของ ท่านกับน้าโฉม เจ้าคุณรัตน์ดีใจที่เธอได้คิด แนะให้กลับบ้านสร้าง ขืนอยู่ที่นี่ต่อไปคงไม่พ้นโดนมานพย่ำยีหัวใจ ท่านเชื่อว่าที่นั่นยังมีคนรักคนคอยปลอบใจเธออยู่ และมั่นใจว่าคนที่ทั้งซื่อทั้งจริงใจอย่างลอจะไม่เกลียดเธอแน่นอน

“กลับบ้านสร้างเถอะแม่เพื่อน ฉันเองก็จะไปจากพระนคร เพราะที่นี่มุ่งแต่จะหาความศิวิไลซ์ ตะเกียกตะกายเป็นอย่างที่ฝรั่งเป็น จนหลงลืมรากเหง้าเก่าก่อนไปหมด”

ooooooo

แพงทำความสะอาดกระท่อมของลอเสร็จเรียบร้อย ก็เอาสำรับที่เตรียมไว้มาจัดใส่จานวางไว้ที่แคร่หน้ากระท่อมรอให้เขากลับมากิน แล้วหันไปบอกไอ้เปลี่ยวที่ยืนเคี้ยวเอื้องอยู่ใกล้ๆว่าห้ามมายุ่งกับอาหารเหล่านี้ไม่อย่างนั้นจะโดนเธอเล่นงาน ก่อนจะหันไปปัดแมลงที่จะมาตอมอาหารไปพลางพูดกับไอ้เปลี่ยวไปด้วย

“พี่ลอเขาโกรธไม่พูดไม่มองหน้าข้ามาหลายวันแล้วเพราะข้าไม่ยอมสาบานว่าจะไม่รักเขา แต่ถ้าเขาสั่งเอ็ง ข้าก็เชื่อว่าเอ็งคงทำไม่ได้เหมือนกันเพราะทั้งเอ็งทั้งข้าไม่อยากผิดคำสาบานแล้วต้องตายจากพี่ลอ ใช่ไหมไอ้เปลี่ยว แต่ถึงเขาจะไม่พูดกับข้า ไม่มองหน้าข้า ข้าก็ไม่เสียใจหรอก เพราะอย่างน้อยข้าก็ยังได้แอบเอาข้าวมาให้เขากิน ได้มาทำความสะอาดเรือนให้เขา ได้แอบมองเขาเวลาเขาออกไปทำนา แค่นี้ข้าก็พอใจแล้ว” แพงลูบหัวไอ้เปลี่ยวแล้วเดินจากไป ลอซึ่งแอบซุ่มดูอยู่ตลอดชะเง้อมองตาม ซาบซึ้งใจที่เธอมาคอยดูแล...

ค่ำวันเดียวกัน แพงเอาจดหมายที่ตัวเองเป็นคนเขียน แต่ทำทีว่าเป็นของพี่เพื่อนส่งมาถึงพ่อ มาอ่านให้ท่านกับพี่ลอฟังว่าพี่เพื่อนได้อ่านจดหมายที่แพงเขียนมาเล่าอาการป่วยของพ่อแล้วถึงกับร้องไห้

“อยากให้พ่อกับพี่ลอรู้เหลือเกินว่า...ฉันคิดถึงพ่อ คิดถึงพี่ลอ” แพงหยุดอ่านจดหมายแล้วมองลอที่มองตอบเช่นกัน พิศใจร้อนเร่งให้อ่านต่อไป เธอว่าตอนนี้พี่เพื่อนยังกลับบ้านสร้างไม่ได้เพราะต้องช่วยทำงาน แทนน้าโฉมที่ไปทำธุระเมืองนอก ส่วนอาการป่วยของพ่อ พี่เพื่อนกำชับให้กินยาตามที่เธอหามาให้ เดี๋ยวพ่อก็จะค่อยๆดีขึ้นเอง พิศไม่ค่อยเชื่อนัก หาว่าแพงแต่งขึ้นมาเองเพื่อที่จะได้ไม่โดนด่า ลอดึงจดหมายมาทำทีเป็นอ่าน

“แม่เพื่อนเขียนมาอย่างที่อีแพงว่าจริงๆจ้ะอา”

“งั้นเหรอวะ ถ้านังเพื่อนมันว่าอย่างนั้นจริง ข้าก็จะยอมกินยาของอีแพง แล้วในจดหมายนังเพื่อนมันบอกหรือเปล่าว่าจะกลับมาหาข้าเมื่อไหร่ มันต้องกลับมาแต่งงานกับเอ็งไม่ใช่เหรอไอ้ลอ”

แพงเห็นลออึกอัก ชิงตอบคำถามแทนว่าพี่เพื่อนจะกลับมา แต่ต้องรอให้ช่วยงานน้าโฉมเสร็จก่อน พ่อไม่ต้องเป็นห่วง แล้วพี่เพื่อนจะจดหมายมาอีก พิศพยักหน้ารับรู้ แล้วยิ้มมีความสุข แพงกับลอแอบถอนใจโล่งอกที่เขาไม่ติดใจสงสัยอะไร...

ขณะที่แพงจำเป็นต้องโกหกเพื่อให้พ่อสบายใจ เพื่อนซึ่งอยู่ที่พระนคร ตามมานพมาที่สมาคมนักเรียนนอก เห็นเขาดึงโสภีมาหอมแก้ม ปรี่เข้าไปต่อว่า

แทนที่ทั้งคู่จะสะดุ้งสะเทือน กลับโชว์ความหวานต่อหน้า เธอทั้งเจ็บใจทั้งน้อยใจปัดแก้วเครื่องดื่มใกล้มือตกแตก ทุกคนในนั้นเหลียวมองเธอเป็นตาเดียวกัน มานพไม่พอใจที่เพื่อนเสียมารยาท ทำท่าจะเอาเรื่องแต่โสภีแตะแขนเอาไว้

“อย่าไปว่าเธอเลยค่ะ เธอมาจากบ้านนอกคอกนาส่วนเราเป็นผู้มีวัฒนธรรมควรคุยกันอย่างผู้ดีจะดีกว่า”

มานพพยักหน้ารับคำ เดินเข้าไปบีบข้อมือเพื่อนเต็มแรง ก่อนจะกระชากตัวปลิวไปยังห้องส่วนตัวด้านหลัง ยื่นข้อเสนอ หากเธออยากเป็นเมียของเขาก็ต้องยอมรับตำแหน่งเมียน้อย ไม่อย่างนั้นก็กลับบ้านสร้างไปหาลอซึ่งอาจจะยังรอให้เธอซมซานกลับไปเป็นเมียมันอยู่ เพื่อนโกรธจนลืมตัว คว้าขวดเหล้าบนโต๊ะฟาดหัวเขาเต็มแรง แต่พอเห็นเลือดไหลอาบหน้าก็ตกใจ

“คุณมานพ...ฉัน...ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำร้ายคุณ” ว่าแล้วเพื่อนจะเข้าไปดูแผลให้

“เธอกล้าทำร้ายฉัน รนหาเรื่องเจ็บตัวแล้วนังเพื่อน” มานพผลักเธอหงายหลัง แล้วจะตามเข้าไปซ้ำ เพื่อนรีบดึงเก้าอี้มาขวางไว้ ก่อนจะวิ่งหนีออกจากห้อง สวนกับโสภีที่ตามเข้ามาเพราะได้ยินเสียงโครมคราม พอเห็นมานพได้รับบาดเจ็บก็ตกใจ

ooooooo
ที่มาไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น