วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร เพื่อนแพง ตอนที่ 10


ณ สมาคมของพวกผู้ลากมากดี มานพแทงบิลเลียดกับวิชิตไปพลางเล่าเรื่องเพื่อนให้ฟังไปด้วย วิชิตพอมองออกว่าสหายของตนหลงใหลได้ปลื้มผู้หญิงคนนี้มากขนาดยอมเจ็บตัวเพื่อหลอกให้เธอหลงเสน่ห์ จังหวะนั้นแรมเดินหน้าเครียดเข้ามาหาวิชิต ขอคุยธุระเป็นการส่วนตัว

“ได้สิครับ กำลังคิดถึงคุณอยู่พอดี ยอดชีวาของผม...ขอตัวก่อนนะมานพ” วิชิตว่าแล้วโอบเอวแรมออกไป เธอไม่วายปรายตามองมานพ ก่อนจะเชิดหน้าใส่ เมื่อมาถึงมุมปลอดคน แรมบีบน้ำตาขอร้องให้วิชิตช่วยหาทางกันเธอออกจากคดีของลั่นทม แล้วแต่งเรื่องว่าไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อน เจอกันแค่ครั้งเดียวตอนงานกาชาด กลับถูกมันซัดทอดว่าเป็นพวกเดียวกัน วิชิตรับปากจะดูแลปกป้องเธอเอง

“ผมมีบ้านอยู่อีกหลัง คุณสามารถเข้าไปอยู่ที่นั่นได้โดยไม่มีใครรบกวน จะมีคนรับใช้คอยดูแลคุณแล้วผมจะหมั่นแวะไปหาคุณบ่อยๆ เดี๋ยวคนขับรถของผมจะพาคุณไปที่บ้านพักหลังนั้น คุณไปรอผมนะ”

“ขอบคุณค่ะ” แรมหอมแก้มวิชิตแล้วผละจากไป พลันมีเสียงมานพดังขึ้นทางด้านหลัง ไม่คิดว่าเขาจะจริงจังกับผู้หญิงคนนี้ เตือนให้ระวังเมียกับพ่อตาของเขาให้ดี ขืนรู้เรื่องนี้เข้า เขาจะไม่เหลืออะไรเลย...

ค่ำวันเดียวกัน ขณะเพื่อนนั่งใจลอยเหม่อมองออกไปทางหน้าต่างห้องพัก คาใจกับคำพูดของมานพที่ทิ้งท้ายไว้ก่อนจะจากกันเมื่อเช้า ลอย่องเข้ามาทางด้านหลังสวมกอดเธอไว้ด้วยความคิดถึง เธอพยายามดันเขาออกห่าง อ้างว่าที่นี่ไม่ใช่ทุ่งบ้านสร้าง ใครมาเห็นเข้าจะไม่งาม เขาขอโทษด้วยที่ดีใจเกินเหตุ เพราะตั้งแต่เขานอนซมเพราะพิษไข้ป่า ก็เอาแต่คิดถึงเธอเหมือนไม่ได้เจอกันมาสิบชาติ ขอเขาอยู่กับเธออีกสักพักได้ไหม

“อย่าเลยจ้ะพี่ลอ ฉันเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ขอให้ฉันได้พักบ้างเถอะ นะจ๊ะพี่ลอ”

ลอเดินออกไปอย่างว่าง่าย เพื่อนมองตาม ถอนใจโล่งอกที่เขาไปเสียได้ ทันทีที่เขาลับสายตา แพงออกจากที่ซ่อนต่อว่าพี่สาวว่าไปไล่เขาแบบนั้นไม่สงสารบ้างหรือ ทุกคนในบ้านนี้ก็รู้กันหมดว่าทั้งคู่เป็นอะไรกัน เคราะห์หามยามร้ายถูกจับให้พลัดพรากจากกัน จะกอดกันบ้างก็ไม่มีใครว่าอะไรอยู่แล้ว

เพื่อนไม่พอใจพูดแบบนี้เพื่ออะไรกันแน่ แพงแค่จะย้ำให้เธอรู้ว่าเธอกับพี่ลอเป็นคู่หมั้นกัน พูดจบเดินกลับห้องตัวเอง เพื่อนเดินตามมาคว้ามือน้องบีบไว้แน่นเตือนว่าอย่ามาสาระแนเรื่องของตนกับพี่ลออีกแล้วเหลือบไปเห็นชุดของแพงที่แขวนอยู่ เอามือลูบคลำอย่างชื่นชม แพงไม่ปลื้มชุดนี้นัก เสนอจะยกให้ถ้าเธอชอบ

“จะให้ข้าเอาของของเอ็งไปใช้น่ะเหรอ ของเหลือเดนจากเอ็งข้าไม่อยากได้หรอก”

ooooooo

เพื่อนลุกขึ้นแต่งตัวด้วยชุดสวยที่โฉมฉายซื้อให้แต่เช้า แล้วหมุนตัวอวดโฉมอยู่หน้ากระจกเงาพลางส่งเสียงเรียกให้น้องสาวมาช่วยดูทีว่าตนเองสวยเหมือนตุ๊กตาฝรั่งที่วางอยู่บนตู้โชว์ไหม แพงหัวเราะขำ

“ตุ๊กตาฝรั่งขาวเผือกหัวทองปากแดงเป็นลิงนี่น่ะเหรอ ขืนพี่เพื่อนอยากสวยแบบนี้ พี่ลอมาเห็นเข้าคงนึกว่าพี่จะไปเล่นลิเกแข่งกับพวกไอ้วอกมัน พี่เพื่อนไม่ใช่สาวพระนครจะจับปั้นแต่งยังไงพี่เพื่อนก็งามอย่างสาวทุ่งบ้านสร้าง งามอย่างที่พี่ลอเขารักเขาชอบ”

“แต่ข้าไม่ได้แต่งตัวสวยเพื่อให้พี่ลอชมข้าสักหน่อย” เพื่อนหลุดปาก แพงสวนทันทีถ้าไม่ได้แต่งให้พี่ลอชมแล้วเธอจะให้ใครชม เพื่อนโวยวายกลบเกลื่อนอย่ามาสาระแนเรื่องของตนแล้วผลักน้องจนเซเกือบล้ม จำปาเข้ามาประคองไว้ทัน ถามว่ามีเรื่องอะไรกันเสียงดังไปถึงข้างนอก แพงนิ่งไม่พูดอะไร เพื่อนวางท่าหน้าเชิดคอตั้งถามจำปาว่าน้าโฉมกลับมาหรือยัง พอรู้ว่ากลับมาแล้วเธอรีบเดินออกไปโดยไม่ขอบใจสักคำ

จำปามองตามข้องใจกับท่าทางเชิดหยิ่งของเพื่อน แล้วหันไปฟ้องแพงว่าเพื่อนขอให้โฉมฉายช่วยพาไปพบมานพตั้งแต่เมื่อคืน เห็นว่าอยากไปขอบพระคุณที่เขาช่วยเหลือเอาไว้ แถมยังได้ยินเธอออดอ้อนให้คุณท่านซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆใส่ไปหาเขาด้วย แพงถึงบางอ้อทันทีที่พี่เพื่อนอยากแต่งตัวสวยก็เพื่อจะให้มานพชมนี่เอง คิดได้ดังนั้น เธอรีบลงไปหาลอที่กำลังช่วยจำปูนตัดต้นไม้อยู่ในสวนข้างบ้าน แล้วไล่ให้รีบไปแต่งตัว...

ขณะเพื่อนกำลังรอโฉมฉายอยู่ที่ห้องโถง เห็นแพงพาลอในชุดกางเกงขายาว รองเท้าหนัง สวมเสื้อเชิ้ตสุภาพเรียบร้อยเข้ามา เขาเห็นเพื่อนในชุดสวยถึงกับชมไม่หยุดปาก เธอสงสัยทำไมเขาถึงแต่งตัวแบบนี้

“ก็พี่ลอเขาจะไปพบคุณมานพพร้อมกับพี่เพื่อนด้วยไง ฉันก็เลยขอยืมเสื้อผ้าของน้าจำปูนมา พี่ลอจะได้ดูดีมีกาลเทศะคู่กับพี่เพื่อนไง” แพงชิงตอบคำถามแทน เพื่อนยังไม่ทันจะว่าอะไร โฉมฉายเดินเข้ามาเสียก่อน

“อ้าวนายลอ แต่งตัวซะหล่อเชียว จะไปพบคุณมานพด้วยกันรึพ่อ”

ลอรับคำ โฉมฉายเห็นดีด้วย เพราะเธอเองตั้งใจจะให้คนไปตามเขาพอดี ไปด้วยกันกับแม่เพื่อนจะได้ถือโอกาสกราบท่านเจ้าคุณด้วย เพื่อนไม่ค่อยพอใจที่ลอไปด้วย ขณะที่แพงเห็นสีหน้าพี่สาวก็แปลกใจ...

ระหว่างที่ความรักของเพื่อนกับลอเริ่มสั่นคลอน ความรักของแก้วกับก้อนกลับแน่นแฟ้น ถึงขนาดฝ่ายชายซื้อสร้อยคอทองคำเอามาบรรจงสวมให้ฝ่ายหญิงเป็นการหมั้นหมายไว้ก่อนและแจ้งว่าเรื่องนี้พ่อของเขาทราบแล้ว ท่านยังชมว่าเขาตาแหลมที่เลือกเธอมาเป็นขวัญเรือน แก้วเขินจัดวิ่งหนี ก้อนไล่ตามรวบตัวล้มลงบนกองฟาง ด้วยกัน ใบหน้าของทั้งคู่ห่างกันไม่ถึงคืบ เขาค่อยๆเอาจมูกตัวเองชนกับจมูกของเธอ ขณะกำลังซึ้งกันอยู่มีเสียงด้วงดังขัดจังหวะ ก้อนชวนแก้วไปพลอดรักกันที่อื่น แล้วจูงมือเธอจะหลบออกไป

“หายหัวไปไหนกันหมด อีแพงมันจดหมายมาไม่มีใครอยากรู้เรื่องพวกมันที่พระนครเลยหรือไงวะ”

แก้วดีใจที่แพงเขียนจดหมายมาหา รีบออกไปทันที ทั้งสามคนไม่มีใครอ่านหนังสือออกจึงต้องไปขอร้องให้เรืองช่วยเป็นธุระให้ เขาสรุปใจความในจดหมายให้ฟังว่าลอปลอดภัยดี หมอรักษาให้หายจากไข้ป่าเรียบร้อย ส่วนเพื่อนก็ตามจนเจอตัวแล้ว ตอนนี้ทุกคนสบายดีอยู่ที่บ้านของโฉมฉาย ทั้งก้อน แก้วและด้วงต่างโล่งใจ เรืองยังบอกเพิ่มเติมอีกว่า แพงเขียนท้ายจดหมายฝากถึงแก้วด้วย

“มันว่าเรื่องที่คุยกันไว้ เอ็งไม่ต้องห่วง มันจะพยายามทำให้ได้อย่างที่เอ็งเตือน”

ด้วงอยากรู้ว่าแก้วเตือนแพงเรื่องอะไร เธอไม่ยอมบอก แล้วซักเรืองอีกว่าแพงบอกหรือเปล่าว่าจะกลับเมื่อไหร่ เท่าที่เขาอ่านในจดหมายแพงต้องอยู่เรียนหนังสือให้จบตามที่น้าสาวขอไว้ ส่วนลอกับเพื่อนอีกไม่นานก็คงกลับ เพราะเขาต้องทำงานหาเงินให้ทันฤกษ์แต่งงานเดือนหก ก้อนดีใจแทนสหายรักที่หมดทุกข์หมดโศกกันสักที เหลือแค่อย่างเดียวคือยังจับแรมไม่ได้ เรืองถึงกับหน้าเสีย แก้วหันไปถลึงตาใส่ก้อน

“พี่ก้อน ปากเสียอีกแล้ว ยังไงพี่แรมก็เป็นพี่สาวไอ้เรืองมันนะ”

“ไม่เป็นไรหรอกอีแก้ว ข้าทำใจได้ แต่พ่อข้าน่ะสิวะ เฮ้อ” เรืองถอนใจหนักใจ แล้วพาทุกคนไปที่ชานเรือน เห็นครูแสงนั่งสีหน้าอมทุกข์ ไม่ยอมกินข้าวกินปลา เรืองเข้าไปขอร้องให้กินอะไรบ้าง ท่านก็ว่ายังไม่หิว แล้วไล่เขาจะไปไหนก็ไป ท่านอยากอยู่คนเดียว ชายหนุ่มเดินคอตกกลับมาหาพรรคพวก บ่นอุบว่าพ่อเป็นแบบนี้ตั้งแต่พี่แรมก่อเรื่อง เสียใจที่อุตส่าห์ฝากความหวังในอาชีพไว้กับเธอ ส่วนพวกลูกศิษย์คนอื่นๆ พอไม่มีงานแสดงต่างหนีหายกันไปหมด ด้วงเสียดายวิชาความรู้ของครูแสง

“ไม่หรอกไอ้ด้วง ข้าตัดสินใจแล้ว ข้านี่แหละจะสืบวิชาความรู้ของพ่อของครูบาอาจารย์ ไม่ให้สูญหายเอง ต่อไปนี้ข้าจะไม่ใช่ไอ้เรืองคนเดิม พวกเอ็งคอยดู” เรืองสีหน้ามุ่งมั่น

ooooooo

ตั้งแต่ได้เจอมานพ ไม่ว่าลอจะทำอะไรดูขัดหูขัดตาเพื่อนไปหมด ยิ่งตอนที่มากราบขอบพระคุณเจ้าคุณรัตน์ เห็นมานพเบ้ปากให้กับคำพูดและท่าทางซื่อๆของเขา เพื่อนยิ่งรู้สึกเสียหน้าพาลไม่ชอบใจไปด้วย ครั้นถึงเวลาน้ำชายามบ่าย ลอไม่เคยดื่มมาก่อนทำน้ำชาร้อนๆลวกปาก แถมบ่นว่าไม่เห็นจะอร่อยตรงไหน

เพื่อนเสียหน้ารอบสองจึงหันไปเอ็ดลอ “พี่ลอ มีมารยาทกับท่านเจ้าคุณหน่อยสิ”

นอกจากเจ้าคุณรัตน์จะไม่ถือสา ยังชื่นชอบในความซื่อและจริงใจของลอ เพราะคุยด้วยแล้วสบายใจ อดชมไม่ได้ว่าเพื่อนโชคดีที่มีคู่หมั้นอย่างเขา ต่อไปชีวิตคู่ต้องมีความสุขแน่นอน

“คุณโฉมเล่าให้ฉันฟังว่านายลอกับแม่เพื่อนรักกันมานานแล้ว”

“จ้ะ ฉันโตมากับแม่เพื่อนตั้งแต่ยังไม่แตกเนื้อสาว แก้ผ้ากระโดดคลองด้วยกันจนรักกันนี่แหละจ้ะ”

เจ้าคุณรัตน์หัวเราะชอบใจกับความใสซื่อของลอ ผิดกับเพื่อนซึ่งอับอายมานพแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ตัดสินใจยุติการสนทนา แสร้งปัดถ้วยน้ำชาหกใส่ตัวเอง แล้วขอตัวไปจัดการเสื้อผ้าที่เลอะเทอะ มานพได้ทีอาสาจะพาเธอไปเอง ลอได้แต่มองตามคนรักที่เดินออกไป ไม่ติดใจสงสัยอะไรแม้แต่น้อย...

จากนั้นไม่นานมานพพาเพื่อนไปยังห้องห้องหนึ่งภายในตึกใหญ่ หญิงรับใช้จะมาช่วยดูแล แต่เขาไล่เธอออกไปอ้างจะจัดการเอง แล้วเดินไปปิดประตูห้อง เพื่อนมองชายหนุ่มตรงหน้าไม่วางตา คิดถึงตอนที่หลบภัยอยู่ในห้องพักที่โรงแรมด้วยกัน ยังคลางแคลงใจกับการกระทำของเขาไม่หาย มานพขยับเข้ามาใกล้ ยื่นมือจะสัมผัสแก้ม แต่เธอปัดมือเขาออกแล้วตบหน้าหัน ก่อนจะตัดพ้อทั้งน้ำตา

“คุณต้องการอะไรคะคุณมานพ ทั้งๆที่คุณรู้ว่าฉันเป็นใคร รู้ว่าคู่หมั้นฉันคือใคร แต่คุณกลับไม่บอกฉัน คุณทำให้ฉันหลงคิดว่าฉันไม่เหลือใครอีก และคุณก็ทำเหมือนฉันเป็นผู้หญิงโง่ๆคนหนึ่งด้วย”

“เปล่าเลยครับ ผมยกย่องคุณเพื่อนว่าควรอยู่เหนือนางฟ้าทุกองค์ ส่วนผมก็เป็นเพียงแค่มนุษย์เดินดิน ความดีที่เคยทำมาทั้งหมด จึงขอแลกกับความเลวครั้งเดียว แค่ได้ใกล้ชิดหญิงที่มีเจ้าของ” มานพแสร้งบีบน้ำตา เอื้อมมือไปสัมผัสแก้มเพื่อนเบาๆ คราวนี้เธอไม่ปัดมือเขาออก กลับรู้สึกหวั่นไหวไปกับสัมผัสนั้น

“การที่ผมต้องจากมา นั่นก็คือการถูกลงโทษให้ต้องรับผิด เหลือก็แต่คุณเพื่อนที่จะบรรเทาโทษนั้นให้ผมบ้างได้ไหมครับ” มานพมองเพื่อนด้วยสายตาเว้าวอน...

อีกมุมหนึ่งในสวนสวย เจ้าคุณรัตน์ฟังลอเล่าถึงบรรยากาศที่ทุ่งบ้านสร้างแล้วรู้สึกชื่นชอบที่นั่นขึ้นมาทันที คงจะสงบเงียบไม่วุ่นวายเหมือนที่พระนคร โฉมฉายเสนอว่าถ้าที่นี่มีแต่เรื่องวุ่นวายนัก ท่านน่าจะไปพักผ่อนที่ทุ่งบ้านสร้างเผื่อจะสบายใจขึ้น ท่านไปไหนไม่ได้คงต้องอยู่พระนครจนกว่าเหตุการณ์จะสงบ

“วันนี้นายลอไม่ได้มากราบขอบใจฉันอย่างเดียวนะ ฉันก็อยากจะขอบใจนายลอเหมือนกันที่ช่วยชีวิตมานพเอาไว้ แล้วหันไปขอบใจลอเช่นกันที่ช่วยชีวิตมานพเอาไว้”

“คุณมานพเป็นคนดีจ้ะ ถ้าไม่มีคุณมานพ ไอ้ลอก็คงต้องเสียแม่เพื่อนคงไม่ได้พากันกลับไปแต่งงานแน่ๆ”

เจ้าคุณรัตน์รู้เรื่องที่ลอจะต้องทำงานเก็บเงินไว้แต่งงาน เสนอจะช่วยหางานในพระนครให้ทำ จะได้มีเงินเยอะๆ ไว้ใช้ตอนแต่งงาน เขาทำนาเป็นอย่างเดียวคงไม่มีความรู้พอจะทำงานที่นี่ได้ แต่ก็ขอบพระคุณท่านมากที่ชี้แนะ แล้วชะเง้อคอยาวมองหาหญิงคนรัก เจ้าคุณรัตน์รู้ใจ

“มองหาแม่เพื่อนแล้วเหรอนายลอ...ไปเถอะ มานพคงชวนให้ดูนั่นดูนี่อยู่ในบ้าน ไปคุยกันเองตามประสาคนหนุ่มสาวดีกว่ามาคุยแต่เรื่องบ้านเรื่องเมืองกับฉัน”

ooooooo

เพื่อนยังคงเคลิบเคลิ้มไปกับคำหวานที่มานพป้อนให้ เขาพอจะมองออกว่าเธอเองก็มีใจให้เขาเช่นกัน คว้าตัวมากอดไว้แนบอก เธอขอร้องให้ปล่อยเดี๋ยวลอมาเห็นจะไม่ดี

“ไม่ครับ ผมจะไม่ปล่อยจนกว่าคุณจะไสส่งผมไปเอง”

แม้จะพยายามแกะมือมานพออกแต่ในใจของเพื่อนอดใจสั่นไปกับรสสัมผัสของเขาไม่ได้ มานพยืนกรานจะปล่อยเธอก็ต่อเมื่อเธอปฏิเสธมาตรงๆเท่านั้น เรื่องของหัวใจไม่ต้องเอาบุญคุณมาตัดสิน ถ้าเธอไม่ต้องการ เขาก็จะปล่อยเธอไป เพื่อนอึดอัดใจ ขอร้องอย่าบังคับให้เธอต้องเลือก

“นางฟ้านางสวรรค์อย่างคุณจะงามอย่างนางทุ่งบ้านสร้างหรือนางพระนคร คุณมีสิทธิ์เลือกแล้วนะครับคุณเพื่อน” มานพรุกไล่ มีเสียงลอเคาะประตูห้องพร้อมกับเรียกเพื่อนและมานพดังขึ้น เธอถึงกับสะดุ้งโหยง

“ไม่ต้องลังเลครับ กัดฟันหลับตาแล้วกระโจนไปตามที่หัวใจสั่ง พอคุณลืมตาขึ้นอีกครั้ง คุณก็จะพบตัวเองได้ยืนอยู่บนชีวิตที่คุณเลือกแล้ว คุณต้องฟังเสียงหัวใจตัวเอง อย่าไปฟังเสียงใคร ตัดสินใจได้อย่างไรแล้วคุณไปพบผมได้ที่สมาคม” มานพทิ้งท้าย แล้วหลบออกไปทางประตูด้านข้าง
เสียงลอเคาะประตูหน้าห้องยังคงดังต่อเนื่อง เพื่อนรีบจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูรับ ลอต่อว่าว่าเรียกอยู่ตั้งนานทำอะไรอยู่ แล้วชะเง้อมองเข้าไปในห้องไม่เห็นมานพอยู่ด้วยก็ถามหา เธออึกอักไม่รู้จะตอบคำถามอย่างไร จังหวะนั้นมีเสียงมานพดังขึ้นจากด้านหลัง

“อ้าวนายลอ มาทำอะไรตรงนี้ หลงทางหรือ”

ลอหันไปเห็นมานพเดินเข้ามาพร้อมด้วยหมวกผู้ชายใบหนึ่งกับผ้าพันคอในมือ “เปล่าจ้ะ คุณมานพ ฉันเห็นแม่เพื่อนหายไปนานกลัวจะมารบกวนอะไรคุณมานพจ้ะ”

“คุณเพื่อนไม่ได้รบกวนอะไรฉันหรอก ฉันชวนคุณเพื่อนดูของสวยๆในบ้านแล้วคุยกันเรื่องที่ทุ่งบ้าน-สร้างกำลังสนุก พอดีนึกขึ้นได้ว่าเตรียมของให้นายลอกับคุณเพื่อนไว้ติดไม้ติดมือกลับ เลยแวะไปเอามาให้ หมวกใบนี้ฉันให้นายลอไว้ใส่เดินเล่นในพระนครคู่กับคุณเพื่อน ไปไหนมาไหนเขาจะได้ชื่นชมว่าเป็นคู่เหมาะคู่สมกัน ส่วนผ้าพันคอผืนนี้ฉันได้มาจากฝรั่งเศส ขอมอบให้คุณเพื่อนแล้วกันนะ” มานพมอบของให้ทั้งคู่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วชวนลอเดินออกไป แต่ไม่วายส่งสายตามองเพื่อนอย่างรู้กัน...

ขณะที่เพื่อนเริ่มติดใจคารมลวงของมานพ แพงนั่งอ่านหนังสืออยู่ในสวนหย่อมของโรงเรียนอย่างตั้งอกตั้งใจ อยู่ๆลมพัดกระดาษจดคำสอนของครูปลิวไปหลายแผ่น เธอรีบไล่ตามเก็บ แต่กลับถูกนักเรียนหญิงที่เป็นลูกท่านหลานเธอเหยียบไว้หนึ่งแผ่น เธอพยายามขอคืนดีๆ นอกจากจะไม่คืนให้ยังพูดจาดูถูกเพราะรู้ว่าแพงมาจากต่างจังหวัด เธอโกรธมาก ผลักนักเรียนคนนั้นหงายหลังแล้วคว้ากระดาษคืน

นักเรียนเกเรไม่พอใจสั่งให้พรรคพวกช่วยกันจับตัวเธอไว้ แย่งกระดาษไปฉีกทิ้ง ก่อนจะพากันเดินจากไปด้วยความสะใจ แพงได้แต่มองตามเจ็บใจ คิดหาทางเอาคืนให้สาสม

ครั้นถึงตอนเลิกเรียน แพงเดินตามหลังกลุ่มนักเรียนที่กลั่นแกล้งตัวเองมาตามทางเดินผ่านหน้าพ่อค้าชาวจีนที่หาบถังสีย้อมผ้าที่เดินร้องเรียกลูกค้าอยู่ น้ำย้อมผ้าสีดำปี๋ทำให้แพงคิดแผนร้ายขึ้นมาได้

“ฉันเหมาหมดนี่เลยจ้ะ หน้ากับใจบางคนมันคนละสี ต้องย้อมให้เป็นสีเดียวกันจ้ะ”

พ่อค้ารับเงินจากแพงด้วยสีหน้าแปลกใจ ขณะที่เธอยิ้มเจ้าเล่ห์แบกถังสีย้อมผ้าวิ่งไปอีกทางหนึ่งเพื่อดักหน้าพวกที่กลั่นแกล้งตัวเอง เอาถังสีย้อมผ้าสาดใส่ดำเปรอะไปทั้งตัว

“สมน้ำหน้า ต่อไปนี้คนอื่นเขาจะได้รู้ว่าหน้ากับใจของพวกเธอมันสีอะไร” แพงพูดจบหัวเราะชอบใจ แต่ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อมีเสียงซิสเตอร์ดังขึ้นด้านหลัง “แม่แพงทำอะไรของเธอน่ะ”

ooooooo

การกระทำครั้งนี้ของแพงกลายเป็นเรื่องบานปลายใหญ่โต โรงเรียนคอนแวนต์มีคำสั่งห้ามเธอกลับไปเรียนที่นั่นอีก เธอสำนึกผิดเข้าไปกราบขอโทษน้าสาวที่ทำให้เดือดร้อน ท่านไม่ถือโทษโกรธอะไรเธอเพราะเท่าที่สืบสาวราวเรื่องแล้ว เธอไม่ได้โกหกที่ถูกพวกนั้นกลั่นแกล้งก่อน

“ทุกคำที่แพงเล่าให้น้าโฉมฟังไม่มีคำไหนปดเลยสักคำ แต่ถึงยังไงแพงก็ยังผิดอยู่ดี ทำให้น้าโฉมอับอายเสียชื่อเสียง แพงขอรับผิดทุกอย่างไม่ขอแก้ตัว น้าโฉมจะลงโทษ ส่งแพงกลับทุ่งบ้านสร้างก็ได้เลยนะจ๊ะ แพงจะได้ไม่ทำให้น้าโฉมต้องเสียหายอีก”

โฉมฉายมองออกว่าหลานสาวไม่อยากอยู่พระนคร แต่จะให้ปล่อยกลับทุ่งบ้านสร้างคงทำไม่ได้ ขืนทำอย่างนั้น ตายไปตนจะมีหน้าไปพบแม่ของเธอได้อย่างไร โฉมฉายเห็นแพงหน้าเครียด รีบออกตัวว่าไม่ได้บอกให้เธอทิ้งทุ่งบ้านสร้าง ทิ้งพ่อทิ้งพี่ แม้โรงเรียนคอนแวนต์จะไม่ได้ไปเรียนแล้ว แต่ตนจะให้เธอไปเรียนภาษาอังกฤษกับครูฝรั่ง หัวไวอย่างเธอใช้เวลาไม่นานก็คงอ่านออกเขียนได้ แล้วจะพาไปเรียนเมืองนอก

“ไปเมืองนอกเลยหรือจ๊ะ ไม่เอาหรอกจ้ะน้าโฉม น้ำหน้าอย่างอีแพงแค่มาพระนครก็เกินจะคิดจะฝันแล้วจะให้ไปถึงเมืองนอกเมืองนา ไม่เอาหรอกจ้ะ”

“น้าไม่ได้ให้แพงไปคนเดียว น้าจะไปด้วย คิดถึงอนาคตสิจ๊ะ มีความรู้สูงๆ กลับมาเป็นหน้าเป็นตาให้พ่อให้พี่ แม่ที่เฝ้าดูอยู่บนสวรรค์ก็คงดีใจที่เห็นแพงไม่โดนใครว่าอีก” โฉมฉายพยายามกล่อมหลานเต็มที่...

อีกมุมหนึ่งในสวนข้างบ้าน เพื่อนยืนมองผ้าพันคอที่มานพให้แล้วอดคิดถึงคำพูดเร่งรัดให้เธอตัดสินใจเลือกเดินตามหัวใจตัวเองของเขาเมื่อตอนบ่ายไม่ได้ เสียงเรียกของลอให้เธอเข้าบ้านไปเก็บข้าวของทำให้เธอตื่นจากภวังค์ หันมาถามสีหน้าแปลกใจจะเก็บไปทำไม

“เราหมดธุระที่พระนครกันแล้วนี่จ๊ะ พรุ่งนี้พี่ว่าจะกราบลาน้าโฉมจะได้พาแม่เพื่อนกลับทุ่งบ้านสร้างกันสักที พี่รู้ว่าแม่เพื่อนคงคิดถึงทุ่งนาบ้านเราเหมือนพี่แล้ว” พูดจบลอจับมือเพื่อนมากุมไว้แล้วหอมแก้มอย่างที่เคยทำ แต่คราวนี้เธอเบี่ยงตัวหลบ เขาพาซื่อรีบขอโทษ “มันเคยตัว ที่นี่ไม่ใช่บ้านเรา เอาไว้กลับทุ่งบ้านสร้างแล้วพี่จะชื่นใจแม่เพื่อนให้หายคิดถึง” แล้วขยับจะเข้าบ้าน เพื่อนเรียกไว้ บอกให้เขากลับทุ่งบ้านสร้างไปก่อน เสร็จธุระทางนี้แล้วเธอจะตามกลับไป

ลอไม่เข้าใจ เธอมีธุระอะไรสำคัญหนักหนาถึงทำให้ไม่อยากกลับไปกับเขา ทั้งสองคนมัวแต่คุยไม่เห็นแพงแอบฟังอยู่ เพื่อนเริ่มหงุดหงิดที่ลอเซ้าซี้

“ธุระที่ฉันต้องสำนึกบุญคุณคนที่เขามอบชีวิตใหม่ให้ฉันน่ะสิจ๊ะพี่ลอ ทั้งน้าโฉม ท่านเจ้าคุณแล้วก็คุณมานพ คิดดูสิ เขาช่วยเหลือฉันให้รอดจากขุมนรกมาได้ แต่ฉันกลับตอบแทนพวกเขาได้แค่กราบขอบพระคุณ”

“เรื่องนั้นพี่ไม่เถียง บุญคุณใหญ่หลวงขนาดนั้นพี่ต้องชดใช้เขาให้สมน้ำสมเนื้อแน่ แต่อีกไม่กี่เดือน จะได้ฤกษ์แต่งงานของเรานะแม่เพื่อน พี่ไม่อยากเสียฤกษ์” ไม่ว่าลอจะชวนกลับทุ่งบ้านสร้างอย่างไร เพื่อนยืนกรานให้เขากลับไปก่อน ส่วนเธอจะต้องอยู่ทดแทนบุญคุณพวกนั้นให้ได้เสียก่อน แล้วเดินหนีเข้าตัวบ้าน

แพงแอบฟังโดยตลอดสงสารลอมาก ตามไปต่อว่าพี่สาวที่กำลังคิดคดทรยศต่อความรักของเขา ที่ยกเรื่องทดแทนบุญคุณขึ้นมาอ้างเพื่อหวังจะได้อยู่ใกล้ชิดมานพเท่านั้น เพื่อนโกรธที่น้องรู้เท่าทัน ตบหน้าเธอฉาดใหญ่เพื่อกลบเกลื่อน แพงน้อยใจมาก วิ่งหนีออกไปทั้งน้ำตา

ooooooo

ครู่ต่อมา แพงมาที่ห้องพักของลอ เห็นเขากำลังเก็บเสื้อผ้าข้าวของเตรียมกลับทุ่งบ้านสร้าง เข้าไปยื้อแย่งห่อผ้าไม่ยอมให้กลับ ถ้าเขาจะไปต้องเอาพี่เพื่อนกลับไปด้วย ลอขอเหตุผลทำไมต้องทำอย่างนั้น เธอไม่กล้าบอกเรื่องที่พี่สาวคิดคดทรยศต่อเขา จึงได้แต่อึกอัก ลอถามซ้ำว่าห้ามไม่ให้กลับเพราะอะไร

“เพราะ...เพราะว่าฉัน...ฉันต้องไปเรียนเมืองนอก ไปหลายปีเลยนะจ๊ะพี่ลอ น้าโฉมเขาอยากพาฉันไปหลังจากฉันเรียนภาษากับครูฝรั่งที่นี่จนรู้เรื่อง เขาก็จะพาฉันไปทันที ฉันต้องไปหลายปีไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเมื่อไหร่นะจ๊ะ” แพงว่าแล้วโผซบหน้ากับอกลอร้องไห้ อ้อนวอนให้อยู่พระนครจนกว่าเธอจะไปเมืองนอก แล้วแนะให้เขาหางานทำที่นี่ไปพลางก่อน จะได้มีเงินเก็บเอาไว้แต่งงานกับพี่เพื่อน แล้วค่อยกลับทุ่งบ้านสร้าง

“เออ...ฟังเอ็งแล้วข้าชักจะเคลิ้มตาม ถ้าเงินในพระนครมันหาได้ง่ายจริงๆ แม่เพื่อนก็จะได้ไม่น้อยหน้าใคร เอ็งไปนอนได้แล้ว ไว้พรุ่งนี้ข้าจะไปคุยกับน้าโฉมเรื่องของานทำ”

“ฉันดีใจจริงๆ ขอบใจนะจ๊ะพี่ลอ” พูดจบแพงเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี แต่ต้องชะงักรู้สึกเหมือนมีคนแอบมองอยู่เดินเข้าไปเพื่อจะดู เพื่อนที่ซุ่มดูอยู่รีบถดเข้ามุมมืด ก่อนที่แพงจะถึงตัวเธอ จำปาเข้ามาเรียกไว้เสียก่อน เพื่อนอาศัยจังหวะนั้นหลบออกไปขึ้นรถสามล้อถีบเพื่อไปหามานพตามที่นัดแนะกันไว้...

ที่ห้องบิลเลียดภายในสมาคมนักเรียนนอก ขณะวิชิตกับมานพกำลังคุยถึงเกมที่พนันกันไว้ว่ามานพจะสามารถทำให้ผู้หญิงที่มีคู่หมั้นแล้วอย่างเพื่อนร้อนรนทนคิดถึงเขาไม่ไหวจนต้องแจ้นมาหากลางค่ำกลางคืนได้หรือเปล่า ร.ต.จรัญ นายทหารในคณะราษฎร์พร้อมด้วยผู้ติดตามและโสภีสาวสวยในชุดเฉิดฉายก้าวเข้ามาในห้อง มานพลอบสบตา ร.ต.จรัญอย่างมีนัยบางอย่าง ก่อนทั้งสามคนจะเดินผ่านไปด้านหลังห้องเหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน มานพกับวิชิตอ้อยอิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินตามพวกนั้นไปยังห้องส่วนตัว

ร.ต.จรัญพยักหน้าให้ทหารติดตามออกไปยืนเฝ้าหน้าห้องเพื่อไม่ให้ใครรบกวน แล้วแนะนำสองหนุ่มให้รู้จักกับโสภีซึ่งเป็นนักร้องอยู่ในไนต์คลับที่ฮ่องกง แต่ตอนนี้ย้ายมาร้องเพลงที่พระนคร โดยเธอจะเป็นหูเป็นตาให้ระหว่างที่เขามีงานให้มานพกับวิชิตช่วย

“ตั้งแต่คณะรัฐมนตรีชุดเดิมถูกยุบและมีการงดใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว ฉันก็ได้ข่าวมาว่าอาจจะมีการก่อความวุ่นวายขึ้น เรื่องนี้จะช่วยฉันสืบเพิ่มเติมได้ไหมมานพ”

คนถูกไหว้วานมอง ร.ต.จรัญและโสภีที่ส่งยิ้มยั่วยวนมาให้ ก่อนจะพยักหน้ารับคำ

อีกมุมหนึ่งภายในห้องโถงของสมาคม ระหว่างที่แรมกำลังคุยอยู่กับพวกสาวๆในสังคมชั้นสูง ได้ยินเสียงคุ้นหูดังมาจากเคาน์เตอร์ต้อนรับว่า “คุณมานพอยู่ไหน” เธอหันมองตามเสียงเห็นเพื่อนซึ่งมีท่าทีร้อนรนกำลังคุยอยู่กับเจ้าหน้าที่ของสมาคม ก็อดนึกถึงเรื่องที่วิชิตเล่าให้ฟังไม่ได้ว่าตอนนี้มานพกำลังหัวปักหัวปําหายใจเข้าออกเป็นผู้หญิงบ้านนอกคนหนึ่ง แรมถึงบางอ้อทันที

“ที่แท้ก็เป็นแกนังเพื่อน สงสัยฉันจะเคยทำบุญร่วมชาติมากับแกซะจริงๆแล้วล่ะมั้ง”

ooooooo

มานพคิดว่าโสภีเป็นเพียงมือสมัครเล่นที่ ร.ต.จรัญดึงมาช่วยงาน รีบตามมาดักหน้าขณะที่เธอกำลังจะกลับ คุยข่มว่าท่านจรัญวางใจให้เขาช่วยงานเพราะเขามีความสามารถที่พิสูจน์แล้วว่าไม่เคยทำให้ผิดหวัง

“เข้าใจแล้วค่ะ นักร้องอย่างฉันคงทำให้คุณเกรงว่าฉันจะทำเสียงานพานเป็นอันตรายถึงชีวิตคุณ”

“คำพูดนั้นเป็นการไม่ให้เกียรติหญิงสาวสวยๆอย่างคุณ เอาเป็นว่างานนี้มันเสี่ยงเกินไปสำหรับผู้หญิง”

“ขอบคุณค่ะที่เป็นห่วง ไว้ฉันจะปรึกษากับท่านจรัญถึงความห่วงใยของคุณ ขอตัวนะคะ” โสภียิ้มหวานให้ แล้วขยับจะไปแต่แกล้งเซจะเป็นลม มานพหลงกลปรี่เข้าไปประคอง พลันมีเสียงขึ้นนกปืนดังขึ้น เขาถึงกับชะงักก้มมองที่ท้องตัวเองเห็นเธอเอาปืนกระบอกเล็กเท่าฝ่ามือจี้ไว้

“ขอโทษด้วยนะคะคุณมานพ ชั่ววินาทีที่ผ่านมา ชีวิตคุณอยู่ในมือฉันไปแล้วค่ะ ฉันต้องไปจริงๆแล้ว เดี๋ยวท่านจรัญจะรอ หวังว่าคุณคงไม่ทำให้งานของฉันเสียนะคะ”

มานพมองตามโสภีที่เดินจากไป ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเธอจะร้ายกาจถึงขนาดนี้...

ทางฝ่ายแรมรีบมาดักเรียกเพื่อนก่อนที่จะเดินถึงห้องบิลเลียด เธอถึงกับของขึ้นที่นังตัวแสบยังกล้าเสนอหน้ามาให้เห็น ปรี่เข้าไปจะตบให้หายแค้น แต่แรมยกมือกันไว้ เตือนว่าที่นี่เป็นสมาคมของผู้ดี ถ้าทำตัวต่ำๆอาจทำให้มานพขายหน้าได้ เพื่อนแปลกใจ เธอรู้จักเขาได้อย่างไร แรมไม่ได้แค่รู้จักมานพ ยังรู้อีกด้วยว่าน้ำหน้าอย่างเพื่อนชั้นเชิงยังไม่ดีพอจะจับผู้ชายอย่างเขา และสุดท้ายเธอจะต้องเสียทั้งเขาเสียทั้งลอ

“ฉันจะให้คุณมานพลากคอแกเข้าตะราง” เพื่อนเข่นเขี้ยวด้วยความแค้น

แรมไม่กลัวคำขู่ หากเพื่อนอยากจะเล่นงานตนก็เชิญตามสบาย ลอจะได้หูตาสว่างว่ากำลังถูกคู่หมั้นทรยศ แล้วเรื่องชั่วๆที่ผู้หญิงใจคดอย่างเธอที่เคยช่วยตน มานพจะต้องรู้ทุกอย่าง ระหว่างนั้นมานพเดินเข้ามากับวิชิต เพื่อนลังเล ไม่กล้าพูดอะไร แรมเข้าไปควงแขนวิชิตตีหน้าซื่อ

“คุณเพื่อนมารอพบคุณมานพได้ครู่ใหญ่แล้ว แรมกำลังชวนเธอคุยกันสนุกเลย สมกับที่คุณวิชิตว่าจริงๆ เพราะคุณเพื่อนสวยหยาดฟ้ามาดินขนาดนี้ คุณมานพถึงได้หลงหัวปักหัวปํา” แรมมองเพื่อนอย่างลุ้นๆว่าจะเอาเรื่องไม่ดีของตัวเองมาพูดไหม ครู่ต่อมามานพพาเพื่อน ไปคุยกันตามลำพังที่อีกห้องหนึ่ง แล้วคว้าเธอมากอด ทีแรกเธอบ่ายเบี่ยง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจทำตามเสียงหัวใจเรียกร้อง โผกอดเขาไว้แน่น

“คุณทำให้ผู้หญิงที่กำลังหลงทางอย่างฉัน ได้พบทางออก”

มานพยิ้มพอใจที่ล่อหลอกจนทำให้เพื่อนหลงและหมดรักลอในที่สุด ค่อยๆเชยคางจะหอมแก้ม แต่แรมกับวิชิตเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน จะชวนทั้งคู่ไปหาของกินอร่อยๆกันที่ราชวงศ์ เพื่อนไปด้วยไม่ได้ เพราะถ้าขืนอยู่นานกว่านี้ ที่บ้านน้าโฉมคงจับได้ว่าเธอแอบหนีออกมาหามานพ เธออาจจะไม่ได้เจอเขาอีก มานพเห็นดีด้วยความสุขเพียงชั่วยามไม่ยืนยาวเท่าชั่วนิรันดร์ จากนั้นก็พาเธอมาส่งขึ้นรถสามล้อถีบที่หน้าสมาคม

“คุณมานพคะ ไว้เราจะค่อยๆช่วยกันแก้ปัญหาเรื่องพี่ลอไปด้วยกัน ถ้าบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น เราก็จะได้มีความสุขด้วยกัน” ยังไม่ทันขาดคำ แรมพุ่งเข้ามาสวมกอดเพื่อน ดีใจที่ได้รู้จักหญิงงามอย่างเธอ แล้วแอบกระซิบข้างหูว่าวิชิตกับมานพเป็นสหายสนิทกัน ดังนั้นตนกับเธอควรจะจูงมือกันได้ดิบได้ดีดีกว่าจะห้ำหั่นกันเอง เพื่อนไม่ชอบใจ ดันตัวออกห่าง แล้วรีบขึ้นรถสามล้อถีบออกไป

ooooooo

เสียงระนาดที่ฟังแปร่งหูปลุกให้ครูแสงที่นอนซมเพราะตรอมใจเรื่องลูกสาว ค่อยๆยันตัวลุกออกมาดู เห็นเรืองซ้อมตีระนาดอยู่ที่ชานเรือน สั่งให้หยุดเล่น ไล่ให้เอาไปเก็บในห้อง ล็อกกุญแจไว้ด้วย อย่าให้ตนเห็นเขาเอามาเล่นอีก เรืองตัดพ้อ แค่พี่แรมทำเจ็บแสบแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อต้องทิ้งอาชีพที่พ่อหวงแหน

“หุบปาก ถ้าเอ็งยังพูดถึงอีแรม ข้าจะเอาเลือดหัวเอ็งออกจากกบาล” ครูแสงไม่พูดเปล่าจะเข้าไปเอาเรื่อง แต่ยังไม่ทันจะก้าวเดินก็ทรุดลงไปกองกับพื้น เป็นจังหวะเดียวกับพิศและผู้ใหญ่ผาดแวะมาเยี่ยม

ครูแสงพอดี รีบเข้าไปช่วยกันพยุงเขามานอนพัก พิศสั่งให้เรืองเอายาหม้อที่สมภารบุญฝากมาให้พ่อของเขาไปจัดการต้ม ครูแสงบอกปัดว่าไม่ต้อง ตนไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น

ทั้งพิศและผู้ใหญ่ผาดพยายามกล่อมให้ครูแสงหันมาดูแลตัวเองและใช้ชีวิตตามปกติลืมเรื่องที่ลูกสาวทำไม่ดีไปให้หมด เขายังมีเรืองอีกคนหนึ่งที่จะสานต่อวงปี่พาทย์ แต่ดูจะไร้ผล...

หน้าแล้งปีนี้หนักหนาสาหัส ผืนดินทุ่งบ้านสร้างที่เคยชุ่มชื้นกลายเป็นแตกระแหง น้ำในลำคลองแห้งขอด ไม่มีปลาให้จับ แก้วบ่นกับก้อน ขืนยังแล้งแบบนี้ต่อไป คงได้อดตายกันทั้งทุ่งบ้านสร้างแน่ เขาถึงกับหน้าเครียดครุ่นคิดหาทางจะทำอย่างไรต่อไปดี...

ขณะที่ชาวทุ่งบ้านสร้างกำลังเดือดร้อนจากภัยแล้ง จำปาเห็นแพงกลับจากเรียนภาษาอังกฤษกับครูฝรั่ง อยากเรียนบ้าง ขอให้เธอช่วยสอน แพงอยากไปดูลอช่วยจำปูนทำงานจึงสอนคำศัพท์ง่ายๆให้ลองท่องดู

“เช้า กู๊ดมอร์นิ่ง กลางวันกู๊ดอาฟเตอร์นูน กลางคืนกู๊ดอีฟนิ่ง จำไว้นะจำปา ฉันไปดูพี่ลอก่อนล่ะ” แพงจ้ำพรวดๆออกไป ทิ้งให้จำปาทวนคำศัพท์อยู่คนเดียว...

ทางด้านลอไม่สามารถช่วยงานอะไรจำปูนได้ เพราะไม่ถนัดงานที่ต้องใช้ความรู้ เนื่องจากบวกเลขก็ไม่เป็น อ่านหนังสือก็ได้แค่ชื่อตัวเองเท่านั้น แต่ถ้างานใช้แรงอย่างวัวอย่างควาย เขาทำได้หมด จำปูนคิดหนัก คงต้องหางานอย่างอื่นให้เขาทำ จังหวะนั้น

ลอเหลือบไปเห็นเพื่อนแต่งตัวสวยเดินผ่านหน้าห้อง

“ช่วยดูให้ฉันหน่อยนะจ๊ะพี่จำปูน ฉันไปล่ะ” ลอพูดจบรีบเดินตามเพื่อนจนทัน ถามว่าแต่งตัวสวยจะไปไหน เธอจะไปช่วยงานคุณมานพผู้มีพระคุณที่สมาคมนักเรียนนอก เขามีหุ้นส่วนอยู่ที่นั่นเลยมาขอน้าโฉมให้เธอไปช่วยงานดูแลสมาชิก แล้วรีบไล่ลอกลับไปช่วยงานจำปูน มาชวนเธอคุยแบนนี้จะเสียการเสียงานเอาได้ ลอเสียงอ่อยคงช่วยงานจำปูนไม่ได้อีกแล้ว เพราะเป็นงานที่ต้องใช้คนอ่านออกเขียนได้ทำ ก็เลยขอให้เขาช่วยหางานที่ใช้แรงอย่างเดียว เพื่อนทักท้วง งานใช้แรงได้ค่าตอบแทนน้อย ไม่ได้มากเท่าคนมีความรู้

“ได้เท่าไหร่พี่ก็เอา ที่คุ้มกะลาหัวก็มีให้ ค่ากินค่าอยู่ไม่ต้องเสียสะตุ้งสตางค์ ค่อยๆเก็บเล็กผสมน้อยไป ยังไงก็มากพอไว้จัดงานแต่งเราอยู่แล้วจ้ะ”

“งั้นตามใจพี่ลอก็แล้วกัน แต่ฉันเตือนนะ ใช้แรงงานที่นี่มันเหนื่อย สู้กลับไปอยู่บ้านเราไม่ได้หรอก ถ้าพี่ไม่ไหวจะกลับไปก่อนก็ได้ ไม่ต้องห่วงฉันทางนี้ ฉันไปล่ะสายแล้ว” เพื่อนเดินลิ่วออกจากบ้าน แพงไม่ค่อยชอบใจการกระทำของพี่สาว เข้าไปเตือนลอว่าปล่อยให้พี่เพื่อนไปทำงานแบบที่ต้องเจอผู้ชายมากหน้าหลายตาได้อย่างไร ถ้าหากเธอไปรักไปชอบคนอื่นจะหาว่าไม่เตือน

“เป็นไปไม่ได้หรอกอีแพง แม่เพื่อนกับข้ารักกัน คำสาบานต่อหน้าพระของพ่อข้านี่ไงที่ทำให้ข้ามั่นใจว่าแม่เพื่อนไม่มีวันรักคนอื่นมากกว่าข้า”

แพงยังคาใจไม่หาย ตกลงพี่เพื่อนสาบานร่วมกับเขาหรือว่าเขาสาบานคนเดียว ลอถึงกับอึ้ง

ooooooo

เจ้าคุณรัตน์กับลูกชายมีความคิดเห็นทางการเมืองอยู่กันคนละขั้ว ทำให้มีปากเสียงบ่อยครั้ง ท่านยังสืบทราบมาด้วยว่า เขาอยู่ในกลุ่มคนที่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย จึงเตือนให้อยู่เฉยๆอย่าหาเรื่องใส่ตัว แต่มานพไม่เชื่อฟัง อ้างว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่คือการพาประเทศก้าวไปข้างหน้า

“ถ้าคุณพ่อคิดจะขัดขวาง ผมก็จะถือว่าคุณพ่อคือกลุ่มคนที่ล้าหลังสมควรแต่การถูกจองจำ”

“ไอ้มานพ ฉันเป็นพ่อแกนะโว้ย”

“ยิ่งเป็นพ่อ ยิ่งต้องคิดถึงอนาคตของลูกหลานให้มากเข้าไว้สิครับ ไม่ใช่คอยแต่จะฉุดให้ล้าหลังแข่งกับคนอื่นเขาไม่ได้แบบนี้” ต่อว่าเสร็จ มานพคว้าหมวกเดินออกจากบ้านทิ้งให้พ่อยืนโกรธตัวสั่นอยู่ตรงนั้น...

ฝ่ายเพื่อนพยายามจะทำตัวกลมกลืนกับพวกสาวพระนครที่อยู่ในสมาคมนักเรียนนอก แต่กลับถูกกลั่นแกล้งตีลูกเทนนิสใส่ แรมจะเข้าไปช่วยพยุง แต่เธอปัดมือออก จึงเตือนอย่ามั่นใจในตัวเองนัก ถึงมานพจะแสดงออกว่าชอบเธอ แต่ก็มีผู้หญิงอีกมากที่พร้อมจะแย่งเขาไปจากมือเธออย่างหน้าด้านๆได้ทุกเมื่อ

“ยกเว้นก็แต่แกจะมีฉันเป็นพวก จะได้ไม่ต้องหัวเดียวกระเทียมลีบ” คำเสนอของแรมเป็นหมัน เพื่อนไม่สนใจ เดินหนีไปหน้าตาเฉย...

เมื่อมานพมาถึงเคาน์เตอร์บาร์ภายในสมาคม บริกร รีบรายงานว่าเพื่อนมารอพบเขาครู่ใหญ่แล้ว ชายหนุ่ม ยังไม่ทันจะขยับไปหา โสภีเข้ามาแดกดันสมกับเป็นหนุ่มเนื้อหอมที่มีแต่สาวๆมารอต่อคิวจนขบวนยาวไปถึงหัวลำโพงแล้ว เขาขอบคุณสำหรับคำเหน็บแนม กำลังคิดถึงเธออยู่พอดี ว่าจะไปหาที่โรงแรม

“งั้นความคิดถึงของคุณคงลอยตามลมไปทำให้ฉันต้องมารอพบคุณที่นี่” โสภียื่นแก้วเหล้าอีกใบหนึ่งให้ เห็นเขาลังเลก็อดขำไม่ได้ “กลัวว่าฉันจะใส่ยาแกล้งคุณหรือ ความร้ายกาจของฉันทำให้ชายอกสามศอกอย่างคุณถึงกับขยาดจนอ่านสีหน้าออกเลยหรือคะ โธ่เอ๊ย แล้วแบบนี้คุณจะทำงานใหญ่ให้ท่านได้อย่างไร” เธอมองเขาอย่างดูแคลนแล้วเดินออกไป มานพเจ็บใจยกแก้วขึ้นกระดกรวดเดียวหมด แล้วตามมาคว้าแขนเธอไว้

เป็นจังหวะเดียวกับเพื่อนเดินเข้ามาพอดี เห็นเขายื้อยุดฉุดแขนสาวสวยก็ชะงัก โสภีแกะมือมานพออก แล้วสะบัดหน้าเดินจากไป เขายิ่งหัวเสียที่เธอเชิดใส่รีบเดินตาม แรมสบช่องเข้ามาเป่าหูเพื่อน

“ผิดไปจากที่ฉันพูดไหมล่ะ ผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างคุณมานพ มีแต่ผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลัง อย่าหวังว่าหัวเดียวกระเทียมลีบอย่างแกจะเป็นเจ้าของเขาได้ ถ้าไม่ได้ฉันช่วยล่ะก็เตรียมตัวตามไอ้ลอกลับไปทำนาต่อเถอะ” แรมว่าแล้วหัวเราะชอบใจ...

แพงไม่อยากให้ลอต้องเสียใจภายหลัง ชวนเขา ขึ้นรถสามล้อถีบไปหาเพื่อนที่สมาคมเพื่อรอรับกลับบ้าน เขามั่นใจว่าแม่เพื่อนของตัวเองไม่มีวันคิดคดทรยศอย่างที่เธอว่าเด็ดขาด แพงไม่เห็นจะเสียหายตรงไหนหากเขาจะไปดูให้เห็นกับตา ถ้าพี่เพื่อนรักเดียวใจเดียวกับเขาจริงๆ เขาจะได้กลับมาด่าเธอให้สาแก่ใจ แล้วลากลอขึ้นรถสามล้อถีบ โฉมฉายออกมาเห็น ร้องถามว่าจะไปไหน พอรู้ว่าจะไปหาเพื่อนที่สมาคมก็เห็นดีด้วย

“ไปเปิดหูเปิดตาดูบ้างเถอะนายลอ เผื่อจะได้รับแม่เพื่อนกลับมาด้วยกัน” โฉมฉายเห็นแพงจะตามขึ้นรถสามล้อถีบไปกับลอด้วย ร้องห้ามไว้ “ให้นายลอ
เขาไปหาแม่เพื่อนคนเดียวเถอะ น้ามีเพื่อนมาจากปีนัง น้าเล่าให้เขาฟังเรื่องความฉลาดของแพง เขาสนใจอยากคุยกับแพงด้วยจ้ะ”

แพงอ้าปากจะทักท้วง แต่โฉมฉายคว้ามือพาเข้าบ้าน เธอได้แต่หันมาหาสั่งลอ “พี่ลอ ไปพาพี่เพื่อนกลับมาเถอะนะ...นะจ๊ะพี่ลอ”

ooooooo

มานพเดินตามโสภีมาถึงสวนสวยข้างตึกสมาคมแต่กลับไม่เจอตัว เธอย่องมาด้านหลังดึงเขาไปหลบที่มุมตึก เย้ยหยันว่าหายกลัวแล้วหรือถึงกล้าตามเธอมา มานพเคืองมากสะบัดมือออก

“ผมชายอกสามศอกไม่มีคำว่ากลัว”

“งั้นก็ดีค่ะ เพราะงานที่ท่านฝากให้ฉันมาสั่งคุณวันนี้ค่อนข้างเสี่ยงต่อชีวิต หวังว่าคุณจะแสดงความกล้าทำงานให้สำเร็จมากกว่าแสดงความเจ้าชู้” โสภีแดกดัน มานพไม่พอใจกระชากเธอมาใกล้ๆ ไว้ตนทำงานสำเร็จเมื่อไหร่จะกลับมาจัดการกับความอวดเก่งของเธอ โสภีเตือน อย่าคิดว่าเธอจะง่ายเหมือนผู้หญิงที่กำลังตามหาเขาอยู่ แล้วพยักพเยิดไปทางเพื่อนที่เดินเข้ามา ก่อนจะยัดกระดาษแผ่นหนึ่งใส่กระเป๋าเสื้อของเขา

“รายละเอียดทุกอย่างที่คุณต้องไปสืบอยู่ในนั้นแล้ว ระวังตัวให้ดีล่ะอย่าเอาชีวิตไปทิ้งก่อนจะกลับมาจัดการฉัน” พูดจบเธอหลบออกไป...

อีกมุมหนึ่งในห้องโถงของสมาคม แรมกระแทกหูโทรศัพท์อย่างหัวเสียหลังจากวิชิตโทร.แจ้งว่ามาตามนัดไม่ได้ แต่แล้วสีหน้าของเธอต้องเปลี่ยนเป็นตกใจที่เห็นลอเดินเก้ๆกังๆเข้ามา แรมรีบหันหลังให้ เขากำลังจะสะกิดถามเธอว่าเห็นเพื่อนหรือเปล่า เจ้าหน้าที่ของสมาคมขวางไว้ ห้ามเขาเข้าถ้าไม่ได้เป็นสมาชิก

“ขอประทานโทษจ้ะ ไอ้ลอรู้จักกับคุณมานพ ลูกชายท่านเจ้าคุณรัตน์ ถ้าไม่เชื่อก็ไปถามคุณมานพได้ แม่เพื่อนคู่หมั้นของไอ้ลอก็มาช่วยงานอยู่ที่นี่”

ด้านมานพเดินหมากพลาดไม่คิดว่าเพื่อนจะเห็นตัวเองอยู่กับโสภี พอเธอถามว่าหายไปไหนมา จึงแต่งเรื่องว่าเพิ่งมาถึง เธอโกรธมากที่เขาโกหก สะบัดหน้าใส่เดินหนีมาถึงห้องโถงเห็นเจ้าหน้าที่กำลังจะลากลอ ออกไป แทนที่จะช่วยเธอกลับยืนดูเฉยๆทั้งที่เขาตะโกนเรียกให้มาช่วยอธิบาย มานพมาทันเวลาพอดี ร้องบอกเจ้าหน้าที่ให้ปล่อยลอ พอเป็นอิสระเขารีบเข้ามาหาหญิงคนรักจะมารับกลับบ้าน

“ได้สินายลอ แต่เดี๋ยวฉันขอคุยเรื่องงานกับคุณเพื่อนสักหน่อยนะ พอดียังคุยกันไม่เสร็จ เรียบร้อยแล้วจะพามาคืน” มานพผายมือเชิญเพื่อนที่มีท่าทีไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ยอมเดินตามเขาไป ครู่ต่อมามานพพาเพื่อนมายังมุมปลอดคน ตีหน้าเศร้าขอให้เธอฟังเขาอธิบายก่อน ส่วนเธอจะตัดสินอนาคตของเราอย่างไรก็แล้วแต่เธอ จากนั้นมานพปั้นเรื่องว่าโสภีเป็นลูกความของเขา ต้องการความช่วยเหลือเรื่องคดีความกับสามี

“เรื่องที่เธอกับผมต้องปรึกษากันเป็นเรื่องที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้ ผมจึงต้องปิดไม่ให้คุณเพื่อนรู้”

มานพกลัวเธอจะไม่เชื่อคำโป้ปด สาบานด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเองว่าสิ่งที่พูดเป็นเรื่องจริง เพื่อนหลงเชื่อรีบขอโทษที่เข้าใจเขาผิด ขอร้องอย่าถือโทษโกรธกัน แล้วโผซบอกเขาซึ่งถือโอกาสหอมหน้าผากเธอ

“ในเมื่อคุณเข้าใจเหตุผลของผมดีแล้วผมก็หมดธุระที่จะรั้งคุณไว้ นายลอเขารอคุณอยู่ กลับไปหาเขาเถอะ ไม่ต้องห่วงว่าผมจะรู้สึกยังไงหรอกครับ ถึงมันจะหดหู่บ้าง แต่ก็ยังชื่นใจที่มีคุณคอยถนอมน้ำใจผมอยู่” ว่าแล้วมานพยกมือเธอมาจุมพิตเบาๆแล้วจะผละจากไป เธอรั้งตัวเขาไว้

“อย่าไปเลยค่ะคุณมานพ ฉันจะไปบอกให้พี่ลอกลับไปเอง”

ooooooo

เพื่อนมาถึงห้องโถงของสมาคม แต่กลับรีๆรอๆ ไม่รู้จะไล่ลออย่างไรดี แรมเสนอตัวจะช่วยจัดการมารความรักของเธอกับมานพให้ ทีแรกเพื่อนปฏิเสธความช่วยเหลือ แต่พอแรมเอาตั๋วละครเรื่องจันทร์เจ้าขาสองใบที่เธอตั้งใจจะไปดูกับวิชิตแต่เขาไม่ว่างไปด้วยยื่นให้ บอกให้ชวนมานพไปชมแทน เพื่อนตาวาวทันที

“รับไปเถอะน่า การชมละครถือเป็นการยกระดับว่าแกไม่ใช่แค่อีสาวบ้านนอกคอกนา แต่เป็นสาวพระนครที่เหมาะสมและคู่ควรกับคุณมานพ ส่วนไอ้มารที่ขวางทางรักของแก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันจัดการให้ เรื่องนี้ไม่ต้องขอบใจฉัน ถือว่าเป็นการชดใช้ที่ฉันเคยทำไม่ดีไว้กับแก” แรมว่าแล้วยัดตั๋วละครใส่มือเพื่อน...

ทางด้านลอรออยู่นานสองนานไม่เห็นเพื่อนกับมานพกลับมาสักที จึงเดินไปถามเจ้าหน้าที่ของสมาคม ได้ความว่าทั้งคู่ขับรถออกไปสักพักแล้ว เจ้าหน้าที่เองก็ไม่รู้ว่าไปไหน ระหว่างนั้นแรมที่เฝ้าแอบมองอยู่ ทำทีถือแก้วเครื่องดื่มเดินเข้ามาชนเจ้าหน้าที่คนนั้น แล้วแสร้งตกใจเมื่อเห็นลอ

“อีตัวแสบ หากันแทบพลิกแผ่นดินที่แท้ก็มาโผล่อยู่ที่นี่” ลอว่าแล้วเดินหน้าเครียดเข้าหา แรมร้องโวยวายให้คนช่วย ชายหนุ่มสองคนหลงเชื่อเข้ามาขวางลอไว้ เขาพยายามจะอธิบายว่าเธอเป็นคนร้ายแต่สภาพของเขาดูไม่น่าเชื่อถือจึงโดนหนึ่งในพวกนั้นชกหน้าหงาย แรมสบช่องเผ่นหนีขึ้นรถสามล้อถีบที่รออยู่ด้านหน้า โดยมีลอไล่ตามอย่างไม่ลดละโดยไม่ล่วงรู้เลยว่านี่เป็นแผนลวงไปให้นักเลงซ้อมของนังตัวแสบ...

ระหว่างที่ลอถูกล่อไปติดกับ แพงได้รับจดหมายจากแก้วเขียนมาบอกว่าตอนนี้ที่ทุ่งบ้านสร้างแล้งจนน้ำแห้งขอด กินอยู่ลำบากมาก เธอกับก้อนตัดสินใจจะไปหางานที่พระนครพอให้พ้นแล้ง

“แต่สำคัญกว่านั้น ข้าอยากมาอยู่ใกล้ๆคอยปลอบใจเอ็ง เพราะการตัดใจจากพี่ลอคงทำให้เอ็งต้องเสียใจไม่น้อย ใช่ไหมอีแพงเพื่อนรัก” ข้อความในจดหมายทำเอาแพงถึงกับน้ำตาซึมที่สหายรักคอยห่วงใย...

แก้วกับก้อนมาถึงพระนครในเวลาไล่เลี่ยกับจดหมายที่เขียนถึงแพง ต่างตื่นตาตื่นใจกับถนนหนทางและผู้คนของที่นี่ที่แต่งตัวดูดีมีสกุล ทั้งคู่รีบร้อนออกเดินทางจึงลืมเอาจดหมายซึ่งมีที่อยู่ของบ้านโฉมฉายติดมาด้วย พยายามสอบถามผู้คนที่เดินไปมาก็ไม่มีใครยอมพูดด้วย ทำให้เคว้งคว้างไม่รู้จะไปหาแพงได้อย่างไร...

ฝ่ายแรมสั่งให้คนขี่สามล้อถีบรถจอดรถตรงทางแยกแล้วหยิบเงินส่งให้พร้อมกับสั่งการให้ไปเตรียมพรรคพวกไว้ เธอจะล่อมันไปเอง แล้วยืนรอสักพัก พอเห็นลอวิ่งกระหืดกระหอบตามมา รีบเลี้ยวไปในตรอกเปลี่ยว เขาหลงกลตามเข้ามาเจอนักเลงสามคนดักรอเล่นงาน

แรมปล่อยให้พวกนักเลงรุมลอ ส่วนตัวเองเดินหัวเราะสะใจออกไป เขาไม่ยอมให้ถูกกระทำฝ่ายเดียวต่อสู้สุดกำลังเล่นงานพวกนั้นสะบักสะบอม หนึ่งในพวกนักเลงเจ็บใจชักปืนขึ้นมาจ่อหน้าลอ นักเลงอีกคนห้ามไว้

“เฮ้ย เขาจ้างมาให้แค่ซ้อม ไม่ได้ให้เอาตาย”

นักเลงคนนั้นไม่ฟังผลักพรรคพวกพ้นทางแล้วจะลั่นไก ลอโดดถีบทั้งคนทั้งปืนกระเด็นแล้ววิ่งหนี นักเลงคว้าปืนไล่ตามมาถึงถนนใหญ่ จะยิงใส่แต่กระสุนด้าน ลอเปิดฉากตะลุมบอนกับพวกนั้นอีกรอบ ชาวบ้านที่เดินไปมาพากันแตกตื่น ไม่มีใครคิดจะช่วยเหลือ

ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น