วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร สิงห์รถบรรทุก ตอนที่ 12


การเจรจาเรื่องโรงงานอาวุธเคมีจบลงอย่างสวยงาม พรหมบุญคาดหวังผลประโยชน์มหาศาลถ้าโปรเจกต์นี้สำเร็จ และแน่นอนว่าปลัดฉกาจต้องได้ส่วนแบ่งไม่น้อยเหมือนกัน

หลังจากคนของตันเคียนสิวและปลัดฉกาจลากลับไปไม่นาน อาเหมยมาบอกพรหมบุญว่าหวานสวาทตัวร้อนมากจะให้ส่งหมอหรือไม่

“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันไปดูเอง”

พรหมบุญเดินตามอาเหมยเข้าไปในห้องนอน... หวานสวาทเอาถุงน้ำร้อนอังที่ศีรษะเสร็จพอดี แล้วทำทีนอนซมเหมือนคนไม่สบาย

ปรากฏว่าพรหมบุญหลงกลเธอจนได้ ยิ่งพอเธอแกล้งเพ้อด้วยถ้อยคำออดอ้อนเจียมเนื้อเจียมตัวราวนางทาสผู้จงรักภักดีต่อนายเหนือหัว หนุ่มใหญ่โรคจิตถึงกับยอมทุกอย่างแม้แต่เช็ดตัวให้เธออย่างไม่รังเกียจ อาเหมยแทบไม่เชื่อสายตา เปรยขึ้นมาว่านายไม่เคยทำแบบนี้กับใคร

“ใช่...ฉันจะไม่มีวันเสียนางทาสที่ฉันรักที่สุดไปอีกแล้ว...ไม่มีใครมาแทนที่เธอได้จริงๆ”

ในขณะที่หวานสวาทเล่นละครให้พรหมบุญหลงกล เวลาเดียวกันนั้นแก้วแอบเข้ามาที่ห้องขัง พูดคุยกับชาญว่าได้เวลาตนต้องไปจากที่นี่แล้ว หน่วยเหนือส่งสัญญาณให้รีบหนีก่อนที่ตันเคียนสิวจะกระชากหน้ากากตนออกมา

“แล้วหวานสวาทล่ะ”

“หวานสวาทเอาตัวรอดได้ แล้วยังไงเธอก็ไม่ยอมไปง่ายๆแน่ ถ้าภารกิจของเธอยังไม่เสร็จ”

ทันใดทั้งคู่ชะงักกับเสียงกรีดร้องที่ดังแว่วมา ชาญถามแก้วว่าเสียงฟ้ารุ่งใช่ไหม

“ใช่ครับ นายพรหมบุญจับฟ้ารุ่งขังเอาไว้ตั้งแต่คืนนั้นแล้ว”

“งั้นนายรีบไปเถอะ”

“ฝากด้วยนะครับพี่ ถ้าผมไปแล้วหน้าที่ทุกอย่างก็จะอยู่ที่พี่คนเดียว”

“วางใจเถอะ พี่จะทำให้ดีที่สุด” ชาญรับปาก

แก้วรีบออกไป ขณะเดินผ่านโขนได้ยินมันบ่นรำคาญฟ้ารุ่ง แก้วเลยบอกว่าเธอคงเสียใจที่โดนนายจับขัง...แน่นอนว่าฟ้ารุ่งรับสภาพถูกขังในห้องแคบๆไม่ได้ เธอทุบประตูส่งเสียงกรี๊ดดังลั่น โขนทนไม่ไหวเปิดประตูเข้าไปตวาดให้หุบปาก ถ้าไม่อยากให้นายได้ยิน

“ได้ยินก็ดี แกไปพานายมาหาฉันเร็วๆ ฉันอยากพบนาย”

“แต่นายไม่อยากพบเธอ”

“งั้นก็ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ปล่อยนะ”

ฟ้ารุ่งดิ้นรนและกรีดร้อง โขนอุดปากเธอด้วยผ้า ส่วนแก้วฉวยโอกาสเลี่ยงหลบออกไปตั้งแต่โขนก้าวเข้าห้อง

พรหมบุญที่ยังอยู่ในห้องหวานสวาท ดูแลเอาใจใส่เธออย่างใกล้ชิด หวานสวาทได้ใจออดอ้อนคลอเคลียเพื่อจะฉกชิงกุญแจในกระเป๋าเขา

ในจังหวะที่หวานสวาทกำลังดึงกุญแจหลุดออกมานั้น เสียงเอะอะโวยวายของฟ้ารุ่งดังแว่วเข้ามา พรหมบุญขยับตัวลุกขึ้นทำให้กุญแจหล่นบนที่นอน หวานสวาทเหล่มองลุ้นมากกลัวเขาจะเห็น

“ข้างล่างมีเรื่องอะไรกัน”

“เสียงคุณฟ้ารุ่งนี่คะ”

“แค่ผู้หญิงคนเดียวก็จัดการกันไม่ได้ เสียข้าวสุกจริงๆ” พรหมบุญหงุดหงิดเดินออกไป หวานสวาทรีบคว้ากุญแจอย่างว่องไว

ooooooo

พรหมบุญออกไปได้ครู่เดียว แก้วก็โผล่เข้ามาในห้องถามหวานสวาทว่าสำเร็จไหม หญิงสาวส่งกุญแจให้แทนคำตอบ

“เธอเก่งมากหวานสวาท” ว่าแล้วแก้วรับกุญแจเดินตรงดิ่งไปที่ห้องพรหมบุญ พยายามไขตู้เซฟเพื่อเอาเอกสารสำคัญแต่ไม่สำเร็จเพราะไม่รู้รหัสเปิด ที่สุดแก้วก็ต้องถอยออกมาโดยไม่ลืมใช้ผ้าเช็ดลายนิ้วมือ...

ฟ้ารุ่งยังไม่สำนึกในความผิดของตนเอง เธออ้อน วอนพรหมบุญให้ช่วยเหลือและอยากรู้ว่าทำไมต้องทำแบบนี้กับตนด้วย

“เพราะเธอจะฆ่าหวานสวาท”

“ไม่จริงค่ะ ฟ้ารุ่งไม่ได้ทำ”

อาเหมยยืนฟังอยู่รู้สึกทนไม่ไหวโพล่งออกไป “ถ้าไม่ได้ทำ งั้นกระเป๋าเสื้อผ้ากับโทรศัพท์ของหวานสวาท เข้าไปอยู่ในห้องเธอได้ยังไง”

“ฉันไม่รู้ อย่าใส่ร้ายฉันสิอาเหมย ฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”

ฟ้ารุ่งหันไปใช้สายตาข่มเพื่อให้อาเหมยหุบปาก และยังคงพยายามแก้ตัวเพื่อขอโอกาสจากพรหมบุญอีกครั้ง พรหมบุญใจเย็นอยากรู้ว่าหล่อนจะแก้ตัวยังไง ทั้งๆที่รู้ว่าฟ้ารุ่งโกหกในสิ่งที่พูดออกมา

“ถ้าเธอไม่รู้ไม่เห็น แล้วเรื่องที่เสือเล็กเอาตัวหวานสวาทไปขังไว้ในถ้ำล่ะ เธอจะว่าไง”

“ไม่ค่ะ เรื่องนี้เสือเล็กทำคนเดียว ฟ้ารุ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องนะคะนาย”

“แล้วเธอก็คงปฏิเสธสินะว่าเธอกับเสือเล็กไม่ได้ลักลอบเป็นชู้กัน”

“นาย...นายเอาอะไรมาพูด ฟ้ารุ่งไม่เคยทำเรื่องไร้ยางอายอย่างงั้นนะคะนาย ฟ้ารุ่งรักและซื่อสัตย์กับนายมาโดยตลอด จะให้เอาไปสาบานที่ไหนก็ได้”

“นังแพศยา! แกนึกว่าฉันไม่รู้เหรอ ฉันเห็นตำตาว่าแกกอดจูบกับมัน”

ด่าเสร็จเขาตบซ้ำ ฟ้ารุ่งถึงกับถลาล้มลงน้ำตาไหลพราก แก้ตัวน้ำขุ่นๆว่าตนไม่ได้เต็มใจ เสือเล็กข่มเหงตน แต่แล้วหวานสวาทนำโทรศัพท์มาเปิดคลิปเสือเล็กกับฟ้ารุ่งลักลอบเข้าไปเล่นรักในห้องนอนพรหมบุญ

คลิปวีดิโอนั้นพรหมบุญฟิวส์ด่ากราดแล้วชักปืนจะยิงฟ้ารุ่งทิ้ง “นังสารเลว แกกล้าพาชู้เข้าไปนอนในห้องฉัน บังอาจ!”

ฟ้ารุ่งลนลานกรีดร้องสุดเสียงด้วยความกลัว...

หวานสวาทห้ามพรหมบุญว่าอย่าเลย ยิงทิ้งก็ตายเปล่า เก็บไว้ก่อนดีกว่า

พรหมบุญข่มอารมณ์และทำตามที่หวานสวาทแนะนำ สั่งสมุนเอาฟ้ารุ่งไปขัง...โขนกับหนุมานลากตัวออกไป ฟ้ารุ่งร้องไห้โวยวายตลอดเวลาจนสองคนหงุดหงิดรำคาญ

“โวยเข้าไป เดี๋ยวก็โดนยิงตายหรอก”

“ถ้าฉันตาย พวกแกก็ต้องตาย คนในบ้านหลังนี้ต้องตายกันหมด พวกแกจะต้องโดนจัดการทุกคน”

“เสือเล็กมันหนีหางจุกตูดไปแล้ว เธอจะให้ใครจัดการล่ะฟ้ารุ่ง ฮ่ะๆๆ”

“ชาญไง ไอ้พวกหน้าโง่ เสือเล็กรู้มานานแล้วว่าชาญมันเป็นพวกของไอ้สีหราช แต่ที่เขาปล่อยเอาไว้ก็เพื่อให้มาเป็นหอกข้างแคร่คอยฆ่าพวกแกทุกคนไง”

“ไปๆ เข้าไปเพ้อในห้องเลยไป” สองสมุนของพรหมบุญผลักฟ้ารุ่งเข้าไปในห้องขังแล้วปิดประตูปัง!

ooooooo

พรหมบุญกำลังจะขึ้นไปห้องนอน หวานสวาทวิตกกังวลเพราะไม่แน่ใจว่าแก้วยังอยู่ในห้องนั้น

หรือเปล่า ปะเหมาะพอดีโขนกับหนุมานเดินลิ่วเข้ามารายงานว่าเมื่อสักครู่ฟ้ารุ่งโวยวายเรื่องชาญกับเสือเล็ก พรหมบุญเลยชะงัก

“มันบอกว่าเสือเล็กรู้ว่าชาญเป็นพวกสีหราช แต่ก็ปล่อยไว้เป็นหอกข้างแคร่เพื่อให้ชาญคอยฆ่าพวกเราทุกคนครับ”

“งั้นก็คงได้เวลาจัดการไอ้ชาญแล้วสินะ...พวกเอ็งไปลากตัวมันออกมา ฉันจะยิงมันเอง”

สายตาพรหมบุญกร้าวอำมหิต หวานสวาทเริ่มวิตก คิดหาวิธีแก้ไขสถานการณ์ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน...

ชาญถูกนำตัวออกมายังมุมหนึ่งนอกบ้าน พรหมบุญและคนอื่นๆรออยู่ก่อนแล้ว แก้วเดินมายืนปะปนกับกลุ่มสมุน หวานสวาทพยายามส่งสายตาให้แก้วหนี กระทั่งแก้วเห็นจึงพยักหน้ารับแล้วเดินเลี่ยงหายไป

พรหมบุญกระชับปืนในมือ มองชาญนิ่งแต่แววตาดุดันน่ากลัว

“ฉันเคยคาดหวังในตัวแก หวังว่าแกกับฉันจะทำงานด้วยกันได้ แต่วันนี้ระหว่างแกกับฉันคงต้องจบกันตรงนี้แล้ว แกมีอะไรจะพูดอีกมั้ย”

“ไม่มี เพราะผมทำตามสัญญาที่เคยให้กับพ่อผมไว้เสมอ”

“ไอ้โกหก! แกแน่ใจเหรอว่าแกทำตามสัญญา”

“ผมแน่ใจ” ชาญมองพรหมบุญนิ่ง พร้อมรับชะตากรรม

จังหวะนั้นปลัดฉกาจขับรถเข้ามาจอดในเขตบ้าน เห็นไกลๆพรหมบุญกำลังจะยิงชาญจึงรีบเดินไปหา แก้วโผล่จากมุมหนึ่งตรงมาที่รถ เริ่มต่อสายตรงเพื่อสตาร์ตรถให้ติด...

“นายใหญ่เคยเตือนไว้แล้วว่าลูกน้องคนหนึ่ง

ของฉันคือสายของตำรวจ ที่แท้ก็เป็นแก คิดว่าฉันโง่ใช่มั้ย แกหลอกฉันไม่ได้อีกต่อไปแล้วไอ้ชาญ” พรหมบุญพูดประโยคสุดท้ายแล้วเตรียมลั่นไก

จู่ๆหวานสวาทเข้ามาแตะมือเขาไว้เพื่อยับยั้ง บอกว่าตนมีบางอย่างอยากจะบอก และต้องบอกตอนนี้ก่อนที่นายจะยิงผิดคน

“เธอหมายความว่ายังไง”

“นายเคยถามใช่ไหมคะว่าหวานสวาทมีปัญหาอะไรกับแก้วการเวก แต่หวานสวาทก็ไม่สามารถบอกนายได้ แต่วันนี้หวานสวาทจำเป็นต้องบอกกับนายแล้วค่ะ”

“งั้นก็บอกมา”

“คนที่เป็นสายของตำรวจไม่ใช่ชาญ แต่เป็นแก้วการเวกค่ะนาย”

“เธอมีหลักฐานอะไร”

หวานสวาทแสร้งตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จทันที “ที่หวานสวาทรู้ก็เพราะหวานสวาทถูกแก้วการเวกบังคับให้มาที่นี่ เขาขู่ว่าจะฆ่าพ่อกับแม่ของหวานสวาทถ้า

ไม่ทำตามที่เขาสั่ง เขาบังคับให้หวานสวาทมาทำให้นายหลงเพื่อให้เขามีโอกาสได้เข้ามาในแก๊งของนาย แต่พอหวานสวาทมาอยู่ใกล้ชิดกับนาย หวานสวาทก็ตกเป็นทาสของนาย หวานสวาทไม่อยากทรยศนายอีกแล้ว”

เธอร้องไห้ทรุดตัวลงแทบเท้าพรหมบุญอย่างน่าสงสาร หนุ่มใหญ่นิ่งอึ้งเพราะไม่เคยคิดว่าผู้หญิงที่เขามอบใจให้จะคือหนึ่งในคนทรยศ แต่แล้วปลัดฉกาจเดินเข้ามาพร้อมหลักฐานในมือ

“หวานสวาทพูดถูกแล้วคุณพรหมบุญ นายใหญ่เพิ่งส่งข่าวมาให้ผมรู้ว่าแก้วการเวกคือสายสืบพิเศษที่ปลอมตัวเข้ามาในแก๊งของเรา และนี่คือหลักฐาน”

พรหมบุญรับเอกสารประวัติของแก้วในชุดเครื่องแบบตำรวจมาดู พร้อมๆกันนั้นทุกคนได้ยินเสียงรถปลัดฉกาจสตาร์ตเครื่องก่อนแล่นฉิวออกไปโดยแก้ว พรหมบุญโกรธแค้นสั่งสมุนตามไปฆ่าแก้ว แต่ไม่สำเร็จเพราะแก้วตัดสินใจทิ้งรถแล้วหนีหายไปในป่าข้างทาง

ooooooo

เป็นอันว่าแผนการของหวานสวาทลุล่วงไปด้วยดี ชาญกลับมาได้รับความไว้วางใจจากพรหมบุญและปลัดฉกาจเหมือนเดิม แต่สำหรับตัวหวานสวาทกำลังลุ้นระทึกว่าจะอยู่หรือไป หรือว่าจะถึงตาย!

หวานสวาทเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า อาเหมยเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ ทักท้วงเธอว่าน่าจะรอให้นายสั่งก่อน

“ฉันรู้ชะตากรรมดี นายคงจะเกลียดไล่ฉันออกจากบ้านหรือไม่ก็ฆ่าทิ้ง”

พรหมบุญก้าวเข้ามาได้ยิน เปล่งเสียงดุดันจนสองสาวสะดุ้ง “ใช่ ทำแน่กับผู้หญิงที่ทรยศอย่างเธอ”

อาเหมยตกใจรีบหลบออกจากห้อง ขณะที่หวานสวาททรุดนั่งลง เอ่ยเสียงสั่นเครือ

“ค่ะนาย ไม่ว่านายจะตัดสินชีวิตหวานสวาทยังไง หวานสวาทพร้อมรับคำตัดสินทุกอย่าง”

“เธอท้าฉัน!” พรหมบุญกระชากเธอขึ้นมาบีบคอ ถามว่าอยากตายใช่ไหม หวานสวาทฝืนยิ้มไม่ดิ้นรนแม้แต่น้อย ตอบอย่างไม่สะทกสะท้านว่า

“ถ้านายสั่งให้ตาย หวานสวาทก็ยอมตายค่ะ”

“เถียงฉันเหรอ นังสารเลว” พรหมบุญบีบคอหวานสวาทแน่นขึ้นจนเธอเริ่มขาดอากาศหายใจ “ดิ้นสิ ร้องขอชีวิตสิ ดิ้น!”

เธอเกร็งมือแต่ไม่ดิ้นรน ใบหน้าเปื้อนยิ้มเหมือนทาสที่ยินดีตายในน้ำมือของผู้เป็นนาย...แต่แล้วพรหมบุญต่างหากที่เป็นฝ่ายทำไม่ลง ปล่อยมือจากคอเธอ

“ถ้าจะตาย ขอหวานสวาทตายแทบเท้าของนายเถอะเจ้าค่ะ”

“ทำไมเธอไม่ดิ้น ไม่ขอชีวิต ทำไม”

“หวานสวาททำผิดกับนาย หวานสวาทสมควรต้องตาย”

“แต่ฉันให้อภัยเธอได้ ถ้าเธอร้องขอ”

“นางทาสไม่มีสิทธิ์ร้องขอชีวิตจากผู้เป็นนายเจ้าค่ะ หวานสวาทอยากตายด้วยน้ำมือของคนที่หวาน–สวาทรักและภักดี”

“ไม่...ฉันปล่อยให้เธอตายไม่ได้ ฉันรักเธอ ได้ยินมั้ย ฉันรักเธอ” พรหมบุญดึงหวานสวาทขึ้นมากอดไว้ในอ้อมแขนแล้วร้องไห้ไปด้วยกัน...

ooooooo

ตั้งแต่คำอ้ายตายภายในไร่ตกอยู่ในความเงียบเหงา สีหราชยังทำใจไม่ได้...แต่ทุกอย่างต้องดำเนินต่อไป

สายวันนี้แก้วติดรถมุกดามาที่ไร่ มุกดาทำอาหารมาให้สีหราชและอาจารย์เป๋อ ส่วนแก้วมาส่งข่าวว่าพวกพรหมบุญรู้ความจริงหมดแล้วว่าตนเป็นสายของตำรวจ ต่อไปตนคงต้องมาอาศัยอยู่ที่นี่ สีหราชยินดีไม่มีปัญหา ถ้าแก้วไม่กลัวผีคำอ้าย

ขณะเดียวกันนั้นที่เกษมขนส่ง สายสุนีย์เตรียมอาหารใส่ปิ่นโตจะเอาไปให้สีหราช เสี่ยเกษมเห็นดี เห็นงามเพราะช่วงนี้สีหราชกำลังเสียใจ ถ้าลูกไปอยู่ใกล้ๆ จิตใจเขาน่าจะดีขึ้น

“เตี่ยไม่รังเกียจสีหราชใช่ไหมคะ ถ้าเขา...เอ่อ...” เธออึกอักเขินอาย

“เตี่ยมองตลอด เห็นว่าเขาเป็นคนดี ถ้าเตี่ยไม่อยู่ก็จะมีแต่สีหราชนี่แหละที่ดูแลปกป้องหนูได้”

“แต่บางทีสีหราชอาจจะไม่ได้ตกลงปลงใจกับหนูก็ได้ค่ะ”

“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เตี่ยเชื่อว่าลูกสาวของเตี่ยต้องเข้มแข็งเสมอ ถ้าเตี่ยไม่อยู่หนูก็ต้องดูแลกิจการแทนเตี่ยได้แน่”

“แต่เตี่ยต้องอยู่ค่ะ อย่างน้อยก็ต้องรอดูอำเภอเขาชุมสิงห์ของเราเป็นบ้านเมืองของคนดี ไม่เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนแบบนี้”

“บ้านเมืองจะดีได้ พลเมืองก็ต้องช่วยกัน ไม่ปล่อยให้ทุกอย่างไปตามบุญตามกรรม...เหมือนกับที่พวกเรากำลังทำอยู่นี่ไง”

“ค่ะเตี่ย เราต้องยึดมั่นในคุณความดี ธรรมะต้องชนะอธรรมค่ะ เดี๋ยวหนูไปก่อนนะคะ”

เสี่ยเกษมเป็นห่วงลูกให้เจริญกับพรชัยไปเป็นเพื่อน ระหว่างทางรถแวะเติมน้ำมัน สายสุนีย์ไม่เห็นมุกดาจึงถามหากับเด็กปั๊ม พอรู้ว่าเธอไปหาสีหราชที่ไร่ก็ชะงักหน้าเจื่อน

เมื่อรถเคลื่อนออกจากปั๊ม ทุกคนไม่รู้ว่าถูกลูกน้องของปลัดฉกาจสะกดรอยตาม หลังจากพวกมันโทร.รายงานเจ้านาย พรหมบุญฟังความจากปลัดอีกทอดว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังไปรวมตัวที่ไร่คำอ้ายก็สั่งสมุนของตนตามไปถล่มพวกมันให้เป็นจุณ!

ooooooo

การมาของสายสุนีย์ทำให้สีหราชดีใจ แต่สำหรับเธอรู้สึกสะเทือนใจเมื่อมาเห็นเขากับมุกดาพูดคุยยิ้มแย้มต่อกัน สายสุนีย์อดคิดระแวงไม่ได้ อีกทั้งมุกดาก็ดูเหมือนจะรู้ใจสีหราชไปซะทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องอาหารการกิน

มุกดารู้ใจว่าสีหราชชอบอาหารรสจัด จึงนำน้ำพริกที่สายสุนีย์ทำมาไปปรุงใหม่จนแซ่บถึงใจสีหราช ส่วนอาจารย์เป๋อกับแก้วก็พลอยได้ลาภปากไปด้วย กินกันเอร็ดอร่อยโดยไม่ทันสังเกตสีหน้าสายสุนีย์มีความไม่สบายใจ

หลังอาหารมื้อนั้น อาจารย์เป๋อพาแก้วไปดูรถมอเตอร์ไซค์ของคำอ้ายที่บอกว่าอยากจะขายเพราะทำใจไม่ได้ทุกทีที่เห็นรถคันนี้

“เครื่องไม่เบาเลยนี่ ขอลองหน่อยนะครับ”

“เออ ลองเลย เดี๋ยวข้าไปเข้าห้องน้ำก่อน”

อาจารย์เป๋อผละไป ทิ้งให้แก้วเพลิดเพลินกับมอเตอร์ไซค์ไปคนเดียว...

เวลานั้นเองโขนกับหนุมานนำสมุนค่อยๆคืบคลานเข้ามาภายในไร่ ฝ่ายสายสุนีย์กำลังจะกลับเพราะเป็นห่วงเตี่ย แต่ไม่ทันขึ้นรถ เจริญกับพรชัยสังเกตเห็นความผิดปกติ

“คุณสายสุนีย์ครับ...พวกมัน!” เจริญร้องบอก...ทุกคนหันไปมองด้วยความตกใจ

รถของศัตรูแล่นเข้ามาจอด พวกมันนำเครื่องระเบิดออกจากรถ ได้ยินเสียงไอ้โขนดังกึกก้อง

“ระเบิดทิ้งให้หมด จัดเต็ม!”

สิ้นเสียง ระเบิดพุ่งตรงไปยังบ้านแล้วระเบิดตูมใหญ่ พวกสีหราชวิ่งหลบคนละทิศ เจริญกับพรชัยวิ่งไปที่รถโยนอาวุธปืนให้ทุกคน แก้วทิ้งมอเตอร์ไซค์วิ่งมารวมกลุ่มแล้วรับปืนมายิงสวนกลับไปยังสมุนของพรหมบุญ

มุกดาหวีดร้องหวาดกลัวหลบอยู่หลังรถ สีหราชเห็นท่าไม่ดีคว้ามอเตอร์ไซค์แล้วให้มุกดาซ้อนท้ายพร้อมกับตะโกนบอกพวกของตนว่า

“รีบหนีกันเร็ว อย่าปะทะ”

สายสุนีย์มองตามรถสีหราชไป ก่อนจะพาตัวเองไปขึ้นรถบรรทุกโดยมีเจริญกับพรชัยคอยคุ้มกัน

อาจารย์เป๋อในสภาพเกือบเปลือยโผล่ออกมาจากห้องน้ำ ตัวดำมะเมื่อมด้วยเขม่าดินระเบิด สีหน้าตื่นตระหนกมองหาพรรคพวกแต่ทุกคนไปกันหมดแล้ว

“เฮ้ย...รอด้วยสิ รอด้วย”

ทันใดนั้นระเบิดลงอีกลูก อาจารย์เป๋อกระโดดตัวลอยร้องจ๊ากหลบแทบไม่ทัน โชคดีที่แก้วซิ่งมอเตอร์ไซค์โฉบมารับแกพ้นไปจากตรงนั้น ท่ามกลางเสียงระเบิดที่ยังดังไล่หลังอีกหลายตูม!

ooooooo

สมุนของพรหมบุญไล่ล่าพวกสีหราชต่อไปไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งสายสุนีย์โทร.ตามเสี่ยเกษมพาลูกน้องมาช่วยพวกมันถึงหนีกระเจิงไปเพราะเกรงกลัวอาวุธปืนและระเบิดที่ฝ่ายเสี่ยเกษมมีมากกว่า

พวกสีหราชที่กระจัดกระจายไปกลับมารวมตัวกันมุมหนึ่งนอกไร่คำอ้าย ขาดแต่อาจารย์เป๋อที่ไม่รู้หายไปทางไหน แต่ดูเหมือนจะยังไม่มีใครสังเกต เพราะเพิ่งผ่านเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานมาหมาดๆ

สีหราชขอบคุณเสี่ยเกษมที่พาคนมาช่วยทันเวลา ไม่งั้นพวกตนคงโดนถล่มเละแน่ เสี่ยบอกว่าตอนสายสุนีย์บอกจะมาที่ไร่ตนสังหรณ์ใจอยู่แล้วว่าอาจโดนแบบนี้ก็เลยเตรียมรถกับอาวุธเอาไว้

“ไร่พังยับเยินไปหมดแล้ว ต่อไปพวกคุณจะไปอยู่ที่ไหนกัน” สายสุนีย์ถามด้วยความเป็นห่วง สีหราชบอกว่า เซฟเฮ้าส์ตนยังอยู่ ยังไงคงต้องไปพักที่นั่นก่อน

“แล้วคุณมุกดาล่ะครับ จะเสี่ยงพักอยู่ที่ปั๊มต่อไปหรือเปล่า”

แก้วถามขึ้นมา มุกดาบอกตอนนี้ตนคิดอะไรไม่ออกมันสับสนไปหมด สายสุนีย์เห็นใจเพื่อนจึงชวนให้ไปอยู่ด้วยกัน เรื่องปั๊มปล่อยลูกน้องดูไปก่อน ถ้าไปๆมาๆเดี๋ยวจะโดนจับตัวไปอีก

“เตี่ยเห็นด้วยนะ ที่บริษัทเรามีเวรยามคอยดูแลความปลอดภัย ยังไงพวกมันไม่กล้าบุกเข้ามาอีกเป็นแน่”

“ค่ะ เอางั้นก็ดีเหมือนกัน”

“เอ...แล้วมีใครเห็นอาจารย์เป๋อหรือเปล่าครับ” สีหราชพูดพลางกวาดสายตาไปรอบทิศ แก้วนึกได้ตะโกนเรียกอาจารย์เป๋อเสียงหลง

“อาจารย์...อาจารย์เป๋ออยู่ไหน”

อาจารย์เป๋อค่อยๆโผล่หัวขึ้นมาจากหลังพุ่มไม้ หน้าตายังคงดำไปด้วยเขม่าดินปืน

“ข้าอยู่นี่”

“หลบไปทำอะไรตรงนั้น”

“เอ็งก็ดูสภาพข้าตอนนี้สิ ผู้หญิงมากันตั้งสองคน สวยๆทั้งคู่ ถึงข้าจะแก่แต่มันก็ต้องมีบ้างแหละ”

คำตอบของอาจารย์เป๋อเล่นเอาแก้วเข้าใจผิดคิดว่าอาจารย์เป๋อมีอารมณ์แบบผู้ชายหมายปองผู้หญิง ถึงกับร้องลั่นว่า

“เฮ้ย! อย่าบอกนะว่าอาจารย์...”

“อะไร”

“ก็...จุ๊กกรูๆ”

“ไอ้บ้า! ที่ข้าพูดน่ะข้าหมายความว่าถึงข้าจะแก่ แต่ข้าก็อายเป็นนะเว้ย ระเบิดตอนไหนไม่ระเบิดมาระเบิดตอนข้าเข้าห้องน้ำ บ้าจริงๆ”

บ่นเสร็จ อาจารย์เป๋อเผลอตัวขยับออกจากที่ซ่อน ทุกคนเลยได้เห็นสภาพเกือบอุจาดตาที่แกเอาใบไม้ปิดบังของสงวนไว้ สายสุนีย์และมุกดาเห็นแล้วอดหัวเราะไม่ได้ ส่วนคนอื่นๆพากันอมยิ้ม อาจารย์เป๋อรู้ตัวเลยขยับกลับเข้าที่ซ่อนไปอีก

ooooooo

เช้าวันถัดมา ที่ห้องประชุมศูนย์บัญชาการของตันเคียนสิว...พรหมบุญกับปลัดฉกาจถูกเชิญมาที่นี่เป็นการเร่งด่วน

ทุกคนเผชิญหน้าและพูดคุยกันเรื่องแก้วการเวกที่แน่ชัดแล้วว่าเป็นตำรวจปลอมตัวมา โดยฉายภาพขึ้นจอภายในห้องประชุมให้เห็นกันทั่ว

“ตั้งแต่วันแรกที่คุณพรหมบุญพาแก้วการเวกเข้ามาแนะนำตัว ผมก็สั่งให้ลูกน้องไปสืบหาข้อมูลของมันทันที แล้วก็พบความจริงว่ามันเป็นสายสืบพิเศษจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่แฝงตัวอยู่กับวงการเพลงลูกทุ่ง และเมื่อมีโอกาสเข้ามาใกล้ชิดกับคุณพรหมบุญ ทางหน่วยเหนือของมันก็เลยมอบหมายให้เข้ามาสืบความลับในแก๊งของเรา”

“ผมพลาดเองที่มองไม่ออกตั้งแต่แรก” พรหมบุญยอมรับผิด ปลัดฉกาจก็เช่นกัน บอกว่าตนเองมีข้อมูลไม่ดีพอ เลยทำให้เกือบเสียถึงนายใหญ่

“ไม่เป็นไร เรื่องนี้ถือว่าเป็นบทเรียน”

“แล้วผู้หญิงที่ชื่อหวานสวาทล่ะครับ ทางนี้มีข้อมูลอะไรหรือเปล่า” พรหมบุญซัก

“ยังไม่พบข้อมูลอะไร แต่มันก็น่าคิดนะเพราะว่าผู้หญิงคนนี้เป็นลูกน้องของแก้วการเวกมาก่อน”

“ใช่ครับ ผมสอบถามหวานสวาทแล้ว เห็นบอกว่าเธอโดนบังคับ ไม่ได้เต็มใจที่จะร่วมมือกับแก้วการเวกเลย”

“แต่ถ้าเป็นผม คงไม่เอาไว้หรอก”

ตันเคียนสิวมองหน้าพรหมบุญเหมือนจะสั่งให้เก็บหวานสวาทซะ ขณะที่พรหมบุญยังคงมั่นใจว่าหวานสวาทไม่ใช่พวกแก้วแน่นอนจึงทำไม่รู้ไม่ชี้บนจอขึ้นภาพสีหราชเป็นรายต่อไป ตันเคียนสิวบอกว่า “นี่ก็อีกคน”

“ไอ้สีหราช” พรหมบุญเค้นเสียงเคียดแค้น

“ใช่ สีหราชคนนี้ประวัติไม่ธรรมดาเลย ยศของมันคือร้อยตำรวจเอกสีหราช เดชเดโช หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ และตอนนี้แก๊งของเราก็คือเป้าหมายหลักที่มันกำลังปฏิบัติการอยู่”

“มิน่า...มันกับผมถึงได้จองล้างจองผลาญกันไม่เลิกซะที”

“แล้วนอกจากสองคนนี้ยังมีคนอื่นอีกไหมครับที่ท่านประธานสงสัย” ปลัดฉกาจถาม

“คนอื่นๆยังไม่มีข้อมูล แต่ยังไงผมก็อยากจะขอเตือนให้พวกคุณระวังตัวเอาไว้ให้ดี จำไว้ว่าตอนนี้ทุกฝีก้าวของพวกเราถูกจับตามองไว้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไร ขอให้รอบคอบมากๆ โดยเฉพาะเรื่องโรงงานอาวุธเคมี”

“ได้ครับ พวกเรารับปากว่าจะดูแลทุกขั้นตอนด้วยความรอบคอบและดีที่สุด และสำหรับความคืบหน้า ตอนนี้โรงงานสร้างเสร็จไปแล้วกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ โดยเราออกแบบให้ซ่อนตัวอยู่ในโรงงานเก่าแห่งหนึ่งเพื่อไม่ให้คนภายนอกสงสัย ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย ผมคงต้องเรียนเชิญท่านประธานมาเยี่ยมที่โรงงานบ้าง”

“เมื่อไหร่ก็ว่ามา ถ้าเป็นเรื่องงานผมว่างเสมอ”

“สำหรับเรื่องเอกสารเกี่ยวกับสูตรอาวุธเคมีต่างๆ ผมเก็บเอาไว้ในตู้เซฟ เข้ารหัสอย่างดี และมีผมเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้รหัส ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วง ยังไงโรงงานนี้ต้องสำเร็จตามแพลนนิ่งที่วางไว้แน่นอน”

ตันเคียนสิวรับฟังพรหมบุญอธิบายแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ

ooooooo

วันเดียวกันที่บ้านพรหมบุญ หวานสวาทหาโอกาสเล็ดลอดเข้ามาภายในห้องนอนพรหมบุญเพื่อซ่อนกล้องนักสืบที่สามารถเห็นการหมุนรหัสตู้เซฟได้อย่างชัดเจน

เมื่อได้มุมที่เหมาะสม เธอรีบติดตั้งกล้องไว้อย่างแนบเนียน แต่ทันใดประตูห้องถูกเปิดเข้ามา หวานสวาทรีบพุ่งไปนอนบนเตียงทำทีหลับใหล

อาเหมยนั่นเอง เธอตั้งใจเข้ามาทำความสะอาด พอเห็นหวานสวาทก็ประหลาดใจ เดินมาเรียกใกล้ๆ

“คุณคะ คุณ”

หวานสวาทแกล้งงัวเงียปรือตามอง “อ้อ...อาเหมยเหรอ”

“คุณเข้ามาทำไมในห้องนี้ ห้องของคุณอยู่ทางโน้น”

“ขอโทษทีนะอาเหมย แต่ฉันคิดถึงนายเหลือเกิน พอดีฉันได้กลิ่นนายในห้องนี้ โดยเฉพาะบนที่นอน ฉันก็เลย...”

“งั้นคราวหลังอย่าเข้ามาอีก” อาเหมยชิงตัดบทหวานสวาทรอบคอบรีบขอร้องด้วยท่าทีกลัวๆ “อาเหมยอย่าบอกนายเลยนะ ฉันกลัวนายจะว่าเอา”

“ค่ะๆ ไม่บอกหรอกค่ะ แต่คุณออกไปก่อน ฉันจะทำความสะอาดแล้ว”

หวานสวาทลุกเดินออกไปอย่างโล่งใจ อาเหมยเริ่มปฏิบัติหน้าที่ไปโดยไม่ติดใจสงสัยอะไร

ooooooo
ที่มาไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น