วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร สิงห์รถบรรทุก ตอนที่ 14


ทันทีที่มองเห็นพรหมบุญในบ้าน เสือเล็กยิงปืนขึ้นฟ้าและตะโกนท้าทายเสียงดังลั่น

“ไอ้พรหมบุญ ออกมาสิวะ จะหดหัวอยู่ทำไม ออกมา...ไอ้โรคจิต”

พรหมบุญโกรธมากที่โดนจี้ใจดำ ก้าวเดินออกมามุมหนึ่ง โดยมีชาญและปลัดฉกาจประกบซ้ายขวาคอยคุ้มกัน สมุนอีกนับสิบเตรียมพร้อม

“เอ็งมาทำไม ไอ้หมาขี้เรื้อน” พรหมบุญตอบโต้เสือเล็กกลับไป

“มาท้าเอ็งไง ถ้าเอ็งแน่จริงก็ออกมาดวลกับข้าตัวต่อตัวสิวะ ให้มันรู้กันไปเลยว่าใครจะอยู่ใครจะไป”

“ไอ้หน้าโง่ เอ็งคิดเหรอว่าคนอย่างข้าจะเอาชีวิตไปแลกกับเอ็ง”

“ไอ้คนไม่มีศักดิ์ศรี”

“ถุย! ศักดิ์ศรีโง่ๆของเอ็งน่ะมันกินได้มั้ย มันช่วยให้รอดตายมั้ยวะ...ไอ้เสือเล็ก ไอ้เสือในเทพนิยาย ฮ่ะๆๆ พวกเราถล่มมันให้แหลก จัดให้มันตายแบบสมศักดิ์ศรีไปเลย”

ขาดคำ สมุนทุกคนเปิดฉากสาดกระสุนใส่เสือเล็กไม่ยั้ง สว่างตามมาทีหลังเห็นท่าไม่ดีรีบพาเสือเล็กหนีไปตั้งหลักรอวันชำระแค้นให้จงได้

เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้พรหมบุญต้องระวังตัวเป็นพิเศษ จึงกำชับสมุนทุกคนต้องดูแลความปลอดภัยของตนให้เข้มขึ้น โดยเฉพาะชาญซึ่งมีหน้าที่รักษาชีวิตของเขาตามที่เคยรับปากพายัพไว้ ส่วนปลัดฉกาจรบกวนให้ลูกน้องช่วยสืบว่าเสือเล็กไปซ่อนตัวที่ไหน เราต้องรีบกำจัดมันก่อนที่มันจะกลับมาทำร้ายเราอีก

ทั้งชาญและปลัดฉกาจรับคำโดยดี แต่พอลับหลังพรหมบุญ ชาญแอบพูดคุยกับหวานสวาทเรื่องข้อมูลภาพที่ได้จากกล้องแต่ยังเห็นรหัสไม่ชัดเลยเปิดตู้เซฟไม่ได้ เธอฝากชาญเอาไปให้พวกสีหราชช่วยแกะอีกที
การสนทนาของทั้งคู่อยู่ในสายตาของอาเหมยที่ซุ่มเงียบในมุมหนึ่ง และแน่นอนว่าอาเหมยรู้ความลับนี้แล้วชาญกับหวานสวาทต้องถูกกระชากหน้ากากในไม่ช้า...

เมื่อชาญนำข้อมูลภาพตอนพรหมบุญหมุนรหัสตู้เซฟที่ได้จากกล้องไปให้สีหราชแล้วเผอิญเจอมุกดาที่มาพร้อมลูกน้องเสี่ยเกษมนำอาหารมาให้สีหราช แก้ว และอาจารย์เป๋อ แต่ชาญไม่ทักเธอสักคำ บอกลาสีหราชกลับไปโดยอ้างว่ามีธุระ สีหราชมองตามเพื่อนรักไป

รับรู้ถึงบางอย่างที่ไม่ปกติ ขณะที่มุกดาเสียดายแต่ไม่รู้จะทัดทานชาญอย่างไร ทั้งที่เธอมีใจให้เขาแล้ว

ไม่ทันลงมือกินอาหารที่มุกดาทำมา สีหราชก็ตัดสินใจสะกดรอยตามชาญแต่ไม่ยอมบอกใครว่าไปไหน ชาญแวะรับเขมพนักงานสาวของเสี่ยเกษมขึ้นรถก่อนมุ่งหน้าสู่บ้านริมคลองที่สายสุนีย์อาศัยอยู่ แต่ระหว่างทางเขารู้ตัวว่าถูกสีหราชตามจึงจอดรถแล้วพาเขมวิ่งหลบไป ตั้งใจกลับมาเอารถทีหลัง

สีหราชเจ็บใจที่คลาดกับชาญจนได้ แต่ยังเฝ้ารออยู่แถวรถที่ชาญจอดทิ้งไว้อย่างอดทน ชาญพาเขมไปส่งบ้านริมคลอง เป็นจังหวะที่สายสุนีย์กำลังคุยโทรศัพท์กับเสี่ยเกษมพอดี

“หนูอยู่ที่นี่สบายดีค่ะ เตี่ยไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”

“แต่ยังไงเตี่ยก็อดเป็นห่วงไม่ได้ นี่เตี่ยส่งเขมไปอยู่เป็นเพื่อนหนูแล้วนะ อีกเดี๋ยวก็น่าจะถึงแล้ว”

“ค่ะเตี่ย ขับมอเตอร์ไซค์มาแล้ว แค่นี้ก่อนนะคะ”

สายสุนีย์วางสายแล้วเดินออกมาทักทายชาญกับเขม ก่อนที่เขมจะบอกเธอด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า

“ตอนมาที่นี่คุณสีหราชแอบขับรถตามมาด้วยค่ะ แต่คุณชาญพาหลบมาได้ เขมเลยพาไปยืมมอเตอร์ไซค์คนรู้จักขับมาที่นี่แหละค่ะ”

“เราคงหลบสีหราชได้อีกไม่นานหรอกครับ”

“ฉันรู้ค่ะ แต่ช่วงนี้ฉันยังไม่พร้อมจะเจอกับใคร โดยเฉพาะสีหราชกับมุกดา”

“ผมเข้าใจครับ”

“งั้นเดี๋ยวเขมขอเอากระเป๋าไปเก็บก่อนนะคะ” เขมขอตัวเพราะดูท่าทีแล้วสายสุนีย์กับชาญมีเรื่องต้องคุยกันตามลำพังแน่นอนว่าทั้งคู่อยู่ในหัวอกเดียวกันเพราะความเข้าใจผิด ต่างคนต่างรับรู้ความเจ็บปวดของฝ่ายที่ผิดหวัง สายสุนีย์กำชับชาญไม่ให้บอกใครว่าเธออยู่ที่ไหน ชาญรับปากแล้วถอนใจก่อนเปรยขึ้นมาหน้าเศร้าว่า

“มันคงถึงเวลาที่ผมควรต้องยอมรับความจริงเหมือนกันในเรื่องสีหราชกับมุกดา”

“ค่ะ เราสองคนคือคนที่ไม่ใช่ พวกเราคือส่วนเกินคงต้องรีบทำใจ แล้วกลับไปเผชิญกับความจริงให้เร็วที่สุดนะคะ”

“ครับ...มุกดากับสีหราชคงจะเกิดมาเพื่อกันและกัน ถึงจะเจ็บปวดแค่ไหน ผมก็ต้องยอมรับเรื่องนี้ให้ได้”

“ฉันต้องหลบมาอยู่ที่นี่ก็เพื่อเยียวยาหัวใจที่อ่อนแอ หวังว่าน้ำตาที่ไหลออกมามันจะทำให้หัวใจของฉันกลับมาเข้มแข็งได้เร็วๆนี้”

“หลังฝนตก ฟ้ามักจะสว่างสดใส เราสองคนกำลังรอวันนั้นอยู่ครับ...เดี๋ยวผมต้องรีบเอารถไปคืน แล้วผมจะมาเยี่ยมใหม่ครับ”

สายสุนีย์พยักหน้าแล้วปาดน้ำตาที่รื้นออกมาทิ้งไปก่อนเดินกลับเข้าข้างใน

ooooooo

สีหราชหายไปนานจนมุกดาเป็นห่วง เธอชวนแก้วออกตามหาแต่เขาไม่ว่างเพราะพยายามจะแกะรหัสตู้เซฟของพรหมบุญที่ได้มาก็เลยส่งอาจารย์เป๋อไปแทน

จังหวะที่มุกดากับอาจารย์เป๋อไปเจอ สีหราชกำลังมีปากเสียงกับชาญที่ย้อนกลับมาเอารถยนต์ยังจุดเดิม สีหราชคาดคั้นชาญให้บอกที่อยู่ของสายสุนีย์ แต่ชาญสวนเสียงเข้มว่ายังไม่ถึงเวลาที่เขาจะรู้

“ทำไม...นายก็เห็นอยู่ว่าฉันแคร์สายสุนีย์แค่ไหน ฉันอยากจะไปหาเขา ไปปรับความเข้าใจกับเขา”

“แล้วมุกดาล่ะ”

“เรื่องนี้มุกดาไม่เกี่ยว เพราะฉันไม่เคยรู้สึกอะไรกับมุกดาอยู่แล้ว”

ชาญฉุนกึก เข้าใจว่าสีหราชหลอกมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับมุกดาโดยที่ไม่ได้รักใคร่ไยดี “ถ้าไม่ได้รู้สึกอะไร

แล้วไปย่ำยีเขาทำไม ฉันไม่นึกเลยว่านายมันก็แค่ไอ้ผู้ชายเห็นแก่ได้ โกหกหลอกลวงผู้หญิง”

ชาญเหลืออดต่อยเปรี้ยงใส่สีหราชจนล้มลง มุกดาตกใจวิ่งเข้ามาพร้อมอาจารย์เป๋อช่วยกันร้องห้ามเสียงหลง สลับกับถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้

“ถอยไปอาจารย์ ปล่อยให้ผมซัดกับมัน”

“มาสิมา ให้มันรู้กันไปเลยว่าระหว่างเราสองคนใครมันเก่งกว่ากัน”

ชาญจะเข้าไปซัดสีหราชอีก แต่มุกดาเข้ามาฉุดชาญไว้ อยากรู้เขาว่าเป็นบ้าอะไร ทำไมต้องทำป่าเถื่อน ไหนบอกว่าเขาสองคนเป็นเพื่อนกัน แล้วทำไมไม่คุยกันดีๆ

“หมดเวลาที่จะมาคุยดีกันแล้ว ระหว่างมันกับผมคงต้องตายกันไปข้างหนึ่ง”

“นี่นายคิดจะฆ่าคุณสีหราชจริงๆเหรอ...เลว...เลวที่สุด”

“ใช่ ผมมันเลว แต่ผมก็ไม่เคยย่ำยีผู้หญิงแล้วทอดทิ้ง คุณเองก็ควรจะตาสว่างได้แล้ว เพราะไอ้สีหราชมันไม่ได้แคร์คุณแม้แต่น้อย ศักดิ์ศรีของความเป็นผู้หญิงของคุณมันมีคุณค่ามากกว่าจะโดนมันหลอกกินฟรีแบบนี้”
ฉาด! มุกดาตบหน้าชาญเต็มแรงแล้วด่าซ้ำว่าไอ้บ้า ขณะที่สีหราชเตือนชาญพูดดีๆ คนอย่างตนไม่เคยหลอกกินฟรีใคร

“อ้อ...ก็แสดงว่านายกับมุกดาคงเต็มใจกินฟรีซึ่งกัน และกันงั้นสิ”

มุกดาเหลือทนตบหน้าชาญอีกฉาดพร้อมกับตะเบ็งเสียงใส่ “หยาบคาย! หยาบคายที่สุด”

“ครับ ถ้าความจริงที่ผมพูดออกไปมันทำให้คุณรู้สึกทนฟังไม่ได้ ผมก็ขอโทษ แต่อย่างน้อยคุณก็ต้องทบทวนให้ดีว่าใครที่มันจริงใจกับคุณที่สุด ส่วนนาย สีหราช...ความเป็นเพื่อนของเราคงสิ้นสุดกันที่นี่ จากนี้ไปทางใครทางมัน”

ชาญเดินขึ้นรถขับออกไป มุกดารับรู้ถึงความรู้สึกดีๆที่ชาญแสดงออกมา แต่นาทีนั้นเธอคงได้แต่ปล่อยให้เขาโกรธแล้วจากไปก่อน เช่นเดียวกับสีหราชเมื่อได้ยินสิ่งที่ชาญพูดก็รู้ทันทีว่าเพื่อนกำลังเข้าใจผิด แต่น้ำกำลังเชี่ยวต่อให้พูดไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น

“เฮ้ย...ถึงขนาดตัดเพื่อนกันแบบนี้มันไม่ได้แล้วนะสีหราช” อาจารย์เป๋อร้อนรนละล้าละลัง ตะโกนเรียกชาญแล้วหันกลับมามองหน้าสีหราชด้วยความหนักใจ

ooooooo

กลับมาถึงเซฟเฮาส์ สีหราชไม่สะดวกใจที่จะให้มุกดาทำความสะอาดรอยฟกช้ำที่โดนชาญชก ขอจัดการด้วยตัวเอง แก้วเห็นด้วย บอกมุกดาว่าปล่อยให้สีหราชทำเองดีแล้ว บางครั้งความเป็นห่วงระหว่างเพื่อนก็ต้องเว้นช่องว่างไว้บ้าง

“หมายความว่ายังไงคะ ฉันไม่เข้าใจ”

“ผมคงต้องขออนุญาตพูดตรงๆนะครับ” แก้วเกริ่นนำแล้วย้ำเรื่องเดิมที่เชื่อว่าเป็นสาเหตุให้ชาญตัดขาดสีหราชและสายสุนีย์หนีไป สองคนนั้นกำลังเข้าใจผิด ตอนมุกดาถูกพรหมบุญจับตัวไปครั้งล่าสุด ชาญได้ยินเธอบอกว่าเป็นเมียสีหราช ตนรู้ว่าชาญช็อกและเสียใจมาก แต่ก็พยายามเก็บความรู้สึกไว้

มุกดาได้ฟังตกใจและอับอาย ขณะที่สีหราชกับอาจารย์เป๋อก็ตกใจไม่แพ้กัน

“พอดีฉันรู้ว่าพวกมันกลัวคุณสีหราช ฉันก็เลยพูดออกไปแบบนั้น เพื่อจะขู่ไม่ให้มันทำร้าย ฉันไม่ได้มีเจตนาอื่น ไม่นึกเลยว่าจะทำให้ชาญเข้าใจผิดไป”

“ไม่เพียงแต่ชาญหรอกครับที่เข้าใจผิด สายสุนีย์ก็พลอยเข้าใจผิดไปด้วยเหมือนกัน ผมรู้ว่าตอนนี้คุณมุกดาไม่ได้คิดอะไรกับสีหราชแล้ว แต่สายสุนีย์กับชาญยังไม่มีข้อมูลตรงนี้ ทำให้บางครั้งเวลาคุณมุกดากับสีหราชใกล้ชิดสนิทสนมกัน สายสุนีย์กับชาญก็อาจจะเข้าใจผิดไปได้”

“ถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็ต้องขอโทษคุณสีหราชด้วยนะคะที่ทำให้เรื่องทุกอย่างลุกลามบานปลาย”

“ไม่เป็นไรครับ ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของผมเองด้วย อย่าโทษตัวเองไปเลยครับคุณมุกดา”

“ข้าว่าเอ็งสองคนน่าจะไปหาไอ้ชาญกับสายสุนีย์ ไปปรับความเข้าใจกันซะ อย่าปล่อยให้มันลุกลามบานปลายไปมากกว่านี้”

“ถูกต้องอย่างอาจารย์เป๋อว่า...ถ้าไม่รีบไปปรับความเข้าใจ เดี๋ยวจะแก้ได้ยาก”

มุกดาพยักหน้าเห็นด้วย ขณะที่สีหราชรู้สึกหนักใจ เป็นกังวลเรื่องสายสุนีย์

ooooooo

ค่ำนั้น สีหราชกับมุกดามาปรากฏตัวที่เกษม-ขนส่ง เป็นเวลาที่เสี่ยเกษมกำลังโทรศัพท์สั่งงานลูกน้องให้ติดตามความเคลื่อนไหวของพวกพรหมบุญ

เสี่ยรีบวางสายหันมาทักทายทั้งคู่แต่ไม่ยอมบอกแหล่งที่อยู่ของสายสุนีย์เมื่อโดนซักถาม

“ทำไมล่ะคะ หนูเองก็อยากจะคุยปรับความเข้าใจกับสายสุนีย์เหมือนกัน โทร.ติดต่อไปก็ไม่ยอมรับสายเลย เตี่ยบอกหนูหน่อยนะคะ หนูไม่อยากให้สายสุนีย์หนีไปแบบนี้เลย”

“สิ่งที่เขาทำมันเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว เอาไว้ถ้าสายสุนีย์สบายใจเมื่อไหร่เขาจะกลับมาเอง”

สีหราชทำท่าจะอ้าปากขอร้องอีก แต่เสี่ยเกษมชิงตัดบทเสียก่อนว่าตนขอตัวเพราะง่วงนอนแล้ว

มุกดาเคร่งเครียดถามสีหราชว่าทำยังไงกันดี ชายหนุ่มนึกถึงพนักงานหญิงชื่อเขมที่ชาญแวะรับ ถามมุกดาว่ารู้จักเธอไหม ปรากฏว่ามุกดารู้จักและมีเบอร์โทรศัพท์ของเธอด้วย แต่เมื่อโทร.ไปหา สายสุนีย์กลับสั่งเขมไม่ให้รับสาย สีหราชเลยให้ส่งข้อความไปอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้น ถ้าไม่รับโทรศัพท์อย่างน้อยก็จะต้องได้อ่านเขมอ่านแน่แต่ยังไม่ได้บอกต่อสายสุนีย์เพราะไม่กล้าตอแยคนที่กำลังซึมเศร้า...

ด้านชาญที่เพิ่งกลับถึงบ้านก็ได้รับคำสั่งจากพรหมบุญให้ไปโรงงานใหม่ในคืนนี้ ปลัดฉกาจจะบอกทางให้ พูดแล้วเขาแอบยิ้มกับปลัดอย่างรู้กัน

พรหมบุญกับปลัดฉกาจวางแผนซ้อนแผนเพื่อตลบหลังชาญหลังจากอาเหมยรายงานเรื่องชาญกับหวานสวาททรยศเขา

เมื่อชาญออกไปพร้อมปลัดฉกาจแล้ว พรหมบุญตรงมาที่ห้องหวานสวาท เธอคือรายต่อไปที่ต้องได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสม!

พรหมบุญทำทีมาขอนอนที่ห้องหวานสวาทแล้ววางกุญแจตู้เซฟเอาไว้เป็นเหยื่อล่อ ปรากฏว่าปลากินเหยื่ออย่างง่ายดาย หวานสวาทแอบหยิบกุญแจย่องออกจากห้องไปเพราะคิดว่าพรหมบุญหลับสนิทแล้ว

แท้จริงเขาแกล้งหลับ พอเธอพ้นไปจากห้อง เขาลืมตาโพลง รู้สึกเจ็บปวด ทั้งรักทั้งแค้นเนื่องจากกำลังเผชิญหน้ากับการทรยศจากผู้หญิงที่เขารักที่สุด

ooooooo

ขณะที่หวานสวาทแอบเข้าไปในห้องนอนของพรหมบุญ อาเหมยซึ่งรู้เห็นแผนนี้ก็รีบไปหาฟ้ารุ่งในห้องขังเพื่อยืมมือเธอฆ่าหวานสวาท

ฟ้ารุ่งเกลียดชังและเคียดแค้นหวานสวาทอยู่แล้ว แน่นอนว่าเธอไม่ปฏิเสธเมื่ออาเหมยยุยง เธอถูกปล่อยตัวออกจากห้องขังแล้วค่อยๆคืบคลานขึ้นไปที่ห้องนอนของพรหมบุญ

หวานสวาทเปิดตู้เซฟสำเร็จ หยิบเอกสารโรงงานอาวุธเคมีออกมาแล้วใช้กล้องถ่ายรูปทุกหน้าไว้

เสียงลูกบิดประตูห้องดังเบาๆ แต่ก็ทำให้เธอตกใจรีบเก็บเอกสารเข้าตู้เซฟก่อนวิ่งไปที่ประตู ยืนชั่งใจว่าจะทำยังไงต่อไปดี

สักครู่หนึ่งฟ้ารุ่งเปิดประตูเข้ามาแต่มองไม่เห็นหวานสวาทที่แอบอยู่หลังประตู

“แกอยู่ไหน นังหวานสวาท แกอยู่ไหน”

ฟ้ารุ่งหันซ้ายหันขวา ที่สุดก็เห็นหวานสวาทกำลังจะหนีออกจากห้อง เธอพุ่งมากระชากตัว

“แกจะหนีไปไหน”

“ปล่อยนะ ปล่อย”

“แกแย่งทุกอย่างไปจากฉัน ฉันจะฆ่าแก”

“ปล่อยนะ ฉันบอกให้ปล่อย”

หวานสวาทพยายามสะบัดฟ้ารุ่งออก แต่ฟ้ารุ่งกลับลากเธอขึ้นไปชั้นบนสุดแล้วพยายามจะผลักให้ตกบันไดแต่อีกฝ่ายฮึดสู้ จึงเกิดการยื้อยุดกันไปมา

ฟ้ารุ่งอยู่ในภาวะคลุ้มคลั่งราวกับคนสติไม่ดี เรี่ยวแรงเธอมีมากกว่า หวานสวาทจึงเป็นรองถูกบีบคอแทบหมดแรง ฟ้ารุ่งย่ามใจหันไปคว้าแจกันจะเอามาฟาดซ้ำ แต่หวานสวาทหมุนตัวหลบทัน ทำให้ฟ้ารุ่งเสียหลักกลิ้งตกบันไดลงมายังพื้นด้านล่างนอนแน่นิ่ง

หวานสวาทตกใจกรีดร้องขอความช่วยเหลือ อาเหมยแอบมองเหตุการณ์อยู่ตลอด ไม่พอใจที่ฟ้ารุ่งทำงานพลาด แต่แกล้งเปิดไฟสว่างทั่วบ้านก่อนเดินเข้ามาด้วยสีหน้าง่วงงุน แล้วแสร้งตกใจกับเสียงร้องขอความช่วยเหลือของหวานสวาท

“เกิดอะไรขึ้นคะ”

หวานสวาทวิ่งลงบันไดมาหาอาเหมย พูดละล่ำ ละลักว่า “ฟ้ารุ่งพยายามจะทำร้ายฉัน แต่ก็ตกลงมาจากชั้นบน”

โขนกับหนุมานและสมุนของพรหมบุญอีกหลายคนได้ยินเสียงเริ่มเข้ามามุงดู ส่วนพรหมบุญเพิ่งออกมาจากห้องหวานสวาท เดินตรงมาเห็นฟ้ารุ่งนอนนิ่งก็แกล้งโวยวายตกใจ

“อาเหมยรีบพาไปส่งโรงพยาบาลเร็ว”

สมุนช่วยกันแบกร่างฟ้ารุ่งใส่เปลสนามเพื่อนำไปใส่รถ โดยมีอาเหมยตามไปด้วย...พรหมบุญเข้ามาโอบกอดหวานสวาทปลอบโยนราวกับรักใคร่เธอดังเดิม

“ไม่ต้องกลัวนะ จะไม่มีใครมาทำร้ายเธอได้อีกแล้ว หวานสวาทของนาย”

พรหมบุญกระชับวงแขนกอดเธอไว้ แต่สีหน้าเยือกเย็นสุดแสนอำมหิต!

ที่หน้าบ้าน โขนกับหนุมานกำลังจะเอาฟ้ารุ่งใส่รถตู้ แต่จู่ๆอาเหมยร้องเรียกให้หยุดก่อน สองคนวางร่างที่หายใจรวยรินของฟ้ารุ่งลง อาเหมยเข้ามาเอามืออังลมหายใจก่อนเอ่ยว่า

“ไหนๆก็ใกล้ตายแล้ว ฉันจะช่วยเธอเองฟ้ารุ่ง”

อาเหมยโหดกว่าใครจะคาดคิด เธอเลื่อนมือลงมาที่คอ บีบเค้นไม่นานฟ้ารุ่งก็ขาดใจตาย

“เอาศพไปฝัง” อาเหมยสั่งสองหนุ่ม พอเห็นพวกเขาลังเลก็เสียงเข้มใส่ “นี่เป็นคำสั่งของนาย เร็วสิ”

“ได้ เดี๋ยวจัดให้”

โขนรับคำแล้วช่วยกันกับหนุมานแบกร่างฟ้ารุ่งเปลี่ยนทิศทางจากรถตู้เดินหายไปในความมืด

ooooooo

ชาญไม่รู้ตัวว่าถูกพรหมบุญกับปลัดฉกาจวางแผนหลอกไปฆ่าทิ้งที่โรงงานอาวุธเคมีแห่งใหม่ โดยปลัดนำทางและเป็นคนลงมือพร้อมด้วยลูกน้องอีกนับสิบ

แต่ไม่ง่ายอย่างที่คิด...ชาญพิษสงรอบตัว ต่อสู้กับพวกวายร้าย แต่ต้องมาพ่ายเพราะอยู่ดีๆพายัพนายเก่าโผล่มาทวงบุญคุณ

ชาญถูกควบคุมตัวไปขังรวมกับกลุ่มลูกน้องของเสี่ยเกษมที่โดนจับได้ก่อนหน้านี้ เสี่ยเกษมแอบส่งลูกน้องติดตามความเคลื่อนไหวของพวกพรหมบุญมาหลายวันจนกระทั่งถึงโรงงานแห่งใหม่ แต่ลูกน้องพลาดพลั้งถูกจับได้เสียก่อนที่จะทลายรังของพวกมัน

ในคืนเดียวกัน หวานสวาทส่งข่าวให้แก้วทางอีเมล เป็นภาพถ่ายเอกสารในตู้เซฟเกี่ยวกับโรงงานอาวุธเคมีและมีแผนที่ตั้งมาให้ด้วย แก้วเปิดอ่านขณะอยู่กับสีหราชและอาจารย์เป๋อ

หลังจากพิจารณาแผนที่แล้วอาจารย์เป๋อจำได้ว่าเป็นโรงงานร้างใกล้สนามบินเก่า สีหราชก็รู้จัก รับรองว่าไปถูกแน่ แก้วอ่านอีเมลต่อไปรู้ว่าพรุ่งนี้ตันเคียนสิวจะบินมาที่โรงงานกับลูกค้า หลังจากนั้นก็นัดหมายส่งมอบของกันที่ชายแดน

สีหราชแค้นใจเพราะเชื่อว่าอาวุธพวกนี้มันจะเอาไปกวาดล้างพวกชนกลุ่มน้อยที่อยู่ชายแดน ถ้าของหลุดออกไปก็จะมีคนตายกันอีกเป็นหมื่น ตนคงยอมให้พวกมันใช้เมืองไทยเป็นจุดรับส่งเครื่องมือฆ่าคนแบบนี้ไม่ได้”

แก้วรู้สึกไม่ต่างกัน เสริมขึ้นว่า “ผมโทร.ติดต่อหน่วยเหนือเอาไว้แล้วครับสำหรับเตรียมปฏิบัติการพิเศษ เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงเราจะไปเจอกันที่จุดนัดหมาย”

“พรุ่งนี้คงจะเป็นสงครามครั้งสุดท้ายของพวกเราแล้ว”

ขาดคำของสีหราช...ตาทิพย์ของอาจารย์เป๋อทำงานอย่างปัจจุบันทันด่วน เห็นภาพระเบิดและความตายมากมายถึงกับสะดุ้งตกใจร้องเฮ้ย!

สีหราชและแก้วสงสัยว่าอาจารย์เป๋อเป็นอะไร...แกร้องลั่นว่ามันกลับมาแล้ว ตาทิพย์ของตนกลับมาแล้ว

ภาพเดิมเมื่อสักครู่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง อาจารย์เป๋อตกใจมากสีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พูดโพล่งว่าความตาย ตนเห็นความตายแต่บอกไม่ได้ว่าใครตาย สีหราชเดาทันทีว่าจะมีพวกเราตายใช่ไหม อาจารย์เป๋อขานรับ แก้ววิตกกังวลเร่งอาจารย์บอกมาว่าใคร พวกเราจะได้ช่วยกันแก้ไข

“เอ็งทำแบบนั้นไม่ได้ เอ็งห้ามความตายไม่ได้”

“แต่เรารู้ก่อน เราต้องกำหนดได้สิ”

“เราทำแบบนั้นไม่ได้ ทุกคนถูกลิขิตมาแล้ว เราจะโกงความตายไม่ได้”

“แล้วอาจารย์จะปล่อยให้พวกเราตายทั้งๆที่อาจารย์รู้ล่วงหน้างั้นเหรอ”

“ข้าไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ข้าไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว” อาจารย์เป๋อร้องไห้ หันหลังเดินออกไปจากตรงนั้น

แก้วและสีหราชมองหน้ากันหนักใจ สีหราชคิดว่าบางทีความตายที่กำลังจะมาถึงพรุ่งนี้ อาจเป็นพวกเขาคนใดคนหนึ่ง หรือบางทีอาจจะเป็นทุกคนก็ได้ ดังนั้นเวลาที่ยังเหลืออยู่อีกไม่กี่ชั่วโมง เขาต้องไปหาคนรัก ใช้เวลาให้มีค่ามากที่สุด เขาบอกแก้วว่าแล้วเจอกันตามแผนที่วางเอาไว้

“งั้นเราก็ลากันเลยแล้วกันนะไอ้พี่ชาย” แก้วเข้ามากอดสีหราชเพื่อล่ำลาเพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไร

“งานพรุ่งนี้เราทำเพื่อชาติ เพื่อส่วนรวม เพื่อคนไทยทุกคน ถ้าจะต้องตาย เราก็จะตายด้วยความภาคภูมิใจ”

“ใช่ เพื่อแผ่นดิน เพื่อพระเจ้าอยู่หัวของเรา แม้ตายเราก็จะไม่เสียดายชีวิต”

สองตำรวจหนุ่มต่างตบไหล่ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน แล้วจากนั้นสีหราชก็ขึ้นมอเตอร์ไซค์ขี่ออกไป...แก้วสูดลมหายใจเข้าปอดให้กำลังใจตัวเองก่อนเดินเข้าห้องพัก ลงมือเขียนจดหมายถึงพ่อแม่ บอกเล่าถึงภารกิจสำคัญในครั้งนี้ ซึ่งตัวเขาอาจต้องพบกับจุดจบ...

ทางด้านสีหราชที่ได้พบสายสุนีย์สมความตั้งใจ หลังจากเขาขอร้องเขมซึ่งรู้ที่อยู่จนสำเร็จ สายสุนีย์ไม่เข้าใจคำพูดเหมือนบอกลาของอีกฝ่าย แต่ไม่ค่อยพอใจเมื่อเขาขอจูบมัดจำแถมจู่โจมไม่ให้เธอได้ตั้งตัว

หอมแก้มสายสุนีย์หนึ่งฟอดแล้วสีหราชก็ยิ้มล้อเลียนก่อนเดินลิ่วออกจากบ้านไปโดยไม่ฟังเสียงเรียกของเธอ เขมก้าวออกมาเมื่อได้ยินสายสุนีย์บ่นพึมพำว่านี่มันความฝันหรือความจริง

“มันเป็นความจริงค่ะคุณสายสุนีย์...ขอโทษนะคะที่เขมตัดสินใจบอกคุณสีหราช พอดีเขมได้อ่านข้อความที่คุณมุกดาส่งเข้าเครื่องมาก็เลยรู้ว่าเรื่องทั้งหมดมันคือการเข้าใจผิด”

“เข้าใจผิดอะไร”

เขมส่งโทรศัพท์ให้สายสุนีย์เพื่ออ่านข้อความด้วยตัวเอง...

ข้อความของมุกดาชี้แจงความจริงทั้งหมด รวมทั้งความจริงที่บัดนี้เธอรู้ใจตัวเองแล้ว ซึ่งข้อความในตอนท้ายทำให้สายสุนีย์เข้าใจเพื่อนอย่างถ่องแท้

“ระหว่างถูกคุมขัง ฉันได้รู้จักกับตัวตนที่แท้จริงของผู้ชายอีกคนที่เคยมองข้ามเขาไป เขารักและปกป้องฉันอย่างจริงใจ และสิ่งนี้เองที่มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าหญิงน้อยๆที่มีคนคอยปกป้องดูแล แม้ว่าเขาจะไม่ใช่เจ้าชายรูปงาม แต่เขาก็คืออัศวินคนเก่ง องครักษ์คนกล้า ที่ยอมสละชีวิตเพื่อผู้หญิงที่เขารัก ฉันค้นพบแล้วว่าคนเราต้องอยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน...ชาญคือผู้ชายในชีวิตจริง และทำให้ฉันได้พบกับความรักที่ปราศจากความลุ่มหลง ฉันอยากจะบอกเขาว่าตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไป ชีวิตที่เหลือ ฉันจะขอทุ่มเทให้กับผู้ชายที่ฉันรักมากที่สุดเพียงคนเดียวคือชาญ”

สายสุนีย์อ่านข้อความจบลงแล้วเงยหน้ามองเขมซึ่งนั่งอมยิ้มอยู่ข้างๆ

“เขมเชื่อว่านี่คือความจริง คุณมุกดากับคุณสีหราชไม่ใช่คนที่ชอบโกหกหลอกลวง เขมจึงตัดสินใจที่จะบอกที่อยู่ให้คุณสีหราชมาหาคุณสายสุนีย์เพื่อปรับความเข้าใจกันค่ะ”

“ถ้ามาปรับความเข้าใจแล้วทำไมเขาต้องรีบไปด้วย”

เสียงรถยนต์แล่นเข้ามา มุกดากับอาจารย์เป๋อนั่นเอง สองคนลงจากรถเดินตามกันเข้ามาในบ้าน ประโยคแรกที่มุกดาทักสายสุนีย์คือ “เธออ่านข้อความที่ฉันส่งมาแล้วใช่ไหม”

“อ่านแล้ว”

“แล้วเธอเข้าใจฉันกับคุณสีหราชแล้วใช่ไหม”

“เข้าใจแล้ว...ฉันขอโทษด้วยนะมุกดาที่ทำให้ทุกคนวุ่นวาย”

“ไม่เป็นไร ยังไงตอนนี้เรารีบไปกันเถอะ”

“ไปไหน”

“ไปที่สมรภูมิแห่งความตาย พวกเราต้องไปล่ำลาคนที่เรารัก โดยเฉพาะเธอ...สายสุนีย์” พูดแล้วอาจารย์เป๋อน้ำตาไหลอย่างกลั้นไม่อยู่ เช่นเดียวกับมุกดาที่น้ำตาเอ่อออกมา สายสุนีย์ตระหนกตกใจถามเร็วไว

“มีใครเป็นอะไรคะ”

“อาจารย์เห็นภาพความตาย พวกเรากำลังจะตาย เธอต้องรีบไปนะ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”

“พวกเรากำลังจะสูญเสียคนที่เรารักนะสายสุนีย์” อาจารย์เป๋อเน้นย้ำเสียงสั่นเครือ สายสุนีย์หน้าเสีย ใจหายวาบ!

ooooooo

ที่มาไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น