วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร สิงห์รถบรรทุก ตอนที่ 13


สายสุนีย์กับมุกดาช่วยกันทำอาหารไว้เลี้ยงพวกสีหราชที่จะมารวมตัวกันที่เกษมขนส่งในค่ำนี้ มุกดาแสดงออกว่ารู้ใจสีหราชชอบอาหารรสจัด เลยขอปรุงด้วยตัวเอง

สายสุนีย์ไม่ชอบใจแต่ก้มหน้าเก็บความรู้สึกเอาไว้ บอกให้มุกดาทำไปเลยตามสบาย...เมื่อสีหราช แก้ว และอาจารย์เป๋อมาถึง มุกดากุลีกุจอนำเสนออาหารที่ตนปรุงสำหรับสีหราชโดยเฉพาะมาวางตรงหน้าเขา

“ฝีมือคุณสายสุนีย์ใช่ไหมครับ”

“ของสายสุนีย์รสจืดๆค่ะ เรื่องรสจัดๆน่ะมุกดาทำเอง”

สายสุนีย์ยิ้มเก้อที่มุกดาแย่งพูดคนเดียว เสี่ยเกษมชักทะแม่ง ชวนทุกคนทานข้าวเสร็จแล้วจะได้คุยงานกัน

หลังอาหารมื้อค่ำนั้น เสี่ยเกษมขอความเห็นจากพวกสีหราชเรื่องเสือเล็กที่เวลานี้แตกหักกับพรหมบุญแน่นอนแล้ว ตนได้ข่าวว่ามันกับลูกน้องที่เหลือคนเดียวยังคงซ่อนตัวอยู่ในอำเภอผาพยัคฆ์ซึ่งเป็นถิ่นเก่า มันกำลังเป็นเสือลำบาก เงินทองไม่มีติดตัว ตนอยากไปจัดการ คิดว่าเอาคนของเราไปแค่ห้าหกคนยังไงก็เอาอยู่แน่

“แต่เสือเล็กก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะครับเสี่ย” แก้วท้วง

“ผมรู้ แต่อย่าลืมสิอาวุธของเรายังไงก็เหนือกว่า หรือถ้าใครอยากจะสั่งอาวุธใหม่ๆรุ่นไหนก็บอกมา เดี๋ยวผมจัดการให้ได้เลย”

“เสี่ยครับ ถ้าจะกำจัดเสือเล็ก บางทีเราไม่จำเป็นต้องลงมือเองก็ได้นะครับ”

“จะยืมมือคนอื่นทำแทนเหรอคะคุณสีหราช” มุกดาถาม

“ใช่ครับ ยังไงตอนนี้ถนอมคนของเราเอาไว้ก่อนดีกว่า ผมมีวิธีที่จะจัดการเสือเล็กโดยไม่ต้องลงมือเอง”

ทุกคนเห็นด้วย สีหราชยิ้มพอใจ หลังจากนั้น

เสี่ยเกษมโทร.หาเพื่อนเก่าคนหนึ่งเพื่อขอความช่วยเหลือตามแผนการที่วางไว้ ปรากฏว่าเขายินดีไม่มีปัญหา

“เสี่ยเฮี้ยงตกลงที่จะร่วมมือกับเรา เขาเป็นเพื่อนเก่าของผมที่เคยทำธุรกิจด้วยกันตอนหนุ่มๆ แต่ตอนหลังเสี่ยเฮี้ยงชอบไปทางธุรกิจสีเทา ผมก็เลยแยกตัวออกมา” เสี่ยเกษมบอกทุกคนหลังวางสายจากเพื่อนเก่า

“ทีนี้ก็เหลือแค่ตำรวจพื้นที่ที่เราต้องขอความร่วมมือ”

ขาดคำของแก้ว สายสุนีย์สีหน้าหนักใจ บอกว่าท่าจะยาก ตำรวจที่ผาพยัคฆ์เป็นคนของพรหมบุญทั้งนั้น

“เรื่องตำรวจพื้นที่ เดี๋ยวผมจัดการเอง พอดีผมกับสารวัตรยุทธนาเคยรู้จักกันมาก่อน”

“คุณสีหราชรู้จักสารวัตรท้องที่ผาพยัคฆ์ด้วยเหรอคะ เออ ใช่สิ คุณสีหราชเป็นตำรวจสายสืบ ยังไงก็ต้องรู้จักพวกตำรวจด้วยกันอยู่แล้ว”

สายสุนีย์ได้ยินมุกดาพูดมาอย่างนั้นก็แปลกใจ เพราะเธอไม่เคยรู้มาก่อน แต่ที่น่าแปลกกว่านั้นก็คือทำไมมุกดารู้เรื่องนี้แต่เธอกลับไม่รู้ เสี่ยเกษมเพิ่งรู้เช่นกัน ถามสีหราชว่าเป็นตำรวจจริงหรือ

“ใช่ครับ ผมได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจที่เขาชุมสิงห์เพื่อหาทางทลายแก๊งอิทธิพลของนายพรหมบุญ แต่เพื่อความสะดวกในการทำงาน ผมจึงจำเป็นต้องปิดบังเรื่องนี้เอาไว้ ยังไงผมต้องขอโทษเสี่ย คุณสายสุนีย์ แล้วก็ทุกคนด้วยครับ”

“ผมก็เหมือนกันครับ แม้จะมาจากคนละสังกัดกับผู้กองสีหราช แต่ก็อยู่ในภารกิจเดียวกันคือสืบความลับของแก๊งนายพรหมบุญ ตอนนี้ความจริงทุกอย่างก็ถูกเปิดออกมาแล้ว ผมต้องขอโทษทุกคนด้วยเช่นกัน” แก้วเอ่ยเสียงเรียบ แต่อาจารย์เป๋ออึกๆอักๆขึ้นมา ทำให้เสี่ยเกษมระแวงรีบดักคอว่า

“อย่าบอกนะว่าอาจารย์ก็เป็นร้อยตำรวจเอกปลอมตัวมา”

“ใช่...เอ๊ย...ไม่ใช่...ข้าแค่จะบอกว่าตอนนี้ง่วงมาก เมื่อไหร่จะนอนกันซะที มีอะไรพูดกันพรุ่งนี้เหอะ”

อาจารย์เป๋อหาวปากกว้างแล้วฟุบหลับกับโต๊ะ แก้วเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น เสี่ยเกษมคาดว่าคงง่วงจัด คืนนี้ให้ทุกคนนอนที่นี่ไปก่อน เดี๋ยวตนบอกเด็กจัดห้องให้ ถ้าออกไปมืดค่ำอย่างนี้อันตราย

“ดีเหมือนกันนะพี่สีหราช กลับดึกๆมันก็เสี่ยงอยู่เหมือนกัน” แก้วเห็นด้วยกับเสี่ยเกษม สีหราชเลยโอเคตามนั้น กล่าวขอบคุณทั้งเสี่ยและสายสุนีย์ พลางส่งสายตาให้หญิงสาว แต่เธอไม่สบตา เพราะรู้สึกเหมือนโดนหลอก และน้อยใจที่มุกดารู้เรื่องสีหราชเป็นตำรวจ ขณะที่เธอไม่รู้อะไรเลย

สีหราชเดาออกว่าสายสุนีย์เป็นอะไร จึงเดินตามออกไปคุยกับเธอสองต่อสอง ถามอย่างตรงไปตรงมาว่าเธอกำลังโกรธเขาอยู่ใช่ไหม

“โกรธเรื่องอะไรคะ”

“โกรธที่ผมไม่ได้บอกความจริงกับคุณตั้งแต่แรก”

“ความจริงเรื่องไหนล่ะคะ เพราะมีหลายเรื่องเหลือเกินที่คุณไม่ได้บอกพวกเรา”

“ครับ ผมยอมรับผิด แต่ผมอยากให้คุณเข้าใจ”

“ค่ะ ฉันเข้าใจ”

“งั้นคุณก็หายโกรธผมได้ไหม”

“ฉันคงไม่มีสิทธิ์ที่จะไปโกรธคุณได้หรอก”

ปากพูดว่าไม่ได้โกรธ แต่ท่าทางของสายสุนีย์กลับตรงกันข้ามจนสีหราชรู้สึกได้

“อย่าทำหมางเมินกับผมแบบนี้สิครับ” ชายหนุ่มเข้ามาโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขน เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ผมรู้ว่าคุณเกลียดตำรวจ แต่ผมอยากจะบอกกับคุณว่าตำรวจไม่ได้เลวเหมือนกันหมดทุกคน ตำรวจที่ดีก็มีอยู่มาก พวกเขาชอบทำงานปิดทองหลังพระกันแบบเงียบๆ จนลืมที่จะประชาสัมพันธ์ตัวเอง ยังไงผมอยากจะขอให้คุณลองเปิดใจและให้โอกาสพวกเราบ้าง”

“ก็ได้ค่ะ ฉันจะเปิดใจมองตำรวจใหม่อีกครั้ง แต่ตอนนี้ปล่อยฉันได้แล้ว ฉันจะไปนอน”

สายสุนีย์สะบัดออกจากอ้อมกอดของสีหราชแล้วเดินไป ไม่สนใจฟังเสียงพูดไล่หลังของเขาที่อวยพรให้นอนหลับฝันดี ฝันถึงตนบ้าง

หญิงสาวกลับเข้ามาเจอเตี่ยนั่งหลับตาฟังเพลง แต่พอเธอจะเดินผ่านไปเสี่ยเกษมลืมตา เรียกลูกสาวมานั่งคุยกัน

“บอกเตี่ยมาสิว่าหนูเป็นอะไรไป”

สายสุนีย์ชะงักไม่คาดว่าเตี่ยจะสังเกตเห็นความผิดปกติของตน แต่ปฏิเสธว่าตนไม่ได้เป็นอะไร

“เตี่ยสังเกตมาตลอดว่าหนูมีเรื่องในใจ ไหนบอกเตี่ยมาซิว่าเรื่องอะไร สีหราชใช่ไหม”

หญิงสาวอึกอักแต่แล้วยอมรับในที่สุด เสี่ยเกษมจึงเดาต่อไปว่าเกี่ยวกับมุกดา

“ใช่ค่ะ มุกดารักคุณสีหราชมาก รักมาก่อนหนู แล้วหนูคิดว่าคุณสีหราชก็แคร์มุกดาด้วยเหมือนกัน บางที ถ้าไม่มีหนู ทุกอย่างก็คงจะง่ายขึ้นค่ะเตี่ย”

สายสุนีย์น้ำตาไหลด้วยความปวดร้าวที่เธอกำลังเป็นฝ่ายเสียสละเพื่อให้ทุกคนมีความสุข

“หนูคงอยากจะไปจากที่นี่สักพัก”

“ค่ะเตี่ย”

“มันก็ดีเหมือนกันที่จะอยู่ห่างกันสักพัก บางทีความห่างก็จะทำให้ทุกคนเข้าใจตัวเองมากขึ้น”

เสี่ยเกษมหนักใจและเข้าใจความรู้สึกของลูกสาว ขณะที่สายสุนีย์น้ำตาคลอรับรู้ในความรักที่เตี่ยมีให้เธอตลอดมา

ooooooo

เช้าแล้ว สีหราชเตรียมตัวเดินทางไปผาพยัคฆ์ แต่แก้วกับอาจารย์เป๋อยังนอนหลับอุตุ...ผู้กองหนุ่มเลยตัดสินใจไปคนเดียว แต่พอเขาจะออกรถ มุกดาวิ่งมาขอไปด้วย ยืนกระซิบกระซาบบางอย่างกับเขาโดยไม่รู้ว่าสายสุนีย์แอบมองจากมุมหนึ่ง

“ลาก่อนค่ะคุณสีหราช...ลาก่อนมุกดา” สายสุนีย์พึมพำ...ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวแล้วว่าต้องไป

เธอหิ้วกระเป๋าเดินทางมาใส่รถหลังจากทั้งคู่ออกไปได้สักครู่ เสี่ยเกษมตามออกมาทักท้วงอย่างห่วงใยว่าเตี่ยไม่ไว้ใจเลย ไม่อยากให้หนูเดินทางคนเดียว

“แต่หนูไม่อยากให้ใครรู้ว่าหนูหลบไปอยู่ที่ไหนค่ะเตี่ย”

“คนของเรามันไว้ใจได้ รับรองมันไม่บอกใครหรอกน่า”

“อย่าเลยค่ะเตี่ย ถ้าเกิดเหตุอะไร หนูเอาตัวรอดได้แน่”

“งั้นถึงจุดหมายแล้วรีบโทร.มาบอกเตี่ยเลยนะ”

“ค่ะ” สายสุนีย์รับคำเสียงแผ่ว น้ำตาคลอๆ โผกอดเสี่ยเกษมก่อนผละไปขึ้นรถเพียงลำพัง

ooooooo

ทันทีที่สายสุนีย์ออกรถไป สว่างที่ซุ่มจับตาอยู่ก็รีบโทร.รายงานเสือเล็กด้วยท่าทีกระเหี้ยนกระหือรือ

“นังสายสุนีย์ลูกสาวเสี่ยเกษมมันขับรถออกจากบ้านคนเดียวครับพี่”

“แน่ใจนะว่าออกไปคนเดียว”

“แน่ใจครับ ส่วนไอ้สีหราชวันนี้มันขับมอเตอร์ไซค์ออกไปกับนังมุกดาตั้งแต่เช้าแล้วครับ”

“งั้นเอ็งตามนังสายสุนีย์ไป ได้จังหวะเมื่อไหร่ก็จับตัวมาให้ข้า ทำได้มั้ย”

“สบายครับพี่ ผู้หญิงคนเดียว ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” สว่างคุยโวก่อนวางสาย แล้วเดินไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ไล่ตามรถสายสุนีย์

ไม่ทันไร สายสุนีย์รู้ตัวและจำได้ว่าเขาคือลูกน้องเสือเล็ก เธอรีบเหยียบคันเร่งเพื่อหลบหนี แต่สว่างก็ยัง

ไล่ตามไม่ลดละ ไม่ว่าเธอจะเลี้ยวไปไหน สว่างก็เลี้ยวตามไปทุกที่...

รถสองคันขับเคี่ยวกันไปตามถนนเล็กๆ จนกระทั่งรถยนต์ของสายสุนีย์ไปต่อไม่ได้เพราะโดนสว่างยิงหม้อน้ำแตก และเธอเกือบโดนเขาจับตัวไปถ้าชาญไม่ผ่านมาเห็นโดนบังเอิญ

ชาญช่วยสายสุนีย์รอดเงื้อมมือสว่าง ขณะที่สว่างปอดแหกกลัวความแม่นปืนของชาญวิ่งหนีหายไปในป่าข้างทาง เลยโดนเสือเล็กด่าไม่เลี้ยงโทษฐานก่อนหน้านี้คุยโวไว้มากแต่ทำงานไม่สำเร็จ

เมื่อรถสายสุนีย์ขับต่อไปไม่ได้ ชาญให้เธอทิ้งรถไว้ก่อนแล้วอาสาไปส่งยังที่หมายของเธอ ระหว่างทางสองคนซึ่งตกอยู่ในหัวอกเดียวกันได้พูดคุยถึงสีหราชและมุกดา โดยไม่รู้ว่ากำลังเข้าใจผิดสองคนนั้นอย่างใหญ่หลวง

ชาญผิดหวังและสะเทือนใจเพราะคิดว่ามุกดาเป็นเมียสีหราชแล้วจริงๆอย่างที่เธอบอกกับพรหมบุญ ขณะที่สายสุนีย์ก็รู้เห็นถึงความสนิทสนมของทั้งคู่เลยเป็นฝ่ายถอยเพื่อให้เขาได้ลงเอยกัน

ด้านสีหราชที่วันเดียวกันนี้ไปพบสารวัตรยุทธนาที่โรงพักผาพยัคฆ์เพื่อขอความร่วมมือในการเล่นงานพรหมบุญ ปรากฏว่ายุทธนายินดีตามแผนของสีหราชทุกอย่าง ส่วนมุกดาที่ติดรถมาด้วย แท้จริงเธอตั้งใจมาซื้อเค้กไปเซอร์ไพรส์วันเกิดสายสุนีย์ แต่เมื่อทั้งคู่พากันกลับมาถึงเกษมขนส่งกลับไม่พบเจ้าของวันเกิด แล้ว

เสี่ยเกษมก็ไม่ยอมบอกด้วยว่าลูกสาวไปไหน

สีหราชกลุ้มใจถึงกับนั่งซึม ขณะที่มุกดาเอาแต่ร้องไห้เมื่อฟังแก้วคาดเดาว่าสาเหตุที่สายสุนีย์หนีไป น่าจะมาจากมุกดาบอกพรหมบุญว่าเป็นเมียสีหราช ส่วนชาญคงเสียใจระยะนี้ถึงไม่ค่อยมาพบปะพวกเราเลย

หลังจากสงบจิตใจอยู่พักหนึ่ง สีหราชตัดสินใจเดินหน้าทำงานต่อไป ขอพักเรื่องหัวใจไว้ชั่วคราว ไว้งานสำเร็จลุล่วงแล้วค่อยเคลียร์กัน อาจารย์เป๋อเห็นด้วยอย่างที่สุด ชื่นชมสีหราชว่าเป็นพระเอกตัวจริง

วันถัดมา เสือเล็กกับสว่างเจอเสี่ยเฮี้ยงที่ร้านกาแฟในผาพยัคฆ์ การเจอกันไม่ใช่เรื่องบังเอิญเพราะเสี่ยเฮี้ยงรับปากเสี่ยเกษมเพื่อนเก่าที่ขอความช่วยเหลือมา แต่เสือเล็กไม่รู้และไม่ได้ไหวตัวจึงรับงานปล้นบาร์โรซี่ของเสี่ยดอนเพราะตนกำลังตกอับไม่มีเงินทองใช้

ใกล้ค่ำ เสี่ยเฮี้ยงพาเสือเล็กกับสว่างไปชี้เป้าที่บาร์โรซี่พร้อมให้ข้อมูลว่า

“นั่นไอ้เสี่ยดอน เจ้าของบาร์ มันเป็นเพื่อนของนายพรหมบุญมาก่อน ตอนนี้นายพรหมบุญออกเงินให้เสี่ยดอนทำบาร์โรซี่ ได้กำไรเท่าไหร่มันก็จะขนไปแบ่งกับนายพรหมบุญทุกเดือน ถ้าจะปล้นก็ต้องปล้นช่วงนี้แหละก่อนที่มันจะเอาเงินไปส่ง”

“แล้วฉันจะได้เท่าไหร่”

“แกปล้นมาได้เท่าไหร่ เอาไปให้หมด”

“แล้วเสี่ย...”

“แค่หมดเสี้ยนหนามไปอีกคน มันก็ถือว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้มแล้ว ฮ่ะๆๆ” เสี่ยเฮี้ยงหัวเราะอารมณ์ดี ขณะที่เสือเล็กยืนมองความเคลื่อนไหวของบาร์ด้วยสีหน้าดุดัน การปล้นบาร์แห่งนี้เท่ากับได้แก้แค้นพรหมบุญและได้เงินในคราวเดียวกัน

เมื่อการปล้นเริ่มต้น เสี่ยเฮี้ยงที่เฝ้าจับตาก็รีบโทร.ส่งข่าวเสี่ยเกษมว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน และจากนั้นไม่นานตำรวจนอกเครื่องแบบหลายนายก็ปรากฏตัวรับช่วงต่อจากเสี่ยเฮี้ยง โดยที่สีหราชกับยุทธนาหลบอยู่ในรถตู้

“นี่ถ้านายไม่ขอร้องฉันคงไม่มาหรอกนะสีหราช”

“ครับ ผมรู้ดีว่างานนี้ถ้าสารวัตรไม่ลงมาช่วย ภารกิจของผมก็คงไม่สำเร็จ”

“นายกำลังเล่นไฟอยู่นะ ถ้าพลาดขึ้นมานายจะเจ็บตัว”

“แต่ถ้าเราเห็นไฟไหม้แล้วไม่ช่วยกันดับ ไฟมันก็จะลามมาไหม้บ้านพวกเราทุกคนนะครับ”

“โอเคสีหราช ฉันยอมแพ้นาย ฉันจะช่วยนายจับเสือเล็ก ยังไงก็ช่วยรายงานให้หน่วยเหนือรู้ด้วย”

“ครับสารวัตร รับรองว่าความร่วมมือของสารวัตรครั้งนี้ไม่สูญเปล่าแน่”

เสียงวิทยุรายงานสถานการณ์เข้ามาว่าเสือเล็กกำลังจะออกจากบาร์ ขอให้ทุกหน่วยเตรียมพร้อม สารวัตรยุทธนาจึงบอกสีหราชให้หลบอยู่ในรถอย่าให้มันเห็นตัวไม่งั้นจะเสียแผน...แล้วสารวัตรยุทธนาก็รีบลงจากรถไป

เมื่อเสือเล็กกับสว่างแน่ใจว่ามีตำรวจนอกเครื่องแบบอยู่นอกบาร์ จึงจับหญิงสาวคนหนึ่งเป็นตัวประกัน ลากออกไปขึ้นรถขับหนีตำรวจ สีหราชรีบพรางหน้าตาก่อนอาสาขับรถตู้ด้วยตัวเองไล่ตามไป ในที่สุดสารวัตรยุทธนาก็จับเสือเล็กได้ ส่วนตัวประกันสาวปลอดภัย ขณะที่สว่างหนีรอดไปได้หวุดหวิด

เสือเล็กถูกจับยัดห้องขังแต่ยังไม่สลด พูดท้าทายว่าห้องขังแค่นี้คิดเหรอว่าจะทานตนได้ ยุทธนาหมั่นไส้แล้วกลับมาที่ห้องทำงานถามสีหราชที่นั่งรออยู่ว่าจากนี้ไปจะให้ตนทำอะไรอีก

“ออกหมายเรียกนายพรหมบุญ เรียกมันมาสอบปากคำ เนื่องจากโดนเสือเล็กพาดพิงว่าเป็นผู้ว่าจ้างให้ทำการปล้นบาร์โรซี่”

“เฮ้ย! นายจะทำแบบนั้นทำไม”

“ก็แค่สร้างรอยบาดหมางระหว่างนายพรหมบุญกับเสือเล็กให้มันร้าวลึกยิ่งขึ้นน่ะสิสารวัตร”

“แน่ใจนะว่า...”

“สารวัตรครับ ถ้าเราจะทำสงคราม บางครั้งถ้ากลยุทธ์เดิมๆมันไม่ได้ผล บางทีมันก็ต้องพลิกแพลงบ้าง”

“โอเค ว่าไงว่าตามกัน เดี๋ยวฉันจะสั่งลูกน้องจัดการให้เดี๋ยวนี้แหละ”

ooooooo

เพียงไม่ทันข้ามวัน พรหมบุญก็ได้หมายเรียกจากตำรวจ ข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับการปล้นบาร์โรซี่ พรหมบุญหัวเสียหนักสบถว่าตนเนี่ยนะจะสั่งให้

เสือเล็กปล้นบาร์ของตัวเอง

“เดี๋ยวผมจะลองโทร.ไปถามสารวัตรที่นั่นดู” ปลัดฉกาจอาสาแล้วต่อสายไปทันที พอทางโน้นรับสายก็แนะนำตัวก่อนสอบถามเรื่องราว “ผมปลัดฉกาจนะครับ พอดีอยากจะโทร.มาสอบถามเรื่องหมายเรียกของคุณพรหมบุญหน่อย คือทางนี้เขากำลังไม่สบายใจที่จู่ๆก็มีชื่อเป็นผู้ต้องหาคดีปล้นบาร์ของตัวเอง สารวัตรอธิบายให้ผมฟังหน่อยได้ไหมครับว่าเรื่องมันเป็นไงมาไง”

“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่คดีนี้เราจับคนร้ายมาได้แล้วก็ทำการสอบสวน ปรากฏว่าคนร้ายให้การซัดทอดว่าคุณพรหมบุญอยู่เบื้องหลังของการปล้นครั้งนี้ ทางเราก็เลยออกหมายเรียกเชิญมาสอบปากคำหน่อย”

“นี่สารวัตรกำลังจะบอกว่าไอ้เสือเล็กมันใส่ร้ายว่าคุณพรหมบุญบงการเรื่องนี้เหรอครับ”

“ใส่ร้ายหรือไม่ใส่ร้ายผมยังไม่ฟันธงหรอกครับ จนกว่าจะได้สอบปากคำกันซะก่อน”

พรหมบุญคว้าโทรศัพท์จากปลัดฉกาจมาพูดเองด้วยความหงุดหงิดใจ “อั๊วไม่ไป ยังไงอั๊วก็ไม่ไป” จบคำ

ก็ตัดสายทิ้งแล้วคำรามความแค้นใจ “มันมากเกินไปแล้ว ไอ้เสือเล็ก!”

ทางฝ่ายสารวัตรยุทธนาพอวางสายก็หันมาถามสีหราชว่าได้ยินแล้วใช่ไหม มันโวยวายใหญ่เลยว่ายังไงก็ไม่ไป สีหราชสะใจบอกว่าโดนเสียบ้างทำคนอื่นเขาไว้เยอะ

“แล้วนี่จะยังไงต่อ”

“บอกลูกน้องสารวัตรว่าคืนนี้ช่วยทำตัวไม่ว่างซักสองชั่วโมง พอดีผมมีกิจธุระที่จะเข้าไปเยี่ยมคนในห้องขังซะหน่อย”

“นี่นายคิดจะทำอะไร”

สีหราชมีแผนต่อเนื่อง เขากับแก้วปลอมตัวเป็นแก๊งขอทานหน้าตาอัปลักษณ์โดนสารวัตรยุทธนาจับยัดห้องขังเดียวกับเสือเล็ก แล้วสองคนก็ทำทีจะแหกห้องขังพร้อมกับจะทำร้ายเสือเล็กโดยอ้างชื่อพรหมบุญซึ่งเป็นนายสั่งมา

เสือเล็กโกรธแค้นพรหมบุญจนฟิวส์ขาด หนีออกจากห้องขังบุกเดี่ยวไปที่บ้านหลังใหญ่ของเขา เพียงเท่านี้แผนของสีหราชก็สำเร็จไปแล้วขั้นหนึ่ง!

แต่ก่อนที่เสือเล็กจะมาถึง หวานสวาทกำลังถูกพรหมบุญคาดคั้นเอาเรื่องหลังจากเข้ามาเห็นเธอในห้องนอนของเขา หญิงสาวมาเอาข้อมูลจากกล้องที่ซ่อนไว้ได้สำเร็จแต่ไม่ทันออกไป เจ้าของห้องเข้ามาเจอเสียก่อน

พรหมบุญเค้นคอหวานสวาทด้วยความระแวงเพราะเขาเพิ่งเอาเอกสารสำคัญมาเก็บไว้เมื่อไม่นานมานี้ ถามเธอว่าจะมาสืบความลับอะไร เธอเป็นสายของตำรวจใช่ไหม

“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ หวานสวาทแค่เข้ามาทำความสะอาดห้อง”

“โกหก นี่มันไม่ใช่หน้าที่ของเธอ คิดว่าจะหลอกฉันได้งั้นเหรอ”

พรหมบุญเหวี่ยงเธอลงบนเตียง หวานสวาทใจหายวาบเพราะซ่อนกล้องขนาดเล็กไว้ แต่โชคดีที่อีกฝ่ายไม่ทันสังเกต เธอรีบหาวิธีเบนความสนใจด้วยการลงจากเตียงเข้าไปกอดขาเขาไว้ อ้อนวอนราวกับนางทาสผู้จงรักภักดี แต่คราวนี้เกือบไม่รอด ถ้าอาเหมยไม่มายืนยันว่าตนเองเป็นคนอนุญาตให้หวานสวาทเข้ามาทำความสะอาด

อาเหมยยอมรับผิด พรหมบุญไม่ทันพูดอะไร ชะงักกับเสียงปืนที่ดังขึ้นหลายนัด พอรู้จากปลัดฉกาจที่วิ่งขึ้นมาบอกว่าเสือเล็กบุกมา พรหมบุญโกรธแทบกระอัก พรวดพราดออกจากห้องไป โดยมีปลัดฉกาจและอาเหมยก้าวตาม ส่วนหวานสวาทเดินรั้งท้ายแต่แล้ววกกลับเข้ามาหยิบกล้องเก็บไว้กับตัว

ooooooo
ที่มาไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น