วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร เพื่อนแพง ตอนที่ 12


เนื่องจากเจ้าคุณรัตน์กำลังมีปัญหากับมานพ โฉมฉายจึงไม่กล้าเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของเพื่อนกับมานพให้ท่านฟัง แค่เชิญไปร่วมงานเลี้ยงอำลาที่จะจัดขึ้นที่บ้านของเธอ พอดีเธอซื้อชาร์โตสำหรับพักผ่อนได้แล้ว จึงต้องเลื่อนการเดินทางให้เร็วขึ้นเพื่อไปจัดการธุระ เจ้าคุณรัตน์ใจหายไม่คิดว่าต้องจากกันเร็วอย่างนี้

“ดิฉันต้องกราบขออภัยจากใจจริงค่ะ ท่านเจ้าคุณเองก็มีเรื่องที่ต้องจัดการหลายอย่าง”

“มานพกำลังหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว ถ้าผมไม่จัดการให้เรียบร้อยก็เห็นทีจะกู่ไม่กลับ”

“เวลานี้ท่านเจ้าคุณอาจจะกำลังร้อนใจ เพราะความเป็นห่วงอยู่ เลยอาจทำให้คุยกันด้วยอารมณ์ ถ้าท่านเจ้าคุณไม่ว่าอะไร ดิฉันขออนุญาตเยี่ยมและคุยกับคุณมานพได้ไหมคะ”...

ในเวลาเดียวกัน แรมกับวิชิตมีปากเสียงกันอยู่ที่หน้าสมาคมนักเรียนนอก สาเหตุจากที่เขาขอให้เธอย้ายออกจากบ้านพักของเขาไปอยู่โรงแรมแทน เพราะเมียของเขาระแคะระคายว่าเขาซุกเธอเอาไว้ แรมไม่พอใจที่เขาทำเหมือนเป็นแค่นางบำเรอ วิชิตอ้างทำได้ดีที่สุด

แค่นี้ แล้วเดินหนีไปหน้าตาเฉย

แรมจะตามแต่เห็นเพื่อนยืนมองอยู่ก็ชะงัก แก้ตัวว่าไม่ได้มีปัญหากับวิชิต แค่ทะเลาะกันตามประสาคู่รัก เพื่อนไม่สนใจเรื่องของเธอ ตอนนี้ตนกำลังเดือดร้อนถูกบังคับให้กลับทุ่งบ้านสร้างและถูกสั่งห้ามไม่ให้ไปหามานพ แต่ตนต้องให้เขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตน แรมรับปากจะช่วย แต่เธอต้องไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้ของตน...

ขณะที่เพื่อนโล่งใจไปเปลาะหนึ่งที่แรมยอมช่วยเหลือ มานพตกใจที่โฉมฉายรู้เรื่องระหว่างเขากับเพื่อน เธอสัญญาจะไม่บอกเรื่องนี้ให้เจ้าคุณรัตน์ทราบด้วยไม่อยากเพิ่มปัญหาให้ท่าน และเธอสั่งห้ามเพื่อนมาพบเขาอีกเพื่อตัดปัญหาที่จะเกิดขึ้น มานพไม่พอใจที่เจอแต่คนคอยชี้นิ้วสั่ง คิดจะเอากะลาไปครอบคนอื่น

“ฉันคงไม่มีสิทธิ์มาสั่งอะไรคุณได้หรอกค่ะ แค่มาขอความกรุณา อย่าทำลายคนดีๆอย่างนายลอเพราะความสนุกชั่วครู่ของคุณ ทำตามที่คุณพ่อคุณสั่ง แต่งการแต่งงานไปซะ”

“คุณหมิ่นผมเกินไปแล้ว คุณมันก็แค่ม่ายเศรษฐีกินเงินมรดกผัวตาย หวังไล่ตะเพิดผมเพื่อจะจับพ่อผมทำผัวรายต่อไป” คำพูดไม่ให้เกียรติของมานพทำให้โฉมฉายโกรธมากด่ากลับว่าคนอย่างลอที่เขาเหยียดหยามว่าต่ำต้อยด้อยค่า จิตใจยังสูงกว่าเขาเสียอีก แล้วเดินจากไปทันที มานพไม่พอใจจะตามไปเอาเรื่อง แต่คนรับใช้เข้ามารายงานเสียก่อนว่าคนชื่อแรมฝากจดหมายมาให้

ครู่ต่อมา เจ้าคุณรัตน์ออกมาส่งโฉมฉายที่หน้าประตูรั้ว ขอโทษเธอด้วยที่ลูกชายของเขาทำให้ขุ่นเคือง เธอไม่ถือสาหาความอะไร จะตั้งตาคอยเจอท่านที่งานเลี้ยงอำลา ทั้งคู่ไม่ทันสังเกตเห็นมานพแอบมองอยู่

“คิดจะสุมหัวกีดกันฉันเหรอ ไม่ง่ายหรอกคุณพ่อ คุณนายโฉม”

ooooooo

ค่ำวันเดียวกัน เพื่อนเอาแต่นั่งจ้องดอกไม้ในแจกันบนโต๊ะในห้องพัก เจ็บใจตัวเองที่ไม่สามารถเป็นดอกไม้ในแจกันสวยๆของคฤหาสน์ได้ อีกไม่กี่วันเธอก็ต้องกลับทุ่งบ้านสร้าง แค้นใจมากปัดแจกันตกพื้น ลออยู่หน้าห้องพอดี ตกใจคิดว่าเกิดเรื่องไม่ดี เคาะประตูห้องถี่ยิบร้องเรียกหญิงคนรักด้วยความเป็นห่วง

อึดใจเพื่อนจึงมาเปิดประตูรับ ต่อว่าว่าส่งเสียงดังทำไมมืดค่ำแล้วเกรงใจคนอื่นบ้าง เขาได้ยินเสียงของแตกในห้อง มีอะไรหรือเปล่า เธอแค่เผลอทำแจกันตกแตก ถ้าเขาไม่มีธุระอะไร เธอจะเข้านอน

“เดี๋ยวก่อนแม่เพื่อน คือพี่...พี่จะมาถามว่าแม่เพื่อนจดหมายไปบอกอาพิศแล้วหรือยังว่าเราจะกลับทุ่งบ้านสร้างพร้อมเงินตั้งตัวที่น้าโฉมเตรียมให้”

“ยัง พี่ก็รู้ว่าฉันเขียนหนังสือไม่เก่ง ไปบอกให้อีแพงมันเขียนสิ มันเจ้ากี้เจ้าการนักนี่” เพื่อนพูดจบจะปิดประตูห้อง เขาพยายามยื้อจะคุยต่อ แต่เธอตัดบท ขอตัวไปนอนแล้วปิดประตูใส่หน้า ลอเดินคอตกมาถึงห้องโถง เห็นแพงยืนใจลอยอยู่ที่หน้าต่างห้องโดยมีเสียงเพลงคลาสสิกจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงเปิดคลอเบาๆ เขาหยุดมองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วขยับจะเดินต่อ แต่แพงหันมาเห็นเสียก่อน เขารีบออกตัว

“ข้าไม่ตั้งใจมากวนเวลาฟังเพลงของเอ็งหรอกอีแพง ข้าแค่ผ่านมา” พูดจบ ลอขยับจะไป เธอรั้งไว้

“เดี๋ยวจ้ะ พี่ลอไม่ได้กวนฉันหรอก น้าโฉมเขาสั่งให้ฉันหัดฟังเพลงพวกนี้ไว้เวลาไปอยู่เมืองนอกจะได้คุยกับฝรั่งรู้เรื่อง แต่ไอ้เพลงพวกนี้ฉันฟังแล้วไม่เห็นมันจะเพราะตรงไหน ฟังแล้วพานจะหลับ พี่ลอจ๊ะ ฉันขี้เกียจฟังเพลงที่น้าโฉมสั่งให้ฟังแล้วล่ะ ฉันอยากฟังเสียงขลุ่ยของพี่มากกว่า”

ลอไม่ได้เอาขลุ่ยมาจากทุ่งบ้านสร้าง ไม่รู้จะไปหาที่ไหนมาเป่าให้ฟัง เธอขอให้ปล่อยเป็นหน้าที่เธอเอง ครู่ต่อมา ลอมานั่งที่ศาลาในสวนเป่าขลุ่ยให้แพงฟัง เสียงขลุ่ยทำให้เธอคิดถึงทุ่งบ้านสร้าง อยากจะกลับไปกราบเท้าพ่อก่อนจะไปเมืองนอก แต่เกรงใจน้าโฉมเพราะเลื่อนตั๋วเรือเดินทางไม่ได้

ลออาสาจะเล่าทุกอย่างให้อาพิศฟังเอง แล้วขยับเข้าไปลูบหัวแพงอย่างเอ็นดู พลางขอโทษที่วันก่อนด่าเธอว่าแส่เรื่องไหนเรื่องนั้นเป็นต้องบรรลัย ตอนที่พูดเขากำลังเสียใจก็เลยไม่ระวังปาก ลอเห็นว่าดึกมากแล้ว จึงไล่ให้เธอไปนอน

แต่นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้พูดเรื่องสำคัญกับเธอเรียกให้อยู่ก่อน เขาแค่จะบอกว่าเวลาที่เธอไปเมืองนอก ถ้าเจอผู้ชายที่สันดานดีๆ ถึงจะเป็นฝรั่งมังค่า ถ้าเขาดีกับเธอ ตนก็อยากให้เธอตกลงปลงใจด้วย แพงรู้ทันว่าเขาพูดเรื่องนี้ก็เพราะกลัวเธอกลับจากเมืองนอกถ้ายังไม่มีผัวจะมาอยู่ขวางหูขวางตาพี่เพื่อน

“พี่ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันไปเมืองนอกหลายปี กลับมาฉันได้ผัวเป็นฝรั่งแน่ พี่ไปบอกพี่เพื่อนอย่างที่ฉันว่าได้เลย” แพงตัดพ้อจบกลับขึ้นตึกทั้งน้ำตา

ooooooo

ในที่สุดก็ถึงวันงานเลี้ยงอำลา ทุกคนในบ้านของโฉมฉายต่างง่วนอยู่กับการเตรียมงาน โดยมีจำปีคอยกำกับดูแลให้ทุกคนทำหน้าที่ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เพราะงานนี้ต้องจัดให้สมเกียรติคุณนายโฉมฉาย

เพื่อนลงมาจากห้องพักเห็นทุกคนขะมักเขม้นเตรียมงานเลี้ยงก็สีหน้าไม่สู้ดีนัก ค่อยๆหลบออกมาหน้าบ้านโดยไม่ให้ใครเห็น พร้อมกับพึมพำน้ำตาคลอเบ้า

“ป่านนี้แล้วยังไม่มีข่าวจากคุณมานพอีก หรือว่าคุณตั้งใจหลอกฉันจริงอย่างที่เขาว่า”

ระหว่างนั้น คนรับใช้คนหนึ่งนั่งสามล้อถีบเข้ามาพร้อมตะกร้าดอกไม้เต็มสองมือ จำปาออกมาช่วยขนดอกไม้เข้าข้างในไม่วายบ่นที่เธอชักช้า สาวใช้จ่ายเงินค่าสามล้อเสร็จวิ่งหน้าตั้งตามจำปาเข้าบ้าน เพื่อนเห็นปลอดคนร้องเรียกรถสามล้ออย่าเพิ่งไป แต่ยังไม่ทันจะก้าวขึ้นรถ แก้วเดินนำก้อนเข้ามาขวางไว้เสียก่อน ร้องทักจะออกไปไหนหรือ เธอแก้ตัวน้ำขุ่น ไม่ได้จะไปไหนสักหน่อย

แก้วโกรธที่เธอโกหกหน้าด้านๆ ทั้งที่ได้ยินเต็มสองหู ทำให้มีปากเสียงกัน ลอกลับเข้ามาพอดี ถามว่ามีอะไรกันหรือ แก้วจะฟ้องว่าเพื่อนกำลังจะหนีออกไปข้างนอก แต่ก้อนจับมือเป็นทำนองไม่ให้พูด

“ไม่มีอะไรหรอกไอ้ลอ แม่เพื่อนเขามาถามหาเอ็งกับพวกข้า”

“พี่ออกไปหาซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับไปให้อาพิศจ้ะ ได้เสื้อผ้าใหม่ๆไปให้แกเยอะเลย จะได้เอาไว้ใส่วันแต่งงานเรา แม่เพื่อนไปดูด้วยกันสิ พี่ไม่รู้จะเลือกชุดไหนดี” ลอว่าแล้วพาเพื่อนออกไป แก้วรอจนทั้งคู่ลับสายตาจึงหันมาเล่นงานก้อน ไม่น่ามาห้ามไว้ เห็นๆอยู่ว่าพี่เพื่อนคิดจะออกไปหาผู้ชายคนนั้น

“ก็แค่วันนี้แหละแม่แก้ว พรุ่งนี้แม่เพื่อนกลับบ้านสร้างไปแต่งงานกับไอ้ลอ เธอก็จะลืมคุณมานพเอง”...

ตกค่ำ แขกเริ่มทยอยมางานเลี้ยงอำลาของโฉมฉาย ด้วยความที่เธอเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม จึงมีผู้มาร่วมงานคับคั่ง เพื่อนในชุดสวยสวมเครื่องประดับชิ้นโต เรียกสายตาชื่นชมจากแขกในงานจนตัวเองอดปลื้มใจไม่ได้ แต่เธอต้องหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อได้ยินแขกกลุ่มหนึ่งพากัน

พูดถึงแพงว่าทั้งฉลาดทั้งหัวไว กิริยามารยาทก็งามสมแล้วที่โฉมฉายจะภูมิใจ พาไปร่ำเรียนต่อถึงเมืองนอกเมืองนา เธอทนฟังไม่ได้สะบัดหน้าเดินหนี ไม่ทันมองทางเกือบชนลอที่ถือถาดเครื่องดื่มเข้ามาบริการแขก

“พี่ลอ นี่พี่ทำอะไรของพี่ ทำไมไม่ไปแต่งตัวดีๆ”

ลอเห็นแขกเต็มบ้าน คนช่วยงานไม่ค่อยจะมีก็เลยช่วยหยิบนั่นจับนี่ให้แขก เพื่อนไม่พอใจ เขาไม่ใช่คนรับใช้แต่เป็นถึงหลานเขยของเจ้าภาพทำแบบนี้ไม่อายคนอื่นบ้างหรือ ลอไม่อาย ในเมื่อมาอาศัยท่านอยู่ และคนช่วยงานขาดแคลนจะให้เขาดูดายได้อย่างไร ระหว่างนั้น แขกในงานหันมากวักมือเรียกลอ

“ไปเดี๋ยวนี้แหละจ้ะ...แม่เพื่อนไม่ต้องกลัวคนอื่นเขามองพี่ไม่ดีหรอกจ้ะ พรุ่งนี้เราก็กลับทุ่งบ้านสร้างแล้ว คนพวกนี้จะไม่ได้เห็นหน้าเราอีก และเราก็จะไม่กลับมาเหยียบพระนครอีกตลอดชีวิต”

คำพูดของลอทำเอาเพื่อนถึงกับหน้าเสีย เพราะนั่นหมายความว่าชีวิตของเธอที่เหลือจะต้องจบลงที่ทุ่งบ้านสร้าง แต่แล้วเธอเหลือบเห็นเจ้าคุณรัตน์เข้ามาในงาน สีหน้าเปลี่ยนเป็นตื่นเต้น ปรี่เข้าไปไหว้ทักทาย แล้วถามถึงมานพไม่มาด้วยหรือ พอรู้ว่ามาไม่ได้ พยายามจะซักเหตุผล เจ้าคุณรัตน์ยังไม่ทันจะตอบอะไร โฉมฉายเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน พร้อมกับมองเพื่อนด้วยสายตาตำหนิ

“คุณมานพคงจะติดธุระมาไม่ได้น่ะจ้ะแม่เพื่อน เห็นว่าอีกไม่นานคุณมานพจะมีข่าวดี ท่านเจ้าคุณกำลังจะให้คุณมานพแต่งงานกับลูกสาวสหายของท่านเจ้าคุณจ้ะ”

เพื่อนหน้าซีด ละล่ำละลักถามว่าเมื่อไหร่ เจ้าคุณรัตน์คาดว่าอาจจะพร้อมๆกับที่เธอกลับไปแต่งงานกับลอที่ทุ่งบ้านสร้าง เพื่อนถึงกับเข่าอ่อนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ โฉมฉายรู้ทันรีบเข้าไปพยุง

“งานเลี้ยงที่ต้องเจอคนเยอะๆแบบนี้แม่เพื่อนอาจจะยังไม่ค่อยชิน มาเถอะจ้ะ เดี๋ยวน้าพาไปนั่งพัก ขอตัวสักครู่นะคะท่าน” โฉมฉายพาเพื่อนไปยังมุมปลอดคน แดกดันว่าแค่รู้ว่ามานพกำลังจะมีคู่ครองถึงกับหน้าถอดสีเลยหรือ อย่าเรียกการกระทำของท่านว่าใจร้าย แต่ท่านอยากเห็นเธอตื่นจากความฝันมาพบกับความจริงด้วยตัวเอง ลออาจจะให้ไม่ได้ในหลายเรื่องที่เธอต้องการ

“แต่อย่างเดียวที่สำคัญที่สุดสำหรับการครองเรือนก็คือความรักอย่างซื่อๆที่นายลอสาบานไว้กับแม่เพื่อน นายลอจะทำให้แม่เพื่อนมีความสุขอย่างที่ผู้หญิงคนไหนก็ต้องอิจฉา เชื่อน้าเถอะจ้ะ”

ในขณะที่เพื่อนกำลังอึ้งพูดอะไรไม่ออก จำปาเข้ามารายงานโฉมฉายว่า แพงพร้อมจะลงมาแล้ว ท่านขอบใจเธอมาก แล้วจูงมือเพื่อนที่จิตใจห่อเหี่ยวกลับไปที่ห้องจัดงาน

ooooooo

เสียงเครื่องสายดังกระหึ่มขึ้นเพื่อเป็นการเปิดตัวหลานสาวของเจ้าภาพที่ทุกคนรอคอยโฉมฉายพาเพื่อนมารอที่เชิงบันได เงยหน้ามองแพงซึ่งอยู่ในชุดงามสง่าเดินลงมาช้าๆท่ามกลางสายตาทุกคู่ที่มองอย่างชื่นชม โดยเฉพาะแก้วถึงกับน้ำตาร่วงปลาบปลื้มที่แพงมีวันนี้ได้ ก้อนเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน

“พี่ก็ดีใจ ในที่สุดอีแพงมันก็ไม่ใช่อีแพง อีกะโหลกกะลาจากทุ่งบ้านสร้างอีก”

นอกจากก้อนและแก้วแล้ว ยังมีลออีกคนหนึ่งที่ดีใจน้ำตาซึม พอแพงลงมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย โฉมฉายก้าวไปยืนเคียงคู่ แนะนำให้แขกผู้มีเกียรติทั้งไทยและเทศได้รู้จักกับหลานสาวคนเก่งของตัวเอง

“ที่ต้องจากพระนครไปพร้อมกับดิฉันในวันพรุ่งนี้... แม่แพงค่ะ”

เสียงตบมือต้อนรับดังกึกก้อง แพงที่เรียนรู้มารยาทมาอย่างดี ยกมือไหว้อ่อนช้อยและถอนสายบัวตามธรรมเนียมฝรั่ง เรียกเสียงตบมือยิ่งดังมากขึ้น แขกหลายคนอยากเข้าไปยลโฉมเธอใกล้ๆดันเพื่อนเซจะล้มแต่ไม่มีใครขอโทษสักคำ เธอรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน ขณะที่น้องสาวกลายเป็นดาวเด่น ทนดูไม่ไหวถอยออกมาโดยไม่มีใครสนใจแม้แต่น้อย แล้วหนีไปที่ศาลาในสวนทรุดลงกองกับพื้นร้องไห้ด้วยความคับแค้นใจ

มานพในชุดสูทหล่อเหลาเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ใครทำให้เธอร้องไห้ ก่อนจะช่วยประคองให้ลุกขึ้น เธอปัดมือเขาออก ต่อว่าว่ายังจะมีหน้ามาพบตนอีกหรือ แล้วทุบอกเขาด้วยความน้อยใจ ไล่ตะเพิดไปไกลๆ จะไป แต่งงานกับผู้หญิงที่เหมาะสมกับเขาก็เชิญได้เลยไม่ต้องมายุ่งกับตน มานพกระชากแขนเธอไว้

“หยุดคร่ำครวญฟูมฟายแล้วฟังผมให้ดี คุณอยากไล่ผมให้ไปพ้นหน้า แสดงว่าคุณอยากจะกลับไปแต่งงานกับนายลออย่างเต็มใจแล้วใช่ไหม ถ้าคุณเต็มใจอย่างนั้นแล้ว ก็คงไร้ประโยชน์ที่ผมต้องฝืนคำสั่งคุณพ่อเพื่อมาพบคุณ”...

อีกมุมหนึ่งภายในงานเลี้ยง ระหว่างที่แก้วกับก้อนกำลังชื่นชมที่เห็นแพงได้ดีมีแต่คนห้อมล้อม ลอเข้ามา ถามหาเพื่อน ก้อนเห็นเธออยู่แถวนี้เมื่อครู่ที่ผ่านมา ตอนนี้หายไปไหนแล้วไม่รู้

“คงหลบไปทำใจอยู่ที่ไหนมั้งจ๊ะพี่ลอ พี่เพื่อนเขาเคยสวยถึงขนาดได้เป็นเทพีแห่นางแมว พอคืนนี้มาเจออีแพงสวยเด่นกว่าเข้าให้ ก็คงต้องมีน้อยใจบ้างแหละ”

ก้อนต้องสะกิดเตือนหญิงคนรัก แล้วหันไปบอกให้ลอลองไปดูที่สวน น่าจะอยู่ที่นั่น...

ด้านมานพแก้ตัวกับเพื่อนว่าไม่ได้ลืมสัญญาที่ให้ไว้ เรื่องการแต่งงานเป็นเพราะพ่อของเขาเจ้ากี้เจ้าการหาผู้หญิงมาให้เขาเอง แม้จะได้รับข้อความที่เธอฝากให้แรมส่งถึงเขาหลายวันแล้ว แต่เขาติดปัญหากับพ่อ เลยทำให้ไม่สามารถหาทางมาพบเธอได้

“คุณกล้าพูดว่าคุณไม่ลืม แต่คุณทำอะไรบ้างล่ะคะ ถ้าแค่มาเพื่อพูดอย่างเดียว ก็คงช่วยหยุดให้ฉันต้องกลับไปแต่งงานกับพี่ลอไม่ได้หรอก”

“ผมไม่ได้มาแค่เพื่อพูดกับคุณอย่างเดียว แต่ผมมาเพื่อจะทำคนที่พยายามกีดกันเรา ทั้งคุณพ่อและคุณนายโฉมฉายรู้ตัวกันสักทีว่า พวกเขาจะมาชี้นิ้วสั่งผมไม่ได้” มานพว่าแล้วดึงมือเพื่อนจะพาเข้าในงาน ลอเห็นศัตรูคู่แค้นอยู่ไกลๆจะเข้าไปเอาเรื่อง อารามรีบร้อนไม่ทันมองทางชนเข้ากับคู่สามีภรรยานักการทูตต่างชาติ ทำให้ตามคนรักไม่ทัน

ooooooo

มานพจูงมือเพื่อนเข้ามากลางงานเลี้ยง ด้วยความที่ต้องการเอาชนะลอ จึงกล่าวต่อหน้าแขกเหรื่อว่าหลังได้รับคำอนุญาตจากเจ้าคุณรัตน์พ่อของเขาและโฉมฉายเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา เขาไม่สามารถจะเก็บความปลื้มปีติเอาไว้ได้ จึงอยากจะประกาศข่าวดีนี้ให้ทุกท่านที่อยู่ในงานได้ร่วมแสดงความยินดีด้วยกัน

ทุกคนสนใจคำกล่าวของมานพ ค่อยๆล้อมวงเข้ามาฟัง แพงสังหรณ์ใจจะเกิดเรื่องไม่ดี ยิ่งเห็นลอเดินหน้าตาเอาเรื่องเข้ามาก็ยิ่งเป็นห่วง เข้าไปเตือนอย่าทำอะไรวู่วาม

“ไอ้มานพ มันโผล่มาทำไม น้าโฉมเชิญมันมาเหรอ”

“เปล่าจ้ะ ไม่มีใครเชิญ เขามาของเขาเอง” ขาดคำ มานพประกาศลั่น

“ข่าวดีของผมในคืนนี้ก็คือ ผมกับคุณเพื่อนหลานสาวคนสวยของน้าโฉมได้รับอนุญาตให้แต่งงานกัน ผมและคุณเพื่อนรู้สึกปีติยินดีและต้องกราบขอบพระคุณคุณน้าโฉมและคุณพ่อที่เห็นดีเห็นงามกับความรักของเราด้วยครับ”

มานพพูดจบยกมือไหว้ทั้งคู่ เพื่อนยืนอึ้งไปอึดใจ ก่อนจะรีบไหว้ตาม เสียงตบมือดังสนั่นร่วมยินดีไปกับทั้งคู่ ขณะที่โฉมฉายและเจ้าคุณรัตน์ที่ถูกมานพแอบอ้างถึงกับตะลึงพูดไม่ออก

ลอเหมือนถูกกระชากหัวใจออกจากร่าง ตะโกนสุดเสียงว่าไม่จริง แล้วฝ่าวงล้อมของแขกเหรื่อจะเข้าไปหาหญิงคนรัก แต่แขกยืนกันแน่นทำให้ลอคลั่งผลักคนที่ขวางทางล้มลงจนเกิดจลาจลย่อยๆขึ้น แพงพยายามรั้งเอาไว้แต่เขาเหมือนถูกวิญญาณวัวคลั่งเข้าสิงจะตะลุยเข้าไปให้ได้ โฉมฉายเห็นท่าไม่ดีรีบสั่งการ

“จำปูนกับนายก้อนช่วยกันพานายลอออกไปก่อน เดี๋ยวจะอาละวาดไปกันใหญ่ ทางนี้น้าจัดการเอง” โฉมฉายรอจนทั้งคู่ลากตัวลอออกจากงานเรียบร้อย หันไปประกาศ กับทุกคน “ต้องขออภัยทุกท่านด้วยนะคะ งานเลี้ยงคืนนี้จบแล้ว ขออภัยค่ะ” ประกาศเสร็จ โฉมฉายลากแขนเพื่อนออกไปด้านหลัง มานพมองพ่อตัวเองด้วยสายตาร้ายกาจก่อนจะตามสองน้าหลานโดยมีเจ้าคุณรัตน์ตามไปอีกทอดหนึ่ง...

ทั้งแพง ก้อน แก้วและจำปูนพยายามกล่อมให้ลอใจเย็นๆ ขืนไปทำร้ายมานพเท่ากับตกหลุมพรางที่เขาขุดไว้ นั่นอาจทำให้ลออาจต้องเข้าตะราง สุดท้ายก็ต้องเสีย หญิงคนรักให้เขา

“ปล่อยให้น้าโฉมกับท่านเจ้าคุณจัดการเถอะ นะจ๊ะ ไม่มีใครแย่งพี่เพื่อนไปจากพี่ลอได้หรอกเชื่อฉัน”

ป่วยการจะเกลี้ยกล่อม ลอไม่ฟังอะไรทั้งนั้น หันไปคว้ามีดพร้าที่เหน็บเสา ยืนยันจะจัดการมานพให้ได้ และห้ามใครตามมาเด็ดขาด...

ทางฝ่ายเจ้าคุณรัตน์โกรธมากที่รู้ว่าลูกชายคิดจะแย่งผู้หญิงที่มีคู่หมั้นแล้ว ยืนกรานจะขัดขวาง กลับถูกเขาขู่ไม่ให้ท่านมาจุ้นจ้านกับชีวิตของเขา ท่านประกาศลั่นหากเขาอวดดีคิดว่าท่านสั่งอะไรเขาไม่ได้ ก็ให้ออกไปจากบ้านของท่าน ไม่ต้องมาใช้สกุลเดียวกันอีกต่อไป และจะไม่ให้เงินเขาแม้แต่สตางค์แดงเดียว

มานพเตือนพ่อคิดให้ดีๆก่อน หากเขากระซิบ บอกผู้ใหญ่ที่ทรงอิทธิพลว่าท่านมีส่วนสนับสนุนพวกกบฏ ทรัพย์สินทั้งหมดของท่านจะต้องถูกยึด รวมทั้งยศด้วย

“ส่วนคุณนาย ถ้าไม่อยากโดนข้อหาสมรู้ร่วมคิด ก็รีบไสหัวไปให้พ้น แล้วจำเอาไว้คนไม่มีการศึกษาอย่างคุณนายอย่ามาชี้นิ้วสั่งผมอีก” มานพขู่เสร็จจูงมือเพื่อนออกไป เจ้าคุณรัตน์ถึงกับเข่าอ่อน ไม่คาดคิดว่าลูกชายจะร้ายกาจเพียงนี้ โฉมฉายต้องรีบเข้าไปประคองด้วยความเป็นห่วง...

ลอตามมาขวางมานพกับเพื่อนไว้ สั่งให้ปล่อยคนรักของตน เขาไม่ยอมปล่อย ในเมื่อเพื่อนเลือกเขาแล้ว ลอควรจะเป็นสุภาพบุรุษหลีกทางให้เราสองคน ลอโกรธที่เขากล้าพูดคำว่าสุภาพบุรุษทั้งที่ตัวเองเป็นแค่ไอ้หน้าตัวเมีย แล้วปักพร้ากับดินใกล้ๆพุ่งเข้าชกต่อย

สองคนต่อสู้กันอย่างดุเดือดท่ามกลางฟ้าแลบแปลบปลาบ มานพสู้ลอไม่ได้ถูกอัดล้มคว่ำ ลอคว้าพร้า จะฟันซ้ำ แต่เพื่อนเอาตัวกันไว้ พนมมือไหว้ขอร้องอย่าทำร้ายคุณมานพ เขาถึงกับชะงัก

“แม่เพื่อน...แม่เพื่อนจำไม่ได้แล้วเหรอว่าแม่เพื่อนสาบานกับพี่ไว้ว่าอะไร”

“ฉัน...ฉันจำได้จ้ะ แต่ว่านั่นเป็นคำสาบานของพี่ ไม่ใช่ของเรา ปล่อยให้ฉันไปตามทางของฉันเถอะนะจ๊ะพี่ลอ บุญกรรมที่เราเคยทำเอาไว้มันได้หมดลงแล้วในวันนี้ อโหสิให้ฉันด้วยนะพี่ลอ” เพื่อนก้มกราบแทบเท้าลอที่ทรุดฮวบลงกับพื้นด้วยหัวใจสลาย สายฝนที่โปรยปรายลงมาเหมือนจะร่วมร้องไห้ไปกับเขาด้วย มานพประคองเพื่อนเดินจากไป ลอพยายามอ้อนวอนให้เธอกลับมาแต่ไร้ผล ครั้นจะลุกตามก้อนเข้ามาห้ามไว้

“ไอ้ลอ ปล่อยนังเพื่อนมันไปเถอะ เอ็งรั้งมันไว้ไม่ได้อีกแล้ว”

แพงเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าลอ ฝากแก้วกับก้อนช่วยดูแลเขาด้วย แล้ววิ่งตามพี่สาวทันที่หน้าประตูรั้ว ทั้งอ้อนวอนทั้งขู่ไม่ให้เธอทิ้งพี่ลอ แต่สุดท้ายก็รั้งเธอไว้ไม่ได้ แพงประกาศแข่งกับเสียงฝนที่เทกระหน่ำ

“อีเพื่อน กูเกลียดมึง นับตั้งแต่วันนี้มึงกับกูสิ้นความเป็นพี่น้องกัน”

ครู่ต่อมา แพงกลับมาหาลอซึ่งยังนั่งตากฝนในท่าเดิมไม่ขยับไปไหน ก้อนกับแก้วพยายามกล่อมให้เข้าบ้านแล้วแต่ไม่สำเร็จ ฉุดให้ลุกขึ้น เขาก็ขืนตัวไว้ แพงช่วยขอร้องให้เข้าบ้านอีกแรง ลอก็นั่งนิ่งไม่รู้สึกรู้สม เธอโผกอดเอวเขาร้องไห้

“งั้นฉันก็จะอยู่กับพี่ตรงนี้ อีแพงจะไม่ทิ้งพี่ลอไปไหนเด็ดขาด”

ooooooo

ภายในห้องพักของโรงแรมหรูหรา ระหว่างที่เพื่อนซึ่งอยู่ในชุดเสื้อคลุมของโรงแรมกำลังนั่งเช็ดผมอยู่

แรมเอาเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้และแจ้งว่ามานพยังมาหา เธอไม่ได้ คุยธุระสำคัญอยู่กับวิชิตในห้องโถงข้างล่าง

“ฉันต้องยินดีกับหล่อนด้วยนะนังเพื่อน ในที่สุดความฝันของหล่อนก็เป็นจริง สลัดคราบกลิ่นโคลนสาปควายมาเป็นสาวงามพระนครจนได้”

“ขอบใจ แต่ฉันยังไม่รับความยินดีจากพี่ตอนนี้หรอกเพราะที่ฉันกับคุณมานพต้องมาพักอยู่ในโรงแรมชั่วคราวก็เพื่อรอให้ปัญหาของเขากับท่านเจ้าคุณทุเลาลง แล้วหลังจากนั้นฉันถึงจะแต่งงานกับเขาให้เป็นทางการ” เพื่อนยิ้มมีความสุขให้กับอนาคตที่สดใสของตัวเอง แรมหมั่นไส้ แต่ก็ยังฉีกยิ้มให้แล้วเตือนว่าอย่าลืมสัญญาที่เคยให้ไว้ เธอมีวันนี้ได้ก็เพราะตน...

ที่ห้องโถงของโรงแรม มานพถึงกับร้องเอะอะเมื่อรู้จากวิชิตว่าจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นในพระนคร เขาต้องปรามให้เบาเสียงลงหน่อยเดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าจะยุ่ง และยังบอกด้วยว่าโสภีฝากให้เขามาเตือนมานพ ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปให้อยู่แต่ในที่ปลอดภัยเอาไว้ แล้วขอตัวกลับก่อน มีอะไรจะติดต่อมาหา

“เดี๋ยวสิ ฉันนึกว่าแกจะพักในโรงแรมนี้กับคุณแรมซะอีก”

“ไม่ได้ว่ะ ต้องกลับบ้านพ่อตาเพราะเรื่องที่ฉันมีเมียน้อยเริ่มทำให้เมียฉันอาละวาดแล้ว ไม่เหมือนแกนี่หว่า ในที่สุดก็คว้าดอกไม้งามมาครอบครองจนได้ หวังว่าคงจะชื่นใจให้สมกับที่ลงทุนไปเยอะนะสหาย”

ooooooo

แพงนั่งตากฝนอยู่กับลอทั้งคืนจนหมดสติเพราะทนความหนาวไม่ไหว เขาต้องอุ้มเธอขึ้นมาส่งที่ห้องพัก แล้วฝากให้แก้วดูแลต่อ ไม่นานนักแพงก็รู้สึกตัวทันทีที่ลืมตาขึ้นมาก็ถามหาพี่ลออยู่ไหน...

คนที่แพงถามถึงกำลังจะออกไปตามหาเพื่อน โดยมีก้อนคอยขวางไว้ พร้อมกับขอร้องให้ล้มเลิกความตั้งใจ เธอทำกับเขาขนาดนี้แล้วยังไม่เชื่ออีกหรือว่าเธอสิ้นรักเขาแล้ว

“กลับบ้านเราเถอะไอ้ลอ ข้าขอร้องเอ็ง อย่าให้พระนครมันทำลายเอ็งไปมากกว่านี้เลย”

แพงตามมาช่วยขอร้องอีกแรงหนึ่ง ถึงพี่ลอจะตามพี่เพื่อนเจอ เธอก็ไม่ใช่คนเดิมที่พวกเราเคยรู้จักอีกแล้ว แก้วชวนเขากลับทุ่งบ้านสร้างพร้อมกับพวกตน เพราะถ้าเขาไม่กลับ วันนี้แพงก็คงไม่ยอมขึ้นเรือไปกับน้าโฉมแน่ เขาอยากเห็นเธอเอาอนาคตมาทิ้งไว้เพราะเป็นห่วงเขาหรือ ลอสีหน้าครุ่นคิดคล้อยตาม...

อีกมุมหนึ่งในห้องโถง ขณะเจ้าคุณรัตน์กำลังเตือนโฉมฉายว่าจะมีเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้นในพระนคร เนื่องจากความไม่ลงรอยทางการเมือง จำปูนวิ่งหน้าตื่นเข้ามารายงาน มีข่าวมาจากในพระนครว่าเมื่อสักครู่นี้เอง มีคนเห็นเครื่องบินนำใบปลิวมาโปรยไปทั่ว ในนั้นมีข้อความว่าทหารจากหัวเมืองยึดดอนเมืองไว้ได้แล้ว

“ทั้งสองฝ่ายความคิดเห็นขัดแย้งกันรุนแรงขนาดนี้ สถานการณ์คงต้องเกินควบคุมแน่ คุณโฉมมีตั๋วเรือเดินทางอยู่แล้ว ก็ควรจะรีบเดินทางออกไปเพื่อความปลอดภัย”

จากนั้นเจ้าคุณรัตน์ชวนโฉมฉายไปหาแพงที่กำลังกล่อมให้ลอกลับทุ่งบ้านสร้าง เล่าถึงสถานการณ์เลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นในพระนครให้ฟัง และเร่งให้ลอ ก้อน และแก้วรีบเดินทางทันที โดยจะให้จำปูนพาลอกับพวกไปส่งที่สถานีรถไฟ ส่วนท่านจะพาโฉมฉายกับแพงไปส่งที่ท่าเรือเอง ลออดเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้ ถ้าที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้วเธอจะอยู่ได้อย่างไร

“นายลอ น้าว่าถึงเวลาที่นายลอต้องตัดใจได้แล้ว ในเมื่อแม่เพื่อนเลือกแล้ว เขาก็ต้องเอาตัวรอดของเขาได้ ไปซะเถอะ กลับไปช่วยน้าดูแลพี่พิศ บอกพี่พิศว่าน้าจะเลี้ยงดูแม่แพงอย่างดี นะนายลอ...จำปูนพาทุกคนไปส่ง ส่วนจำปีกับจำปาก็พากันกลับไปอยู่บ้านเดิมให้หมด” สิ้นเสียงโฉมฉาย ทุกคนแยกย้ายกันไปเตรียมตัวเดินทาง แพงอดใจหายไม่ได้ เมื่อถึงเวลาที่ต้องจากลาพี่ลอของตัวเอง...

ไม่นานนัก โฉมฉายพาแพงพร้อมด้วยกระเป๋า เดินทางมายังรถของเจ้าคุณรัตน์ที่จอดรออยู่ หญิงสาวลังเลมองไปในตัวบ้านตาละห้อย เป็นจังหวะเดียวกับลอ ก้อนและแก้วหิ้วสัมภาระเตรียมเดินทางกลับเช่นกัน แก้วขออนุญาตโฉมฉายบอกลาแพงเป็นการส่วนตัวสักครู่ แล้วพาแยกมาอีกมุมหนึ่ง

“อีแพง เอ็งต้องฟังข้าให้ดี ถ้าเอ็งขึ้นรถไปแล้ว ห้ามหันกลับมาเด็ดขาด ไอ้สิ่งที่ข้าเห็นเอ็งห่วงพี่ลอเมื่อคืนนี้ ข้ากลัวว่ะอีแพง เอ็งจำคำสัญญาที่เอ็งให้ไว้กับข้าได้ใช่ไหม ถ้าเอ็งผิดคำสัญญาก็อย่ามาเรียกข้าว่าสหายอีก อนาคตของเอ็งน่ะโว้ยอีแพง ถ้าไปได้ดีแล้วก็ไม่ต้องกลับมาให้คนเขาเกลียดเอ็งอีก ไม่ต้องห่วงพี่ลอ เดี๋ยวสักวันเขาก็ลืม พ่อเอ็งด้วย พวกข้าจะช่วยดูแลเอง จำไว้อย่าหันกลับมา ไปได้แล้ว”

แก้วดึงแพงมากอดไว้แน่น ก่อนจะพากลับมาที่รถ แพงน้ำตาไหลอาบแก้มเหลียวมองแก้วกับพี่ลอด้วยความอาลัยอาวรณ์แล้วก้าวขึ้นรถ ลอยืนส่งเธอจนรถแล่นลับสายตาโดยที่เธอไม่หันกลับมามองอีกเลย...

ระหว่างทางไปท่าเรือ มีเหตุวุ่นวายเกิดขึ้นตามท้องถนนเป็นระยะๆ โฉมฉายเป็นห่วงเจ้าคุณรัตน์จะอยู่พระนครได้อย่างไร ท่านเองก็ไม่คิดจะอยู่ที่นี่เช่นกัน ส่งเธอกับแพงแล้ว ท่านจะเดินทางไปเพชรบุรี ขณะที่ทั้งคู่คุยกันแพงเอาแต่นึกถึงเหตุการณ์กลางสายฝนเมื่อคืนที่รับปากว่าจะไม่ทิ้งพี่ลอไปไหนเด็ดขาด

คิดได้ดังนั้น หญิงสาวขอร้องให้เจ้าคุณรัตน์จอดรถเพื่อกลับไปหาพี่ลอ โฉมฉายพยายามรั้งเธอไว้แต่ไม่เป็นผล เธอจะกลับไปให้ได้ เสียงเครื่องบินลาดตระเวนดังใกล้เข้ามา เจ้าคุณรัตน์เตือนว่าอยู่ในที่โล่งแบบนี้จะไม่ปลอดภัย แพงขอร้องให้น้าสาวรีบไปไม่ต้องเป็นห่วงตน

“วิญญาณของแม่คงรับรู้แล้วว่าน้าโฉมพยายามช่วยเหลือแพงอย่างเต็มที่แล้ว แต่แพงโง่เองที่ไม่รับความกรุณา น้าโฉมไม่มีอะไรติดค้างแม่อีกแล้ว”

โฉมฉายจำเป็นต้องตัดใจปล่อยแพงไปด้วยน้ำตานองหน้า...

ทางฝ่ายเพื่อนมองจากหน้าต่างห้องพักเห็นรถทหารหลายคันแล่นผ่านหน้าโรงแรม ชักใจไม่ดี ถามมานพเสียงสั่นว่าอยู่ที่นี่เราจะปลอดภัยไหม เขาปลอบว่าไม่ต้องเป็นกังวล โรงแรมแห่งนี้เป็นของต่างชาติ ไม่มีใครกล้าเข้ามาทำให้สถานการณ์แย่ลงแน่นอน แล้วดึงเธอมากอด พรมจูบไปทั่วตัวอย่างหื่นกระหาย

เธอตกใจที่เขารุกหนัก ดันตัวออกห่าง ขอร้องว่าไม่ใช่ตอนนี้ ในเมื่อปัญหาของเขากับพ่อของเขายังไม่สะสาง เธออยากให้เราสองคนแต่งงานกันก่อน ไม่อยากให้พ่อของเขารังเกียจเธอมากไปกว่านี้

“ไม่เห็นต้องไปสนใจคุณพ่อเลย ตอนนี้ผมจะทำอะไรเขาก็ยุ่งไม่ได้ทั้งนั้น”

เพื่อนยืนกรานจะให้เขาสะสางปัญหากับพ่อของเขาก่อน มานพไม่พอใจ เดินออกจากห้องไปเลย

ooooooo

เช้าวันใหม่อันแสนสดใสของทุ่งบ้านสร้าง หลังจากฝึกตีระนาดด้วยความตั้งใจมั่นจะสานต่อวงปีพาทย์ของพ่อ กอปรกับผู้ใหญ่ผาดช่วยพูดเตือนสติครูแสงว่าควรจะสนับสนุนและให้กำลังใจลูกกตัญญูคนนี้ ส่วนลูกไม่รักดีทำร้ายได้แม้แต่พ่อของตัวเอง ก็ควรจะตัดหางปล่อยวัด

ในที่สุดครูแสงก็ยอมรับในตัวลูกชาย และสัญญาจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วดึงลูกมากอด เรืองดีใจน้ำตาไหลพราก พลอยทำให้นักดนตรีคนอื่นที่กลับมาร่วมวงปี่พาทย์น้ำตาซึมไปด้วย...

ในเวลาเดียวกัน ด้วงนั่งมองไอ้เปลี่ยวที่แช่ตัวอยู่ในปลักอย่างสบายอารมณ์ เกิดอิจฉาควายขึ้นมา แกล้งไล่มันขึ้นจากปลัก ไอ้เปลี่ยวไม่พอใจหายใจฟืดฟาดใส่ ก่อนจะวิ่งไล่ขวิด ด้วงวิ่งหนีไม่คิดชีวิต

ก้อน แก้วและลอกำลังเดินมาตามคันนาในทุ่งบ้านสร้าง ได้ยินเสียงด้วงตะโกนโหวกเหวกขอความช่วยเหลือ พร้อมกับวิ่งเข้ามาหา ร้องถามว่าหนีอะไรมา เขามัวดีใจที่เห็นทั้งสามคนกลับมาลืมไปเลยว่ากำลังวิ่งหนีไอ้เปลี่ยว นึกขึ้นได้หันไปมองด้านหลัง แต่มันหายไปแล้ว ก้อนถามซ้ำ ตกลงเขาหนีอะไรกันแน่

“หนีไอ้เปลี่ยวน่ะสิวะ ข้าพูดจาไม่เข้าหูมันหน่อยก็ไล่ขวิดข้าจะเอาตาย อุตส่าห์เลี้ยงมันมาเป็นเดือนๆ”

“ไอ้ด้วง เอ็งปล่อยให้ไอ้เปลี่ยวหายไปแบบนี้ เดี๋ยวมันก็ไล่ขวิดคนอื่นให้เดือดร้อนหรอก” ลอว่าแล้วรีบออกตามหาควายคู่ใจ กระทั่งมาถึงคุ้งต้นไทร ควายแสนรู้ได้ยินเสียงเจ้าของร้องเรียก เดินออกมาจากหลังต้นไทร ลอเข้าไปลูบหัวลูบหูด้วยความคิดถึง เหลือบมองไปที่ใต้ต้นไทรแล้วอดนึกถึงตอนที่พาเพื่อนมาสาบานรักไม่ได้ ถึงกับน้ำตาซึม แล้วหันมาพูดกับไอ้เปลี่ยว

“แม่เพื่อนเขาว่าข้าสาบานแต่ผู้เดียว เขาไม่ได้ร่วมสาบานกับข้าด้วย ข้าขอโทษนะไอ้เปลี่ยวที่ข้าพาแม่เพื่อนกลับมาหาเอ็งด้วยไม่ได้” จังหวะนั้นก้อนกับด้วงตามมาสมทบ เห็นลออยู่กับไอ้เปลี่ยว ด้วงถึงกับถอนใจโล่งอก หากหามันไม่เจอ ไม่รู้จะกลับไปบอกอาพิศอย่างไร ลอสงสัยทำไมอาพิศต้องให้ด้วงเอาไอ้เปลี่ยวมาเลี้ยงด้วย หรือเขาเป็นอะไร ด้วงได้แต่นิ่งอึ้งสีหน้าไม่สู้ดีนัก ยิ่งทำให้ลอเป็นกังวล...

ระหว่างที่ก้อนกับแก้วกำลังจะเอายาที่ช่วยกันต้มจะขึ้นไปให้พิศที่นอนซมอยู่บนบ้าน แพงซึ่งแอบมองอยู่รีบหลบหลังต้นไม้กลัวแก้วจะเห็น เธอเห็นทางหางตาแวบๆ แต่ไม่แน่ใจ จ้องมองด้วยความสงสัย ก้อนทักว่ามีอะไรหรือ เธอคิดว่าตัวเองตาฝาดไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรอีก

ลอต่อว่าด้วงว่าทำไมถึงปล่อยให้อาพิศนอนป่วยอยู่อย่างนี้โดยไม่ส่งข่าวไปบอก เขาอยากจะทำแบบนั้นแทบแย่ แต่อาพิศสั่งห้ามเด็ดขาด เพราะไม่อยากให้ลูกหลานเป็นห่วงและยังห้ามเขาบอกทุกคนอีกด้วย

“ข้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไรจ้ะพี่ลอ บางวันอาแกก็ไข้ขึ้น บางวันก็ไม่แตะข้าวสักเม็ด ข้าก็ได้แต่ช่วยหายาหม้อมาบรรเทาเท่าที่จะช่วยได้ เอ่อ แล้วแม่เพื่อนล่ะ ทำไมไม่กลับมาด้วยกัน”

“แม่เพื่อนเขาติดธุระต้องช่วยงานคุณนายอยู่ในพระนคร ยังไม่กลับมาตอนนี้หรอก” ลอจำเป็นต้องโกหก ด้วงอดเป็นห่วงไม่ได้ เห็นว่าที่พระนครกำลังวุ่นวายไม่ใช่หรือ ก้อนรีบตัดบท ไม่ต้องถามเซ้าซี้

“หมดธุระของเอ็งแล้วไอ้ด้วง ไป...ข้าอยากกลับบ้านข้าแล้ว ให้ไอ้ลอมันอยู่ดูแลอาพิศเถอะ ไปๆๆ”

ooooooo

แพงซึ่งหลบอยู่ใต้ถุนบ้านเห็นก้อน แก้วและด้วงลงบันไดมา รีบเอาผ้ามาคลุมหัวไว้ ด้วงตื่นเต้นดีใจเมื่อรู้จากก้อนว่าแพงได้ดิบได้ดีมีวาสนาได้ไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา แก้วไม่ได้สนใจที่สองหนุ่มคุยกัน ได้แต่เหลียวมองไปที่ใต้ถุนบ้านด้วยความสงสัย แพงรีบขยับตัวหลบ ก้อนแปลกใจเธอมองหาอะไร

“ฉันว่าฉันเห็นอีแพง”

“อีแพงน่ะเหรอ มันจะโง่กลับมาทำไม ป่านนี้มันคงอยู่บนเรือเดินทางไปต่างประเทศแล้ว”

“นั่นสิ ถ้าอีแพงมันเลือกกลับมาทุ่งบ้านสร้าง มันก็โง่เง่าเกินจะคบมันต่อแล้ว” คำพูดของแก้วทำให้แพงไม่กล้าขยับ รอจนทุกอย่างเงียบจึงออกจากที่ซ่อนมองขึ้นไปบนบ้านสีหน้าเคร่งเครียด...

ลอกำลังเช็ดตัวให้พิศตอนที่แพงโผล่หน้าเข้ามา เขาตกใจมากโวยวายลั่นกลับมาทำไม พิศได้ยินเสียงเอะอะเริ่มขยับตัว เธอบอกให้เลิกทำเสียงดังได้แล้ว ถ้าพ่อตื่นขึ้นมาตอนนี้จะวุ่นไปกันใหญ่ เพราะเธอกับเขายังไม่ได้ตกลงกันเลยว่าจะบอกพ่อเรื่องพี่เพื่อนอย่างไร

ลอไม่ต่อปากต่อคำด้วย ลากแขนแพงลงไปที่คอกเลี้ยงควาย คาดคั้นว่ากลับมาที่นี่ได้อย่างไร เธอสัญญากับเขาไว้คืนวันฝนตกว่าจะไม่ทิ้งเขาไปไหนเด็ดขาด ลอถึงกับอึ้ง พอตั้งสติได้ แบกเธอขึ้นบ่าไปโยนไว้บนเกวียน แพงยืนกรานไม่ไปไหนทั้งนั้น

“หุบปากเอ็งไปเลยอีแพง คราวนี้ข้าเอาจริง ถ้าต้องเฆี่ยนเอ็งให้หลังลายข้าก็จะทำ อนาคตเอ็งกำลังจะไปได้ดิบได้ดีอยู่แล้ว แต่เสือกโง่กลับมาเพราะแค่ห่วงข้า เรื่องนี้ข้ายอมไม่ได้เว้ย ข้าจะพาเอ็งไปส่งคืนน้าโฉม”

แพงลงจากเกวียนกอดเอวลอไว้แน่น ขอร้องอย่าทำอย่างนั้นและที่สำคัญ ป่านนี้เรือคงพาน้าโฉมไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ขอให้เธออยู่ดูแลพ่อดูแลเขาแทนพี่เพื่อน อย่าผลักไสให้เธอไปสุขสบายคนเดียวแล้วทิ้งพ่อทิ้งพี่ลอเหมือนที่พี่เพื่อนทำเลย เสียงเอะอะของทั้งคู่ทำให้พิศตื่นยื่นหน้ามาดู

“นั่น ไอ้ลอ อีแพงเหรอ นี่...นี่พวกเอ็งกลับมากันแล้วเหรอวะ” พิศจะลงบันไดแต่เรี่ยวแรงไม่มีพานจะล้ม แพงกับลอต้องช่วยกันประคองขึ้นไปนอนพัก เพื่อความสบายใจของพ่อ เธอจึงต้องแต่งเรื่องว่าพี่เพื่อนยังกลับมาตอนนี้ไม่ได้เพราะน้าโฉมมีงานดีๆให้ทำ พิศหนักใจ เป็นแบบนี้งานแต่งงานก็คงต้องเลื่อนไปอีก

“โธ่พ่อ ห่วงแต่จะเห็นพี่เพื่อนแต่งงาน พี่เพื่อนเขาจะได้ดิบได้ดีมันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ไว้เขาหอบเงินเยอะๆกลับมา ขี้คร้านพ่อจะหน้าบานเป็นกระด้ง”
พิศด่าว่าแพงที่ปากดีไม่เลิกไม่แล้ว ตอนไปพระนครนึกว่าเธอจะได้ดี แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเพื่อน ลอทนไม่ไหวที่แพงยอมถูกด่าทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ยังไม่ทันจะอ้าปากเล่าความจริง เธอสะกิดไม่ให้พูดอะไร แล้ววานให้เขาช่วยป้อนยาหม้อให้พ่อ ส่วนเธอจะลงไปทำกับข้าวให้ท่านกิน

ooooooo

แรมอดแปลกใจไม่ได้ทำไมมานพถึงทิ้งให้เพื่อนอยู่คนเดียวในห้องพัก ทั้งที่เวลานี้ควรจะเป็นเวลาของข้าวใหม่ปลามัน เพื่อนไม่พอใจ สั่งห้ามเธอสาระแนเรื่องของตน ในเมื่อเรื่องของเธอยังเอาตัวไม่รอด แล้วเดินออกจากห้องปิดประตูใส่หน้า จากนั้นเพื่อนลงไปขอให้พนักงานโรงแรมช่วยโทร.ตามมานพให้

“ติดต่อคุณมานพไม่ได้เลยครับ ที่บ้านไม่มีคนรับสาย ที่สมาคมก็ไม่มีใครพบคุณมานพเลย ผมต้องขอโทษด้วยครับ” พนักงานรายงานเสร็จ ค้อมหัวให้อย่างนอบน้อม แรมที่ตามเข้ามาเห็นเพื่อนหัวเสีย ได้ทียุแยงตะแคงรั่วว่ามานพหายตัวไปแบบนี้ต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลแน่ ถ้าเป็นตนจะตามไปดูให้เห็นกับตา

“แต่ก็อย่างว่า หล่อนไม่เคยวิ่งไล่ตามผู้ชายเพราะเคยตัวว่าไอ้ลอมันคอยตามใจมาตลอด เอาอย่างนี้ไหม ให้ฉันช่วยพาหล่อนไป มีอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน”

เพื่อนไม่ต้องการความช่วยเหลือจากแรม ไม่อยากติดหนี้บุญคุณเธอเพิ่มอีก แล้วหันไปสั่งพนักงานให้ช่วยเรียกรถไปส่งบ้านเจ้าคุณรัตน์ให้ด้วย...

คนที่เพื่อนตามหากำลังจิบบรั่นดีเคล้าเสียงเพลงคลาสิกอย่างมีความสุขอยู่กับโสภีในห้องทำงานของเจ้าคุณรัตน์ พร้อมกับยื่นจมูกเข้าไปสูดกลิ่นโคโลญจากตัวเธอแบบแนบชิด ทั้งคู่คุยกันถูกคอตั้งแต่เรื่องความสำเร็จในการปราบกบฏไปจนเรื่องส่วนตัว ขณะกำลังคุยกันอย่างออกรส คนรับใช้เข้ามารายงานว่าคุณเพื่อนมารอพบเขาที่ห้องโถง มานพหัวเสียเพราะสั่งไว้แล้วว่าห้ามใครรบกวน

“ดิฉันทำตามคำสั่งแล้วเจ้าค่ะ แต่คุณเพื่อนเธอบอกว่าจะไม่ไปไหนจนกว่าคุณจะไปพบเจ้าค่ะ”...

โสภีไม่อยากทำให้มานพหนักใจเรื่องคู่หมั้น จึงขอตัวกลับก่อน เขาปฏิเสธทันทีว่าเพื่อนกับเขายังไม่ได้หมั้นกัน แต่ที่ต้องประกาศต่อหน้าผู้ดีกว่าครึ่งพระนครว่าเธอคือเจ้าสาวของเขาก็เพราะมีเหตุจำเป็นให้ต้องทำ

“อย่าเพิ่งกลับเลยนะครับ ผมยังสนุกกับการคุยของเราอยู่ ตั้งแต่กลับมาอยู่พระนครหลายปี ผมไม่เคยเจอผู้หญิงที่มีทั้งความฉลาดและสวยอย่างคุณเลย” มานพจะหอมหลังมือ แต่โสภีดึงมือออก ยิ้มยั่วให้เขาก่อนจะเดินจากไป

ครู่ต่อมา เขามาถึงห้องโถง ทันทีที่เจอหน้ากัน เพื่อนตัดพ้อต่อว่าด้วยความน้อยใจที่มานพหายหน้าไป เขาต้องดึงมากอดปลอบใจว่าไม่ได้คิดจะหลบหน้า แต่มีงานต้องทำหลายอย่าง เธอได้กลิ่นโคโลญโชยมาจากตัวเขาถึงกับหน้าเครียดพุ่งไปที่ห้องทำงานหวังจะเจอเจ้าของกลิ่นหอม แต่ห้องว่างเปล่า

“อยู่ไหน เจ้าของน้ำหอมที่ฉันได้กลิ่นจากตัวคุณอยู่ไหน ฉันจำได้ว่าคุณไม่เคยใช้น้ำหอมกลิ่นนี้”

ด้วยความกะล่อน มานพแก้ต่างจนเอาตัวรอดมาได้ หนำซ้ำยังทำเป็นโมโหที่ถูกเพื่อนจับผิด เธอเลยกลายเป็นฝ่ายต้องตามง้อเขาแทนที่ มานพตัดบท ขอให้เธอกลับไปโรงแรมก่อน ไว้เสร็จธุระแล้วเขาจะตามไป เพื่อนไม่ยอมกลับ จะอยู่ที่นี่กับเขา แม้จะไม่ชอบใจนัก แต่มานพไม่มีทางเลือกจำต้องให้เธออยู่ด้วย

ooooooo

แพงยังเฝ้าดูแลพ่อไม่ห่าง ระหว่างที่เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ท่านก็พูดแต่เรื่องดีๆของพี่สาวที่คิดว่าท่านอยากได้ยิน เป็นต้นว่าเธอหัวไว เรียนเก่ง น้าโฉมส่งไปเรียนภาษาฝรั่งไม่กี่ครั้งก็พูดโต้ตอบได้ ถ้าพ่อได้เห็นพี่เพื่อนกับตา ต้องจำไม่ได้แน่ๆ เพราะเธอทั้งแต่งหน้าทาปากใส่กระโปรงบานเป็นสุ่ม

“ก็สวยอย่างนางฟ้านางสวรรค์เลยน่ะสิวะ”

คุยไปคุยมา แพงเผลอเหน็บลูกรักลูกสวาทของพ่อเข้า เลยถูกเขกหัว แล้วไล่ตะเพิดไปไกลๆ เธอเก็บอ่างใส่น้ำกับผ้าใช้เช็ดตัวออกไป แต่ไม่วายหันมองพ่อที่อมยิ้มชื่นใจกับการได้ดิบได้ดีของลูกสาวคนโต

“เอ็งไม่เคยทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ นังเพื่อน”

หญิงสาวเดินหน้าเศร้าลงจากเรือนเอาน้ำที่เช็ดตัวพ่อไปเททิ้ง เจอลอจูงไอ้เปลี่ยวพอดี เขาขอร้องให้หยุดโกหกพ่อเรื่องเพื่อนสักที ตกนรกเปล่าๆ เธอไม่กลัว ในเมื่อพ่อชอบฟังเรื่องที่ตัวเองอยากได้ยิน ฟังแล้วมีความสุข พานไม่เจ็บไม่ไข้ กินได้นอนหลับ เธอก็พร้อมจะตกนรกเพราะมุสา ลอหาว่าเธอเถียงคำไม่ตกฟาก

“อธิบายก็ว่าเถียง หรือพี่อยากจะฟังฉันโม้ให้พี่สบายใจสักเรื่องไหมล่ะ เอาเป็น...พี่เพื่อนยังคิดถึงพี่อยู่ แล้วเพิ่งจะรู้ว่าโดนคุณมานพหลอก พี่เพื่อนก็เลยพร้อมจะกลับมาหาพี่เพราะรู้ว่าพี่ลอไม่เคยโกรธ ไม่เคยเกลียด แม้จะรู้ว่าโดนทรยศแต่ก็พร้อมจะให้อภัยเสมอ” แพงเห็นลอจะอ้าปากด่า รีบชิงพูดขึ้นเสียก่อน “ไม่ต้องทำเป็นโกรธกลบเกลื่อนฉันหรอกพี่ ฉันรู้ว่าพูดแบบนี้แล้วพี่คงมีกำลังใจทำงานหันกลับมาเป็นพี่ลอคนเดิม ฉันไปหาปลาล่ะ ว่าจะกลับมาแกงปลาช่อนให้พ่อกิน”

แพงว่าแล้วคว้าแหออกไปทิ้งให้ลอยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น...

ระหว่างแพงกำลังจับปลาอยู่ในบึง ได้ยินเสียงก้อนกับแก้วคุยกันถึงเรื่องที่พ่อของเธอจะให้ทั้งคู่แต่งงานกันเดือนยี่นี้เลย รีบย่อตัวลงในน้ำเหลือแค่ลูกตาเพราะกลัวแก้วเห็น แต่ดันเผลอบ่นที่ทำปลาหลุดมือ แก้วได้ยินเสียงรีบบอกให้ก้อนเงียบๆก่อน แล้วมองไปในบึง เขามองตามแต่ไม่เห็นสิ่งผิดปกติ ถามว่ามีอะไรหรือ

“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ ฉันว่าเราไปกันเถอะ พี่ต้องไปหาหลวงพ่อไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวจะเพลซะก่อนนะ”

แพงรอจนทั้งคู่ลับสายตา จึงค่อยๆโผล่ขึ้นจากน้ำ ถอนใจโล่งอก จับปลาต่ออย่างสบายใจ แต่ปรากฏว่าแก้วรู้เท่าทันมาดักรอเธอระหว่างทางกลับบ้าน ต่อว่าว่าคิดจะหลบหน้าตนไปถึงเมื่อไหร่ แพงแค่อยากจะให้พ่อหายดีก่อนไม่ได้คิดจะหลบหน้า แล้วขอโทษเธอด้วยที่ผิดคำพูด แก้วไม่อยากได้คำขอโทษ

“มันสายเกินไปแล้วเพราะเอ็งไม่เห็นข้าเป็นเพื่อนเอ็งถึงไม่ไยดีไม่สนว่าข้าจะรักเอ็งห่วงเอ็งแค่ไหน”

“อีแก้ว เอ็งเป็นเพื่อนรักของข้าจริงๆนะ ชีวิตข้าไม่เคยมีใครรักและเป็นห่วงข้าเหมือนอย่างเอ็งเลย”

แก้วสั่งให้แพงเลิกโป้ปด หากตนเป็นสหายรักจริงอย่างที่พูด เธอก็ต้องเชื่อที่ตนเตือน แต่นี่นอกจากจะไม่เชื่อแล้ว ยังหน้าด้านโกหกกันอีก ตนไม่เคยอยากได้อะไรนอกจากอยากเห็นแพงได้ดี แต่เธอก็ยังโง่เง่าทิ้งอนาคตตัวเองเพราะผู้ชายที่ไม่เคยเห็นค่าความรักของเธอ

“ถ้าเอ็งคิดแต่จะทำทุกอย่างเพื่อพี่ลอเพราะเขาเป็นเจ้าชีวิตเอ็ง งั้นชาตินี้ก็เชิญเอ็งดักดานต่อไปเถอะ ข้าทนคบเอ็งอีกต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะข้าไม่อยากเห็นเอ็งต้องเจ็บปวดทุกวัน ข้าทนไม่ไหวอีกแล้ว” แก้วว่าแล้วจะออกไป แพงคว้ามือไว้ ขอร้องทั้งน้ำตาอย่าเลิกคบกับตน

เรืองเข้ามาเห็นท่าทางของทั้งคู่ก็แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น แก้วสบช่อง สะบัดมือแพงหลุดแล้ววิ่งหนี แพงจะตามแต่เรืองคว้าแขนไว้ ถามว่าทะเลาะอะไรกัน

หลังจากฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้น เรืองตำหนิว่าคราวนี้แพงทำผิดจนไม่น่าให้อภัยจริงๆ ถึงจะรักลอมากแค่ไหนแต่ก็ต้องรักตัวเองด้วย เธอคิดดีแล้ว ขืนให้ไปอยู่เมืองนอก เธอก็ต้องหนีกลับมาทุ่งบ้านสร้างอยู่ดี เธอเกิดที่นี่ก็ขอตายที่นี่ เรืองเข้าใจความรู้สึกของเธอดี คงเหมือนที่เขารักพ่อรักวิชาความรู้ของพ่อ ถึงพยายามจนพ่อยอมรับเขาในที่สุด

แพงดีใจไปกับเขาด้วย เรืองเตือนว่าแม้ตอนนี้พี่ลอจะไม่มีพี่เพื่อนแล้ว แต่แพงก็ไม่ควรใกล้ชิดเขามากนัก ในเมื่อเธอยังปิดเรื่องของพี่เพื่อนอยู่ ก็คงไม่พ้นเป็นขี้ปากชาวบ้านว่าแย่งผัวพี่ตัวเอง

ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น