วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร เพื่อนแพง ตอนที่ 11


เสียงเอะอะของชาวบ้านที่รีบจูงมือกันหนีผ่านหน้าก้อนกับแก้วที่เดินหลงทางอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน

“พวกนักเลงมันตีกันอย่าเข้าไปใกล้เดี๋ยวโดนลูกหลง”

ก้อนสนใจชะเง้อดูเห็นนักเลงสามคนกำลังรุมคนคนเดียวอยู่ แก้วรีบปรามไม่ให้ไปยุ่ง เขาทนเห็นความ อยุติธรรมไม่ไหววิ่งข้ามถนนไปช่วย ถึงได้รู้ว่าสหายรักกำลังถูกรุม ลอเองก็แปลกใจที่เจอเขาเช่นกัน...

ระหว่างที่ลอกับก้อนกำลังเปิดศึกแม่ไม้มวยไทยกับนักเลงหัวไม้อยู่ริมถนน จำปีนั่งรถสามล้อถีบกลับจากไปตลาดกำลังจะเดินเข้าบ้าน แพงวิ่งสวนออกมาตะโกนเรียกรถสามล้อไว้ เธออดถามไม่ได้จะรีบไปไหน

“เพื่อนฉันที่ทุ่งบ้านสร้างจดหมายมาบอกว่าจะมาหาฉันจ้ะป้า ฉันเลยจะไปรอรับพวกเขาจ้ะ ซื่อๆแบบนั้น ปล่อยให้มากันเองไม่ได้หรอก เดี๋ยวหลงแย่ ฉันไปล่ะป้า” แพงโดดขึ้นรถสามล้อออกไปอย่างรวดเร็ว....

ในขณะเดียวกัน เพื่อนเดินมาตามทางในสวนบ้านเจ้าคุณรัตน์อย่างมีความสุข ร้องเพลงจากละครเรื่องจันทร์เจ้าขา ที่เพิ่งไปดูมา ก่อนจะหันไปบอกมานพว่าประทับใจละครเรื่องนี้มาก แค่ดูครั้งเดียวก็ร้องเพลงตามได้เลย มานพไม่วายป้อยอว่าเธอร้องเพลงได้ไพเราะกว่านางเอกละครเสียอีก เธอออกตัวว่านางรำแก้บนจากบ้านนอกคอกนาจะไปเก่งกว่านางเอกละครได้อย่างไร มานพประคองสองแก้มเธอไว้

“สายตาของผมไม่เคยมองอะไรผิด หญิงที่งามแม้แต่จันทร์ยังต้องอายอย่างคุณเพื่อน ผมจะหวงไว้คนเดียวไม่ยอมให้เป็นของใคร” ไม่พูดเปล่า มานพยื่นหน้าจะหอมแก้ม เธอเล่นตัวแกล้งหลบ เขาเห็นคืนนี้ทางสะดวก พ่อของเขาไม่อยู่บ้านติดราชการ ออดอ้อนว่าอยากใช้ทุกนาทีกับเธอให้นานที่สุด ก่อนจะต้องส่งคืนเจ้าของ แล้วตีหน้าเศร้าให้เห็นใจ เพื่อนใจอ่อนยอมให้เขาหอมแก้ม ระหว่างนั้นมีเสียงฝีเท้าดังเข้ามา

“มาเถอะครับไปห้องผมกัน เดี๋ยวพวกบ่าวไพร่มาเห็นเข้า ทางนี้ครับ” มานพจูงมือเพื่อนหลบเข้าตัวตึก ทันทีที่เข้าห้องตัวเอง เขาปิดประตูใส่กลอน เธอทักท้วงทำแบบนี้จะดีหรือ

“ผมทราบว่ามันไม่สมควรที่จะพาคุณมาอยู่ตามลำพังกับผมในห้องส่วนตัวแบบนี้ แต่ในเมื่อนายลอยังตามไปเฝ้าคุณทุกที่ แล้วผมจะมีเวลาอยู่กับคุณได้อย่างไร ได้โปรดเถอะคุณเพื่อน ขอให้ผมได้ดื่มด่ำความสุขอันน้อยนิดที่ได้จากคุณนะครับ” มานพว่าแล้วจูงมือเพื่อนไปนั่งบนเตียง จูบหลังมือเบาๆ เธอเคลิ้มไปกับคำลวงของเขายอมรับการสวมกอดโดยไม่อิดออด ขณะที่มานพแอบยิ้มร้ายหวังจะเผด็จศึกเธอให้ได้...

ระหว่างที่แก้วยืนลุ้นตัวโก่งดูลอกับก้อนต่อสู้กับพวกนักเลง แพงนั่งรถสามล้อถีบผ่านมาเห็นสหายรัก สั่งให้หยุดรถ รีบวิ่งไปหา “อีแก้ว เอ็งมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ข้าว่าจะไปรอรับเอ็งที่สถานีอยู่พอดี”

“อีแพง คุณพระคุณเจ้า ข้าดีใจจังที่เจอเอ็ง”

แพงมองที่ไปกลุ่มคนตีกัน ถามว่าเกิดอะไรขึ้น แก้วยังไม่ทันตอบ หนึ่งในพวกนักเลงถูกลอจระเข้ฟาดหางใส่เซถลาเป็นนกปีกหักมาล้มฟุบข้างๆ แพงเห็นลอชกต่อยอยู่กับพวกนักเลงก็ตกใจ ร้องเอะอะ เขาชะงักหันมอง นักเลงสบช่องชักมีดแทง ลอจับข้อมือนักเลงไว้ ทั้งแก้วและแพงต่างตะลึงคิดว่าเขาถูกแทง

ooooooo

เพื่อนอยู่ในอ้อมแขนของมานพที่ซุกไซ้ปลุกอารมณ์จนเธอเผลอตัวเผลอใจไปกับรสสัมผัส

“ผมรักคุณเหลือเกินครับคุณเพื่อน รักจนต้องการให้คุณเป็นของผมคนเดียว ไม่อยากให้เป็นของใครอีก เป็นของผมนะครับคุณเพื่อน ผมสาบานว่าจะรักคุณคนเดียว” คำพูดของมานพทำให้เพื่อนชะงัก ฉุกคิดถึงลอซึ่งเคยสาบานรักกับเธอที่คุ้งต้นไทร ความละอายถาโถมเข้าใส่จนเธอทนไม่ไหว ขอให้มานพหยุดก่อน เขาอารมณ์กระเจิงกู่ไม่กลับ ยิ่งกอดรัดเธอแน่นขึ้นอีก เพื่อนตัดสินใจลุกพรวดขึ้นจากเตียงจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่

“คุณเพื่อนรังเกียจผมเหรอครับ ถึงผลักไสผม กลัวผมจนตัวสั่น” มานพพยายามข่มอารมณ์ไว้

“เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้รังเกียจคุณมานพ แต่...แต่ฉันทำไม่ได้ ไม่ใช่ไม่รักคุณนะคะ คุณคือราชสีห์ที่ฉันเฝ้ารอที่จะได้พบ เพื่อจะมอบตัวและหัวใจให้เป็นทาสติดตามคุณ แต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้ ตราบใดที่พี่ลอยังไม่ออกไปจากชีวิตฉัน... ฉันไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นฝ่ายผิดคำสาบาน”

“งั้นความรักของเราคงสมหวังกันในชาติหน้าเพราะนายลอคงไม่ปล่อยคุณให้ผมง่ายๆ” มานพแสร้งระเบิดอารมณ์ชกกำแพงเรียกร้องความสนใจ ได้ผลเกินคาด เธอทนเห็นเขาเจ็บตัวไม่ไหว ยอมพลีกายให้ จิ้งจอกอย่างมานพไม่รอช้าดึงเธอให้นอนบนเตียง แล้วเริ่มซุกไซ้ไปทั่วตัว พอเห็นเธออ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟ ค่อยๆปลดเสื้อของเธอออก ปากก็พร่ำคำหวานลวงโลกว่าจะแต่งงานกับเธอ

แต่ยังไม่ทันจะสมรัก มีเสียงเคาะประตูห้องปังๆๆ ดังขัดจังหวะ เพื่อนตกใจรีบดึงผ้าห่มมาปิดตัว เสียงวิชิตตะโกนเรียกมานพดังไม่หยุด เขาจำต้องลุกขึ้นไปเปิดประตูรับอย่างอารมณ์เสีย พร้อมกับต่อว่าว่ากำลังจะ เข้าด้ายเข้าเข็มดันทะลึ่งโผล่มาตอนนี้ วิชิตไม่วายกระเซ้า ที่เขาหายหัวไปทั้งวัน ก็เพราะหลบมาเผด็จศึกแม่ดอกไม้งามจากทุ่งบ้านสร้างนี่เอง มานพเอ็ดให้เบาเสียงลงหน่อย แล้วดึงวิชิตออกห่างจากประตูห้อง

“ฉันเสียเวลากับแม่นี่มาเยอะแล้ว มันก็ถึงเวลาที่ต้องได้ให้คุ้มเสียบ้าง”

“แต่นี้มันธุระสำคัญ คุณโสภีมอบหมายงานของท่านจรัญมาให้แกแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันไปสืบได้เบาะแสของพวกกบฏใสแล้ว แกจะเลือกงานหรือเลือกผู้หญิง”

คนบ้าอุดมการณ์อย่างมานพเลือกงานก่อนผู้หญิงอยู่แล้ว ครู่ต่อมาเขาจูงมือเพื่อนมาส่งขึ้นรถสามล้อถีบ ขอโทษที่ไปส่งด้วยตัวเองไม่ได้ มีงานสำคัญต้องไปทำ เธอสัญญาจะรีบบอกเลิกลอให้เร็วที่สุดเพื่อที่เขาจะได้เป็นเจ้าของร่างกายของเธอแต่ผู้เดียว พูดจบเธอหอมแก้มเขาเป็นการยืนยัน เสียงวิชิตกระแอมเป็นทำนองเร่งรัด ทำให้เขารีบส่งเธอขึ้นสามล้อถีบ แล้วหันมาทางวิชิตซึ่งโยนปืนพกให้

“รีบไปจัดการธุระให้เสร็จเถอะ ฉันจะได้กลับมาขยี้ดอกไม้งามจากทุ่งบ้านสร้างให้สาแก่ใจ”...

ลอไม่ยอมตายด้วยน้ำมือคนอื่น กระแทกหัวใส่หน้านักเลงที่จะแทงตนเองจนหน้าหงาย เผยให้เห็นว่ามีดยังไม่สัมผัสกับท้องของเขาแม้แต่น้อย แล้วแย่งมีดปาใส่ไหล่นักเลงคนนั้นเลือดสาด มีเสียงนกหวีดของตำรวจดังมาแต่ไกล แพงเห็นท่าไม่ดี รีบฉุดแขนลอหนี โดยมีก้อนกับแก้วตามมาติดๆ

ooooooo

ไม่นานนักแพงพาทุกคนมายังบ้านของโฉมฉาย แก้วเอายามาทารอยช้ำตามใบหน้าเนื้อตัวให้ก้อนไปพลางกระเซ้าเหย้าแหย่กันไปด้วย ลอหมั่นไส้ปรามให้น้อยๆหน่อย แพงสวนทันที ว่าแต่คนอื่น เวลาที่เขาอ้อนพี่เพื่อนใครเห็นก็หมั่นไส้กันทั้งนั้น ลอหันไปเขกหัวเธอดังโป๊ก

“ปากดีนักนะอีแพง ถ้าไม่ใช่เพราะเอ็งลากข้าให้หนีมา ป่านนี้ข้าคงลากพวกมันไปเค้นจนรู้แล้วว่าอีแรมมันไปกบดานอยู่ที่ไหน”

“ฉันช่วยพี่ลอไม่ให้ต้องโดนลากคอไปติดตะรางแล้วยังมาเขกกบาลฉันอีก รู้ไว้ด้วยนะตอนนี้เขาไม่สนใจหรอกว่าใครมีเรื่องกับใคร เจอใครก่อความวุ่นวายเขาจับหมด”

โฉมฉายที่เพิ่งกลับเข้ามาช่วยสนับสนุนคำพูดของแพงอีกแรงหนึ่ง เตือนลอว่าถ้าจะอยู่ในพระนครต้องคอยระวังตัวให้ดี ส่วนเรื่องของแรมให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองเป็นคนจัดการจะดีกว่า ลอสงสัยเกิดอะไรขึ้นที่พระนครกันแน่ โฉมฉายเล่าว่าตั้งแต่บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน สิ่งที่คิดว่าจะจบกลับยังไม่จบเพราะต่างฝ่ายต่างไม่สมความต้องการก็เลยยังไม่ยอมกันง่ายๆ จนอาจจะมีเหตุการณ์บานปลายเกิดขึ้นได้

แก้วบ่นอุบถ้ารู้ว่ามาแล้วเป็นแบบนี้ อยู่ทุ่งบ้านสร้างดีกว่า ก้อนไม่เห็นด้วยขืนอยู่ที่นั่นจะพากันอดตายเปล่าๆ

“ไม่ต้องห่วงไปหรอกจ้ะแม่แก้ว มาอยู่กับฉันไม่ต้องกังวล ฉันจะให้นายก้อนไปทำงานที่ท่าข้าวกับนายลอ ช่วยกันทำงานขยันเก็บเงินไม่ทันจะพ้นแล้งพวกเธอก็จะมีเงินกลับไปแต่งงานกัน”

ลอขอบพระคุณน้าโฉมมาก สัญญาจะตั้งใจทำงานเก็บเงินจะได้พาแม่เพื่อนไปจากที่นี่ แล้วหันบอกให้แพงตั้งใจเรียนภาษาฝรั่งให้เป็นเร็วๆ น้าโฉมจะได้พาไปเมืองนอก แพงชะงักกับคำพูดที่เหมือนจะไล่กลายๆของลอ แก้วเห็นสีหน้าแววตาของสหายรักแล้วอดสงสารไม่ได้ จังหวะนั้นเพื่อนเพิ่งกลับมาถึง เห็นใบหน้าลอที่มีแต่รอยฟกช้ำแถมยังเห็นแก้วกับก้อนนั่งหน้าสลอนอยู่เต็มบ้านก็แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น

จากนั้น เพื่อน แพง และลอพากันมาคุยที่สวนข้างบ้าน พอเพื่อนรู้ว่าแรมหลอกให้ลอไปถูกรุมทำร้าย โชคยังดีที่ก้อนมาช่วยไว้ทัน ถึงกับหน้าเครียด

“พี่ลอเขาเจอพี่แรมที่สมาคม เขาว่ามันแต่งตัวเป็นสาวสังคมปะปนกับสมาชิกที่นั่น พี่ไม่เคยเจอมันหรือ”

เพื่อนอ้างเพิ่งไปทำงานไม่กี่วันจะไปรู้จักทุกคน ในนั้นได้อย่างไร บางทีแรมอาจติดสอยห้อยตามผู้ชายในนั้นเข้าไปก็ได้ ลอเกรงจะไม่ปลอดภัย ห้ามเพื่อนไปทำงานที่นั่นอีก เธอขอร้องอย่าเพิ่งตื่นตูมเกินเหตุ

“ฉันอยู่ที่นั่นมีคุณมานพคอยดูแล เขาไม่ปล่อยให้ ใครมาทำอะไรฉันได้หรอก”

“แต่คุณมานพจะคอยดูแลแม่เพื่อนตลอดเวลาได้อย่างไร”

แม้เพื่อนจะยืนกรานว่ามานพดูแลเธอได้ แต่ลอก็ไม่วางใจอยู่ดี เธอไม่พอใจฮึดฮัดขึ้นมาทันที ยกบุญคุณที่ต้องตอบแทนมานพขึ้นมาอ้าง หากเขาห้ามเธอไปที่นั่นก็เท่ากับอกตัญญู แล้วลุกหนีไปหน้าตาเฉย

“พี่ลอ พี่จะปล่อย...” แพงพูดได้แค่นั้น ลอรีบยกมือห้าม

“หุบปากไปซะอีแพง แม่เพื่อนว่าถูกข้าก็ต้องว่าถูก ด้วย” พูดจบลอเดินแยกไปอีกทางหนึ่ง แพงเริ่มไม่ไว้ใจพี่สาวตัวเอง จึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษาแก้ว บ่นกลุ้มใจมากไม่รู้จะเตือนพี่ลออย่างไรว่ากำลังจะถูกพี่เพื่อนทรยศ แก้วติง ขืนเขารู้ว่าพี่เพื่อนมีคนอื่นคงเสียใจเป็นบ้าเป็นหลังแน่

“เอ็งควรเตือนสติพี่เพื่อน อย่าให้นอกลู่นอกทางหลงคารมคนอื่นจนลืมพี่ลอ เขาจะได้พากันกลับไปแต่งงาน เอ็งจะได้เลิกวุ่นวายกับผัวพี่สักที ไม่อย่างนั้นอนาคตดีๆ ของเอ็งที่ข้าหวังจะเห็น คงต้องดับเพราะมีแต่เรื่องที่ทำให้เอ็งตัดใจจากผัวพี่ไม่ได้นะสิอีแพง”

ooooooo

ครู่ต่อมาแพงเดินมาถึงหน้าห้องพักของพี่สาว ได้ยินเสียงเธอร้องเพลงก็เปิดประตูผลัวะเข้าไป เพื่อนกำลังถือหางตั๋วละครพร้อมกับร้องเพลงไปคิดถึงคนที่ไปดูละครด้วยกัน ถึงกับสะดุ้งโหยงทำตั๋วหลุดมือ

แพงจะก้มเก็บ แต่เธอชิงเก็บเอาซ่อนไว้ด้านหลังเสียก่อน แล้วต่อว่าน้องสาวว่าเข้ามาในนี้ได้อย่างไร

“พี่ไม่ได้ลงกลอนประตู ฉันได้ยินเสียงพี่ร้องเพลงอารมณ์ดี ทั้งๆที่วันนี้พี่ลอเกือบตายเพราะเรื่องของพี่ฉันก็เลยอยากรู้ว่าอะไรทำให้พี่ใจดำไม่ไปดูแลพี่ลอ” พูดจบ แพงเข้าไปแย่งของที่เธอซ่อนไว้ข้างหลัง “หางตั๋วชมละคร มิน่าล่ะ พี่ลอถึงไปรอพี่อยู่ตั้งนาน ที่แท้พี่กับคุณมานพก็แอบไปดูละครกัน แล้วทิ้งพี่ลอเอาไว้”

“ฉันเปล่านะ ฉันไม่ได้ไปไหนกับคุณมานพ ฉันเก็บหางตั๋วนี่มาได้ เห็นว่าสวยดี”

“ยังจะกล้าตอแหลอีกเหรอพี่เพื่อน ไม่ได้ไปดูละครแล้วจะร้องเพลงละครได้อย่างไร” แพงขยำหางตั๋วปาใส่หน้าพี่สาวอย่างเหลืออด “ทำไมพี่เพื่อนทำกับพี่ลอแบบนี้ พี่ลอเขาทำอะไรผิด ทั้งๆที่เขารักพี่ถวายหัว แต่พี่ก็ยังใจไม้ไส้ระกำกับเขาได้ ทำไม...ทำไม”

แพงเขย่าตัวพี่สาวหัวสั่นหัวคลอนเผื่อตัวร่านผู้ชายจะกระเด็นออกไป เพื่อนไม่พอใจที่น้องสาวมายุ่งเรื่องของตนเอง สะบัดหนีแล้วตบหน้าหันจนเซไปชนแจกันตกแตก โฉมฉายได้ยินเสียงโครมครามเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น สองสาวได้แต่ก้มหน้าไม่ยอมตอบ

โฉมฉายพาสองพี่น้องมาชำระความที่ห้องของท่าน คาดคั้นจะเอาคำตอบให้ได้ว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร แพงไม่อยากให้เรื่องบานปลายจึงโกหกว่าตนเองเห็นเสื้อพี่เพื่อนสวยดีก็เลยเอามาใส่เล่นแล้วทำขาด แต่ไม่ยอมบอกเจ้าของ กลับเอาไปซุกไว้ทำไม่รู้ไม่ชี้ เพื่อนแปลกใจที่น้องไม่ฟ้องเรื่องมานพ

“แพงขอโทษค่ะน้าโฉม แพงจะไม่ทำแบบนี้อีก น้าโฉมจะลงโทษแพงก็ได้”

“เอาล่ะ รู้สาเหตุแบบนี้แล้วก็ดี ต่อไปแพงอย่าทำแบบนี้อีกนะ ทำผิดแล้วต้องยอมรับผิดที่ตัวเองก่อ ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน จำไว้นะ”

แพงรับคำ ปรายตามองพี่สาวเหมือนจะให้คำเตือนของน้าเข้าหูเธอมากกว่าตนเอง...

เพื่อนจะเดินหนีกลับห้อง แต่แพงยังคงตามมาต่อว่าเรื่องที่เธอคิดคดทรยศความรักของพี่ลอ นอกจากเพื่อนจะไม่สำนึก พาลหาเรื่องด่าว่าน้องสาวว่าฆ่าแม่ทำให้ตนเป็นกำพร้าไม่พอ ยังจะมาเอาความสุขไปจากตนอีก จะจองล้างจองผลาญกันไปถึงไหน

“อยากด่าว่าฉันเอาชีวิตแม่ไปก็ด่าไปเถอะ ฉันยอมรับ แต่ฉันไม่ได้จะผลาญชีวิตพี่ พี่ต่างหากที่กำลังจะผลาญชีวิตพี่ลอ เผาเขาให้ตายทั้งเป็นเพราะความเห็นแก่ตัว”

แพงชี้หน้าอย่างเอาเรื่อง เพื่อนกลบเกลื่อนความผิดของตัวเองด้วยการกล่าวหาน้องว่าที่คอยจ้องจับผิดเพราะอิจฉาที่เห็นตนมีความสุข แพงปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง ที่ทำไปทั้งหมดแค่จะเตือนไม่ให้เธอหลงคารมคนอื่น เพราะไม่มีใครในโลกนี้จะรักเธอถวายหัวอย่างพี่ลออีกแล้ว แพงจับมือพี่สาวขึ้นมาบีบ

“ทุกอย่างในพระนครที่พี่กำลังหลงชื่นใจอยู่ตอนนี้ มันคือความจอมปลอมทั้งนั้น ร้อยคำหวานที่ป้อยอพี่ก็ไม่เท่ากับคำสาบานคำเดียวของพี่ลอ อย่าทำร้ายพี่ลออีกเลยนะจ๊ะพี่เพื่อน ฉันขอร้อง ให้กราบตีนพี่เลยก็ได้” แพงทรุดลงกราบแทบเท้าพี่สาว “ไปกอดพี่ลอ ไปรักพี่ลอให้สมกับที่พี่ลอรักพี่นะจ๊ะพี่เพื่อน แล้วฉันจะให้ความผิดพลาดที่พี่เผลอใจครั้งนี้เป็นความลับและตายไปพร้อมกับฉัน”...

ระหว่างที่แพงพยายามเตือนสติพี่สาวตัวเอง มานพยืนหลบอยู่ในมุมมืดกับวิชิตรอคนที่จะเอาข้อมูลของพวกกบฏมาให้ แต่เกิดผิดแผนสายข่าวถูกสะกดรอยตามและถูกยิงตายต่อหน้าต่อตามานพและวิชิต พวกมือสังหารยังไล่ยิงทั้งคู่จนต้องหนีกระเจิดกระเจิง

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น แพงเล่าเรื่องที่เตือนพี่เพื่อนให้แก้วฟังไม่มีตกหล่น เธอชมสหายรักว่าทำดีมาก เตือนไปขนาดนั้นถ้าพี่เพื่อนยังคิดนอกใจพี่ลออีกก็คงไม่ต้องนับถือเป็นพี่กันแล้ว จังหวะนั้นก้อนเข้ามาหา

“แม่แก้วอยู่นี่เอง พี่จะมาบอกว่าวันนี้พี่จะไปทำงานที่ท่าข้าวกับไอ้ลอนะ” ก้อนพูดไปหาวไปด้วย

แก้วอดถามไม่ได้ว่าเมื่อคืนนอนไม่หลับเพราะผิดที่ผิดทางหรือ ก้อนเพิ่งจะนอนตอนใกล้รุ่งนี่เอง นั่งสูบยากับลอไปโขกหมากรุกกันไปจนเกือบสว่าง แพงหน้าเครียดขึ้นมาทันที ก้าวฉับๆตรงไปหาพี่สาวที่ห้องพัก ต่อว่าว่ารับปากกับตนแล้วทำไมไม่ทำ เธออ้างว่าดึกดื่นเที่ยงคืนจะให้ไปบอกรักพี่ลอในบ้านน้าโฉมได้อย่างไร

“วันนี้พี่เพื่อนไม่ต้องไปทำงานให้คุณมานพ ไม่ต้องไปเจอหน้าเขาอีก เพราะพี่เพื่อนต้องไปหาพี่ลอที่ท่าข้าว ไปบอกเขาว่าพี่จะกลับทุ่งบ้านสร้างกับเขา” แพงเห็นพี่สาวอ้าปากจะทักท้วง รีบชิงพูดขึ้นเสียก่อน “ไม่ต้องเอาเรื่องบุญคุณมาอ้าง ที่พี่ให้เขาป้อยอคำหวานใส่มันก็ถือว่าชดใช้บุญคุณกันหมดแล้ว...ไปหาพี่ลอเดี๋ยวนี้เลย” แพงดึงแขนเพื่อนออกไปทันที...

กว่าเจ้าคุณรัตน์จะกลับจากราชการก็สายมากแล้ว เห็นลูกชายยังไม่ลงมากินอาหารเช้า หันไปถามเด็กรับใช้ว่ามานพยังไม่ตื่นอีกหรือ พอรู้ว่าเขาเพิ่งกลับมาตอนค่อนรุ่งก็ไม่พอใจ ขึ้นไปเคาะประตูห้องปลุกลูกชายให้ลุกได้แล้ว แต่ไม่มีเสียงขานตอบ มานพถูกยิงบาดเจ็บเสียเลือด

ไปมากนอนหน้าซีดอยู่บนเตียงเรี่ยวแรงแทบไม่มี พยายามกัดฟันลุกจากเตียงจะไปเปิดประตู แต่ล้มลงหมดสติเสียก่อน เจ้าคุณรัตน์ได้ยินเสียงโครมครามดังมาจากด้านใน เอะใจว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดี...

ที่ท่าข้าว จำปูนเห็นลอกับก้อนแบกกระสอบข้าวสารขึ้นจากเรือไปเก็บในโกดัง รีบเข้ามาห้าม นี่ไม่ใช่งานที่ตนจะให้มาทำสักหน่อย งานของทั้งคู่คือคุมคนงานและคอยนับกระสอบข้าว ลอไม่ชอบงานใช้สมอง ถนัดงานที่ต้องใช้แรงมากกว่า จำปูนทักท้วงเขาเป็นถึงหลานเขยของคุณนายจะมาทำงานจับกังได้อย่างไร

“น้าจำปูนก็ไม่ต้องบอกใครก็ได้นี่จ๊ะว่าฉันเป็นใคร แค่พามาฝากงานก็พอแล้ว ฉันไปทำงานต่อนะจ๊ะ” ลอว่าแล้วหันไปชวนก้อนทำงานต่อ จำปูนได้แต่มองตาม...

อีกมุมหนึ่งหน้าทางเข้าท่าข้าว แพงเห็นเพื่อนเดินอ้อยอิ่งไม่กระตือรือร้น ก็หันไปต่อว่าว่าทำไมถึงทำท่า เหมือนไม่เต็มใจมา หรือคำหวานที่มานพป้อยอทำให้เธอหมดใจจากพี่ลอไปแล้ว เพื่อนของขึ้นทันที

“อีแพง ที่เอ็งขู่ข้ามาตลอดเพราะเอ็งเป็นห่วงพี่ลอหรือเพราะเอ็งยังรักพี่ลออยู่กันแน่ ที่ผ่านมาเอ็งบอกว่าเอ็งไม่เคยคิดอะไรกับพี่ลอ เอ็งรักพี่ลอแค่เจ้าชีวิตของเอ็ง แต่ที่เอ็งทำอยู่ทั้งหมดก็เพราะเอ็งรักพี่ลอ อยากได้เขาเป็นผัวจนตัวสั่นมากกว่าข้าซะอีก”

“ถ้าฉันอยากแย่งพี่ลอ ฉันปล่อยให้พี่หลงไปกับคนอื่นไม่ดีกว่าหรือ แต่ที่ฉันไม่ทำเพราะฉันยังรักทั้งพี่ทั้งพี่ลอ ฉันไม่อยากเห็นพี่ลอเจ็บ ไม่อยากเห็นพี่ถูกหลอก ฉันจะได้ไปกับน้าโฉมโดยไม่ต้องห่วงใครอีก” พูดได้แค่นั้นก็ถูกจำปูนเข้ามาทักทายเสียก่อนว่ามาที่นี่ได้อย่างไร แพงรีบปรับสีหน้าเป็นปกติ

“พี่เพื่อนเขาอยากแวะมาดูพี่ลอทำงานจ้ะน้าจำปูน”

“อ๋อ เออ...แวะไปดูไอ้ลอหน่อยก็ดีนะ เห็นมันมุมานะตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เหนื่อยสักคำไม่ปริปากบ่นก็เพราะแม่เพื่อนทั้งนั้น...ทางโน้น ไปสิ” จำปูนชี้ทางประกอบคำพูด แพงรีบดันหลังพี่สาวให้เข้าไปหาลอ

ooooooo

ณ บ้านเจ้าคุณรัตน์ หมอจัดการบาดแผลถูกยิงให้มานพเรียบร้อย แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น แนะนำให้เจ้าคุณรัตน์พาเขาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล แล้วรับปากจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครรู้ เจ้าคุณรัตน์ขอบใจเขามาก พยักหน้าให้นายสงวนไปส่งหมอ โดยไม่ลืมกำชับ

“สงวน ปล่อยข่าวไปว่ามานพถูกโจรดักทำร้ายระหว่างทางกลับบ้านเมื่อคืน” เจ้าคุณรัตน์รอจนนายสงวนพาหมอออกไป จึงหันไปต่อว่าลูกชายว่าเตือนให้อยู่ห่างๆ เรื่องนี้แล้วทำไมไม่รู้จักฟัง แทนที่จะสำนึก เขากลับเถียงพ่อฉอดๆ เจ้าคุณรัตน์ไม่พอใจที่ลูกชายดื้อดึง เดินหัวเสียออกไป...

ด้านลอกับก้อนแบกกระสอบข้าวสารขึ้นจากเรืออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพราะอยากได้เงินมากๆ เพื่อกลับไปแต่งงานกับหญิงที่ตัวเองรัก ทั้งคู่มีความเห็นตรงกันว่าพระนครมีแต่เรื่องวุ่นวายแม้จะมีทุกอย่างพร้อมสรรพจะทำอะไรก็สะดวก แต่สู้ทุ่งบ้านสร้างของพวกตนไม่ได้ ถึงบางมื้อจะไม่อิ่มท้อง แต่ก็อิ่มใจที่มีหญิงคนรักอยู่ใกล้ๆ เพื่อนยืนฟังอยู่นานแล้วยิ่งไม่ชอบใจที่จะต้องกลับไปลำบาก ก้อนหันมาเห็นเธอ รีบสะกิดให้ลอดู

“พูดถึงก็มาพอดีเลยว่ะไอ้ลอ แม่เพื่อนที่ทำให้เอ็งอิ่มใจ โน่นไง”...

จำปูนกำลังจะกลับไปแจ้งข่าวมานพที่เพิ่งรู้จากพรรคพวกให้โฉมฉายทราบ เห็นแพงเดินวนเวียนอยู่หน้าทางเข้าท่าข้าวก็เลยชวนกลับด้วยกัน เธอยังไม่กลับจะรอพี่เพื่อนกับพี่ลออยู่แถวนี้ก่อน เขาจึงฝากเธอบอกสองคนนั่นด้วยว่ามานพถูกโจรดักปล้นเมื่อคืนได้บาดเจ็บเผื่อจะได้ไปเยี่ยม แพงรับคำสีหน้าครุ่นคิด...

แผนการของแพงที่จะให้เพื่อนกลับไปรักลอเหมือนเดิมพังไม่เป็นท่า เพราะเธอไม่อยากกลับไปลำบากกับเขาที่ทุ่งบ้านสร้าง ลอให้คำมั่นจะไม่มีวันทำให้เธอลำบาก จะขอให้จำปูนหางานให้ทำทั้งกลางวันกลางคืนจะได้มีเงินมากๆ เพื่อให้เธออยู่อย่างสบาย แล้วเอาเงินค่าจ้างที่ได้ยื่นให้เธอเก็บไว้ เพื่อนปัดทิ้งไม่ไยดี

“เรากำลังพูดถึงชีวิตฉันทั้งชีวิตนะจ๊ะพี่ลอ ถ้าพี่ต้องมานั่งทนลำบากทำงานหนักเป็นวัวเป็นควายเพื่อแลกเศษเงินแค่นี้ พี่จะทรมานตัวเองแล้วพาฉันไปทรมานด้วยทำไม”

“ไม่หรอกแม่เพื่อน พี่สัญญาว่าพี่จะหามาให้ได้มากกว่านี้ แม่เพื่อนรับไปก่อนเถอะนะ” ลอเอาธนบัตรที่เก็บจากพื้นยัดใส่มือเพื่อนอีกครั้ง เธอปัดทิ้งเหมือนเดิม

“โธ่พี่ลอ...ทำไมพี่ถึงไม่ยอมเข้าใจอะไรเลย พี่จำได้ไหม พี่เคยสัญญากับฉันว่าพี่จะเป็นได้ถึงราชสีห์ แต่ที่ฉันเห็นตอนนี้ พี่เหมือนไอ้เปลี่ยวที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาไถนาแล้วหลอกตัวเองหลอกฉันว่ากำลังเป็นราชสีห์”

ลอรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่ากลางใจ น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบแก้ม แม้เพื่อนจะสงสารเขาจับใจ แต่สงสารตัวเองมากกว่า ตัดสินใจตัดความสัมพันธ์กับเขา แล้วขยับจะไป ลอคว้าแขนเธอไว้ขอร้องทั้งน้ำตาว่าอย่าไป

“ปล่อยฉันเถอะพี่ลอ ปล่อยฉันออกจากชีวิตพี่ได้แล้วจ้ะ” เพื่อนแกะมือลอแล้ววิ่งออกไป ก้อนเดินสวนเข้ามาพอดี ร้องทักไม่รอกลับพร้อมลอหรือ เมื่อครู่นี้เขาได้ยินเถ้าแก่เจ้าของท่าข้าวเตือนพวกลูกจ้างให้ระวังตัวไว้ มีโจรออกมาดักปล้นแถวนี้ ขนาดลูกชายเจ้าคุณรัตน์ยังโดนยิงเกือบไม่รอด เธอถึงกับหน้าเสีย รีบวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันคล้อยหลัง ลอวิ่งตามมาตะโกนเรียกให้รอตนก่อน แต่เธอไม่แม้แต่เหลียวมอง...

ขณะที่เพื่อนตัดขาดจากลอชนิดไม่เหลือเยื่อใย แพงบุกมาหามานพถึงห้องนอน ขอร้องให้เลิกยุ่งกับพี่เพื่อน ตนรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับพี่สาวหมดแล้ว มานพไม่พอใจมากไล่ตะเพิดแพงไปให้พ้นหน้า เธอไปแน่แต่ต้องขอคำมั่นจากเขาก่อนว่าจะไม่พบพี่สาวของเธออีก เขาโมโหมาก คว้าแก้วน้ำใกล้มือสาดใส่หน้า

“นังเด็กเมื่อวานซืน คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้ามาอวดดีสั่งฉัน”...

อีกมุมหนึ่งหน้าบ้านเจ้าคุณรัตน์ เพื่อนลงจากรถสามล้อถีบ รีบร้อนเข้าไปในตัวบ้าน อึดใจถัดมา ลอวิ่งกระหืดกระหอบมาหยุดหน้าประตูรั้วโดยมีก้อนซึ่งยังคาใจไม่หายว่าเขามีเรื่องอะไรกับคนรักถึงต้องไล่ตามกันแบบนี้วิ่งตามมาด้านหลัง เขาไม่อยากให้สหายรักมายุ่งเรื่องนี้ ไล่ให้กลับไปก่อน ก้อนดื้อดึงจะอยู่ด้วย เขากระชากคอไล่ซ้ำ

“ไปซะ ข้าจะไม่ยอมให้แม่เพื่อนทิ้งข้าไปเด็ดขาด” ลอผลักก้อนพ้นทางแล้วเดินตามเพื่อนเข้าไป

ooooooo

แพงลูบน้ำที่เปียกใบหน้าทิ้ง รีบออกตัวว่าไม่ได้มาเพื่อก้าวร้าวใส่คนที่มีเกียรติอย่างมานพ แต่มาเพื่อขอร้องอย่าแย่งพี่เพื่อนไปจากพี่ลอ ถ้าเขาทำแบบนั้นพี่ลอคงมีชีวิตต่อไปไม่ได้ แล้วทรุดตัวจะกราบ มานพลุกหนีพร้อมกับไล่ตะเพิดไปให้พ้น แพงไม่ไปไหนทั้งนั้น ถ้าเขาไม่รับปากจะเลิกยุ่งกับพี่เพื่อน

“ไสหัวไปให้พ้น คนอย่างฉันไม่มีวันให้แก ชี้นิ้วสั่ง...ไป” มานพกระชากแขนแพงไม่ปรานีปราศรัย เธอสะบัดหนี มือพลาดไปโดนแผลถูกยิงของมานพถึงกับร้องโอ๊ยลั่น มีเลือดซึมออกมา เป็นจังหวะเดียวกับเพื่อนเปิดประตูห้องเข้ามาพอดี โวยวายว่าแพงทำอะไรคุณมานพ ยิ่งเห็นเลือดซึมเปรอะมือเขาที่กุมท้องตัวเองก็ยิ่งโกรธ พุ่งเข้าไปตบน้องสาวหน้าหัน แล้วจิกผมลากมาที่ห้องโถง

“มึงทำร้ายคุณมานพ กูจะเอาเรื่องมึงให้ถึงที่สุดอีแพง”

“ฉันเปล่านะพี่เพื่อน ฉันไม่ได้ทำ ฉันมาขอร้องไม่ให้คุณมานพยุ่งกับพี่ต่างหาก ไม่เชื่อก็ถามเขาสิ” แพงหันไปทางมานพที่เดินกุมท้องตามมา เพื่อนโกรธจัดหาว่าเธอพรากแม่ไปคนหนึ่งยังไม่พอ จะมาพรากมานพไปอีกคนหรือ แล้วตบน้องซ้ำจนล้มคว่ำ ลอมาเห็นเข้าก็แปลกใจแพงมาทำอะไรที่นี่ เธอแค่จะมาช่วยไม่ให้เขาต้องเสียใจ ลอถึงกับอึ้งที่รู้ว่าแพงรู้เรื่องนี้มาตลอด หันมองมานพสีหน้าเอาเรื่อง

“เป็นคุณใช่ไหมคุณมานพ ถ้าคุณยังกล้าเรียกตัวเองว่าลูกผู้ชาย ตอบฉันมาด้วยสุจริตใจว่าคุณไม่เคยคิดแย่งแม่เพื่อนไปจากฉัน”

“คนอย่างฉันไม่คิดลดตัวไปแย่งของจากแกหรอกไอ้ลอ เพราะแกไม่มีค่าเทียบอะไรฉันได้ ที่คุณเพื่อนเขาอยากเปลี่ยนใจจากแกก็เพราะเขาต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขา” มานพเริ่มอ่อนแรงแทบจะยืนไม่ไหว เพื่อนปรี่เข้าไปพยุงไว้ด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะหันมาต่อว่าลอว่าหาเรื่องมานพทำไม ไม่เห็นหรือว่าเขากำลังบาดเจ็บ แล้วไล่ตะเพิดคนเคยรักไปให้พ้น ไอ้หนุ่มบ้านทุ่งมองหญิงคนรักด้วยสายตาเจ็บปวด

“แม่เพื่อน ทำไม...ทำไมแม่เพื่อนไม่สงสารพี่บ้าง...ทำไม”

พวกบ่าวไพร่ได้ยินเสียงเอะอะ เข้ามาถามมานพว่ามีอะไรหรือเปล่า เขาสั่งให้พาลอกับแพงไปให้พ้นจากที่นี่ พวกนั้นจะเข้ามาจับตัว แพงเอ็ดเสียงลั่นไม่ต้องมายุ่งแล้วชวนลอกลับ อย่าอยู่ให้ใครดูถูกเหมือนหมูเหมือนหมาอีกเลย ก่อนจะลากแขนเขาออกไป มานพสั่งพวกบ่าวไพร่ห้ามให้เรื่องนี้ถึงหูพ่อของตนเด็ดขาด

ลอออกจากบ้านเจ้าคุณรัตน์อย่างหมดอาลัย ตายอยากโดยมีแพงเดินตามมาด้วยความเป็นห่วง เขาหันมาไล่เธอกลับไปก่อนไม่ต้องมาตาม โทษว่าเป็นเพราะเธอไม่ยอมบอกเรื่องนี้ตั้งแต่แรก จนเรื่องเลยเถิดทำให้เขาต้องโดนแม่เพื่อนไสส่ง เธอเข้ามายุ่งเรื่องของเขาเมื่อไหร่เป็นต้องบรรลัยทุกที แล้วเดินฉุนเฉียวจากไป ทิ้งให้แพงยืนหน้าเสียอยู่ตรงนั้นคนเดียว...

เพื่อนประคองมานพมานอนพักที่ห้องของเขาหลังจากช่วยเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เรียบร้อย เขายังเคืองไม่หายที่โดนแพงกับลอตามมาต่อว่าถึงบ้าน ยังโชคดีที่วันนี้พ่อของเขาไปราชการ ไม่อย่างนั้นต้องเกิดเรื่องแน่ๆ แม้เธอจะไล่ให้ลอออกไปจากชีวิตของเธอแล้วก็ตาม 

แต่แค่นั้นเขาคงไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ

“แล้วถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงหูน้าโฉม รู้ถึงคุณพ่อ สภาพผมตอนนี้คงไม่พร้อมลุกขึ้นมาปกป้องคุณ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ใครจะมาด่าว่าฉันอย่างไรฉันก็ไม่สน ในเมื่อฉันมีสิทธิ์เลือก ขอแค่คุณมานพยังรักฉันอยู่เท่านั้น ฉันก็พร้อมจะแลกทุกอย่างเพื่อได้แต่งงานกับคุณ” เพื่อนว่าแล้วโผกอดมานพไว้แน่น ลืมไปว่าเขายังบาดเจ็บอยู่ มานพดันตัวเธอออกเป็นจังหวะเดียวกับวิชิตและโสภีเดินเข้ามา เขารีบบอกให้เพื่อนกลับไปก่อน เขามีธุระจะต้องคุยกับลูกความ เธอทักท้วงไว้คุยตอนที่เขาอาการดีกว่านี้ไม่ดีหรือ

“งานผมสำคัญมาก คุณกลับไปเถอะไม่ต้องห่วงผม ส่วนเรื่องของเราไว้คุยกันทีหลัง”

เพื่อนจำต้องทำตามที่มานพต้องการ ทันทีที่เธอเดินพ้นประตูห้องโสภีปิดประตูใส่ดังปัง เพื่อนถึงกับอึ้ง

ooooooo

ณ บ้านของโฉมฉาย ขณะที่ก้อนกับแก้วกำลังคุยกัน ถึงความใจไม้ไส้ระกำของเพื่อนที่ตัดสวาทลออย่างไม่เหลือเยื่อใย แพงเดินน้ำตาคลอเบ้ากลับเข้ามา แก้วรีบเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงว่าพี่ลออยู่ไหนทำไมไม่กลับมาด้วย แพงถึงกับปล่อยโฮ แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังทั้งน้ำตา แก้วสงสารเธอมาก ได้แต่กอดปลอบใจ

“เอ็งอย่าไปถือคำพี่ลอเลยอีแพง จะพูดอะไรออกมาตอนนี้ก็เพราะความเสียใจมากกว่า”

แพงโทษว่าเป็นความผิดของตนเองที่ไม่พยายามเตือนสติพี่เพื่อนให้มากกว่านี้ แก้วขอร้องเธออย่าเอาความผิดของทุกคนมาเป็นความผิดของตัวเอง ที่พี่เพื่อนเลือกมานพก็แสดงว่าพี่เพื่อนรักตัวเองมากกว่าพี่ลอ แล้วขอร้องให้ก้อนช่วยไปตามลอกลับมาก่อนที่จะเตลิดไปมากกว่านี้ แพงขอไปด้วย แต่แก้วไม่ยอมให้ไป ให้ผู้ชายคุยกันตามประสาผู้ชายดีที่สุด แล้วเร่งให้ก้อนรีบไป ระหว่างนั้นจำปาเข้ามาตามแพงให้ไปพบคุณนายโฉมฉายเห็นว่ามีเรื่องจะคุยด้วย เธอรับคำแล้วขยับจะเดินตามจำปา แก้วครุ่นคิดอยู่อึดใจก่อนจะเรียกไว้

“อีแพง ข้าว่าเอ็งควรเล่าทุกอย่างให้น้าโฉมฟัง บางทีผู้ใหญ่อย่างน้าโฉมอาจจะเตือนสติให้พี่เพื่อนคิดได้ หรือไม่ก็อาจจะสั่งให้พี่เพื่อนกลับทุ่งบ้านสร้างซะเดี๋ยวนี้เลยก็ได้”...

ธุระของโฉมฉายที่จะคุยกับแพงก็คือชวนให้เธอแต่งตัวสวยมาถ่ายรูปด้วยกัน ท่านได้ช่างภาพมาจาก มาดามเลอบัวร์ภรรยาท่านทูตเพื่อนของท่าน ก็เลยจะถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก นอกจากนี้ท่านเพิ่งได้ข่าวดีว่าชาร์โตที่ท่านสนใจอยากซื้อเอาไว้สำหรับเราสองคนไปพักผ่อน เจ้าของตกลงขายให้ท่าน แล้วหยิบชุดสวยที่แขวนอยู่ยื่นให้แพงไปเปลี่ยนเพื่อใส่ถ่ายภาพคู่กับท่าน

“แล้วก็เอาไว้ใส่วันงานเลี้ยงอำลาเพื่อนๆของน้าที่จัดขึ้นด้วย”

“งานเลี้ยงอำลา?” แพงมองโฉมฉายสีหน้างุนงง...

ทางด้านก้อนตามหาลอไปทั่วแต่ไม่เจอ ตัดสินใจไปดูที่ท่าข้าว เห็นเขากำลังแบกกระสอบข้าวสารด้วยสีหน้ามุ่งมั่น เหงื่อโซมกาย แม้แบกจนหลังแอ่น แต่เขายังขอเพิ่มกระสอบข้าวอีกเพื่อให้ได้เงินเพิ่มขึ้น ก้อนทนไม่ไหวเข้าไปห้ามให้พอได้แล้ว แต่เขาไม่สนใจยังแบกกระสอบข้าวต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ

“เอ็งทำแบบนี้ไปมันก็ไม่ได้ช่วยให้เอ็งลืมความเจ็บที่แม่เพื่อนฝากไว้กับเอ็งหรอก”

“ข้าไม่มีเวลามานั่งเสียใจ เพราะ...เพราะถ้าข้าไม่รีบทำซะตั้งแต่ตอนนี้ ข้า...ข้าก็จะมีแต่คำสาบาน” ลอเริ่มทานน้ำหนักกระสอบข้าวสารที่อยู่บนหลังไม่ไหว แต่ละก้าวที่เดินยากเย็นแสนเข็ญขึ้นเรื่อย แต่ก็ยังกัดฟันสู้ น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบแก้ม ก้อนมองสหายรักด้วยความสงสาร พลอยน้ำตาซึมไปด้วย...

ระหว่างที่ลอกัดฟันหาเงินเพื่อหวังจะให้หญิงคนรักได้สุขสบาย เพื่อนไม่ค่อยวางใจโสภีกลัวจะมาวุ่นวายกับมานพ จึงรออยู่ที่สวนหน้าบ้านเจ้าคุณรัตน์ ไม่ยอมกลับบ้านอย่างที่มานพสั่ง

ooooooo

หลังจากเอายาให้มานพกินเรียบร้อย โสภีซักถึงเหตุการณ์เมื่อคืนว่าฝ่ายตรงข้ามรู้หรือเปล่าว่าเขากับวิชิตเป็นใคร มานพมั่นใจไม่มีใครรู้แน่นอน เธอยิ้มให้อย่างชื่นชม นี่เท่ากับการพิสูจน์ตัวเองของเขาครั้งนี้ทำให้เธอเชื่อสนิทใจแล้วว่าท่านจรัญมองคนไม่ผิด มานพยอกย้อน นั่นเท่ากับเธอยอมรับว่ามองเขาผิดไปใช่ไหม

“เอาเป็นว่า ฉันจะรายงานให้ท่านจรัญทราบ ส่วนตอนนี้ในเมื่อพวกกบฏเริ่มรู้ตัวแล้วว่าเรากำลังจับตาอยู่ ยังไงคุณก็ต้องระวังตัวเอาไว้บ้าง แล้วฉันจะปรึกษากับท่านจรัญเพื่อหาทางสืบแผนการของพวกนั้นใหม่” โสภีพูดจบลุกขึ้นจะกลับ มานพคว้าข้อมือไว้ เตือนให้เธอระวังตัวเช่นกัน เธอแตะหลังมือเขาเป็นทำนองขอบใจ แล้วเดินออกไปกับวิชิต มานพมองตามก่อนจะยกมือที่จับมือเธอขึ้นมาดมชื่นใจ

วิชิตกับโสภีเดินคุยกันมาถึงสวนหน้าบ้าน เธอรู้สึกเหมือนมีคนแอบมองอยู่ บอกให้เขาไปรอที่รถก่อน สักครู่จะตามไป รอจนเขาลับสายตาจึงร้องบอกเพื่อน

ที่แอบอยู่หลังต้นไม้ให้ออกมาพบหน้าค่าตากัน เธอตีหน้าใสซื่อว่าเป็นห่วงมานพก็เลยจะรอถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง โสภีให้ยากินและให้เขาพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว

“ถ้าคุณมานพพักผ่อนแล้ว ฉันก็หมดห่วง ขอตัวนะคะ” เพื่อนจะเดินออกไปแต่โสภีขวางไว้

“เดี๋ยวสิคะ ฉันเป็นผู้หญิงด้วยกัน ฉันดูออกว่าคุณกำลังสงสัยฉันอยู่”

เพื่อนปฏิเสธทันทีว่าไม่ได้สงสัยอะไร มานพเล่าให้ฟังแล้วว่าโสภีกำลังมีคดีความหย่าสามี โสภีหัวเราะสมเพชที่เพื่อนถูกเขาหลอก เสียงหัวเราะทำให้เธอไม่ชอบใจคว้ามือโสภีไว้พร้อมกับจ้องหน้าเอาเรื่อง

“นี่คุณ ฉันขอเตือนให้คุณหยุดกิริยาให้ท่าคุณมานพเพราะเขาสัญญาไว้แล้วว่าเขาจะแต่งงานกับฉัน”

“ค่ะ ฉันจะรับทราบเอาไว้ก็แล้วกัน” โสภีแกะ

มือเพื่อนออก แล้วเดินเชิดจากไป...

ทางฝ่ายก้อนพยายามบอกให้ลอที่แบกข้าวจนหมดแรงทำใจ ในเมื่อเพื่อนไม่เหลือเยื่อใย เขาก็ควรจะตัดใจให้ได้ เขายืนกรานจะไม่ยอมเสียเธอไปเด็ดขาด จังหวะนั้นเถ้าแก่เอาเงินค่าจ้างมาให้ ลอรับมากำไว้แน่น พร้อมกับบอกว่าถ้ามีงานอะไรให้ทำอีก ตนยินดีทำทุกอย่าง เถ้าแก่เห็นสภาพของเขาแล้วได้แต่ส่ายหน้า ไล่ให้กลับบ้านไปพักผ่อน ขืนทำงานหนักแบบนี้จะล้มป่วยเปล่าๆ แล้วเดินจากไป ลอพยายามตามไปขอร้องให้เถ้าแก่หางานเพิ่มให้ทั้งที่แทบจะไม่มีแรงยืน ก้อนทนไม่ไหวขอร้องให้พอได้แล้ว

“ให้เอ็งร้องไห้ฟูมฟายเสียใจยังดีกว่าให้ข้าทนเห็นเอ็งทำอย่างนี้”

“ต่อให้แม่เพื่อนเอามีดแทงหัวใจข้าข้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาเพราะน้ำตาไม่ได้ช่วยพาแม่เพื่อนกลับมาหาข้า แต่เป็นเงินพวกนี้ต่างหากที่ช่วยได้” ลอชูมือที่กำเงิน
ให้สหายรักดู ก้อนหมดความอดทน ตัดสินใจใช้สันมือทุบท้ายทอยเขาสลบเหมือด

ooooooo

โฉมฉายถ่ายภาพไปหลายภาพแล้ว แต่เห็นแพงยังยืนนิ่งไม่ยอมไปเปลี่ยนเสื้อผ้ามาถ่ายรูปด้วยกัน ก็ร้องถามว่าเป็นอะไรทำไมยังไม่ไปแต่งตัวหรือไม่ชอบชุดที่ตนเตรียมไว้ให้ แพงอึกอักไม่รู้จะเริ่มต้นเล่าเรื่องพี่สาวอย่างไร โฉมฉายมองออกว่าต้องมีเรื่องผิดปกติ คาดคั้นให้บอกว่ามีอะไรกันแน่

“แพงไม่อยากทำให้คนดีๆอย่างน้าโฉมต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ทั้งๆที่แพงควรจะเตือนพี่เพื่อนได้ แต่แพงก็ทำไม่ได้ แพงขอโทษค่ะน้าโฉม” แพงว่าแล้วโผกอดโฉมฉายร้องไห้ เธอปลอบให้ใจเย็นๆ ค่อยๆเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น แพงยังไม่ทันจะพูดอะไร แก้ววิ่งหน้าตื่นเข้ามาเสียก่อน

“อีแพง พี่ก้อนพาพี่ลอกลับมาแล้ว เอ็งรีบไปดูพี่ลอเถอะ”...

แพงรู้เรื่องที่ท่าข้าวจากก้อนแล้วอดเป็นกังวลไม่ได้ หากลอฟื้นขึ้นมาแล้วใครจะหยุดไม่ให้เขาไปทำงานอย่างบ้าคลั่งได้ แก้วปลอบในเมื่อเธอเล่าทุกอย่างให้
น้าโฉมฟังแล้ว ท่านคงหาทางทำให้พี่เพื่อนได้สติ

“ถ้าน้าโฉมอบรมนังเพื่อนให้ได้สติก็ดี เพราะคนอย่างไอ้ลอมันพร้อมยกโทษให้แม่เพื่อนเสมอ”

แพงเห็นบางอย่างในมือลอ จึงค่อยๆดึงออกมาดูเป็นธนบัตรยับยู่ยี่ ก้อนอธิบายว่านั่นเป็นเงินค่าจ้างแบกข้าวสารที่ลอเชื่อว่าจะทำให้เพื่อนกลับมาหาตัวเอง เธอถึงกับน้ำตาซึมสงสารเขาจับใจ...

ทันทีที่เพื่อนกลับถึงบ้าน โฉมฉายเรียกมาตำหนิเรื่องที่มีคู่หมั้นอยู่แล้วยังไปข้องแวะกับชายอื่น มานพไม่ใช่ผู้ชายที่จะจริงจังกับผู้หญิงคนไหนรวมทั้งเธอด้วย เพื่อนเถียงเสียงแข็งเขารักเธออย่างจริงใจ ขอร้องท่านอย่ากีดกันความรักของเราสองคน แล้วคลานเข้าไปกราบแทบตัก โฉมฉายมองหลานสาวอย่างหนักใจ

“จะว่ากีดกันก็คงใช่ แต่ไม่ใช่เพราะความเกลียดชังหรอก น้าเชื่อว่าสายตาของน้ามองคนไม่ผิด หลังงานเลี้ยงอำลาที่บ้านน้าเสร็จเรียบร้อย แม่เพื่อนกับนายลอต้องพากันกลับทุ่งบ้านสร้างและน้าก็จะให้เงินนายลอไปก้อนหนึ่ง มันจะมากพอที่จะทำให้แม่เพื่อนไม่น้อยหน้าใครแน่ แล้วน้าก็จะพาแม่แพงไปเมืองนอกกับน้าเลย ส่วนเรื่องคุณมานพ ปล่อยให้เป็นธุระของน้าจัดการเอง แม่เพื่อนแค่ไม่ต้องไปพบกับเขาอีก ทำได้ไหม”

เพื่อนไม่ตอบวิ่งร้องไห้กลับห้องพัก คร่ำครวญว่าตัวเองถูกกลั่นแกล้งไม่ให้มีความสุข แพงตามเข้ามาอธิบายว่าทุกคนทำไปเพราะหวังดีไม่มีใครอยากกีดกันหรือกลั่นแกล้ง เพื่อนไม่พอใจที่น้องเอาเรื่องของตนเองกับมานพไปฟ้องน้าโฉม ปรี่จะเข้าไปตบให้หายแค้น แพงจับข้อมือเธอไว้

“อยากให้น้าโฉมโกรธพี่มากกว่านี้ใช่ไหม งั้นฉันจะได้ช่วยบอกให้น้าโฉมจัดรถจัดเงินให้พี่ลอพาพี่กลับทุ่งบ้านสร้างมันซะพรุ่งนี้เลย...เลิกเห็นแก่ความสุขตัวเองสักทีเถอะพี่เพื่อน ขนาดพี่ใจร้ายกับพี่ลอแบบนี้แล้ว แต่พี่ลอกลับไม่คิดโกรธพี่” แพงชูเงินของลอให้ดู “นี่ไง ทุกสตางค์ที่พี่ลอใช้แรงงานเข้าแลก จนล้มพับเพราะเชื่อว่าน้ำตามันไม่ได้ช่วยให้พี่เพื่อนกลับมาหาเขา เอาไปสิ เอาไปนอนกอดซะ จะได้รู้ว่าพี่ลอเขายังพร้อมยกโทษให้ เพราะเขารักพี่มากกว่ารักตัวเอง” แพงปาธนบัตรใส่หน้าพี่สาวแล้วออกจากห้อง

จากนั้นเธอหนีไปร้องไห้เงียบๆที่สวนสวยข้างบ้าน แก้วมาเห็นเข้าก็อดเวทนาไม่ได้ ปลอบว่าคนในบ้านหลับกันหมดแล้ว ถ้าเธออยากจะร้องไห้ดังๆให้สมกับความเสียใจที่อัดอั้นอยู่ข้างในก็ทำได้ตามสบาย ไม่ต้องกลัวใครจะได้ยิน แพงโผกอดสหายรักร้องไห้โฮ

แก้วเห็นความรักมากมายที่เธอมีต่อลอแล้ว

อดเป็นห่วงแทนไม่ได้ ขอคำมั่นสัญญาจากเธอว่าหลังงานเลี้ยงอำลาแล้วเธอต้องเลิกสนใจว่าพี่ลอกับพี่เพื่อนจะอยู่กันอย่างไร แพงนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะรับปาก

“ถ้าเอ็งผิดคำสัญญา ข้าจะเลิกคบเอ็งอีแพง” แก้วพูดจบดึงแพงมากอดด้วยความดีใจ

ooooooo

โฉมฉายพาเพื่อนมาหาลอที่ห้องพักแต่เช้า เขาก้มกราบแทบเท้าขอโทษท่านที่ต้องมาเสียเวลาเพราะเรื่องของเขา โฉมฉายยินดีช่วย ในเมื่อเพื่อนเป็นหลานของท่านและลอเองก็เป็นคนดี ถ้าท่านไม่สนับสนุนให้หลานได้อยู่กินกับคนดีๆก็ถือว่าท่านไม่รักหลานจริง

“เงินตั้งตัวที่ฉันจะให้ก็ไม่ควรปฏิเสธเพราะฉันไม่อยากให้นายลอออกไปทำงานอีก จะได้มีเวลาอยู่กับแม่เพื่อน ปรับความเข้าใจกันให้ดีก่อนจะพากันกลับ
ทุ่งบ้านสร้าง”

ลอไม่สามารถรับเงินมากมายที่ท่านให้ได้ โฉมฉายขอร้องให้รับไว้ ถือว่าเป็นของขวัญแต่งงานที่ท่านจะให้ทั้งคู่ เพราะท่านกับแพงคงจะไปร่วมงานแต่งงานไม่ได้ แล้วขอตัวไปพบมานพเพื่อจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย สั่งให้เพื่อนปรับความเข้าใจกับลอ เพราะท่านกับเขาไม่คิดว่าเธอผิด แค่พลาดไม่ทันคิดเท่านั้น แล้วจับมือทั้งคู่มากุมมือกันไว้ ลอดีใจมากขณะที่เพื่อนกระอักกระอ่วนใจอย่างบอกไม่ถูก...

แม้จะถูกหญิงคนรักทำร้ายจิตใจ แต่ลอก็ไม่โกรธเคืองแม้แต่น้อย ยังคงทะนุถนอมเธอเหมือนที่เคยทำมาตลอด และยังรับปากจะไม่ทำให้เธอลำบาก น้าโฉมให้เงินเราสองคนสำหรับเอากลับไปตั้งตัว เขาจะซื้อที่นาเพิ่มจะได้มีข้าวไว้ขายเยอะๆ และจะปลูกบ้านหลังใหญ่ๆให้เธอได้อยู่อย่างสุขสบาย

“มันก็ดีหรอกนะพี่ลอ แต่แค่ไม่ได้ทำให้ฉันดูดีไปมากกว่าอีแพงได้หรอก ในเมื่ออีแพงมันกลับมาเป็นสาวนักเรียนนอก ส่วนฉันก็เป็นได้แค่สาวบ้านนา”

“ไปกันใหญ่แล้วแม่เพื่อน อีแพงมันได้ดี เราก็ต้องยินดีกับมันสิ”

“ยังจะพูดยกยอมันอีก เลิกซื่อทำเป็นไม่รู้อะไรสักที อีแพงมันรักพี่ มันเกลียดฉัน มันอิจฉาฉันมาตลอดเพราะมันรักพี่ เข้าใจไหม ชาตินี้ฉันถึงยอมให้มันได้ดีไปกว่าฉันไม่ได้”

เพื่อนพูดจบวิ่งหนีไปทั้งน้ำตาจนกระทั่งมาถึงห้องโถง ต้องหยุดมองด้วยความริษยาที่เห็นแพงแต่งตัวด้วยชุดสวยงามนั่งเป็นแบบให้ช่างภาพถ่ายภาพอยู่หน้าฉากที่งามวิจิตร โดยมีแก้วกับจำปายืนชื่นชมอยู่ โดยเฉพาะแก้วถึงกับน้ำตาไหลด้วยความตื้นตันใจที่เห็นสหายรักกำลังจะได้ดิบได้ดีทั้งๆที่ถูกทั้งพ่อทั้งพี่ตั้งแง่รังเกียจเพราะความผิดที่เธอไม่ได้ก่อ

จำปาไม่วายกระแนะกระแหนไปถึงเพื่อนโดยไม่รู้ว่าเจ้าตัวยืนฟังอยู่ เธอโกรธจัดปรี่เข้าไปกระชากจำปาจะเอาเรื่อง แพงต้องรีบมากันไว้ ขอร้องให้ปล่อยจำปาไป เธอยิ่งหมั่นไส้ เงื้อมือจะตบแต่แพงคว้าข้อมือไว้ ถ้าพี่เพื่อนอยากจะระบายก็ให้มาระบายที่ตน

สองพี่น้องมีปากเสียงกัน เพื่อนอิจฉาน้อง แกล้งกระชากแขนเสื้อตัวสวยของแพงขาดวิ่น แล้วเดินเชิดหน้าออกไป จำปาโกรธแทนแพงจะตามไปเอาเรื่องแต่เธอห้ามไว้ แล้วจะเดินตามพี่สาว แก้วรีบคว้าตัวไว้ ตามไปอธิบายก็เท่านั้น พี่เพื่อนคงไม่รับฟัง

“น้าโฉมมีทางออกที่ดีที่สุดให้พี่เพื่อนแล้ว ส่วนเอ็งหลังงานเลี้ยงอำลา ชีวิตเอ็งก็จะเดินไปข้างหน้าหาอนาคต คนอื่นจะเลือกอนาคตยังไงก็เรื่องของเขา เอ็งสัญญากับข้าแล้วไม่ใช่หรืออีแพง ข้าจะไม่ปล่อยให้เอ็งไปหา

ปลักโคลนอีกเด็ดขาด” แก้วยืนยันเสียงแข็ง...

ทางด้านเจ้าคุณรัตน์เป็นห่วงลูกชายที่เข้าไปวุ่นวายกับการเมืองซึ่งยังไม่นิ่ง จึงคิดตัดไฟแต่ต้นลม หากเขาหายดีเมื่อไหร่จะให้แต่งงานกับพิสมัยผู้หญิงที่ท่านหมายตาไว้ให้ และให้ย้ายไปตั้งรกรากที่เมืองนอกไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก ถ้าเขาไม่ทำตามท่านจะถอนออกจากสกุล มรดกสักสตางค์แดงก็จะไม่ให้ มานพจะขอเลือกผู้หญิงที่จะแต่งงานเอง ท่านก็ไม่สนใจขยับจะไป แต่ต้องชะงักเมื่อเจอโฉมฉายยืนอยู่

“ขอโทษด้วยค่ะท่านเจ้าคุณ ดิฉันไม่ตั้งใจจะเสียมารยาทมาเอาเวลาที่ท่านกำลังยุ่ง”

เจ้าคุณรัตน์ยังไม่ทันจะว่าอะไร มานพชักสีหน้าไม่พอใจ เดินผ่านโฉมฉายออกไปเหมือนเป็นธาตุอากาศ เธอมองตามไม่สบายใจที่เห็นสองพ่อลูกกำลังมีปัญหากัน

ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น