วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร สิงห์รถบรรทุก ตอนที่ 3


สีหราชกับอาจารย์เป๋อตามไปจนพบว่าลูกน้องเสือเล็กเอารถบรรทุกที่ปล้นไปซ่อนไว้ที่ไร่ของพรหมบุญ แต่ไม่สามารถเข้าไปข้างในได้เพราะประตูปิดล็อกแน่นหนา จึงกลับมาตั้งหลักที่เกษมขนส่งและเล่าเหตุการณ์ที่เห็นลูกน้องของเสี่ยโดนพวกมันยิงตายอย่างโหดเหี้ยม

เสี่ยเกษมสงสารและเห็นใจลูกเมียของลูกน้องที่มาร้องไห้คร่ำครวญด้วยความเสียใจ เขาเครียดมากถึงกับบอกสายสุนีย์ว่าอยากปิดบริษัท แต่ลูกสาวไม่เห็นด้วยเพราะบริษัทนี้เป็นความฝันของแม่ แม้แม่ตายไปแล้วแต่เราไม่ควรยอมแพ้ง่ายๆ

สองพ่อลูกคิดเห็นไม่ตรงกันจึงมีปากเสียงก่อนที่สายสุนีย์จะไปขอความช่วยเหลือจากสีหราชกับอาจารย์เป๋อ สีหราชนึกถึงแก้วที่เวลานี้เข้าออกบ้านพรหมบุญได้สะดวกเลยพาสายสุนีย์ไปพบแก้วและหวานสวาทแล้ววางแผนเอารถบรรทุกที่ถูกปล้นไปทั้งหมดกลับคืน โดยให้สองคนนั้นค้นหากุญแจประตูไร่พรหมบุญมาให้ได้

แก้วกับหวานสวาทฉวยโอกาสขณะเข้าไปร้องเพลงที่บ้านพรหมบุญแอบปั๊มกุญแจลงดินน้ำมันแต่เกือบโดนฟ้ารุ่งจับได้ หวานสวาทถูกฟ้ารุ่งตบหน้าแล้วพาลด่าด้วยความหึงหวง พรหมบุญทราบจากอาเหมยก็รีบมาหย่าศึกด้วยการตบสั่งสอนฟ้ารุ่งก่อนสำทับไม่ให้แสดงตนเป็นเมีย ถ้าไม่เชื่อฟังจะเฉดหัวออกจากบ้าน

พรหมบุญปกป้องหวานสวาทเพราะหลงเสน่ห์เธอเข้าให้แล้ว...ก่อนแก้วและหวานสวาทจะกลับ พรหมบุญเจรจาว่าจ้างทั้งคู่ร้องเพลงในงานเลี้ยงต้อนรับเสือเล็กที่ไร่ของเขาเร็วๆนี้

ชาญซึ่งกลายเป็นลูกน้องของพรหมบุญตามคำสั่งพายัพตามออกมาส่งแก้วกับหวานสวาท แก้วขอบใจชาญที่เมื่อสักครู่ให้ความร่วมมือไม่กระโตกกระตากตอนเห็นเขาแอบขึ้นไปบนห้องพรหมบุญ ชาญย้ำว่าตนแค่ทำในสิ่งที่ควรทำ แล้วฝากบอกสีหราชด้วยว่าตนมีบุญคุณต้องทดแทน

วันรุ่งขึ้น แก้วกับหวานสวาทไปพบสีหราชที่เซฟเฮาส์ให้ชายแปลกหน้านามว่าคำอ้ายทำกุญแจไร่พรหมบุญได้สำเร็จ โดยมีสายสุนีย์กับอาจารย์เป๋อจับตามองอย่างลุ้นๆ

“สำเร็จแล้ว ในที่สุดเราก็ได้กุญแจไร่พรหมบุญด้วยฝีมือของพี่คำอ้ายเพื่อนรุ่นพี่ที่ผมกับน้องชายยกให้เป็นอาจารย์” สีหราชชื่นชมพร้อมแนะนำตัวสมาชิกใหม่

“ใครๆที่นี่เขาเรียกผมว่าทิด หรือว่าทิดคำอ้ายก็เพราะว่าผมบวชมาหลายปี เพิ่งจะสึกเมื่อไม่นานมานี้เอง”

อาจารย์เป๋อถามคำอ้ายให้แน่ใจว่าตกลงจะมาร่วมก๊วนกำจัดมารกับพวกเราแน่ใช่ไหม คำอ้ายตอบรับทันทีว่าตนอยากทำเรื่องนี้มานานแล้วเพียงแต่ยังไม่มีใครเป็นตัวตั้งตัวตี กระทั่งสีหราชมาเอ่ยปาก

“งั้นถ้าเราเอารถออกมาจากไร่พรหมบุญแล้วก็จะเอาไปหลบที่ไร่ของพี่ทิดก่อน พวกมันจะได้ตามหา ไม่เจอ”

“ไม่มีปัญหา”

“ได้ข่าวว่าหวานสวาทโดนตบด้วยระหว่างปฏิบัติหน้าที่ใช่ไหม”

“ก็นิดหน่อยค่ะอาจารย์ พอยืดเส้นยืดสาย”

หวานสวาทกล่าวอย่างไม่ยี่หระ สายสุนีย์แสดงความห่วงใยถามเธอว่าเจ็บไหม “หายแล้วค่ะ ตอนนี้ไม่มีรอยแล้ว”

“แล้วเราจะลงมือกันเมื่อไหร่” แก้วถาม

“วันอาทิตย์...ในคืนงานเลี้ยงที่ไร่พรหมบุญนั่นแหละ”

ทุกคนมองหน้ากัน ไม่คิดว่าสีหราชจะเลือกลงมือวันนั้น สายสุนีย์ท้วงว่าคืนนั้นคนเยอะ แล้วยังมีพวกเสือเล็กด้วย ไม่เสี่ยงไปหน่อยเหรอ

“แต่มันเป็นคืนเดียวที่เราจะเข้าออกไร่พรหมบุญได้ง่ายที่สุด ผมเชื่อว่าเราต้องทำได้” แววตาสีหราชบ่งบอกถึงความมั่นใจ สร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกคน

ooooooo

หลังจากมีปากเสียงกับลูกสาวเพราะคิดเห็นไม่ตรงกันเรื่องกิจการรถบรรทุกขนส่งที่ทำอยู่ เสี่ยเกษมก็ไม่พูดไม่จากับใครแม้แต่ลูกน้อง สายสุนีย์
รับรู้ถึงบรรยากาศตึงเครียดของเตี่ยที่กำลังเก็บกดความรู้สึก เธอพยายามเข้าหาแต่เตี่ยเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงาน

พอเธอจะเป็นฝ่ายพูดก่อน เสี่ยเกษมก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องทำงาน สายสุนีย์หนักใจ ลูกน้องคนหนึ่งอยู่ในห้องชำเลืองมองก่อนตั้งข้อสังเกตว่าช่วงนี้เสี่ยเงียบผิดปกติ ไม่พูดกับใครเลย แต่เมื่อวานพี่เจริญได้ยินเสี่ยบ่นอยากปิดบริษัท

สายสุนีย์ฟังแล้วไม่สบายใจ ลุกตามไปเห็นเสี่ยเกษมจุดธูปไหว้รูปชูใจ เธอเข้ามาไหว้แม่ด้วยเช่นกัน เสร็จแล้วเอ่ยปากกับเตี่ยว่า

“หนูเป็นลูกเตี่ยนะคะ เตี่ยไม่สบายใจอะไรทำไมไม่ปรึกษาหนู”

“เตี่ยไม่อยากทะเลาะกับแก”

“เตี่ยยังคิดจะปิดบริษัทอยู่เหมือนเดิมใช่ไหม”

“แล้วแกจะให้เตี่ยทำยังไง รถบรรทุกก็เหลือไม่กี่คัน เงินลงทุนใหม่ก็ไม่มี ฝืนทำต่อไปก็ไม่รู้จะโดนรังแกอีกเมื่อไหร่”

“เตี่ยคะ หนูขอเวลาอีกหน่อย”

“แกจะทำอะไร”

“หนูจะหาทางเอารถบรรทุกกลับคืนมาให้ได้”

เสี่ยเกษมส่ายหน้า เห็นแววตามุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวของสายสุนีย์ยิ่งทำให้คิดถึงอันตรายที่กำลังจะตามมา

“แกเหมือนแม่ของแกไม่มีผิด”

“ใช่ค่ะ แม่เป็นนักสู้ ไม่เคยยอมแพ้กับความไม่ถูกต้อง”

“แต่การเป็นนักสู้มันทำให้แม่แกตาย”

“แล้วเตี่ยจะยอมให้พวกมันเอารัดเอาเปรียบยอมให้พวกมันรังแกง่ายๆหรือคะ การที่เขาชุมสิงห์ของเราเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนอย่างทุกวันนี้ก็เพราะว่าพวกเราที่เป็นคนดีพากันท้อแท้ ไม่กล้าสู้ ไม่กล้าแม้แต่จะปกป้องตัวเอง”

“แต่เตี่ยยอมที่จะสูญเสียรถบรรทุก สูญเสีย

บริษัทนี้ หรือแม้แต่ทรัพย์สมบัติทั้งหมดเพื่อแลกกับลูก เตี่ยจะอยู่ได้ยังไงถ้าไม่มีแก”

สายสุนีย์น้ำตาซึมโผเข้ากอดเสี่ยเกษม รู้ซึ้งถึงความรักและห่วงใยของเตี่ย

“รับปากเตี่ยนะว่าแกจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วย้ายออกไปจากเมืองนี้ ชีวิตเตี่ยที่อยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ก็เพราะแกคือลมหายใจของเตี่ย ถ้าแกเป็นอะไรไปอีกคนแล้วเตี่ยจะอยู่ยังไง”

เสี่ยเกษมสะอื้นเบาๆ สายสุนีย์ใจแป้ว ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะถอยหรือเดินหน้า

ooooooo

ค่ำคืนวันอาทิตย์ รถตู้ทีมงานวงดนตรีแก้วการเวกพร้อมแล้วที่หน้าเซฟเฮาส์ของสีหราช บรรดาหางเครื่องช่วยกันขนกระเป๋าสัมภาระใบสุดท้ายใส่รถ
อาจารย์เป๋อแต่งตัวเป็นผู้หญิงเดินขัดเขินออกมาจากบ้านพร้อมกับสีหราชซึ่งใส่หมวกพรางหน้าใส่ชุดหมีเหมือนช่างเทคนิค แก้วและหวานสวาทยืนรออยู่ใกล้รถ มองอาจารย์เป๋อขำๆ

“ทำไมต้องให้แต่งตัวแบบนี้ด้วยวะ มันจะดีเหรอ”

“ชุดนี้แหละน่ะอาจารย์ รับรองเกิดแน่นอน” แก้วพูดยิ้มๆ หวานสวาทเสริมว่าแต่งแบบนี้เหมาะที่สุดแล้วจะได้ไม่มีใครจำอาจารย์ได้

“เอ้า...งั้นก็ไปกันเหอะ” อาจารย์เป๋อขยับแต่สีหราชขัดขึ้นว่า

“เดี๋ยวนะ สายสุนีย์ยังไม่มา เดี๋ยวผมลองโทร.ถามก่อน”

สีหราชติดต่อไป พอสายสุนีย์รับสาย เขากรอกเสียงทันทีว่าพวกเราพร้อมแล้วรถกำลังจะออก พอได้ยินเธออึกๆอักๆ ก็นิ่วหน้าสงสัย

“คือ...คือพอดีเตี่ยฉัน...”

“ผมพอจะเข้าใจ งั้นเอาเป็นว่าพวกเราจะทำตามแผนเดิม ยังไงคุณรอฟังข่าวที่บ้านก็ได้”

“แต่ว่าฉันรู้สึกเหมือนกำลังเอาเปรียบพวกคุณ”

“อย่าคิดแบบนั้น ยังไงเราก็มีศัตรูคนเดียวกัน”

สีหราชวางสาย ไม่ติดใจอะไรอย่างที่พูด ขณะที่สายสุนีย์รู้สึกไม่สบายใจ เหลียวมองเสี่ยเกษมนั่งทำงานในมุมหนึ่งแล้วทอดถอนใจ

ooooooo

ขบวนของแก้วผ่านเข้าไร่พรหมบุญได้อย่างสะดวก สีหราชปลอมตัวเป็นช่างประจำวงดนตรี ส่วนอาจารย์เป๋อเป็นกะเทยหัวหน้าหางเครื่อง

งานเลี้ยงต้อนรับเสือเล็กจัดอย่างกันเอง แก้วและหวานสวาทเข้ามารายงานตัวก่อนที่แก้วจะแยกตัวไปบอกทีมงานให้หาของกินก่อนแสดง ทิ้งหวานสวาทไว้กับกลุ่มพรหมบุญ ซึ่งหล่อนรู้งานพยายามหว่านเสน่ห์ไม่เว้นแม้แต่เสือเล็กที่นิ่งขรึมไม่ค่อยพูดจา ส่วนชาญเฝ้ามองทุกคนเงียบๆ ยากคาดเดาความรู้สึก

สีหราชกับอาจารย์เป๋อแยกออกจากลูกวงของแก้วไปตามหาจุดจอดรถบรรทุกของเกษมขนส่งที่โดนพวกเสือเล็กปล้นมา ไม่ช้าก็พบครบทั้งห้าคันแต่ในรถไม่มีของผิดกฎหมาย ที่สำคัญกุญแจไม่ได้อยู่กับรถแล้วจะเอาออกไปได้ยังไง

สีหราชเชื่อว่ากุญแจรถต้องอยู่ในไร่นี้แน่นอน แต่ไม่ทันจะไปทางไหนต่อ สว่างลูกน้องเสือเล็กโผล่มาทักว่าทำอะไรกัน อาจารย์เป๋อหัวไวคว้าสีหราชมากอดเหมือนพลอดรัก สว่างเลยเตือนระวังฟ้าผ่าแล้วเดินด่าจากไป

“ไอ้พวกวิปริต กูจะอ้วก”

อาจารย์เป๋อยิ้มทะเล้นทำท่าจะจูบสีหราชแต่โดนเขาเอามือยันหน้า สั่งให้เลิกเล่นได้แล้วต้องรีบไปหากุญแจรถ ขณะเดียวกันเสียงดนตรีเริ่มบรรเลง หวานสวาทโชว์เพลงด้วยลีลาเซ็กซี่ยั่วยวนถูกอกถูกใจกลุ่มชายฉกรรจ์ที่จ้องตาเป็นมัน

แก้วดูแลความเรียบร้อยอยู่กับทีมงาน สักครู่สีหราชกับอาจารย์เป๋อเดินเข้ามาบอกเรื่องกุญแจรถที่ต้องหาให้เจอ แล้วสีหราชก็ตาดีเห็นพวงกุญแจห้อยที่เอวหนุมานสมุนของพรหมบุญ เชื่อว่าต้องเป็นไอ้หมอนี่แน่ที่เก็บกุญแจรถบรรทุกไว้

อาจารย์เป๋อถูกผลักไสให้ทำหน้าที่เป็นนางนกต่อไปก้อร่อก้อติกหลอกหนุมานที่กำลังเมาออกมายังมุมมืด ขณะที่สีหราชพาคนของตนไปที่รถ บอกแก้วไว้ว่าถ้าพร้อมเมื่อไหร่ตนจะจุดพลุสัญญาณ แก้วเองก็รับปากว่าทางนี้ตนกับหวานสวาทจะคอยช่วยเบี่ยงเบนความสนใจให้

แล้วโชว์ชุดพิเศษของหวานสวาทก็เริ่มขึ้น พร้อมๆ กับหนุมานที่โดนอาจารย์เป๋อใช้ไม้ฟาดท้ายทอยเกือบสลบ หนุมานตั้งหลักได้จะเอาเรื่องแต่ช้าไปกว่าสีหราชที่พุ่งพรวดมาคว้าไม้ฟาดซ้ำไปอีกที คราวนี้มันสลบเหมือดถูกปลดพวกกุญแจไปอย่างง่ายดาย

สายสุนีย์ไม่ได้มากับกลุ่มสีหราชแต่เธอกำลังพยายามหาทางมาช่วยพวกเขาด้วยการเอายานอนหลับผสมในน้ำชาให้เสี่ยเกษมดื่ม พอยาออกฤทธิ์เตี่ยหลับเธอรีบออกจากบ้านพร้อมปืนและกระสุน

สีหราชให้ลูกน้องขึ้นรถบรรทุกเตรียมพร้อม หากได้ยินสัญญาณพลุดังและเสียงประทัดให้ติดเครื่องแล่นออกไปทางประตูด้านหลัง อย่าเปิดไฟหน้าเด็ดขาด
เสียงพลุดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของโขนที่ออกตามหาหนุมานซึ่งหายตัวไป มันเห็นสีหราชเต็มตาแต่ขัดขวางไม่ทัน เสียงพลุที่จุดโดยอาจารย์เป๋อดังผสมผสานกับเสียงปืนของโขนที่ไล่ยิงพวกสีหราช

เสือเล็กเงี่ยหูได้ยินเสียงปืนแต่พรหมบุญหาว่าเขาคิดมาก ที่นี่ไร่ส่วนตัวของตนใครหน้าไหนก็เข้ามาไม่ได้ เสียงพลุเป็นการเซอร์ไพรส์เท่านั้น

เสียงพลุของแก้วผสมโรงเข้าอีก คราวนี้กลบเสียงปืนได้สนิท สีหราชนำขบวนลูกน้องขับรถบรรทุกห้าคันออกไปแต่โขนยังไม่หยุดติดตาม แต่แล้วโขนโดนชาญเตะเสียปลายคางจนสลบ ฝ่ายหนุมานที่สลบไปก่อนหน้านี้กำลังรู้สึกตัว

เมื่อตั้งหลักได้หนุมานรีบวิ่งไปบอกพรหมบุญว่าสีหราชบุกเข้ามา พรหมบุญลุกพรวดยิงปืนขึ้นฟ้าให้หยุดการแสดง เสือเล็กสั่งสมุนเอารถออกตามกลุ่มสีหราชไป ด้านสายสุนีย์ที่มาถึงได้จังหวะพอดี เธอช่วยพวกสีหราชยิงสกัดอีกฝ่ายจนสามารถเอารถบรรทุกออกไปได้หมด จุดหมายคือไร่ของคำอ้ายที่กำลังจดจ่อรอคอย

พวกเสือเล็กเจ็บใจที่ตามพวกสีหราชไม่ทันเพราะรถของพวกตนโดนยิงล้อจนแบนแต๋ พรหมบุญโกรธมากที่ถูกสีหราชหยามถึงถิ่นของตน ปลัดฉกาจเชื่อว่าต้องมีหนอนบ่อนไส้อย่างแน่นอน

“ใช่ ฉันก็สงสัยอยู่เหมือนกัน” จบคำพรหมบุญก็กวาดสายตาไปยังกลุ่มของแก้วซึ่งเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย เตรียมกลับบ้าน

พรหมบุญและปลัดฉกาจเดินเข้าไปหา เป็นจังหวะที่หวานสวาทเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วออกมาจากฉากกั้นพอดี เธอยิ้มหวานให้ แต่พรหมบุญจับใบหน้าของเธอบีบแรงเพื่อเค้นความจริง

“เธอรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง”

“หวานไม่เกี่ยวนะคะ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย”

พรหมบุญเห็นแววตาใสซื่อหวาดกลัวไร้เดียงสาของหวานสวาทก็นิ่งไป แก้วรีบเข้ามาเอ่ยอย่างอ่อนน้อม

“ท่านครับ พวกเราศิลปินหาเช้ากินค่ำ ไม่มีวันทำอะไรแบบนั้นหรอกครับ ท่านมีบุญคุณกับพวกเรา พวกเราไม่กล้าหักหลังเด็ดขาด”

“ก็ได้ ฉันจะลองเชื่อเธอดู แต่อย่าให้รู้นะว่าฉันโดนทรยศ” พรหมบุญปล่อยมือจากหวานสวาทแล้วหันไปสั่งลูกน้อง “พรุ่งนี้เช้าพวกแกทุกคนต้องออกไปตามล่าพวกมันมาให้ได้ และถ้าเจอที่ไหนก็ให้จับตายได้เลย”

ooooooo

เพียงเช้าวันใหม่ โขนกับหนุมานก็พาสมุนจำนวนหนึ่งบุกไปเกษมขนส่ง อ้างชื่อพรหมบุญนายของตนสั่งให้มาเยี่ยมเสี่ยเกษม

“เฮ้ย...พวกเอ็งช่วยดูแลความเรียบร้อยให้เสี่ยเขาหน่อย ดูให้ทุกซอกทุกมุม” หนุมานร้องสั่งสมุน

เสี่ยเกษมไม่พอใจถามว่าจะทำอะไรกัน โขนบอกว่าเมื่อคืนนี้มีของหาย ก็แค่มาตามหา เสี่ยมีอะไรซุกซ่อนไว้เหรอถึงได้ตกอกตกใจ

“ของอะไร พวกเราไม่เคยลักขโมยของใคร อย่ามากล่าวหากันลอยๆแบบนี้”

“เสี่ยขัดข้องใช่ไหม” โขนไม่พูดเปล่าแต่ชักปืนข่มขู่ พริบตานั้นสายสุนีย์เดินเข้ามาขวางอย่างไม่กลัวเกรง

“ถ้าอยากจะค้นอะไรก็ค้นไป เสร็จแล้วก็รีบกลับ”

โขนยิ้มกวนๆ กล่าวขอบใจสายสุนีย์แล้วพยักหน้าส่งสัญญาณให้สมุนกระจายกำลังกันค้นหา โดยมีสายตาของสองพ่อลูกเฝ้ามองอย่างแค้นใจ

หนุมานคุมสมุนกระจายกำลังกันค้นหาตามมุมต่างๆ ไม่ได้แค่ค้นหารถบรรทุกแต่ค้นหาร่องรอยของการแข็งข้อว่ามีการสะสมอาวุธหรือกำลังคนแปลกหน้าหรือไม่

การรื้อค้นทำให้ข้าวของเสียหายเล็กน้อย เจริญและคนงานของเสี่ยเกษมคอยดูแลเก็บของที่โดนรื้อทำลายเข้าที่เข้าทาง ส่วนโขนนั่งถือปืนรออย่างสบายใจเฉิบ เสี่ยเกษมกับสายสุนีย์ยืนคุมเชิงอยู่ห่างๆ ผ่านไปสักพักหนุมานเดินเข้ามารายงานโขนว่าทุกอย่างปกติ

โขนมองสองพ่อลูกแล้วขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ จากนั้นก็เกณฑ์สมุนขึ้นรถกลับออกไป เสี่ยเกษมกับสายสุนีย์มองตามเจ็บใจ พอเจริญและคนงานเข้ามา
เสี่ยถามพวกเขาว่ามีอะไรเสียหายหรือเปล่า

“ก็มีบ้างครับ แต่ไม่มาก”

เสี่ยเกษมหันขวับมาที่ลูกสาว สายตาคาดคั้น ดุกร้าวน่ากลัว

“แกมีอะไรปกปิดเตี่ยหรือเปล่าสายสุนีย์”

สายสุนีย์อึกอักนั่นเท่ากับยอมรับ เสี่ยเกษมกระชากเสียงอย่างโกรธจัด

“ฉันนึกแล้วไม่มีผิด เมื่อคืนแกออกไปกับสีหราชใช่มั้ย”

“ค่ะเตี่ย”

“ทำไมแกทำแบบนี้ ทำไม!”

“หนูทำเพื่อความถูกต้อง สิ่งที่หนูทำก็เพื่อให้ความฝันของแม่เป็นจริง”

“แกตื่นได้แล้ว ชีวิตจริงมันมีโอกาสแค่ครั้งเดียว ดูแม่แกซิ จนป่านนี้เขายังไม่ฟื้นขึ้นมาทำความฝันของตัวเองเลย แกอย่าเอาอุดมคติของแกมาทำให้คนต้องตายอีกเลย”

“แต่การต่อสู้กับความชั่วร้ายเป็นหน้าที่ที่เราต้องทำ หนูรู้ว่าโลกนี้มันโหดร้าย แต่เตี่ยคะ ถ้าเราอ่อนแอ ไม่ว่าจะหนีไปอยู่ที่ไหนเราก็จะโดนรังแกไม่มีที่สิ้นสุด”

น้ำเสียงและแววตาของสายสุนีย์เด็ดเดี่ยวเสียจนเสี่ยเกษมชะงัก นิ่งไปอย่างหวั่นวิตก

ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น