วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร พญาโศก ตอนที่ 7


บริพัตรเดินสะเปะสะปะและตะโกนเรียกลำหับอย่างกดดันคับแค้น แต่นั่นเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับทุกคนที่จ้องอยากเจออยากได้ตัวเขา ไม่ว่าจะเป็นพวกเฉิดเฉลา ลำหับกับชาตรี และพวกสนที่บังเอิญลงจากภูเขามาพอดี

จูเนียร์มากับสนด้วย ได้ยินเสียงคนตะโกนบอกรักลำหับ แน่ใจว่าต้องเป็น ส.ส.บริพัตร สนตาลุกวาวมีโอกาสจับตัวเขาไปให้รามตามต้องการ

ชาตรีระมัดระวังเต็มที่ เตือนลำหับห้ามปรากฏตัวและส่งเสียงแม้ได้ยินเสียงบริพัตร ลำหับหักห้ามใจแต่พอเห็นบริพัตรตกอยู่ในวงล้อมของพวกสนและพวกเฉิดเฉลาก็อดรนทนไม่ไหว เสี่ยงตายวิ่งออกไปปกป้องเขาปลอดภัยแต่ตัวเองโดนคมกระสุนเข้าหัวไหล่เลือดไหลแดงฉาน

ทั้งบริพัตรและชาตรีตกใจ ชาตรีช่วยยิงเปิดทางให้บริพัตรพาลำหับหนีไป ขณะที่จูเนียร์ก็อยากช่วยเหลือพี่สาวด้วยการขัดคำสั่งสนวิ่งตามไป เฉิดเฉลาสั่งยิงทิ้งทั้งหมดแต่ยศพงษ์ที่พาคนมาเพิ่มไม่ให้ยิงจูเนียร์เพราะทราบดีว่าคือลูกชายของหมายเลขหนึ่งผู้เหี้ยมโหด หากลูกเขาตาย เขาไม่ไว้ชีวิตพวกเราแน่

เฉิดเฉลาขัดใจแต่จำเป็นต้องถอยตามที่ยศพงษ์ต้องการให้ออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด แต่พอเห็นพวกบนเขายิงบริพัตรบาดเจ็บแล้วหนีไปพร้อมจูเนียร์ที่ถูกบังคับ ยศพงษ์ก็เปลี่ยนใจสั่งสมุนจัดระเบิดชุดใหญ่ใส่พวกชาตรีแล้ววิ่งหนีกลับมาที่รถพร้อมเฉิดเฉลา

ระเบิดทำงานเสียงดังสนั่นหวั่นไหวแต่ไม่สามารถทำอะไรพวกชาตรีที่ไหวตัวทัน แถมชาตรียังเอาคืนด้วยการปาระเบิดใส่รถสองคันของพวกยศพงษ์จนพังพินาศย่อยยับ

บริพัตรถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน อาการของเขาน่าเป็นห่วง ชาตรีให้ลำหับกลับไปรอฟังข่าวที่บ้าน ด้านจูเนียร์ที่กลับถึงค่ายก็โดนรามดุด่าก่อนจะแอบได้ยินเขาสั่งสมุนไปขอความร่วมมือยศพงษ์จับลำหับ คนัง และบริพัตรมาให้ได้ จูเนียร์จึงตัดสินใจหนีลงจากเขามาส่งข่าวลำหับให้ระวังตัว

บริพัตรอาการดีวันดีคืนแต่ยังต้องทำกายภาพบำบัด ชาตรีเฝ้าดูและให้กำลังใจเต็มเปี่ยมพร้อมกับส่งข่าวลำหับเป็นระยะ หากหมออนุญาตให้กลับได้เมื่อไหร่บริพัตรจะไปพบเธอทันที ลำหับดีใจและเฝ้ารอเพื่อบอกความจริงเรื่องลูกกับเขาอย่างใจจดใจจ่อ

แต่แล้วความหวังของเธอก็ดับวูบ เมื่อพวกสนลงมาร่วมมือกับพวกยศพงษ์ลักพาตัวบริพัตรไปจากโรงพยาบาล ชาตรีไหวตัวรีบกลับมาพาลำหับกับคนังและจักรินหนีออกจากไร่ โดยเผาทำลายบ้านมอดไหม้ให้ศัตรูเข้าใจว่าพวกลำหับอาจตายในกองเพลิง

ooooooo

12 ปีผ่านไป...

ชาตรี ลำหับและลูกๆ รวมทั้งวิเวกกับตึ๋งหนืดอาศัยอยู่ในจังหวัดเดิมแต่คนละอำเภอ คนังกับจักรินอยู่ในช่วงวัยรุ่น ลำหับไม่เคยบอกเด็กทั้งสองว่าใครคือพ่อ

ลำหับเลี้ยงเด็กสองคนด้วยความรักเท่าเทียมกัน สอนให้คนังรักและอภัยให้น้อง พี่ต้องเสียสละให้น้องเสมอ ยิ่งโตเด็กสองคนยิ่งมีนิสัยแตกต่างกัน จักรินเอาแต่ใจตัวเองและเห็นแก่ตัว เมื่อทำความผิดจะโทษคนังตลอด ให้คนังยอมรับโทษแทนโดยที่ลำหับไม่เคยทราบ

วิเวกกับตึ๋งหนืดระอาใจกับจักรินมาก โตขึ้นเรียน หนังสือเวลาสอบจักรินให้คนังใส่ชื่อและหมายเลขสอบของตน ส่วนตนเองใส่ชื่อคนัง ทำให้จักรินได้คะแนนสูงแต่คนังคะแนนต่ำ

เพ็ญโพยมลูกสาวของยศพงษ์อยู่ในวัยไล่เลี่ยกับคนังและจักริน เธอเรียนมัธยมโรงเรียนเดียวกับสองหนุ่ม จักรินชอบเพ็ญโพยมมากถึงขนาดกีดกันคนังทุกทางไม่ยอมให้เข้าใกล้แถมยังบอกเธอว่าคนังคือลูกคนรับใช้ในบ้านตน แต่เพ็ญโพยมนิสัยดีไม่เหยียดคน และดูเหมือนเธอจะให้ความสนใจคนังมากกว่าจักรินเสียด้วย...

ยศพงษ์อยู่กินกับเฉิดเฉลาอย่างเปิดเผย ทั้งที่เธอยังไม่ได้หย่ากับบริพัตรที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แม้แต่ ยศพงษ์ก็ไม่แน่ใจว่าคนของรามเอาเขาไปไหน หรืออาจฆ่าทิ้งไปแล้วก็เป็นได้

ชาตรีคือผู้หวังดีกับลำหับอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ลึกๆ เขารักเธอแต่ไม่เคยทำรุ่มร่ามล่วงเกินแม้มีโอกาส ลำหับให้ความเคารพนับถือเขามากเสมือนญาติ ให้คนังกับจักรินเรียกเขาว่าลุง

วันเวลาผ่านไปกว่าสิบปีแต่ลำหับยังมั่นคงและรอคอยการกลับมาของบริพัตร วันนี้ชาตรีมาเห็นเธอนั่งรำพึงถึงบริพัตรแล้วอดสงสารไม่ได้

“คุณบริพัตร...คุณหายไปไหน ฉันไม่ได้ข่าวคราวคุณมาสิบสองปีแล้ว ลูกของเราสองคนอายุสิบห้ากำลังเป็นวัยรุ่น คนังนิสัยใจคอเหมือนคุณมาก ส่วนจักรินขี้ใจน้อย ขี้หงุดหงิด กลัวฉันไม่รักเท่าคนัง ทั้งที่แกไม่รู้ว่าแกไม่ใช่ลูกของฉัน ฉันไม่ย่อท้อค่ะ จะทำให้แกมั่นใจในความรักและความอบอุ่นที่ฉันมอบให้แกเท่ากับคนัง...ฉันคิดถึงคุณ จะรอคุณนะคะ คุณต้องมีชีวิตอยู่เพื่อรับรู้ว่าคนังเป็นลูกของเรา และรับรู้ว่าจักรินลูกของคุณอยู่กับฉัน”

“ป่านนี้เธอยังไม่ลืมเขา เธอยังหวังว่าเขาจะยังไม่ตาย” ชาตรีพึมพำก่อนเดินเข้ามาถามลำหับว่าจักรินกับคนังไปโรงเรียนกันแล้วหรือ

“ค่ะ คนังขี่มอเตอร์ไซค์เอาน้องซ้อนท้าย น่ารักมากค่ะ”

“ดีใจแทนเธอที่มีลูกน่ารักสองคน”

“ค่ะ ลูกที่ขาดพ่อ พวกแกเคยถามถึงพ่อ หนูตอบไม่ได้ คนังยอมเข้าใจ แต่จักรินไม่ยอมเข้าใจแถมหงุดหงิด... ทำไมเราไม่ได้ข่าวคราวของคุณบริพัตรบ้างเลยคะ”

“เธอพูดแบบนี้ทุกวันมาสิบสองปีแล้ว ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ก็ไม่น่าจะอยู่โดยมีอิสรภาพ อาจโดนกักขังไว้ที่ไหนสักแห่ง”

“ใครกักขังเขาไว้คะ”

“มีอยู่สองพวก พวกแรกแม่มดเฉิดเฉลา เพราะเรื่องสมบัติ พวกหลัง คนบนภูเขา”

“คุณพ่อ...คุณพ่อจะขังเขาไว้ทำไมตั้งสิบสองปีคะ”

“เพื่อต่อรองกับเธอ แต่เราสร้างหลักฐานว่าบ้านโดนเผาและตายในกองเพลิง เขาเลยหาเราไม่พบ แต่เขาอาจไม่เชื่อ”

“เราตายแล้ว มีหลักฐานชัดเจนนะคะ”

“เขารอบคอบ เราเองยังคิดว่าว่าคุณบริพัตรอาจไม่ตาย เขาก็คิดว่าเราอาจไม่ตายเหมือนกัน”

“ถ้าคุณมั่นใจว่าเขาอยู่บนเขา หนูจะไปเอาตัวเขามา”

“เธอกล้าเสี่ยงทิ้งเด็กที่กำลังโตสองคนเพื่อไปพบเขางั้นหรือ เขาต้องการให้เธอดูแลลูก เรื่องนั้นมันหน้าที่ฉันเอง รอมาได้ตั้งสิบสองปี รอต่อไปอีกสักนิดเถอะ ฉันเองก็ต้องระมัดระวังตัวไม่ให้นังแม่มดเฉิดเฉลากับนายยศพงษ์กับพวกบนเขาเจอ จะทำให้โดนสะกดรอยตาม แต่ฉันสัญญาว่าต้องหาเขาให้พบจนได้”

“ขอบคุณมากค่ะ” ลำหับแววตาสุกใสอย่างมีความหวัง

ooooooo

บนเขาค่ายของรามหรือหมายเลขหนึ่ง บริพัตรถูกกักขังอยู่ที่นี่ยาวนานในสภาพขาเป๋ข้างหนึ่ง หนวดเคราครึ้ม ผมเผ้ายาวรุงรัง แม้ร่างกายเปลี่ยนไปแต่หัวใจเขายังอยู่ที่ลำหับคงเดิม ไม่เคยมีวันไหนที่เขาไม่คิดถึงเธอกับลูก เขาเชื่อว่าเธอกับลูกยังไม่ตาย

จูเนียร์ก็เช่นกัน เขาเชื่อว่าลำหับกับคนังยังไม่ตาย หลักฐานที่บ้านมอดไหม้อาจเป็นแผนหลอกว่าตายเพื่อไม่ต้องการให้ใครตามพบ

“ได้โปรดจูเนียร์ ช่วยสืบหาพี่สาวกับหลานของจูเนียร์ ด้วย แม้ยังไม่พบก็ขอให้ได้ข่าวของพวกเขาบ้าง ผมอยากพบพวกเขามาก” บริพัตรขอร้องขณะจูเนียร์แอบมาพบในห้องคุมขัง

ทันใดรามโผล่พรวดเข้ามาตบหน้าจูเนียร์แล้วคำรามใส่บริพัตร “ฉันพาแกไปหาพวกนั้นแน่ เพราะแกคือเหยื่อตัวใหญ่ที่จะทำให้ลำหับกับลูกมาฮุบเบ็ดของฉัน”

“ถ้าพบพวกเขาแล้วทำร้าย ผมยอมตายตอนนี้ดีกว่า”

“จูเนียร์...ฉันสั่งแล้วว่าอย่าเข้ามาหามัน จะแอบพามันหนีใช่มั้ย”

บริพัตรห่วงความปลอดภัยของจูเนียร์ รีบออกรับแทนว่า “เขามาถามทุกข์สุขของผมเท่านั้น ขอบใจมากครับ จูเนียร์ ไม่ต้องมาหาผมอีก”

รามเรียกสนมาพาจูเนียร์ไปซ้อมยิงปืน จูเนียร์โอนอ่อนไปก่อน แต่แล้วไม่กี่วันถัดมาก็แอบมาพบบริพัตรอีก แจ้งว่ายังไม่ได้ข่าวของลำหับกับคนัง แต่อย่าเพิ่งสิ้นหวัง ถ้าตนได้โอกาสลงไปข้างล่างเมื่อไหร่จะไปสืบหาพวกเขา

“ขอบคุณมาก แต่มันช่างมืดแปดด้าน ขนาดพวกหมายเลข 1 และหมายเลข 2 เก่งกาจยังไม่ได้วี่แวว”

“เพราะพวกเขาไม่รู้จักพี่ใหญ่ดีเท่าผม หรือบางทีผมจะหาทางปล่อยให้คุณหนีไปตามหากันเอง”

บริพัตรตกใจ เกรงอันตรายจะเกิดแก่จูเนียร์ แต่ชายหนุ่มไม่สะทกสะท้าน จะพยายามหาทางให้บริพัตรออกไปจากที่นี่ให้ได้

oooooo

ยศพงษ์ทิ้งให้เพ็ญโพยมอยู่ในความดูแลของแม่เริ่มกับอาเดียวตั้งแต่เล็กจนเข้าสู่วัยรุ่น เขาให้ลูกทุกอย่างทางวัตถุยกเว้นความรักและเวลา เมื่อใดที่เขาโผล่มาหาลูกสาว มักโดนญาติทั้งสองคนตอกหน้าไม่มีชิ้นดี โดย เฉพาะถ้าเฉิดเฉลามาด้วยยิ่งโดนหนัก

ลำหับสร้างอาชีพให้ตนเองโดยมีวิเวกกับตึ๋งหนืดร่วมแรงร่วมใจด้วยการทำนาปลูกข้าวและเลี้ยงผึ้ง ชาตรีชื่นชมลำหับและคาดว่าอีกหน่อยคงร่ำรวย

“หนูไม่ได้อยากได้เงินมากมาย แต่หนูพยายามทำตัวให้มีค่า ไม่งอมืองอเท้า”

“คนังมีสมบัติของย่ามากมาย แค่ยังไม่ได้ไปแสดงตัวรับ”

“คุณก็รู้ว่าเราไม่ต้องการให้ใครจับความเคลื่อนไหว แค่ที่ทนายซิกแซกส่งค่าเลี้ยงดูมาให้หนูก็พอใจแล้วค่ะ รอสักวันที่คุณบริพัตรปรากฏตัวแล้วไปจัดการกันเองเถอะค่ะ”

“ฉันขึ้นไปบนเขา เดาสุ่มหาเอาว่าพวกเขาตั้งค่ายอยู่ตรงไหนมาหลายรอบแล้วยังหาที่ตั้งไม่ได้สักที แต่ก็จะไม่ย่อท้อหรอกนะ”

“ขอให้เป็นคุณพ่อจับตัวเขาไปเถอะค่ะ เพราะท่านจะไม่ฆ่าเขา”

“จนกว่าจะหาเธอพบ ถ้ายัยแม่มดกับไอ้อสูรร้ายนั่นจับเขาไปเมื่อสิบสองปีก่อน มันก็ต้องฆ่าเขาเพื่อเอาสมบัติส่วนของคุณบริพัตรในฐานะภรรยา”

“ก็ต้องเป็นข่าวว่าเขาตายโดยที่ยังไม่ได้หย่า เราก็ต้องรู้”

วิเวกกับตึ๋งหนืดพากันเข้ามารายงานลำหับว่าเจอบุหรี่ในกระเป๋ากางเกงจักรินและในห้องนอนก็มีซองบุหรี่ด้วย ชาตรีหนักใจแทนลำหับ ต้องรีบทำความเข้าใจกับจักรินว่าบุหรี่อันตรายที่สุด

จักรินติดบุหรี่แอบเข้าไปสูบในห้องน้ำของโรงเรียนแต่พอมีคนเห็นก็โยนความผิดให้คนังหน้าตาเฉย เพ็ญโพยมไม่เชื่อเพราะได้กลิ่นบุหรี่จากตัวจักริน รวมทั้งเรื่องที่จักรินโกงสอบเธอแอบเห็นแล้วถ่ายคลิปเอาไว้เป็นหลักฐาน

ยศพงษ์กับเฉิดเฉลาคือพ่อแม่ที่แท้จริงของจักริน เฉิดเฉลายังระลึกนึกถึงลูกเสมอ เธอแค้นใจที่ในอดีตเมื่อสิบสองปีก่อนยศพงษ์เอาลูกไปทิ้งที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้วถูกคนขโมยไปอีกทอด ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดียังไง

ความแค้นของเธอมาลงที่เพ็ญโพยมลูกสาวของยศพงษ์กับเมียเก่าอย่างช่วยไม่ได้

“เด็กเพ็ญโพยมมันต้องรับกรรมที่ไอ้ยศพงษ์มันทำกับตาหนูที่เป็นพี่ชายต่างแม่ของมันให้สาสม ฉันจะไม่มีวันให้แกรู้ว่าลูกชู้ที่แกประณามหยามเหยียดคือลูกของแกเอง ฉันต้องทำลายเพ็ญโพยมให้สาแก่ใจ”

เฉิดเฉลาพึมพำน้ำตาซึม ยศพงษ์เดินมาเงียบๆมองอย่างแปลกใจ

“น้ำตาซึมคิดถึงไอ้บริพัตรไม่เลิกรา หรือว่าคิดถึงลูกชายที่หายสาบสูญไป”

เฉิดเฉลาปรับสีหน้าเล่นบทแม่เลี้ยงผู้แสนดีเพื่อให้ยศพงษ์ตายใจ

“เปล่า คิดถึงหนูเพ็ญต่างหาก สงสารแกนะ อยากให้แกมีความสุขและอยากให้แกรักคุณมากๆ แต่แกก็ไม่รัก ฉันจะไม่เลิกความพยายามทำให้แกรักคุณให้ได้”

“ขอบใจมากนะเฉิด ฉันขอโทษเธอเรื่องตาหนูของเธอ ฉันยอมรับผิดที่เอาแกไปแอบเธอไว้จนทำให้แกโดนขโมยไปอีกต่อ”

“ขอบใจที่ยอมรับผิดซ้ำๆมาสิบสองปี อาจจะมีสักวันที่ฉันเดินสวนกับแกแต่ไม่รู้ว่านั่นคือลูกของตัวเอง คุณยังโชคดีกว่าฉัน แม้ว่าจะห่างเหินกับลูกแต่คุณก็รู้ว่าจะไปพบเจอลูกที่ไหน”

“หนูเพ็ญทำให้ฉันรู้สึกผิดที่ทำกับเธอและตาหนู เราจะไม่เลิกตามหาตาหนูของเธอ”

เฉิดเฉลานิ่งไป คำรามอยู่ในใจว่า “ของแกด้วย นั่นแหละไอ้พ่อสารเลว” แล้วแสร้งยิ้มกลบเกลื่อน “ขอบใจมาก แต่นอกจากจะตามหาลูกของฉัน เราก็ยังต้องตามหาบริพัตร ฉันกับเขายังไม่ได้หย่ากัน สมบัติส่วนของเขาฉันยังมีสิทธิ์ถ้าเขาตายจริงๆ”

“หรือว่าเขาจะไปอยู่กับนังลำหับกับลูกมัน เราต้องตามหาพวกมันทั้งหมด”

“ไอ้วิเวก นังตึ๋งหนืด พวกนี้ต้องไปอยู่ด้วยกันหมด รวมทั้งไอ้คนไม่มีชื่อนั่นด้วย”

“ตามหาเพื่อฆ่าทิ้งให้หมดทุกคน รวมทั้งลูกของมัน”

เฉิดพยักหน้าเห็นด้วย จังหวะนี้เสกสรรลูกชายอีกคนของเฉิดเฉลาเข้ามาขอเงินสองหมื่น ทั้งที่เมื่อสามวันก่อนก็เพิ่งให้ไปสองหมื่น เสกสรรโดนแม่บ่นเลยแสดงความหงุดหงิดเอาแต่ใจ

“เงินนั่นก็แค่เศษเงิน ได้ยินพวกคนงานมันพูดกันว่าเพิ่งซื้อนาฬิกาเรือนละสองแสนไปให้ลูกสาวบ้านโน้น อย่ามาทำเป็นเข้มกับเสก เงินของพ่อเสกที่ตายไปตั้งเท่าไหร่เอาไปแบ่งให้ใครมารุมช่วยใช้ไม่อยากจะต่อว่า”

ยศพงษ์ไม่พอใจปราดเข้าไปตบหน้าเสกสรรทันที “อย่ามาก้าวร้าวกับฉัน แกไม่มีสิทธิ์มาทำกร่างที่นี่ แกเกิดมาจากขยะกองไหนก็ไม่รู้ ฉันไปเก็บแกมาเป็นเจ้าชายอยู่ที่นี่ก็มีบุญคุ้มไปจนชาติหน้าแล้ว อย่าบังอาจ”

เสกสรรยืนกุมหน้าน้อยใจและช้ำใจ เฉิดเฉลาตัดปัญหาส่งเงินให้ลูกห้าพันกำชับให้ใช้ถึงสิ้นเดือน แล้วให้ขยันไปโรงเรียนเสียบ้าง

“คุณแม่ไม่รู้เหรอว่าเสกโดนไล่ออกแล้ว”

“เด็กบ้า! หาความดีไม่ได้สักอย่าง” เฉิดเฉลาแว้ดลั่น เสกสรรน้ำตาคลอ เถียงอย่างอัดอั้นว่ามีใครในที่นี้ยัดเยียดความดีใส่ตนบ้าง มีใครทำตัวอย่างดีๆให้เห็นบ้าง นอกจากเห็นแต่ยานรก

ยศพงษ์โกรธมากจะตบเสกสรรอีกแต่เฉิดเฉลาดึงเขาไว้แล้วไล่ลูกชายออกไปพ้นหน้า เสกสรรเดินห่างออกมาลอบส่งสายตาอาฆาตแค้นยศพงษ์

ooooooo

รามให้สนกับสมุนอีกคนลงมาเจรจาขอความร่วมมือกับยศพงษ์และเฉิดเฉลาแต่ไม่ให้บอกว่าจับบริพัตรไว้เมื่อสิบสองปีก่อน

การเจรจาเป็นไปด้วยดี เพราะสองฝ่ายต้องการพบลำหับกับลูกและจัดการชายไร้ชื่อ เฉิดเฉลาถือโอกาสนี้ฝากพวกเขาสืบหาลูกชายของเธออีกคนที่โดนขโมยไป

สนรับปากแม้รู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วบอกลากลับขึ้นเขาทันที

ที่ค่ายของรามบนเขา...จูเนียร์ถือโอกาสปลอดคนมาปลดโซ่ตรวนที่ขาให้บริพัตรก่อนที่ตนจะเดินทางไปฝึกงานกับคนอีกฝั่งในคืนนี้

“คืนนี้ที่นี่คงชุลมุนจัดเรื่องการเดินทางของผม ไม่มีใครพลุกพล่านแถวนี้ รีบออกไปจากที่นี่ซะ”

จูเนียร์ปลดย่ามที่สะพายมาให้บริพัตร ข้างในมีน้ำ อาหาร และโทรศัพท์มือถือ บริพัตรซึ้งใจชื่นชมจูเนียร์น้ำใจดีงามเหมือนลำหับไม่มีผิด

“พี่สาวผมโชคดีที่ไม่มีใครบังคับให้ทำผิด แต่ผมทำสิ่งผิดมากมาย แม้จะไม่เต็มใจแต่ผมก็ผิด ไปครั้งนี้ผมอาจไม่ได้กลับมา”

“ทำไมพูดอย่างนั้น”

“หมายเลข 1 บอกว่าผมไม่เข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวพอ ไปทำงานแล้วพวกเขาจะส่งผมข้ามไปอยู่กับพวกฝั่งโน้นเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรม”

“นานแค่ไหน”

“คงนานมากจนกว่าผมจะเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นกล้าฆ่าคนได้...ถ้าคุณพบพี่ใหญ่กับคนัง บอกพวกเขาด้วยว่าผมรักพวกเขามากที่สุด”

“ผมจะบอกให้ แต่ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะหาพวกเขาเจอหรือเปล่า”

“บางทีโทรศัพท์นี่คุณอาจติดต่อทนายของคุณได้ ทนายของคุณอาจรู้ที่อยู่ของพวกเขา”

มีเสียงคนพูดคุยกันด้านนอกก่อนที่จะมาขยับประตู จูเนียร์กับบริพัตรตกใจ โชคดีไม่มีใครเข้ามา เพียงแค่มาล็อกประตูให้แน่นหนาแล้วพากันกลับ แต่นั่นก็ทำให้บริพัตรหนักใจเพราะจูเนียร์กลับออกไปไม่ได้

ooooooo

เมื่อลูกกลับจากโรงเรียนในเย็นวันนี้ ลำหับแอบกระซิบถามคนังว่าเคยเห็นจักรินสูบบุหรี่บ้างไหม คนังอึ้งอึกอักไม่กล้าตอบ

เวลาเดียวกัน จักรินแอบสูบบุหรี่อยู่หน้าบ้าน ชาตรีเห็นควันลอยวนจึงเดินเข้ามาตักเตือนหนุ่มน้อยว่าบุหรี่เป็นอันตรายถึงตายก่อนวัยอันควร จักรินโกรธยอกย้อนอย่างไม่เกรงใจ

“ลุงเป็นใครมาตั้งตัวเป็นพ่อผม อยากมีลูกก็โน่นคนัง ไม่ใช่ผม พ่อหายไปไหนตั้งชาติปางก่อนแล้วมั้งไม่เคยเห็นแม่พูดถึงซักครั้ง”

“พ่อเธอหายไป แต่แม่เธอยังอยู่ แม่เธอเป็นทั้ง แม่และพ่อของเธอ ที่รักเธอปานดวงใจ อย่าทำร้ายตัวเองและทำร้ายหัวใจแม่เลยนะ”

“อย่าดีแต่พูดให้มันดูดี แม่รักคนังมากกว่าผม แต่เขาทำเป็นตามใจ ยิ่งคนแก่สองคนนั่นสายตาบ่งบอกเลยว่าเบื่อและรำคาญผม”

“เพราะเธอคุกคามเขา พูดจาไม่ดีกับเขา เพราะเห็นเขาไม่เท่าเทียม”

“สองคนนั่นมันเป็นแค่คนใช้ ทำไมต้องพูดดีไม่ใช่พ่อไม่ใช่แม่ซักหน่อย”

“แต่เขาก็คือคนเหมือนกับเธอ”

“โฮ้ย! เรียนมาจากโรงเรียนก็เยอะมากพอแล้ว นี่ยังมาเจอเรียนวิชาความเป็นคนที่บ้านอีก เบื่อ! ลุงก็อีกคน ทำท่าว่าหวังดีกับผม แต่ลุงก็รักคนังมากกว่าผม ถามจริงเถอะ ไปเก็บผมมาจากไหนหรือเปล่า”

“เหลวไหล เอาเถอะ ตอนนี้เธออาจไขว้เขวเรื่อง

การตักเตือนชี้แนะเพราะหวังดี โตกว่านี้เธอจะเข้าใจเอง”

“ไม่มีวันจะเข้าใจหรอก สายตาของทุกคนบ่งบอกว่าชื่นชมคนัง แต่สายตาที่มองมาใส่ผมมันบ่งบอกว่ากูละเหนื่อยกับมึงจริงๆ ถ้าจริงใจทำไมไม่บอกสักทีว่าพ่ออยู่ไหน พ่อเป็นใคร ชื่ออะไร”

จักรินใส่เป็นชุดแล้วเดินปึงปังออกไป ชาตรียิ่งหนักใจแทนลำหับกับนิสัยก้าวร้าวเกเรของเด็กคนนี้

ooooooo

โชคดีเป็นของจูเนียร์กับบริพัตรอีกครั้งเมื่อสมุนของรามคนหนึ่งเปิดล็อกประตูเอาอาหารเข้ามาแล้วบริพัตรจัดการมันสลบเหมือดก่อนจะรีบหนีไปตามเส้นทางที่จูเนียร์บอก

หลังจากบริพัตรดั้นด้นไปแล้วทั้งที่สภาพร่างกายไม่ค่อยอำนวย จูเนียร์ก็เตรียมเดินทางไปฝึกงานตามที่รามต้องการ แต่ระหว่างทางจูเนียร์ตัดสินใจทิ้งตัวกลิ้งลงจากรถเพราะเป็นห่วงบริพัตรกลัวจะกลับไปหาลำหับไม่สำเร็จ สมุนตกใจรีบจอดรถตามหาแต่ไม่พบ จึงส่งข่าวรามกับสนว่าจูเนียร์กระโดดลงจากรถตกเหวลึกหาไม่เจอ แต่รามเชื่อตามที่สนวิเคราะห์ว่าจูเนียร์น่าจะจงใจกระโดดลงไปเองไม่ใช่บังเอิญพลัดตกจากรถ เพราะไม่ต้องการไปฝึกงานฝั่งโน้น

รามหัวเสียมาก แล้วกลายเป็นเคียดแค้นเมื่อสมุนมาบอกว่าเชลยหนีไปแล้ว เขาสั่งสมุนติดตามทั้งบริพัตรและจูเนียร์ คาดว่าสองคนต้องนัดพบกัน จูเนียร์ทรยศต่ออุดมการณ์เอาไว้ไม่ได้!

ฝ่ายชาตรีที่กำลังเดินทางขึ้นเขาไปตามหาบริพัตรที่คาดว่ารามจับตัวไว้ เขานำหีบเพลงที่ลำหับให้มาเป่าเพลงพญาโศก เสียงเพลงทำให้บริพัตร จูเนียร์ และสมุนของรามคาดเดาไปต่างๆนานา ทุกคนระวังตัวแจเพื่อความปลอดภัยของพวกตน

จูเนียร์ยังตามหาบริพัตรไม่พบ คาดว่าเขาน่าจะหลงทางจึงหาทางส่งสัญญาณเผื่อจะได้รับการตอบรับ เวลานั้นบริพัตรกำลังพยายามติดต่อทนายแต่เพราะดึกแล้วและเบอร์โทร.ไม่คุ้น ทนายจึงไม่รับสาย จนกระทั่งชาตรีโทร.มา ทนายรับเพราะจำได้ เคยติดต่อกับชาตรีซึ่งเป็นตัวแทนลำหับในการรับเงินค่าเลี้ยงดู พอทนายเล่าให้ฟังว่ามีเบอร์แปลกๆโทร.มาก่อนหน้านี้ ชาตรีแนะนำให้โทร.กลับแล้วพูดกับเขานานๆ ถามที่อยู่ของเขา บางทีเขาอาจมีประโยชน์กับเรา

ปรากฏว่าทนายติดต่อกลับไปแต่ไม่มีคนรับเพราะบริพัตรทำโทรศัพท์หล่นต้องควานหาในความมืดอยู่นานกว่าจะเจอ ชาตรีทราบจากทนายก็ยิ่งร้อนใจ ขอเบอร์โทร.แปลกนั้นมาเพื่อติดต่อด้วยตัวเอง

เสียงเพลงพญาโศกทั้งจากบริพัตร จูเนียร์ และชาตรี ทำให้เกิดความสับสน สมุนของรามที่นำโดยสนพยายามสืบค้นว่าเสียงมาจากทางไหนและใครบ้างที่เป่า

ในที่สุด ชาตรีกับทนายก็สามารถสื่อสารกับบริพัตรทางการส่งข้อความได้สำเร็จ ชาตรีดีใจรีบโทร.บอกลำหับทั้งที่ยังไม่เจอตัวบริพัตร แต่แค่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ลำหับก็ดีใจที่สุดแล้ว คนังแอบเห็นแม่ยิ้มและเรียกชื่อบริพัตรซ้ำๆ สงสัยเหลือเกินว่าเขาเป็นใคร

คืนเดียวกัน เฉิดเฉลาดึงตัวยศพงษ์ไว้ไม่ให้ไปพบเพ็ญโพยมตามนัด เด็กสาวไม่รู้สาเหตุจึงงอนพ่อ ส่วนอาเดียวกับแม่เริ่มก็ไม่ชอบใจ บ่นยศพงษ์ยกใหญ่ที่ไม่รักษาคำพูดกับลูกสาว

ขณะนั่งรถอยู่ด้วยกัน ยศพงษ์ตาไวเห็นวิเวกกับตึ๋งหนืดที่นำพืชผลทางการเกษตรออกมาส่งตามร้านประจำ สองคนต้องระมัดระวังไม่ส่งของเวลากลางวันเพราะเกรงจะมีคนจำได้แล้วพวกลำหับจะเป็นอันตราย แต่คืนนี้ยศพงษ์กับเฉิดเฉลาก็บังเอิญเห็นพวกเขาจนได้

เฉิดเฉลาให้ยศพงษ์ขับรถตามทั้งคู่เพื่อไปให้ถึงบ้าน แต่ระหว่างทางรถของยศพงษ์ยางแบนจึงคลาดกับวิเวกและตึ๋งหนืดอย่างน่าเสียดาย

ooooooo


ที่มาไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น