วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร รอยรักแรงแค้น ตอนที่ 14


ประตูตู้คอนเทนเนอร์เปิดออก ลูกน้องเสี่ยอ๋าและมุกรินตัวปลอมเดินออกจากตู้

ที่แท้ตู้คอนเทนเนอร์นั้นอยู่ข้างๆห้องลับของเสี่ยอ๋านั่นเอง พวกที่ออกจากตู้คอนเทนเนอร์ตรงไปที่ห้องลับของเสี่ยอ๋าทันที

“จบงานแล้ว เหม่เม๊...เจ็บตรงไหนรึเปล่า” เสี่ยถามอย่างห่วงใย มุกรินตัวปลอมถอดวิก และชุดเซฟที่ต้นคอออก บอกว่าสบายมาก และหิวมากแล้วด้วย “งั้นรีบไปกินข้าวซะ เดี๋ยวมาเอาตังค์ที่ป๋า”

ที่ห้องโถง...คิมหันต์ดึงการ์ดบันทึกคลิปวีดิโอออกจากกล้อง ธาดาถามว่ามุกรินอยู่ไหน

“มุกรินอยู่ในที่สะดวกสบายและปลอดภัย เธอรอฉันอยู่ แล้วฉันจะต่อสายให้แกได้พูดคุยกับมุกรินเอง”

พูดแล้วคิมหันต์เดินออกไปอย่างไม่แยแส ธาดามองตามตาเป็นประกายด้วยความแค้นอีกครั้ง!

ที่ห้องลับ...คิมหันต์ถือคลิปไปบอกชุมสายว่า

“คลิปคำสารภาพจะถูกโหลดขึ้นยูทูบภายในพรุ่งนี้ ศาลจะรับฟังคำสารภาพนี้หรือไม่ ฉันไม่สน มันไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับฉันอีกต่อไป” ชุมสายถามว่าแล้วมุกรินล่ะ? “ฉันจัดการเอง เมื่อมุกรู้ว่าพี่ชายทำความเลวอะไรไว้บ้าง ทุกอย่างก็จบ”

“แล้วถ้าเขารู้ว่าแกทำอะไรไปบ้าง เขาจะรู้สึกยังไง”

“มุกรักฉัน นั่นคือความรู้สึกเดียวของเธอ”

ooooooo

ก่อนหน้านี้คือ...ชายที่ไปเอาตัวเธอมา เข้าไปในตู้คอนเทนเนอร์ บอกมุกรินว่าไม่ต้องตกใจ เราจะใช้เวลาเธอไม่นาน ตนจะมาบอกเธอว่าอีกสักพักก็จะปล่อยตัวเธอ เพราะเจ้านายตนกำลังเจรจากับคิมหันต์อยู่

“คิมหันต์...คิมหันต์เกี่ยวอะไรด้วย?”

“เขายื่นข้อเสนอใช้หนี้ทั้งหมดแทนพี่ชายคุณครับ” ชายคนนั้นเดินออกไปท่ามกลางความงุนงงของมุกริน ที่เซฟเฮาส์เสี่ยอ๋า... ธาดานั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมด้วยสีหน้าเครียดจัด เขางุนงงและสับสนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เสี่ยอ๋าตรงมายืนข้างหน้าเขา ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือแม้จะฉุกละหุกไปบ้างแต่ก็ดีที่ไม่ต้องมีใครตาย เสี่ยยื่นน้ำให้ดื่ม ธาดาไม่สนใจถามว่า

“ดวงดาวอยู่ไหน พวกแกทำร้ายดวงดาวหรือเปล่า”

“คงต้องถามคุณคิมหันต์เอง เพราะเรื่องนี้มันเป็นความสามารถของเขา เขาลงทุนอะไรไปแค่ไหน ผมไม่อาจรู้ได้”

ธาดายิ่งเครียด เสี่ยบอกให้ดื่มน้ำเสียหน่อยแล้วล้างหน้าล้างตาเสีย อีกไม่นานเขาจะได้คุยกับมุกรินแล้ว

เวลาเดียวกัน ชายคนนั้นเข้าไปบอกมุกรินในตู้คอนเทนเนอร์ว่าเธอเป็นอิสระแล้ว ปลอดภัยแล้ว มุกรินถามว่าแล้วรถของตนล่ะ ตนจะกลับอย่างไร

“ผมจะไปส่งมุกเอง” เสียงคิมหันต์ตอบพลางเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย มุกรินบอกว่าตนงงไปหมดแล้ว “ไม่มีอะไรต้องงง... ทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว พี่ชายคุณก็ปลอดภัยแล้ว”

มุกรินถามว่า คนนั้นบอกว่าเขาจ่ายเงินใช้หนี้แทนธาดาแล้ว? คิมหันต์ทำเสียตอบในลำคอ มุกรินถามอย่างไม่อยากเชื่อว่า “คุณช่วยพี่ใหญ่?”

“เพราะผมรักคุณ ผมยอมให้คุณตกเป็นเหยื่อความเหลวไหลของพี่ชายคุณไม่ได้หรอก...เจ้าหนี้ของพี่ชายคุณ เป็นคนที่เคารพพี่มลมาก เขาส่งข่าวบอกผม ผมก็เลยขอร้องให้เขายกหนี้ให้ แลกกับคำสารภาพ แล้วมุกจะได้เห็นคำสารภาพในอีกไม่นานนี้ แต่ตอนนี้มุกควรคุยกับพี่ชายมุกก่อนดีกว่า” แล้วคิมหันต์ก็ยื่นโทรศัพท์มือถือให้ มุกรินรับไปอย่างตื่นเต้น

คำแรกที่ธาดาถามคือเธอปลอดภัยไหม พวกมันทำอะไรเธอหรือเปล่า มุกรินบอกว่าไม่มีใครทำอะไรตนเพราะคิมหันต์มาช่วยไว้ทัน ถามว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง เห็นคิมหันต์บอกว่าเจ้าหนี้ยกเลิกหนี้สินให้หมดแล้ว?

“ใช่...พี่คงต้องขอบคุณคิมหันต์ เขาดีกับพี่มาก” มุกรินถามว่าเขายอมแลกด้วยคำสารภาพ? “ใช่...มุก พี่ขอโทษที่พี่ทำเรื่องราวบางอย่างที่ไม่งามและมันส่งผลไปถึงมุก ยกโทษให้พี่ด้วยนะ”

มุกรินบอกว่าไม่เป็นไร ธาดาสัญญาว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้อีก เอ่ยปากขอมุกรินว่า

“มุกช่วยบอกคิมหันต์หน่อยได้ไหมว่าคืนนี้พี่ขอไปค้างที่บ้านพี่มล...ได้ไหม...พี่อยากไปขออโหสิกับสิ่งที่พี่เคยทำไม่ดีกับเขา”

มุกรินส่งโทรศัพท์ให้คิมหันต์ เขาบอกธาดาว่าจะบอกน้าหวินกับน้าไหวให้ไม่มีปัญหา พูดอย่างโล่งใจว่า

“ในที่สุดเรื่องราวทั้งหมดก็จบลง และจบได้ดีกว่าที่คิดไว้เยอะ”

เสี่ยอ๋าพูดกับธาดาว่าหวังว่าเราคงไม่ต้องเห็นหน้ากันอีกนะ เตือนสติเขาว่า

“การพนันไม่เข้าใครออกใคร ถ้าไม่จำเป็นก็ควรอยู่ห่างๆไว้จะดีกว่า เชื่อผมเถอะ”

คิมหันต์ยังอยู่กับมุกรินในตู้คอนเทนเนอร์ เขาขยับเข้าไปหาเธอ พูดอย่างเปี่ยมด้วยความรักว่า

“ผมได้ทำทุกอย่างแล้ว...เพื่อคนที่ผมรัก ทั้งพี่มลและคุณ หลังจากวันนี้ คุณจะคิดยังไงกับผม ก็แล้วแต่คุณ ผมยอมรับได้ทั้งนั้น กลับบ้านกันเถอะครับ” พูดแล้วเดินออกจากตู้คอนเทนเนอร์ไป มุกรินจึงลุกเดินตามไป

ooooooo

ที่คลินิกแห่งนั้น...บ่ายนี้ พักตรานอนนิ่งอยู่บนเตียงเธอยังถูกพันธนาการไว้เหมือนเดิม ดวงตาเธอมองเหม่อไป นอกห้อง ไม่มีเสียงโวยวาย ดิ้นรนใดๆทั้งสิ้น

พยาบาลเข้ามาบอกเธอว่า “คุณพักตราคะ คุณพ่อมาหาค่ะ” พักตรานอนนิ่ง พยาบาลบอกแล้วเดินออกไป ครู่เดียวอรรถเดินเข้ามา ทักอย่างอ่อนโยนว่า

“หน้าตาสดใสขึ้นเยอะเลยนะลูก” พักตรานิ่ง “ยังไม่หายโกรธพ่ออีกเหรอพักตร์...” เธอยังคงนิ่ง “หนูรู้ไหมว่าพ่อทำเพื่อลูก ทั้งหมดที่พ่อทำไป มันไม่มีเหตุผลอื่นเลย นอกจากความรัก ความห่วงใยที่พ่อมีต่อลูก... รู้ไหมพ่อเองก็อยากเห็นหน้าหลานของพ่อใจจะขาด...”

พักตราเหลือบมองหน้าคุณพ่อด้วยแววตาเลื่อนลอย

“แต่ชีวิตเราไม่ได้มีแค่วันนี้วันเดียว เด็กคนนี้อาจจะยังไม่พร้อมในวันนี้...มันอาจจะยังไม่ใช่เวลาของเขา... เพราะฉะนั้น หน้าที่เราในฐานะแม่ก็คือ ทำกายและใจของเราให้สดชื่น แจ่มใสและแข็งแรง...เมื่อถึงเวลาที่เขาจะมาเกิด เราก็จะมีความพร้อมที่จะดูแลเขาอย่างดีที่สุด”

เห็นพักตรานอนนิ่งฟังอย่างครุ่นคิด อรรถถามอย่างอ่อนโยน อบอุ่น “เข้าใจที่พ่อพูดใช่ไหม” พอได้ยินพักตราตอบเบาๆว่า “ค่ะ” อรรถดีใจมาก เขายิ้มออก บอกพักตราว่า

“งั้นหนูนอนรอหมออีกแป๊บนึงนะลูก ไม่ดื้อไม่ต่อต้านหมอนะ...ทุกอย่างที่หมอทำก็เพื่อลูก อยากได้อะไรก็บอกพ่อนะ...พ่ออยู่แถวนี้แหละ”

“แก้มัดให้พักตร์ได้ไหมคะ...พักตร์เจ็บ...”

“ได้สิลูก” อรรถตอบอย่างกระตือรือร้นแล้วรีบแก้พันธนาการให้ พอดีพยาบาลเข้ามาบอกว่าอีกสามสิบนาทีหมอจะเข้ามาฉีดยา อรรถจึงขอออกไปรอข้างนอก พักตราพยักหน้า

พออรรถเดินออกไป น้ำตาหยดใหญ่ก็ไหลออกจากดวงตาพักตรา...

แต่พอหมอจะมาฉีดยา ปรากฏว่าพักตราหายไปจากห้องแล้ว อรรถเดินเข้ามาด้วยสีหน้าโกรธจัดดุลูกน้องที่เฝ้าอยู่หน้าห้องว่าเฝ้าอย่างไรปล่อยให้พักตราหนีไปได้ แต่พอสำรวจและดูจากกล้องวงจรปิดแล้วจึงรู้ว่าเธอกระโดดออกทางระเบียงขึ้นแท็กซี่หนีไปแล้ว

“บัดซบ! ออกไปตามหาให้ทั่วเดี๋ยวนี้ แจ้งท้องที่ด้วย ด่วนเลย”

พักตราหนีออกจากโรงพยาบาลขึ้นแท็กซี่ที่ผ่านมา ระหว่างนั่งในรถเธอโทร.หาคิมหันต์อย่างร้อนใจแต่มือถือเขาให้ฝากข้อความ เธอผิดหวังแต่ก็รีบพูด...

“คิม...คิมอยู่ที่ไหน พักตร์อยากไปหาคิมค่ะ... พวกนั้นจะทำร้ายลูกเรา พักตร์ไม่ยอม คิมต้องช่วยพักตร์นะคะ เราต้องปกป้องลูกของเรานะคิม...คิม...”

พอเธอพูดเสร็จก็เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงจนคนขับแท็กซี่หันมองอย่างกังวล...

ooooooo

ธาดาไปที่บ้านวิมลรัตน์ ถวิลกับไสวออกมาต้อนรับตามคำสั่งของคิมหันต์ พอเข้าบ้าน คิมหันต์ก็คิดถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ทั้งสองมาขอลาไปเยี่ยมบ้านพร้อมกัน ธาดาอนุญาตเพราะทั้งสองไม่เคยไปไหนมาไหนด้วยกันเลย

วันนี้...ทั้งถวิลและไสวต้อนรับธาดาอย่างดีถามว่าเขาต้องการอะไรไหมหิวไหม เขาไม่หิวแต่ถามว่าห้องนอนตนล็อกหรือเปล่า ทั้งสองบอกว่าเปล่าถามว่าจะนอนห้องนั้นหรือ ธาดาบอกว่าไม่บอกทั้งสองจะไปไหนก็ไป ปิดบ้านให้ด้วยก็แล้วกัน

พอถวิลกับไสวออกไปแล้ว ธาดาเดินขึ้นชั้นบนช้าๆ เหมือนจะทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา...ทุกย่างก้าว...

คืนนั้น...ทั้งสองทะเลาะกันอย่างรุนแรง พอวิมลรัตน์รู้ว่าเขาอนุญาตให้ถวิลกับไสวลากลับบ้านก็ตวาดถามว่ามีสิทธิ์อะไรมาอนุญาตคนของตน

คืนนั้นทั้งสองทะเลาะกันรุนแรงมาก เมื่อธาดาขอยืมเงินแล้วเธอไม่ให้ วิมลรัตน์เอาปืนออกมาจ่อต่างท้าทายกันด้วยอารมณ์รุนแรง จนธาดาเข้าแย่งปืนจากวิมลรัตน์และยิงเฉี่ยวหน้าวิมลรัตน์ไปห้านัดติดกัน วิมลรัตน์กรีดร้องด้วยความโกรธ ตกใจ ถูกธาดาจับเอาหัวกระแทกผนังอย่างแรงจนเธอแน่นิ่งไป เขาลากเธอเหวี่ยงไปที่หน้าห้องน้ำ

ระหว่างนั้นธาดาปวดหัวรุนแรงเป็นระยะ เมื่อเห็นวิมลรัตน์แน่นิ่งไป ทีแรกเขาก็เย้ยว่าเมาหลับล่ะสิ แต่เห็นเลือดเธอไหลออกมานองพื้น ธาดาถลาเข้าประคองร้องเรียก “มล...มล...” แต่เธอแน่นิ่ง ธาดายกมือพนมเอ่ยเสียงสั่นเครือ

“ผมขอโทษ...ขอโทษนะมล ยกโทษให้ผมด้วย...” แล้วหยิบมือถือขึ้นมาพยายามกดปุ่มโทร.ออก

ooooooo

คิมหันต์พามุกรินไปที่บ้านเธอ รถของมุกรินจอดอยู่ในบ้านก่อนแล้วและที่หน้าบ้านมีรถของปรารภจอดอยู่

คิมหันต์บอกมุกรินว่าเจ้านายเธอมารออยู่ ถามมุกรินว่าเธอจะเลิกกับตนและไปแต่งงานกับปรารภจริงหรือ มุกรินไม่ตอบ คิมหันต์จึงขออยู่กับเธอคืนนี้ได้ไหม เธอยังคงนิ่ง

ปรารภเดินมาถามมุกรินว่าหายไปไหนมาตนเห็นรถจอดอยู่ในบ้าน ถ้าเธอไม่กลับมาก็กะจะไปแจ้งความแล้ว ถามว่าบอกได้ไหมว่าหายไปไหนและทำไมกลับมากับคิมหันต์ มุกรินบอกว่าเรื่องมันยาว

คิมหันต์ตัดบทว่า ให้เวลาคุยกันในฐานะเจ้านายของมุกริน ตนจะเข้าไปรอในบ้าน พลางเดินเข้าไปบอกมุกรินว่า

“เรื่องระหว่างเรา คุณกับผม เดี๋ยวค่อยคุยกันก็ได้ เชิญครับคุณปรารภใช้เวลาให้เต็มที่ เอาให้คุ้มค่ากับการรอคอยเลยครับ”

พอคิมหันต์เดินเข้าไปในบ้าน ปรารภบอกมุกรินว่า “บอกผมเท่าที่คุณอยากจะบอกก็ได้”

“พี่ใหญ่เป็นหนี้นอกระบบจำนวนมาก มุกถูกพาตัวไปเพื่อต่อรองเรื่องหนี้สิน...แต่ไม่มีปัญหาแล้วเพราะคิมเขาเคลียร์ทุกอย่างให้แล้ว คิมเขาจ่ายหนี้แทนพี่ใหญ่ทั้งหมด แล้วก็พามุกกลับมาบ้าน”

“จริงเหรอ...ไม่น่าเชื่อ ไอ้หมอนี่มันไม่ค่อยซื่อเท่าไหร่นักนะมุก มุกต้องระวังตัวนะ”

“มุกรู้ค่ะ มุกเป็นคู่หมั้นเขามาตั้งสี่ปี ทำไมมุกจะไม่รู้ ขอบคุณที่พี่รภเป็นห่วงนะคะ พรุ่งนี้มุกจะเข้าไปทำงานตามปกตินะคะ” ปรารภรับทราบ ทำท่าจะกลับ แต่ก็ละล้า ละลังจนมุกรินเอ่ยขึ้น “พี่รภ แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะคะ”

ปรารภจึงเอ่ยถึงสิ่งที่ตนเตรียมจะบอกเธอในวันนี้ ย้ำว่ามันสำคัญสำหรับตนมาก เห็นมุกรินมองนิ่ง ปรารภเอ่ย

“พี่ว่ามุกคงพอจะเดาได้ แต่ช่างมันเถอะ ถือว่า ยังไม่ได้ออกจากปากพี่ก็แล้วกัน นั่นก็แปลว่ามุกยังปฏิเสธพี่ไม่ได้เหมือนกัน...ถูกไหม...” พูดแล้วค่อยๆหันเดินออกไปขึ้นรถของตัวเอง มุกรินมองตามด้วยความสงสารนิดๆ

ooooooo

เมื่อมุกรินกลับเข้าไปพบกับคิมหันต์ ต่างนั่งนิ่งอยู่นาน จนคิมหันต์บอกว่าถ้าต้องการให้ตนกลับไป ตนก็จะกลับ มุกรินไม่ตอบ เขาจึงไปนั่งข้างๆ เอ่ยอย่างรู้สึกผิดว่า

“ผมรู้ว่าผมทำให้คุณสับสนอยู่บ่อยครั้ง แต่หลังจากวันนี้ มันจะไม่เป็นอย่างนั้นอีกแล้ว ผมจะยอมรับทุกการตัดสินใจของคุณ ผมอยากจะพูดว่า ผมสัญญา แต่มันคงทำให้คุณรำคาญและไม่เชื่อลมปากผมแน่ๆ แต่ผมสัญญากับตัวเองจริงๆ เชื่อเถอะว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนไปหลังจากคืนนี้ หลังจากพี่ชายคุณได้สารภาพความจริงทั้งหมดว่าทำอะไรกับพี่มลไว้บ้าง”

“คุณบอกว่าจะให้ฉันดู” คิมหันต์บอกว่าขอคิดดูก่อน “แล้วคุณจะทำยังไงกับคำสารภาพนั้น”

“ไม่ทำอะไร ถึงยังไงศาลก็ไม่รับฟังอยู่แล้ว แค่ผมได้รู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้น ผมก็พอแล้ว” เขากุมมือมุกรินไว้อย่างนุ่มนวล บอกเธอว่า “ผมจะจบเรื่องราวในอดีตทั้งหมด เพื่อก้าวไปข้างหน้ากับชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม ผมเชื่อว่าพี่มลก็ต้องการให้เป็นอย่างนั้น”

เมื่อเห็นมุกรินมองด้วยแววตาที่ดีขึ้น คิมหันต์ตัดสินใจบอก “ผมกลับล่ะ” แต่พอเขาจะเดินออกไป มุกรินเรียกไว้ถามว่าพักตราเป็นอย่างไรบ้าง

“เขาคงเสียใจที่มีลูกกับผมไม่ได้ แต่นั่นคือสิ่งที่เหมาะควรแล้วระหว่างผมกับเขา เวลาจะเยียวยาและคลี่คลายเรื่องระหว่างผมกับเขาเอง... เรื่องระหว่างเราด้วยเช่นกัน”

“ขอบคุณนะคิม ที่ช่วยพี่ใหญ่ไว้”

คิมหันต์ก้มหอมแก้มเธออย่างแผ่วเบาแล้วขยับจะเดินออก พลันก็ชะงัก เขาก้มมองมือถือแล้วชะงักตกใจ มุกรินถามว่ามีอะไรไหม

“ข้อความจากพักตรา...บอกว่าหนีออกจากโรงพยาบาลแล้ว”

ooooooo

คืนนี้ ขณะที่อรรถรอฟังข่าวพักตราอยู่อย่างกระวนกระวายใจที่บ้านนั้น เขาได้รับโทรศัพท์จากคลินิกแจ้งว่าเจอตัวพักตราแล้ว คนขับแท็กซี่เป็นคนพามาส่ง

อรรถถามว่าอาการเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าหน้าที่แจ้งว่าอาการไม่ค่อยดี ตกเลือดต้องผ่าตัดด่วน แต่ต้องได้รับการอนุญาตจากท่านก่อน อรรถบอกทันทีว่า

“ผ่าเลย...ผ่าเดี๋ยวนี้เลย ทำยังไงก็ได้ให้ลูกสาวผมรอด...เข้าใจไหม”

มุกรินได้รับโทรศัพท์จากคิมหันต์ว่าเจอพักตราแล้ว เธอถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง คิมหันต์บอกว่าอยู่โรงพยาบาลแล้วอยู่ในห้องผ่าตัด มุกรินถามว่าเป็นอะไรมากไหม

“ผมไปเจอในรถแท็กซี่ก็แทบหมดสติแล้ว หมอบอกว่าต้องผ่าตัดใหญ่”

“โธ่...” มุกรินครางออกมาอย่างสะเทือนใจ

“มุก...ผมไม่ได้ดีใจหรอกนะที่พักตราเป็นอย่างนี้ แต่ความจริงก็คือความจริง และความจริงที่เกี่ยวข้องระหว่างผมกับพักตราก็คือ ผมจะไม่มีพันธะอะไรกับเธออีกแล้ว ทุกอย่างใกล้จะจบแล้วนะมุก ถ้ามุกไม่รังเกียจผม”

“ไม่ใช่เวลาที่เราจะพูดเรื่องนี้ตอนนี้นะคะ”

“ผมรู้...เมื่อผมจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เราค่อยคุยกัน...อย่าเพิ่งทิ้งผมไปนะมุก”

มุกรินค่อยๆวางโทรศัพท์ลงเงียบๆงันๆ โดยไม่พูดอะไรเลย...

ooooooo

ที่โถงหน้าห้องผ่าตัด อรรถพูดกับคิมหันต์โดยไม่มองหน้าว่า

“ถ้าไม่ได้เธอ ลูกสาวฉันก็คงตายอยู่ในรถแท็กซี่นั่นแหละ...ขอบใจนะ”

คิมหันต์ไม่พูดเรื่องพาพักตรากลับมา แต่พูดเรื่องการผ่าตัดว่าคงใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงครึ่ง ซึ่งก็เช้าพอดี อรรถบอกว่าต้องอยู่ไอซียูอีกคืนหนึ่ง พักฟื้นที่โรงพยาบาลอีกประมาณเจ็ดวัน คิมหันต์จึงเอ่ยว่า

“หลังผ่าตัดเสร็จ ผมต้องขอคุยกับท่าน”

“ฉันรู้ว่าเธอจะพูดเรื่องอะไร ขอเวลาฉันอีกนิดได้ไหม ขอดูอาการหลังผ่าตัดอีกสักพักเถอะ ไหนๆเธอช่วยชีวิตลูกสาวฉันแล้ว ก็ขอให้ช่วยตลอดเถอะนะ” เจอไม้นี้ คิมหันต์ก็พูดไม่ออก “เธอไปนอนรอที่ห้องพักก่อนก็ได้ ฉันเปิดไว้ให้แล้ว”

เมื่อคิมหันต์เดินออกไป อรรถนั่งครุ่นคิดอยู่ตามลำพังต่อไปตรงนั้น...

เช้าวันรุ่งขึ้น ไสวกับถวิลเห็นว่าสายแล้วธาดายังไม่ลงมา จึงชวนกันขึ้นไปดู ไสวให้ถวิลนำหน้าไปที่ห้อง พอถวิลเปิดประตูห้องก็ร้องกรี๊ดจนไสวผงะ

อึดใจเดียว คิมหันต์ที่พักอยู่ห้องพักที่คลินิกก็ได้รับ โทรศัพท์จากไสวว่า ธาดาผูกคอตาย! ไสวละล่ำละลักเล่าว่า

“ผูกคอตายกลางห้องเลยครับ ห้องคุณมลน่ะครับ ยายหวินเปิดประตูเข้าไปเจอแทบช็อกเลยครับ”

“ฉันจะเข้าไปที่บ้านเดี๋ยวนี้แหละ น้าไหวอย่าเพิ่งบอกใครนะ” ไสวบอกว่าแจ้งตำรวจไปแล้ว ตอนนี้พวกมูลนิธิกับนักข่าวมากันเต็มบ้านแล้ว “ฉิบหายเอ๊ย!” คิมหันต์สบถเครียด

ooooooo

คิมหันต์ออกจากห้องพักเดินเร็วๆผ่านห้องโถงที่ทีวีกำลังรายงานข่าวการผูกคอตายของธาดาซึ่งได้รับความสนใจจากคนในห้องโถงโรงพยาบาลอย่างมาก

พิธีกรรายงานว่า ธาดาเป็นสามีของวิมลรัตน์ที่เพิ่งล่วงลับ รายงานสภาพศพว่าผูกคอตายอยู่ในห้องนอนเดิมของตัวเอง แล้วตั้งข้อสังเกตว่า

“นายคิมหันต์อาจจะอยู่เบื้องหลังการฆ่าตัวตายครั้งนี้ แม้จะไม่ใช่การฆาตกรรม แต่ก็อาจจะมีเหตุจูงใจมาจากเขาได้”

คิมหันต์ได้ยินชัดเจน เขาหน้าเครียดทันที พิธีกรยังรายงานทางด้านคดีว่า คิมหันต์ฟ้องเอาผิดธาดาในคดีฆาตกรรมพี่สาวเขา และรายงานว่าคิมหันต์ทำการกดดันธาดาตลอดเวลา นับแต่การประกาศถอนหมั้นน้องสาวเขาต่อหน้าสาธารณะ

คิมหันต์ติดตามการรายงานข่าวจนขับรถไปถึงบ้านวิมลรัตน์ การรายงานก็ยังไม่จบ...

“จากนั้นก็ไล่ยึดทรัพย์สินทั้งหมดของพี่สาวกลับคืนมาเป็นของตน จนนายธาดาต้องออกจากบ้านไปเช่าบ้านอยู่เพียงลำพัง จึงมีความเป็นไปได้ว่านายธาดาอาจถูกบีบคั้นจนถึงขั้นตัดสินใจฆ่าตัวตาย”

คิมหันต์เดินขึ้นบันไดสวนกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิหามศพธาดามีผ้าขาวคลุมลงมา เขาเปิดผ้าดูหน้าธาดาที่ไร้ลมหายใจแล้วปิดไว้ตามเดิม ในขณะที่ทีวีก็ยังรายงานข่าวนี้อย่างต่อเนื่อง...

“และหลักฐานสำคัญที่สนับสนุนสมมติฐานนี้ก็คือคลิปวีดิโอที่นายธาดาบันทึกไว้ด้วยโทรศัพท์มือถือของเขาและได้ถูกอัพโหลดขึ้นยูทูบเมื่อเวลาประมาณตีสี่ นั่นคือเวลาก่อนที่เขาจะตัดสินใจฆ่าตัวตาย...และขณะนี้ สังคมออนไลน์กำลังเปิดดูและแชร์คลิปนี้ไปทั่ว ซึ่งเราจะนำเอาบางส่วนของคลิปนั้นมาประกอบการเล่าข่าวนี้ด้วย ไปชมพร้อมๆกันครับ”

คลิปวีดิโอที่ธาดาอัดไว้เปิดขึ้นทันที เป็นภาพที่ธาดาพูดกับกล้องมือถือ...

“ผมไม่แน่ใจว่า ณ เวลานี้ ภาพการสารภาพของผมในคดีที่จบไปแล้วจะถูกเผยแพร่ออกไปหรือยัง...แต่ผมขอใช้โอกาสนี้ ซึ่งเป็นโอกาสสุดท้ายที่ผมยังมีลมหายใจอยู่บนโลกใบนี้...”

กลายเป็นภาพธาดาจ้องจากจอทีวีตาไม่กะพริบ พร้อมกับการบอกเล่าครั้งสุดท้ายอย่างมีอารมณ์ของเขา...

มุกรินนั่งจ้องใบหน้าธาดาในทีวี ฟังพี่ชายพูดด้วยสีหน้าเครียดจัด

“เพื่อความเป็นจริงทั้งหมดเกี่ยวกับคำสารภาพนั้น มันเป็นความจริงที่โหดร้ายที่จะไม่มีใครได้รู้เลย ถ้าผมไม่พูดมันออกมา...ผมถูกบังคับให้ยอมรับว่าเป็นฆาตกร มันบังคับให้ผมพูดว่าผมเป็นคนฆ่าเมียตัวเอง มันข่มขู่ผมด้วยวิธีโหดร้ายสารพัด มันคือไอ้คิมหันต์ สุริยะศักดิ์ น้องเมียผมเอง”

คิมหันต์ไปยืนอยู่ในห้องนอนวิมลรัตน์ จ้องมองบ่วงที่ธาดาผูกคอตายหน้านิ่ง...ในขณะที่ธาดายังเล่าด้วยอารมณ์ที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ...

“ไอ้คิมหันต์วางแผนกับเสี่ยเจ้าของบ่อนหลอกให้ผมเป็นหนี้ และข่มขู่จะทำร้ายน้องสาวผม เพื่อให้ผมยอมรับว่าเป็นผู้ทำฆาตกรรมวิมลรัตน์เมียของผม...ทั้งๆ ที่ศาลก็ได้ยกฟ้องคดีนี้ไปแล้ว มันก็ยังไม่ยอมเลิก...เมื่อผมไม่ยอมสารภาพอย่างที่มันต้องการ มันก็ทุบตีผม ทำร้ายผม รอยแผลยังเห็นอยู่ที่นี่ แต่ผมไม่ได้ห่วงตัวเอง เท่าชีวิตของน้องสาวผม มุกริน...ผมจำเป็นต้องทำเพื่อปกป้องเธอ...”

ขณะนั้นเอง ชุมสายเดินเข้ามาในโถงบ้านวิมลรัตน์ เห็นไสวกับถวิลดูทีวีข่าวนี้อยู่ด้วยสีหน้าไม่สบายใจอย่างมาก...

“ผมขอยืนยันว่า ในระหว่างที่ผมบันทึกภาพและเสียงนี้ ผมอยู่ในภาวะปกติทุกประการ...และทุกข้อความของผม ผมได้เขียนบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรบนกระดาษแผ่นนี้ด้วย”

ธาดาชูกระดาษให้ดู ชุมสายเดินเข้ามาถามทั้งสองว่า คิมหันต์อยู่ไหน ถวิลบอกว่าอยู่บนห้อง สั่งห้ามใครไปรบกวน เป็นอันขาด ในขณะที่ธาดาในจอทีวียังคงเล่าต่อไปว่า

“ผมกราบขอความเห็นใจจากเจ้าหน้าที่และผู้ใจบุญทุกคน ช่วยกรุณาเผยแพร่คลิปนี้ เพื่อเห็นแก่ความยุติธรรมและความถูกต้องของสังคมด้วย” แล้วเขาก็เปลี่ยนเป็นพูดกับมุกรินเป็นการเฉพาะ “มุก...พี่เสียใจที่มีโอกาสอยู่กับมุกได้เพียงเท่านี้ ขอให้การจากไปของพี่จงเป็นเครื่องเตือนสติให้มุกรู้ว่า อย่าไว้ใจไอ้คิมหันต์เป็นอันขาด”

มุกรินน้ำตาไหลพรากอย่างไม่อาจหยุดได้...มองหน้าพี่ชายในทีวีที่กำลังพูดกับตน...ผ่านม่านน้ำตา...

“มันจะนำความอัปมงคลมาสู่มุก ชีวิตมุกจะถูกดึงไปตกนรกหมกไหม้กับมัน ซึ่งพี่ไม่ปรารถนาให้เป็นอย่างนั้น...”

ทันใดนั้นเองมือถือของมุกรินดังขึ้น เธอหยิบดูปรากฏชื่อคิมหันต์อยู่หน้าจอ เธอปามือถือทิ้งไปไกลตัว

อย่างรังเกียจ พอดีธาดาเอ่ยขึ้นว่า “ลาก่อนนะมุกริน... น้องรักของพี่...” มุกรินร้องไห้โฮออกมาทันที

จากนั้นธาดาเปลี่ยนสีหน้าและน้ำเสียงเป็นพูดกับคิมหันต์โดยตรง!

“และสำหรับมึง คิมหันต์ จำไว้ด้วยว่า คนบริสุทธิ์ ย่อมบริสุทธิ์เสมอไม่ว่าเป็นหรือตาย ส่วนคนโง่ๆอย่างมึงไม่มีวันชนะกูหรอก ไอ้คิม!”

คิมหันต์ที่ดูทีวีอยู่ เขาปิดโทรทัศน์ทันทีด้วยสีหน้าเครียดจัด

ooooooo

ในวันที่ตำรวจนำร่างธาดาไปเพื่อผ่าชันสูตรนั้น มุกรินไปนั่งรอรับร่างพี่ชายในสภาพร่างกายทรุดโทรม ใบหน้าหมองคล้ำ ดวงตาบอบช้ำเพราะร้องไห้หนักมาทั้งคืน

คิมหันต์เข้ามานั่งข้างหลังเธอเงียบๆ แล้วจึงเอ่ยเบาๆ “ผมโทร.หามุก แต่มุกไม่รับโทรศัพท์ผมเลย” มุกริน ถามเสียงแข็งโดยไม่หันมองว่ายังกล้ามาที่นี่อีกหรือ คิมหันต์บอกว่าตนอยากอธิบาย มุกรินบอกว่าไม่จำเป็น เขาบอกว่าอยากให้เธอเข้าใจ เธอสวนทันทีว่า “ฉันไม่อยากฟัง”

เมื่อปฏิเสธอย่างไรคิมหันต์ก็ยังพยายามจะพูด มุกรินตวาดไล่ก็ไม่ไป เธอหันไปตบหน้าเขาฉาดใหญ่ คิมหันต์ก็ยังจะชี้แจงอีก เป็นอย่างนี้ถึงสามครั้ง มุกรินตวาดเสียงดังขึ้นทุกที จนสุดท้ายเธอพูดเกือบเป็นเสียงตะโกนว่า

“ออกไป ออกไปให้พ้น คุณคือคนที่ฉันเกลียดที่สุด คิมหันต์ เราหมดเวรหมดกรรมกันเสียที”

เจ้าหน้าที่สองสามคนเข้ามาพาตัวคิมหันต์ออกไป ก็พอดีปรารภมาถึง

“มุก...ก่อนคุณจะตัดสินผม ขอให้ฟังคำสารภาพจากผมก่อนนะมุก ได้โปรด” คิมหันต์หันมาพูด ถูกมุกรินไล่ตะเพิดให้ออกไป ปรารภรีบมาประคองมุกรินไว้ด้วยความห่วงใย บอกเธอว่าเจ้าหน้าที่ต้องผ่าพิสูจน์ศพอีกสองวันจึงจะส่งให้เราไปประกอบพิธีได้ มุกรินน้ำตาไหลพรูออกมาอีกครั้ง เธอพูดทั้งที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นว่า

“พี่รภคะ ช่วยมุกด้วยนะคะ ทำยังไงก็ได้ อย่าให้ผู้ชายคนนั้นมาใกล้มุกอีกนะคะ พี่รภ...”

ปรารภพยักหน้ารับด้วยความเต็มใจ

ooooooo

ออกจากมุกริน ขณะนั่งอยู่ในรถ คิมหันต์ได้รับโทรศัพท์จากดวงดาว เขาทักว่า นึกแล้วว่าเธอต้องโทร.มาด่าตน

ดวงดาวยืนโทรศัพท์อยู่ที่ชายทะเล เธอร้องไห้อย่างที่ไม่เคยร้องมาก่อน ร้องจนคิมหันต์บอกว่าตนรอฟังอยู่ เธอจึงพรั่งพรูความรู้สึกออกมาอย่างไม่เก็บกลั้นอีกแล้วว่า...

“ตั้งแต่เล็กจนโต ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีครั้งไหน ที่ตัดสินใจผิด ทุกการกระทำของฉันเป็นผลดีกับตัวฉันเสมอ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ยกเว้นครั้งนี้ ฉันต้องยอมรับว่าฉันมองคนผิด ผิดไปมาก ช่วงเวลาที่ผ่านมา ระหว่างเรามันล้มเหลวมากเกินกว่าคำว่าเสียใจหรือเสียดาย มันคือ ความโกรธ ความน่าขยะแขยง อย่างน่ารังเกียจที่สุด จากนี้ไปฉันขอให้คุณจงพบแต่ความฉิบหายไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ ขออย่าให้มีใครต้องพบเจอกับคนเลวร้ายอย่างคุณ ขออย่าให้มีใครหลงเป็นเหยื่ออารมณ์ของผู้ชายเลวๆอย่างคุณอีกเลย”

คิมหันต์นิ่งอึ้งจนพูดไม่ออก

“ถ้าฉันอยู่ในระยะที่มือฉันเอื้อมถึง ฉันคงจะตบหน้าคุณเต็มแรง มากกว่าหนึ่งครั้ง แต่ไม่เป็นไร เพราะฉันเชื่อว่า มุกรินคงทำหน้าที่นี้แทนฉันแล้ว รีบไปลงนรกไกลๆ ฉันเถอะ นายคิมหันต์!” ดวงดาวกดตัดสายทันทีที่พูดจบ เธอทรุดนั่งกับพื้นทรายร้องไห้น้ำตาทะลัก...

คิมหันต์ยังนั่งอึ้งอยู่ในรถ ชุมสายเข้ามานั่งด้วย บอกว่าตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อหาอะไรเขา แต่อาจเรียกตัวไปสอบปากคำก่อน เพราะถึงอย่างไรคลิปที่ธาดาพูดก็พาดพิงถึงเขา เจ้าหน้าที่ก็ต้องนำมาสืบสวนหาข้อเท็จจริงอีกที

คิมหันต์ฟังนิ่ง ชุมสายบอกอีกว่า “ส่วนคำสารภาพของนายธาดาที่แกถ่ายไว้ฉันว่าแกอย่าเพิ่งอัพโหลดเลยนะ” คิมหันต์บอกว่าตนจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น ชุมสายบอกว่าดีแล้ว

“มันไม่มีความหมายอะไรสำหรับฉันอีกต่อไปแล้ว ฉันไม่เหลือใครแล้วว่ะ...ไอ้ชุม...ไม่เหลือจริงๆ”

คิมหันต์มองไปข้างหน้านิ่ง มีแสงวิบๆ ในดวงตา คล้ายน้ำตากระทบแสงไฟ...

ooooooo

ในที่สุดพักตราก็ได้รับการผ่าตัด อรรถสบายใจขึ้นมากบอกเธอว่า

“หนูปลอดภัยแล้วนะลูก ถือว่าโชคดีมาก ที่ถึงมือหมอได้ทันเวลา จากนี้ไปไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วนะ”

พักตราถามถึงลูก อรรถบอกว่ายังไม่ใช่เวลาของเขา เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเขาก็จะมาเอง เธอถามถึงคิมหันต์ อรรถบอกว่าเขาอยู่กับเธอทั้งคืน จนเธอเข้าห้องผ่าตัดและเพิ่งออกไปเมื่อสายๆนี้เอง พักตราถามว่าไปไหน

“เขามีธุระสำคัญ เรื่องคดีความ...หนูนอนพักก่อนเถอะนะ คิมหันต์เสร็จธุระเมื่อไหร่ก็จะมาหาหนูเองจ้ะ”

ที่แท้คิมหันต์ไปที่เจดีย์บรรจุกระดูกของวิมลรัตน์ เขาคร่ำครวญกับรูปพี่สาวที่ติดอยู่ที่เจดีย์อย่างสำนึกผิด...

“ผมทำทุกอย่างผิดหมด ผมทำร้ายคนที่ผมรัก และคนที่รักผมอย่างเลือดเย็นที่สุด...ผมนึกถึงแต่เรื่องของตัวเอง ความรัก ความแค้น และความยุติธรรมในมุมของผม มันทำให้คนอื่นต้องเจ็บปวด...”

คิมหันต์คิดถึงสิ่งที่ตนทำกับมุกริน ทำกับธาดา และดวงดาว...เขาถามกับรูปของวิมลรัตน์พี่สาวที่รักดั่งดวงใจว่า...

“ผมต้องแก้ไขยังไงครับพี่มล ผมต้องทำยังไง...เพื่อให้ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิม...ถ้าดวงวิญญาณ

ของพี่สามารถรับรู้ความรู้สึกของผมได้ ช่วยดลใจผมด้วย จะด้วยวิธีใดก็ได้ ให้ผมรับรู้ว่า ผมควรทำอย่างไรกับปัญหาที่ผมก่อไว้ทั้งหมด ผมไม่อยากเสียใครไปอีกแล้วครับ...พี่มล...” คิมหันต์คร่ำครวญกับรูปวิมลรัตน์ อยู่อย่างนั้น...

ooooooo

ดึกคืนนี้ เมื่อคิมหันต์กลับมา เขาเห็นพักตรานอนหลับสนิทเพราะความอ่อนเพลียจากการผ่าตัด อรรถเดินเข้ามาเงียบๆ พูดเบาๆว่าหมอบอกว่าหลังผ่าตัดเธออ่อนเพลียมาก อีกสักสองวันถึงจะค่อยฟื้นตัว

อรรถถามว่ามีอะไรจะคุยกับตนไหม พอคิมหันต์ตอบครับ อรรถก็ให้ตามไปที่โถงทางเดิน นั่งคุยกัน

คิมหันต์ยืนยันเจตนาเดิมขอหย่ากับพักตรา อรรถหว่านล้อมโน้มน้าวใจอย่างยาวเหยียดถามว่าสิ่งที่ผูกมัดเขากับพักตรามีแค่ทะเบียนสมรสเท่านั้นหรือ คิมหันต์บอกว่าอิทธิพลของท่านด้วย อรรถบอกว่าเรื่องนั้นลืมไปเสีย เพราะตนปล่อยวางไปเยอะแล้วหลังจากชะตากรรมของพักตราครั้งนี้ แล้วพูดถึงความสัมพันธ์ยาวนานของทั้งคู่ที่ผ่านมาว่า

“แต่สิ่งสำคัญที่เราต้องครุ่นคิดให้ดีก่อนการตัดสินใจครั้งนี้ก็คือจิตใจ เธอกับพักตราผ่านอะไรมา

ไม่น้อยแล้วนะ ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอจะเกิดขึ้นเพราะอะไร แต่มันได้ผูกพันจิตใจของเธอสองคนไว้ด้วยกันมากกว่าทะเบียนสมรส แม้ว่าใจของเธอกับพักตราจะต่างกัน แต่ความลึกซึ้งไม่ได้น้อยกว่ากันนะ ใจของพักตรานั้นคือความรู้สึกรัก ส่วนใจของเธอคือสำนึกผิด หรือจะปฏิเสธว่าเธอไม่มีสำนึกนี้...”

คิมหันต์นิ่งไป พูดไม่ออก อรรถพูดต่อตอกย้ำความรู้สึกเขาว่า

“ฉันไม่คาดหวังสถานะสามีภรรยาระหว่างเธอกับลูกสาวฉันจะผูกพันอะไรมากไปกว่าที่ผ่านมา ฉันหวังแค่ว่า สภาพจิตใจของพักตราจะไม่เลวร้ายไปกว่านี้ เพราะถ้ามากกว่านี้ มันอาจหมายถึงชีวิตได้ คิดดูอีกทีนะคิมหันต์ ถือว่าฉันขอร้องก็แล้วกันไอ้ลูกชาย”

พูดจบอรรถลุกเดินไป ทิ้งให้คิมหันต์นั่งนิ่งตัดสินใจอะไรไม่ถูก...อีกตามเคย...

ooooooo

ชุมสายเป็นห่วงคิมหันต์ ไปหาเขาที่บ้านวิมลรัตน์ เจอแต่ไสวกับถวิล ทั้งสองส่ายหน้าไม่รู้เลยว่าคิมหันต์อยู่ไหนเมื่อไม่รู้จะตามตัวได้ที่ไหนชุมสายฝากข้อความในมือถือว่า...

“ไอ้คิม...ไม่ว่าแกจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ถ้าแกได้ฟังข้อความนี้ ฉันขอบอกว่า แกทำไม่ถูก แกอาจจะชินกับการทำอะไรไม่ถูกมาแล้วมากมายหลายเรื่อง แต่ถ้าแกยังใช้วิธีหนีหน้าแบบนี้ แกก็จะไม่มีทางแก้ไขอะไรให้มันถูกต้องขึ้นมาได้เลย...ถ้าฉันในฐานะเพื่อนคนเดียวของแก ยังไม่รู้เลยว่าแกเป็นตายร้ายดีอยู่ที่ไหน ก็คงไม่มีใครช่วยอะไรแกได้อีกแล้ว กลับมาเถอะนะเพื่อน การทำผิดแล้วรู้จักแก้ไข และขอขมา จะเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดีที่สุด...เท่านี้แหละเพื่อน”

ชุมสายกดปุ่มจบการฝากข้อความ ไสวเดินเข้ามาถามว่าคิมหันต์จะได้ยินที่เขาพูดไหม

“ไม่รู้มัน...ฉันก็ทำได้เท่านี้แหละ ที่เหลือจากนี้ก็ตัวใครตัวมันแล้วกัน” ไสวถามว่าเขาจะไปวัดไหม ชุมสายถามว่าไปทำไม ไสวบอกว่าไปแทนคิมหันต์...งานศพธาดา ชุมสายตอบสั้นๆแค่ว่า “ขอคิดดูก่อน”

ooooooo


ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น