ในขณะที่เฉิดเฉลาเฝ้ารอเบาะแสของจักรินจากสมุนอย่างร้อนรนกระวนกระวาย ทันใดนั้น เสกสรรเมายาเดินเข้ามาชี้หน้า ตะโกนว่า
“คนเห็นแก่ตัว ไม่รักไม่ไยดี แล้วไปเก็บผมมาทำไม เพราะได้ประโยชน์จากชีวิตโง่ๆของผมใช่มั้ย”
“เมาก็ไปนอนซะ”
“ไม่! จะไปเมาต่อ จะเมาให้มันตายไปเลย เกิดมาทำไมกัน เกิดมาให้กลายเป็นเหยื่อความโลภของคนเห็นแก่ได้”
“แม่ขอโทษ แม่ไม่ได้เกลียดชังเสก แม่แค่ไม่มีเวลาดูแลเสก”
“ไม่ต้องมาแก้ตัว ทำกับลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่แบบนี้น่ะสิ ลูกตัวเองถึงกลายเป็นเด็กหาพ่อหาแม่ไม่เจอ สะใจจริงๆ ขอให้หาลูกไม่พบไปจนตาย”
เฉิดเฉลาโกรธจนตัวสั่น ตบหน้าเสกสรรอย่างแรง แล้วแผดเสียงว่าแช่งกันทำไม เสกสรรน้อยใจร่ำไห้และท้าทายแม่เสียงดังลั่นบ้าน
“ตบอีกสิ ตบให้ตายก็จะไม่เลิกแช่ง”
เฉิดเฉลายังคงคร่ำครวญเป็นห่วงจักริน เมื่อสมุนติดต่อแจ้งเบาะแสมาเธอจึงผละจากเสกสรรไปทันที
ทิ้งให้เสกสรรตีอกชกตัวด้วยความน้อยใจอยู่ตรงนั้น...
ในขณะที่เฉิดเฉลากับสมุนสองคนมุ่งหน้าไปยังบ้านที่จักรินถูกโจรเรียกค่าไถ่จับตัวไว้ ลำหับอยู่ในระหว่างการเดินทางเช่นกัน โดยมีชาตรีกับจูเนียร์นั่งรถอีกคันตามมาห่างๆ
เฉิดเฉลาไปถึงก่อน เธอให้สมุนเข้าไปจัดการกับโจรเรียกค่าไถ่แล้วชิงตัวจักรินมาได้ พอรู้ว่าโจรเรียกเงินสิบล้านจากลำหับ เธอวางแผนให้สมุนได้เงินจำนวนนั้นด้วยการเอาชุดนักเรียนของจักรินให้สมุนคนหนึ่งใส่และใช้ถุงดำคลุมหัวไม่ให้เห็นหน้าเพื่อหลอกเอาเงินค่าไถ่ ส่วนจักรินให้ใส่ชุดอื่นที่เธอเตรียมมาแล้วพาขึ้นรถจากไป
แต่เหตุการณ์ไม่ง่ายอย่างที่เฉิดเฉลาวางแผนเพราะลำหับไม่ได้มาคนเดียว และลำหับก็จดจำทุกอย่างเกี่ยวกับจักรินได้ คนร้ายใส่ชุดนักเรียนของจักรินก็จริงแต่พลาดตรงรองเท้าที่ไม่ใช่!
เมื่อรู้ว่าคนร้ายตบตาพาใครไม่รู้มาแลกเงินค่าไถ่ ลำหับไม่ยอมแน่ๆ ชาตรีกับจูเนียร์ก็เช่นกัน สองคนออกจากที่ซ่อนตัวพุ่งเข้ามาช่วยกันจัดการสมุนของเฉิดเฉลา ส่วนโจรเรียกค่าไถ่หนีเอาตัวรอดหัวซุกหัวซุนไป
ลำหับพลาดถูกยิงบาดเจ็บเล็กน้อยก่อนที่ชาตรีกับจูเนียร์จะจัดการสมุนสองคนของเฉิดเฉลาอยู่หมัด เวลาเดียวกันนั้นบริพัตรกับคนังเฝ้ารอการกลับมาของพวกลำหับอย่างมีความหวัง คิดว่าป่านนี้คงเรียบร้อยแล้ว
บริพัตรได้ยินคนังชื่นชมแม่กับลุงเก่งมาก จึงถามเด็กหนุ่มว่ารักลุงมากใช่ไหม คนังตอบโดยไม่ต้องคิดว่ารักมากที่สุด บริพัตรฟังแล้วสะท้อนใจอยากรู้ว่ารักมากกว่าพ่อหรือเปล่า
“ลุงเปรียบเหมือนพ่อของผม ตั้งแต่เริ่มจำความได้ผู้ชายที่ปกป้องดูแลผมกับจักนอกจากแม่ก็คือลุง ลุงสอนผมทุกอย่าง”
“แล้วแม่เคยพูดถึงพ่อของคนังบ้างไหม”
“แม่บอกว่าพ่อเป็นคนดีมาก”
“แม่บอกอะไรอีก”
“แม่บอกให้ผมรักน้องมากๆ เสียสละปกป้องน้อง แม่สอนผมว่าถ้าจะให้อะไรใครสักอย่างต้องให้สิ่งที่ดีสุดกับเขา”
“ถ้ามันมีสองสิ่ง คนังกับน้องชอบเหมือนกันจะทำยังไง”
“ก็ให้สิ่งที่เขาชอบสิครับ”
“แล้วคนังไม่เสียดายเหรอ”
“ผมเสียดายที่เขาจะผิดหวังที่ไม่ได้ของที่อยากได้มากกว่าครับ”
บริพัตรส่งสายตารักใคร่ชื่นชมคนังอย่างเปิดเผย “ลำหับกับลุงสอนคนังได้ดีที่สุด น่าจะดีกว่าคนที่เป็นพ่อของคนังอีกนะ”
“พ่อผมก็คงสอนแบบเดียวกันนี้ล่ะครับ ผมมั่นใจ”
บริพัตรฟังแล้วตื้นตันจนพูดไม่ออก...คนังช่างดีงามทั้งการกระทำและความคิด
ooooooo
เฉิดเฉลาพาจักรินไปหาที่คุยส่วนตัวกันสองคน... จักรินมั่นใจแล้วว่าผู้หญิงคนนี้คือแม่ เรียกชื่อของเธอออกมาเต็มปากเต็มคำ
“คุณชื่อเฉิดเฉลา...”
“เธอรู้?”
จักรินพยักหน้าแทนคำตอบ เฉิดเฉลาดีใจดึงเขามากอดพร้อมกับรำพันทั้งน้ำตา
“ลูกรัก...ลูกรู้มาตลอดใช่ไหมว่าแม่คือแม่”
“ผมเกลียดคุณ ผมไม่ให้อภัยคุณ”
“อย่าพูดอย่างนั้นกับแม่ แม่พลิกแผ่นดินตามหาลูกมาตลอด”
“ไม่จริง ผมได้ยินแม่ลำหับพูดถึงคุณกับผู้ชายชื่อยศพงษ์ ลุงบอกว่าคุณสองคนร่วมมือกันเอาผมไปทิ้งไว้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า”
“ยศพงษ์ต่างหากที่แอบขโมยลูกไปโดยที่แม่ไม่รู้”
“ผมไม่เชื่อ แม่แบบไหนที่ละเลยให้คนอื่นมาเอาลูกตัวเองไปทิ้งไว้ในที่อย่างนั้น” จักรินต่อต้านดันตัวออกจากอ้อมกอดของเฉิดเฉลา
“ฟังแม่นะจักริน แม่จะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ลูกฟัง”
“สัญญาได้ไหมว่าจะพูดความจริง ไม่เอาดีใส่ตัว ยกชั่วให้คนอื่น”
“แน่นอน แม่สัญญา”
จักรินใจอ่อนโผเข้ากอดเฉิดเฉลา รำพันเสียงสั่นเครือ
“ทำไมต้องปล่อยให้ผมไปอยู่กับคนอื่น ยังไงเขาก็ไม่รักเท่าลูกของเขา ทำไมต้องทำให้ชีวิตผมขาดความรัก มีแต่ปัญหา ไอ้อีคนใช้สองคนนั่นมันก็เกลียดผม มันรักแต่ไอ้คนัง ไอ้ลุงก็รักแต่คนัง ทุกคนแกล้งรักแกล้งดีกับผม ผมเจ็บที่หัวใจ เจ็บจนบอกไม่ถูก”
“แม่ขอโทษ พอแม่รู้ลูกคือจักรินแม่ก็เสี่ยงตายหาลูกจนพบ แม่ดีใจมากที่แย่งลูกมาจากคนเลวพวกนั้นได้ ยกโทษให้แม่นะลูก” เฉิดเฉลากอดหอมลูกชายด้วยความรัก จักรินไม่ตอบแต่ท่าทีบ่งบอกว่าอ่อนลง
ooooooo
ทันทีที่รถของชาตรีแล่นมาจอดหน้าบ้าน คนังประคองบริพัตรออกมาโดยมีตึ๋งหนืดกับวิเวกตามประกบพลอยลุ้นไปกับทุกคนด้วย
สิ่งที่เห็นทำให้ทุกคนตกใจ ชาตรีกับจูเนียร์ช่วยกันประคองลำหับที่โดนยิงลงจากรถ คนังผวาไปหาแม่ คนอื่นๆ ถามกันเซ็งแซ่ว่าลำหับเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น แล้วจักรินอยู่ไหน
“เราโดนพวกนั้นหักหลัง มันไม่ได้เอาจักมามันยิงลำหับ”
“แม่พลาด...แม่เสียใจ แม่ไม่ได้จักกลับมา ใจแม่จะขาดอยู่แล้วลูก”
บริพัตรเข้ามากอดลำหับแน่น ร้องไห้ไปกับเธอ คนังมองภาพนั้นนิ่งอึ้ง เข้าใจได้โดยไม่ต้องมีใครอธิบาย
“ฉันขอโทษ...”
“ไม่ต้องขอโทษ ไม่ต้องร้องไห้ เราจะตามหาเขาให้พบนะทูนหัว” บริพัตรปลอบโยนลำหับที่ร่ำไห้น้ำตานองหน้า ทุกคนหม่นหมองนิ่งเงียบกันไปหมด...
ทางด้านเฉิดเฉลากับจักริน...สองแม่ลูกกำลังทำความเข้าใจกัน เฉิดเฉลาหลอกล่อเล่าเรื่องดีๆของตน ละเว้นเรื่องร้ายๆ และเล่าเรื่องที่ทำให้ลำหับดูแย่ แต่เรื่องดีๆของเธอไม่พูดถึง สิ่งที่เฉิดเฉลาไม่ชอบที่สุดคือจักรินเกลียดทุกคนยกเว้นลำหับ จึงต้องใส่ร้ายให้เนียนที่สุด
“แม่ก็ไม่รู้ว่าเท็จจริงยังไง ลุงที่ลูกบอกนั่นจงใจขโมยลูกจากสถานเด็กกำพร้า เขาร่วมมือกับลำหับ”
“ทำไมพวกเขาถึงอยากได้ผมไปเลี้ยง ในเมื่อพวกเขาเกลียดคุณ”
“ได้โปรดอย่าสงสัยแม่ อย่าทำให้แม่เจ็บปวดมากขึ้น”
จักรินมองหน้าเฉิดเฉลาทั้งดีใจและแค้นใจ ไม่มั่นใจในความรักที่เธอพร่ำพูด
“ใจผมสลายยับเยินเกินเยียวยา นับแต่วินาทีที่ผมได้ยินพวกเขาพูดกันว่าผมไม่ใช่ลูกของเขา”
“ลำหับต้องการได้ลูกเพื่อต่อรองเรียกร้องเงินจากพ่อของลูก”
“ใครคือพ่อของผม”
“เขาเป็นอดีต ส.ส. มีหน้ามีตา มีฐานะ ใครๆก็รักก็ชื่นชม แต่เขาไปพลาดพลั้งโดนลำหับเด็กลูกคนขายชาติ ที่ย่าของลูกไปเก็บมาเลี้ยงไว้มันแย่งพ่อของลูกไปจากแม่”
“เป็นอย่างนี้เองหรือนี่ ผมเองก็หลงเชื่อว่าเขาดีงาม ถ้าอย่างนั้นคนังก็ต้องเป็นพี่ชายของผมแต่คนละแม่”
“คนังคือลูกของไอ้คนที่จักเรียกว่าลุง มันมาแอบอ้างว่าท้องกับพ่อของลูก”
“มิน่า...มันถึงรักไอ้คนังนักหนา แล้วทำไมมันถึงไม่ยอมบอกว่าเป็นลูกของมัน”
“เพราะมันต้องการให้ไอ้คนังมาเป็นลูกของพ่อจัก เพื่อรับมรดกยัยแก่”
“ใครคือยัยแก่ มาเกี่ยวข้องอะไรด้วย”
“ย่าของจักนั่นแหละ เธอเกลียดแม่ เธอหลงรักนังลำหับ เธอยุให้มันแย่งพ่อของลูกไปจากแม่”
“ทำไมไม่เคยเห็นพ่อมาที่บ้านสักครั้ง มีแต่ลุง”
“พ่อของลูกโดนนังลำหับมันให้คนของพ่อมันจับตัวไปขังไว้บนเขาเพื่อจะได้กลายเป็นคนขายชาติเหมือนพวกมัน”
“พ่อผมต้องกลายเป็นคนขายชาติงั้นหรือ”
“ภารกิจของลำหับคือลงมาจากเขาเพื่อมาหลอกให้คนอื่นขายชาติ และมันก็ทำสำเร็จ”
จักรินนิ่งคิดทบทวนเรื่องลำหับจัดห้องเพื่อต้อนรับแขกแล้วพูดโพล่ง “แขกที่กำลังจะมาพักที่บ้านนั่นเองคือพ่อผม”
“จริงหรือ จำไว้ถ้าเขาชื่อบริพัตร เขาคือพ่อของจัก”
“พ่อของผม พ่อของผมเป็นคนขายชาติ”
“เขาโดนบังคับ”
“ผมเกลียดพวกนั้น แม้แต่พ่อ”
“ฟังแม่นะจัก ทุกอย่างของพ่อคือของจักคนเดียว พวกมันมาชุบมือเปิบร่วมกันใช้เงินของจักมานานมากเกินพอแล้ว ที่มันดีกับลูกเพราะพวกมันเกาะลูกกินอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ ลูกจะทิ้งเงินมากมายมหาศาลนั่นไม่ได้”
“ผมจะประจานพวกมัน”
“การประจานศัตรูไม่ช่วยให้การแก้แค้นสำเร็จ เราจะค่อยๆทำให้ศัตรูตายทั้งเป็น ให้มันเจ็บปวดทรมาน แม่จะสอนจักว่าต้องทำยังไง”
เฉิดเฉลายุแหย่และหลอกล่อสารพัดให้จักรินหลงเชื่อ เห็นสีหน้าท่าทีของเขาคล้อยตามก็ยิ่งย่ามใจ
ooooooo
ลำหับได้รับการดูแลบาดแผลจากพยาบาลคนเดิมที่ทนายพามา โดยมีบริพัตรกับคนังเฝ้าอย่างใกล้ชิดจนถึงเช้า ทนายรับปากจะพาพยาบาลมาทำแผลทุกวันจนกว่าลำหับจะหาย
หลังจากทนายและพยาบาลกลับไป ลำหับทำท่าจะบอกความจริงแก่คนังว่าบริพัตรเป็นพ่อ แต่บริพัตรส่ายหน้าเชิงห้าม และบอกลำหับเมื่ออยู่กันตามลำพังว่าเราควรรอให้จักรินกลับมาก่อนค่อยบอกพร้อมกันทีเดียว
ทางด้านเฉิดเฉลาที่พาจักรินไปยุยงเป่าหูให้เกลียดชังพวกลำหับกำลังจะพาเขากลับมาส่งบ้านในเช้านี้ โดยกำชับให้แสร้งทำดีและกอบโกยจากบริพัตรซึ่งเป็นพ่อให้มากที่สุด แต่พอจักรินถามว่ายศพงษ์คือใคร เฉิดเฉลาอ้ำอึ้งอึกอักไม่ได้คิดหาคำตอบไว้ก่อน
“อึกอักเพราะไม่อยากบอกว่าเขาคือพ่อของ...”
“เขาไม่ใช่พ่อของจัก” เฉิดเฉลารีบร้อนสวนออกไปเพราะตีความผิด พอได้ยินจักรินพูดต่อก็ลอบถอนใจโล่งอก
“เขาคือพ่อของเพ็ญโพยม อย่าปิดบังผม”
“ใช่จ้ะ”
“ผมเกลียดเขา ทำไมถึงไปคบหากับเขา เขาไม่ใช่คนดี”
“แม่ก็ไม่ชอบเขา แม่แกล้งทำดีกับเขา เพราะต้องการแก้แค้นที่เขาขโมยลูกไปทิ้งที่สถานเด็กกำพร้า”
“และผมก็ยังโดนขโมยต่อไปอีก ทุกคนทำราวกับผมไม่ใช่คน”
“แม่รักลูก แม่ถึงแค้นทุกคนที่เกี่ยวข้อง เรามาร่วมมือกันทำให้พวกลำหับและพ่อของเพ็ญโพยมไม่มีความสุข เพราะพวกเขาคือผู้พลิกชีวิตลูกจากเจ้าชายกลายเป็นเด็กอนาถา”
“ผมจะแก้แค้นพ่อของเพ็ญโพยม”
“ถูกต้อง เกลียดเขาให้มากๆ เราต้องทำสิ่งเลวร้ายตอบให้มากกว่าที่เขาทำกับลูก”
“เขาคงกระอักเลือด ถ้าผมทำให้เพ็ญโพยมรักผม ผมต้องแต่งงานกับเพ็ญโพยมให้ได้”
“ไม่ได้นะ!” เฉิดเฉลาห้ามเสียงหลงเพราะจักรินกับเพ็ญโพยมเป็นพี่น้องพ่อเดียวกัน แต่เธอไม่บอกความจริง อ้างว่าเพ็ญโพยมไม่ชอบจักริน แต่ชอบคนัง
“ผมจะแย่งมัน”
“ใจเย็นๆ จะแก้แค้นใคร สิบปียี่สิบปีก็ต้องรอได้ ถ้าการแก้แค้นนั้นสำเร็จ” เฉิดเฉลาโน้มน้าวและโอบกอดจักรินก่อนพาขึ้นรถไปส่งห่างจากบ้านลำหับพอสมควร จักรินยังไม่วางใจในความรักของอีกฝ่ายและอยากรู้เหตุผลว่าถ้าตนทำให้เพ็ญโพยมรักได้แล้วทำไมถึงแต่งงานกับเธอไม่ได้
“รักของเด็กๆไม่ยั่งยืน ลูกต้องได้พบผู้หญิงอีกมากมายน่ารักทั้งนั้น ลูกรวยและหล่อเลือกได้ ไม่ใช่ถูกเลือก...จำไว้”
“แต่ผมรักแท้ รักเดียว”
“อายุแค่นี้ เวลาเปลี่ยนไปจิตใจก็เปลี่ยนตาม เรื่องนี้เอาไว้ค่อยคุยกันใหม่”
“แล้วจะบอกพ่อของเพ็ญโพยมไหมว่าผมคือใคร”
“บอกก็จบ แก้แค้นไม่ได้”
“ทำไมศัตรูที่คุณต้องแก้แค้นมีมากมายนัก”
“ชีวิตคือการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน ก่อให้เกิดความเกลียดชังริษยาอาฆาตเมื่อไม่สมหวัง” เฉิดเฉลาหยิบเงินปึกใหญ่ยัดใส่กระเป๋ากางเกงจักรินที่แย้มยิ้มพอใจมาก “จำไว้ว่าทุกอย่างของคุณพ่อและทุกอย่างของยศพงษ์ต้องเป็นของลูก”
“ผมต้องแย่งของกับเพ็ญโพยมด้วยเหรอ”
“ถ้าเพ็ญโพยมรู้ว่าลูกคือใคร เธอก็ต้องแย่งจากลูก”
“คุณไม่ได้จดทะเบียนกับเขา จะเอาของเขามาให้ผมได้ยังไง”
“ของของแม่กับของของเขาคือของที่เราได้มาด้วยกัน มันจะไปเป็นของเขาคนเดียวไม่ได้”
“คุณกับเขาดูร่ำรวยมาก พวกคุณทำงานอะไร”
“เราทำทุกอย่างที่ได้เงิน”
“ผมอยากไปเรียนเมืองนอก ผมอยากมีรถขับ ผมอยากมีคอนโดหรูอยู่เอง”
“ทุกอย่างลูกได้แน่ถ้าขอจากคุณพ่อ รีบไปอย่าให้ใครรู้ว่าเราพบกัน อย่าให้ใครรู้ว่าแม่ช่วยลูก”
จักรินพยักหน้าแล้วจะลงจากรถ เฉิดเฉลาดึงเขาไว้ ถามว่าเมื่อไหร่จะเรียกตนว่าแม่เสียที
“วันที่ผมมั่นใจในความรักที่คุณมอบให้ว่าไม่แอบแฝงเพื่อผลประโยชน์”
คำตอบของจักรินเล่นเอาเฉิดเฉลาอึ้งงันไปทันที
ooooooo
คนังเห็นจักรินก่อนใครเพราะอยู่หน้าบ้าน เขาแสดงความดีใจที่น้องชายกลับมาอย่างปลอดภัย แต่เกิดความสงสัยเมื่อจักรินเผลอทำเงินหล่นจากกระเป๋ากางเกง
“นายไปเอาเงินมาจากไหน”
“ตอนที่หนีไอ้พวกโจรมันทะเลาะกันเอง แล้วทำเงินหล่น”
“มันมีเงินเป็นฟ่อน แล้วมันจะมาจับนายเรียกค่าไถ่ทำไมกัน”
“เฮ้ย! กลับมาแทนที่จะดีใจ ดันมาสงสัยซักไซ้ไล่เรียง จะเอายังไง ไม่อยากอยู่แล้วโว้ย บ้านนี้มีแต่คนขี้สงสัย” จักรินโวยวายกลบเกลื่อนจนคนังนิ่งเงียบทั้งที่ไม่เชื่อ วิเวกกับตึ๋งหนืดแอบมองมาพากันแปลกใจ ประเมินด้วยตาว่าเงินปึกนั้นไม่น่าต่ำกว่าห้าหมื่นบาท จักรินไปเอามาจากไหน?
ทุกคนดีใจที่จักรินกลับมาอย่างปลอดภัย จักรินเห็นสภาพพิการขาเป๋ของบริพัตรแล้วแทบรับไม่ได้ คิดในใจว่านี่หรือพ่อของเรา ทำไมทรุดโทรมอย่างนี้ นี่หรืออดีต ส.ส.มหาเศรษฐี...แต่จักรินจำใจต้องทำดีอ่อนน้อมตามที่เฉิดเฉลาแนะนำ ขอบคุณพ่อที่ยอมจ่ายเงินสิบล้านเพื่อไถ่ตัว...
เวลาเดียวกันนั้น เฉิดเฉลากลับถึงบ้านด้วยรอยยิ้มรื่นรมย์จนยศพงษ์แปลกใจ แดกดันว่าหายหัวไปทั้งคืนกลับมายิ้มตลอดเวลาเหมือนเพิ่งไปสูบกัญชามาหยกๆ
“เปล่า...ฉันก็แค่ยิ้มทำใจให้นิ่งเพื่อที่จะอยู่กับเธอโดยสงบไม่มีทะเลาะเบาะแว้ง”
“โอ้โห! เมียเราไปเข้าวัดมาหรือนี่”
“เก่งนี่ ทายถูก ฟังนะ ต่อไปนี้เราจะไม่มีปากเสียงกัน พอใจไหม”
“เยี่ยม...แล้วไงต่อ”
“เงินที่มีร่วมกัน ฉันว่าน่าจะเอาฟอกด้วยการทำอะไรให้มันเกิดประโยชน์เพื่ออนาคตของหนูเพ็ญ”
ยศพงษ์ตะลึงดึงเฉิดเฉลาเข้ามากอด เอ่ยอย่างชื่นใจ “เชื่อแล้วว่าเมื่อคืนเธอไปจำศีลมา ความคิดดีมากจ้ะ”
“งั้นเริ่มดำเนินการเลยดีไหม”
“เอาเลย เธอจัดไป แล้วมาบอกกันว่าจะทำอะไรบ้าง ฉันไม่คิดเลยนะว่าเธอจะคิดดีคิดบวกกับหนูเพ็ญมากขนาดนี้”
“ฉันปลงน่ะ ฉันตามหาลูกไม่พบก็ช่างเถอะ นึกว่าฉันชดใช้กรรมเก่ามาทุ่มเทกับคนที่เห็นๆอยู่ดีกว่า เช่นหนูเพ็ญ หนูเพ็ญแกลำบากใจที่ฉันไปไหนมาไหนกับเธอ ตัวติดกันเหมือนแฝดอินจัน”
“นี่เธอกำลังจะบอกอะไร”
“เราควรแยกกันอยู่”
“เฮ้ย! ไม่!” ยศพงษ์โวยลั่น เฉิดเฉลาเอาน้ำเย็นเข้าลูบ บอกว่าเรายังไปมาหาสู่และทำงานร่วมกันเหมือนเดิม แค่นี้เพ็ญโพยมก็จะอภัยให้เขา “ก็ได้ แต่ช่วยเอาไอ้เสกสรรไปด้วยนะ”
“ไม่มีปัญหา” เฉิดเฉลายิ้มพรายพอใจที่ยศพงษ์หลงกลตนจนได้...
จูเนียร์ย้ายมาอยู่บ้านชาตรีเพราะไม่ต้องการมีปัญหากับจักรินที่อาจไม่พอใจ สองคนยังคลางแคลงในใจเรื่องการกลับมาของจักรินที่ดูง่ายเกินไป ชาตรีเชื่อว่าจักรินโกหก เขาไม่มีความสามารถพอที่จะหนีมาเองได้แน่นอน และเชื่อด้วยว่าเฉิดเฉลาต้องเป็นคนพาจักรินไป หลังจากสืบถามจากนพแล้วได้ข้อมูลมาพอสมควร
จักรินกลับมาทำตัวดีมากจนน่าแปลกใจ ชาตรีเดาว่าเฉิดเฉลาคงพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาเข้าใจผิด... แล้วเล่าให้จูเนียร์ฟังว่า
“ตอนออกมาขึ้นรถผมพบวิเวกกับตึ๋งหนืด สองคนนั้นเห็นเงินหล่นจากกระเป๋าจักรินปึกใหญ่”
“เฉิดเฉลาให้เงินเขาเหรอ”
“ผมว่าใช่ ถ้าเป็นคนังเขาไม่เอาแน่ แต่จักรินชอบความฟุ้งเฟ้อ เขานิสัยเหมือนเฉิดเฉลาผสมกับยศพงษ์”
“ถ้ารู้ว่าพี่ใหญ่ไม่ใช่แม่ จักรินยังจะไยดีกับเธออยู่อีกไหม”
“นี่คือสิ่งที่น่าห่วงที่สุด จูเนียร์เป็นน้องของเธอ เตือนเธอด้วยนะ”
“ผมจะพยายาม แต่พี่ใหญ่จะเชื่อหรือเปล่าไม่รู้ พี่ใหญ่รักจักรินและตามใจเขาจนเคยตัวเพราะสงสาร”
“นี่คือจุดอ่อนที่จักรินย้อนเอามาใช้กับลำหับ” พูดแล้วชาตรีถอนหายใจเฮือกใหญ่ สบตาจูเนียร์ที่รู้สึกหนักใจไม่แพ้กัน
ooooooo
ที่มาไทยรัฐ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น