วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร พญาโศก ตอนที่ 14


เสกสรรบาดเจ็บสาหัส ขณะที่จักรินก็อาการน่าเป็นห่วง ถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินไปพร้อมกัน โดยมีคนังและเพ็ญโพยมรออยู่นอกห้องอย่างกระวนกระวาย พร้อมกับตำรวจที่พยายามซักถามเหตุการณ์หลังพบยาเสพติดในรถที่ถูกชนและคนขับบาดเจ็บถูกควบคุมตัวมารักษาที่เดียวกัน

ลำหับได้รับแจ้งข่าวร้ายก็รีบเดินทางมาพร้อมชาตรี ขณะทั้งคู่มาถึงเป็นจังหวะที่เพ็ญโพยมกลับออกไป ซึ่งเธอไม่ได้บอกคนังทำให้เขาเป็นห่วง ไม่รู้ว่าเธอหายไปไหน ฝ่ายยศพงษ์ก็ไม่ได้ใส่ใจลูกทั้งที่ติดต่อไม่ได้หลายชั่วโมง มัวแต่วุ่นวายใจเพราะรถขนยาเสพติดประสบ อุบัติเหตุและตำรวจกำลังตามสืบว่าเป็นของใครทุกคนไม่มีใครรู้จักเสกสรร เขาไม่มีหลักฐานใดๆ ติดตัวสักอย่าง ลำหับขอรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ขอเพียงให้เขาหายเพราะจักรินเป็นฝ่ายผิด

ด้านเฉิดเฉลาที่พยายามติดต่อจักรินก็นั่งไม่ติด ไม่รู้ว่าลูกชายประสบอุบัติเหตุ พอยศพงษ์โทร.มาบอกข่าวเรื่องรถขนยาเสพติดและปรึกษาว่าต้องฆ่าปิดปากคนขับรถก่อนที่ตำรวจจะสาวมาถึงเรา

เธอปลอมตัวเข้าไปในโรงพยาบาลสังหารคนขับรถและแม่บ้านอีกคนก่อนจะหลบหนีออกมาเห็นชาตรีที่ยังเฝ้ารอฟังอาการของจักริน โดยให้ลำหับกับคนังกลับบ้านไปก่อน

ชาตรีเห็นเฉิดเฉลาไวๆแต่ไม่สามารถสกัดไว้ได้ เธอขึ้นรถไปกับยศพงษ์ที่มารอรับแต่ไม่ยอมให้เขามาบ้านหลังใหม่ของเธอ ทั้งที่เขาบอกว่าโดนอาเดียวไล่ตะเพิดเพราะไม่สนใจลูกสาวที่หายไปจากบ้านกับผู้ชาย

เพ็ญโพยมประชดพ่อด้วยการยอมรับว่าตนไปนอนกับผู้ชายมา จึงโดนยศพงษ์ตบหน้าก่อนที่อาเดียวจะขับไล่ไม่ให้เขาเข้าบ้าน เมื่อยศพงษ์เล่าเรื่องนี้ให้เฉิดเฉลาฟัง เธอใจหายวาบคาดคั้นเขายกใหญ่ว่าเพ็ญโพยมนอนกับผู้ชายคนไหน

“ใครจะทันไปถาม โดนอาเดียวตบซะก่อน หนูเพ็ญก็วิ่งหนีไป”

“จัก...ไม่นะ ไม่จริง” เฉิดเฉลาพึมพำอย่างหวาดหวั่น

“ไม่จริงอะไร ทำไมทำหน้าเหมือนโดนผีผลัก”

“ฉันต้องรีบไป ตอนนี้ต้องเก็บตัว เธอกลับไปบ้านเธอเถอะ”

“เดี๋ยว! ฉันแปลกใจ ทำไมไม่มีการออกข่าวเรื่องนี้ เงียบกริบจนน่าสงสัย”

“ถึงบอกไงว่ามันแปลก มันแปลกตรงที่ไอ้คนไม่มีชื่อมาทำอะไรที่โรงพยาบาล”

“หรือว่ามันเป็นสายลับ”

“นั่นสิ ต้องรู้ให้ได้ ช่วงนี้ต่างคนต่างอยู่ อย่ามาเจอกันบ่อยครั้ง ใช้ไลน์หรือโทร.ฟรีไลน์พูดกันถ้าจำเป็น”

เฉิดเฉลารวบรัดแล้วแยกตัวไปทันที ทิ้งให้ยศพงษ์ยืนงงอยู่ตรงนั้น

ooooooo

ด้วยความร้อนใจกลัวพี่น้องจะได้เสียกันเอง เฉิดเฉลาเพียรโทร.เข้ามือถือจักรินซึ่งเวลานี้อยู่กับคนังที่กำลังมุ่งหน้ากลับบ้านพร้อมลำหับ

เมื่อได้ยินเสียงคนรับสายไม่ใช่จักริน เฉิดเฉลาตะคอกถามระรัวก่อนที่สัญญาณจะขาดหายเพราะปลายสายแบตหมด ลำหับรู้จากคนังถึงกับบ่นเสียดายไม่ทันถามว่าเธอเป็นใคร

เฉิดเฉลากังวลและกระวนกระวายคาดเดาไม่ได้ว่าเกิดอะไรกับลูกชายสองคนที่หายไปพร้อมกัน เดินเป็นหนูติดจั่นอยู่ในบ้านเพียงคนเดียว

ชาตรีกลับจากโรงพยาบาลมาบอกลำหับกับคนัง เรื่องคนขับรถขนยาเสพติดกับแม่บ้านโดนฆ่า แน่ใจว่าคนรถโดนฆ่าปิดปากแล้วแม่บ้านเคราะห์ร้ายโดนหางเลขไปด้วย

“ลุงกะจะอยู่ดูอาการของจักกับเด็กคนนั้น เสียดายมาก คนขับรถนั่นพยานปากเอก พวกมันตามมาปิดปากเร็วมาก”

“สงสารแม่บ้านคนนั้นต้องพลอยมาตายไปด้วย”

“คนัง...แม่เป็นห่วงจักเหลือเกิน”

“ไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับจัก มันน่าจะมุ่งมาที่ลำหับกับคนังมากกว่า”

“นั่นสิคะ คนังขึ้นไปก่อน แม่จะคุยกับลุง”

คนังรับคำแล้วเดินจากไป ลำหับไม่สบายใจ เดินนำชาตรีไปนั่งคุยกันริมสระบัว

“คนที่เข้าไปฆ่าปิดปากคนขับรถเป็นผู้หญิง ใจกล้าและโหดเหี้ยมมาก”

“คุณคิดว่าใครคะ”

“ไม่อยากจะใส่ร้าย แต่พฤติกรรมมันบ่งบอกว่าน่าจะเป็นเฉิดเฉลา รวมทั้งเรื่องปลาช่อนงูเห่านั่นด้วย มันทำพลาดเพราะผิดคน”

ลำหับน้ำตาร่วง นึกถึงบริพัตรโดนปลามีพิษกัดขณะพยายามแกะเบ็ด ภาพนั้นยังติดตาไม่ลืมเลือน

“ทุกคนรับเคราะห์เพราะหนูทั้งนั้น”

“พวกบนเขาไม่ต้องการชีวิตใคร เขาต้องการเหยื่อไปเป็นตัวล่อให้ลำหับกับจูเนียร์ไปหาเขา”

“จริงค่ะ คนที่มาจับตัวหนูวันนั้นเขาบอกหนูว่าจะพาไปหาคุณพ่อ”

“พวกข้างล่างนี่แหละที่ส่งปลามัจจุราชมา มันคงผิดหวังที่เหยื่อคือคุณบริพัตร เพราะมันต้องการเงินของเขา แต่คนที่มันต้องการฆ่า...”

“คือหนู หรือไม่ก็คนัง”

“น่าจะเป็นอย่างนั้น”

“มันเกี่ยวโยงกันไปหมด น่ากลัวขึ้นทุกวัน”

“เราทุกคนต้องระวังตัวเพิ่มขึ้น ฉันรู้ว่าลำหับอยากไปหาคุณบริพัตรตลอดเวลา แต่ลำหับมีลูกให้ห่วงหาสองคน ลำหับมีพวกข้างบนจ้องจับตัว และพวกข้างล่างจ้องกำจัดชีวิต”

“หนูเห็นแก่ตัวมากเกินไป ทำให้คุณต้องไปคอย คุ้มกัน ไม่ดูแลลูกให้ดี หนูจะเปลี่ยนไปหาเขาเวลากลางวัน ไม่ไปบ่อยๆ ไม่กำหนดวัน ไม่ให้ใครที่อยากจับหรือฆ่าหนู กำหนดพฤติกรรมหนูได้”

“ดี...แต่จากการโดนจับสินค้าครั้งนี้จะทำให้พวกข้างบนมาก่อกวนลำบากมากขึ้น ส่วนขาประจำข้างล่างเกิดความเสียหายไปมากจนอาจขัดแย้งกับข้างบน นับเป็นเรื่องดีสำหรับเรา อาจจะเบาบางลงไป”

“หนูภาวนาให้มันยุติสักที”

“จนกว่าจะทลายรังพวกนั้นได้ ลำหับขึ้นบ้านเถอะ เอาปืนไว้ใกล้ตัว บอกคนังด้วย”

“ค่ะ ขอบคุณมากที่ช่วยชีวิตหนูซ้ำๆจนนับครั้ง ไม่ถ้วน”

ชาตรีฟังแล้วสะท้อนใจ...เมื่อไหร่ผู้หญิงคนนี้จะพ้นเคราะห์กรรมเสียที

ooooooo

จักรินพ้นขีดอันตรายอาการดีขึ้นตามลำดับแต่ยังพักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง เสกสรรก็เช่นกัน สามารถพูดคุยกับพวกลำหับได้แต่ไม่ยอมให้ข้อมูลเรื่องญาติ ทั้งที่เคยละเมอเรียกหาแม่

ลำหับกับชาตรีไม่รู้จะติดต่อญาติของเสกสรรอย่างไร ได้แต่แสดงความรับผิดชอบเรื่องค่ารักษาจนกว่าเขาจะหาย...ฝ่ายจักรินพออาการดีขึ้นก็ด่าทอคนังว่าหักหลังคบหากับเพ็ญโพยม จักรินหมกมุ่นแต่เรื่องความรัก ไม่สนใจว่าตัวเองขับรถชนคนบาดเจ็บปางตาย

นอกจากเล่นงานคนังแล้วจักรินยังโทร.ไปตำหนิเพ็ญโพยมด้วยถ้อยคำรุนแรง หาว่าเธอย่ำยีหัวใจของตนด้วยการลักลอบทำบัดสีกับคนัง เพ็ญโพยมกำลังเดินทางไปเรียนต่อที่ลอนดอนไม่พอใจอย่างมาก ตัดสินใจพูดความจริงว่าเธอกับคนังรักกัน จักรินไม่เกี่ยวกับความรักของเรา ถ้าอยากเลิกเป็นเพื่อนก็ยินดี

จักรินโกรธแทบคลั่ง อาละวาดจนตัวเกร็งตาค้าง หมอและพยาบาลต้องรีบมาเยียวยา แล้วพอคนังมาเยี่ยมก็โดนจักรินเล่นงานอีกยก ก่อนที่คนังจะผละไปเยี่ยมเสกสรรอีกห้อง พูดคุยกับเขาด้วยไมตรี ขอรับผิดแทนน้องชายที่ขับรถชนเขากับตำรวจก็เหมือนกัน คนังยืนยันอย่างนั้นเพราะรักน้อง แต่ตำรวจบอกว่าจักรินทำผิดกฎหมาย รับผิดแทนกันไม่ได้ โชคยังดีที่เขาพุ่งไปชนรถขนยาเสพติดเท่ากับช่วยทางการให้จับยาและคนร้ายได้ แต่ยังไงก็ต้องสอบปากคำเขาด้วย คนังอ่อนใจเพราะจักรินไม่ยอม แล้วรับปากจะให้ลุงมาพูดกับเขาอีกครั้ง

เฉิดเฉลาพยายามติดต่อจักรินจนสำเร็จ รู้ว่าลูกขับรถชนคนและรถขนยาเสพติดจนตัวเองบาดเจ็บรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลก็ตกใจ รีบไปบอกยศพงษ์แล้วยุแหย่ว่าคืนก่อนที่เพ็ญโพยมหายไปค่อนคืนเธอไปกับคนังลูกของลำหับ ยศพงษ์เกลียดชังสองแม่ลูก ลั่นวาจาไม่ยอมให้คนังลงเอยกับลูกสาวของตน หากฆ่าคนังได้ก็จะทำโดยไม่รีรอ เฉิดเฉลาพอใจเพราะเข้าทาง เธอต้องการกำจัดคนังอยู่แล้วเพื่อสมบัติทั้งหมดของบริพัตรจะได้ตกอยู่กับจักรินเพียงคนเดียว

เฉิดเฉลาไม่กล้าโผล่มาเยี่ยมจักรินเพราะมีชนักติดหลังที่ฆ่าคนขับรถขนยาเสพติดกับแม่บ้าน แต่ใช้วิธีพูดคุยกันทางโทรศัพท์ ก่อนที่จักรินจะหัวไวให้เธอมาเป็นพยาบาลพิเศษดูแลอย่างใกล้ชิด เฉิดเฉลาปลอมตัวเป็นบุรุษพยาบาลตบตาทุกคนได้แต่ไม่แนบเนียน ทำให้ชาตรีที่มาเห็นจับจ้องด้วยความสงสัย ส่วนจักรินก็ช่วยด้วยการทำเป็นอาละวาดไม่พอใจแม่กับลุงแล้วไล่ตะเพิดให้ออกจากห้อง

หลังจากเป่าหูจักรินให้เกลียดชังลำหับแล้วเฉิดเฉลายังส่งสมุนไปดักฆ่าคนังขณะขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน

แต่โชคไม่เข้าข้างคนชั่ว จูเนียร์มาช่วยคนังทันเวลา แล้วพามาใส่เฝือกเพราะแขนหัก เฉิดเฉลากับจักรินล่วงรู้ก็วางแผนลงมือซ้ำในตอนที่คนังกำลังบาดเจ็บ โดยจักรินทำตัวเป็นนกต่อโทร.เว้าวอนให้คนังมาเยี่ยมมาเป็นเพื่อนคุย ทั้งที่ก่อนหน้านี้อาละวาดขับไล่ไสส่งแทบไม่มองหน้า

ความผิดปกติของจักรินทำให้คนังบ่นกับชาตรี อีกทั้งเรื่องบุรุษพยาบาลที่เฝ้าจักรินก็ดูแปลก สองคนเห็นตรงกันอย่างนั้น ชาตรีเตือนคนังให้ระวังตัว ส่วนคนังก็มีอะไรบางอย่างกระซิบบอกชาตรีแล้วได้รับคำชมว่าดีที่สุด ลุงยังคิดไม่ออกด้วยซ้ำ คนังช่างเหมือนแม่จริงๆ

ooooooo

จักรินยังก่นด่าคนังไม่เลิกราเรื่องเพ็ญโพยม ในที่สุดคนังจึงยุติปัญหาตัดสินใจตัดขาดกับเพ็ญโพยมด้วยการส่งข้อความบอกเธอว่าตนมีคนรักแล้ว

เพ็ญโพยมเสียใจมากและเข้าใจคนังผิดอย่างแรงเมื่อจักรินบังคับให้คนังพาแฟนมาถ่ายรูปคู่แล้วส่งต่อไปให้เพ็ญโพยมดู ทั้งที่ความจริงคนังอุปโลกน์เพื่อนร่วมชั้นเรียนมาเป็นแฟน จักรินฉวยโอกาสนี้เอาความดีใส่ตัวบอกเพ็ญโพยมด้วยว่าเขาพร้อมยืนเคียงข้างเธอเสมอในฐานะเพื่อนสนิท ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่จะไปลอนดอนทันที

เสกสรรยังรักษาตัวในโรงพยาบาลแต่มีอาการอยากยาและขอจากใครไม่ได้ จึงโวยวายอาละวาดหนีออกจากโรงพยาบาลแล้วโชคดีได้รับความช่วยเหลือจากจูเนียร์พาไปบ้านชาตรี พอเจ้าของบ้านกลับมาเจอจำได้ว่าเขาคือเสกสรรที่จักรินขับรถชน จึงยินดีรับเขาไว้ในความดูแล...

หลังจากคนังตัดเยื่อขาดใยกับเพ็ญโพยมไปแล้วจักรินดีใจมาก มีความหวังว่าต่อไปตัวเองจะทำให้เพ็ญโพยมหันมารักได้ แต่เฉิดเฉลากลับแสดงท่าทีไม่เห็นด้วย แถมพูดจาขัดขวางอยู่ร่ำไป ทำให้จักรินตัดพ้ออย่างไม่พอใจว่าพูดอะไรไม่เคยให้กำลังใจกันบ้างเลย

“แม่ให้กำลังใจจักได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องหนูเพ็ญ”

“กีดกันเหลือเกินนะ ไหนบอกซิว่าทำไม”

“เพราะเธอไม่มีวันรักลูก...ที่สำคัญเธอคือคู่แข่งเรื่องสมบัติของลูก”

“ชักจะเหนื่อยกับเรื่องสมบัตินี่มากแล้วนะ จะรักใครสักคนก็ยังมีสมบัติมาเกี่ยวข้อง ยุ่งยากนักไม่ต้องไปสูบสมบัติเธอมาให้ผมหรอก”

“แม่ไม่ได้ห้ามลูกเป็นเพื่อนกับเธอ แม่ว่านะ ทำตัวเป็นเพื่อนกับเธอในเบื้องต้นมันน่าจะทำให้เธอยอมเปิดไมตรีได้มากกว่าคิดเป็นคนรักของเธอ”

“จริงหรือ” จักรินเสียงอ่อนลง

“จริงสิ เธอเป็นคนดื้อ ที่ผ่านมาลูกจ้องเอาชนะอย่างเปิดเผย อย่าไปทำว่าจะเอาชนะเธอเลย”

“ก็ดีนะ ช่วยไปบอกหมอว่าผมขอออกจากโรงพยาบาลในวันสองวันนี้ จะรีบตีสนิทเพ็ญโพยมรูปแบบใหม่”

“แม่เพิ่งมาอยู่กับลูกได้ไม่กี่วัน แม่กลับไปบ้านก็ไปอยู่คนเดียว มันเหงาน่ะ”

“เสกสรรยังไม่ยอมซมซานกลับมาซบอกอีกหรือ สงสัยเขาขอไปตายเอาดาบหน้า”

เฉิดเฉลาฟังแล้วอึ้งไปด้วยความเป็นห่วงเสกสรร คล้อยตามจักรินว่าเขาอาจเตลิดไปจนเป็นอันตราย

“ห่วงมากนักก็รีบตามหามันสิ มันวิเศษมากมีคุณค่ามากนักนี่”

“แม่ไม่เคยเห็นคุณค่าของเสกสรร มีแต่รำคาญเขา ทั้งที่แม่ได้ประโยชน์จากเสกสรรมากมายมหาศาล วันที่แม่เจ็บช้ำโดนย่ำยี เขาอุตส่าห์มาปกป้องปลอบโยนยืนข้างแม่ ทั้งที่รู้ตัวว่าเขาต้องโดนทำร้าย”

“จะบอกว่ามันดีกว่าผมงั้นสิ”

“ไม่มีใครดีไปกว่าลูก แม่หวังว่าสักวันเขาจะกลับมา แม่จะแก้ตัวด้วยการห่วงใยเขาบ้าง เขาก็เคยขอแค่นั้น”

“เลิกโหยหาไอ้บ้านั่น รีบไปจัดการไอ้คนังก่อนผมออกจากโรงพยาบาลพรุ่งนี้ ดีกว่าไปชื่นชมไอ้ลูกปลอมๆนั่น”

“ไม่ต้องห่วง คนของแม่รอมันอยู่แล้ว”

เฉิดเฉลาโอบกอดเอาใจจักริน แล้วผละออกจากกันแทบไม่ทันเพราะคนังเข้ามาอย่างเงียบเชียบ

“พี่มากับคุณทนาย เขามาจ่ายเงินค่ารักษานายกับคนที่ถูกนายขับรถชน”

“บอกทนายอย่าเข้ามาหาเรา ให้ไปเตรียมการเรื่องไปลอนดอนให้เร็วที่สุด”

“เขาจัดการแล้ว แต่นายต้องไปขอวีซ่าที่สถานทูตเอง”

จักรินพยักหน้าแล้ววางแผนให้เพ็ญโพยมกับคนังผิดใจกันมากขึ้นด้วยการคุยให้ฟังว่าเธอมีแฟนเป็นคนผิวสีที่เรียนห้องเดียวกัน คนังทำเป็นไม่ใส่ใจ ขอตัวไปดูเรื่องค่ารักษาแล้วขอกลับบ้านเลย แต่พอลับหลังจักรินก็ซึมเศร้า หัวใจสลาย

เฉิดเฉลาใช้โอกาสนี้สั่งสมุนสองคนไปจับตัวคนังตรงลานจอดรถ คนังยังใช้แขนที่เข้าเฝือกไม่ได้จึงยอมโอนอ่อนไปกับพวกมัน วิเวกรอคนังอยู่ในรถเห็นว่าเกินเวลาที่นัดไว้ครึ่งชั่วโมงก็เริ่มกระวนกระวาย

คนังหัวไวหลอกล่อคนร้ายว่า “คนรถของฉันรออยู่ รอนานเขาจะสงสัยแล้วออกตามหา”

“มันพูดถูก”

“เอาไงดีวะ”

สองคนร้ายหารือกัน คนังแนะนำให้เอามือถือของตนในกระเป๋ากดเบอร์ตามที่บอกส่งข้อความไปแจ้งเขาให้กลับไปได้เลย ไม่ต้องรอตน คนร้ายหลงกลเพราะมั่นใจว่าคนังกลัวจนหัวหดไม่มีพิษสงแน่

ไม่ช้าวิเวกก็ได้รับข้อความจากคนังแล้วรีบโทร.บอกต่อชาตรีที่อยู่กับจูเนียร์ในบ้าน สองคนเตรียมตัวตามไปช่วยคนังจากชิปส่งสัญญาณที่แอบใส่ใต้พื้นรองเท้าด้านใน แต่ไม่ทันจะออกไป เสกสรรอาละวาดขอยาเสพติดถึงขนาดจะใช้มีดแทงตัวเอง

ชาตรีกับจูเนียร์ช่วยกันสยบเสกสรรอยู่สักพักกว่าจะสำเร็จ เสกสรรได้รับบาดเจ็บโดนคมมีดที่ข้อมือข้างหนึ่งต้องรีบส่งตัวไปให้พยาบาลทำแผลโดยเร็วที่เซฟเฮาส์ที่เคยรักษาบริพัตร

เสกสรรร้องไห้โวยวายอย่างน่าสงสาร อยากตายให้รู้แล้วรู้รอด คร่ำครวญว่าชีวิตตนไร้ค่า ตายไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หมาของคนรักหมาตายยังมีค่ามากกว่าตนตาย ลำหับที่ตามมาดูด้วยความเป็นห่วงปลอบโยนเด็กหนุ่มจากใจว่า

“เธอมีค่าสำหรับเรา โดยเฉพาะฉัน”

เสกสรรไม่เชื่อว่าตัวเองมีค่ากับใครทั้งนั้น เพราะแม้แต่คนที่เขาเรียกว่าแม่ยังไม่เคยเห็นค่าของเขาเลย มีแต่ท่าทีรำคาญ แถมตอนนี้เธอได้พบลูกที่จากกันไปนานกว่าสิบปี ความรักความเอาใจใส่จึงตกไปอยู่ที่ลูกคนนั้นจนไม่เหลือมาถึงตน

ลำหับฟังแล้วติดใจกับเรื่องราวของเสกสรรไม่น้อย แต่ไม่ได้ซักต่อ ใช้ความจริงใจปลอบโยนเขาในฐานะที่เธอเองก็มีลูกชายสองคน ที่สุดเสกสรรก็ให้ความไว้ใจ เพราะเชื่อในท่าทีโอบอ้อมอารีและแววตาอบอุ่นของลำหับ

เสร็จเรื่องของเสกสรร ชาตรีกับจูเนียร์ผละจากลำหับไปตามคนังโดยไม่บอกให้ลำหับรับรู้ จนกระทั่งเธอกลับไปที่บ้านแล้วรู้จากวิเวกว่าคนังหายไปก็ร้อนรนจนอยู่เฉยไม่ได้ ขับรถตระเวนหาลูกชายอย่างไร้จุดหมาย

ยศพงษ์ให้สมุนจับคนังขังไว้ที่บ้านหลังหนึ่งก่อนติดต่อไปยังรามหรือหมายเลขหนึ่งบนเขา รามพอใจชื่นชมยศพงษ์กับเฉิดเฉลาที่จับคนังลูกชายลำหับมาบรรณาการตนเพื่อไถ่โทษเรื่องรถขนยาโดนจับ จากนั้นเขาสั่งการสนหรือหมายเลขสองกับหมายเลขสิบห้าลงไปรอรับคนังจากสมุนของยศพงษ์

ชาตรีกับจูเนียร์ติดตามคนังมาอย่างใกล้ชิดและทันเวลาที่พวกสนพาคนลงจากเขามารับคนัง สองฝ่ายปะทะกันโดยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วคนังไม่ได้แขนหัก แต่แกล้งตบตาคนร้ายเพื่อจะได้รู้ว่าพวกมันเป็นใครและจะพาเขาไปไหน

คนังซ่อนปืนไว้ที่เฝือกทั้งสองข้างต่อสู้กับคนร้ายแล้วหลบหนีห่างมาพร้อมชาตรี ส่วนจูเนียร์โชคร้ายถูกสนหลอกไปยิงตายแล้วโยนความผิดให้คนังกับชาตรี ทั้งที่สองคนนั้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจูเนียร์จากโลกนี้ไปแล้ว

เหตุผลที่สนหรือหมายเลขสองฆ่าจูเนียร์เพราะต้องการก้าวขึ้นเป็นใหญ่แทนราม หรือหมายเลขหนึ่ง หากจูเนียร์ยังอยู่แน่นอนว่าเขาต้องเป็นผู้สืบทอดแทนพ่อ ซึ่งเรื่องนี้หมายเลขสิบห้าระแคะระคายมาตลอด รวมทั้งครั้งนี้ที่จูเนียร์ตายด้วย

รามเสียใจมากต่อการจากไปของจูเนียร์ เขาอาฆาตแค้นชาตรีกับคนัง รวมทั้งลำหับที่อยากได้ตัวมานานแต่ไม่สำเร็จสักที รามสั่งสมุนไปจัดการเรื่องนี้โดยไว้ใจสนมากกว่าใคร ไม่เคยคิดสักนิดว่าเขาจ้องทรยศหักหลังอยากเป็นใหญ่

ชาตรีกับคนังหนีรอดออกจากป่าแล้วมาเจอลำหับ ก่อนที่ทั้งหมดจะพากันกลับไปบ้านเอาตอนรุ่งสาง โดยไม่รู้ชะตากรรมของจูเนียร์ ด้านจักรินที่ออกจากโรงพยาบาลได้ไม่กี่วันก็เตรียมตัวเดินทางไปเรียนต่อที่อังกฤษแต่ไม่ยอมให้พวกลำหับไปส่ง เพราะเชื่อฟังคำพูดของเฉิดเฉลาที่ต้องการอยู่กับลูกชายตามลำพังหนึ่งคืนก่อนเดินทาง

เฉิดเฉลาพาจักรินมาพักโรงแรมใกล้สนามบินแล้วรำพันความรักทั้งหมดที่มีให้เขา อยากได้ยินเขาบอกรักและเรียกเธอว่าแม่สักครั้ง แต่จักรินไม่ยินยอม ผัดผ่อนว่ารอให้เรียนจบกลับมาก่อน

“อย่ารอบอกรักแม่ อย่ารอเรียกแม่ตอนที่แม่ตายแล้วสิลูก”

“คุณทำให้คนอื่นตาย คุณยังไม่ตายง่ายๆหรอก อย่าตายก่อนแก้แค้นให้ผมสำเร็จสิ ตอนนี้ผมรู้สึกดีกับคุณมากแล้ว ดูแลตัวเองให้ดีรอให้ผมมาเอ่ยคำที่คุณต้องการได้ยินนะ ผมเป็นห่วง รู้ไหม”

เท่านี้เฉิดเฉลาก็น้ำตารินด้วยความดีใจ สวมกอดจักรินบอกว่าแม่จะรอวันนั้น แม่ไม่ยอมตายจนกว่าจะได้ยินคำนั้นจากลูกรัก...

ooooooo



ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น