วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร พญาโศก ตอนที่ 10


เมื่อรู้จากคนังว่าจักรินหายไปกับสาวใหญ่ที่ไม่ใช่คนคุ้นเคย ชาตรีเชื่อว่าจักรินน่าจะโดนจับตัวไป ลำหับทุกข์ร้อนเป็นห่วงลูกมาก คนังเองก็ห่วงน้องจะลองโทร.หาเพ็ญโพยมที่ให้เบอร์ไว้ แต่ยศพงษ์ค้นหาเบอร์ในเครื่องจักรินแล้วโทร.ไปก่อน โดยจำไม่ได้ว่าคือเบอร์ของลูกสาว แม่เริ่มรับสายแทนเพ็ญโพยมที่นั่งอยู่ข้างกัน

ยศพงษ์คุ้นเสียงแต่ไม่ได้เอะใจ บอกจุดประสงค์ของตนว่าต้องการติดต่อลำหับ แม่เริ่มสวนกลับทันใดว่าที่นี่ไม่มี ลำหับ ยศพงษ์ไม่เชื่อ หาว่าอีกฝ่ายโกหกแล้วฝากบอกลำหับด้วยว่าลูกของเธออยู่กับตน แม่เริ่มฟังแล้วงง ถามเขาว่าพูดเรื่องอะไร

“ไอ้เด็กที่ชื่อคนังที่เราจับตัวไปมันเป็นลูกของนังลำหับ ให้รีบติดต่อมา ไม่งั้นเราฆ่ามันแน่” ยศพงษ์ข่มขู่แล้วตัดสายทันที

เพ็ญโพยมได้ยินทุกคำเพราะเปิดสปีกเกอร์โฟน เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าแม่ของคนังชื่อลำหับ ส่วนแม่เริ่ม คาดเดาว่าอาจจับผิดตัว

“ใช่แล้ว แต่ทำไมมันถึงอยากจับคนัง”

“หรือว่าคนจับตัวไปมีปัญหากับแม่ของคนัง”

“แม่คนังเป็นแม่บ้านของจัก ทำไมไม่จับจัก แต่ไปจับคนัง...แปลกจริงๆ”

ไม่กี่อึดใจต่อมา คนังโทร.หาเพ็ญโพยม เธอเล่าว่าก่อนหน้านี้มีคนโทร.มาเป็นเบอร์เดิมที่โทร.มาเมื่อคืน แต่ไม่ใช่จัก แปลกใจว่าเขารู้จักเบอร์ตนได้ยังไง และแปลกไปกว่านั้นคือเขาบอกว่าเด็กที่จับไปชื่อคนัง เขาต้องการติดต่อกับคนชื่อลำหับ

ชาตรีกับลำหับฟังการสนทนาอยู่กับคนังด้วยสะดุ้งโหยง ค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าจักรินถูกศัตรูของตนจับตัวไป หมายความว่าเขาตกอยู่ในอันตราย

“รีบถามต่อไปอีก” ชาตรีกระซิบคนัง

“แล้วผู้ชายนั่นว่ายังไงต่ออีก”

“มันร้อนรนมาก มันเข้าใจผิดแน่ๆว่าจักคือเธอ มันบอกให้ติดต่อกลับ ไม่อย่างนั้นมันจะฆ่าเขา”

ลำหับสั่นไปหมด กลัวจักรินเป็นอันตราย ชาตรีโอบปลอบเธอไว้พร้อมกระซิบบอกคนังให้ขอเบอร์คนพวกนั้นจากเพ็ญโพยม...

เวลาเดียวกัน ยศพงษ์กับเฉิดเฉลางุ่นง่านที่ยังไม่ได้ความเรื่องลำหับ คิดกันไปมายศพงษ์จำเสียงแม่เริ่ม ได้ แต่ไม่ทันจะโทร.ไปซักถามก็พอดีชาตรีโทร.เข้ามา หลังได้เบอร์จากเพ็ญโพยม

ชาตรีแจ้งว่าตนโทร.มาจากลำหับ ยศพงษ์กับเฉิดเฉลาตาพองก๋าตื่นเต้นว่ามาถูกทาง

“ดีมากที่รีบโทร.มาก่อนที่เราจะฆ่าเด็กนั่น”

“คุณลำหับต้องการพูดกับลูกชายเพื่อให้แน่ใจว่าเขายังสบายดี”

“เด็กสบายดี แต่อาละวาดเหมือนหมาบ้า สอนลูก ได้เลวจริงๆ”

“พวกนายต้องการอะไรจากคุณลำหับ”

“ต้องการพบเพื่อตกลงเรื่องสำคัญ”

“ขอพูดกับเด็กก่อน ขอเห็นภาพสดของเด็กด้วย”

ยศพงษ์ตกลง แล้วรีบเร่งไปยังบ้านที่จับจักรินขังไว้ โดยปกปิดใบหน้าด้วยการคลุมผ้า ให้จักรินพูดกับแม่และเห็นหน้าตาของเขาที่มีร่องรอยบวมปูดจากถูกทำร้าย ลำหับใจจะขาดสงสารลูก พูดตามที่ชาตรีกำกับอยู่ข้างๆว่าต้องการอะไรส่งข้อความมาทางไลน์ ขอร้องอย่าทำร้ายลูกของตน

หลังจากยศพงษ์วางสายไปแล้ว ชาตรีบอกให้ลำหับ ตั้งสติดีๆ อย่าเพิ่งคิดมาก พวกเราเจอเหตุการณ์ร้ายแรงมามากมายแต่เราก็ผ่านมันไปได้ ส่วนคนังพรุ่งนี้ให้พาลุง ไปร้านขายมือถือที่จักรินไปซื้อเมื่อวาน คืนนี้คนังต้องดูแลแม่ดีๆ

คนังรับปากแข็งขันแล้วเดินตามออกไปส่งชาตรีหน้าบ้าน บอกความต้องการของตนว่าอยากหัดยิงปืน เพื่อจะไปช่วยลุงเอาจักรินกลับคืนมา ชาตรียินดีแต่ย้ำเตือนเด็กหนุ่มให้จำไว้ว่าปืนไม่ได้มีไว้ฆ่าคน แต่มีไว้ป้องกันตัว

ด้านเพ็ญโพยมยังติดใจสงสัยเรื่องชื่อลำหับ นั่งคิดทบทวนกับแม่เริ่มจนได้ความกระจ่างว่าลำหับคือชื่อนางเอกในเรื่องเงาะป่าและมีลูกชื่อคนัง

“คนังมีแม่ชื่อลำหับคล้องจองกันดีจัง แต่หนูคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกว่ามันอยากจับตัวคนังไปทำไม และอยากพบแม่ของคนังไปทำไม”

“ทำไมมันไม่อยากจับตัวคุณจักแล้วติดต่อแม่ของเขา ทำไมมันเข้าใจว่าคุณจักคือคนังคะ”

“จริงสิ นพไปอำว่าจักชื่อคนัง แต่เขาอำผู้หญิงนั่นคนเดียวไม่ได้อำคนอื่นนี่นา หรือว่าผู้หญิงคนนั้นเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของจัก...ใช่แล้ว!”

“มันอลวนไปหมดแล้วนะคะ”

“คนังกับแม่ของเขาไปเกี่ยวข้องอะไรด้วย หนูจะโทร.ไปบอกเรื่องนี้กับคนัง”

ไวเท่าความคิด เพ็ญโพยมโทร.กลับเบอร์เดิมที่โทร. มาก่อนหน้านี้เพราะเข้าใจว่าเป็นเบอร์ที่ใช้ในบ้านคนัง ปรากฏว่าเป็นเบอร์ของชาตรี เขาอยู่ที่เซฟเฮาส์กับบริพัตรและจูเนียร์

“คนัง...เราคิดออกแล้ว”

“ขอโทษ นี่ลุงของคนังพูดครับ หนูอยากพูดกับคนังหรือ”

“คือหนูอยากจะบอกบางอย่างกับเขาค่ะ”

“ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับจัก หนูบอกลุงได้เลย”

“บอกได้หรือคะ ขอบคุณค่ะ ฝากบอกคนังด้วยว่าคนร้ายที่มันจับผิดตัวไป เพราะว่ามีเพื่อนไปอำว่าจักชื่อคนังไงคะ ผู้หญิงที่เพื่อนหนูเห็นว่าอยู่กับเขาไม่ได้สนิทสนมกับเขา ไม่รู้จักชื่อเขาด้วยซ้ำ เพื่อนหนูอำเขาก็เชื่อ หนูสงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นเกี่ยวข้องด้วย”

“หนูฉลาดมาก หนูช่วยพวกเราได้มากจริงๆ ขอบใจ หนูมาก”

“ขอบคุณค่ะที่ชมหนู”

ทันทีที่ชาตรีวางสาย บริพัตรถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับตาหนู ชาตรีบอกว่าตาหนูของเขาโดนคนจับตัวไปโดยเข้าใจผิดว่าเป็นคนัง เรื่องที่ตนตั้งใจว่าจะรับพวกเขากลับไปในวันสองวันคงต้องรอไปก่อน

“ผมขอตามไปกับคุณเพื่อช่วยตาหนูของคุณบริพัตร ผมหายดีแล้ว” จูเนียร์เสนอตัว ชาตรีพยักหน้ารับโดยดี

ฝ่ายยศพงษ์กับเฉิดเฉลากระหยิ่มยิ้มย่องเตรียมวางแผนจัดการลำหับไม่ให้รอดพ้นเงื้อมมือ

“แต่มันไม่เข้าท่าไอ้ตรงที่ทำไมดันมีหนูเพ็ญไปเกี่ยวข้องด้วย หนูเพ็ญนี่แหละที่ไปบอกพวกมัน พวกมันถึงโทร.กลับมาหาเรา”

“นึกไม่ถึงว่าเบอร์ที่โชว์อยู่จะเป็นของหนูเพ็ญ แกมีมือถือหลายเครื่อง”

“เด็กนรกนั่นพูดจาโง่มาก ฉันไม่เอามาเป็นแฟนลูกสาวของฉันแน่”

“ฉันหลอกถามมัน รู้ว่านังลำหับไม่ได้ทำมาหากินอะไร แต่มีเงินใช้สะดวกสบาย มีให้ไอ้พี่เลี้ยงของลูกมันมาเรียนที่เดียวกันด้วย มันเอาเงินมาจากไหน”

“บริพัตรกับทนายนั่นมันจัดการเรื่องเงินให้เด็กคนังกับนังลำหับ มันรู้กันและส่งเสียกันมาตลอด เราโดนมันต้ม”

“จับตัวทนายมารีดความจริงอีกคน ป่านนี้มันคงเจอกับบริพัตรแล้ว”

“จับตัวมันมาให้หมด และจัดการล้างเผ่าพันธุ์ให้สิ้นซาก เริ่มต้นจากการล่อให้นังลำหับมาหาลูกของมัน”

“จัดการฆ่ามันทั้งแม่ทั้งลูก ตามหาลูกฉันพบเมื่อไหร่ ฉันจะฟ้องเรียกเงินทั้งหมดมาเป็นของเขา แต่จะหาเขาได้ที่ไหน มันมืดแปดด้าน เพราะเธอก่อกรรมทำเข็ญลูก”

“อุวะ! ก็มันไม่ใช่ลูกของฉัน มันคือลูกชู้ ฉันเกลียดมัน”

เฉิดเฉลาโมโหฉุนเฉียวตบหน้ายศพงษ์อย่างแรงแล้วสำทับเขาว่าห้ามพูดแบบนี้อีก ยศพงษ์ไม่เข้าใจตวาดว่าผีเข้าหรือยังไง แล้วทำท่าจะตบตีเธอแต่ยั้งมือไว้

ooooooo

เช้าวันถัดมา ชาตรีพาจูเนียร์มาบ้านลำหับแต่ไม่บอกคนังว่าเขาคือน้าชาย แนะนำว่าเขาชื่อพลเทพจะมาเป็นแขกของที่นี่ เขาจะมาช่วยตามจักรินกลับบ้าน ถ้าคนังอยากหัดยิงปืน เขาสอนได้

หลังจากทุกคนทักทายทำความรู้จักกันแล้ว จูเนียร์พาคนังออกไปหัดยิงปืน ส่วนชาตรีกับลำหับหารือเรื่องจักริน ชาตรีค่อนข้างเชื่อว่าคนที่จับจักรินไปคือพวกเฉิดเฉลา

“ถ้าเป็นเฉิดเฉลา เท่ากับเขาจับลูกตัวเองไปนะคะ”

“โง่มาก เวรกรรมลงโทษให้สำคัญผิดคิดว่าลูกของตัวเองเป็นคนัง”

“เราจะยอมให้เขาทำร้ายจักไม่ได้นะคะ”

“กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นมันตามทันตัวเองแบบไม่รู้ตัว หลงทำร้ายลูกของตัวเองเข้าให้”

ลำหับเริ่มตาแดงจะร้องไห้ คร่ำครวญว่าจะทำยังไงถึงช่วยจักรินได้ ชาตรีจับมือเธอไว้ สัญญาจะพาเขากลับมาให้ได้

“คนพวกนั้นตามหาเราจนพบ ถ้าได้แกกลับมาแล้วเราจะหนีไปไหนอีกที่เขาหาเราไม่พบ”

“เราจะไม่หนีไปไหนอีกต่อไป เราจะยืนหยัดสู้ แต่ต้องสู้แบบมีแผนการ แผนซ้อนแผน จูเนียร์จะอยู่คุ้มกันเธอที่นี่ ส่วนฉันจะไปสืบเรื่องต่อกับคนัง”

“ขอบคุณค่ะ โชคชะตาที่หนูพบคุณทำให้หนูได้รับแต่สิ่งดีๆจากคุณ”

“สิ่งที่ดีที่สุดของเธอมาถึงแล้ว จัดการเรื่องจักก่อนแล้วเธอจะพบแต่ความสุข”

ลำหับยิ้มรับทั้งน้ำตาคลอๆ เชิดชูบูชาในความดีของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างหมดใจ

หลังจากจูเนียร์ซ้อมยิงปืนให้คนังแล้ว ชาตรีปลอมเป็นตำรวจพาคนังไปร้านขายโทรศัพท์มือถือที่จักรินซื้อ คนขายตกใจตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา พอชาตรีกับคนังคล้อยหลัง เฉิดเฉลาเดินเข้ามาจนคนขายตกใจอีกครั้ง

“ผีหลอก! ตกใจหมดเลย ตำรวจเพิ่งมาถามเรื่องมือถือที่พี่กับลูกชายมาซื้อวันก่อน”

“อะไรนะ!”

“เขาเพิ่งเดินออกไปก่อนพี่เข้ามานี่แหละ มีอะไรหรือเปล่า”

เฉิดเฉลานิ่งเงียบ หันกลับออกไปทันที...ชาตรีตาไวเห็นเธอ รีบดึงคนังหลบมุมจับตามอง คนังจำได้บอกชาตรีว่าผู้หญิงคนนั้นเคยคุยกับตนที่หน้าโรงเรียน เธอเป็นแม่เลี้ยงของเพ็ญโพยม

“โลกมันกลมแถมเล็กซะด้วย เจอกันจนได้” ชาตรีพึมพำ...แล้วรีบส่งข่าวไปยังทนาย หลังจากนั้นไม่นานทนายก็มาบอกต่อบริพัตรที่เซฟเฮาส์ มั่นใจว่าเฉิดเฉลาคือคนที่จับตาหนูไป บริพัตรจึงเตือนทนายว่า

“คุณต้องระวังตัวให้มาก พวกนั้นหูตาราวกับสับปะรด เขาอาจตามหาข้อมูลของคุณที่ติดต่อกับลำหับได้ในไม่ช้า”

“คุณไร้ชื่อนั่นแกทันเกมครับ เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ปัญหาตอนนี้คือพวกนั้นจับตัวคุณหนูไปแล้ว”

“หรือสงครามจะเริ่มใหม่อีกรอบ โดยที่ผมไม่อาจช่วยเหลือใครได้”

“คุณช่วยเหลือทางจิตใจทุกคนได้ครับ นั่นยิ่งใหญ่มากพอแล้ว” ทนายให้กำลังใจแต่บริพัตรรู้สึกหม่นหมอง ไม่เห็นด้วยและเจ็บใจตัวเองที่อ่อนแอเกินไป...

เฉิดเฉลาเข้าใจผิดว่าลำหับแจ้งความกับตำรวจจึงรีบมาบอกยศพงษ์ให้ซ้อมเด็กที่จับตัวขังไว้แล้วถ่ายคลิปส่งกลับไปให้ลำหับดูด้วยความเจ็บใจ โดยไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทุบตีทรมานตาหนูที่ถูกขโมยไปเมื่อ 12 ปีก่อน

จักรินโดนซ้อมจนฟกช้ำดำเขียว ดิ้นรนสุดฤทธิ์กระชากผ้าคลุมหน้ายศพงษ์ออกแต่พวกลำหับที่ดูจากคลิปไม่เห็น เพราะยศพงษ์ตกใจมากหันหน้าหนีแต่จักรินเห็นเต็มสองตา แล้วภาพก็ถูกตัดขาดหายวับไป พวกลำหับตกใจและเป็นห่วงจักรินมากขึ้นไปอีก

จักรินเห็นหน้าค่าตายศพงษ์แล้วจำได้ว่าเป็นพ่อของเพ็ญโพยมก็ตื่นตระหนก วิงวอนขอร้องด้วยความกลัวสุดขีดเมื่ออีกฝ่ายเล็งปืนจะยิงให้ตาย ยอมพูดความจริงว่าตนไม่ใช่คนัง แต่ยศพงษ์หาว่าเขาโกหก แม่ของเขาชื่อลำหับแล้วทำไมเขาจะไม่ใช่คนัง

“ใช่...แม่ไอ้คนังชื่อลำหับ ไอ้คนังมันเป็นพี่เลี้ยงของฉันต่างหาก”

“ไอ้เด็กกะล่อน อย่ามาเล่นมุก เตรียมตัวตายได้แล้ว”

“พวกแกจับผิดคน ได้ยินไหมว่าพวกแกจับผิดคน ไอ้คนังมันเป็นคนใช้ของฉัน”

ยศพงษ์ชะงัก เช่นเดียวกับเฉิดเฉลาที่แอบมองมาจากนอกห้อง รีบตะโกนห้ามยศพงษ์พร้อมกับถลาเข้าไปปัดปืนในมือเขา จักรินแทบไม่เชื่อสายตา มองทั้งสองคนแล้วยืนยันว่าตนไม่ได้ชื่อคนัง

เฉิดเฉลาค่อนข้างเชื่อ รั้งยศพงษ์ออกมาคุยนอกห้อง “ฉันคิดว่าเด็กนั่นมันไม่ได้ชื่อคนังจริงๆ”

“บ้า! เธอหน้าตาตื่นดีใจเหมือนได้เงินร้อยล้านมาบอกฉันเองว่าเจอมันแล้ว”

“ไอ้เพื่อนของมันอาจอำฉันเพราะมันดูล้นมากๆ ถ้ามันไม่ใช่ไอ้เด็กคนังแต่เป็นลูกของคนมีอำนาจที่ไหนสักคนที่พวกนังลำหับกับไอ้คนังไปเป็นคนรับใช้ ไปฆ่ามันเข้าจะเป็นเรื่องใหญ่นะ”

“แล้วถ้ามันไปฟ้องหนูเพ็ญ ฟ้องอาเดียว นังเริ่มอีกคน ฉันกับเธอมิป่นปี้หรือไง”

“ไอ้เด็กนี่มันมีปัญหาที่บ้าน ฉันว่าหลอกล่อเอามันมาเป็นพวกดีกว่า ใช้หนูเพ็ญเป็นเหยื่อล่อมัน”

“ช่างคิดดีนัก คิดมาทีไรพลาดทุกที”

“คุณนั่นแหละพลาดเอง ถ้าไปฆ่ามันตอนนี้เราจะสาวไปหาบริพัตรกับนังลำหับฆ่าล้างตระกูลพวกมันได้ยังไง ขอฉันคุยกับเด็กก่อน”

“ระวังมันจะหาเรื่องด่าเธอเข้าจนทนไม่ได้ลงมือลงไม้กับมันเอง”

“ไม่ให้ฉันลองแล้วจะรู้ได้ยังไง ไม่ได้อะไรก็ ไม่เสียหาย แต่ถ้าได้ผลเราสองคนก็ชนะนังลำหับ”

ยศพงษ์คล้อยตามในที่สุด ปล่อยเฉิดเฉลากลับเข้าไปในห้องเพียงคนเดียว จักรินเห็นหน้าเธอก็โวยวายด่าทอว่าใจร้าย ปลิ้นปล้อนมาหลอกตีสนิท ที่แท้ก็มาหลอกจับกัน เฉิดเฉลาเอาน้ำเย็นเข้าลูบพาเขาออกจากห้องขังมานั่งที่ห้องรับแขก หว่านล้อมให้เล่าเรื่องที่บ้าน แต่จักรินเล่าอย่างกั๊กๆ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าลำหับไม่ใช่แม่ที่แท้จริง

เวลาเดียวกันนั้น พวกลำหับร้อนใจทนรอฟังข่าวจากอีกฝ่ายไม่ไหวเพราะเป็นห่วงจักริน ชาตรีตัดสินใจออกจากบ้านพร้อมลำหับ จูเนียร์ และคนังมุ่งหน้ายังโรงงานของยศพงษ์แล้วคาดคั้นข่มขู่สมุนคนหนึ่งให้พาไปยังบ้านที่กักขังจักรินไว้ พร้อมกันนั้นชาตรีก็ให้ลำหับโทร.ไปเบอร์เดิมที่ติดต่อมาก่อนหน้านี้ บอกว่าเรากำลังไปรับตัวเด็ก

ยศพงษ์แปลกใจว่าพวกลำหับรู้สถานที่ได้ยังไง แต่ยอมพาจักรินออกมาเพื่อแลกตัวกับลำหับและคนัง จักรินไม่ห่วงใครนอกจากความปลอดภัยของตนเอง รบเร้าเฉิดเฉลาให้ปล่อยตัวเขาเร็วๆ คนังทนไม่ได้ถ้าแม่ตกอยู่ในอันตราย เขาพร้อมปกป้องแม่สุดกำลัง ขณะที่ลำหับดูเหมือนไม่กลัว พูดแปลกๆกับเฉิดเฉลาเกี่ยวกับลูกที่หายไปแต่อีกฝ่ายไม่เข้าใจ แสดงอำนาจบาตรใหญ่ตบหน้าลำหับแล้วให้ยศพงษ์เอาปืนจี้ตัวเข้าไปในบ้านพร้อมคนังตัวจริง

จักรินลอยตัวเดินออกมาที่รถพร้อมเฉิดเฉลา เขาซักถามเธอด้วยความสงสัยว่าเกลียดพวกนั้นเรื่องอะไร

“แม่ของคนังแย่งทุกอย่างไปจากฉัน”

“แย่งสมบัติเหรอ”

“มากกว่านั้นอีก น่าแปลกใจมาก มันแย่งไปขนาดนั้นทำไมมันถึงยากจนต้องไปเป็นแม่นมแม่บ้านของครอบครัวเธอ หรือว่ามันแกล้งจนเพื่อตบตาหลบหนีจากพวกฉันทั้งที่มันต้องรวยมาก”

“ที่ต้องรวยมากเพราะแย่งชิงทุกสิ่งของคุณไปงั้นหรือ”

“ใช่ มันต้องมีเงินส่งคนังเรียนเองโดยไม่ต้องพึ่งพารับเมตตาจากแม่ของเธอหรอก”

“รวยขนาดซื้อรถให้ลูกขับได้ไหม”

“ได้แน่นอน”

“แล้วอะไรที่หายไปของคุณที่แม่คนังบอกเมื่อกี้หมายถึงลูกของคุณใช่ไหม”

“ใช่ บางทีมันนั่นแหละอาจขโมยลูกฉันไป เธอตอบมา แม่ของคนังมีลูกคนเดียวหรือว่าสองคน”

จักรินอึกๆอักๆ อยากรู้ว่าถามทำไม เฉิดเฉลาบอกว่าถ้ามีสองคนแปลว่ามันคือคนขโมยลูกตนไป จักรินฟังแล้วเริ่มคิดอะไรบางอย่างปะติดปะต่อกันอยู่เงียบๆ

“ลำหับรักเธอมากไหม”

“มากสิ แต่ไม่รักเท่าไอ้คนัง”

“แม่นมที่ไหนจะไปรักคุณหนูที่ดูแลเท่าลูกตัวเอง แต่ก็อาจจะตามใจและเอาใจมากกว่าลูกตัวเองเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกแท้จริง”

“คุณพูดถูกเป๊ะ ใครจะมารักลูกคนอื่นมากกว่าลูกตัวเอง”

เฉิดเฉลายังไม่หยุดหลอกล่อจักรินเพื่อจะไปส่งถึงบ้าน แต่เด็กหนุ่มรู้ทันจึงไม่ยอม อ้างว่าแม่ของตนไม่ชอบรับแขกแปลกหน้า ให้ส่งใกล้ๆบ้านก็พอ เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงรถ กำลังจะถามชื่อจริงของกันและกันแต่หมดโอกาสเพราะจูเนียร์ใส่หมวกไอ้โม่งโผล่พรวดมายิงยางรถแตกสองเส้นแล้วกระชากจักรินมา ฝ่ายชาตรียิงลูกดอกยาสลบใส่เฉิดเฉลาจนสะลึมสะลือและแน่นิ่งในที่สุด

จักรินฮึดฮัดจะไม่ไป ชาตรีเลยชกปลายคางจนสลบก่อนให้จูเนียร์ลากขึ้นรถ แล้วตัวเองเข้าไปช่วยลำหับกับคนังในบ้าน ต่อสู้กับยศพงษ์โดยให้สองแม่ลูกรีบหนีออกมาก่อน

ยศพงษ์กับชาตรีต่อสู้กันด้วยมือเปล่า ผลัดกันรุกผลัดกันรับอยู่พักหนึ่งก่อนที่ยศพงษ์จะอ่อนแรงสู้ชาตรีไม่ได้ ถูกรัดคอแต่ยังไม่วายปากดี

“นอกจากเป็นผัวใหม่ของนังลำหับแล้วแกเป็นใครกันแน่”

“แกเป็นเครือข่ายของพวกบนเขา เป็นพวกฟอกเงินชั่วๆ แต่ฟอกยังไงมันก็ยังชั่ว”

“ทำไมแกต้องคอยมาขัดขวางพวกฉัน”

“แล้วทำไมแกต้องคอยทำร้ายพวกเขา ไม่มีศักดิ์ศรีบ้างรึไง ส่งเมียตัวเองให้ไปเป็นเมียคนอื่นเพราะอยากได้ใคร่ดีกว่าที่เป็นอยู่ ลูกของเฉิดเฉลาไม่ใช่ลูกของ ส.ส.บริพัตร แต่เป็นลูกของแกเอาไปยัดเยียดให้เขา”

ยศพงษ์สะอึกไปนิดแล้วร่ำร้องว่าไม่จริง!

“แกกำลังจะบอกว่าเฉิดเฉลามีผู้ชายอื่นอีกนอกจากแก นายศร และบริพัตร ซ่อนชู้สุดๆ”

“หุบปาก!” ยศพงษ์ตวาดด้วยท่าทีบ้าคลั่ง แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะโดนชาตรีรัดคอไว้ ชาตรีขอร้องให้หยุดตามล่าลำหับกับลูก เขาสวนทันควันว่าไม่มีวัน จนกว่าพวกมันจะสาบสูญ

“พวกนายทำลายและทำร้ายเธอ เพราะพวกนายพกความเกลียดชังเป็นที่ตั้ง พวกนายเห็นใครได้ดีไม่ได้ พวกนายมันโรคจิต”

“แล้วแกล่ะ แกเป็นชู้กับเมียไอ้บริพัตร หลงรักเมียคนอื่น แกมันก็โรคจิต”

“นายกับเฉิดเฉลาร่วมกันฆ่านายศร ฆ่านายแม่ ฆ่าพยาบาล อายุความยังไม่หมด ถ้านายหยุด ฉันมีอะไรดีๆจะบอกนายกับเฉิดเฉลา”

“อะไรดีๆของพวกเราหมายถึงบริพัตรเท่านั้น เขาอยู่ที่ไหน”

ชาตรีไม่ตอบ เหลือบเห็นเฉิดเฉลาถือปืนเดินเข้ามาแสดงว่ายาสลบหมดฤทธิ์แล้ว เธอตั้งใจยิงชาตรีแต่เขาม้วนตัวหลบทันท่วงที เสียงปืนทำให้พวกลำหับตกใจจะพากันเข้าไปดูชาตรี แต่ลำหับให้คนังเฝ้าจักรินที่ยังไม่ฟื้น เธอกับจูเนียร์รีบเข้าไปเอง

พอสองคนวิ่งพ้นไป จักรินได้สติฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เขาทำคือเอาหัวโขกคนังจนหน้าหงายแล้วถ่มน้ำลายใส่หน้า พ่นวาจาอย่างเคียดแค้น

“ฉันเกลียดแก แกทำให้ฉันโดนจับไปทารุณเกือบตาย”

“มันคือการเข้าใจผิด ทุกคนพากันมาช่วยจักแล้วนี่...”

“แล้วไง ฉันโดนมันทรมานปางตายไปแล้วเอาคืนมาไม่ได้ ฉันจะเอาคืนจากแก” จักรินโดดขึ้นคร่อมร่างคนังแล้วรัวหมัดไม่ยั้ง คนังไม่ตอบโต้แต่ปัดป้องพัลวัน...

ยศพงษ์ได้โอกาสพลิกเกมกลับมาเป็นต่อเพราะเฉิดเฉลาเอาปืนจ่อชาตรีไว้

“ก่อนแกตายขอเล่นงานแกให้หายแค้น ทำเป็นสร้างภาพเป็นผู้พิทักษ์บังหน้า ไอ้เด็กคนังไม่ใช่ลูกไอ้บริพัตร แต่มันเป็นลูกแก แกถึงยังป้วนเปี้ยนอยู่กับนังลำหับ”

“ตาหนูต่างหากที่เป็นลูกของเฉิดเฉลากับแก”

“มันโกหกใช่ไหมเฉิด”

“เฉิดเฉลา...บอกเขาสิว่าตาหนูเป็นลูกของเธอกับเขา”

จังหวะที่ชาตรีพูดแทงใจดำ เฉิดเฉลาอึ้งไป ทำให้ชาตรีได้โอกาสโดดมารวบเท้าเธอล้มลงแล้วแย่งปืน

ยศพงษ์ทำท่าจะปาระเบิด ร้องบอกเฉิดเฉลาให้หลบไป พอดีลำหับกับจูเนียร์โผล่เข้ามา จูเนียร์รับระเบิดจากยศพงษ์ได้แล้วจะปากลับคืนแต่ลำหับตะโกนห้ามโดยหลุดชื่อจูเนียร์ออกมา

ยศพงษ์กับเฉิดเฉลาตาลุกวาวจำชื่อนั้นแม่นว่าเป็นลูกของหมายเลขหนึ่ง แต่เขาปิดบังใบหน้าด้วยหมวกไอ้โม่งแล้วหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมชาตรีและลำหับ ทิ้งความเจ็บแค้นใจไว้ให้สองผัวเมียที่บัดนี้อยากฆ่าจูเนียร์จะไม่ส่งตัวไปให้หมายเลขหนึ่งตามที่ขอมา

ชาตรีพาลำหับ จูเนียร์ คนัง และจักรินกลับมาที่บ้านอย่างปลอดภัย จักรินเข้าใจว่าชายแปลกหน้าคือแขกของแม่ที่จัดห้องไว้ให้พัก คิดอกุศลว่าเป็นแฟนของแม่ทั้งที่เขาเด็กกว่าเยอะ คนังไม่พอใจที่จักรินพูดจาลบหลู่แม่ สั่งให้ขอโทษแม่เดี๋ยวนี้ จักรินกลับตวาดสวนว่าตนพูดความจริง แต่บ้านนี้ไม่มีใครยอมรับ ชอบเรื่องโกหก แล้วบังคับแม่ให้พูดออกมาว่าโกหกอะไรตนกับคนังไว้บ้าง แล้วไหนล่ะพ่อของพวกเรา

“จัก...เธอกำลังทำร้ายจิตใจแม่ที่มีแต่ให้มีแต่หวังดี แม่ที่เธอควรเทิดทูน” ชาตรีแทรกขึ้นเสียงเขียว จักรินโต้เถียงอย่างไม่เกรงกลัวว่าตนไม่ต้องการให้ใครมาหวังดีมาให้อะไรทั้งนั้น อยากหนีไปให้พ้นๆด้วยซ้ำ

จบคำก็เดินฮึดฮัดออกไป คนังไม่พอใจจะไปกระชากจักรินกลับมาแต่ลำหับรั้งห้ามไว้ ชาตรีหนักใจบ่นว่าจักรินอายุ 16 ยังทำได้ขนาดนี้ ถ้าอายุมากขึ้นคงเอาไม่อยู่

จักรินพยายามโทร.หาเพ็ญโพยมแต่เธอไม่รับสาย จิตใจเขาว้าวุ่นสับสน เพราะเก็บคำพูดของลำหับกับเฉิดเฉลาซึ่งเขายังไม่ได้เคยรู้ชื่อจริงมาครุ่นคิดแล้วค่อนข้างแน่ใจว่าตัวเองคือลูกของเธอที่หายไป

คืนนั้น จักรินแอบซ่อนตัวในรถชาตรีที่ไปส่งจูเนียร์กลับเซฟเฮาส์แล้วได้ยินพวกเขาคุยกับชายอีกคนโดยไม่รู้ว่าชื่อบริพัตร แต่จับใจความได้ว่าเขาคือพ่อของตาหนู ซึ่งตาหนูน่าจะเป็นคนังหรืออาจเป็นตัวเอง

ความสับสนทำให้จักรินเตลิดไปไม่ยอมกลับบ้าน พวกลำหับหาเขาไม่เจอจึงโทร.บอกชาตรี เหตุนี้ชาตรีจึงต้องย้อนกลับมาที่บ้านลำหับอีกครั้ง ลำหับคร่ำครวญเสียใจว่าจักรินไม่รักตน ตนควรจะบอกว่าเขาเป็นลูกของเฉิดเฉลาใช่ไหม

“ให้คุณบริพัตรเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้ เธอรับได้ไหม ถ้าแกต้องจากเธอไปอยู่กับเฉิดเฉลา”

“หนูคงทำใจลำบาก หนูรักหนูเลี้ยงโอบอุ้มดูแลมาสิบสองปี แกคือลูกของหนู แล้ววันหนึ่งแกต้องจากไป มันโหดร้ายเหลือเกิน”

“เฉิดเฉลาไม่เคยทำท่าว่าจะตามหาลูกสักนิด ไม่มั่นใจว่ายัยนี่จะยังรักลูกอยู่ไหม หรือหวังเพียงได้ลูกไปเพื่อต่อรองเงินจากคุณบริพัตร” ชาตรีคาดเดาแล้วปลอบโยนลำหับที่ร่ำไห้อย่างน่าสงสาร

เวลานั้น จักรินโทร.นัดเฉิดเฉลามารับที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งแต่ไม่ยอมให้เธอพาไปส่งบ้าน เฉิดเฉลาแน่ใจว่าเขามีปัญหากับคนที่บ้าน จึงพาไปพักที่โรงแรมแล้วพยายามซักถามแต่จักรินระวังตัวแจยังไม่เผยเรื่องราวที่สับสนและสงสัยจนกว่าจะมั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้ดีกับตนจริงๆ

เฉิดเฉลาเปิดห้องให้แล้วกลับไป พรุ่งนี้จะมาใหม่ แต่ปรากฏว่าคืนนั้นจักรินโทร.หาเพ็ญโพยมและได้คุยกัน จึงยอมให้เธอมารับในตอนเช้าก่อนที่เฉิดเฉลาจะมาถึง โดยทิ้งข้อความเอาไว้ว่ามีธุระด่วนต้องรีบไป

เพ็ญโพยมให้คนรถของตนจอดรับจักรินหน้าโรงแรมแล้วพาไปหาที่คุยกันสองคน จักรินโกหกว่าตนโดนคนใจร้ายจับตัวไปแต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นพ่อกับแม่เลี้ยงของเพ็ญโพยม

“ทำไมมันถึงจับเธอ จะเรียกค่าไถ่เหรอ”

“มันจับผิดคน...เพราะไอ้นพทะลึ่งไปบอกใครๆว่าเราชื่อคนัง มันต้องการจับคนัง”

เพ็ญโพยมรู้อยู่แล้วแต่แกล้งทำไก๋ ซักถามต่อไปว่า “ทำไมมันถึงต้องการจับคนัง”

“แม่ของคนังไปขโมยของพวกนั้นแล้วหนีซ่อนตัวมาสิบสองปี”

“เป็นไปได้ไง” เพ็ญโพยมไม่อยากเชื่อ แต่จักรินยืนยันและเหตุการณ์ที่ผ่านมาดูใกล้เคียงจนเธอเริ่มลังเล

“คุณแม่เล่าว่าแม่ของคนังซมซานมาขอพึ่ง ท่านสงสารเลยชุบเลี้ยงไว้”

“แปลว่าที่ขโมยมาไม่ใช่เงิน ถ้าขโมยเงินก็ต้องร่ำรวยไม่ต้องมาพึ่งพาคนอื่น”

“ได้ยินว่าไม่ใช่ขโมยเงินเท่านั้น”

“ถ้างั้นขโมยผัว เอ๊ย! สามีแน่ๆ”

“หรือว่าขโมยลูก”

เพ็ญโพยมยกมือกุมขมับ บ่นงงมากสมองจะแตก จักรินโกหกจนตัวเองก็ปวดหัวไปด้วยเหมือนกัน

“เราเพิ่งรู้ว่าลุงกับแม่คนังยิงปืนเก่งต่อสู้แบบหนังบู๊เลยแหละ”

“แปลกนะ คุณแม่ของเธอคงตกใจมาก”

“เราสั่งห้ามไม่ให้บอกคุณแม่ คุณแม่คิดว่าเราไปนอนบ้านเพื่อน เรากลัวท่าน เราสงสารแม่ของคนัง ไม่อยากให้โดนเฉดหัว”

“นี่แปลว่าเมื่อคืนคุณแม่ก็คิดว่าเธอไปนอนบ้านเพื่อน”

“ใช่...เราเริ่มไม่ไว้ใจพวกแม่ของคนัง กลัวว่าจะทำร้ายเรากับคุณแม่เข้าสักวัน”

“สิบสองปีผ่านไปยังไม่ทำร้าย จะมาทำร้ายอะไรตอนนี้ นี่หรือที่เธอไม่ยอมนอนบ้านทั้งที่เพิ่งรอดกลับมาได้”

จักรินอึกอัก เพ็ญโพยมตัดบทว่าช่างเถอะ เขาต้องทำตามสัญญาพรุ่งนี้ไปโรงเรียน จักรินลังเล แต่ที่สุดก็พยักหน้าเพราะอีกฝ่ายจับจ้องแกมบังคับ

แยกจากเพ็ญโพยมแล้วจักรินกลับมาเจอเฉิดเฉลาแต่ไม่ยอมบอกว่าไปพบเพ็ญโพยมมา เฉิดเฉลาคาใจแต่ไม่ซักไซ้ บอกว่าตนมีเรื่องสำคัญจะตกลงกับเขา...เรื่องสำคัญก็คือพวกลำหับเป็นคนขายชาติ คนชื่อจูเนียร์เป็นน้องชายของแม่คนัง เป็นตัวการขายชาติ

“น้องชายแม่คนังขายชาติ ถ้าอย่างนั้นแม่ของคนังก็...”

“ก็ขายชาติน่ะสิ พ่อของมันก็ขายชาติ ฉันถึงอยากให้เธอกับแม่ปลอดภัยจากคนพวกนั้น เพื่อความปลอดภัยของตัวเธอและแม่ เธอต้องสงสารแม่นะ”

จักรินหน้าหมองลง พูดอย่างขมขื่นว่าตนอยากสงสารแม่ แต่แม่สงสารผมบ้างไหม...เฉิดเฉลาแปลกใจถามเด็กหนุ่มว่าทำไมพูดเหมือนไม่ค่อยรักแม่ “เพราะผมคิดว่าแม่ไม่รักผม” เฉิดเฉลาฟังแล้วสะดุ้ง หลุดปากว่าแม่ที่ไหนไม่รักลูก

“คุณล่ะรักลูกแค่ไหน ตามหาลูกจริงหรือ พบคุณมาหลายครั้งไม่เห็นว่าคุณจะมีทีท่าไปตามหาลูกบ้างเลย”

“ที่ทำอยู่นี่แหละคือตามหาลูก ฉันเชื่อว่าลำหับมีส่วนในการขโมยลูกฉัน”

“ขโมยแล้วเอาไปซ่อนไว้ที่ไหน ในเมื่อเขามีลูกคือคนังคนเดียว”

“หรือลูกฉันอาจโดนฆ่าตายไปแล้ว พวกนั้นโหดเหี้ยมมาก เป็นฆาตกร”

“ฆาตกร! ผมไม่เข้าใจ” จักรินเริ่มหวาดกลัว

“พวกนั้นค้ายาเสพติด กี่คนต่อกี่คนต้องตายเพราะยานั่น มีคนตายเพราะมันทุกวัน”

“ผมกลัว...กลัวมาก”

“ไม่ต้องกลัว เธอมาเป็นพวกฉัน คุณพ่อหนูเพ็ญจะเลิกไม่พอใจเธอ ฉันบอกเขาไปว่าบ้านเธอร่ำรวยมากพอๆกับเขา ฉันพูดถูกใช่ไหม”

“ใช่...แต่ที่บ้านไม่ชอบอวดรวย ชอบเงียบๆอย่างที่ผมเคยบอก”

“คนมีเงินจริงไม่ชอบอวดรวย...ตกลงร่วมมือกันแล้วนะ”

“ร่วมมือแบบไหน ผมทำยังไงบ้าง”

“กลับบ้าน ทำตัวปกติ มาพบกันบ่อยๆ ไม่ต้องบอกให้ใครรู้แม้แต่หนูเพ็ญ เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าเรากำลังหาทางจับคนร้ายขายชาติ”

“จับแล้วจะทำอะไรพวกเขา แม่ของคนังเลี้ยงผมมา ผม...”

“ห่วงกันมากล่ะสิ ถ้าร่วมมือกับฉันให้ได้อะไรที่เขาเอาไปคืนกลับมา ทุกคนจะปลอดภัย”

ฟังข้อต่อรองของสาวใหญ่แล้วจักรินนิ่งเงียบไป

ooooooo


ที่มาไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น