วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร พญาโศก ตอนที่ 13


จูเนียร์กับคนังต้องยุติกิจกรรมตกปลาแล้ว เปลี่ยนไปเที่ยวทะเลแทนเพราะลำหับกับบริพัตรเห็นว่า เป็นการทรมานสัตว์ ซึ่งน้าหลานมีกำหนดการเดินทางคือปลายสัปดาห์...

จักรินรับรู้และไม่คิดขัดขวางเพราะอยากใช้ช่วงเวลาที่คนังไม่อยู่ดูแลเอาใจบริพัตรให้มากที่สุดแล้วค่อยกำจัดคนังหลังกลับจากทะเล แต่พอเฉิดเฉลาทราบเรื่องก็เร่งจักรินให้ลงมือก่อนที่คนังจะไปทะเล

ขณะสองแม่ลูกแอบคุยกันในรถ จักรินตาไวเห็นผู้หญิงซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์คนังผ่านไป เขาบอกให้ เฉิดเฉลาพาตนกลับโรงเรียนเพื่อไปดูว่าเพ็ญโพยมเข้าเรียนหรือเปล่า เพราะคลับคล้ายคลับคลาว่าผู้หญิงที่เห็นจะเป็นเพ็ญโพยม

ปรากฏว่าที่โรงเรียนไม่มีเพ็ญโพยมจริงๆ แล้วนพก็เห็นด้วยว่าเมื่อเช้าเพ็ญโพยมเดินเข้าไปในซอยไม่ได้ใส่ชุดนักเรียน จักรินเป็นเดือดเป็นแค้นลองโทร.ไปที่บ้าน รู้จากบริพัตรว่าคนังไม่อยู่ก็ยิ่งมั่นใจ ร้อนรนกระวนกระวายอยากรู้ว่าสองคนนั้นไปไหนกัน?

คนังปฏิเสธไม่ได้หลังจากเพ็ญโพยมส่งข้อความมานัด เธออยากพบเขาก่อนไปเรียนเมืองนอก สองคนพากันไปเที่ยวชายทะเลแล้วเพ็ญโพยมโดนหอยเม่นตำเท้า คนังใช้ปากดูดพิษให้เธออย่างไม่รังเกียจ ทำให้ฝ่ายหญิงรู้สึกดีกับเขามากยิ่งขึ้นไปอีก

จักรินเจ็บใจและยิ่งแค้นคนัง เขาหวนกลับมาหาเฉิดเฉลาอีกครั้งหลังจากเธอขอเบอร์โทร.บ้านลำหับแล้วโทร.ไปข่มขู่เอาเงินร้อยล้านจากบริพัตร ถ้าไม่ให้จะบอกความจริงว่าลำหับเอาลูกของตนไปกกกอดไว้ สิบกว่าปี ตอนนี้ตนต้องการลูกคืน ถ้าตกลงให้ติดต่อกลับมาภายในเจ็ดวัน

บริพัตรไม่ยอมเสียจักริน และแน่ใจด้วยว่าลำหับก็ไม่ยอมเช่นกัน แต่เขาไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้ลำหับรู้ บอกแค่ว่าเฉิดเฉลาโทร.มาอาละวาดโวยวายตามนิสัย ขณะเดียวกันเฉิดเฉลาก็ไม่เล่ารายละเอียดให้จักรินฟัง

จักรินทั้งโกรธและเกลียดคนังที่แอบพาเพ็ญโพยมไปทั้งที่เคยสัญญาว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเธอ

“เกลียดจนอยากให้มันตายไปซะเดี๋ยวนี้เลย” จักรินโวยวายต่อหน้าเฉิดเฉลา

“รออีกไม่กี่วันมันก็ตาย แต่ลูกนั่นแหละที่ยังต้องอยู่ มาวางอนาคตให้ตัวเองดีกว่า ถ้ามันตาย ลูกสมควร จะได้สมบัติทั้งหมด แต่ยัยย่าใจร้ายนั่นมันถูกนังลำหับ ใส่ความว่าลูกไม่ใช่ลูกของคุณพ่อ ทั้งที่ไอ้คนังน่ะลูกชู้ ย่าเขียนพินัยกรรมไว้ว่าต้องตรวจหาดีเอ็นเอของลูกก่อน ไม่เช่นนั้นมันไม่ยกมรดกให้ แต่ไอ้คนังไม่ต้อง ลำหับมันเลวมาก”

“ทำไมไม่ให้ไอ้คนังไปตรวจบ้าง ผมคือลูกของคุณพ่อ ตรวจก็ตรวจสิ”

เฉิดเฉลาตกใจร้องห้ามเสียงหลง “ไม่ได้นะ มันยุ่งยากวุ่นวาย มันเท่ากับดูถูกเราสองคนแม่ลูก”

“แล้วจะทำยังไง”

“ไปออดอ้อนคุณพ่อให้ยกส่วนของคุณพ่อให้ลูก ให้เขาเปลี่ยนเอาส่วนของไอ้คนังมาแลกกับลูก ไอ้คนังมันก็ได้ไปส่วนเดียว”

“แล้วพอมันตาย...”

“ลูกก็ต้องได้ทั้งหมดรวมทั้งของมัน ได้แล้ว เฉดหัวนังลำหับไปให้พ้น ตอนนี้ลูกต้องอดทนเข้าไว้ อย่าให้ความเกลียดชังมันออกมานอกหน้า แผนการของเราจะพังพินาศก่อนสำเร็จ”

“ผมจะพยายาม”

“คืนนี้ไปขอนอนกับคุณพ่อ พูดจาดีๆกับนังลำหับและไอ้คนังให้มันตายใจ”

“สำหรับไอ้คนังนี่ทำใจยากมาก มันพาเพ็ญโพยมของผมไปไหน ทำอะไรไปแล้วก็ไม่รู้”

เฉิดเฉลาลอบยิ้มพอใจถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เพราะเพ็ญโพยมจะได้พ้นไปจากจักริน แล้วยศพงษ์ก็ต้องเจ็บปวดเสียใจ

ooooooo

คนังกับเพ็ญโพยมไม่มีอะไรเกินเลยแน่นอน เด็กทั้งคู่รักดีและวางตัวอย่างเหมาะสม เมื่อคนังพาเพ็ญโพยมมาส่งหน้าโรงเรียน จักรินเฝ้ารออยู่เห็นทั้งคู่แล้วอยากเข้าไปกระโดดเตะคนัง แต่ต่อหน้าเพ็ญโพยมจึงไม่กล้าบุ่มบ่าม ทำทีเข้าไปพูดดีแล้ว บอกลากลับบ้าน

เพ็ญโพยมดูออกว่าจักรินโกรธแต่ทำเป็นเก็บอารมณ์ คนังคิดเหมือนกัน บ่นไม่สบายใจ ลึกๆรู้สึกผิดต่อน้องชาย ฝ่ายจักรินฉวยโอกาสนี้เอาดีเข้าตัวกลับไปบอกบริพัตรกับลำหับว่าคนังมีแฟน และเธอคนนั้นก็ไม่ใช่ใคร คือเพ็ญโพยมผู้หญิงที่ตนชอบ แต่ตนเสียสละให้คนังได้

“ลูกช่างมีน้ำใจจริงๆ”
“พี่น้องกันนี่ครับ...คุณพ่อครับ คืนนี้จักขอนอนกับคุณพ่อ อยากรู้เรื่องเก่าๆสมัยที่จักยังเป็นเด็ก อยากรู้เรื่องราวของคุณย่า”

“ได้สิลูก”

“แม่ช่วยสีซอเพลงพญาโศกให้จักฟังนะครับ ไม่มีใครสีเพราะเท่าแม่อีกแล้ว” จักรินประจบประแจงแล้วลอบยิ้มสมใจเมื่อเห็นสายตาของทั้งสองคนมองมาที่ตนอย่างสุดปลื้ม...

คนังกลับมาบ้านด้วยความไม่สบายใจ เขาเข้าไปขอโทษจักรินเรื่องเพ็ญโพยม จักรินไม่โมโหใส่แต่พูดรื้อฟื้นสัญญาให้คนังยิ่งรู้สึกผิดแล้วเดินหนีไป คนังเครียดเลยตัดสินใจขออนุญาตแม่ไปนอนบ้านลุงเพื่อออกทะเลกับน้าจูเนียร์วันพรุ่งนี้

“ได้สิลูก ว่าแต่ทำไมถึงอยากไปเร็วกว่าที่บอกไว้”

คนังอึกอักทำให้ลำหับสงสัย ถามลูกว่ามีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า

“ไม่มีอะไรครับ แม่ไม่ต้องบอกจักก็ได้นะครับ”

ลำหับฟังแล้วงงๆ แต่ไม่ได้ซักถามอะไรเพิ่มเติม

ooooooo

คนังไปแล้วโดยที่จักรินไม่รู้ คืนนี้จักรินนอนคุยกับบริพัตรหลายเรื่อง บางคำถามก็ทำให้บริพัตรอึดอัดตอบไม่ถูก

“คุณพ่อครับ ทั้งจักกับคนังเหินห่างจากคุณพ่อไปสิบสองปี คุณพ่อก็ยังมั่นใจใช่ไหมครับว่าจักกับคนังคือลูกของคุณพ่อ”

“ทำไมถามพ่ออย่างนั้น”

“เพราะว่าเพื่อนจักคนหนึ่ง พ่อเขาจากลูกไปนาน ตอนนี้กำลังจะตาย แต่กลับไม่มั่นใจว่าเพื่อนจักคือลูก เพราะโดนยุแหย่ เขาจะให้ลูกไปตรวจดีเอ็นเอ ถ้าไม่ใช่เขาจะยกมรดกให้ลูกอีกคนไปทั้งหมด ไม่ยุติธรรมเลย”

บริพัตรอึ้ง แปลกใจทำไมเรื่องราวถึงตรงกับจักริน

“ถ้าเป็นคุณพ่อ คุณพ่อจะไม่ทำใช่ไหมครับ แล้วจะแก้ไขยังไงครับ”

“พ่อไม่ทำแน่ แม้ว่าเขาอาจไม่ใช่ลูกของพ่อ ถ้าพ่อเลี้ยงมากับมือ เขาคือลูกของพ่อ”

“จักอยากให้พ่อของเพื่อนคนนั้นคิดอย่างคุณพ่อ จักมองว่าการให้เพื่อนจักไปตรวจดีเอ็นเอเท่ากับทำลายศักดิ์ศรีของเขา ถ้าจักโดนแบบนั้น จักคงฆ่าตัวตาย”

บริพัตรฟังแล้วนิ่งอึ้งไปด้วยความตกใจ...เวลาเดียวกันคนังไปถึงบ้านชาตรีแล้ว แต่เขาไม่ยอมคุยไลน์กับเพ็ญโพยมที่ทักทายมา แถมยังปิดมือถือจนอีกฝ่ายกังวลว่าเขาอาจโดนจักรินอาละวาด

เช้าขึ้น คนังกับจูเนียร์เดินทางไปทะเล ส่วนจักรินออกจากบ้านโกหกบริพัตรว่าจะไปคุยกับเพื่อนที่กำลังมีปัญหาเพื่อให้เขาสบายใจ พอตกเย็นจักรินกลับเข้าบ้านแอบเอาเหยื่อเกี่ยวเบ็ดจะไปวางที่สระบัว แต่วิเวกผ่านมาก็เลยทิ้งเบ็ดแล้วหลบซ่อนตัว

วิเวกเห็นเบ็ดแปลกใจใครนำมา ทั้งที่ลำหับกับบริพัตรสั่งห้ามไม่ให้ตกปลาในสระ วิเวกนำเบ็ดไปเก็บที่เดิม แต่พอเขาคล้อยหลังจักรินก็นำเบ็ดนั้นออกมาวางที่สระบัวจนได้

บริพัตรตัดสินใจโทร.หาเฉิดเฉลาตอบตกลงเรื่องที่เธอต้องการ เขาจะให้ทนายเตรียมเงินร้อยเงินให้เธอพรุ่งนี้ แต่เธอต้องเขียนคำยินยอมว่าจะไม่เอาจักรินไปจากลำหับ...แน่นอนว่าเฉิดเฉลาตกลง ยิ้มย่องรอรับเงิน ก้อนใหญ่ด้วยความดีใจ

ค่ำลงจักรินลอบมาดูเบ็ดที่วางไว้ ปรากฏว่าปลาช่อนงูเห่ากินเหยื่อสมใจ เขาตะโกนเรียกคนังดังลั่น หมายจะให้คนังมาแกะปลาจากเบ็ด แต่กลายเป็นบริพัตรมาจัดการในช่วงที่จักรินวิ่งขึ้นไปตามคนังในห้องแต่ไม่เจอ

ลำหับยืนลุ้นอยู่ไม่ไกลจากบริพัตร สองผัวเมียต้องการปลดปล่อยปลาเพราะไม่ต้องการทำบาป จักรินวิ่งกลับมาเห็นพยายามร้องห้ามบริพัตรแต่ไม่ทัน

บริพัตรโดนปลากัดมือทั้งเจ็บและชาในเวลาอันรวดเร็ว ชาตรีเพิ่งมาถึงวิ่งนำวิเวกกับตึ๋งหนืดมาตามเสียงหวีดร้องของลำหับ ถามเป็นเสียงเดียวกันว่าเกิดอะไรขึ้น

“ปลาค่ะ มันติดเบ็ด คุณบริพัตรช่วยมัน มันเลยกัดเอา”

“คุณพ่อรีบไปโรงพยาบาลนะครับ คุณพ่อชาไปหมดแล้ว”

“ฉายไฟดูซิปลาอะไร”

ขาดคำของชาตรี ตึ๋งหนืดฉายไฟไปที่ตัวปลา ชาตรีตกใจมากอุทานว่า...ปลาช่อนงูเห่า ลำหับตะลึงไปอึดใจ แล้วหวีดร้องผวาไปหาบริพัตรที่กำลังบิดมือไปมาอย่างเจ็บปวด

“ตึ๋งหนืด วิเวก ช่วยกันตีมันให้ตาย อย่าปล่อยมันลงไปในสระ” สั่งแล้วชาตรีกระชากชายเสื้อตัวเองมาพันเหนือแผลให้บริพัตร จักรินยืนคอตกแล้วนึกได้โวยวายโยนความผิดให้คนัง

“ผมเห็นคนังเป็นคนวางเบ็ดนี่เมื่อตอนเย็น”

“คนังไปออกทะเลตั้งแต่เมื่อคืนแล้วลูก”

คำตอบของลำหับทำให้จักรินหน้าเสีย รีบหลบสายตาชาตรีที่มองมาด้วยความสงสัย

ในเวลาเดียวกัน คนังอยู่กับจูเนียร์ในเรือกลางทะเล หนุ่มน้อยรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดี ขอร้องน้าชายให้พาตนกลับบ้าน...ฝ่ายเฉิดเฉลาพอรับสายจากจักรินก็แหกปากอย่างตกใจสุดขีด

“อะไรนะ คุณพ่อของลูกโดนปลางูเห่ากัด ไม่ใช่คนัง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน เงินร้อยล้านของฉันหายวับไปกับตา”

“ผมฆ่าพ่อตัวเอง ผมฆ่าเขา ผมฆ่าเขา ผมฆ่าเขา”

“หยุดนะ อย่าพูดโง่ๆอย่างนั้นให้ใครได้ยินเด็ดขาด เรียกสติอารมณ์ให้นิ่ง หาคนผิดแทนตัวเองให้ได้ ไปบอกให้เขาสั่งเสียเรื่องมรดกให้ได้”

“นี่แปลว่าผมคงไม่ได้อะไรเลย”

ตึ๋งหนืดเดินผ่านมาได้ยินประโยคสุดท้าย ชะงักมองจักรินที่ท่าทีแปลกพิกลก่อนเอ่ยทัก

“คุณจักขา...จะมัวมาหลบพูดโทรศัพท์หาใครทำไมคะ รีบไปเถอะค่ะ คุณพ่อเรียกหา”

“แน่ใจนะตึ๋งหนืดว่าไม่ใช่คนังวางเบ็ดไว้”

“ไม่ใช่แน่นอนค่ะ คุณคนังเธอเชื่อพ่อแม่จะตายไป ใครที่มาวางนี่สิคะ มันจงใจทำอย่างกับจะรู้ว่ามีไอ้ปลานรกนี่อยู่ที่สระบัว แต่แพะที่มันหมายตานี่สิคะ ใครกันนะ”

“อีบ้า! คนกำลังใจคอไม่ดีดันมาพูดจากวนประสาท”

จักรินตวาดแล้วผละไป ตึ๋งหนืดจิกตามองตาม พึมพำอย่างมั่นใจว่าจักรินทำตัวมีพิรุธ!

ooooooo

บริพัตรอยู่ในอ้อมกอดของลำหับที่น้ำตานองหน้า ชาตรีเตือนลำหับให้เรียกเขาไว้ อย่าให้เขาหลับ...บริพัตรอาการแย่แต่ยังมีสติเรียกหาลูกทั้งสองคนเสียงแหบพร่า

จักรินผวาเข้ามารำพึงรำพันทั้งน้ำตา “คุณพ่อ...ผมเสียใจ ผมขอโทษ ผมไม่ดูแลคุณพ่อให้ดี ผมควรเป็นคนไปแกะเบ็ดนั่นเอง”

ชาตรีเรียกตึ๋งหนืดกับวิเวกมาช่วยกันพยุงบริพัตรพาไปหาหมอ แต่เจ้าตัวปฏิเสธเพราะทราบดีว่าไม่ทัน ขอให้ตนอยู่กับลูกเมียก่อนสิ้นใจ ลำหับน้ำตาไหลพราก วานชาตรีโทร.ตามคนังให้รีบกลับมา

จักรินรู้สึกผิดมาก ร้องไห้ตลอดเวลา ขณะที่บริพัตรสายตาเริ่มพร่าเลือน บอกทุกคนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่อุบัติเหตุแต่เป็นการฆาตกรรม ฆาตกรต้องการกำจัดพวกเรา โชคดีที่เป็นตน ไม่ใช่ลูก ไม่ใช่ลำหับ

“มันไม่ควรจะเป็นใครทั้งนั้น พวกเราเพิ่งพบเจอกัน มีความสุขด้วยกันไม่ทันข้ามเดือน”

“ฉันไม่อาจดูแลลูกๆได้ดีเท่าเธอ ลูกต้องมีคนดูแลเก่งอย่างเธอ ฉันตายไปดีกว่า เธอฝังฉันไว้ที่โขดหินที่เราพบกันครั้งแรกนะลำหับ ฝังศพฉันเสร็จรีบไปจากที่นี่ อย่าให้ใครรู้ว่าไปอยู่ที่ไหน”

“ฉันจะไม่ทิ้งคุณไปไหน ฉันจะอยู่ที่นี่ อยู่ใกล้ๆคุณ ไปมาหาสู่คุณได้ตลอดเวลา”

“ไม่ได้นะ ลำหับต้องหนี”

“ฉันไม่หนีอีกแล้วค่ะ หนีไปที่ไหนพวกเขาก็ตามไปพบทุกครั้ง”

“ฉันขอโทษ ที่เคยเข้าใจเธอผิดเรื่องบังคับให้ฉันขายชาติ เธอไม่เคยขายชาติ”

“ขอบคุณมากค่ะ”

บริพัตรเบนสายตาไปที่ชาตรี ขอพูดอะไรด้วยสักนิด ลำหับกับจักรินจึงถอยมาให้ชาตรีแทรกเข้าไป บริพัตรกระซิบสั่งอะไรบางอย่างกับชาตรี ได้ยินกันแค่สองคน

คนังมาทันดูใจพ่อ จักรินเสียใจแต่ไม่วายนึกถึงมรดกของย่า เร่งเร้าเอาคำตอบก่อนที่บริพัตรจะสิ้นใจ ชาตรีรับไม่ได้จึงตำหนิจักรินไปหลายคำ

หลังจากพวกลำหับพาร่างไร้วิญญาณของบริพัตรไปฝังตามคำสั่งเสีย จักรินแอบมาพบเฉิดเฉลาแล้วบ่นอย่างหวาดหวั่นเรื่องทรัพย์สมบัติ

“นี่แปลว่าผมจะไม่ได้อะไรเลยใช่ไหม”

“ใจเย็นๆ แม่กำลังหาวิธี ลำหับยังเฝ้าหลุมศพอยู่ใช่ไหม”

“ใช่ มีอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มีอะไร มันผ่านไปแล้ว พลาดไปแล้วหาทางแก้ปัญหาใหม่ กลับไปก่อนนะ ไปพูดจาให้คนังมันยอมยกเงินส่วนของมันให้ลูกให้ได้”

จักรินรับคำอย่างว่าง่าย ไม่รู้เลยว่าเฉิดเฉลามีแผนจะไปจัดการลำหับให้สิ้นเรื่อง แต่แผนของเธอล้มเหลวเพราะชาตรีดูแลคุ้มกันลำหับด้วยชีวิต สมุนของเฉิดเฉลาถูกชาตรีเล่นงานหนีเตลิดเปิดเปิง

เมื่อยศพงษ์ทราบเรื่องบริพัตรจากเฉิดเฉลาก็สะใจและสมน้ำหน้า แต่ท่าทางเฉิดเฉลาไม่คล้อยตามแถมยังบ่นว่าน่าเสียดาย ทำให้ยศพงษ์ไม่พอใจถึงกับตวาดใส่เสียงเขียว

“อาลัยอาวรณ์มันมากนักรึไง ต่อหน้าต่อตาฉันเธอยังกล้าพูดขนาดนี้”

“เธอมันโง่ ฉันนัดเอาเงินเขาร้อยล้านเช้าวันนี้ที่ธนาคาร แต่เขาดันมาตาย”

“นี่แอบไปพบมันมาแล้วเหรอ”

“เขาขาเสียพิการออกมาจากบ้านเองได้ที่ไหน ออกมาก็ต้องมีคนติดตาม นังลำหับมันไม่ยอมหรอก ฉันโทร.ไปขู่เขา”

“ขู่มันยังไง มันถึงยอมให้เงินตั้งร้อยล้านทั้งที่ไม่มีไอ้เด็กตาหนูไปต่อรอง หรือว่าเธอแอบเจอตาหนูแล้ว”

“เปล่านะ ฉันขู่ว่าจะไปจับไอ้คนังกับนังลำหับต่างหาก”

“น่าเสียดายที่เธอยังหาลูกไม่พบ หมดมันก็ต้องหาทางเอาเงินจากไอ้คนังและนังลำหับสองคนเท่านั้น”

“ลำบากอยู่นะ แต่มันต้องมีวิธี”

“ต้องรีบรายงานหมายเลขหนึ่งเรื่องนี้”

หลังจากนั้นไม่นานรามก็ได้รับการติดต่อจากยศพงษ์ ทราบเรื่องบริพัตรตายอย่างง่ายดายแล้วรู้สึกหมดหวังที่จะดึงลำหับให้มาบนเขา แต่สนบอกว่ายังมีคนังกับจูเนียร์อีกสองคน ซึ่งจูเนียร์คุ้นเคยและไว้ใจหมายเลข 15 จึงลงความเห็นกับรามว่างานนี้ต้องมอบหมายให้เขาไป...

จักรินกลับมาที่บ้านด้วยท่าทียโสโอหังหมดความเกรงใจใครทั้งสิ้น บอกคนังว่าจะไปตามแม่กลับบ้านเพราะอยากรู้เรื่องพินัยกรรม

“อย่านะจัก อย่าไปรบกวนแม่”

“คุณพ่อตายแล้ว แม่จะไปนั่งเฝ้าคุณพ่อทุกวันตลอดชาติไม่ได้นะ”

“แม่ไม่นั่งตลอดชาติหรอก ให้เวลาแม่ทำใจหน่อยแล้วแม่จะกลับมาเอง”

“นายเอาใจแม่ ประจบแม่แบบนี้น่ะสิ แม่กับทุกคนถึงหลงรักนาย นายทำให้เราพ่ายแพ้มาตลอด”

“นี่ไม่ใช่เวลาทะเลาะกัน” เสียงจูเนียร์ดังเข้ามา จักรินหันขวับไปมองตาขวาง ตอบโต้อย่างไม่เกรงกลัว

“นี่เรื่องภายในบ้านเรา ไม่เกี่ยวอย่ามาสอด”

“พูดจากับน้าจูเนียร์แบบนี้ไม่ได้นะจัก นายต้องให้เกียรติน้า”

“เขามีเกียรติที่ไหน ในเมื่อเขาคือคนขายชาติ”

จูเนียร์ตกตะลึง คนังตกใจและโกรธ พุ่งไปชกปากจักรินแล้วถามว่าพูดอะไรออกมา

“ใครๆก็รู้กันทั้งนั้น หรือว่าไม่จริง...ว่าตระกูลแม่กับน้าขายชาติ”

ชาตรีประคองลำหับเข้ามาได้ยินคำถามของจักริน พยายามห้ามปรามเพื่อให้ทุกคนยุติ แต่จักรินไม่ยอม คาดคั้นจูเนียร์กล้าปฏิเสธหรือไม่ว่าไม่ใช่พวกขายชาติ

“ขอโทษน้าจูเนียร์เดี๋ยวนี้นะจัก”

“ไม่! นายก็เหมือนกันคนัง นายไม่ใช่ลูกคุณพ่อแต่นายเป็นลูกชู้”

“หยุดนะจัก ขอโทษคนังกับน้าเดี๋ยวนี้” จูเนียร์ตวาดอย่างเหลืออด จักรินไม่สลดแถมยิ้มเยาะอย่างเปิดเผย “ช่างเหมาะเจาะพอดีเหลือเกิน น้าหลาน ลูกชู้กับน้าขายชาติ”

ลำหับทนไม่ไหวปราดไปตบหน้าจักรินอย่างแรงแล้วสำทับให้หยุดหยาบคายก้าวร้าวพี่ชายและน้าจูเนียร์

จักรินโดนลำหับตบหน้าก็ยิ่งอาละวาดฟาดงวงฟาดงาหาว่าแม่ลำเอียงเข้าข้างคนังมาตลอด หลอกพ่อว่าคนังเป็นลูกทั้งที่เขาคือลูกของลุงคนังทนไม่ได้ที่จักรินดูถูกแม่จะเข้าไปทำร้าย แต่ช้ากว่าชาตรีที่กระชากจักรินมากดศีรษะลงกับพื้น

“อกตัญญู ใส่ร้ายผู้มีพระคุณล้นฟ้า ขอโทษทุกคนเดี๋ยวนี้นะจัก”

“ไม่มีวัน อย่ามาช่วยกันรุม ช่วยกันขายชาติ ช่วยกันบังคับคุณพ่อให้ขายชาติ”

ชาตรีหมดความอดทนกับจักรินจะพูดความจริงว่าเขาต่างหากที่น่าจะเป็นลูกชู้ไม่ใช่ลูกของบริพัตร แต่ชะงักเพราะลำหับขอร้อง แล้วจะให้จักรินขอโทษคนังกับจูเนียร์

“ไม่ต้อง! จักรินฟังนะ ถ้าที่นี่จะมีใครสักคนที่ขายชาติ คนนั้นคือฉัน พี่สาวฉันไม่เกี่ยว ในโลกนี้ยังมีอะไรอีกมากมายที่เธอคาดไม่ถึง และไม่ควรคาดเดาเอาเองด้วยอารมณ์”

“ไม่ต้องแก้ตัว แม่...ผมไม่อยู่ร่วมบ้านกับคนขายชาติ”

“ฉันจะไปเอง จะไม่มาเหยียบที่นี่อีก ลาก่อนครับพี่ใหญ่ ผมขอโทษที่ต้องทอดทิ้งพี่ใหญ่”

ลำหับตกใจขอร้องน้องชายไม่ให้จากไป แต่ชาตรีเห็นด้วยกับจูเนียร์ บอกลำหับว่าปล่อยเขาไปเถอะ เพราะถ้าอยู่ที่นี่ก็เหมือนมีไฟสุมขอนกองใหญ่ในอก

ทุกคน...ลำหับเข่าอ่อนแทบหมดแรงยืน คนังกับชาตรีเข้ามาประคองแต่จักรินไม่สนใจ หันหลังจะไป...แล้วว่าให้เมื่อลำหับขอร้องอย่าทิ้งแม่

“ใจแม่ไม่ได้ต้องการจัก แม่ห้ามตามหน้าที่ ไม่ได้มาจากใจ แม่สร้างภาพว่ารักจักทั้งที่แม่รักแต่มัน” จักรินชี้หน้าคนังแล้วผลุนผลันออกไป

จักรินไปพบเฉิดเฉลาแล้วโดนตำหนิที่ไม่ตรวจสอบให้ดีว่าคนังไม่อยู่บ้าน บริพัตรเลยรับเคราะห์แทน จักรินไม่พอใจเสียงแข็งใส่อย่างทันควัน

“อย่าตำหนิผม แค่นี้ผมก็ย่ำแย่ใจคอยับเยินเพราะถูกพวกมันรุม ผมไม่มีอะไรแล้ว ไม่ได้อะไรแล้วใช่ไหม”

“เรียกทนายมาพบ ให้มันเปิดพินัยกรรมตีแผ่ออกมา แล้วขอไอ้คนังมันตรงๆ”

“อะไรๆก็ต้องไอ้คนังมาก่อน ทั้งที่มันเป็นลูกชู้ ส่วนผมเป็นลูกแท้ๆแต่ได้รับการปฏิบัติเหมือนลูกขอมาเลี้ยง ผมต้องเปิดโปงมันไปฟ้องศาล”

“อย่าเพิ่งนะลูก อดทนไปก่อน ก่อนไปเมืองนอกจัดการเอาเงินจากไอ้คนังให้ได้ ไหนบอกว่ามันรักลูกมาก พูดให้มันยอมยกให้ลูกให้ได้”

จักรินคล้อยตาม ย้อนกลับไปที่บ้านให้ลำหับเรียกทนายมา ปรากฏว่าทนายให้เขาไปตรวจดีเอ็นเอตามคำสั่งของย่า จักรินโวยวายไม่ยอมไป ทั้งกล่าวหาคุณย่าดูถูกและย่ำยีศักดิ์ศรีของตน

“อย่างนั้นทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามที่คุณนายแม่ท่านสั่งไว้”

“ก่อนตายคุณพ่อบอกไว้ว่าไม่ต้องไปตรวจดีเอ็นเอ คุณพ่อจะให้คนังเอาส่วนของเขาให้ผม เพราะถ้าผมไม่ตรวจดีเอ็นเอเขาก็จะได้ส่วนของผม ก็คือเราแลกกัน”

“เป็นการพูดด้วยวาจาไม่มีพยานหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร ผมทำไม่ได้”

“แปลว่าผมเป็นลูกแท้ๆกลับไม่ได้อะไรเลย แต่ลูกชู้ได้ทั้งหมด”

“จัก! หยุดดูถูกแม่เดี๋ยวนี้ คุณทนายครับ เอาส่วนของผมยกให้เขานะครับ”

“ยกให้ใครโดยพลการไม่ได้ คุณคนังยังเป็นผู้เยาว์”

“แต่เขาบอกว่าเขายกให้ผมไม่ได้ยินหรือไง”

“รอคุณคนังโตพอที่จะตัดสินใจเองเมื่อไหร่ค่อยจัดการกันเองนะครับ”

“บ้า! อีกตั้งหลายปี แล้วผมจะอยู่ได้ยังไง”

“ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณจักก็อยู่มาด้วยดี ต่อไปนี้คุณจะอยู่ได้ดีกว่าเดิม จะได้ทุกอย่างที่ต้องการตามที่ผมเห็นสมควร”

“หมายความว่าถ้าคุณเห็นว่าไม่สมควร ผมก็ไม่ได้ ชีวิตผมขึ้นอยู่กับคุณทนายสินะ”

“อะไรที่พี่ให้นายได้ พี่จะให้” คนังใจดี จักรินยิ่งได้ใจ ขอมรดกส่วนตัวของพ่อเอามาแบ่งกัน แต่ทนายท้วงว่าบริพัตรยกให้ลำหับทั้งหมด

“โว้ย! คุณพ่อกับคุณย่าเป็นอะไรไป คนังต่างหากที่ต้องไปพิสูจน์ดีเอ็นเอว่าไม่ใช่ลูกคุณพ่อ”

“อันนี้ผมไม่รับรู้ พินัยกรรมไม่ได้ระบุไว้”

จักรินจนตรอก หันมาแว้งกัดลำหับราวหมาบ้า “แม่เก่งจริงๆ หลอกคุณพ่อจนหลงเชื่อ หลงรักหัวปักหัวปํา”

“หยุดเอ่ยถึงคุณพ่อในทางไม่ดี จักอยากได้อะไรแม่จะให้ แม่สัญญา”

“สัญญาว่ายกมรดกของแม่ให้จัก”

“ได้...เมื่อถึงเวลา แต่แม่มีลูกสองคน แม่ก็ต้องให้ทั้งสองคนเท่ากัน”

“คนังส้มหล่น ชุบมือเปิบได้ในสิ่งที่ไม่ควรได้”

“หยุดพูดได้แล้วจัก เข้าใจกันดีแล้ว ขอบคุณมากค่ะคุณทนาย เชิญค่ะ”

“สรุปนี่ผมเรียกทนายคนนี้มาฉีกหน้า ถลกหัวตัวเองงั้นหรือ”

“จะว่าใช่ก็ใช่นะครับ” ทนายตอบนิ่มๆ จักรินโกรธควันออกหู พุ่งเข้าใส่จะทำร้ายเขา แต่โดนคนังสกัดแล้วกระชากตัวไปจากตรงนั้น

ooooooo

จักรินหงุดหงิดงุ่นง่านไม่ได้ดังใจ บังคับเอากุญแจรถคันใหม่จากวิเวกขับออกไปจากบ้านทั้งที่เพิ่งหัดขับรถได้ไม่นาน ระหว่างทางตาไวเห็นคนังขี่มอเตอร์ไซค์ เอะใจลองโทร.พาเพ็ญโพยม ปรากฏว่าเธอรับสายรีบร้อนเรียกชื่อคนัง ความเลยแตกว่านัดเจอกัน

เพ็ญโพยมอยากเจอคนังจึงส่งข้อความไปนัดพบกันที่เดิม พอเธอได้ยินเสียงจักรินจึงรีบตัดสายแล้วนั่งรอคนังต่อไปอย่างอดทน กว่าคนังจะมาถึงเธอเกือบโดนวัยรุ่นกลัดมันทำมิดีมิร้าย คนังช่วยเธอให้รอดปลอดภัยแล้วพูดคุยแลกเปลี่ยนความในใจของกันและกันก่อนเดินทางกลับ

จักรินโกรธแค้นคนัง ขับรถตระเวนตามหาอย่างไร้จุดหมาย โชคร้ายรถประสบอุบัติเหตุเบรกไม่อยู่เพราะใช้ความเร็วมากเกินไป เฉี่ยวชนเสกสรรที่เมายาทะเลาะกับเฉิดเฉลาออกมาจากบ้าน แล้วรถยังพุ่งข้ามเกาะกลางถนนไปชนกับรถขนยาเสพติดของรามที่สมุนนำมาส่งให้ยศพงษ์ที่เป็นเครือข่าย

เสกสรรโดนรถชนฟุบอยู่กลางถนน ขณะที่จักรินนอนร้องครวญครางอยู่ในรถที่พลิกคว่ำแต่ยังมีสติ คนังกับเพ็ญโพยมกำลังจะกลับบ้านผ่านมาเห็นไทยมุงและตำรวจ คนังจอดรถวิ่งพรวดเข้าไปเห็นจักรินจึงร้องบอกตำรวจว่าเขาเป็นน้องชายของตน ช่วยเหลือเขาด้วย

จักรินบาดเจ็บเลือดอาบ แทนที่จะขอความช่วยเหลือจากคนัง กลับกระเสือกกระสนตะโกนด่าคนังอย่างโกรธแค้น

“แกแย่งแฟนฉัน ฉันเกลียดแก!”

คนังผงะแล้วร้องไห้ออกมาเพราะจักรินหมดสติไปต่อหน้าต่อตา

ooooooo





ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น