วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร รอยรักแรงแค้น ตอนที่ 13


ธุระสำคัญของคิมหันต์เริ่มทันที เมื่อเขาออกมาหน้าบ้านพัก ก็ได้รับโทรศัพท์จากเสี่ยอ๋าว่า

“ภารกิจจะเริ่มในอีกห้านาที ผมโทร.มาเช็กเพื่อความมั่นใจว่าคุณเอาแน่นะ” คิมหันต์ตอบทันทีว่า แน่! “เมื่อเริ่มปฏิบัติการแล้ว เราจะถอยไม่ได้นะครับคุณคิมหันต์ คุณต้องเตรียมรับมือกับผลทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคุณหรือเป็นโทษ เข้าใจนะ”

“เข้าใจ เสี่ยกำชับลูกน้องว่าอย่าให้พลาดก็แล้วกัน”

ส่วนที่บ้านมุกริน ขณะธาดาขับรถออกจากบ้านก็ถูกลูกน้องเสี่ยอ๋ามาเตือนว่าเหลือเวลาอีกหนึ่งวันเท่านั้น อึดใจเดียวเสี่ยอ๋าก็ลงจากรถมาบอกว่า พวกนี้ชอบหนีหนี้วันสุดท้ายเสียด้วย แล้วก็เห็นในรถธาดามีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เสี่ยให้ลูกน้องเอาลงมาเท เสื้อผ้าของใช้ถูกเทกระเด็นออกมากระจายเต็มพื้น

ธาดาถามว่าเสี่ยต้องการอะไร เสี่ยบอกว่าต้องการให้ชำระหนี้ ธาดาบอกว่ายังไม่มีแต่ก็ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งวัน

“เหลือแค่หนึ่งชั่วโมง โทษฐานที่คิดหนี” เสี่ยโพล่งออกไป “ผมว่าคุณรีบไปนับเงินมาดีกว่า ถ้าครบหกสิบนาทียังไม่มีเงินมาวางตรงหน้าผมละก็...คุณจะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าน้องสาวของคุณอีกต่อไป คุณกำลังอยู่ในชั่วโมงสุดท้ายของชีวิตพร้อมๆกับน้องสาวของคุณนะ คุณธาดา”

เสี่ยอ๋าเดินกลับไปที่รถของตน ธาดาหน้าเครียด ยืนเกร็งตัวสั่นเทิ้ม

ooooooo

ธาดาโทร.ไปหาปรารภ ถามว่ามุกรินมาถึงบ้านเขาหรือยัง ปรารภมองไปบอกว่ามาถึงพอดีกำลังขับรถเข้ามาจอด ถามว่ามีอะไรไหม

“ไม่มี...หวังว่าเขาจะปลอดภัยดีเมื่ออยู่กับคุณนะ เท่านี้แหละ” ธาดาวางโทรศัพท์ลง ตัดสินใจเดินกลับไปเคาะกระจกรถเสี่ยอ๋าที่ยังจอดอยู่ที่เดิม เสี่ยลดกระจกลงถามว่าไหนล่ะเงิน ธาดาบอกว่าไม่มี เสี่ยพูดเงื่อนไขสุดท้ายคือเขาต้องเอาตัวน้องสาวมาให้ตน

ธาดาพูดอย่างมั่นใจว่าถ้าเขามีปัญญาเอาตัวมาได้ก็เชิญ เพราะตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามุกรินอยู่ไหน รู้แต่ว่าเธออยู่ในที่ปลอดภัยกับคนที่ไว้ใจได้ ซึ่งตนไม่รู้ว่าเป็นใครและอยู่ที่ไหน

เสี่ยอ๋าท้าพนันกันไหมว่าน้องสาวเขายังอยู่ที่เดิมหรือเปล่า ถ้าตนแพ้จะยกหนี้ให้ แต่ถ้าเขาแพ้ตนขอไปลงกับน้องสาวเขาทั้งต้นทั้งดอกก็แล้วกัน เสี่ยท้าให้โทรเลย โทร.หาคนที่เขาไว้ใจที่สุดก็ได้

พอดีมีเสียงโทร.เข้ามือถือธาดา เสี่ยบอกว่าเธอคง กำลังโทร.หาเขา แต่พอรับสายกลายเป็นปรารภโทร.มาบอกว่าเมื่อกี๊เห็นมุกรินขับรถเข้ามาแป๊บเดียวก็หายไปทั้งรถทั้งคน ถามว่า “เขากะจะเซอร์ไพรส์วันเกิดผมหรือเปล่า”

“คงไม่ใช่ แค่นี้ก่อนนะ” ธาดาหน้าซีดเผือด

“น้องสาวคุณอยู่ในนี้ อยากพูดไหม” เสี่ยอ๋ายื่นโทรศัพท์ให้ และกดเปิดลำโพงให้ได้ยินด้วยกัน

“พี่ใหญ่...มุกอยู่ที่ไหนคะ” เสียงมุกรินหวาดกลัวแว่วมาในโทรศัพท์

เสี่ยอ๋าพูดแทรกขึ้นว่าเขาแพ้แล้ว ธาดากระชากคอเสื้อเสี่ยตะโกนถามว่า “มึงทำอะไรน้องสาวกู!” ถูกลูกน้องเสี่ยกระชากออกมา เสี่ยตะคอกคืนว่า

“มึงนั่นแหละ หาเรื่องให้น้องสาวตัวเอง เตือนแล้ว ไม่เชื่อ สมน้ำหน้าต้องได้เสี่ยอ๋าเป็นน้องเขยจนได้ ฮ่าๆๆ ”

ธาดาเสียงแข็งว่าถ้าทำอะไรน้องสาวตนละก็...

ถูกเสี่ยอ๋าถามว่าขู่หรือ เขาไม่อยู่ในฐานะที่จะขู่ใครได้

“ผมขอร้อง...อย่าทำอะไรมุกเลยนะ ได้โปรด...ให้ผมชดใช้ด้วยวิธีอื่นเถอะ”

เสี่ยอ๋าถามว่าเขามีอะไรที่มีค่ามากกว่าน้องสาว ธาดาตอบทันทีว่า “ชีวิตผม”

“ไม่เท่าไหร่! ผมมีทางเลือกสุดท้ายให้คุณทางเดียว เท่านั้น เพื่อแลกกับอิสรภาพและความสาวของมุกริน” ธาดาถามว่าตนต้องทำอะไร “พูดความจริง! ความจริงทั้งหมดของเหตุการณ์คืนวันที่ 14 กุมภา...หวังว่าคุณยังไม่ลืมนะ คุณธาดา”

ธาดามองหน้าเสี่ยอย่างสับสน งุนงง เสี่ยพยักหน้า ให้ลูกน้อง สั่ง“เดินหน้าตามแผนเดิม...จนกว่าจะมีคำสั่งใหม่”

มุกรินหน้าตาหวาดกลัวอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ใหญ่ท้ายรถเทรเลอร์ เธอมองไปรอบๆอย่างสิ้นหวัง มองไปเห็นแต่ผนังทุกด้าน เธอทุบผนังตู้คอนเทนเนอร์ตะโกนสุดเสียง

“ช่วยด้วย...ช่วยฉันด้วย...ใครอยู่ข้างนอก ช่วยฉันด้วย...”

รถเทรเลอร์คันนั้นวิ่งไปบนถนนหลวงสายหลักในกรุงเทพมหานคร มีเสียงมุกรินร้องขอความช่วยเหลือก้องอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ แต่เหมือนอยู่คนละโลกกับภายนอก ตู้คอนเทนเนอร์ทะมึนถูกลากไป ในขณะที่ภายในมุกรินดิ้นแทบคลั่ง...

แต่ทุกอย่างเงียบ...เธอนั่งลงกับพื้นอย่างสิ้นหวัง เสี่ยอ๋าโทรศัพท์สั่งลูกน้องที่นั่งข้างคนขับรถ เทรเลอร์ว่า

“อย่าให้มีริ้วรอยแม้แต่น้อย ลูกค้ากำชับมา”

ooooooo

เช้านี้พักตราในชุดเสื้อคลุมมาที่สระว่ายน้ำ มีสาวใช้ถือสัมภาระเกี่ยวกับการว่ายน้ำตามมา แต่จู่ๆเธอก็ปวดท้องกะทันหันจนทรุดนั่งกับพื้นร้องครวญคราง สาวใช้ที่ตามมาตกใจหน้าตื่น

เวลาเดียวกัน อรรถไปเคาะประตูห้องร้องถามว่าพ่อจะเข้าไปคุยด้วยได้ไหม สาวใช้คนนั้นเดินแทบเป็นวิ่งเข้ามาบอกว่าพักตราไม่อยู่ ปวดท้องเป็นลมอยู่ข้างสระว่ายน้ำ อรรถรีบลงไปที่สระว่ายน้ำ ไม่เห็นพักตราจึงตะโกนเรียก

อึดใจเดียวพักตราก็โผล่ขึ้นจากน้ำกลางสระร้องเรียกเสียงใส “ขา...พ่อ...”

“หนูต้องไปกับพ่อนะ พ่อโทร.ไปนัดหมอแล้ว” อรรถบอก พักตราชักสีหน้าไม่พอใจทันที อรรถเตือนว่า “ปวดท้องบ่อยๆหมายถึงสัญญาณไม่ดีนะลูก”

พักตราปกปิด ไม่ยอมรับความจริง พอสาวใช้ติงว่าเมื่อกี๊ยังลงไปนอนดิ้นอยู่ตรงนี้เลย เธอแว้ดใส่ทันทีว่า

“ใครถามแก ใครอนุญาตให้แกพูด! พักตร์ไม่ได้เป็นอะไรค่ะพ่อ” เธอขึ้นจากสระด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว “ไล่อีเด็กคนนี้ออกไปด้วยค่ะ พักตร์เกลียดมัน ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย พูดได้ยังไง!”

อรรถเตือนว่าอย่าทำอย่างนี้เลย พลอยถูกพักตราเอ็ดว่าพ่อนั่นแหละอย่าทำอย่างนี้กับตน ให้โทร.ไปยกเลิกหมอเสียบอกว่าตนกำลังใช้เวลาดูแลเด็กในท้องอยู่ ไม่อยากเสียเวลากับเรื่องเหลวไหลแบบนี้ แล้วเธอก็คาดฝันว่า

“การว่ายน้ำจะทำให้คลอดเด็กได้ง่ายขึ้น พักตร์อาจจะเลือกวิธีคลอดในน้ำก็ได้นะพ่อ...” แล้วเธอก็พุ่งออกไปกลางสระน้ำว่ายน้ำต่อไป

อรรถมองตามพักตราด้วยสีหน้าเครียด ห่วง กังวล ในขณะที่สาวใช้ถามเบาๆ หน้าตาหวั่นวิตกว่า

“หนูจะโดนไล่ออกไหมคะ...”

ooooooo

ธาดาถูกเอาตัวไปที่เซฟเฮาส์เสี่ยอ๋า เขาถูกคลุมหน้าด้วยผ้าดำมิดชิด เขาถามมันว่าพาตนมาที่ไหน

“ไม่ต้องกลัวครับ คุณเคยมาที่นี่แล้วครั้งนึง แต่ครั้งนี้จะแตกต่างกว่าครั้งที่แล้วไปบ้าง ไม่ต้องตกใจ”

ธาดาได้รับการถอดผ้าดำคลุมหน้าออก เขาเห็นเป็นห้องที่มีทั้งทีวีและเครื่องอัดวีดิโอพร้อมทุกอย่าง เขาถูกมัดไว้กับเก้าอี้ด้วยเชือกเส้นใหญ่ เมื่อมันจัดการกับเขาทุกอย่างพร้อมแล้วก็พากันออกไป ทิ้งให้ธาดานั่งอยู่เพียงลำพังคนเดียวในห้องที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์การอัดเสียงและจอทีวี

“พร้อมรึยัง คุณธาดา” เสียงเสี่ยอ๋าดังขึ้นแต่ไม่ปรากฏตัว ธาดามองไปรอบๆ ถามว่าพร้อมอะไร? “พร้อม ที่จะสารภาพรึยัง ว่าคุณทำอะไรกับเมียตัวเองในคืนนั้น... ว่าไง”

ธาดาถามว่าเขาเป็นใคร เป็นพวกเดียวกับคิมหันต์ใช่ไหม เสี่ยอ๋าสวนทันทีว่าเขาไม่มีสิทธิ์ถาม

“ฉันไม่เล่นอะไรบ้าๆแบบนี้กับแกหรอก” ธาดายังแข็งกร้าว แต่พอจอโทรทัศน์ถูกเปิดขึ้นพร้อมกับภาพมุกรินในตู้คอนเทนเนอร์ที่เธอกำลังทุบผนังตู้สุดแรงและพยายามดิ้นรนหาทางออก ธาดาก็แทบคลั่งตะโกนลั่น “มุก...มุก...พวกมึงทำอะไรมุก”

“ก็ทำอะไรบ้าๆไง คุณต้องเลือกว่าจะทำอะไรบ้าๆ กับผมที่นี่หรือจะให้ผมไปทำอะไรบ้าๆ กับน้องสาวคุณที่โน่น” ธาดาตะโกนด่า ถามว่าคิมหันต์อยู่เบื้องหลังเขา

ใช่ไหม “บอกแล้วไงว่าห้ามถาม...ผมจะให้เวลาคุณเรียบเรียงเรื่องราวทั้งหมดอีกสักครึ่งชั่วโมง แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเอายังไง คิดให้ดีนะคุณธาดา อย่าคิดนาน จนหมดเวลาเสียก่อนล่ะ”

สิ้นเสียงเสี่ยอ๋า จอโทรทัศน์ทุกเครื่องก็ดับสนิท ธาดาเครียดจัดอยู่คนเดียวในห้องนั้น!

ooooooo

ปรารภร้อนใจมาก พยายามโทร.ติดต่อมุกรินก็มีแต่เสียงบอกว่าไม่มีสัญญาณจากเลขหมายที่ท่านเรียกน้าแป๋วเข้ามาบอกว่าตำรวจมาแล้ว ปรารภรีบไปที่หน้าบ้าน ตำรวจหน้าตาดีบุคลิกคล่องแคล่วบอกทันทีว่า

“ผมซักถามคนในซอยนี้ทั้งหมดแล้ว ทุกคนยืนยันกันหมดครับว่า รถมินิของคุณมุกรินขับออกไปในสภาพปกติ ไม่มีลักษณะการถูกบีบบังคับหรือฉุดกระชากลากถูแต่อย่างใด” ปรารถถามว่าไม่ใช่การลักพาตัวใช่ไหม “ไม่มีพฤติกรรมใดบ่งชี้อย่างนั้นครับ”

“แล้วมีใครเห็นไหมครับว่าในรถคันนั้นมีคนนั่งอยู่กี่คนเป็นใครบ้าง และคนขับเป็นใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย”

ตำรวจมองหน้าปรารภแล้วถอนใจนิดๆ ทำให้ปรารภยิ่งเครียด ความจริงเมื่อสามชั่วโมงก่อนหน้านี้คือ เมื่อมุกรินขับรถเลี้ยวเข้าไปในบ้านปรารภที่ทำเป็นออฟฟิศแล้วเปิดประตูรถออกมา ก็ถูกชายแต่งตัวดีบุคลิกดีสองคนเข้ามาประชิดตัวมุกรินทันทีพูดสุภาพแต่ด้วยสีหน้าจริงจังว่า

“คุณมุกรินครับ ตั้งใจฟังผมให้ดีนะครับ ตอนนี้ พี่ชายคุณกำลังตกอยู่ในอันตราย เกี่ยวกับเรื่องหนี้สิน เจ้าหนี้กำลังเตรียมการฆ่าพี่ชายคุณอยู่” มุกรินตกใจถามว่าตัวเขาเป็นใคร! “เราเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ เราส่งคนเข้าไปแทรกซึมอยู่กับพวกมัน เพื่อหาทางซ้อนแผนและจับพวกมันทั้งแก๊ง แต่เราต้องขอความร่วมมือจากคุณ เพื่อให้แผนการของเรารัดกุมยิ่งขึ้น”

“ดิฉันต้องทำอะไรคะ”

“นั่งรถไปกับผม ไปหาพวกมัน ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมจะขับให้เอง รายละเอียดอื่นๆ คุยกันในรถ”

มุกรินถูกลักพาตัวไปอย่างนิ่มๆเนียนๆ แล้วรถของมุกรินก็ถูกขับเข้าไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ มุกรินถามว่าเอาตนมาไว้ในนี้ทำไมแล้วพี่ชายตนล่ะ? เขาอยู่ไหน?

“คุณจะพบเขาทันทีที่เราจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อย แค่อยู่นิ่งๆในนี้ รับรองว่าคุณจะไม่เจ็บตัว โชคดีครับ”

ชายหนุ่มมาดดีทั้งสองกลับเข้าไปในรถของมุกรินแล้วขับออกจากตู้คอนเทนเนอร์ไปอย่างเร็ว มุกรินตะโกนถามว่า

“แล้วคุณจะเอารถฉันไปไหน คุณยังไม่ได้อธิบายรายละเอียดอะไรให้ฉันฟังเลยนะ” ไม่ทันสิ้นเสียงมุกริน ประตูตู้คอนเทนเนอร์ก็ปิดลงทันที ทุกอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่มุกรินจะคิดอะไรทัน

ooooooo

ปรารภร้อนใจมากโทร.เล่าให้ชุมสายฟัง ชุมสายถามว่าเขากำลังจะบอกว่ามุกรินถูกอุ้มอย่างนั้นหรือ?

“ตอนนี้ผมคิดได้เท่านี้แหละ นอกจากคุณจะรู้อะไรมากกว่าที่ผมรู้” ชุมสายบอกว่าตนไม่รู้อะไรเลย “คุณรู้ใช่ไหมว่าทำไมโทร.หาใครไม่ติดเลย ทั้งมุกริน ทั้งนายคิมหันต์ ทั้งนายธาดา คุณเป็นทนายทำคดีเกี่ยวข้องกับคนสามคนนี้ คุณจะไม่คาดเดาแบบที่ผมเดาบ้างหรือ” ธาดาหงุดหงิดมาก

“ผมแนะนำให้คุณทำเรื่องขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดของ กทม. คงใช้เวลาประมาณหนึ่งวัน แต่คุณมุกรินอาจจะกลับมาก่อนก็ได้นะครับ อย่าเพิ่งตื่นตูมไปเลยคุณปรารภ” ชุมสายยังใจเย็น ตัดการติดต่อแล้วหันพูดกับคิมหันต์ที่นั่งอยู่ในรถ “แกต้องรีบจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ก่อนที่มันจะวุ่นวายกันไปมากกว่านี้”

“อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จบแล้ว อย่าห่วง”

“ฉันกลัวว่าเรื่องคุณมุกจะจบไม่ลงน่ะสิ มันจะไม่สนุกนะเพื่อน”

“ไม่มีปัญหา จบลง...จบสนุกแน่ๆ แกคอยดู ก็แล้วกัน” คิมหันต์ตอบอย่างเลือดเย็นแล้วลงจากรถ เดินเข้าไปในทางเดินที่ดูลึกลับ ชุมสายเดินตามไป

ooooooo

เวลาเดียวกันนี้ เสี่ยอ๋าส่งเสียงเข้ามาเตือนธาดาว่าเหลือเวลาอีกเพียงสิบห้านาที ทำสงครามประสาทกับเขาว่าตนชักอยากไปสนุกกับน้องสาวเขามากกว่าจะรออยู่ที่นี่เสียแล้ว หรือจะตอบตอนนี้เลยก็ได้ตนจะได้ไม่ต้องเสียเวลา

ธาดาบอกว่าตนไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไรในเมื่อศาลก็ตัดสินไปแล้วว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิด เสียงเสี่ยอ๋า ตอบเข้ม

“ก็บอกแล้วไงว่าพูดความจริง” ธาดาถามว่าคำตัดสินของศาลไม่จริงตรงไหน “ผมต้องการความจริงที่ต่างไปจากคำโกหกในศาล”

ขณะนั้นเองคิมหันต์และชุมสายเดินเข้ามาในห้องลับเล็กๆ ในขณะที่เสี่ยอ๋ายังพูดกับกล้องตรงหน้า

เสี่ยเร่งรัดธาดาให้พูด ธาดาย้อนถามว่าเขาต้องการให้พูดว่าตนเป็นคนฆ่าวิมลรัตน์ใช่ไหม แล้วมันสำคัญอะไรกับเขานักหนา เสี่ยอ๋าบอกว่า เจ๊มลมีบุญคุณกับตนก่อนที่เธอจะหลวมตัวแต่งงานกับคนเลวๆอย่างเขา ไม่ว่าเสี่ยอ๋าจะเอามุกรินมาขู่หรือหว่านล้อมอย่างไร ธาดาก็ยังถามว่าคิมหันต์จ้างเขามาเท่าไหร่ ขอบอกว่าไม่มีวันสำเร็จแน่ พวกเขาไม่มีวันที่จะได้สิ่งที่ต้องการแล้ววกมาถามว่า “บอกมาก่อนว่าแกจะทำอะไรมุก”

“ไม่บอก แต่รับรองว่าคุณจะได้เห็นนาทีชีวิตของน้องสาวคุณสดๆ ผ่านจอทีวีตรงหน้าคุณนี่แหละ ตื่นเต้นดีไหมล่ะ”

เมื่อธาดาประกาศว่าตนไม่ใช่ฆาตกร ตนเป็นผู้บริสุทธิ์ ถ้าตนต้องตายก็จะตายไปพร้อมกับความบริสุทธิ์

“แกไม่มีทางบริสุทธิ์ไปได้หรอก เพราะถึงยังไงโลกทั้งโลกก็จะรู้ความจริงจากปากของผู้ชายคนนี้”

เสี่ยพูดอย่างเย้ยหยัน แล้วพริบตานั้น ใบหน้าของไอ้ขุมก็ปรากฏขึ้นบนจอ ไอ้ขุมเริ่มต้นแนะนำตัวเองและสารภาพเหตุการณ์ในคืนวันที่ 14 กุมภาพันธ์อย่างละเอียด

“ไอ้ขุม!” ธาดาช็อก หน้าซีดเผือด คิมหันต์ที่นั่งอยู่ข้างๆชุมสายดูหน้าธาดาในจอทีวี พูดอย่างสะใจว่าอย่าเพิ่งช็อกตายเสียก่อนล่ะ!

เวลาเดียวกัน มุกรินยังคงทุบตู้คอนเทนเนอร์สุดแรง แหงนมองกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่มุมสูงรอบตู้ พูดกับกล้องว่า

“ฉันรู้นะว่าพวกนายดูฉันอยู่ทางกล้องวงจรปิด จะไม่ปล่อยฉันก็ได้ แต่บอกหน่อยได้ไหมว่าฉันต้องอยู่ในนี้อีกนานแค่ไหน ใครก็ได้ โผล่หน้ามาอธิบายหน่อยว่าพวกนายกำลังจะทำอะไรฉัน...ได้โปรดเถอะ...เปิดประตูมาพูดกันให้รู้เรื่องหน่อยได้ไหม”

ทุกอย่างยังคงเงียบเหมือนเดิม...

ooooooo

ธาดานั่งเครียดเกร็งอยู่หน้าจอทีวีที่ไอ้ขุมกำลังเล่าเหตุการณ์ในคืนนั้นอย่างละเอียด พอไอ้ขุมพูดจบหน้าเสี่ยอ๋าก็ปรากฏขึ้นบนจอทีวีเอ่ยเย้ยๆว่า

“ถึงกับอึ้งเลยเหรอ” ธาดาตะโกนว่ามันเป็นการตัดต่อ ไม่มีใครเชื่อหรอก “งั้นให้เจ้าตัวเขามายืนยันเองด้วยตัวจริงๆ ตัวเป็นๆเลยเอาไหม”

สิ้นเสียงเสี่ย ไอ้ขุมก็เดินเข้ามาพร้อมกับลูกน้องเสี่ยอ๋า พูดกับธาดาที่หน้าซีดเผือดยิ่งกว่าเก่าว่า

“เฮีย..มันจบแล้วครับเฮีย สารภาพเถอะ หนักจะได้เป็นเบา”

ธาดาตะโกนลั่นว่าไอ้ขุมรับเงินจากเสี่ยอ๋าเพื่อมาซัดทอดตน ไอ้ขุมยืนยันว่าตนพูดความจริง

“ความจริงอยู่ที่กู ไม่ได้อยู่ที่มึง”

“ตามใจเฮียก็แล้วกัน แต่ถ้าผมต้องขึ้นศาล ผมก็จะพูดความจริงของผมนะ ไม่ใช่ความจริงของเฮีย...โชคดีครับเฮีย”

ลูกน้องเสี่ยอ๋าเอาตัวไอ้ขุมออกไปท่ามกลางเสียงด่าของธาดา

ที่ห้องลับเล็กๆ ชุมสายบอกคิมหันต์ว่าในชั้นอุทธรณ์ศาลจะไม่นืบพยานเพิ่มตนเคยบอกแล้วใช่ไหม คิมหันต์บอกว่าตนไม่สนใจเรื่องนั้น ฝ่ายเสี่ยอ๋าก็เร่งธาดาว่า

“เวลาเหลือน้อยลงทุกทีแล้วนะครับ คุณธาดาจะพูดอะไรก็พูดกับผมเสียตอนนี้ ก่อนที่ผมจะไม่ให้โอกาสคุณพูดอีก” พลางเสี่ยเดินเข้าไปสั่งธาดาให้เงยหน้าขึ้น พูดกับกล้องรอบตัวเขา เหมือนคำสารภาพของไอ้ขุม ธาดาเงยหน้าขึ้น สูดลมหายใจลึกๆ พูดกับกล้องว่า

“ไอ้คิม...ฉันไม่ได้ฆ่าพี่แก มันเป็นอุบัติเหตุ ยอมรับความจริงเสียบ้างซิโว้ย”

ที่ห้องลับ...เสี่ยอ๋าหันมองคิมหันต์ เขาพยักหน้าให้เสี่ยอย่างหนักแน่น เสี่ยพยักหน้าให้ลูกน้องอีกต่อหนึ่ง ลูกน้องเสี่ยเอื้อมมือกดปุ่ม video playback หน้าจอทีวีทุกเครื่อง ปรากฏหน้าดวงดาวทันที

“อา...” ดวงดาวเรียก ธาดาสะดุ้งสุดตัว “อาเป็นยังไงบ้าง...” ธาดาร้องถามว่าได้ยินเสียงตนพูดไหมแต่ดวงดาวไม่อาจตอบได้เพราะเป็นวีดิโอคลิปที่เธอบันทึกส่งมาให้เขา

“หวังว่าอาจะได้ดูคลิปนี้ในเวลาที่อาสุขภาพแข็งแรงขึ้นแล้วนะ หนูมีเรื่องที่อยากจะขอร้องอา...อาช่วยฟังหนูสักนิดเถอะนะ เพราะนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่หนูจะมีโอกาสพูดกับอา”

ธาดาตวาดถามว่า “พวกมึงจับตัวดาวไปด้วยหรือ”

“สิ่งที่หนูจะพูดนี้ พูดจากใจจริง ไม่มีใครขู่บังคับ หนูอยากให้อาขอขมากับเมียอาในสิ่งที่อาทำไว้ อย่างน้อย วิญญาณของเมียอารับรู้ได้ เขาจะได้อโหสิให้อา... มันจะเป็นมงคลกับตัวอาไปจนตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ หนูขอโทษที่ทิ้งอามาโดยไม่บอกลา ขอโทษที่ไม่ได้อยู่ดูแลอาในเวลาที่อาไม่มีใคร...”

“ดาว...” ธาดาครางออกมาอย่างเจ็บปวด

“หนูมีบางอย่างที่ต้องดูแล มันเป็นสิ่งที่มีความสำคัญกับหนูมาก แต่หนูไม่มั่นใจว่ามันจะมีความหมายกับอาหรือเปล่า หนูไม่รู้นะ ว่าจะมีโอกาสได้เจออาอีกหรือไม่ แต่หนูอยากจะมีความทรงจำดีๆของอาเก็บไว้และหนึ่งในความทรงจำที่ดีก็คือ การที่อาแสดงให้เห็นว่าเป็นลูกผู้ชาย เป็นคนยอมรับความจริงและยอมรับผลการกระทำทุกอย่างที่เราเป็นผู้ก่อ โดยไม่หลบหนี... มันน่าภาคภูมิใจมากกว่าการโกหกหลอกลวงและหนีความจริงนะอา...”

ธาดาเครียดจัด ปวดหัวอย่างรุนแรงและเฉียบพลัน ในขณะที่ดวงดาวก็ยังคงพูดต่อ

“แต่ก็ไม่แน่นะ ถ้าวันหนึ่งข้างหน้า อาสงบนิ่งแล้ว ปล่อยวางได้แล้ว...วันนั้นหนูอาจจะกลับไปหาอา ไปดูว่า เรายังมีความหมายต่อกันมากพอหรือไม่ บางสิ่งบางอย่างที่คาดไม่ถึง อาจจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเรา...ขอบคุณนะอา ที่เคยให้โอกาสและความอบอุ่นกับหนู วันนึงที่เรากลับมาสมประโยชน์ร่วมกันได้อีก วันนั้นเราคงได้เจอกันนะอา...”

ภาพและเสียงในจอทีวีดับวูบลงทันที พร้อมกับที่ธาดาชักกระตุกอย่างแรง!

ชุมสายชะโงกหน้าเข้าไปดูใกล้ ๆ ร้องอย่างตกใจ “ฉิบหายแล้วไอ้คิม!” คิมหันต์เองก็ลุกยืนหน้าเข้มไปเหมือนกัน

ลูกน้องเสี่ยอ๋าที่ผ่านการฝึกปรือขั้นตอนการช่วยชีวิตเป็นอย่างดี กรูกันเข้าไปหาธาดา ปฐมพยาบาลจนธาดาคลายจากอาการชักกระตุก

“ไอ้คิม...พอได้แล้วมั้งเพื่อน ถ้าถึงตาย มันจะยุ่งมากขึ้นนะเว้ย” ชุมสายเตือนสติ

“มันยังไม่ตายหรอก ก็แค่ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่ทัน” คิมหันต์พูดอย่างเลือดเย็น ชุมสายบอกว่านั่นก็ทำให้สมองตายได้ บอกคิมหันต์ให้พอเถอะ “ยัง! จนกว่ามันจะยอมสารภาพก่อน ก่อนที่สมองมันจะตาย” แล้วคิมหันต์ก็หยิบวิทยุสื่อสารสั่ง “เสี่ยอ๋า...ปิดเกมได้เลย!”

ooooooo

พักตรายังมุ่งมั่นทุ่มเทเวลาให้กับการเตรียมรับลูกในท้อง วันนี้ขณะเธอกำลังดูเสื้อผ้าของใช้ของเล่นสำหรับเด็กที่ซื้อมาอยู่ในห้องนอนนั้น อรรถก้าวเข้ามาช้าๆ

พักตราถามว่าเสื้อผ้าเด็กชุดไหนสวยกว่ากัน อรรถถามว่าไม่เร็วไปหน่อยหรือ กว่าจะถึงวันนั้นมันจะมีรุ่นใหม่ๆออกมาให้เลือกเยอะกว่านี้ พักตราบอกว่าอาจจะไม่สวยเท่านี้หรือถ้าสวยกว่าก็ซื้อเพิ่มอีกได้ไม่มีปัญหา

อรรถตัดสินใจที่จะทำสิ่งสำคัญ เขาเข้าไปนั่งใกล้ๆ ถามอย่างอ่อนโยน

“พักตร์...ลูกรู้ใช่ไหมว่า ลูกคือหัวใจของพ่อ... ความปรารถนาเดียวของพ่อคือต้องการให้ลูกมีความสุขที่สุด”

“พักตร์กำลังมีความสุขที่สุดในชีวิตค่ะพ่อ”

อรรถถามว่าแน่ใจนะ พอเธอตอบ “ค่ะ” เท่านั้น อรรถสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนพูดสิ่งสำคัญที่ต้องทำ

“งั้นพ่อขอโทษนะ พ่อจำเป็นต้องทำ...ทำทุกอย่าง... เพื่อลูก...” อรรถหันไปพยักหน้าให้สัญญาณทางหน้าห้อง ทันใดนั้นชายร่างใหญ่แต่งตัวดีสามคนก็พุ่งเข้ามาในห้อง จับพักตรามัดทันที เธอตกใจร้องลั่นถามว่าพ่อทำอะไรตน ทำไมทำอย่างนี้ อรรถไม่ตอบแต่บอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ไปกับพ่อนะลูก...”

ชายร่างใหญ่อุ้มพักตราออกไป เธอทั้งดิ้นทั้งร้องตะโกนให้ปล่อยไปตลอดทาง จนเมื่อไปถึงคลินิกประจำ เธอก็ยังอาละวาด กรีดร้อง ตะโกนไม่หยุด

เธอถูกจับมัดไว้บนเตียงราวกับคนไข้วิกฤติแล้วเข็นไปยังห้องแพทย์ หมอคนเดิมเข้ามาคุยกับอรรถว่า

“หมอจะส่งจิตแพทย์เข้าไปคุยกับคุณพักตราก่อนนะคะ เราจำเป็นต้องรอให้แกสงบลงก่อน แล้วค่อยดำเนินการขั้นต่อไป” อรรถติงว่ามันจะช้าไปไหม “เรารวบรัดเดี๋ยวนี้เลย หมอเกรงว่าจะมีผลกับสภาพจิตใจหนักขึ้นไปอีก ให้จิตแพทย์ได้ทำหน้าที่ก่อนดีกว่าค่ะ”

อรรถฝากฝังด้วยความเป็นห่วงว่า ชีวิตลูกสาวตนอยู่ในมือหมอ หวังว่าหมอจะดูแลเธอให้ปลอดภัย หมอพูดตามประสบการณ์ว่าถ้าพักตราจะไม่หนีไปอีก อรรถบอกว่าตนสั่งคนให้เฝ้าห้องแบบไม่กะพริบตาเลย สภาพของพักตรานาทีนี้คือ เธอถูกมัดไว้กับเตียงแน่นหนาจนทำได้แค่ลืมตาจ้องเพดานนิ่ง มีลูกน้องอรรถสามคนยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องอย่างระแวดระวัง

พักตราอาละวาดทั้งดิ้นทั้งด่าทั้งขู่จนเสียงแหบแห้ง พอดีจิตแพทย์เดินเข้ามาแนะนำตัวเองว่าชื่อจิตแพทย์ชมเนตร

“ออกไป! ฉันไม่ต้องการจิตแพทย์ ฉันไม่ได้บ้า!” จิตแพทย์บอกว่าไม่มีใครว่าเธออย่างนั้น ตนแค่ขอมาคุยด้วยเท่านั้น “ฉันไม่คุย ออกไป ออกไปให้หมด!”

“คุณพักตราคะ ดิฉันก็เป็นแม่ลูกอ่อนนะคะ และก็เคยท้องนอกมดลูกแบบเดียวกับคุณพักตรานี่แหละค่ะ ไม่อยากฟังประสบการณ์ของดิฉันเหรอคะ มันอาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของคุณก็ได้นะคะ”

ฟังจิตแพทย์ชมเนตรแล้ว พักตราค่อยสงบลงและมีท่าทีจะฟังหมอมากขึ้น

ooooooo

ที่เซฟเฮาส์เสี่ยอ๋า...ธาดาหายชักแล้ว แต่ยังนั่งที่เดิมด้วยเครื่องพันธนาการที่ผ่อนคลายลง

ชุมสายกับคิมหันต์อยู่ในห้องลับ ชุมสายถาม คิมหันต์ว่ามันคุ้มหรือที่เขาจะลงทุนทำถึงขนาดนี้ คิมหันต์ยังคงตอบอย่างเลือดเย็นว่า “เดี๋ยวก็รู้ ฉากสุดท้ายของมันแล้ว”

แล้วจอทีวีทุกเครื่องก็สว่างขึ้นพร้อมกัน เป็นภาพมุกรินนั่งฟุบหลับอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ แล้วประตูท้ายตู้คอนเทนเนอร์ก็เปิด แสงสว่างจากภายนอกสาดเข้ามากระทบร่างมุกริน เธอค่อยๆหรี่ตาสู้แสงด้วยท่าทางหวาดกลัว ถามชายหุ่นล่ำที่เดินคุกคามเข้ามาว่าจะทำอะไรตน มันบอกว่าไม่ต้องตกใจ เราจะใช้เวลาเธอไม่นานนัก รับรอง

ธาดาจ้องเขม็งที่จอทีวี เห็นมุกรินถูกจับมัดตามัดปากไว้ ธาดาตะโกนลั่น

“หยุดนะ...หยุดเดี๋ยวนี้ หยุด...อย่าทำอะไรน้องสาวฉัน”

พวกชายฉกรรจ์เตรียมบ่วงมาผูกห้อยไว้กับขื่อ ธาดาตาเหลือกรู้ทันทีว่าพวกมันจะทำอะไรมุกริน!

เสี่ยอ๋าเริ่มสงครามประสาทกับธาดาใหม่ บอกเขาว่าเดาได้หรือยังว่าตนจะทำอะไรกับน้องสาวเขา บอกว่าทีแรกก็คิดว่าจะเอาไปเป็นเมีย แต่เพิ่งเปลี่ยนใจเมื่อครึ่งชั่วโมงมานี่เอง ธาดาตะโกนว่าไม่จริง เชื่อว่าเขาจะทำกับน้องสาวตนไม่ได้

“ทำไมจะไม่ได้...ผมกำลังจะทำให้ดูอยู่นี่ไง” เสี่ยอ๋ายิ้มเลือดเย็น แล้วบอกให้ธาดาดูวินาทีสำคัญให้ดี ธาดาตะโกนว่าตนยอมแล้ว ยอมพูดแล้ว เสี่ยย้ำว่า ความจริงทั้งหมดนะ ธาดาต่อรองให้ปล่อยน้องสาวตนก่อนได้ไหม

เสี่ยบอกว่ารอฟังคำตอบของเขาก่อน ธาดาบอกว่าตนจะพูดเท่าที่พูดได้ เสี่ยบอกว่าถ้าอย่างนั้นตนไม่รอ สั่งลูกน้อง

“เช็กเอาต์”

พริบตานั้นร่างมุกรินก็ถูกผูกคอแขวนแกว่งไปมา ธาดาร้องลั่น ชุมสายเองก็ทนไม่ได้ร้องเรียก “ไอ้คิม!”

การต่อรองเดิมพันด้วยชีวิตของมุกริน วินาทีต่อวินาที!

ธาดายังยืนกรานว่าจะพูดเท่าที่พูดได้ แต่เสี่ยอ๋าต้องการให้พูดความจริงทั้งหมด ธาดาน้ำตาทะลักออกมากับภาพที่มุกรินถูกแขวนคอห้อยต่องแต่ง ในที่สุดเขาตะโกนสุดเสียง

“ผมยอมแล้ว! ผมจะพูดทั้งหมดทุกอย่าง หมดทุกอย่างจริงๆ ผมฆ่าวิมลรัตน์ ผมฆ่าเธอด้วยมือของผมเอง ผมอยากจะฆ่าเธอมานานแล้ว ผมเกลียดเธอ! เกลียดเธอ!! เกลียดเธอ!!!”

ภาพมุกรินถูกแขวนคอหายไปจากจอทีวีทุกจอ กลายเป็นหน้าธาดาแทน เขาพูดด้วยใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาจากภาพมุกรินถูกแขวนคอและความแค้นที่ปะทุจากอก...

“ผมพยายามมาหลายครั้งแล้ว...แต่ไม่สำเร็จ ที่ไม่สำเร็จเพราะใจผมเอง ใจผมยังไม่กล้าพอ จนกระทั่งวันนั้นวิมลรัตน์เมา ผมขอยืมเงินเขา แต่เขาไม่ให้ เราก็เลยทะเลาะกัน ด่ากันรุนแรงกว่าทุกครั้ง เธอตบหน้าผม...

ผมก็ตบหน้าเขา...” ธาดานิ่งไป เสี่ยอ๋าเร่งให้เล่าต่อ เขาไม่เล่าแต่ถามว่า “มุกล่ะ...บอกมาก่อนว่ามุกเป็นยังไง”

เสี่ยตะคอกว่าบอกแล้วว่ายังไม่ตาย ธาดาขอเห็นหน้าน้องก่อน จอทีวีทุกจอกลายเป็นภาพลูกน้องเสี่ยอ๋ากำลังประคองมุกรินให้ยืนขึ้น ธาดาขอพูดกับน้องหน่อย คิมหันต์ที่ดูอยู่ในห้องลับ พูดกับจอทีวีเบื้องหน้าตนว่า

“ไม่มีทาง จนกว่ามึงจะสารภาพเรื่องทั้งหมด” เสี่ยอ๋าก็พูดซ้ำในประโยคเดียวกัน ธาดาจึงเล่าต่อไปว่า

“วิมลรัตน์ยกปืนขู่ผม...ผมขอร้องให้เธอวางปืนลง แต่เธอไม่ยอม กลับเล็งปืนมาที่ผม ผมยกมือไหว้อ้อนวอนเธอแล้ว แต่เธอไม่สน...เธอยิงปืนใส่ผม 5 นัด”

“ไม่จริง!” คิมหันต์ตะโกน

“ถ้ามลไม่เอาปืนมายิงผม มันก็จะไม่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้”

“แม่งโกหก!!” คิมหันต์จะวิ่งออกไป ถูกชุมสายร้องห้ามและรั้งไว้ ส่วนธาดาจ้องจอทีวีเขม็งพูดกับคิมหันต์ว่า

“ฟังให้ดีนะคิมหันต์ พี่สาวแกจะไม่มีวันตายถ้าฉันไม่จวนตัว ฉันจำเป็นต้องป้องกันตัว พี่สาวแกยิงปืนใส่ฉัน พี่สาวแกตั้งใจจะฆ่าฉัน พี่สาวแกมีชู้...”

คิมหันต์ตะโกนด่าแล้วพุ่งออกจากห้องไปทันทีจนชุมสายรั้งไว้ไม่ทัน

คิมหันต์พุ่งทะยานไปที่ห้องโถง หยิบรีโมตกดปิดการทำงานของกล้องทุกตัว ธาดาเงยหน้าขึ้นพูดอย่างรู้ทันว่านึกแล้วว่าต้องเป็นเขา คิมหันต์ย้ำว่าถ้าอย่างนั้นก็ต้องรู้ว่าตนต้องการอะไร พอธาดาบอกว่าตนพูดความจริงหมดแล้ว ก็ถูกคิมหันต์ชกหน้าจนเลือดกบปาก บอกว่าตนต้องการความจริงไม่ใช่ความจริงที่เขาแต่งขึ้น

“มันก็ความจริงอันเดียวกันนั่นแหละ...ไอ้คิม แกไม่เคยรู้ว่าวิมลรัตน์มีชู้มาแล้วกี่คน”

คิมหันต์ปลดเชือกที่มัดธาดาออก แล้วกดรีโมตเปิดกล้องทุกตัวอีกครั้ง หยิบวิทยุสื่อสารสั่ง

“เสี่ยอ๋า... ผมจะนับถอยหลัง 10 วินาที ถ้ามันยังโกหกอยู่ ก็จัดการได้เลย” แล้วคิมหันต์ก็เริ่มนับถอยหลัง

พอคิมหันต์นับสิบ ธาดาก็บอกว่า “วิมลรัตน์มีชู้จริงๆ แกต้องเชื่อฉัน” คิมหันต์นับเก้า ธาดาก็ยังพูดว่า “แต่ฉันไม่โกรธเพราะฉันก็มี” คิมหันต์นับแปด “ฉันไม่ เคยคิดว่าจะมีวันที่ฉันกล้าฆ่าวิมลรัตน์” คิมหันต์นับเจ็ด “แต่เพราะมลยิงปืนใส่ฉัน มันก็เลยทำให้ฉันมีความกล้าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน”

“หก!” คิมหันต์นับแทบเป็นตะโกน “ฉันบีบคอเขาจริง เขาดิ้น หนีไปถึงห้องน้ำ ฉันจับหัวเขากระแทกพื้นอย่างแรง ทีเดียวเท่านั้น ไม่น่าเชื่อ ทีเดียวเท่านั้น...มลก็นิ่งไป”

คิมหันต์จองหน้าธาดาเขม็ง ธาดาเล่าต่อไปอย่างไม่สนใจการนับถอยหลัง...

“ฉันยืนมองศพวิมลรัตน์อย่างมีความสุข ฉันหัวเราะกับสิ่งที่ฉันทำลงไป ฉันอยากทำอย่างนี้มานาน แสนนาน...ในที่สุดฉันก็ทำมันสำเร็จ...หลังจากนั้น แผนการที่เคยคิดไว้นานมาแล้ว ก็ถูกนำกลับมาใช้ได้ทันเวลา ฉันโทร.หาไอ้ขุม เรียกมันมาช่วยเคลียร์สภาพห้อง กลบเกลื่อนร่องรอย และก็ให้มันฝังตัวอยู่ในนี้รอรับโทรศัพท์จากฉัน ไอ้ขุมทำตามที่ฉันบอกครบทุกอย่าง เหมือนที่มันสารภาพนั่นแหละ...”

ชุมสายกับเสียอ๋าฟังคำสารภาพของธาดาอยู่ในห้องลับ...

เล่าจบแล้ว ธาดาถอนหายใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก หันไปจ้องหน้าคิมหันต์บอกว่ามุกรินไม่รู้เรื่องด้วย เธอคือผู้บริสุทธิ์ที่ถูกตนหลอกใช้ คิมหันต์กดรีโมตปิดกล้องทุกตัว ยิ้มอย่างสะใจขณะบอกว่า

“คลิปคำสารภาพของแกจะถูกเปิดเผยโดยเร็วที่สุด จากนั้นความแค้นระหว่างแกกับฉันก็จะได้จบลงเสียที ชะตากรรมของแกจะเป็นอย่างไรต่อไปฉันไม่สนใจและไม่คิดจะเกี่ยวข้องด้วย”

ธาดาถามถึงมุกริน คิมหันต์บอกว่าเธอจะได้ดูคลิปนี้ก่อนใครทั้งหมด ธาดาถามว่าเขาจะไม่ทำร้าย มุกรินใช่ไหม

“ฉันจะไม่ทำกับมุกรินเหมือนที่แกทำกับพี่มลหรอก” คิมหันต์พูดแล้วบอกเสี่ยอ๋าให้ปล่อยเธอได้

พอลูกน้องเสี่ยปล่อยมุกรินประคองเธอออกมา ปรากฏว่าไม่ใช่มุกริน เธอเป็นตัวปลอม! ธาดามองตะลึงงัน

“ฉันไม่มีวันทำร้ายคนที่ฉันรักหรอก ไม่แม้แต่จะคิด” ธาดารู้ว่าถูกหลอก คิมหันต์พูดอย่างสะใจว่า

“ช่วยไม่ได้ แกมันโง่เอง”

ooooooo


ที่มาไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น