วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร รอยรักแรงแค้น ตอนที่ 10


ชุมสายยังคุยโทรศัพท์กับมุกรินอยู่อย่างร้อนใจ เขาบอกเธอว่า ตนเข้าไปดูในไอจีของพักตรา มีรูปบางอย่างที่น่าจะตอบคำถามได้ว่าตอนนี้คิมหันต์อยู่ที่ไหน

มุกรินนิ่ง เครียด ชุมสายเสนอว่าถ้าเธอพร้อมจะรับรู้ก็เข้าไปดูได้เลย รูปเพิ่งอัพโหลดเมื่อสิบห้านาทีแล้วนี่เอง

เมื่อมุกรินเข้าไปดูในไอจีของพักตรา ปรากฏรูปถ่าย “คิมหันต์-พักตรา” ในชุดเจ้าบ่าว เจ้าสาว มันถูกแชร์และส่งต่อไปทั่วสังคมออนไลน์แล้ว! มุกรินเปิดดูภาพเหล่านั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่น้ำตาไหลอาบแก้ม ขณะนั้นเองถวิลถือโทรศัพท์เข้ามาบอกว่าคิมหันต์โทร.มา เธอรับโทรศัพท์ไปถือไว้ นิ่งอยู่นานจึงเอ่ยถาม

“คิมจะแก้ตัวยังไงกับมุกอีก คราวนี้...มุกเห็นรูปหมดแล้ว”

“ผม...ผม...” คิมหันต์พูดได้แค่นั้น...

“ดีใจด้วยนะคิม สวย หล่อด้วยกันทั้งคู่ ขอให้มีความสุขในชีวิตแต่งงานนะคิม และหวังว่าเราจะไม่ต้องเจอกันอีก ตลอดไป...”

“ผม...ผมขอโทษ...” คิมหันต์เอ่ยได้แค่นั้นแล้วปิดโทรศัพท์ทันที มุกรินน้ำตาไหลพราก เธอค่อยๆถอดแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายวงนั้นออก แล้วทิ้งตัวลงนั่งร้องไห้... ร้องอย่างหนัก ให้สาสมกับความเจ็บปวดสาหัสที่บาดลึกในชีวิต อย่างโดดเดี่ยว และวังเวง

ฝ่ายคิมหันต์ถูกพาตัวไปจดทะเบียนสมรสกับพักตรา พักตราโอบกอดเขาอย่างมีความสุขที่สุดในชีวิต...

ขณะเดียวกัน... มุกรินขับรถออกจากบ้านคิมหันต์ไปอย่างเหม่อลอย น้ำตายังคงไหลเป็นสายอย่างไม่อาจหยุดได้...

ooooooo

กลับถึงบ้านแล้ว มุกรินนั่งซึมเศร้าน้ำตาไหลไม่หยุด จนดวงดาวเข้ามาถามว่าอยากทำอะไรมากกว่าร้องไห้ไหม หรืออยากเมาแบบคนรุ่นเก่าๆ เขาชอบทำกัน แต่คงไม่ถึงกับอยากฆ่าตัวตายนะ

มุกรินไม่ตอบคำถามใดๆ พูดลอยๆว่า “เขาแต่งงานแล้ว” ดวงดาวบอกว่าก็แค่ภาพโฆษณาชวนเชื่อ “จดทะเบียนสมรสกันด้วย” จดได้ก็หย่าได้ “ฉันรู้ลึกว่าตัวเองไร้ค่า ปัญญาอ่อน” ดวงดาวเตือนว่าพูดจาให้เป็นมงคลกับชีวิตดีกว่า

“ฉันกับเขาควรจะจบกันไปตั้งแต่วันที่เขาประกาศถอนหมั้นฉันแล้ว ฉันไม่ควรเลยเถิดจนต้องมาอยู่ในสภาพเป็นเมียน้อย เมียเก็บ แล้วสุดท้ายก็เป็นเมียที่ถูกทิ้ง” ดวงดาวถามว่ายอมรับอย่างสิ้นเชิงแล้วหรือ “ฉันยอมรับความจริง ควรจะเลิกหลอกตัวเองเสียที”

“เธอรู้ได้ยังไงว่าคู่โน้นเขาไม่ได้หลอกตัวเอง” มุกรินนิ่ง “หัวใจเป็นสิ่งเดียวที่หลอกกันไม่ได้ เราสองคนต่างกันตรงที่ ฉันเคารพหัวใจและไม่แคร์กับคำว่าเมียน้อย” พูดทิ้งไว้ให้คิดแล้วดวงดาวเดินออกไป มุกรินหยิบมือถือขึ้นโทร.หาปรารภเอ่ยเสียงสั่นเครือ ขอให้เขามาหาตนหน่อยได้ไหม

ooooooo

ส่งตัวเข้าห้องหอกันแล้ว พักตราถามคิมหันต์ที่นอนซึมอยู่บนเตียงว่า เขาพูดอะไรกับคุณพ่อก่อนที่เราจะจดทะเบียนสมรสกัน เล่าให้ฟังได้ไหม

“ผมกลัวว่าคุณจะไม่มีความสุขเมื่ออยู่กับผม” คิมหันต์นอนนิ่งพูดด้วยสีหน้าเลื่อนลอย พักตราบอกว่าตนมีความสุขมาก “มันเป็นภาพลวงตา แล้ววันนึงคุณจะรู้ว่าผมคือต้นเหตุแห่งความทุกข์ครั้งใหญ่ในชีวิตของคุณ”

พักตราสวนทันทีว่าไม่มีทาง ตนมีความสุข เขาก็ต้องมีความสุขที่สุดพร้อมๆกับตน ถ้าไม่เชื่อตนจะทำให้ดู แล้วเธอก็เล้าโลมเขาอย่างสุดกระสัน จู่ๆเธอก็กรีดร้องสุดเสียงเมื่อเธอเงยหน้าจากหน้าอกคิมหันต์ ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยเลือด!

พักตรารีบโทรศัพท์บอกอรรถว่าเลือดคิมหันต์ไหลออกมาอีกแล้ว เธอหันมองเขาที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง เห็นเลือดไหลชุ่มผ้าพันแผลออกมา

เมื่อพาคิมหันต์กลับไปที่โรงพยาบาล หมอตรวจแล้วเอ่ยกับอรรถอย่างสุภาพว่า

“ด้วยความเคารพนะครับท่าน ผมต้องขออนุญาตตำหนิท่านในเรื่องการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์” อรรถอนุญาตให้ตำหนิตนแต่ถ้าไม่ใช่เพื่อความสุขทางใจอย่างนี้ตนจะไม่ยอมเสี่ยงเด็ดขาด “มันจะเสี่ยงน้อยลงครับถ้าบอกให้หมอทราบก่อน เราจะได้ส่งคนตามไปดูแลใกล้ๆได้”

แต่สองพ่อลูกไม่ได้ทุกข์ร้อนกับเรื่องที่เกิดขึ้น พักตราพูดอย่างมีความสุขว่าถ้ามีงานตื่นเต้นอย่างนี้อีกตนจะแจกการ์ดเชิญคุณหมอเป็นคนแรกเลย คิมหันต์ถามหมอว่าตนยังต้องนอนโรงพยาบาลอยู่หรือเปล่า

“เพื่อความมั่นใจ หมอจะขอดูอาการที่นี่สักสองคืนแล้วกันครับ ถ้าแผลแห้งสนิทดี ไม่อักเสบก็กลับบ้านได้ แต่สองวันนี้ห้ามแว่บไปไหนอีกนะครับ”

“ขอรับรองด้วยเกียรติของนายพลครับ” อรรถตอบแทนเป็นการกระหนาบคิมหันต์ในที หมอจึงขอล้างแผลให้ก่อน ส่วนพักตราก็ไปดูห้องพักใหม่ให้คิมหันต์แล้วค่ำๆจะกลับไปเอาเสื้อผ้ามาเฝ้า

ooooooo

ดวงดาวจะออกข้างนอก เธอถามมุกรินว่าอยากได้อะไรไหม เห็นในห้องเงียบ ผลักประตูเข้าไป พบแต่ความว่างเปล่า มุกรินหายไปแล้ว!

พักตราออกมาถึงหน้าห้องฉุกเฉินก็ได้รับโทรศัพท์จากดวงดาว แต่โทรศัพท์ของคิมหันต์อยู่กับเธอ พอกดรับพักตราทักอย่างเย้ยหยันว่า นึกว่าใคร...

ดวงดาวบอกว่าตนมั่นใจว่าไม่ได้โทร.ถึงเธอ พักตราพูดอย่างมีความสุขว่าสามีภรรยากันก็เหมือนคนคนเดียวกันอยู่แล้ว ถูกดวงดาวสวนว่าถ้าแต่งงานกันด้วยความรักตนเชื่อเช่นนั้น แต่ถ้าแต่งกันเพราะถูกอิทธิพลบังคับ มันไม่มีทางเป็นคนคนเดียวกันได้หรอก!

ดวงดาวเดินมาพลางโทร.หาชุมสายเพื่อให้เขาบอกคิมหันต์ด้วยว่ามุกรินหายไป ให้บอกด้วยว่า

“ถ้ายังรักมุกรินอยู่ก็รีบตามหาเธอให้เจอ เพราะยายมุกหายไปครั้งนี้ ท่าจะยาว”

ธาดาออกมายืนข้างหลังดวงดาวเขาได้ยินประโยคนี้ถึงกับหน้าเครียดทันที

ชุมสายถามดวงดาวว่าทำไมไม่บอกพี่ชายเขาล่ะ ดวงดาวบอกว่าตนคงคิดถึงเพื่อนเขามากกว่าพี่ชายมุกรินกระมัง

“มุกหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่” ธาดาถามเสียงดัง “แล้วดาวพูดโทรศัพท์กับใคร? ใครที่ดาวคิดถึงมากกว่าอา!”

ดวงดาวบอกว่าตนก็พูดไปอย่างนั้นเองเพราะกำลังเครียด ธาดาไม่ยอมย้ำถามว่าปลายสายเป็นใครผู้หญิงหรือผู้ชาย แล้วพาลหาว่าตนให้เธอดูแลมุกริน

แต่เธอมัวคิดถึงไอ้คนที่อยู่ในสายนั่นจนมุกรินหนีไปจากบ้านได้ไง

ธาดาเกรี้ยวกราดกับดวงดาวถามว่า ปลายสาย

เมื่อกี๊คือคิมหันต์ใช่ไหม เขาโกรธจนเริ่มยืนโงนเงนเหมือนจะล้ม ดวงดาวตกใจรีบประคองถามว่าอาเป็นอะไร เขาสะบัดออกบอกว่าไม่เป็นอะไรแล้วเดินออกไป

ดวงดาวถามว่าจะไปไหน เขาบอกว่าจะไปตามหามุกริน ดวงดาวจะไปด้วยก็ถูกตวาดว่าไม่ต้อง ให้อยู่ที่บ้านและถ้ามุกรินกลับมาให้โทร.บอกด้วย

ooooooo

ธาดาไปที่โรงพยาบาลเพื่อดูผลซีทีสแกนเมื่อสองสามวันก่อน หมอถามเขาว่าช่วงนี้มีอาการผิดปกติอะไรบ้างไหม ธาดาอึกอัก หมอย้ำว่า อาการที่ทำให้ เขากลับมาหาหมอน่ะ?

“อยู่ๆก็ปวดหัว มือสั่น ตาพร่า มองอะไรไม่ชัด ผมอยากรู้ว่าผมเป็นอะไร”

“คุณพร้อมที่จะฟังหมอไหมล่ะครับ คุณธาดา” หมอถามมองหน้าอย่างวัดใจ

จู่ๆบ่ายนี้ชุมสายก็ไปหาคิมหันต์ที่โรงพยาบาล เขาถามว่ารู้ได้ยังไงว่าตนอยู่ที่นี่ ชุมสายมองไปที่พักตราเธอบอกว่าเพราะเพื่อนเขาโทร.ตามหาไปทั่วตนเกรงจะมีเรื่องสำคัญกันจึงบอกไป ชุมสายต่อว่าคิมหันต์ ว่าแต่งงานทั้งทีทำไมไม่บอกเพื่อนเลย คิมหันต์ตอบกวนๆเซ็งๆ ว่าเพราะตนเป็นเจ้าบ่าวที่ไม่มีเพื่อนแม้แต่คนเดียว

พักตราออกไปสั่งกาแฟให้ บอกชุมสายว่าให้เวลา ไม่เกินสิบห้านาทีตนจะกลับมา แล้วจะฟังจากคิมหันต์ว่าคุยอะไรกันบ้าง พอพักตราออกไป คิมหันต์เร่งให้ชุมสายรีบว่า มาหาตนเรื่องอะไร

“มุกรินหายตัวไป...ดวงดาวบอกว่าครั้งนี้คงไป จริงๆ... ไปแล้วไม่กลับมาง่ายๆ” คิมหันต์ถามว่าเธอไปไหน “ไม่มีใครรู้ถามจริงๆนะ แกนึกห่วงคุณมุกบ้างไหม” คิมหันต์นิ่งเงียบ “ฉันชักจะเชื่อแล้วว่า คุณมุกโชคดีที่ได้หลุดพ้นจากคนอย่างแกเสียทีไอ้คิม”

เมื่อชุมสายกลับไปแล้ว คิมหันต์โทร.หาดวงดาว ถามว่ามุกรินอยู่ไหน ดวงดาวตอบกวนๆตามประสาว่า

“ฉันควรจะเป็นคนถามคุณมากกว่า เพราะทุกทีที่มุกหายไปก็มีแต่ไปอยู่กับคุณนั่นแหละ พ่อรูปหล่อ” คิมหันต์บอกว่าเธอไม่ได้อยู่กับตน “ฉันถึงเชื่อว่าคราวนี้เรื่องใหญ่ไง แหม...เล่นนัดให้เขาไปรอแล้วหนีไปแต่งงานอย่างนี้ ใครจะทำใจได้”

คิมหันต์ตัดบทว่ารู้ไหมว่าจะตามหามุกรินได้ที่ไหน ดวงดาวย้อนว่าตอบให้ชื่นใจหน่อยได้ไหมว่าจะตามหามุกรินเพื่ออะไร คิมหันต์เร่งให้รีบบอก ดวงดาวเดาได้ถามว่า เมียกำลังมาหรือ พอเขาบอกว่าใช่ เธอบอกว่า

“คำตอบก็คือ ไม่รู้ แต่อะไรบางอย่างบอกให้ฉันรู้ว่า คุณกำลังจะเสียเธอไป เสียดายไหมล่ะ...ช่วยไม่ได้ อยากใจคอโลเลดีนักนี่” คิมหันต์ถามว่าธาดารู้ไหมว่ามุกรินหายไป “รู้...นี่ก็ออกไปตระเวนตามหาน้องสาวอยู่ข้างนอกตามที่ที่เขาคิดว่าคุณอยู่ มั่นใจว่าตอนนี้กำลังพุ่งไปหาคุณ”

ธาดาไปที่บ้านพักตรา ถามว่าคิมหันต์อยู่ไหน พักตราตวาดว่า “ไม่บอก!” แล้วถามเย้ยว่า “ฉันขอเดาว่า แกกำลังตามหาน้องสาวอยู่ใช่ไหม ยัยน้องสาวตัวดีของแกนี่ชอบหนีออกจากบ้านจริงๆเลยนะ”

ธาดาบอกว่าเพราะคู่หมั้นของเธอนั่นแหละ พักตราสวนทันควันว่า สามี เพราะเราจดทะเบียนสมรสกันแล้ว

“ดี!”

“แน่นอน เพราะฉะนั้น ถ้ายายมุกรินหายตัวไปก็กรุณาไปตามหาที่อื่น ไม่ใช่เอะอะก็จะเหมาว่ามาอยู่กับผัวฉันตลอด อย่างนี้มันก็เกินไป...หัดคิดอย่างอื่นเสียบ้างหรือว่าไม่มีสมองจะคิด มะเร็งกินกบาลรึไง”

ธาดานิ่ง เครียด เส้นเลือดที่หัวบวมเป่ง ในขณะที่พักตราตะโกนสั่งคนใช้ให้ปิดประตูรั้ว!

ooooooo

ธาดาเครียดจัด ระหว่างขับรถกลับไป เขาคิดถึงผลการทำซีทีสแกนที่หมอแจ้งเมื่อตอนบ่ายอย่างเครียดจัด

หมอแจ้งว่า ผลการทำซีทีสแกนว่าพบก้อนเนื้อบริเวณสมองส่วนหน้า แต่ยังไม่ชัดเจนพอที่จะบอกได้ว่าเป็นเนื้อร้ายหรือไม่ ต้องตัดชิ้นเนื้อไปตรวจเพิ่มเพื่อจะได้วางแผนการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป ถ้าเป็นเนื้อร้ายก็ต้องผ่าตัดออกควบคุมการกระจายด้วยการฉายรังสี และเคมีบำบัด ธาดาถามอย่างกังวลว่าแล้วมันจะหายไหม?

“หมอคงต้องพูดกับคุณตรงๆนะคุณธาดา มะเร็งสมองมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำค่อนข้างสูง หมอบางคนอาจใช้คำว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ”

คิดถึงอาการป่วยของตนแล้ว ธาดายิ่งเครียดโทร. หามุกรินอีกได้รับแต่เสียงปลายสายให้ฝากข้อความ เขา พึมพำเสียงเครือ...

“มุก...กลับบ้านเถอะ พี่มีเวลาเหลือไม่มากนัก... กลับมาหาพี่เถอะนะ มุก...”

ooooooo

ไม่มีใครที่จะตามหามุกรินได้เจอ เพราะปรารภพาเธอไปพักที่บ้านสวนของเขามีน้าแป๋วแม่บ้านที่ปรารภบอกว่าเป็นคนเก่าแก่ที่ตนถือเสมือนแม่คนหนึ่งอยู่คอยดูแล

มุกรินเห็นรูปเด็กชายน่ารักสองคนกอดกันกลมกับผู้เป็นแม่ใส่กรอบวางไว้บนหลังตู้ อีกภาพมีปรารภร่วมกอดอยู่ด้วย พอค่ำๆเขาโทร.มาถามว่าอยู่ได้ไหม นัดพรุ่งนี้จะแวะไปหา และจะพาทโมนสองตัวไปให้ดูด้วย เอ่ยกู๊ดไนท์แล้ววางสาย

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น มุกรินยังไม่ตื่นก็ได้ยินเสียงเคาะประตูที่หน้าห้อง พอเปิดประตูเธอเห็นเด็กชายวัยน่ารักสองคนยืนอยู่ จำได้ว่าคือเด็กสองคนในรูปถ่ายนั่นเอง

ทั้งสองแนะนำตัวอย่างน่ารัก คนโตบอกว่าตนชื่อโจ๊ก คนเล็กบอกว่าตนชื่อ แจ็ค แล้วโจ๊กก็พูดจ๋อยๆว่าพ่อให้มาตามไปกินข้าว แจ็คพูดต่อว่า “คุณมีเวลาสามสิบนาที เพราะวันนี้พ่อสัญญาว่าจะพาเราไปเขาใหญ่”

โจ๊กอวดว่าพ่อจะพาไปดูช้าง แจ๊คแย้งว่าไปดูกวาง สองพี่น้องโต้กันอย่างน่ารัก แจ็คบอกว่า ช้างขี้อายไม่ยอมให้ใครดู เดี๋ยวมันเหยียบรถเรา ดูกวางดีกว่า โจ๊กหยอกน้องว่าไม่ให้ดูช้างงั้นดูแจ็คก็ได้หุ่นเหมือนช้างเลย แล้ววิ่งไล่กันไปอย่างร่าเริง

มุกรินยิ้มสดใสกับความน่ารักของโจ๊กและแจ็ค...

ooooooo

หมอมาตรวจแผลของคิมหันต์แล้วแจ้งว่า แผลแห้งดีขึ้นมากแล้ว ไม่มีอาการบวม อักเสบแล้วพรุ่งนี้ก็น่าจะกลับบ้านได้ แต่ให้ระวังอย่าทำอะไรที่ กระทบกระเทือนบริเวณรอบๆแผลเท่านั้นเอง

พักตราดีใจ ชวนคิมหันต์ถ่ายรูปบอกให้เขายิ้มเพื่อจะได้ให้ใครๆเห็นว่าถึงจะอยู่โรงพยาบาลก็ยังมีความสุข คิมหันต์จึงขอยืมโทรศัพท์โทร.หาชุมสายบอกว่าจะถามเรื่องฟ้องอุทธรณ์ พักตราจึงยอมให้ใช้

พอคิมหันต์โทร.ไป ชุมสายสาธยายการยื่นฟ้องอุทธรณ์ยาวเหยียดแล้วเดาใจว่า

“ฉันว่าที่แกโทร.มาเนี่ย แกไม่ได้อยากรู้เรื่องนี้หรอก” คิมหันต์ตอบสั้นๆว่าใช่เพราะพักตรานั่งปอกผลไม้อยู่ใกล้ๆ

“เข้าใจ...ถ้าได้ความยังไงรีบส่งข่าวเลยนะเพื่อน”

ชุมสายรับคำบอกว่าตอนนี้คนที่อยากรู้เรื่องเหมือนเขามารอตนอยู่ที่นี่แล้ว เขามองไปทางธาดาที่นั่งรออยู่ในห้องรับรองชั้นล่าง คิมหันต์บอกให้เร่งมือหน่อยแล้ววางสาย พักตราถามว่ามีอะไรน่ากังวลไหม

“ไม่มี...ผมมั่นใจในตัวไอ้ขุม” คิมหันต์ตอบสั้นๆ ตัดปัญหา

ooooooo

วางสายจากคิมหันต์แล้ว ชุมสายลงไปหาธาดา ทำทีคิดว่าเขามาปรึกษาเรื่องคดีความ ธาดาตัดบทว่า

“ฉันมาหาเพื่อนนาย ฉันอยากรู้ว่าน้องสาวฉัน อยู่ไหน ไอ้คิมหันต์มันเป็นตัวการใช่ไหม มันเอาตัวมุกไปแอบไว้ใช่ไหม บอกมาเดี๋ยวนี้” ธาดากระชากคอเสื้อชุมสายไปตะคอก

“อยากโดนฟ้องอีกคดีรึไง” ชุมสายถามพลางแกะมือธาดาออกจากคอเสื้อ “น้องสาวคุณไม่ใช่เด็กๆแล้วนะครับ...ถึงไอ้คิมหันต์มันจะทำอย่างนั้น คุณคิดว่าน้องคุณจะยอมให้ฉุดง่ายๆหรือ นอกจากว่าเธอจะสมยอมด้วยเท่านั่นแหละ” ธาดานิ่งไป “เคยลองมองตัวเองบ้างไหมว่าทำอะไรให้น้องสาวผิดหวังบ้างรึเปล่าก่อนที่จะไปโทษคนอื่น”

ธาดาลุกเดินคอตกออกไปจากสำนักงานกฎหมายบูรพาไปอย่างผิดหวัง...

วันนี้ธาดาไปร้านอาหารที่ดวงดาวร้องเพลงตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด ดวงดาวมองเขาอย่างสังเกต ทักว่า

“วันนี้อามาแปลกแฮะ แปลกที่หนึ่ง นี่เป็นเวลาที่อาไม่เคยมา สอง...อาไม่ได้กินเหล้ามา ไม่มีกลิ่นเลยสักนิด แปลกที่สาม อาหน้าเศร้ากว่าทุกครั้ง” ธาดาบอกว่า ตนไม่รู้จะไปไหน ดวงดาวเพิ่มให้ว่า “เป็นความแปลกข้อที่สี่”

“อานั่งรออยู่ตรงนี้นะ เสร็จงานแล้วกลับบ้านพร้อมอาได้ไหม”

“ได้สิ แต่อาต้องทนฟังหนูร้องเพลงสี่รอบเลยนะ กว่าร้านจะปิด” ธาดาบอกว่าไม่มีปัญหา “หรืออาจะขึ้นมาแจมกับหนูบนเวทีก็ได้นะ” ดวงดาวชวนให้เขาผ่อนคลาย แล้วลุกจะขึ้นเวที

“ดาว...จำที่สัญญากับอาไว้ได้ไหม” ธาดาถามดวงดาวหยุดคิดยิ้มน้อยๆก่อนบอกว่าจำไม่ได้ ธาดา ทบทวนให้ฟังว่า “ถ้าดาวจะไปจากอา...รอให้อาตาย ก่อนนะ” ดวงดาวหัวเราะเบาๆแล้วเดินขึ้นเวที

อึดใจเดียวธาดาก็ได้รับโทรศัพท์จากลูกน้องเสี่ยอ๋า เขาตอบเนือยๆว่า

“ไม่ว่าง...บอกเสี่ยอ๋าด้วยว่าวันนี้ฉันยังไม่พร้อม” แล้วกดปุ่มตัดสายทันที เขานั่งเครียด ถอนใจออกมาแรงๆกับปัญหาทุกอย่างที่รุมเร้าเข้ามาอย่างรุนแรง...

ooooooo

มุกรินอยู่ที่บ้านสวนของปรารภ ดูโจ๊กกับแจ๊คเล่นอย่างสนุกสนานประสาเด็ก และปรารภก็ดูแลลูกอย่างดี เธอยิ้มด้วยความรู้สึกดี จนปรารภเอ่ยอย่างสบายใจว่าไม่ได้เห็นเธอยิ้มอย่างนี้มานานแล้ว

มุกรินบอกว่าต้องขอบคุณน้องโจ๊กกับน้องแจ๊ค ปรารภเปรยๆว่าเธอพูดอย่างนี้ทำให้ตนเก็บเอาไปคิดได้ไกลเลย มุกรินตอบอย่างรู้ความหมายว่าอย่าคาดหวังหรือเอาแน่กับตนนักเลย

“พี่รู้จ้ะ พี่ถามจริงๆนะ มุกแน่ใจเหรอว่าวิธีนี้ถูกต้องแล้ว” มุกรินถามว่าวิธีไหนหรือ “ปิดโทรศัพท์ ปิดการสื่อสารทุกทาง ไม่ยอมรับรู้เรื่องราวอะไรทั้งสิ้น ทำไมเราต้องเป็นฝ่ายหนีล่ะ มุก...หนีทั้งๆเราไม่ได้ทำผิด ยายนั่นตั้งใจเย้ยมุก เขาจงใจโพสต์รูปลงไอจีทุกวัน ทำอะไรนิดอะไรหน่อยก็โพสต์ ยิ่งเราหนีเขาก็ยิ่งได้ใจ แล้วอย่างนี้เราไม่ต้องปิดหูปิดตาตัวเองไปทั้งชีวิตหรือ”

“ไม่มีวิธีอื่นดีกว่านี้แล้วค่ะ ถ้ายังรับรู้เรื่องของเขา มุกก็คงตัดใจไม่ได้” ปรารภถามว่าแน่ใจหรือว่าต้องการตัดใจจากเขาจริงๆ? “ค่ะ...และมันต้องเริ่มต้นที่ตัวมุกเอง”

“โอเค...งั้นพี่เอาใจช่วยนะ เดี๋ยวพี่จะไปส่งเจ้าโจ๊กแจ๊คที่บ้านแม่เขา แล้วก็กลับคอนโด ขอถามอีกครั้ง มุกอยู่ได้นะ”

“ค่ะ...ถ้าพี่รภยังยอมให้อยู่”

“พี่อยากให้มุกอยู่ที่นี่ตลอดไปด้วยซ้ำ” ปรารภพูดเรียบๆ แต่แฝงความหมายให้คิด

ooooooo

ร้องเพลงเสร็จ ดวงดาวกับธาดากลับถึงบ้านพัก เธอสังเกตเห็นเขาเซื่องซึมผิดปกติ ถามว่าปวดหัวรึเปล่า เขาบอกว่าไม่ต้องห่วงตนมียาแก้ปวด

“ทำไมอาไม่ยอมไปหาหมอ...ที่ทำสแกนสมองคราวก่อน อาก็ยังไม่ยอมไปฟังผล...งอแงเหมือนเด็กๆ เลยนะอา”

ธาดาไม่ตอบ เขาลุกเดินเข้าห้องนอนไปหงอยๆ ดวงดาวได้แต่มองตามไปด้วยความเป็นห่วง

เมื่ออยู่ลำพังคนเดียว ธาดาก็คิดถึงข้อวินิจฉัยอาการป่วยของตนที่หมอแจ้งเมื่อตอนบ่าย ที่ดูเหมือนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการผ่าตัด คิดแล้วก็มีแต่ความกังวลใจ

ดวงดาวเข้ามานอนข้างๆ บ่นว่าน้ำก็ไม่อาบ ธาดาถามว่าตนตัวเหม็นหรือ ดวงดาวไม่ตอบ ต่างนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ธาดาจึงเอ่ยขึ้นเบาๆ

“ร้องเพลงให้อาฟังหน่อยสิ”

“อยู่ที่ร้านทั้งคืน อาไม่ได้ฟังดาวเลยเหรอ”

“อาอยากฟังคนเดียว...” ดวงดาวจึงร้องเพลงรักเศร้าๆให้ฟัง

คืนนี้ทั้งคู่นอนด้วยกันอย่างมีความสุข...แม้ธาดาจะมีความเศร้าฝังอยู่ในใจ...

คิมหันต์ยังหาวิธีที่จะติดต่อดวงดาวเพื่อรู้ข่าวมุกริน คืนนี้เขาเอามือถือซ่อนไว้ใต้ผ้าห่มแอบส่งข้อความถึงดวงดาวถามข่าวคราวของมุกริน

ระหว่างนั้นพักตราเข้ามาฉอเลาะว่าถ้าเตียงใหญ่กว่านี้ตนจะขึ้นไปนอนกอดเขาทั้งคืนเลย แล้วถามว่า

“คิมรู้ไหมว่ายัยมุกหายตัวไป...อีกแล้ว” เขาทำเป็นไม่รู้ “เขาคงทำใจไม่ได้ที่เราแต่งงานกัน พ่อบอกว่า คิมจะยิ่งดีใจที่ยายมุกเป็นอย่างนั้น จริงรึเปล่าคะคิม” เขาตอบอย่างเสียไม่ได้ว่าครับ “งั้นคิมพูดให้พักตร์ชื่นใจหน่อยได้ไหมคะว่าคิมไม่เหลือที่ว่างในหัวใจให้ยายมุกอีกต่อไปแล้ว”

คิมหันต์นิ่งเงียบ เธอคาดคั้นว่าพูดไม่ได้หมายความว่า???

“เรื่องระหว่างผมกับเขากับเรื่องระหว่างผมกับคุณ มันไม่เกี่ยวกัน”

“ไม่เกี่ยวไม่ได้หรอกค่ะ เราเป็นสามีภรรยากันแล้ว เรื่องระหว่างคิมกับเขาต้องจบไม่ว่าจะแง่มุมไหนก็ตาม”

“คุณบังคับผมไม่ได้หรอกพักตรา...ต่อให้พ่อคุณด้วย”

“พักตร์จะไม่บังคับคิม แต่พักตร์จะทำให้คิมได้เห็นสักวันว่า ยายนั่นรักคิมไม่ถึงครึ่งที่พักตร์รักหรอกค่ะ”

พูดแล้วพักตราขอไปนอน คิมหันต์ค่อยๆแอบดูมือถือที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่ม ปรากฏว่าไม่มีคำตอบจากดวงดาว...เขาเก็บมือถือไว้ใต้ผ่าห่มอย่างผิดหวัง...

ooooooo

วันนี้ปรารภเข้าไปที่บริษัท เขาประกาศลาออกจากบริษัทด้วยถ้อยคำที่จับใจ

“ห้าปีกว่าแล้วนะ ที่ผมอยู่นี่ นับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มตอกเสาเข็มสร้างอาคารจนมาถึงวันนี้...”

เขามองพนักงานกว่ายี่สิบคนที่นั่งฟังเขาพูดอยู่อย่างตั้งใจ...

“ผมได้พบลูกน้องมากหน้าหลายตา บางคนอยู่กับผมมาตั้งแต่ปีแรก...บางคนเพิ่งเข้ามาเจอกันไม่กี่ปีหลัง แต่ผมบอกได้เลยว่า ผมผูกพันกับลูกน้องทุกคน ไม่ว่าจะทำงานกับผมมานานแค่ไหน ผมผูกพันกับบริษัท ผูกพันกับทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ แต่ไม่มีใครปฏิเสธความเปลี่ยนแปลงได้... และวันนี้ ผมได้เดินมาถึงทางแยกแล้ว...ต้องขอบคุณน้องๆทุกคนที่เคยช่วยเหลือร่วมงานกันมาตลอด ขอให้ทุกคนก้าวหน้าต่อไปอย่างเข้มแข็งและถ้าวันใด ที่นี่ไม่เป็นที่สบายใจของน้องๆในวงเล็บนะ โทร.หาพี่ได้ทุกเวลา... ขอบคุณครับ”

ปรารภเดินออกจากห้องประชุม มีพนักงานเดินตามออกมาห่าง ธาดาที่มายืนรออยู่แถวหน้าห้องประชุม รี่เข้าไปหาทันทีถามว่า รู้ใช่ไหมว่ามุกรินหายไป พอจะรู้ไหมว่าตนจะไปตามหาเธอได้ที่ไหน เผื่อเขาจะรู้ว่าส่งเธอไปทำงานที่ไหน ปรารภบอกว่ามุกรินลาออกจาก
บริษัทไปแล้ว

“ผมนึกว่าคุณยังจ้างเป็นฟรีแลนซ์อยู่”

“เสียใจจริงๆครับ ผมทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก เพราะผมก็เพิ่งลาออกจากบริษัทนี้เหมือนกัน”

ooooooo

พักตราได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าปรารภลาออกจากบริษัทแล้ว เธอเข้าไปบอกคิมหันต์ในห้อง ตั้งข้อสังเกตว่า

“น่าแปลกนะ ยายมุกลาออกไปได้ไม่กี่วัน นายปรารภก็ลาออกตาม เอ...สงสัยว่าจะเป็นอย่างที่พักตร์คิดแล้วล่ะคิม” ท้าเขาว่า “เราลองมาเสี่ยงกันเล่นๆ เอาไหมคะคิม...เดิมพันกันด้วยที่ว่างในหัวใจ”

เวลาเดียวกันที่บ้านสวนของปรารภ ปรารภส่งเสียงแจ่มใสร่าเริงเข้ามา...

“ผมกลับมาแล้วคร้าบ...ใครๆอยู่ไหนกันหมด... มุก...น้าแป๋ว...” มุกรินเดินออกมาด้วยใบหน้าที่สดใสขึ้น ถามทึ่งๆว่าหิ้วอะไรมาเยอะแยะ ปรารภตอบอย่างร่าเริงว่า “อาหารค่ำ สำหรับเราครับ”

มุกรินทำหน้างงว่าทั้งหมดเนี่ยนะ? ปรารภชูถุงของสดขึ้นบอกอาหารชื่อต่างประเทศมา 5-6 อย่าง มุกรินทำหน้าสยอง เขาบอกว่ารู้ว่าเธอไม่กินอาหารเย็นและตนก็ไม่คิดจะกิน พูดอย่างมีความสุขว่า

“คุณค่าของอาหารเย็นสำหรับพี่ อยู่ที่การทำไม่ใช่การกิน พี่มีความสุขที่ได้ทำอาหารเย็นกับคนพิเศษอย่างมุก แค่นั้นแหละ เสร็จแล้วก็เอาไปแจกเพื่อนบ้านแถวนี้ หรือไม่ก็เอาไปฝากเจ้าโจ๊กเจ้าแจ๊คดีไหม...เราจะได้ไม่อ้วน”

พอดีน้าแป๋วเดินมา ปรารภฝากน้าแป๋วเอาของไป เก็บ บอกว่าค่ำๆจะมาลงมือเองไม่ต้องห่วง พอน้าแป๋วหิ้วถุงอาหารออกไป ปรารภก็นั่งลงข้างๆมุกรินท่าทางสบายๆ ถามว่าวันนี้เธอทำอะไรบ้าง? เธอบอกว่าอยู่นิ่งๆ อ่านหนังสือ ตนไม่ได้อยู่อย่างนี้มานานแล้ว

“วันหลังพี่จ้างมุกมาอยู่นิ่งๆ ท่าจะดี” มุกรินถามว่าดียังไง? “มันทำให้มุกดูสดชื่นขึ้น พี่ก็พลอยสดชื่นไปด้วย”

“พี่จะเสียตังค์เปล่าๆ ไม่ได้อะไรน่ะสิคะ เอ้อ...

วันนี้มีคนมาขอซื้อบ้านพี่รภนะคะ เขาว่าอยากได้มาก ราคาเท่าไหร่ก็สู้ มุกก็เลยบอกให้เขามาใหม่ตอนเย็น”

ปรารภถามว่าแล้วเขาเข้ามาในบ้านได้ยังไง พอมุกรินบอกว่าน้าแป๋วเปิดประตูให้ เขาเลยบ่น

“อย่างนี้ทุกทีเลยน้าแป๋ว จะขายบ้านได้ยังไง พี่จะใช้ที่นี่เป็นออฟฟิศใหม่ของเรา พี่ยื่นจดหมายลาออกจาก Fast Track แล้วนะ อาทิตย์หน้าบริษัท MVP ของเราก็น่าจะจดทะเบียนเสร็จเรียบร้อย ตื่นเต้นไหม”

ทันใดนั้นเสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น มุกรินสงสัยว่าคนซื้อบ้านจะมาแล้ว ปรารภจะรีบไปห้ามน้าแป๋วเพราะตอนนี้ตนยังไม่มีอารมณ์จะคุยกับคนแปลกหน้า เขารีบลุกไปทางหน้าบ้าน


แต่เดินไม่ทันถึงหน้าบ้าน น้าแป๋วก็เปิดประตูให้รถเก๋งคันคุ้นตาขับเข้ามาในบ้านแล้ว มุกรินเดินตามมาถามว่าห้ามไม่ทันแล้วใช่ไหม ปรารภตอบอึ้งๆว่าคงไม่ใช่คนที่จะมาขอซื้อบ้านหรอก มุกรินมองไปที่รถแล้วก็ชะงัก เห็นพักตราก้าวลงจากรถ เธอมองมุกรินกับปรารภที่กำลังเดินออกมาพูดอย่างสะใจว่า

“อยู่นี่เอง...นี่คงจะเป็นรังรักของอดีตเจ้านายกับลูกน้องเก่าสินะ”

พักตรายังพูดเหยียดเย้ยอย่างหยาบคายจนปรารภทนไม่ได้ปรามว่าที่นี่เป็นบ้านของตน เธอไม่มีสิทธิ์เข้ามาเพ่นพ่าน พักตราโต้ว่าตนไม่ได้มาเพ่นพ่านแต่มาดูหน้าคนทิ้งงาน ปรารภโต้ว่าตนไม่ได้ทิ้งงานแต่ตนลาออกจากบริษัทเรียบร้อยแล้ว

“เหตุผลในการลาออกคือยายนั่นใช่ไหม ฉันรู้นะว่าแกแอบเปิดบริษัทกันเอง จะรอดูว่าแกจะดึงคนจากบริษัทฉันไปอีกกี่คน” ปรารภตะโกนว่าอยากดูก็ไปรอดูที่อื่นไม่ใช่ที่นี่ ไล่ให้กลับไปได้แล้ว “กลับแน่...แต่ยังมีอีกคนนึงที่เขาอยากจะดูน้ำหน้าแกสองคนอย่างเต็มตา” แล้วพักตราก็เดินไปเปิดประตูรถอีกด้าน เผยให้เห็นคิมหันต์นั่งอยู่ในนั้น!

คิมหันต์นั่งนิ่ง ในขณะที่พักตรายังสามหาวไม่เลิก ก่อนเดินไปขึ้นรถยังบอกว่าจะขายบ้านหลังนี้เมื่อไหร่ติดต่อนายหน้าตนได้ คนที่เอานามบัตรให้เมื่อตอนกลางวันนั่นแหละ แล้วขึ้นรถนั่งเชิดสั่งคนขับรถกลับ เธอเอ่ยกับคิมหันต์ว่า

“จากนี้ไปต้องไม่มียายมุกซุกอยู่ในหลืบของหัวใจคิมอีกแล้ว ตามสัญญานะคะ” คิมหันต์นั่งนิ่งอย่างไร้อารมณ์

ooooooo

ขณะรถกำลังจะเลี้ยวออกจากประตูรั้วนั่นเองคิมหันต์สั่งคนขับรถให้จอดก่อน แล้วเขาก็เปิดประตูรถพรวดออกไป ตรงดิ่งไปหาปรารภกับมุกรินที่กำลังจะเดินเข้าบ้าน พูดโพล่งจนทั้งสองชะงักหันมอง

“ผมนึกไม่ถึงเลยว่าคุณจะทำอย่างนี้” มุกรินโต้ว่าเขาทำเรื่องที่ตนนึกไม่ถึงมากกว่าเยอะ คิมหันต์ชี้หน้าปรารภ “ไอ้นั่นมันเสือผู้หญิงนะมุก” เลยถูกปรารภปรามว่ามาพูดจาดูถูกกันในบ้านตนอย่างนี้ไม่ได้ ทั้งคู่ดุเดือดใส่กัน พักตรารีบหยิบมือถือขึ้นถ่ายคลิปทันที

คิมหันต์ถามมุกรินว่าปรารภมีเมียมีลูกมาแล้วกี่คนรู้หรือเปล่า มุกรินตอบเสียงดังฟังชัดว่าเขามีเมียสามคนและหย่ากันหมดแล้ว และมีลูกชายน่ารักอีกสองคน คิมหันต์ถามว่า “รู้อย่างนี้แล้วยังมากินมานอนบ้านมันอีกหรือ”

“ใช่ เพราะมุกไม่มีบ้านจะอยู่ บ้านพ่อบ้านแม่ก็ถูกยึด ต้องขออาศัยคนโน้นคนนี้อยู่ไปวันๆ”

“เลือกคนที่จะขออาศัยให้ดีกว่านี้หน่อยได้ไหม”

ปรารภขอใช้สิทธิ์เจ้าของบ้านไล่คิมหันต์ออกไป แต่คิมหันต์ไม่สนใจยังคงตัดพ้อต่อว่ามุกรินว่า เธอทำประชดตนใช่ไหม เห็นตนแต่งงานเธอเลยเลือกมาเป็นเมียเก็บของปรารภใช่ไหม มุกรินของขึ้น สวนไปอย่างไม่แยแสว่า

“เป็นเมียเก็บพี่รภ ยังดีกว่าเป็นเมียน้อยผู้ชายอย่างคุณ!” พูดแล้วหมุนตัวจะเดินเข้าบ้าน ถูกคิมหันต์พุ่งเข้ากระชากแขนไว้ ปรารภทนไม่ได้เข้าขวางกลาง ถูกคิมหันต์ตวาดไล่ว่าอย่ามายุ่งเรื่องของผัวเมีย ปรารภชี้พักตราที่ยืนอยู่ข้างรถบอกว่าเมียเขาอยู่โน่น!

“ที่ยืนอยู่นี่ก็เมียผมเหมือนกัน มันก็เมียผมทุกคนแหละ มีอะไรไหม!”

“มี!” ปรารภตะโกนซัดหมัดใส่หน้าคิมหันต์จังๆ จนล้มกระแทกพื้น “ถ้ายังไม่ออกไปจากบ้านผม ผมจะใช้วิธีรุนแรงกว่านี้ ซึ่งผมมีสิทธิ์เต็มที่ในฐานะเจ้าของบ้าน จะลองดูก็ได้”

คิมหันต์ยันตัวลุกขึ้น จ้องหน้ามุกรินบอกว่า “ผมผิดหวังในตัวคุณมาก”

“คุณไม่มีสิทธิ์พูดคำนี้กับฉัน หลังจากที่คุณโกหกฉันครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันต่างหากที่จะต้องพูดประโยคนี้กับคุณ...ฉันผิดหวังในตัวคุณจริงๆ”

คิมหันต์อ้างว่าตนมีเหตุผลที่เธอไม่มีวันเข้าใจ มุกรินสวนทันควันว่าเป็นเหตุที่เห็นแก่ตัว ไล่ให้ไปเสียอย่ามาให้เห็นหน้าอีก คิมหันต์ขู่ว่าเธอไม่มีวันหนีตนพ้นเด็ดขาด ปรารภทนไม่ได้ตะโกนว่าอย่าต้องให้ตนต้องใช้กำลังอีก คิมหันต์จึงเดินกลับไปที่รถ สวนกับพักตราที่เดินเข้าไปพูดใส่หน้ามุกรินว่า

“ฉันแฟร์มากเลยนะ ที่ยอมให้เธอคุยกับผัวฉันอย่างนี้ แต่ก็ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น เพราะมันคือการจบ แบบอวสาน ขอให้มีลูกหัวปีท้ายปีนะคะคุณปรารภ” ด่าจนสะใจแล้วพักตราเดินกลับไปขึ้นรถออกไปทันที

มุกรินขอโทษปรารภที่ทำให้เขาเดือดร้อน ปรารภบอกว่าตนไม่เป็นไร แต่มุกรินเตือนว่าคนอย่างคิมหันต์ไม่หยุดแค่นี้แน่ เขาคงจองเวรจองกรรมตนจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง

“มุกอยากหนีไปให้ไกลกว่านี้ไหม?” ปรารภถามอย่างเป็นห่วงความรู้สึกของเธอ

ส่วนในรถของพักตรา พอรถเคลื่อนออกไป เธอถามคิมหันต์ว่า

“รู้แล้วใช่ไหมคะว่าระหว่างนังมุกกับพักตร์ ใครรักคิมมากกว่ากัน”

“ผมรู้แต่ว่า ผมรักใครมากกว่ากัน” คิมหันต์ตอบหน้านิ่งๆ ถูกพักตราจ้องราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

ooooooo

กลับมาถึงบ้านแล้ว พักตราอาละวาดบ้าดีเดือด ด่าคิมหันต์ว่าบ้าไปแล้วหรือ มุกรินแอบไปกินอยู่กับปรารภแล้วยังจะไยดีอีกทำไม ทำไมหน้ามืดตามัวอย่างนี้ ทำเหมือนไม่เห็นหัวตน ตนเป็นเมีย เราแต่งงานกันแล้ว ตาสว่างเสียที!

“คุณอยากรู้ไหมว่าพ่อคุณพูดอะไรกับผมก่อนเราจดทะเบียนสมรสกัน พ่อคุณยินยอมให้ผมจดทะเบียนกับคุณโดยไม่ต้องรักคุณ! ผมแต่งงานกับคุณเพราะความแค้น คุณคือเครื่องมือชำระแค้นของผม!”

พักตราถามว่าถ้าเขาหายแค้นเมื่อไหร่ก็จะเลิกกับตนใช่ไหม เหตุผลบ้าๆ แล้วตนต้องทนอยู่กินกับสามีที่เย็นชาตายด้านอย่างนี้อีกนานเท่าไหร่ ต้องอดกลั้นอดทนอีกนานเท่าไหร่เขาถึงจะรักตน

“คุณไม่จำเป็นต้องทนอีกแล้ว” คิมหันต์ลุกพรวดจะออกไป พักตราเปลี่ยนเป็นอ้อนวอนอย่าทิ้งตนไป พอ อ้อนวอนไม่สำเร็จก็คร่ำครวญว่าตนรักเขา...เป็นเมียเขา...

“อย่าทำให้ตัวเองน่ารังเกียจไปกว่านี้เลย แค่อยู่นิ่งๆ กอดทะเบียนสมรสไว้ คุณก็ได้ชื่อว่าเป็นเมียผมอยู่ดี”

คิมหันต์ออกจากบ้านไปอย่างไม่แยแส ทิ้งพักตรากรีดร้องคร่ำครวญราวกับคนเสียสติ เธอโทรศัพท์หาอรรถ บอกว่าคิมหันต์ไปแล้ว คราวนี้คงไปจริงๆ ตนควรจะทำอย่างไรดี ขอให้พ่อมาหาตนหน่อย ช่วยตนด้วย

คุยกับอรรถเสร็จเธอวางโทรศัพท์รีบวิ่งไปอาเจียนในห้องน้ำอย่างหนัก ปริมเดินผ่านมาเห็นถามว่าไม่สบายหรือเปล่า

ooooooo

คิมหันต์ออกจากบ้านพักตราแล้ว เขาไปนั่งร้านอาหารที่ดวงดาวร้องเพลง ดวงดาวบอกว่าตนร้องดึก เขาบอกว่าตนอยู่ถึงเช้าเลยก็ได้

ดวงดาวถามว่าสั่งเหล้ากินขนาดนี้คงอยู่ไม่ถึงวงตนแน่ ดื่มขนาดนี้จะฟังเพลงรู้เรื่องได้ยังไง คิมหันต์รำพึงรำพันอย่างเจ็บปวดว่ามุกรินไปอยู่กับปรารภแล้ว ดวงดาวบอกว่าตนรู้แล้วเพราะเมียเขาโพสต์กระจายไปแล้ว

“เมียนอกหัวใจ ไม่มีความหมายหรอกผู้หญิง คนนั้น” คิมหันต์ยิ้มเยาะ ดวงดาวมองหน้าถามว่า

“ผู้หญิงที่มีความหมายสำหรับคุณ คุณก็ทำลายเขาจนยับเยิน หัวใจเขาแหลกสลายไม่มีชิ้นดี...รู้บ้างหรือเปล่า?”

คิมหันต์ถามว่ามุกรินหรือ ดวงดาวถามว่า “นอกจากมุกรินแล้วยังมีผู้หญิงอื่นที่มีความหมายสำหรับคุณอีกหรือ” คิมหันต์ทำเสียงอืม...ในลำคอมองหน้าดวงดาวบอก ว่าตนยังมีอีกคน อยากรู้ไหมว่าใคร “ไม่...ฉันไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง”

“เราน่าจะเจอกันก่อนหน้านี้นะ ผมคงจะมีความสุข ถ้ามีคนรักอย่างคุณ”

แม้ต่างจะยังมีกำแพงของสังคมกั้น แต่หัวใจไร้กำแพง ต่างจึงมองกันนิ่งเหมือนถูกมนต์สะกด

เมื่อดวงดาวร้องเพลงเสร็จ เธอถามว่าเขาจะนอนที่ไหน คิมหันต์บอกว่าตนไม่มีที่นอน ไม่มีที่ไหนน่าอยู่สำหรับตนอีกแล้ว ตนอยากหาที่อยู่ใหม่

“ฉันเป็นหนึ่งในตัวเลือกเพื่อแก้แค้นนายธาดาด้วยรึเปล่า” คิมหันต์บอกว่านั่นเป็นผลพลอยได้ “ผู้ชายมักจะมีสัญชาตญาณเอาเปรียบผู้หญิงอยู่ลึกๆทุกคน”

คิมหันต์บอกว่าเธอจะทิ้งตนไว้ที่นี่ก็ได้ ดวงดาวถามว่าเขามีเงินไหม พอเขาบอกว่าเรื่องเงินไม่มีปัญหาสำหรับตน ดวงดาวจึงพาเขาไปนอนในโรงแรมหรู ระหว่างนั้นคิมหันต์แตะเนื้อต้องตัวเธอ ถูกดวงดาวปรามว่าตนเป็นผู้หญิงไทยไม่ใช่ฝรั่ง ตนไม่ชอบแบบที่ฝรั่งเขาทำกันแบบในหนัง และตนจะไม่มีอะไรกับผู้ชายอื่นจนกว่าจะเลิกคบกับคนเก่า

“งั้นผมขอนอนกอดคุณเฉยๆสักคืนนะ” คิมหันต์อ้อนขออย่างสุภาพ...

ooooooo

เช้าวันนี้ อรรถมาที่บ้านพักตรา เธอยังหลับสนิทอยู่อย่างอ่อนเพลีย ปริมบอกว่าเมื่อวานร้องไห้หนักคงเหนื่อยมากและยังเห็นเธออาเจียนหนักด้วย อรรถทำหน้างงถามว่าเพิ่งแต่งงานก็อาเจียนแล้วหรือ

“เขาคบกันก่อนหมั้นหลายเดือนอยู่นะคะ” อรรถฟังแล้วยิ้มบอกว่าน่าจะเป็นสัญญาณที่ดี แล้วฝากปริมให้ช่วยดูแลเพราะช่วงนี้ตนมีงานเดินสายโรดโชว์ต่างประเทศเยอะเหลือเกิน ปริมเต็มใจแต่ปรามว่า ถ้ามีอะไรมากกว่างานเดินสาย ต้องบอกตนด้วยตัวเองอย่าให้ตนรู้จากคนอื่น เพราะตนคงทำใจไม่ได้ถ้ารู้จากคนอื่น อรรถประคองหน้าเธอขึ้นมองเต็มตาพูดอย่างซึ้งๆว่า

“ปริมดีกับผมขนาดนี้ ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไง” พูดแล้วหอมแก้มเธออย่างอบอุ่นก่อนพากันเดินออกจากห้องไป

เวลาเดียวกัน คิมหันต์นอนกอดดวงดาวอยู่บนเตียงใหญ่ ดวงดาวแอบถ่ายรูปเขาไว้ คิมหันต์รู้สึกตัวถามว่าจะเอารูปตนไปทำอะไร เอาไปแบล็กเมล์ใคร ตนไม่มีใครให้เธอขู่หรอก

เมื่อดวงดาวบอกว่าเปล่า คิมหันต์ถามว่าตนหล่อหรือ เธอบอกว่าไม่ แต่ตนชอบดวงตาเขา ขอถ่ายดวงตาเขาเก็บไว้ดูในโทรศัพท์ คิมหันต์แย่งมือถือไปดูเห็นเป็นภาพหน้าโรงแรมม่านรูด ดวงดาวแย่งมือถือกลับไป บอกว่าตนอยากเก็บดวงตาที่หลับสนิทของเขาด้วย เอาไว้ดูคู่กัน

“เลิกกับไอ้ธาดาเถอะ ผู้หญิงน่ารักอย่างคุณไม่ควรเป็นเมียคนเลวๆอย่างมัน” พูดแล้วคิมหันต์หลับตาลงอีกครั้ง พลันดวงดาวก็คลื่นไส้ขึ้นมา เธอวิ่งไปอาเจียนในห้องน้ำ แต่คิมหันต์หลับสนิทไปแล้วเลยไม่ได้ยิน

ooooooo

เช้าตรู่วันนี้ จู่ๆก็มีนักข่าววัยรุ่นคู่หนึ่งมากดออดเรียกที่หน้าบ้านสวน ถามน้าแป๋วว่าบ้านนี้ใช่ไหมที่มีการตบตีกัน น้าแป๋วปฏิเสธว่าไม่รู้

นักข่าวทั้งสองถามถึงเจ้าของบ้าน แล้วในที่สุดก็ถามว่าคนที่ตบตีกันชื่อมุกรินใช่ไหม น้าแป๋วบอกว่านั่นแฟนเจ้าของบ้าน เมื่อเจ้าของบ้านก็ไม่อยู่ คู่กรณีก็ไม่อยู่ นักข่าววัยรุ่นทั้งสองจึงขอถ่ายรูปน้าแป๋วแทน

ที่โรงแรมหรู คิมหันต์ตื่นขึ้นมาพบตัวเองนอนอยู่คนเดียว เขาลุกนั่งแล้วหยิบมือถือขึ้นดู มีคลิปที่ดวงดาวส่งมาทางไลน์ เขาเปิดดู ปรากฏรูปดวงดาวถ่ายคลิปวีดิโอตัวเองไว้ เธอเดินไปพูดไป...

“ตื่นเมื่อไหร่ ช่วยลงไปจ่ายค่าห้องด้วยนะ นี่คือข้าวผัดหนึ่งห่อบนโต๊ะ ผัดใหม่ เผื่อคุณจะหิว และก็...ถ้าคุณเมาจนจำอะไรไม่ได้ ฉันขอบอกว่าเราแค่นอนเบียดกันบนเตียงเดียวกันแต่ไม่มีอะไรกันแม้แต่น้อย...อย่ากังวล พ่อรูปหล่อ...อ้อ...ถ้าไม่มีที่นอนเมื่อไหร่ก็มาหาฉันได้อีกนะ ชิลล์อยู่แล้ว...บาย”

พอดวงดาวกลับถึงบ้านก็ถูกธาดาจับผิดถามว่าไปไหนมา เธอปดว่าร้องเพลงเสร็จก็ซ้อมเพลงจนเช้า ธาดาถามว่าทำไมไม่บอกตน ถูกดวงดาวย้อนถามว่า “แล้วเวลาอาไม่กลับบ้าน อาเคยบอกหนูบ้างไหม” ธาดาถามว่าย้อนตนหรือ?

“ไม่ได้ย้อน พูดความจริง ทุกวันนี้ อากับหนูอยู่เหมือนคนเบื่อหน้ากัน ถ้าไม่มีเรื่องคอขาดบาดตายอะไรเราแทบจะไม่ได้คุยกันอยู่แล้ว อารู้ตัวบ้างไหม”

ธาดาอึ้งไปแล้วเปลี่ยนเป็นถามว่ามุกรินโทร.มาบ้างไหม ดวงดาวบอกว่าไม่ มุกรินอยู่กับปรารภ ธาดา ถามว่ารู้ได้ไง

“โซเชียลเน็ตเวิร์กเร็วมาก อาต้องหัดเปิดดูบ้างจะได้หูไวตาไวกว่านี้”

เป็นเรื่องทันที! เมื่อธาดาหยิบมือถือของดวงดาวไปเปิดดู เจอรูปคิมหันต์นอนกับเธอบนเตียง ทั้งธาดาและดวงดาวที่หันมาเห็นต่างช็อก! ดวงดาวถามว่าเราเคยตกลงกันแล้วว่าจะไม่แอบดูโทรศัพท์ของกันและกัน แต่นาทีนี้ธาดาไม่สนใจแล้วคาดคั้นถามว่าเธอไปนอนกับคิมหันต์มาหรือ ทำไมไปนอนกับคนเลวอย่างนี้ รักมันหรือ จะหนีไปอยู่กับมันใช่ไหม ธาดาคาดคั้นถามอย่างไม่ยอมฟังดวงดาวชี้แจง พอธาดาถามว่าจะทิ้งตนไปอยู่กับมันใช่ไหม ดวงดาวเลยประชดไปว่า

“ใช่!” ผลคือถูกธาดาตบอย่างแรง ดวงดาวตัดสินใจเก็บเสื้อผ้าออกจากบ้าน บอกว่า “หนูจะไม่อยู่กับอาอีกแล้ว”

ดวงดาวหิ้วกระเป๋าออกไป แต่ไปไม่ทันพ้นบ้าน ธาดาก็หน้ามืดหมดสติล้มฟาดกับพื้นโครม!

ooooooo

ปรารภพามุกรินหลบไปพักผ่อนที่ชายทะเลสวย ปรารภรับรู้ความทุกข์ใจของเธอ เขาอยู่ใกล้ๆคอยดูแล ให้กำลังใจและสร้างบรรยากาศที่ดีให้เธอผ่อนคลาย

แม้ว่าปรารภจะพยายามพูดให้เธอรับรู้ถึงความรักของตนแต่ก็ไม่กดดันและไม่แม้แต่จะฉวยโอกาสกับเธอ ทำให้มุกรินอยู่กับเขาอย่างไว้ใจและสบายใจ...

เมื่อปรารภเล่าถึงคลิปเหตุการณ์ที่บ้านสวนวันนั้นพร้อมข้อความที่ใส่ร้ายเธอว่าชอบแย่งสามีคนอื่นเป็นอาชีพ บอกเธอว่ากลัวธาดาจะเห็นคลิปนี้และคิดเป็นอย่างอื่น บอกให้มุกรินโทร.คุยกับธาดาหน่อยดีไหมแค่บอกให้เขารู้ว่ามันไม่ได้เป็นอย่างในคลิป ดีกว่าปล่อยให้เขาเข้าใจเราผิด

ปรารภส่งโทรศัพท์มือถือให้ แต่พอมุกรินโทร.ไป กลายเป็นดวงดาวรับสาย ดวงดาวบอกว่าตนเล่าคลิปนั้นให้ธาดาฟังแล้วและเขาก็ออกตามหาเธอให้ควั่กอยู่ขณะนี้

“ฉันไม่อยากให้พี่ใหญ่เข้าใจฉันกับพี่รภผิด”

“อย่าเพิ่งห่วงเรื่องนั้นเลย คนที่น่าเป็นห่วงที่สุดตอนนี้ก็คือพี่ชายเธอ ฉันเพิ่งพาเขาไปส่งโรงพยาบาล ตอนนี้อยู่ในความดูแลของหมอแล้ว แต่หลังจากวันนี้เขาจะไม่มีใครคอยดูแลอีกแล้วนะมุก”

“หมายความว่ายังไงดาว!”

“ถึงเวลาที่ฉันต้องไปแล้วล่ะ ถ้าไม่ลำบากจนเกินไป เธอหาเวลาไปดูแลเขาหน่อยนะ ฉันรู้ว่าเขาป่วยเป็นโรคอะไรสักอย่างนึง ซึ่งน่าจะรุนแรงไม่น้อย ก็มีแต่เธอนั่นแหละมุก ที่เป็นกำลังใจให้เขาได้...ลาก่อนนะ เสียใจที่ไม่สามารถช่วยให้ความรักของเธอสมหวังได้ แต่ก็ดีใจที่ได้มีโอกาสรู้จักเธอ มุกริน...”

ดวงดาวตัดการสนทนากับมุกรินแล้วเหลือบมองอุปกรณ์การตรวจครรภ์ที่วางอยู่เบาะข้างๆ ที่เธอเพิ่งใช้ไปเมื่อสองชั่วโมงที่ผ่านมานี่เอง ผลออกมาว่าเธอตั้งครรภ์! เธอเอามือลูบท้องร้องไห้ด้วยความรู้สึกที่สับสน...

ooooooo

ธาดารู้สึกตัวแล้ว เขาลุกนั่งบนเตียงคนไข้งงๆ ถามหมอว่าตนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

หมอบอกว่าหลานสาวเขาพามา ธาดารู้ว่าหมายถึงดวงดาว ถามว่าตอนนี้เขาไปไหนแล้ว พอหมอบอกว่าไม่ทราบ ธาดาก็จะกลับทันที หมอมองหน้าเขาพูดจริงจังว่า

“ผมขออนุญาตถามคุณตรงๆนะครับคุณธาดา คุณพอใจที่ร่างกายคุณตกอยู่ในสภาพอย่างนี้หรือเปล่า” ธาดาบอกว่าหมอพูดอะไรตนไม่เข้าใจ “คุณไม่อยากรู้เหรอว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้นในสมองของคุณมันคืออะไรกันแน่ จะได้เยียวยาแก้ไขได้ถูก หรือถ้าคิดจะปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปเลยเป็นอะไรก็เป็นไป เลิกสนใจไยดีต่อสุขภาพของตัวเองก็บอกหมอมา หมอจะได้ไม่ต้องตามตื๊อคุณอย่างนี้”

ธาดายังคงนิ่ง ครู่หนึ่งจึงถามว่าหมออยากให้ตนทำอะไรก็ว่ามาเลย หมอบอกว่าจะขอเจาะชิ้นเนื้อบริเวณสมองของเขาไปตรวจ หลังจากนั้นก็แล้วแต่การตัดสินใจของเขาเอง ถามว่า “ต้องการให้หมอทำยังไงก็บอกมา”
แต่ธาดาก็ยังนิ่งเครียดอยู่อย่างนั้น...

ooooooo

คิมหันต์ไปที่สำนักงานกฎหมายบูรพา เขาโทรศัพท์ถึงเสียอ๋า เสี่ยอ๋าถามแซวๆว่าเห็นข่าวสังคมว่าเขาแต่งงานกับลูกสาวนายพลแล้ว นึกว่าจะเปลี่ยนใจแล้วเสียอีก

“อย่าสนใจเรื่องนั้นเลย เอาเรื่องของเราดีกว่า” คิมหันต์ตัดบท เสี่ยอ๋าบอกว่าเขาสั่งเมื่อไหร่ตนก็พร้อมลงมือได้ทันที

“เดี๋ยวนี้เลย...ผมต้องการได้ตัวน้องสาวมันมาให้เร็วที่สุด” เสี่ยอ๋าหัวเราะร่าหยอกว่าเจ้าชู้ไม่เบาเหมือนกันนะคุณคิมหันต์...

พอคิมหันต์วางสายจากเสี่ยอ๋า ชุมสายเข้ามาเอ่ยอย่างเป็นห่วงว่า

“แกถลำลึกจนเข้าข่ายเป็นเจ้าพ่อเข้าไปทุกทีแล้วนะไอ้คิม...ฉันจะไม่ถามว่าแกสั่งให้เสี่ยอ๋าทำอะไรบ้าง แต่ขอเตือนให้แกรู้นะ วันนึงที่สังคมขุดคุ้ยเรื่องราวของแก แกจะต้องมีคำตอบที่ชัดเจนให้กับสังคม”

คิมหันต์บอกว่าตนรู้ ถึงวันนั้นค่อยว่ากันอีกที ชุมสายถามว่าเขาไม่สงสารผู้หญิงบ้างหรือ

“พี่มลก็เป็นผู้หญิงแกลืมแล้วเหรอ? ที่ฉันทำทุกวันนี้ก็เพื่อพี่มล ฉันไม่ต้องการให้พี่สาวของฉันตายฟรี”

“นอกจากพี่มลแล้ว แกเคยมีความรักให้ใคร บ้างไหม...รักแท้น่ะ” ชุมสายจ้องหน้ารอคำตอบ แต่ก็ไม่มีคำตอบ จนโทรศัพท์สำนักงานดังขึ้น ชุมสายไปรับสาย แล้วบอกเขาว่า “ฉันว่าแกควรจะเป็นคนรับสายนี้ว่ะ”

พอคิมหันต์รับสาย เขาหน้าเสียเมื่อปลายสายคืออรรถ!

“เห็นแล้วใช่ไหมว่าการตามหาตัวนายไม่ใช่เรื่อง ยากสำหรับฉัน ซึ่งรวมถึงการใช้กำลังกับนายด้วย ฉันก็สามารถทำได้โดยง่าย แต่เพื่อเห็นแก่สถานะลูกเขยของฉัน ร่างกายของนายจึงไม่ควรบอบช้ำมากไปกว่านี้ เพราะฉะนั้นนายจงมาหาฉันแต่โดยดี เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บล้มตายหรือทุพพลภาพ ฉันพูดแค่นี้เธอคงเข้าใจนะ...ไอ้ลูกชาย”

ooooooo

คืนนี้คิมหันต์จึงไปพบอรรถที่ร้านอาหารคลับหรู คิมหันต์เดินเข้าไปอย่างระแวดระวัง เมื่อพนักงานสาวพาไปที่โซฟา เสียงอรรถก็ทักจากข้างหลัง

“แผลหายดีรึยัง” คิมหันต์บอกว่าไม่มีปัญหาอะไร แล้ว “แล้วความแค้นล่ะได้รับการเยียวยาขึ้นบ้างไหม สะใจพอรึยังกับความช้ำใจของมุกรินและนายธาดา หรือถ้านายต้องการให้มันมากกว่านี้รุนแรงกว่านี้ ฉันส่งคนของฉันไปจัดการให้ได้ สนใจจะใช้บริการไหมล่ะ”

“เพื่ออะไรครับท่าน”

“เพื่อลูกสาวฉันไงล่ะ...พูดตรงๆอย่างลูกผู้ชายนะ ถ้าฉันเป็นนาย ฉันก็อาจจะทำเหมือนนาย คือไม่เอาลูกสาวฉัน เพราะอะไร ก็เพราะพักตรามีทุกอย่างมากเกินไป เธอพรั่งพร้อมไปเสียทุกอย่าง รูปร่างหน้าตาการศึกษาฐานะ เครดิตในทางสังคม ผู้ชายหลายคนอยากได้ผู้หญิงที่ไม่ต้องสมบูรณ์แบบ ไม่ต้องเพอร์เฟกต์ และต้องไม่เหนือกว่าเขา นั่นคืออุดมคติ แต่เพราะฉันเป็นพ่อของพักตรา ฉันจึงรู้ว่าใครก็ตามที่มีโอกาสอย่างนายควรจะเลือกพักตรา เพราะนายสามารถแสวงหาอุดมคติของนายได้ตลอดเวลาในชีวิตที่เหลือ แต่โอกาสที่นายได้รับจากฉันอย่างนี้

มันจะมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในชีวิต”

“ท่านได้อย่างที่ท่านต้องการแล้วนี่ครับ หลังจากที่ผมยอมจดทะเบียนสมรส”

“ไม่พอ! วันนี้หัวใจพักตรากำลังจะแหลกสลายลงทีละนิดเพราะนาย” คิมหันต์บอกว่าตนเตือนท่านแล้ว “นายไม่ได้เตือนฉัน นายขู่ฉัน ซึ่งฉันไม่กลัว และฉันขอขู่นายกลับว่า ถ้านายยังเลือกเดินแบบนี้ นายจะไม่เหลืออะไรเลยในบั้นปลายชีวิต จำไว้”

อรรถลุกขึ้นพูดทิ้งท้ายว่า “ฉันจะไปยุโรปสามอาทิตย์ ไปคนเดียว ไม่ต้องถามนะว่าธุระอะไร แต่เมื่อฉันกลับมา ฉันหวังว่าจะเห็นพักตรามีความสุขมากกว่าวันนี้ ทำให้ฉันได้ไหม” คิมหันต์นิ่ง “ฉันไม่มีเวลาผิดหวังกับนายอีกแล้วนะ ไอ้ลูกชาย”

อรรถตบไหล่คิมหันต์แรงๆ แล้วเดินออกจากร้านไป

ooooooo

ปรารภบอกมุกรินว่าตนโทร.ไปหาหมอที่ดูแลธาดาแล้ว แต่หมอไม่ยอมพูดอะไรทางโทรศัพท์และกับคนที่ไม่ใช่เจ้าของไข้ ปลอบใจมุกรินว่า แต่อย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่าพี่ชายเธออยู่ในมือหมอแล้วจริงๆ

ปรารภถามว่าอยากกลับไปดูอาการพี่ชายไหม มุกรินกลัวว่าถ้าคิมหันต์รู้เขาจะต้องตามไปซ้ำเติมพี่ชาย ตนถึงปลายเตียงแน่ๆ ปรารภจึงจะเช่าบังกะโลต่อไปอีกสองเดือน บอกว่าเธอต้องการอะไรเพิ่มเติมให้บอก

มุกรินเรียกเขา ปรารภรีบบอกว่าไม่ต้องขอบคุณอีกแล้ว “พี่บอกมุกแล้วว่าพี่ทำด้วยความเต็มใจ” เธอถามว่าจะตอบแทนเขาได้อย่างไรบ้าง “เอาไว้ถึงเวลาแล้วพี่จะบอก วันนี้นอนก่อนนะ...อ้อ ถ้านอนไม่หลับเคาะห้องพี่ได้ พี่จะได้ออกมานั่งคุยเป็นเพื่อนแถวล็อบบี้นี้ไง”

พอมุกรินขอบคุณ ปรารภเดินออกไปอย่างสดชื่นแจ่มใส...

ooooooo

คิมหันต์กลับไปที่บ้านวิมลรัตน์ เขาไปนั่ง เบื้องหน้ารูปพี่สาว พูดกับรูปอย่างสับสน...

“พี่มลครับ...ผมเริ่มไม่รู้ตัวแล้วว่าผมทำอะไรลงไป...และไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมทำนั้นส่งผลอย่างไรกับใครบ้าง...ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันผิดหรือถูก...รู้แต่เพียงว่า ผมต้องทำ... มันเป็นการตัดสินใจทำตามสัญชาตญาณ เพื่อชำระสะสางทุกคนที่กระทำกับพี่มลอย่างโหดเหี้ยม...”

คิมหันต์นั่งจ้องรูปวิมลรัตน์อยู่อย่างนั้น บอกพี่สาวว่า...

“ถ้าดวงวิญญาณของพี่มลยังวนเวียนอยู่แถวนี้ และสามารถรับรู้ความรู้สึกนึกคิดของผมได้ พี่มลช่วยส่งสัญญาณบอกผมทีได้ไหมครับ ว่าสิ่งที่ผมทำนั้น ไม่ผิด มันเหมาะสมแล้ว ถูกต้องแล้ว ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ไปมากกว่านี้...”

เช้าวันนี้เอง ขณะธาดาเดินออกจากโรงพยาบาลจะไปที่รถ ก็ถูกชายฉกรรจ์ที่คุ้นหน้ามาอุ้มขึ้นรถไป

พบเสี่ยอ๋าที่เซฟเฮาส์ ไปถึงมันจัดอาหารอย่างดีมาให้สองสามอย่างบอกว่าชอบอะไรก็กินอย่างนั้น กินเยอะๆ เพราะหลังจากมื้อนี้อาจจะไม่ได้กินอะไรอีกเลย ธาดาถามว่าตนต้องอยู่ที่นี่อีกหลายมื้อหรือ

ชายฉกรรจ์คนหนึ่งบอกว่าเขาต้องถามเสี่ยอ๋าเอาเอง แต่อึดใจเดียวเสี่ยอ๋าก็เข้ามา ธาดาหาว่าเสี่ยโกง หลอกให้ตนยืมเงินเล่น แล้วโกงตนจนหมดตัว ถามว่า “คุณต้องการอะไรจากผม?”

เสี่ยอ๋าพูดไม่อ้อมค้อมว่าตนรู้ว่าเขาไม่มีเงินตนจึงต้องการน้องสาวเขาแทน แล้วบอกให้เขากินอาหารให้อิ่ม เดี๋ยวตนจะกลับมาอีกครั้ง แล้วเราจะไปรับตัวคนสวยด้วยกัน

ooooooo

ขณะคิมหันต์ขับรถไปตามถนนเขาคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่พักตราโทร.มาบอกว่า เธอจะตามพ่อไปยุโรป เขาจะทำอะไรก็ทำได้เต็มที่เลยตนจะไม่หงุดหงิดเขาอีกแล้ว อีกเดือนหนึ่งเราค่อยเจอกัน เสียงโทรศัพท์มือถือเขาดังขึ้น เป็นสายจากเสี่ยอ๋าโทร.จากเซฟเฮาส์ที่เอาตัวธาดาไปเก็บไว้ เสี่ยแจ้งว่าได้ตัวธาดามาแล้ว และธาดาคงไม่รู้จริงๆว่ามุกรินอยู่ไหน วิเคราะห์ให้ฟังว่า

“สิ่งที่มันกำลังเป็นกังวลอยู่ตอนนี้มีสองเรื่อง คืออาการป่วยของมันซึ่งยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง ดูเหมือนว่ามันกำลังอกหัก... แล้วจะให้ทำยังไงต่อครับ”

คิมหันต์บอกให้เก็บตัวธาดาไว้สักพัก ตนจะไปหาคนที่รู้ว่าเขาเป็นอะไร คนที่คิมหันต์ไปหาคือดวงดาวนั่นเอง เธอไปอยู่หอพัก แต่คิมหันต์ก็ถามจากเพื่อนในวงดนตรีจนรู้และไปหา ถามว่าทำไมเธอไม่ไปเล่นดนตรี เธอบอกว่าไม่มีอารมณ์เขาถามอีกว่าไม่กลับไปหาธาดาแล้วหรือ เธอบอกว่าเลิกกับเขาแล้ว แต่พอเห็นคิมหันต์เอื้อมมือมาสัมผัสแก้มตน ดวงดาวดักคอว่า “ฉันรู้นะว่าคุณคิดอะไรอยู่ แต่ฉันจะไม่มีอะไรกับผู้ชายอื่นจนกว่าจะเลิกกับคนเก่า และฉันก็เลือกคนที่จะมีอะไรด้วย”

คิมหันต์เคลื่อนหน้าเข้ามาเหมือนจะจูบ เธอขัดขึ้นว่า “และฉันจะไม่มีวันหลับนอนกับคนรักของเพื่อนเป็นอันขาด”

“เราคงเจอกันช้าไปจริงๆ” คิมหันต์พึมพำเสียงแผ่วเบา ดวงดาวร้องไห้ เขาถามว่าร้องทำไม เธอบอกว่าแค่อยากร้องถามเขาว่าเคยเป็นบ้างไหมเวลาที่หาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้น้ำตามันก็ไหลออกมาเฉยๆ คิมหันต์กอดเธอไว้แน่นถามว่ารู้สึกดีขึ้นไหม เธอพยักหน้า “ขอผมนอนที่นี่คืนนี้ได้ไหม สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรที่ไปไกลเกินกว่านี้เด็ดขาด”

ดวงดาวอนุญาตอย่างเชื่อในคำสัญญาของเขา ทั้งสองยืนกอดกันนิ่งกลางห้องพัก อย่างไม่มีทีท่าว่าจะมีอะไรเกินเลยกว่าที่สัญญากันไว้...

ooooooo


ที่มาไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น