วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เพลิงตะวัน ตอนที่ 13


ทรงพลหัวเราะชอบใจเมื่อตะวันโทร.มารายงานความคืบหน้าแผนแก้แค้นวัฒนากับครอบครัว

“ดี...ไอ้คนพวกนี้มันไม่ฉลาดนักหรอก ปั่นหัวหน่อยเดียวก็ไปไม่ถูกซะแล้ว ฮ่าๆๆ คอยดูเถอะ พวกมันจะฉิบหายเพราะคนของพวกมันเอง” ทรงพลวางสายด้วยแววตาเหี้ยมเกรียม โดยไม่ล่วงรู้ว่าเปลวแอบฟังอยู่ตลอด ด้วยความไม่สบายใจ...

ในเวลาไล่เลี่ยกัน ทนงศักดิ์ปล่อยให้จิตใจฝ่ายต่ำครอบงำ ตัดสินใจยักย้ายถ่ายเทเงินก้อนโตจากบริษัทโอฬารพร็อพเพอตี้ของวัฒนาเข้าบัญชีตัวเองผ่านทางออนไลน์ แม้จะมีเงินมากมายสำหรับใช้จ่ายเพื่อการศึกษาของลูก แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขามีความสุข กลับจมดิ่งอยู่กับความทุกข์ใจ

ooooooo

ทนงศักดิ์หลงคิดว่านังงูเห่าเปลี่ยนไปแล้ว จึงเล่าเรื่องที่ตัวเองกับครอบครัวจะย้ายไปอยู่เมืองนอกให้ฟังและบ่นว่าเป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุดในชีวิต เธอทำเป็นเห็นใจและเข้าใจในสิ่งที่เขาทำ แต่เสียดายแค่ว่าหลังจากนี้เธอคงขาดเพื่อนดีๆในบ้านหลังนี้ไปอีกคน นอกจากนันทวัฒน์แล้วก็มีแต่เขาที่เข้าใจเธอ

“คุณปรางค์เปลี่ยนไปเยอะเลยนะครับ”

“ตะวันจำผู้หญิงคนที่ชื่อปรางค์ทองไม่ได้เลยซะด้วยซ้ำค่ะ เหมือนไม่เคยรู้จักว่าเธอเป็นใคร แล้วก็รู้สึกเกลียดตัวเองที่รู้ว่าเคยเป็นเธอมาก่อน”

“ผมคงจะจากไปในเร็วๆนี้ ห่วงแต่เรื่องงานเท่านั้นเองครับ บริษัทเรามีโปรเจกต์ใหญ่ ร่วมทุนกับทางจีน สร้างเมืองใหม่แบบครบวงจร โปรเจกต์นี้ใหญ่มากเหมือนเป็นงานชี้ชะตาบริษัทเราเลยทีเดียวว่าจะไต่อันดับ 10 มหาเศรษฐีเมืองไทยได้หรือเปล่า” คำพูดของทนงศักดิ์ทำให้ตะวันตาวาวขึ้นมาทันที

“นับเป็นข่าวดีนะคะเนี่ย ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พี่วัฒน์ทำได้อยู่แล้ว”

พูดถึงนันทวัฒน์ขึ้นมาแล้ว ทนงศักดิ์อดเป็นห่วงไม่ได้ ตอนนี้เขาไม่มีสมาธิในการทำงาน ส่วนนันทาก็ใช้แต่อารมณ์ ตะวันอาสาจะทำงานนี้เอง เผื่อผลงานเข้าตา นันทาจะได้ยอมรับและเลิกรังเกียจ แล้วขอร้องให้ทนงศักดิ์ทำให้เธอเป็นผู้มีอำนาจสั่งการเพียงผู้เดียวของโปรเจกต์นี้ คงไม่แปลกไม่ใช่หรือถ้าสะใภ้จะมาเป็นผู้นำ

“ผมทำไม่ได้หรอกครับ”

“คุณทนงศักดิ์ก็กำลังจะไปแล้ว ตะวันคิดว่าคุณคงไม่ได้ไปตัวเปล่าแน่ๆ ถ้าหากว่าพี่วัฒน์กับคุณแม่รู้เรื่องนี้ คงสนุกนะคะ” ตะวันยิ้มเจ้าเล่ห์ ทนายหนุ่มใจหายวาบ เพิ่งตระหนักว่าหลงกลนังงูเห่าเข้าให้แล้ว ยังไม่ทันจะพูดอะไรอีก มีเสียงนันทวัฒน์ร้องทักทนงศักดิ์มาจากด้านหลังว่ามาทำอะไรที่นี่แต่เช้า เขาถึงกับสะดุ้งโหยง

“เอ่อ...ครับ คือ...เรื่องโปรเจกต์ร่วมทุนกับจีน”

นันทวัฒน์อารมณ์บูดขึ้นมาทันที บอกให้ทนงศักดิ์ตัดสินใจไปได้เลย แบ่งงานไปทำบ้างเขาเหนื่อยจะแย่แล้ว และที่สำคัญวันนี้เขานัดกับตะวันไว้แล้ว ทนงศักดิ์เตือนว่าใกล้จะถึงวันลงนามสัญญากับทางจีนแล้ว อยากจะขอคุยรายละเอียดด้วย

“คุยงานให้เรียบร้อยเถอะค่ะ ธุระของตะวันไม่ได้สำคัญอะไร”

“จะคุยอะไรก็รีบๆแล้วกันนะครับ” นันทวัฒน์ว่าแล้วเดินนำทนงศักดิ์ไปที่ห้องทำงาน ทนายหนุ่มเหลือบมองตะวันซึ่งยิ้มให้อย่างถือไพ่เหนือกว่า ก่อนจะตามเจ้านายไป แต่เธอต้องยิ้มค้างเมื่อได้ยินเสียงพิชิตดังขึ้นจากด้านหลังว่าคิดจะทำอะไร เธอไม่อยากเสวนาด้วยขยับจะไป แต่เขารวบตัวไว้ หญิงสาวเตือน ถ้าไม่อยากให้ใครเห็นก็ควรจะปล่อยเธอไป นอกจากจะไม่ทำตามแล้ว พิชิตยังลากเธอไปมุมลับตาคน คาดคั้นให้บอกว่าคุยอะไรกับทนงศักดิ์ หรือมีแผนชั่วอะไร เธอไม่ตอบดึงมือเขาออกจะเดินหนี เขากระชากแขนไว้ไม่ให้ไป

“เจ็บนะ ฉันจะทำอะไรนายสนใจด้วยเหรอ ฉันจะจบงานของฉันเร็วๆนี้ แล้วจะจากไปเงียบๆ ไปตามทางของฉัน...คนเดียว” เจอมารยาร้อยเล่มเกวียนของตะวันเข้าไป พิชิตหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก


ทั้งคู่มัวแต่คุยกันไม่ทันเห็นคีรินอยู่บนต้นไม้ริมกำแพงบ้านกำลังประกอบปืนยาวเพื่อลอบสังหารตะวัน รปภ.ของที่นี่เห็นเธอลับๆล่อๆ ตะโกนถามว่าทำอะไร คีรินตกใจรีบยัดชิ้นส่วนปืนลงในกระเป๋าอย่างเดิม

“ถามว่าทำอะไร...ขึ้นไปทำไม”

“โทษทีน้า ฉันเห็นต้นเหมือนกระท้อน เลยคิดว่าจะขึ้นมาเก็บลูกสักหน่อย”

“กระท้อนที่ไหนเป็นแบบนี้ ลงมาเดี๋ยวนี้” รปภ.โวยลั่น พิชิตได้ยินเสียงเอะอะรีบวิ่งไปยังต้นเสียง ตะวันพอจะเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เลือกที่จะยืนอยู่ตรงนั้นไม่ได้ตามไปดู ส่วนคีรินรีบลงจากต้นไม้ รปภ.เห็นว่าเป็นผู้หญิงก็ไม่ติดใจอะไรแค่ไล่ตะเพิดไปให้พ้นเท่านั้น เธอคำนับให้หัวแทบจะโขกพื้น

“ฉันขอโทษจ้ะน้า ขอโทษจริงๆจ้ะ” คีรินพูดจบ รีบขึ้นมอเตอร์ไซค์ขับออกไปอย่างรวดเร็ว พิชิตออกมาทันเห็นหลังเธอไวๆ ก่อนจะหันไปถาม รปภ.ว่าใครกัน ได้ความว่าเป็นแค่หญิงสาวที่นึกว่าเป็นต้นกระท้อนจะมาปีนเก็บลูก พิชิตเล่นงานที่เขาหลงเชื่อคนง่าย กำชับทีหน้าทีหลังไม่ต้องถามยิงให้ไส้แตกไปเลย

“โทร.บอกหัวหน้านะว่าเพิ่มคนอีกสามคน รอบบ้าน เข้าใจไหม”

รปภ.รับคำ พิชิตมองไปยังทางที่คีรินขี่มอเตอร์ไซค์ไปอย่างกังวลใจ ครู่ต่อมาตะวันตามมาตัดพ้อพิชิตว่ายิ่งเขาถ่วงเวลาไม่ยอมร่วมมือด้วยก็ยิ่งทำให้เธอต้องเสี่ยงชีวิต แม้ที่นี่จะคุ้มกันแน่นหนาแต่สักวันอาจพลาดท่าได้ หรือเขาไม่รักไม่ห่วงเธอแล้ว พิชิตได้แต่ก้มหน้านิ่ง ตะวันมองออกว่าเขายังมีเหยื่อใยให้ก็ยิ้มพอใจ...

ขณะที่ตะวันกำลังปั่นหัวคนโน้นทีคนนี้ทีตามแผนการที่ทรงพลวางไว้ให้ ธงไทยเปิดลิ้นชักโต๊ะจะหยิบของ สายตาสะดุดกับแหวนที่ใช้หมั้นตะวัน ทำให้หวนคิดถึงเรื่องราวระหว่างเขากับเธอทั้งเรื่องที่หวานซึ้งและเจ็บปวด เงื้อมือจะปาทิ้ง แต่นึกขึ้นได้ว่ามันเป็นแหวนของแม่ ก็เลยเปลี่ยนใจเอาเก็บไว้ที่เดิม

ooooooo

กันเกราถึงกับบ่นอุบที่ทนงศักดิ์มาขอพบนันทาว่าช่างหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ รู้ทั้งรู้ว่าเธอกำลังนอนกลางวันอยู่ ยังอุตส่าห์เอาเอกสารมาให้เซ็น เขาอ้างว่าเอกสารด่วน กันเกราอยากรู้ว่าด่วนแค่ไหน ยังไม่ทันจะคว้ามาดู มีเสียงแปดหลอดของนันทาดังขึ้นเสียก่อนว่านี่มันเวลานอนของตนไม่รู้หรือไง

“เอกสารด่วนค่ะคุณพี่ มาเร็วๆค่ะ”

“สัญญาส่งสินค้ากับทางอเมริกาครับ ถ้าไม่รีบเซ็นสำนักงานที่นั่นจะปิด เปิดอีกทีก็วันจันทร์”

แม้จะเข้าใจปัญหา แต่นันทาก็ไม่วายหงุดหงิด ดึงเอกสารมาเซ็นโดยไม่อ่านแม้แต่ตัวเดียว ทนงศักดิ์ รีบเก็บเอกสารใส่ซองแล้วจะออกไป นันทวัฒน์กับตะวันเดินเข้ามาเสียก่อน พอเขารู้ว่าทนงศักดิ์เอาเอกสารมาให้แม่เซ็น จัดแจงจะขอดู ตะวันรู้งาน รีบเบนความสนใจเข้าไปควงแขนเขาไว้

“ตะวันหิวแล้ว กินข้าวกันเถอะนะคะ” ตะวันรบเร้าจนนันทวัฒน์ยอมทำตาม ทนงศักดิ์ถอนใจโล่งอกที่รอดตัวมาได้ เดินครุ่นคิดหนักออกมาจากตัวบ้านว่าทำถูกแล้ว ตะวันไม่วายตามมาปั่นหัว

“อะไรที่คุณทนายกำลังคิด คุณคิดไม่ผิดหรอกเป็นใครเขาก็ทำกัน ฉันเอาใจช่วยนะคะ”

ทนงศักดิ์มองหยั่งเชิงไม่แน่ใจว่าเธอรู้อะไร แต่เขามาไกลเกินจะหันหลังกลับ...

ในเวลาต่อมา นันทนาออกจากห้องตัวเองมายังโถงบันไดชั้นบนด้วยความรู้สึกท้อแท้กับการอดยาเพราะไม่มีใครต่อสู้กับเธอด้วย ตั้งแต่อึ่งตาย มยุริญก็หายหน้าไป แถมคนในบ้านดูมีธุระจนลืมสนใจเธอ นันทากำลังจะขึ้นมานอนเจอหน้าลูกสาวทรุดโทรมเหมือนผีตายซาก ก็ยิ่งหงุดหงิด วีนใส่อย่างไม่ไว้หน้า

“ดูสารรูปสิ ขอร้องเถอะ อย่าเที่ยวออกมาเดินได้ไหม ขัดหูขัดตาจริงๆ” พอนันทาเห็นลูกหน้าเศร้า ถึงได้รู้สึกตัวว่าไม่ควรว่าลูกแบบนั้น แต่แทนที่จะขอโทษ เธอกลับเดินหนีเข้าห้อง นันทนาได้แต่มองตามรวดร้าวใจ จะกลับเข้าห้องตัวเอง เดินผ่านห้องพ่อนึกถึงท่านขึ้นมาได้ ตั้งแต่เข้าไปขโมยของครั้งนั้น ไม่ได้เจอหน้าท่านอีกเลย ตัดสินใจเข้าไปเยี่ยม ตะวันยืนดูอยู่อีกมุมหนึ่งแผนร้ายผุดขึ้นมาในสมองของเธอทันที

นันทนาอยากอยู่กับพ่อตามลำพังจึงบอกให้พยาบาลพิเศษที่เพิ่งมาอยู่ใหม่ไปพักกินข้าวก่อน เธอจะอยู่เป็นเพื่อนท่านเอง พยาบาลรับคำแล้วลุกออกไป ตะวันที่เฝ้าดูอยู่หน้าห้องยิ้มสมใจ

แม้จะพูดไม่ได้ แต่เมื่อลูกเข้ามากราบขอโทษในความผิดที่ได้กระทำครั้งก่อน มีหรือพ่ออย่างวัฒนาจะไม่ให้อภัย พยายามรวบรวมกำลังขยับร่างกาย แต่ทำได้แค่ขยับนิ้วมือเท่านั้น ทีแรกนันทนาคิดว่าตัวเองตาฝาด แต่พอเห็นชัดๆว่าพ่อขยับนิ้วได้จริง ก็ดีใจมาก

“คุณพ่อขา นิ้วคุณพ่อ คุณพ่อจะต้องหาย นาจะดูแลคุณพ่อเอง” ขณะที่พูดกับพ่อ นันทนาต้องต่อสู้กับอาการอยากยาไปด้วย “คุณพ่อก็ต้องเป็นกำลังใจให้นาด้วยนะคะ มันทรมานมากค่ะ นาไม่รู้ว่าจะทนกับมันได้ไหม” เธอเห็นพ่อแสดงสีหน้าเป็นทำนองว่าให้สู้ต่อไป พยักหน้ารับรู้ “นาจะพยายามค่ะ กลัวแต่จะทนไม่ไหว”

พลันมีเสียงตะวันดังขึ้นด้านหลัง “ทนไม่ไหว แล้วจะทนทำไม”

นันทนาหันขวับไปมอง ตะวันยื่นยาเสพติดให้ ยุให้รับไปกินจะได้ไม่ต้องทรมาน เธอถูกยั่วกิเลสแทบทนไม่ไหว วัฒนาส่งสายตาเป็นเชิงเตือนสติลูกสาว และพยายามจะขยับตัวเพื่อห้ามปราม

“โอ้โหท่านเจ้าสัวขยับตัวได้แน่ะ อยากจะบอกลูกสาวว่าไงนะคะ ให้หยิบเลยใช่ไหมคะ”

นันทนาเอื้อมมือจะหยิบแต่ยั้งใจไว้ทัน ตะวันรำคาญจับยายัดใส่มือ เธอปล่อยมันทิ้งลงพื้นแล้วถอยหนีตะวันรู้ดีว่านันทนาต้องทนไม่ไหว เดินหัวเราะออกจากห้อง เป็นอย่างที่ตะวันคาดไว้ไม่มีผิด ในที่สุด

เธอก็ทนไม่ไหว ถลาไปคว้ายายัดใส่ปาก วัฒนารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบถล่มลงตรงหน้า เสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดที่ออกจากปากเขา นั่นเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ยาเสพติดออกฤทธิ์ทำให้นันทนาล่องลอยแทบไม่เหลือสติ

ตะวันยืนพิงประตูอยู่หน้าห้อง ยิ้มสะใจเมื่อได้ยินเสียงร้อง ก่อนจะค่อยๆเดินจากไป สักพักกันเกรากับพยาบาลเดินมาถึงหน้าห้อง ได้ยินเสียงโหยหวนของวัฒนาก็ตกใจ พรวดพราดเข้าไปในห้อง ต้องตกใจซ้ำสองที่เห็นนันทนานั่งเมายาอยู่ ขณะที่วัฒนามองลูกด้วยสายตาปวดร้าว กันเกราเห็นยาตกอยู่ที่พื้นจะเข้าไปหยิบ

นันทนาพุ่งชนเธอกระเด็น แล้วคว้ายาใส่ปาก ร่างของวัฒนากระตุกอย่างแรง กันเกรากับพยาบาลต้องช่วยกันจับตัวไว้ แต่ไร้ประโยชน์เขาช็อกตายเสียก่อน กันเกราถึงกับร้องเอะอะลั่น

“ยัยนา แกทำอะไรลงไป ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย”

นันทนากลัวตัวสั่น วิ่งเตลิดออกไป ตะวันแอบดูเหตุการณ์อยู่ด้านนอก ยิ้มสมใจ

“บุญแกดีจริงๆนะไอ้แก่ ชิงตายหนีความทรมานไปเสียก่อน”

ooooooo

ตกเย็นที่บ้านของทรงพล ตะวันในชุดดำเล่าถึงฉากอวสานของเจ้าสัววัฒนาให้ทรงพลฟัง เขาชอบใจมากหัวเราะร่วน ชวนเธอดื่มฉลองให้กับความสำเร็จครั้งนี้ ตะวันขอให้ท่านรออีกนิดเดียว การแก้แค้นครั้งนี้ก็จะบรรลุเป้าหมายแล้ว ทรงพลรอได้ แค่นี้ก็สะใจตนจะแย่อยู่แล้ว

เปลวในชุดดำเดินเข้ามาเห็นพ่อลูกกำลังฉลองกันอย่างมีความสุข ตำหนิว่าคนตายทั้งคนไม่เห็นมีอะไรน่าดื่มฉลอง ทรงพลอารมณ์บูดทันที ตวาดลั่นไม่เห็นหรือว่าไอ้คนที่ตายเป็นใคร

“ไอ้วัฒนาคนที่ทำให้ฉันปางตายแล้วฉันดื่มฉลองให้กับตัวเองนี่มันผิดตรงไหน”

ตะวันเห็นท่าไม่ดี รีบชวนแม่ไปงานศพวัฒนา เดี๋ยวจะไม่ทันพระสวด ก่อนจะหันไปบอกทรงพลว่าอย่าเพิ่งหงุดหงิดไปเลย ยังมีเรื่องให้เราได้ฉลองอีกมากมาย แล้วตามไปสมทบกับแม่ซึ่งยืนรออยู่หน้าบ้าน ท่านต่อว่าว่าทำแบบนี้คิดว่าถูกต้องแล้วหรือ

“การกตัญญูและตอบแทนพระคุณเป็นเรื่องที่หนูควรทำค่ะ”

เปลวขอให้เธอเลิกพูดแบบนี้สักที ถ้าเธอยังแยกไม่ออกอะไรคือความดีอะไรคือความเลว นั่นจะทำให้เธอห่างไกลจากความเป็นคนเข้าไปทุกที ตะวันยืนกรานในเมื่อทรงพลทำทุกอย่างเพื่อเธอได้ เธอยินดีทำทุกอย่างตามที่ท่านต้องการ เปลวตัดพ้อแล้วลูกเอาตนไปไว้ไหน

“สิ่งที่แม่ทุ่มเทให้ปรางค์ มันไม่มีความหมายอะไรเลยหรือไง แม่ไม่เคยรักหนูหรือไง ถ้ายังเห็นแก่ความเป็นแม่เป็นลูกกัน ช่วยใช้สติไตร่ตรองให้ดีว่าสิ่งที่ทำอยู่มันผิดหรือถูก” เปลวว่าแล้วเดินจากไป

“หนูเลือกได้ด้วยหรือคะว่าจะเป็นคนดีหรือคนเลว” ตะวันพึมพำด้วยความสะเทือนใจ...

หลังเสร็จจากงานสวดศพ ทนงศักดิ์ตามมาคุยกับนันทวัฒน์ที่บ้านเรื่องจัดงานแถลงข่าวโครงการร่วมทุนกับจีน นันทาไม่เห็นด้วย บ้านเราเพิ่งสิ้นบุญเจ้าสัวไปจะจัดงานได้อย่างไร ทนงศักดิ์เหลือบมองตะวันแว่บหนึ่ง

“เราเลื่อนออกไปก่อนดีไหมคะคุณทนาย” ตะวันมองทนงศักดิ์ตอบอย่างรู้กัน

“ผมเกรงว่าทางเราจะเสียเครดิตนะครับ

เพราะดำเนินงานมาจนถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว แค่จัดงานแถลงข่าวเปิดโครงการอย่างเป็นทางการ หุ้นของโอฬารพร็อพเพอร์ตี้ก็จะพุ่งทันที”

นันทวัฒน์เห็นด้วยกับแม่ที่ให้เลื่อนงานออกไปก่อน ทางจีนน่าจะเข้าใจว่าเราเพิ่งสูญเสียคนในครอบครัว ตะวันรู้ว่านันทาไม่ชอบให้เธอเสนอหน้าออกความเห็น จึงทำเป็นเออออกับนันทวัฒน์

“นั่นสิคะ ไทยจีนวัฒนธรรมใกล้เคียงกัน น่าจะเข้าใจนะคะ...”

แม่ผัวจอมวีนแตกตกหลุมพรางที่ตะวันดักไว้ สั่งการให้ทนงศักดิ์ดำเนินงานต่อไปตามกำหนดเดิม เธอแอบยิ้มกับทนงศักดิ์ที่สามารถทำตามแผนได้

ooooooo

เพื่อให้แผนการราบรื่น ตะวันจำเป็นต้องให้นันทวัฒน์เข้ามานอนในห้องด้วย แต่ก็มีแผนรับมือไว้แล้วทำทีดึงเขามาซบตรงไหล่ปลอบให้ทำใจดีๆ พ่อของเขาไปสบายแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าที่ไหล่ของเธอทายาสลบอ่อนๆเอาไว้ อึดใจเดียวเขาก็หมดสติ ตะวันค่อยๆวางร่างของเขาลงบนเตียงก่อนจะกระซิบข้างหู

“คุณเองก็หลับให้สบายนะคะ สบายตามไอ้แก่มันไปเลยได้ยิ่งดี”

มีเสียงดังขึ้นทางด้านหลัง “อ้อ เป็นแบบนี้นี่เอง”

ตะวันตกใจหันขวับ เห็นพิชิตยืนกำมือแน่นใกล้กับหน้าต่างห้อง เดาได้ไม่ยากว่าเขาขึ้นมาทางไหน ดวงตาแดงก่ำของเขาบ่งบอกได้ว่าเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก เสียใจที่วัฒนามาจากไป พลันภาพในอดีตผุดขึ้นมาในความคิดคำนึงของเขา ดึกคืนนั้นพิชิตลอบมาพบกับปรางค์ทองหรือตะวันเพื่อบอกลา แต่ไม่สามารถจะหักห้ามใจได้ดึงเธอมากอดแนบอก ทันใดนั้นไฟเปิดพรึ่บพร้อมกับเสียงโวยวายของวัฒนา

“นี่มันอะไรกัน ลอบเป็นชู้กันหรือ”

ทั้งพิชิตและปรางค์ทองต่างตกใจ พยายามจะแก้ตัว แต่วัฒนาไม่ฟัง ยืนยันจะให้นันทวัฒน์เป็นคนตัดสินเรื่องนี้เอง แล้วหันหลังเดินขึ้นข้างบน พิชิตวิ่งตามเห็นท่านขึ้นไปถึงบันไดชั้นบนแล้ว ขอร้องให้ท่านฟังเขาก่อน วัฒนาหันมองตาขวาง ก่อนจะก้าวฉับๆไปทางห้องนอนของลูกชาย แต่ต้องชะงักไม่รู้ปรางค์ทองมาจากทางไหน ยืนขวางไว้ เธอพยายามอธิบายว่าวัฒนาเข้าใจผิด

“เห็นกับตาแบบนี้ยังจะต้องพูดอะไรกันอีก ฉันว่าเธอเก็บคำอธิบายของเธอไปใช้กับตาวัฒน์เถอะ...ถอยไป” วัฒนาขยับจะไปหานันทวัฒน์ แววตาของปรางค์ทองเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว ก่อนจะเดินเข้าหา เขากลัวจัดถอยกรูดจนเสียหลักตกบันได เธอจะคว้าแต่ไม่ทัน วัฒนากลิ้งหลุนๆลงไปกองกับพื้น

“ท่านเจ้าสัวทำใจดีๆไว้นะครับ ผมจะไปตามคนมาช่วย” พิชิตยังไม่ทันขยับ ปรางค์ทองดึงมือไว้เตือนว่าวัฒนาเห็นเราสองคน จะอธิบายกับนันทวัฒน์อย่างไร เธอเห็นเขานิ่งอึ้ง ถามเสียงเข้มว่าตกลงเขาแคร์ใครมากกว่าระหว่างนันทวัฒน์หรือวัฒนา พิชิตมืดแปดด้านไม่รู้จะทำอย่างไรดี

“ฉันจะไม่ให้เขาพูดอะไรอีกต่อไป” ตะวันว่าแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆวัฒนา หยิบผ้าเช็ดหน้าที่อกเสื้อของพิชิตวางบนคอพ่อสามีแล้วกดนิ้วลงไปที่เส้นเลือดใหญ่จุดสำคัญของร่างกายซึ่งได้รับการสั่งสอนมาจากทรงพล แต่ยังไม่ทันจะทำให้ถึงชีวิต กันเกราได้ยินเสียงเอะอะวิ่งเข้ามาดูเสียก่อน...

ปรางค์ทองถูกพาตัวมาซักถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ห้องรับแขกของบ้าน นันทนาไม่ฟังเสียง ปรี่เข้าไปตบตีอุตลุดฐานทำร้ายพ่อของตน นันทวัฒน์พยายามห้าม แต่เธอไม่ฟัง เขาจึงต้องจับน้องสาวเหวี่ยงลงไปกองกับพื้น กันเกราต่อว่านันทวัฒน์ว่าทำไมถึงทำกับน้องขนาดนี้ เขาอ้างว่าเธอทำตัวไม่ดี นันทาปรี๊ดแตกทันที

“มันทำพ่อแกเป็นแบบนั้น แกทนได้ไงตาวัฒน์ น้องแกมันเจ็บแค้นแทนพ่อก็ถูกแล้ว”

“แต่ปรางค์ไม่ได้ทำอะไรนะคะ ท่านตกลงมาเอง ปรางค์ก็พูดไปแล้ว”

นอกจากนันทวัฒน์แล้ว ไม่มีใครเชื่อคำพูดของปรางค์ทองสักคน หาว่าเธอโกหกปลิ้นปล้อน จะเอาเรื่องให้ได้ นันทวัฒน์จึงต้องเรียกพิชิตมาสอบถาม

“คำพูดของนายจะถือเป็นคำขาดเพราะฉันรักและไว้ใจนายมากที่สุด เมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้น”

“เอ่อ...ท่านเจ้าสัวตกลงมาเองครับ ผมช่วยท่านถือของเข้ามาผมเห็นกับตา คุณปรางค์ได้ยินเสียง วิ่งมาดูทีหลังครับ” พิชิตเหลือบมองปรางค์ทองแวบหนึ่ง นันทาถามย้ำว่าจริงหรือ เขาพยักหน้ารับคำหนักแน่น...

ตะวันได้ฟังเรื่องราวในอดีตจากปากของพิชิตแล้ว สรุปทันที “ที่แท้ไอ้แก่มันก็ลื่นตกลงไปเอง”

คำพูดของเธอทำให้พิชิตตระหนักว่าปรางค์ทองคนเก่าหายไปแล้ว ไม่เหลือความทรงจำอะไรอีกแล้ว ผู้หญิงตรงหน้าเขาไม่รู้อดีตของตัวเองแม้แต่น้อย เธอสงสัยเขามองหน้าทำไม พิชิตเปลี่ยนเรื่องพูดกลบเกลื่อน

“ทำไมถึงต้องวางยาคุณวัฒน์”

“ฉันไม่ได้รักเขาแล้วไงล่ะ คนที่ฉันรักคือพิชิต บอกสิว่านายไม่ได้รักฉัน” ไม่พูดเปล่าตะวันโผกอดเขาไว้ ชายหนุ่มอดใจไม่ไหว กอดตอบและเกือบจะจูบเธอแล้วถ้าไม่เหลือบไปเห็นนันทวัฒน์นอนหลับอยู่บนเตียง ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีกระแทกใจเขาเต็มๆ ตัดสินใจผลักตะวันพ้นทาง แล้วรีบปีนหน้าต่างออกไป ตะวันมองตามโล่งใจ เธอเองก็ไม่ได้มีใจให้เขาแม้แต่น้อย

ooooooo

วันนี้เป็นวันเผาศพวัฒนา นันทามองโลงศพของสามีเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความอาลัยอาวรณ์ โดยมีกันเกรากับนันทวัฒน์คอยประคองอยู่ไม่ห่าง ส่วนทนงศักดิ์กับตะวันแยกมาคุยกันอยู่อีกมุมหนึ่งของศาลาสวดศพ เขาว่าทำทุกอย่างตามที่เธอต้องการแล้ว เธอควรจะปล่อยให้เขาไปได้แล้ว

“ยังไปไม่ได้ คุณต้องอยู่จนถึงวันแถลงข่าว ฉันต้องแน่ใจว่าทุกอย่างราบรื่น”

“ผมจะแน่ใจได้อย่างไรว่าหลังจากนั้นคุณจะไม่ทรยศผม”

ตะวันเองก็ตอบไม่ได้ แต่ถ้าเขาทำงานสำเร็จตามที่เธอต้องการ เธอจะไม่วุ่นวายกับเขาอีก เพราะเธอเองก็มีทางที่จะไปเหมือนกัน ตะวันว่าแล้วอดนึกถึงธงไทยไม่ได้ อยากกลับไปหาใจจะขาด พิชิตแอบมองทั้งคู่สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลใจ...

ได้เวลาเผาศพวัฒนา แขกเหรื่อทยอยขึ้นเมรุเพื่อวางดอกไม้จันทน์จนกระทั่งคนสุดท้าย สัปเหร่อกำลังจะปิดเตาเผาอยู่แล้ว ถ้าไม่ปรากฏร่างของนันทนาในสภาพทรุดโทรมจะเอาดอกไม้จันทน์มาวาง นันทาระเบิดอารมณ์ใส่ปัดดอกไม้จันทน์ในมือลูกสาวกระเด็น กันเกราขอร้องให้เธอเห็นแก่วิญญาณของท่านเจ้าสัวด้วย นันทากำลังของขึ้นให้เอาอะไรมาฉุดก็ไม่อยู่ ไล่ตะเพิดลูกไม่ไว้หน้า

“ยังจะมีหน้ากลับมาอีกเหรอ นังขี้ยา แกทำให้คุณพ่อตาย แกจะกลับมาอีกทำไม”

นันทนาพยายามอธิบายว่าแม่เข้าใจผิด แต่ท่านไม่ฟัง ไล่ตะเพิดเธอไปให้พ้น อย่าเอาความสกปรกมาแปดเปื้อนที่นี่ อย่าทำให้วิญญาณของคุณพ่อไม่สงบ นันทนาเสียใจมากวิ่งหนีไปทั้งน้ำตา กันเกราตำหนิพี่สาว

“แล้วแบบนี้วิญญาณท่านเจ้าสัวคงสงบสินะคะ คุณพี่เป็นแม่ประสาอะไรไม่เคยฟังลูกเลย”

ตะวันมองภาพแม่ลูกทะเลาะกันด้วยความสะใจ...

ในเวลาไล่เลี่ยกัน จ๊ะจ๋ากับหนูพุทธกำลังเปิด รายการในทีวีดู บังเอิญเจอช่องรายการข่าวซุบซิบสังคมมีภาพและข่าวของตะวันปรากฏขึ้นหน้าจอ เป็นจังหวะเดียวกับธงไทยเดินผ่านพอดี พิธีกรรายงานข่าวว่า

“ปรางค์ทองสาวสังคมคนดังที่หายหน้าหายตาไปนาน เตรียมควงสามี นันทวัฒน์แถลงข่าวโปรเจกต์ใหญ่ คอนโดฯหรูกลางกรุง วันอาทิตย์นี้ รอดูสิว่าเธอจะใส่ชุดของร้านไหนออกงาน”

จ๊ะจ๋ากับหนูพุทธถึงกับหน้าเสียรีบปิดทีวีแทบไม่ทัน ธงไทยเบือนหน้าหนี ก่อนจะเดินเลี่ยงออกมา จ๊ะจ๋าบ่นอุบทำไมถึงซวยขนาดนี้ ดันเปิดมาเจอช่องข่าวยัยนั่น หนูพุทธไม่คิดว่าพี่ไทยจะรู้สึกรู้สมอะไรด้วย

“น้อยไปสิ ถ้าเล่นโผล่มาให้เห็นแบบนี้บ่อยๆคงจะลืมได้หรอก เจ้าประคุณ ประกาศออกงานขนาดนี้ ขอให้มือปืนมันตามไปยิงให้ตายๆไปซะเลยจะได้หมดสิ้นเวรกรรมกันสักที”

หนูพุทธขอร้องอย่าไปแช่งคนอื่นแบบนั้น มันไม่ดี จ๊ะจ๋าสวนทันที แช่งคนเลวอย่างตะวันไม่เห็นจะไม่ดีตรงไหน ธงไทยแอบฟังอยู่ด้านนอก อดเป็นกังวลแทนตะวันไม่ได้...

ข่าวนี้นันทาก็ได้ดูเช่นกัน และไม่พอใจมากที่นันทวัฒน์คิดจะควงนังงูเห่าออกงานเอิกเกริกทั้งที่เพิ่งจะเผาศพพ่อ เปลี่ยนใจจะให้ล้มเลิกการจัดงานครั้งนี้ ทนงศักดิ์ทำตามที่เธอสั่งไม่ได้ เพราะทางจีนทยอยบินมาเมืองไทยเกือบครบแล้ว นันทายืนกรานจะให้ยกเลิกไปก่อน นันทวัฒน์เตือนว่าโปรเจกต์นี้สำคัญมากแม่ก็รู้ดี อย่าทำมันพังเพียงเพราะท่านไม่ชอบตะวัน นันทาโกรธที่ลูกจี้ใจดำ ทำท่าจะเอาเรื่อง นันทวัฒน์ชิงตัดบทเสียก่อน

“ผมยังต้องเตรียมสคริปต์แถลงข่าวอีกใช่ไหมคุณทนงศักดิ์ งั้นเชิญที่ห้องทำงานผมดีกว่า”...

อีกมุมหนึ่งในสวนข้างบ้าน พิชิตตำหนิตะวันเล่นประกาศออกสื่อไปทั่วว่าจะไปงาน แบบนี้เท่ากับชี้เป้าให้ศัตรู ขนาดอยู่ในบ้านยังไม่ปลอดภัย แล้วในที่สาธารณะแบบนั้นไม่แย่หรือ

“อันตรายแค่ไหนฉันก็ยอม มันจะได้จบเร็วๆ ฉันจะทำเพื่อเรานะพิชิต เราจะได้ไปตามทางของเราสักที”

เขาเกรงเธอจะเอาชีวิตไปทิ้งเสียก่อน ตะวันกลับไม่กลัวเนื่องจากมีเขาคอยคุ้มกัน พิชิตเองก็ไม่แน่ใจเพราะมือปืนสาวคนนั้นฝีมือไม่ธรรมดา

“แต่ฉันมีวิธี รับรองว่าเราจะปลอดภัย”

ooooooo

เช้าวันงานแถลงข่าวของโอฬารพร็อพเพอร์ตี้ จ๊ะจ๋าจัดสำรับเสร็จ วานหนูพุทธช่วยไปตามธงไทยมากินข้าว เด็กน้อยขึ้นไปตามเขาที่ห้อง สักพักลงมาบอกว่าไม่เห็นเขาอยู่ในห้อง สงสัยจะออกไปข้างนอก

“ไม่เห็นบอกเลย หรือบอกพี่ไผ่ไว้ ไม่เป็นไรเดี๋ยวคงกลับมา” จ๊ะจ๋าอดเป็นกังวลไม่ได้ว่าเขาหายไปไหน...

สายวันเดียวกัน ตะวันซุ่มรออยู่แถมชุมชนแออัดใกล้บ้านของคีริน จนกระทั่งเห็นคีรินขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป ก็รีบออกจากที่ซ่อน เข้าไปหาแม่ของเธอในบ้าน...

ภายในห้องจัดงานแถลงข่าว นันทวัฒน์เห็นใกล้เวลาเริ่มงานเข้ามาทุกที แต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของตะวัน ถามทนงศักดิ์ว่าเธอหายไปไหน ป่านนี้ทำไมยังไม่มา ทนายหนุ่มรู้แค่ว่าเธอติดธุระนิดหน่อย ถ้าจะให้เดาก็คงไม่พ้นเรื่องความสวยความงามเพราะจะต้องออกงานใหญ่

“นั่นสินะ วันนี้ผมตั้งใจให้ทุกคนได้รับรู้การกลับมาใช้ชีวิตคู่ของเรา เธอคงอยากให้ตัวเองดูสวยที่สุด”

พิชิตเห็นนันทวัฒน์ดูมีความสุขมาก จึงไม่อยากทำให้เขาผิดหวัง ตัดสินใจล้มเลิกข้อตกลงที่ทำไว้กับตะวัน...

บนหลังคาตึกฝั่งตรงข้ามสถานที่จัดงาน คีรินประกอบปืนยาวติดลำกล้องเสร็จ เล็งไปยังเป้าหมายซึ่งเป็นบริเวณที่รถของผู้มาร่วมงานจะมาจอด รอการมาถึงของตะวันอย่างใจจดจ่อ...

ขณะที่ทนงศักดิ์ยืนมองนันทวัฒน์ให้สัมภาษณ์นักข่าวอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องจัดงาน พิชิตเข้ามายืนข้างๆ บอกว่าตนเองรู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร

“ผมก็รู้เหมือนกันว่าคุณจะทำอะไร...ผมตัดสินใจแล้ว” ทนงศักดิ์มองหน้าพิชิตเขม็ง

“ผม...ก็ตัดสินใจแล้ว” พิชิตว่าแล้วหันไปมองนันทวัฒน์ด้วยแววตามุ่งมั่น...

ในระหว่างที่ทนงศักดิ์และพิชิตตัดสินใจเลือกข้างความถูกต้อง คีรินต้องตกใจแทบช็อกเมื่อเห็นตะวันก้าวลงจากรถตรงหน้าทางเข้างานพร้อมกับแม่ของเธอเอง แถมโอบท่านไว้แนบตัวเพราะรู้ว่าระยะใกล้ขนาดนี้ เธอคงไม่เสี่ยงยิง เนื่องจากกลัวพลาด คีรินโกรธควันแทบออกหูที่ตะวันหลอกแม่ของเธอมาเป็นโล่มนุษย์ให้

ด้านตะวันรีบพาแม่ของคีรินเข้าไปในงาน ผ่านเครื่องมือและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่คอยตรวจตราหาอาวุธ เธอยิ้มพอใจเพราะนั่นเท่ากับในงานนี้เธอจะปลอดภัย ทันทีที่ตะวันถึงห้องจัดงาน นักข่าวกรูกันเข้ามาถ่ายรูป เธอสลัดแม่ของคีรินทิ้งหน้าตาเฉย แล้วเดินเฉิดฉายให้พวกนั้นเก็บภาพด้วยมาดนางพญา แม่ของคีรินถูกนักข่าวชนจนเซเสียหลัก โชคดีที่พิชิตรับตัวไว้ทัน

“คุณปรา...เอ่อ คุณตะวันให้ผมมาคอยดูแล คุณน้าครับ ไปนั่งทางโน้นก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะหาน้ำให้” พิชิตพูดจบพาแม่ของคีรินไป

นันทวัฒน์เข้ามาตามตะวันให้ขึ้นเวทีได้แล้ว งานกำลังจะเริ่ม นักข่าวหันมาเห็นเขา ก็เชิญให้มาถ่ายรูปคู่กัน จังหวะนั้นมยุริญหอบดอกไม้ช่อใหญ่เข้ามาแสดงความยินดีกับนันทวัฒน์

พวกนักข่าวเห็นเป็นเรื่องสนุกที่ภรรยากับคู่หมั้นมาเผชิญหน้ากัน จึงจับทั้งสามคนมาถ่ายภาพเก็บไว้ ตะวันหงุดหงิดใจมากที่มยุริญมางานนี้ด้วย ฮึดฮัดจะเอาเรื่อง จังหวะนั้นมีเสียงพิธีกรในงานประกาศเชิญคณะกรรมการของทั้งไทยและจีนขึ้นเวทีเพื่อทำพิธีแถลงข่าว ทนงศักดิ์สบช่องรีบบอกกับพวกนักข่าว

“ขอตัวคุณนันทวัฒน์กับคุณปรางค์ทองขึ้นเวทีนะครับ”

ooooooo


ที่มาไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น