วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร รอยรักแรงแค้น ตอนที่ 15


ที่วัด...มุกรินถืออาหารถ้วยเล็กๆวางหน้าโลงศพธาดา เคาะโลงบอกพี่ชาย

“กินข้าวนะพี่ใหญ่ มุกเลือกของโปรดพี่มาให้เท่าที่มุกจำได้... ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วนะพี่ เย็นนี้พระจะมาสวด ถ้าพี่ใหญ่ยังอยู่แถวๆนี้ ก็มาฟังพระสวดด้วยกันนะพี่ใหญ่”

บอกกล่าวพี่ชายแล้วมุกรินน้ำตาไหลออกมาอีก พอเธอหันกลับก็เห็นดวงดาวยืนร้องไห้อยู่หน้าโลงศพ...

“ดาว...ฉันพยายามติดต่อเธอตั้งแต่วันแรกที่พี่ใหญ่เสีย แต่ก็ติดต่อเธอไม่ได้”

เป็นคำพูดที่ทำให้ดวงดาวน้ำตาไหลพรากยิ่งขึ้น พูดปนเสียงร้องไห้อย่างหนักว่า

“ฉันไม่ควรทิ้งเขาไปเลย ถ้าฉันอยู่ มันคงไม่จบอย่างนี้หรอก...” มุกรินบอกว่าไม่ใช่ความผิดของเธอ “ฉันน่าจะพอห้ามผู้ชายคนนั้นได้...หรืออย่างน้อย อาก็ควรจะได้รู้ว่า เลือดเนื้อของอาอยู่ในนี้...”

ดวงดาวลูบท้องตัวเองอย่างแผ่วเบา มุกรินใจหายเมื่อรู้ว่าดวงดาวท้อง... ดวงดาวโผกอดโลงศพธาดาร้องไห้คร่ำครวญ...

“อาน่าจะได้สัมผัสเขาสักครั้ง ได้พูดกับเขาสักคำ แม้เขาจะยังอยู่ในนี้...แต่เขาก็กำลังเติบโต เขาต้องรู้สึกถึงสัมผัสของพ่อได้...ดีกว่าที่อาจะจากไปโดยไม่รู้อะไรเลยแบบนี้...”

“โธ่...ดาว...” มุกรินโอบกอดดวงดาวอย่างให้ กำลังใจ

“ตอนแรกฉันกลัวว่าเขาจะโกรธที่ฉันท้อง...แต่บางทีลูกอาจจะเป็นสิ่งเดียวที่เหนี่ยวรั้งไม่ให้เขาคิดสั้นแบบนี้...อา...หนูขอโทษ...หนูอาจจะไม่เคยบอกอาตรงๆว่าหนูรักอา...แต่หนูรักอานะ...ถ้าชาติหน้ามีจริง หนูขอเกิดมารักอาอีก และจะรักอาตลอดไป จะบอกรักอาทุกวัน จะไม่ทำให้อาต้องเสียใจแม้แต่นิดเดียว...”

“ฉันเชื่อว่าพี่ใหญ่รับรู้ทุกคำพูดของเธอ และเขาจะต้องดีใจที่เธอมาหา” ดวงดาวถามว่าแล้วเขาคนนั้นล่ะ มาหรือยัง มุกรินบอกว่าเขาไม่มีทางมา แต่ดวงดาวมั่นใจว่า “เขาต้องมา...ฉันรู้ เพราะเขาต้องรู้สึกผิด และอยากให้เธอเห็นใจเขา”

“ไม่มีทาง จากนี้ไป เขาจะไม่มีวันได้ในสิ่งที่เขาต้องการ”

แต่พอสิ้นเสียงมุกริน รถคิมหันต์ก็ขับเข้ามาจอดที่หน้าศาลา ดวงดาวกับมุกรินหันมองพร้อมกัน ดวงดาวพูดทันทีว่า บอกแล้วว่าเขาต้องมา มุกรินบอกว่า ตนไม่ต้องการเห็นหน้าเขาอีก ดวงดาวบอกว่าเป็นสิทธิ์ของเธอ เธอเลือกได้

แต่ไม่ทันที่มุกรินจะลุกขึ้น คิมหันต์ก็มาถึงตัวแล้ว เขาขอให้เธอหยุดฟังตนก่อน มุกรินหยุดยืนนิ่ง

“เมื่อผมพูดจบแล้ว คุณจะทำยังไงก็ได้ จะตบหน้าผมแรงกว่าเก่าก็ได้ จะด่าผมหรือจะให้คนมาจับผมโยนออกไป ผมก็ยอม”

“ดาว...ฉันจะไปหาพี่ปรารภ...เขาจอดรถอยู่ ด้านหลัง เธออยากจะทำอะไรก็เชิญนะ” มุกรินเดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะมองหน้าคิมหันต์

คิมหันต์ทรุดนั่งข้างๆดวงดาวหน้าโลงศพธาดา ดวงดาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงห่างเหินว่า

“คุณมีเวลาหนึ่งนาทีที่ฉันจะยอมฟังคุณ...หลัง

จากนั้น คุณจะกลายเป็นคนที่น่ารังเกียจที่สุดสำหรับฉัน เป็นอากาศสกปรกที่ฉันจะไม่แม้แต่เหลือบตามอง”

คิมหันต์นั่งก้มหน้านิ่งครู่หนึ่ง จึงเอ่ยขึ้นว่า...

“ผมขอโทษดวงดาว ขอโทษจริงๆ ผมยินดีทำ ทุกอย่างเป็นการชดใช้สิ่งที่ผมทำไว้กับใครๆ ทุกคนโดยเฉพาะกับคุณ”

“เสียใจด้วยนะ ที่ไม่มีใครเชื่อคุณอีกต่อไปแล้ว”

ดวงดาวลุกขึ้นอย่างไม่แยแส คิมหันต์คว้าแขนเธอไว้ เรียกอย่างเว้าวอนถูกดวงดาวตบหน้าเต็มฝ่ามือ สะบัดเสียงใส่

“นี่คือสัมผัสสุดท้ายที่ฉันจะแตะต้องตัวคุณ... ไอ้คนใจบาป!”

ooooooo

เวลาเดียวกัน ที่มุมหนึ่งในโรงพยาบาล อรรถเข็นรถพาพักตราลงมาบริเวณที่ร่มรื่นในโรงพยาบาล พูดคุยกับเธออย่างอ่อนโยน สดชื่น แจ่มใส

“หมอบอกว่า แผลผ่าตัดของหนูหายเร็วมาก แสดงว่าหนูเป็นคนไข้ที่ดี ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของคุณหมอทุกอย่างและเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าสุขภาพจิตของหนูก็ดีขึ้นมากๆด้วย” พักตราถามว่า แสดงว่าตนกลับบ้านได้แล้วใช่ไหม “ตอนเย็นๆคุณหมอแวะมาตรวจลูกหมอจะบอกเราอีกที แต่พ่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วล่ะ”

“เมื่อไหร่คิมจะมาล่ะคะพ่อ”

“เมื่อเขาเสร็จธุระ เขาจะมาทันที เขาต้องมาหาหนูก่อนวันกลับบ้านแน่ๆ เชื่อพ่อสิ”

พักตรานิ่งไปอย่างยากที่ใครจะคาดเดาใจเธอได้ ขณะนั้นเองเจ้าหน้าที่เข้ามาบอกว่ามีคนมาขอเข้าเยี่ยมคุณพักตรา เธอถามว่าใคร คิมหันต์หรือ? อรรถบอกว่านั่นสามีลูกนะจะต้องขออนุญาตทำไม

“เขาชื่อคุณมุกริน กับคุณดวงดาวค่ะ”

พอเจ้าหน้าที่บอก พักตราก็ยืดตัวตรงขึ้นด้วยความแปลกใจ

ooooooo

พักตรากลับไปที่ห้องพักรับรองในโรงพยาบาล ครู่หนึ่งเจ้าหน้าที่พามุกรินกับดวงดาวเข้ามา พอนั่งลง มุกรินเอ่ยขึ้นก่อนว่า

“ฉันเพิ่งรู้ข่าวจากคุณชุมสายว่าเธออยู่ที่นี่”

“ฉันก็เพิ่งรู้ข่าวพี่ชายเธอเหมือนกัน เสียใจด้วยนะ” มุกรินบอกว่าเสียใจเรื่องลูกเธอเช่นกัน “แน่ใจนะว่าไม่ได้ตั้งใจจะมาเยาะเย้ยฉัน”

“อย่ามองเราสองคนอย่างนั้นสิพักตรา เราเห็นใจเธอจริงๆนะ” ดวงดาวเอ่ยขึ้นบ้าง แต่ถูกพักตราสวนทันควันว่า

“ไม่จำเป็น ความเห็นใจช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอก ...เธอไม่ได้เป็นแม่ เธอไม่มีวันรู้สึกอย่างที่ฉันรู้สึกหรอก”

“ฉันรู้สึกไม่ต่างจากที่เธอรู้สึก” ดวงดาวหนักแน่นจริงจังบอกเป็นนัย จนพักตรามองหน้าพูดอย่างเข้าใจความหมายว่า

“เหรอ...งั้นก็ขอให้โชคดี ไม่แท้งลูกอย่างฉัน...” พักตราหันไปทางมุกริน “แล้วเธอล่ะ...เธอคงไม่ได้ท้องอีกคนนะ ฉันไม่อยากเดาว่าใครเป็นพ่อ”

“ฉันตั้งใจจะมาขอโทษเธอ” มุกรินตัดบท พักตราอึ้ง มุกรินบอกว่า “ที่ผ่านมา เรื่องระหว่างเรามันพัวพันจนแยกไม่ออกว่าใครถูก ใครผิด” ฟังแล้วพักตราท่าทีอ่อนลง มองมุกรินอย่างสนใจฟัง มุกรินพูดต่ออย่างตั้งใจว่า

“แต่วันนี้ มันเป็นโอกาสดีที่สุด เราจะทิ้งเรื่องราวเหล่านั้นและตั้งต้นชีวิตใหม่ และฉันยืนยันกับเธอได้เลยว่า ชีวิตใหม่ของฉัน จะไม่มีคนของเธอมาเกี่ยวข้องด้วยเป็นอันขาด...ฉันขอให้เธอมีความสุขกับอนาคตที่เธอปรารถนา และไม่ต้องกังวลว่าฉันจะแย่งคนของเธอไป ...เท่านั้นแหละ”

พูดจบทั้งมุกรินและดวงดาวลุกเดินออกไปด้วยกัน พักตรารีบเรียกไว้

“มุกริน...ขอบใจนะ...ขอบใจมาก...”

มุกรินเดินเข้าไปโอบกอดพักตราไว้ด้วยความเห็นใจ...จริงใจ...ต่างน้ำตาไหลออกมา...

ooooooo

ที่บริเวณจอดรถด้านหน้าคลินิก ปรารภยืนคอยอยู่ที่รถของเขา มุกรินกับดวงดาวเดินออกมา

“ภารกิจเรียบร้อยดี ไม่มีปัญหานะครับ” ปรารภถาม ดวงดาวบอกว่าดีกว่าที่คาด “ดีใจด้วยครับ แล้วตอนนี้เราจะไปไหนกันดีครับสาวๆ บอกมาเลย โชเฟอร์คนนี้ยินดีไปส่งให้ถึงที่” ปรารภเอ่ยอย่างอารมณ์ดี

“ฉันอยู่ชะอำ” ดวงดาวบอก ปรารภร้องโอ้...เธอถามว่าไกลไปใช่ไหม ปรารภบอกว่าไปส่งได้ไม่มีปัญหา อยู่ที่ว่าจะส่งใครก่อนดี มุกรินบอกว่าตนจะไม่อยู่บ้านหลังนั้นแล้ว ดวงดาวติงว่านั่นเป็นบ้านพ่อบ้านแม่เธอนะ

“มันเป็นของเขา เขายึดไปแล้วก็ให้ยึดไปเถอะ ไม่อยากไปอยู่ให้มีบุญคุณกันอีก...เธอเองก็ไม่ควรอยู่ที่ชะอำนะดาว...มาอยู่ด้วยกันกับฉันเถอะ” ดวงดาวถามว่าที่ไหน “บ้านพี่ใหญ่ บ้านที่พี่ใหญ่เช่าไว้ไง เขาคงดีใจถ้ารู้ว่าเธอกับฉันกลับไปอยู่ที่นั่น ว่าไง...ฉันจะได้ช่วยดูแลหลานฉันด้วย”

“ลองดูสักพักก็ได้” เป็นคำตอบที่ทั้งผู้ถามและผู้ตอบต่างยิ้มแย้มยินดีกับการเริ่มต้นใหม่

“ลงตัวอย่างนี้ก็ดี งั้นเย็นนี้ ให้พี่เลี้ยงข้าวก่อนแล้วค่อยกลับบ้านนะสาวๆ” ปรารภยิ้มดีใจกว่าเพื่อน รีบเปิดประตูรถให้มุกริน พอมุกรินเข้าไปนั่งในรถแล้ว ดวงดาวบอกเขาว่า

“อย่าเพิ่งดีใจไปนะคุณปรารภ คุณต้องตื๊อหนักกว่านี้อีกเยอะ ถ้าหวังจะให้มุกรินตกลงปลงใจกับคุณ”

“มีโอกาสได้ดูแลแค่นี้ ผมก็พอใจแล้วครับคุณดวงดาว”

“ให้มันจริงเถอะ” ดาวดาวพูดยิ้มๆ แล้วก้าวขึ้นรถ ปรารภฟังแล้วยิ้มยิ่งกว่าพลางปิดประตูรถเบาๆ

ooooooo

คืนนี้...ที่ร้านอาหารผับ บาร์ คิมหันต์กับชุมสายนั่งกันที่โต๊ะใหญ่ในมุมสลัว บรรยากาศภายในยังเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่วันนี้คิมหันต์นั่งซึม ต่างจากทุกครั้งที่มา จนชุมสายทักว่า

“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นแกไม่สบายใจแล้วไม่ดื่มเหล้า”

“ฉันกินไม่ลง” คิมหันต์ตอบเนือยๆ ชุมสายถามว่าหรือเพราะไม่มีผู้หญิง? “ไม่ว่าแกจะหาผู้หญิงมานั่งโต๊ะนี้อีกกี่คน ก็ไม่ได้ทำให้ฉันนึกอยากกินเหล้าขึ้นมาได้หรอก”

“ไม่กินนั่นแหละดีแล้วเพื่อน จะได้มีสติ ปัญหามันต้องแก้ด้วยสติไม่ใช่ความเมา”

“ต้องใช้สติขนาดไหนฉันถึงจะผ่านมันไปได้” คิมหันต์ยังอยู่ในความเศร้าซึม

“สติของแกเท่าที่แกมีนั่นแหละ ตั้งสติยอมรับความจริง เผชิญหน้ากับมันอย่างไม่เกรงกลัว แกเคยบอกว่า ที่แกทำไปทุกอย่างเพราะแกรักพี่มลใช่ไหม จากนี้ไป ลองรักตัวเองบ้างสิ รักคนรอบๆข้างบ้าง ใช้หัวใจครับเพื่อน ใช้หัวใจเป็นธงนำ ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง มันก็จะเป็นเพราะความรักไม่ใช่ความแค้น”

เป็นหนึ่งในน้อยครั้งที่คิมหันต์นิ่งฟังชุมสายพูด และมองหน้าเพื่อนรักอย่างครุ่นคิด...

ooooooo

กลางดึกคืนนี้ คิมหันต์กลับไปที่ห้องพักคนไข้ เขาเปิดปิดประตูอย่างแผ่วเบาที่สุด ในความมืดสลัวเขาเห็นอรรถนั่งเอนหลังอยู่ที่โซฟา เขาทักว่าท่านยังไม่หลับหรือ

อรรถตอบเรียบๆว่าคนแก่ก็อย่างนี้แหละ หลับยากตื่นแต่มืด คิมหันต์ถามว่าท่านนอนที่นี่ตลอดเลยหรือ

“คนที่ฉันรักที่สุดอยู่ที่นี่ ฉันจะไปไหนได้...” คิมหันต์นิ่งอึ้งอย่างเข้าใจความนัยนั้น “ฉันทำได้ทุกอย่าง เพื่อทดแทนทุกสิ่งที่พักตราขาด วันนี้นายเลือกกลับมาที่นี่ ก็เพื่อเติมสิ่งที่พักตราขาดเช่นกัน...ใช่ไหม”

คิมหันต์ไม่ทันพูดอะไร อรรถก็พูดต่อ “นายไปนอนห้องโน้นเถอะ ถ้าพักตราตื่นขึ้นมา เขาจะได้ดีใจที่เห็นนาย”

คิมหันต์จึงเดินเข้าไปในห้องนอนในส่วนที่เป็นเตียงคนไข้เบาๆ เขาไปนอนที่โซฟาใหญ่ข้างเตียง

พักตรานอนนิ่งๆเหมือนหลับ แต่เธอไม่ได้หลับ เอ่ยถามโดยไม่ลืมตาว่า “คิมมานอนเป็นเพื่อนพักตร์เหรอ” เขาทำเสียงอืม...ในลำคอ เธอพูดต่อเหมือนตัดพ้อว่า “พักตร์ไม่ได้เจอคิมสี่วันแล้วนะคะ”

คิมหันต์บอกว่าช่วงนี้ตนยุ่งอยู่หลายเรื่อง พักตราบอกว่ามุกรินมาเยี่ยมตน คิมหันต์นิ่งไปอย่างแปลกใจ พักตราค่อยๆหันมองบอกว่า พรุ่งนี้ตนจะได้กลับบ้านแล้ว เราคงได้มีโอกาสได้คุยกันมากกว่าเก่า พูดอย่างมีความหวังว่า

“หมอบอกว่าอีกสองอาทิตย์แผลก็หาย แล้วอีกสองเดือนพักตร์ก็พร้อมจะอุ้มท้องได้แล้ว เราพยายามกันอีกทีนะคะคิม...นะคะ...” เมื่อไม่มีคำตอบจากคิมหันต์ พักตราจึงเงียบและค่อยๆหลับตาลง...

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น ที่บ้านเช่าของธาดา มุกรินออกจากห้องนอนมาก็เห็นดวงดาวเตรียมกับข้าวไว้ที่โต๊ะอาหารแล้ว มุกรินทักว่าตื่นเช้าจังคุณแม่ ดวงดาวบอกว่าตื่นเพราะหิวแต่ไม่รู้ว่าตนหรือตัวเล็กหิวกันแน่

ทั้งคู่หยอกเย้ากันอย่างสบายใจ ดวงดาวถามว่ามุกรินอยากเป็นแบบตนบ้างไหม คือมีตัวเล็กๆดิ้นอยู่ในท้อง มุกรินตอบทันทีว่า “ไม่ล่ะ”

“ลองดูสิ แล้วจะรู้ว่าความสุขสูงสุดของลูกผู้หญิงคืออะไร”

“มันต้องได้สามีที่ดีก่อนมั้ง ถึงจะไปที่จุดนั้นได้” ดวงดาวถามว่ามองใครไว้บ้างหรือยังล่ะ มุกรินยิ้มแต่ไม่ตอบ ดวงดาวถามว่าคนนั้นเป็นไง มุกรินมองไปหน้าบ้าน เห็นปรารภกำลังเดินเข้ามา เธอหยอกดวงดาวว่า เกิดมาเพื่อเป็นแม่สื่อเสียจริงๆ

“เปล่า...ฉันแค่พูดและเอาจากสิ่งที่ฉันเห็น เชื่อไหม สองถุงในมือนั่นต้องเป็นอาหารเช้าอย่างดีที่เขาเตรียมมาสำหรับเธอ” ก็พอดีปรารภเอาอาหารมาวางไว้ที่โต๊ะ เอ่ยอย่างร่าเริงแจ่มใสว่า

“สวัสดีครับสาวๆ วันนี้ผมมีอาหารเช้าอย่างดีมาฝาก สุภาพสตรีทั้งสองคน ทั้งคุณคนโสดและคุณแม่มือใหม่ สนใจจะรับเลยไหมครับ”

มุกรินกับดวงดาวมองหน้าแล้วหัวเราะกันที่คาดเดาได้ตรงเผง...

ooooooo

เช้าวันเดียวกัน รถตู้มารับพักตรากลับบ้าน คิมหันต์ประคองเธอลงจากรถพาเดินเข้าที่โถงบ้าน เธอบอกอรรถว่าขอขึ้นห้องเลย อรรถบอกว่าตนจะนั่งเล่นข้างล่างนี่ก่อนเดี๋ยวจะขึ้นไปหา

เมื่อเข้าไปในห้องนอน พักตราเอาเสื้อผ้าเครื่องใช้และของเล่นเด็กมาอวดคิมหันต์ ถามว่าน่ารักไหม ตนควรจะเก็บไว้หรือเอาไปบริจาคดี คิมหันต์ตอบเนือยๆ ว่า “แล้วแต่คุณเถอะ”

“บริจาคน่าจะเกิดประโยชน์มากกว่า สงสารคนที่เขาไม่มี พักตร์ท้องเมื่อไหร่ เราค่อยหาซื้อใหม่ก็ได้ คิมว่าไหม”

คิมหันต์กระเถิบเข้าไปนั่งข้างเธอ เอ่ยอย่างตั้งใจ จริงจังว่า

“ผมขอคุยอะไรกับคุณหน่อยได้ไหมครับ”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เรื่องอะไรเหรอคะ หน้าตาซีเรียสจัง”

“ผมขอหย่ากับคุณ”

พักตราอึ้ง ช็อกไปทันที!

อรรถที่นั่งอยู่ห้องโถงชั้นล่าง ได้ยินพักตรากรีดร้องสุดเสียง อรรถชะงัก มองขึ้นไป แล้วรีบลุกเดินออกจากห้องโถงไปทันที

ooooooo

อรรถก้าวยาวๆออกจากห้องโถง ในขณะที่คิมหันต์ก้าวอย่างเร็วสวนลงมาหน้าตาเขาขรึมและไม่แยแส อรรถคว้าคิมหันต์ไว้ถามว่าทำอะไรลูกสาวตน คิมหันต์ตอบอย่างไม่ยี่หระแล้วว่า

“ผมไม่ได้ทำอะไรเลย คนที่ทำพักตราก็คือท่าน ท่านทำทั้งหมด ท่านทำลายชีวิตลูกสาวท่านเอง ท่านไม่รู้ตัวเลยหรือ” คิมหันต์สะบัดหลุดจากอรรถพูดห้วนๆ “ผมไปล่ะ”

อรรถตะโกนเรียกให้เขากลับมาก่อน ก็พอดีพักตราร้องไห้ลงบันไดมาบอกให้พ่อช่วยด้วย ให้เอาคิมหันต์กลับมา ตนไม่ยอม! แล้วแผดเสียงกรี๊ดลั่น อรรถรีบเข้าประคองร่างหมดสติของพักตราที่บันได

หมอบอกว่าพักตรามีอาการชัก หมดสติโดยเฉียบพลัน การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการปั๊มและกระตุ้นหัวใจจนผู้ป่วยพ้นขีดอันตรายแล้ว หมอแจ้งว่าจากการตรวจ ร่างกายเธอปกติทุกอย่าง อาการที่เกิดขึ้นเป็นอาการทางจิตที่ส่งผลให้การสั่งการของสมองแปรปรวน

หมอเห็นว่าเธอควรได้รับการพักผ่อนมากๆ อาการนี้จะกำเริบขึ้นเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ สำหรับการบำบัดที่ดีที่สุดคือ

“เราต้องทำให้เธอเปลี่ยนความรู้สึกเสียใจจากความผิดหวัง เป็นการยอมรับ เธอก็จะมีโอกาสกลับมาเป็นปกติดังเดิมได้” ฟังความเห็นของหมอแล้ว อรรถบอกพักตราที่นอนนิ่งอยู่ว่า

“พ่อจะพาลูกกลับมา กลับมาเป็นพักตราคนเดิมของพ่อ พ่อจะทำทุกอย่างให้ลูกมีความสุขให้ได้...พ่อสัญญา”

ooooooo

อรรถไปที่วัด บอกมุกรินว่าตั้งใจจะมาร่วมพิธีตอนเผาแต่มาไม่ทัน เพราะตนก็มีเรื่องที่เสียใจไม่แพ้เธอเหมือนกัน อรรถขอคุยกับเธอสักครู่ได้ไหม

เมื่อมุกรินไปคุยกับอรรถที่มุมสงบหนึ่งในวัด เขาถามว่าคิมหันต์มาบ้างไหม มุกรินบอกว่าที่นี่ไม่ต้อนรับเขา ส่วนเรื่องที่คิมหันต์บอกเลิกพักตราก็ไม่มีความหมายสำหรับตน เพราะเขาไม่ใช่คนดีคนเดิมของตนอีกแล้ว เขาไม่ซื่อ เขาหลอกลวงทุกคนเพื่อต้องการแก้แค้นเท่านั้น แม้แต่คนที่จริงใจกับเขา เขาก็ทำร้ายได้ทั้งตนและดวงดาว ไม่มีใครต้องการเขาอีกแล้ว

เมื่อรู้ท่าทีของมุกรินแล้ว อรรถบอกมุกรินว่าถ้าบังเอิญเธอได้เจอคิมหันต์ให้ส่งข่าวตนด้วย ตนมีเรื่องที่ต้องสั่งสอนเขาอยู่หลายเรื่อง อรรถขอโทษถ้าตนทำอะไรผิดกับเธอ ภาวนาให้เธออย่าต้องรับชะตากรรมแบบพักตราเลย เพราะผู้ชายดีๆ ดีกว่าคิมหันต์ยังมีอีกเยอะ

เมื่อจัดการงานศพของธาดาเสร็จแล้ว มุกรินกับดวงดาวกลับบ้านพัก ดวงดาวขอรูปของธาดาไปไว้ที่ห้องตน เธอวางรูปไว้แล้วนั่งร้องไห้กับรูปอย่างหนัก

ส่วนมุกริน พอเข้าห้องเธอตกใจเมื่อเจอคิมหันต์แอบอยู่หลังประตู เขาแอบปีนหน้าต่างที่เธอเปิดไว้เข้ามา เขาบอกว่าแค่ต้องการคุยกับเธอตามลำพังเท่านั้นเอง มุกรินว่าเขาทำตัวไม่ต่างกับโจร พอเขาบอกว่าไม่ได้ตั้งใจจะทำอย่างนี้กับเธอเลย

มุกรินย้อนถามว่ามีอะไรที่เขาตั้งใจทำบ้าง ทุกอย่างที่เขาทำกับตน ทำกับดวงดาว ทำกับธาดาและทำกับพักตราล้วนไม่ตั้งใจทั้งนั้นใช่ไหม?!

“ผมตั้งใจจะรักคุณและเป็นคนที่คุณรักไง เท่านี้ยังไม่พออีกหรือ”

“ไม่พอ! ความรักต้องมีความซื่อสัตย์ ต้องสัมผัสได้ จับต้องได้ ความรักไม่ใช่ข้ออ้างที่จะให้คุณทำอะไรก็ได้ แล้วอ้างว่าเป็นความรัก ไม่ว่าคุณจะอ้างว่ารักฉันหรือรักพี่มล คุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำกับคนอื่นตามอารมณ์ตัวเองอย่างนี้”

คิมหันต์พยายามชี้แจงว่าทันทีที่ธาดาสารภาพความจริงกับตน เรื่องทุกอย่างก็จบแล้ว ตนไม่คิดจะเอาคำสารภาพนั้นไปใช้ทำอะไรด้วยซ้ำ คลิปนั้นยังอยู่ที่ตนถ้าเธอต้องการ แต่พี่ชายเธอจงใจฆ่าตัวตายเพื่อทำร้ายตน เพื่อเอาชนะตน เพราะเขาเป็นมะเร็งสมองขั้นสุดท้ายกำลังจะตายอยู่แล้ว เขาไม่ยอมไปผ่าตัดและเลือกวิธีตายเพื่อทำลายชีวิตตน แต่ก็บอกมุกรินว่า

“ผมพร้อมที่จะรับผลทุกอย่างที่เกิดจากการกระทำของผม ไม่ว่าผลนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม” เขามองหน้ามุกรินเอ่ย “ผมขอโทษ”

คิมหันต์บอกมุกรินแล้วเดินไปเปิดประตูห้องออกไป เจอดวงดาวยืนอยู่หน้าห้อง ดวงดาวโต้แย้งคำพูดของเขาว่า

“ถึงแม้ว่าอาธาดาจะเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย แต่เขาก็ควรจะมีโอกาสใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างสุขสบาย ยาวนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณที่เป็นตัวเร่งให้ตัดสินใจทำแบบนี้”

คิมหันต์ขยับจะพูด ถูกดวงดาวตัดบทว่า ตนไม่ต้องการได้ยินคำขอโทษอีกแล้วและไม่ต้องการเห็นหน้าเขาอีกเลยจนชั่วชีวิต คิมหันต์จึงค่อยๆหันหลังเดินไปซึมๆ ดวงดาวขยับเข้าไปบอกมุกรินใกล้ๆว่า

“และเธอก็จะไม่ต้องเห็นหน้าเขาอีกจนชั่วชีวิตเช่นกัน” แล้วเธอก็ยกมือถือโทร.บอก “ เขาออกไปแล้วค่ะท่าน”

ooooooo

พอคิมหันต์ออกไปเรียกแท็กซี่นั่งไปถึงทางเปลี่ยวก็ถูกรถตู้ปาดหน้าให้หยุดแล้วชายฉกรรจ์ก็ลงมาลากคิมหันต์จากรถแท็กซี่โยนไปในรถตู้ที่อรรถนั่งอยู่ในนั้น

คิมหันต์ถามว่าต้องการอะไรจากตนอีก อรรถบอกว่า “สะสาง และสั่งสอน” แล้วชกหน้าคิมหันต์จนเลือดกบปาก บอกว่าเรื่องของเขากับพักตราตนไม่ได้เป็นคนเริ่ม ถ้าเขาไม่มายุ่งกับพักตราแต่แรกเรื่องก็ไม่เป็นอย่างนี้ แต่เขาจงใจใช้พักตราทำร้ายจิตใจคนที่เขารังเกียจ แล้วอรรถก็เอารูปพักตราในสภาพนอนไม่รับรู้อะไรให้ดู พูดอย่างเจ็บใจว่า

“ฉันรู้ว่ามันคงไม่ทำให้นายสำนึกผิดอะไรนักหรอก เพราะนายไม่เคยมีความรักลึกซึ้งอะไรกับลูกสาวฉันเลย แต่ที่ฉันให้นายดู ก็เพื่อนายจะอ้างทีหลังว่าไม่รู้ไม่ได้ นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันตามล่านาย...ฉันจะไม่ขออะไรจากนายอีก นอกจากขอให้ไปให้ไกลจากลูกสาวฉัน”

ทันทีที่อรรถส่งสัญญาณให้ชายฉกรรจ์ พวกมันก็จับคิมหันต์เหวี่ยงลงไปนอนกองกับพื้น อรรถพูดก่อนขึ้นรถไปว่า

“จำไว้นะ ลูกผู้ชายทำแบบนี้กับผู้หญิงไม่ได้ ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นลูกสาวใคร และฉันมั่นใจว่า คนอย่างนายจะไม่ตายดีคิมหันต์!”

เช้าตรู่ ถวิลกับไสวเปิดบ้านมาทำความสะอาด พบคิมหันต์นอนคว่ำหน้าอยู่ที่โซฟา ทั้งสองตกใจถามว่าจะมาทำไมไม่บอกแล้วหน้าไปโดนอะไรมา คิมหันต์บอกว่าตนมาดึกแล้วเลยไม่เรียกและที่โดนนี้ ก็เหมือนที่เคยโดนไม่เป็นอะไรหรอก บอกทั้งสองให้ช่วยโทร.หาชุมสายให้ที

ooooooo

ส่วนที่บ้านเช่าธาดา ปรารภหิ้วอาหารมาให้แต่เช้าตามเคย พร้อมกับมีข่าวดีมาบอกสองสาว

เขาบอกดวงดาวก่อนว่า ตนรับเสื้อจากโรงงานที่รู้จักกันมาให้เธอทำในยามว่างและร้านอาหารของเพื่อนกำลังต้องการนักร้องไม่เกี่ยงว่าโสดหรือไม่และท้องอ่อนๆ ก็ไม่ว่า ส่วนมุกรินเช้านี้เธอไม่ต้องเข้าออฟฟิศก็ได้เพราะตนต้องไปพบลูกค้าแต่เช้าและบ่ายๆจะมารับไปวัด ถามว่า วันนี้ต้องไปบรรจุกระดูกที่วัดใช่ไหม เอาอาหารที่หิ้วมาให้ นัดเดี๋ยวเจอกัน

พอปรารภออกไป ดวงดาวบอกว่า นี่คือความสุขของพ่อม่ายวัยกลางคน มุกรินถามว่าแล้วตอนพี่ใหญ่จีบเธอเขาทำอย่างนี้หรือเปล่า

“เปล่า เมาไม่รู้เรื่อง มองตากันแล้วก็ทำสัญญาว่า ใครมีทางไปที่ดีกว่าก็ไปได้เลย วันนี้อาเขามีทางไปที่ดีกว่าฉันแล้ว” พูดแล้วดวงดาวก็น้ำตาซึมขึ้นมาอีก

ขณะนั้นเองชุมสายขับรถเข้ามา พอเห็นสองสาวชักสีหน้าใส่ เขารีบบอกว่า อย่าเพิ่งไล่ ตนมาดี มีของมาส่ง

“ของ” ที่ชุมสายเอามาส่ง คือของสวยงามต่างๆ ที่มุกรินซื้อให้คิมหันต์เขาเก็บรวมไว้ในกล่อง มันเป็นเรื่องราวความรักที่ทั้งสองมีต่อกัน ชุมสายบอกมุกรินว่าคิมหันต์ให้ตนเอามาคืนเธอ แต่ถูกทั้งมุกรินและดวงดาวไม่ต้อนรับบอกว่าให้คิมหันต์เลิกตื๊อเสียทีได้ไหม มัน

น่ารำคาญ! มุกรินพูดอย่างตัดบัวไม่เหลือใยว่าเรื่องระหว่างตนกับคิมหันต์มันจบหมดแล้ว

“ผมก็เชื่ออย่างที่คุณพูดนั่นแหละ ผมบอกมันด้วยซ้ำว่า น่าจะหมดหวัง แต่รู้ไหมครับ นายคิมหันต์มันไม่เคยหมดหวังกับคุณเลยแม้แต่นิดเดียว คุณจะเก็บของไว้หรือจะทิ้งหรือจะเอาไปคืนก็เป็นสิทธิ์ของคุณ ผมกลับล่ะ”

“เขาหาเรื่องให้เธอไปเจอเขา” ดวงดาวฟันธงทันทีที่ชุมสายกลับไป

“ฉันรู้ แต่เขาจะไม่ได้ในสิ่งที่เขาต้องการอีกต่อไป”

แต่เมื่อชุมสายกลับไปเล่าให้คิมหันต์ฟังที่บ้านวิมลรัตน์ ทั้งยังบอกเขาว่า เวลานี้ปรารภกำลังทำคะแนนเต็มที่ ส่วนเรื่องของเขากับมุกรินมันเป็นอดีตไปแล้ว

“ยังไม่ได้เลือกไม่ใช่เหรอ ไม่ได้น่ากลัวตรงไหน ไอ้พ่อม่ายแบบนั้น” คิมหันต์พูดอย่างปรามาส

ooooooo

อรรถพาพักตราไปพักที่บ้านพักชายป่าเขาใหญ่ พยายามให้เธอระลึกถึงความหลังตั้งแต่เธอยังอายุไม่ถึงสิบขวบ พูดถึงความรักความอบอุ่นที่ทั้งพ่อและแม่มอบให้เธอ รักเธอมาก...มากจนไม่อยากแม้แต่จะมีน้องมาแบ่งปันความรักนี้ไป

ทั้งสีหน้าอารมณ์ของพักตราดูผ่อนคลายขึ้น เมื่อเข้าไปในบ้าน อรรถให้ดูรูปแต่งงานและงานหมั้นของพ่อกับแม่

จิตใต้สำนึกของพักตรา หวนกลับไปเห็นภาพงานหมั้นและแต่งงานของตนกับคิมหันต์ จนกระทั่งนึกถึงนาทีที่คิมหันต์บอกเลิกตน พักตราก็เกร็ง กระตุก แล้วสุดท้ายก็แผดเสียงร้องกรี๊ดลั่น ขว้างปาข้าวของอย่างคลุ้มคลั่ง จนทั้งอรรถและพยาบาลต้องรีบประคองและจับตัวไว้

สภาพพักตราในนาทีนี้คือเกร็ง แข็ง กระตุกอย่างน่ากลัว

หมอแนะนำอรรถว่า ต้องระวังอย่าให้เกิดสภาวะแบบนี้กับลูกสาวบ่อยนัก อาจจะต้องคอยกันไม่ให้เธอรับรู้อะไรมากไป ไม่ว่าเรื่องเก่าหรือเรื่องใหม่ บางทีความทรงจำที่เราคิดว่าดี อาจไปสะกิดความรู้สึกบางอย่างที่เราคาดไม่ถึงได้

อรรถถามว่าต่อไปต้องให้พักตราอยู่แต่ในห้องโล่งๆ ว่างเปล่าคนเดียวเพียงลำพังอย่างนั้นหรือ หมอบอกว่าไม่ต้องถึงขนาดนั้น เพียงแต่ต้องระมัดระวังพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด ย้ำว่า

“อย่าลืมว่าเราไม่อาจคาดเดาอะไรได้ทั้งนั้นกับคนไข้ที่มีอาการภาวะทางจิต”

จากการปฐมพยาบาลดูแลของพยาบาล อาการแข็ง เกร็งกระตุกของพักตราหายแล้ว เธอนั่งตาลอยอย่างไร้อารมณ์...

ooooooo

วันนี้ขณะปรารภพามุกรินและดวงดาวเอากระดูกธาดาไปไว้ที่เจดีย์นั้น เขาได้รับโทรศัพท์จากคิมหันต์ขอคุยกันส่วนตัว คิมหันต์ย้ำว่าอย่าบอกให้มุกรินรู้

ปรารภจึงไปพบคิมหันต์ที่ร้านอาหาร นั่งคุยกันที่โต๊ะในมุมสลัว คิมหันต์เอ่ยขึ้นว่าการที่ปรารภจะกระเตงทั้งมุกรินและดวงดาวไปไหนมาไหนด้วยกันแสดงว่าเขายังรักษาระยะห่างกับมุกรินอยู่ แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะได้มุกรินไปง่ายๆ ปรารภบอกว่าตนไม่รีบร้อนและรอได้ คิมหันต์ท้าว่า “แข่งกันไหมล่ะ”

“ช้าไปแล้วครับ คุณตกรอบตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มแข่ง” คิมหันต์บอกว่าตนต่อให้ แต่เขาจะกล้าไหมล่ะ แต่ขอร้องเขาอย่าเพิ่งมีอะไรกับมุกรินตอนนี้ ปรารภโมโหที่เขาดูถูกตนเกินไป บ่นว่าตนไม่น่ามาเสียเวลากับคนเลวๆอย่างเขาเลยและจะไม่รับปากอะไรกับเขาทั้งนั้น แล้วลุกจากร้านไป

“ผมจะถือว่าเรายังอยู่ในเกมเดียวกันนะคุณปรารภ” คิมหันต์พูดตามหลังอย่างท้าทาย

ooooooo

คืนนี้ ปรารภ มุกรินและดวงดาว ไปร้านอาหารที่ดวงดาวจะได้มาร้องเพลง อาชีพที่เธอรัก ขณะเธอขึ้นเวทีไปร้องเพลงนั้น ปรารภบอกมุกรินว่าอยากดื่มอะไรไหม แอลกอฮอล์เบาๆสักหน่อยจะได้สนุก ไม่ถึงกับเมาหรอก

มุกรินขอฟังดวงดาวร้องเพลงดีกว่า บอกปรารภว่าดูดวงดาวมีความสุขเวลาร้องเพลง

ปรารภใช้เวลาที่ได้อยู่กันตามลำพังนี้ เลียบเคียงจะบอกรักเธอ แต่มุกรินยังไม่เปิดทาง เขาจึงยังไม่เอ่ยความในใจแต่พูดความหมายที่ชัดเจนว่า เอาไว้วันหนึ่งอยู่ในสถานที่ที่เหมาะกว่านี้ ดูดีกว่าร้านเหล้า ตนจะพูดเรื่องนี้อย่างจริงๆจังๆ

“พี่รภคะ...ก่อนจะถึงวันนั้น ให้มุกได้พักใจ อยู่นิ่งๆ เฉยๆ สักพักก่อนนะคะ พี่รภจะมองหาทางเลือกใหม่ก็ได้นะคะ อย่ายึดติดกับมุกนักเลย เดี๋ยวจะเสียเวลาเปล่าๆ”

“พี่รอได้ อย่างน้อย การรอก็ไม่ได้หมายถึงการปฏิเสธ”

มุกรินพูดทีเล่นทีจริงขำๆว่าเขาอาจจะต้องรอจนแก่ก็ได้ ปรารภบอกว่าแก่ก็แก่ด้วยกันจะกลัวอะไร แล้วต่างก็หัวเราะกันอย่างแจ่มใส

เมื่อกลับถึงบ้าน ดวงดาวถามมุกรินว่ามีอะไรอยากเล่าให้ฟังไหม ตอนร้องเพลงตนเห็นปรารภจ้องหน้าเธอและพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอถึงกับอึ้งไป แล้วดักคอว่า “นายปรารภขอแต่งงานละมั้ง”

มุกรินบอกว่ายังไม่ถึงขั้นนั้น แค่เกือบ ดวงดาวถามว่าแล้วเธอคิดยังไง มุกรินถามว่าจะเป็นที่ปรึกษาหรือ ดวงดาวย้อนถามว่าเข็ดหรือยังล่ะ?

“ไม่ใช่เพราะเธอหรอกดาว...ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะฉันเอง ฉันเป็นคนเลือกทางของฉันเอง...พี่รภเป็นคนดี ดีเสียจนฉันไม่เคยคิดเป็นอย่างอื่นนอกจากพี่ชาย”

“ความสุขในชีวิตไม่ใช่การได้แต่งงานกับคนที่แสนดีเสมอไป แต่ถ้าเลวอย่างนายคิมหันต์ ฉันก็ไม่แนะนำ คนเราไม่ควรจะผิดพลาดกับเรื่องเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก”มุกรินตอบหน้าขรึมว่าไม่มีวัน “อย่าใจอ่อน อย่ากลับไปหาเขาอีกเป็นอันขาด อย่าลืมว่าเขาเป็นตัวอันตรายสำหรับทุกคนที่เขารัก”

มุกรินฟังคำย้ำเตือนของดวงดาวแล้วพยักหน้ารับคำ ดวงดาวพูดต่ออย่างฝากความหวังว่า

“ส่วนตาปรารภ เธอก็ควรใช้เวลากับตัวเองเยอะๆ จนกว่าเธอจะเปลี่ยนความรู้สึกจากพี่ชายเป็นอย่างอื่นได้... ถึงวันนั้น จะอาศัยเพลงฉันสร้างบรรยากาศอีกครั้งก็ได้ ไม่มีใครว่า”

ooooooo

อรรถทุ่มเทเวลาทั้งหมดของตนดูแลพักตราเพื่อฟื้นฟูจิตใจเธอให้หายเป็นปกติ แต่บาดแผลทางใจของเธอลึกเกินกว่าจะเยียวยาได้ในเวลาอันสั้น

พักตรายังจมอยู่กับความหวังที่จะมีคิมหันต์และลูกเป็นครอบครัวที่อบอุ่น น่ารัก ถามถึงแต่คิมหันต์และลูก อรรถได้แต่หลอกล่อเธอให้ผ่อนคลายไปเป็นคราวๆ แต่ในที่สุดพักตราก็กรีดข้อมือทำร้ายตัวเอง บอกว่าจะเอาสิ่งไม่ดีออกไป เพราะมันไม่สวย คิมหันต์ไม่ชอบ

“ไม่จริงลูก คิมชอบ คิมเขาชอบทั้งหมดที่เป็นลูก เขารักลูกมากนะ” แต่พอพักตราถามว่าแล้วเขาไปไหน ทำไมเขาทิ้งตนไป อรรถพูดไม่ออก ได้แต่กอดพักตราไว้แน่น น้ำตาไหลพราก

หมอให้คำแนะนำว่าอรรถจะต้องใกล้ชิดพักตรามากกว่านี้ก่อนที่จะต้องนำเธอไปโรงพยาบาลจิตเวชที่ภาวะกดดันเธออาจจะมากกว่านี้ อรรถฟังแล้วยิ่งเครียด

ooooooo

จู่ๆชุมสายก็ไปที่บ้านปรารภที่เปิดเป็นสำนักงานประตูจึงเปิดไว้ มุกรินบอกว่า คิดว่าเราไม่มีอะไรจะต้องคุยกันอีกแล้ว ชุมสายบอกว่าเธอไม่ต้องพูดก็ได้ ตนพูดเอง เธอรอรับของอย่างเดียวพอ

ของที่ชุมสายเอามาให้คือโฉนดที่ดินบ้านของเธอ มุกรินไม่รับขอให้เอาคืนไปเสีย ไม่ก็ฉีกหรือเผาทิ้งไปเลยก็ได้

ชุมสายถามว่าเธอไม่เหลือความรักให้คิมหันต์เลยหรือ คิดอย่างไรให้บอกตนตรงๆเลยได้ไหมตนจะได้ปลอบไม่ให้เขาช้ำใจตายไปเสียก่อน มุกรินดึงมือถือของชุมสายไปดูแล้วเดินออกจากบ้านไป ชุมสายรีบเดินตามไปติดๆ

ที่แท้คิมหันต์นั่งอยู่ในรถที่จอดอยู่หน้าบ้านปรารภนั่นเอง เธอเปิดประตูรถเห็นเขานั่งอยู่ คิมหันต์เอ่ยทันทีว่าเก่งจังที่รู้ว่าตนอยู่ตรงนี้ มุกรินบอกว่าคนอย่างเขาไม่ได้ดูยากอีกต่อไปแล้ว คิมหันต์อ้างว่าเพราะตนจริงใจกับเธอ

“ฉันไม่โง่ซ้ำๆซากๆหรอกคิมหันต์ เลิกวางแผนกับฉันเสียทีเถอะ แล้วไปให้พันจากชีวิตฉันได้แล้ว จะต้องให้ฉันไล่อีกกี่ครั้ง ถึงจะเชื่อว่า ฉันรังเกียจคุณ”

คิมหันต์บอกว่าไล่แค่ครั้งเดียวตนก็เชื่อแล้ว แต่ต้องการรู้ว่าเธอไม่ต้องการตนจริงๆ หรือไล่เพราะอารมณ์ชั่ววูบ คิมหันต์พยายามให้ระลึกถึงเรื่องราวดีๆที่เคยมีให้กัน มุกรินหันไปคว้าโฉนดที่ดินปาใส่หน้าเขา ด่าว่ายึดไปแล้วทำเป็นใจดีเอามาคืนหมายให้ตนประทับใจ แล้วระดมขว้างทั้งรูปแต่งงาน แหวนเอ็นเบ็ด แหวนเงิน ใส่คิมหันต์ พูดอย่างเจ็บปวดว่า

“ฉันเคยคิดว่าห้าปีกับผู้ชายคนหนึ่ง จะทำให้ฉันรู้จักชีวิตของเขาได้ แต่เปล่าเลย มันก็แค่เศษเสี้ยวหนึ่งของผู้ชายที่ฉันไม่ควรเฉียดเข้าไปใกล้ต่างหาก”

คิมหันต์ไม่ปฏิเสธ แต่ขอโอกาสเริ่มต้นใหม่ได้ไหม ขอให้ค่อยๆดูตนอีกครั้ง ส่วนทั้งหมดที่ทำผิดไป ตนสำนึกแล้ว อย่าเพิ่งตัดตนออกไปจากผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งที่พร้อมจะให้เธอเลือกอีกครั้ง...ได้โปรด...

ขณะนั้นรถของปรารภแล่นผ่านไป คิมหันต์บอกมุกรินว่าตนยอมแม้จะให้ตนเป็นตัวเลือกรองจากปรารภได้ไหม

“เสียใจค่ะ” มุกรินบอกแล้วเดินไปหาปรารภ พูดเสียงดังจงใจให้คิมหันต์ได้ยินว่า “ถ้าพี่รภคิดจะขออะไรจากมุก คำตอบคือ ตกลงค่ะ” คิมหันต์พยายามพูดแทรกว่าเธอกำลังตัดสินใจผิด มุกรินไม่สนใจ พูดเสียงดังกว่าเก่าว่า “มุกยินดีจะแต่งงานกับพี่รภ เร็วที่สุดค่ะ”

พูดแล้วมุกรินเดินเข้าบ้านไปเลย ทิ้งให้คิมหันต์ยืนซึม คอตก อยู่ตรงนั้น แม้การตัดสินใจของมุกรินจะเป็นสิ่งที่ปรารภปรารถนา แต่เมื่อการณ์เป็นเช่นนี้ เขากลับตามไปพูดกับเธอว่าถ้าสิ่งที่เธอพูดเมื่อครู่เป็นเพราะอารมณ์โกรธคิมหันต์ก็อยากให้เธอเอาไว้ค่อยๆคิดอย่างมีสติจะดีกว่าไหม มุกรินบอกว่าเขาคือผู้ชายที่ดีที่สุดที่ตนอยากใช้ชีวิตด้วย แล้วขอตัวทำงานบอกว่าเกรงเขาจะส่งงานลูกค้าไม่ทัน

ฝ่ายคิมหันต์ เมื่อถูกมุกรินตัดเยื่อใยเช่นนั้น ก็ฝากข้อความเข้ามือถือของดวงดาว อ้อนวอนเธอให้ฟังเสียงที่ออกจากหัวใจตน เสียงที่บอกให้เธอรู้ว่าตนไม่เหลือใครแล้ว รำพึงรำพันถึงความเจ็บปวดและสูญเสีย

ดวงดาวถือโทรศัพท์ออกมายืนหันหลังให้รถของคิมหันต์ที่เขานั่งอยู่ พูดเสียงดังให้คนในรถได้ยินว่า

“ไม่ว่าคุณจะส่งข้อความอะไรมาถึงฉัน ฉันบอกได้เลยว่าฉันไม่ฟัง ฉันจะลบมันทิ้งทั้งหมด ส่วนคำอวยพรที่นายฝากมา คงไม่มีใครต้องการ ประโยคเดียวที่ฉันจะพูดกับคนอย่างนายคือ ไอ้คนเลว นายมันเลวอย่างไม่มีข้อสงสัย”

คิมหันต์ตัดสินใจโทร.ถึงอรรถขอคุยด้วย เขาพยายามถามถึงพักตราหมายเอาใจอรรถและฝากอรรถขอโทษพักตราในสิ่งที่ตนทำกับเธอ ถูกอรรถย้อนถามอย่างรู้ทันว่า

“นายคงตระเวนขอโทษทุกคนที่นายทำอะไรๆ กับเขาไว้ใช่ไหม กลัวบาปกรรมล่ะซิ ไม่ทันแล้วล่ะ กรรมก็คือกรรม ทำอะไรไว้ก็ต้องได้รับผลอย่างนั้น พักตรากำลังใช้กรรมของเขา เมื่อหมดกรรมแล้วก็จะเหมือนคนเกิดใหม่ในไม่ช้านี้แหละ ส่วนนาย...นายมันคนใกล้ตายชัดๆ”

คิมหันต์ขอพบพักตราสักครั้งขอให้ได้มีโอกาสขอโทษเธอด้วยตัวเองต่อหน้าเธอ เขาพูดจนอรรถยอมให้เข้าไปพบทันทีที่พักตราเห็นคิมหันต์ เธอน้ำตาไหลเป็นสาย พูดอะไรไม่ออกเมื่อคิมหันต์เข้าไปคุกเข่าขอโทษ พักตราสวมกอดเขาไว้แนบแน่น...

อรรถยืนมองภาพนั้นน้ำตาไหล...

ooooooo


ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น