วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร รอยรักแรงแค้น ตอนที่ 11


มุกรินตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นที่ได้นอนหลับสนิท มาทั้งคืน เธอเดินลงมาที่ห้องโถง เห็นที่โต๊ะมีผลไม้สวยสดจัดไว้บนโต๊ะ มีกระดาษโน้ตน่ารักแผ่นหนึ่งปักอยู่ข้างจานเป็นกระดาษโน้ตที่เขียนด้วยลายมืออย่างสวยงามว่า...

“อาหารเช้าเพื่อสุขภาพ ออร์แกนิกล้วนๆ ไม่มีนม เนย น้ำตาลเจือปน พี่ต้องเข้ากรุงเทพฯด่วน...เสร็จธุระแล้วจะโทร.หานะครับ...พี่รภ”

มุกรินยิ้มเมื่ออ่านจบ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นกดหมายเลขของปรารภ อึดใจเดียวเขาก็ทักเสียงแจ่มใสมาว่า

“มอร์นิ่งจ้ะ...พี่ว่าจะลองโทร.ไปหามุกอยู่พอดี พอนึกถึงปุ๊บ มุกก็โทร.มาหาปั๊บ แหม...ใจตรงกันจริงๆ อาหารเช้าพอทานได้ไหมเอ่ย”

“พี่รภดูแลมุกอย่างกับลูกเลยนะคะ”

ปรารภบอกว่าถ้าเป็นลูก ตนไม่ค่อยดูแลหรอก จะปล่อยให้ล้มลุกคลุกคลานจะได้แกร่ง ถามว่าอยากรู้ไหมว่าตนดูแลเธอเหมือนใคร มุกรินเงียบ เขาเลยบอกเองว่า

“ไม่เหมือนใครเลย พิเศษเฉพาะมุกรินคนเดียวเท่านั้น ฟังดูน่าหมั่นไส้นะ”

มุกรินบอกว่าตนโทร.มาเพื่อจะบอกว่าไม่ต้องห่วง ตนอยู่ได้ ปรารภเล่าว่าตนมาทำวีซ่าให้ตัวแสบสองคน มีอะไรให้โทร.ฝากข้อความไว้เพราะเข้าสถานทูตแล้วต้องปิดมือถือ ย้ำว่าเสร็จธุระปั๊บจะบึ่งไปหาปุ๊บเลย มุกรินบอกว่าไม่ต้องด่วนขนาดนั้นก็ได้

“ไม่ได้สิ เรื่องของมุก ด่วนและรวดเร็วกว่าทุกเรื่องอยู่แล้ว...บ๊ายบายจ้ะ”

ฝ่ายคิมหันต์ นอนกอดดวงดาวทั้งคืนตื่นแต่เช้าก่อนไปเขาเขียนข้อความสั้นๆทิ้งไว้ข้างมือถือของเธอว่า

“เปิดดูทันทีที่ตื่น”

ดวงดาวหยิบมือถือเครื่องนั้นเปิดดู เป็นคลิปที่ถ่ายก่อนหน้านี้สี่ชั่วโมง พอเปิดก็เห็นหน้าคิมหันต์ทักอย่างอารมณ์ดี

“อรุณสวัสดิ์ครับ วันนี้ผมตื่นเช้ากว่าคุณนะ...”

ปรากฏภาพเขาถ่ายดวงดาวนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง ในขณะที่เขายังคงพูดไปเรื่อยๆ...

“ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง...ทั้งเรื่องราวที่เล่าให้ฟัง และที่นอนหนานุ่ม รวมทั้งที่อนุญาตให้ผมนอนกอดคุณจนอุ่นอกอุ่นใจ...ผมไปก่อนนะ มีธุระหลายอย่างที่ผมต้องทำให้เสร็จ...ถ้ามีความคืบหน้าเรื่องอาการนายธาดาเมื่อไหร่ ผมจะส่งข่าวบอกให้...ถ้าคุณยังต้องการรู้...

เช่นเดียวกับเรื่องราวของมุกริน ผมรู้ว่าคุณก็เป็นห่วงเธอพอกับผม...เอ้อ...ดูเหมือนคุณจะป่วยนะ ผมพาไปหาหมอเอาไหม...”

คิมหันต์หยุดหัวเราะแล้วพูดอย่างรู้ทันว่า...

“รับรอง คุณต้องตอบผมว่า ไม่เป็นไร ฉันช่วยตัวเองได้ โอเค งั้นก็ไปอาบน้ำ เอาน้ำราดหัวให้เย็นสบาย ไม่เลวนะ ผมก็เพิ่งทำแบบนั้นเมื่อกี๊นี้เองแหละ...บ๊ายบายนะ...คนสวย...”

คิมหันต์ยิ้มหวานให้ก่อนปิดกล้อง ดวงดาวเองก็ยิ้มหลังจากดูคลิปจบ...

ooooooo

ขณะมุกรินกำลังอาบน้ำ เสียงมือถือดังขึ้น ก่อนกดรับ เธอดูเบอร์พร้อมคำว่า unknown

“ฮัลโหล...ค่ะ...ดิฉันมุกรินกำลังพูดค่ะ...พี่ใหญ่?! ...ดิฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” มุกรินวางสายสีหน้ากังวลมากจนทำอะไรแทบไม่ถูก แล้วไม่นานเธอก็โทร.หาปรารภขณะขับรถอยู่บนถนนไฮเวย์มุ่งสู่กรุงเทพฯ ฝากข้อความว่า

“พี่รภคะ มุกต้องกลับกรุงเทพฯด่วนค่ะ...พี่ใหญ่เป็นลมหมดสติอยู่ข้างทาง หมอโทร.มาตามมุกให้ไปดูอาการพี่ใหญ่ พี่รภไม่ต้องเป็นห่วงมุกนะคะ”

มุกรินไปถึงอาคารที่เป็นคลินิกเอกชนหรูหราตั้งอยู่ชานเมือง มีเจ้าหน้าที่มาถามชื่อ แล้วพาเข้าไปในอาคาร ใจเธอจดจ่ออยู่แต่กับอาการป่วยของธาดา แต่พอถาม เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า

“ผมไม่ได้รับอนุญาตให้พูดอะไร เดี๋ยวให้เจ้าของเรื่องเป็นผู้ตอบคุณมุกรินดีกว่านะครับ”

มุกรินถูกพาไปนั่งรอในห้องรับรองพิเศษ เจ้าหน้าที่คนนั้นบอกให้เธอใจเย็นๆ รอสักครู่ ขณะนั่งรออย่างกระวนกระวายใจ แล้วเธอก็ผงะเมื่อคนที่เข้ามาคือคิมหันต์!

“คุณหนีผมไม่พ้นหรอกมุก” มุกรินถามว่านี่มันอะไรกัน! “ผมต้องการคุยกับคุณ ไม่ทำอย่างนี้ก็ไม่มีโอกาสคุยกับคุณ” มุกรินบอกว่าต้องการพบพี่ชายไม่ต้องการคุยกับเขา “พี่ชายคุณปลอดภัยดี อยู่ในมือของหมอแล้ว เป็นหมอที่โรงพยาบาลไม่ใช่หมอที่นี่”

“ถึงว่าสิ...ที่นี่มันเหมือนบ่อนการพนันมากกว่าจะเป็นโรงพยาบาล คุณจ้างใครให้วางแผนหลอกฉันอย่างนี้”

“ก็แค่คนรู้จักกันไม่กี่คนที่เขาเห็นใจผม เอาอาสาโทร.ไปหาคุณ”

ที่แท้เป็นฝีมือเสี่ยอ๋านั่นเอง เขาโทร.ไปบอกมุกรินว่าพี่ชายเธอหนีออกจากโรงพยาบาลไปนอนหมดสติอยู่ข้างทาง ให้ญาติรีบมาดูอาการและผลการตรวจของคนไข้โดยด่วน ไม่ใช่ที่โรงพยาบาลแต่เป็นคลินิกที่ส่งแผนที่มาให้ด้วยแล้ว

มุกรินว่านี่เป็นการลักพาตัวชัดๆ คิมหันต์บอกว่าไม่ใช่ ตนต้องการทำความเข้าใจกับเธอเท่านั้น มุกรินบอกว่าตนไม่มีอะไรจะต้องทำความเข้าใจ พี่ชายตนอยู่ไหน ตนต้องการพบพี่ชาย

“งั้นคุณตอบคำถามผมก่อน ข้อเดียวเท่านั้น...

ผมขอร้องให้คุณเลือก ระหว่างผมกับนายปรารภ คุณเลือกใคร”

มุกรินนิ่งเงียบ เธอไม่ตอบแต่ถามว่าพี่ชายตนอยู่ไหน เกิดอะไรขึ้นกับพี่ใหญ่ คิมหันต์บอกว่า

“ผมรู้ว่าดวงดาวพาพี่ชายคุณไปหาหมอที่โรงพยาบาล” มุกรินบอกว่าดวงดาวเล่าให้ตนฟังแล้ว “งั้น ผมอาจจะรู้มากกว่าคุณนิดหน่อย เพราะผมรู้ด้วยว่า ตอนนี้เขาปลอดภัย กลับไปอยู่ที่บ้านแล้ว แค่รอผลการตรวจจากหมอ คุณก็จะรู้ได้ว่าพี่ชายคุณป่วยเป็นโรคอะไรแน่ คุณอยู่ที่นี่ไม่นานหรอก แค่ตอบผมว่าระหว่างผมกับนายปรารภ คุณแคร์ใครมากกว่ากัน คุณก็จะได้กลับไปเยี่ยมพี่ชายคุณทันที”

เวลาเดียวกันนั้น คิมหันต์บอกเสี่ยอ๋าให้พาธาดาไปที่บ้านเขา ลูกน้องเสี่ยอ๋าพาธาดาไปทิ้งไว้ที่บ้านคุกคามก่อนไปว่า

“เสี่ยให้เวลาคุณอีกนิดหน่อย ตัดสินใจให้ดีว่าจะเคลียร์หนี้กับเสี่ยยังไง เงินสดๆ หรือน้องสาวสดๆ เสี่ยแกรับได้ทั้งนั้น แต่ย้ำว่า อย่าคิดหนี รอดยาก มือคนละชั้น!”

ooooooo

มุกรินถูกคิมหันต์เอาธาดามาเป็นข้อแลกเปลี่ยนถ้าเธอไม่ตอบก็ไม่รู้ข่าวพี่ชาย

ทั้งสองโต้เถียงกันรุนแรง มุกรินถามว่าเขาเกลียดพี่ชายตนที่ทำร้ายพี่สาวเขาเลยทำใจไม่ได้ที่จะรักน้องสาวเขาทั้งที่ตนไม่ได้ทำอะไรผิดเลย คิมหันต์กล่าวโทษว่าเธอให้การเท็จ มันก็คือความผิดอย่างหนึ่ง

“แล้วทำไมคุณไม่ตัดขาดจากฉันไปเสียทีล่ะ คุณมาสร้างความหวังกับฉันอีกทำไม เหตุผลก็คือคุณต้องการใช้ฉันเป็นเครื่องมือทำร้ายจิตใจพี่ชายของฉันใช่ไหม คุณมีเหตุผลครบถ้วนรองรับอารมณ์ของคุณ แต่สิ่งที่คุณไม่เคยมีก็คือคุณไม่เคยนึกถึงจิตใจของคนที่คุณเคยรักเลยสักนิด”

มุกรินน้ำตาไหลพราก...คิมหันต์ฟังแล้วกลับเป็นฝ่ายนิ่งไป

“คุณแสดงอาการหึงหวงฉัน ทั้งๆที่คุณไม่มีสิทธิ์แม้แต่น้อย ฉันจะรัก จะแคร์พี่ปรารภมากแค่ไหน คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะมารู้ใจฉัน เพราะฉันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณมานานแล้ว” มุกรินยิ่งพูดน้ำตาก็ยิ่งไหล

คิมหันต์คาดคั้นให้เธอบอกมาว่ารักพ่อม่ายจอม กะล่อนคนนั้นแล้วตนจะไปจากเธอจนชั่วชีวิต มุกรินโต้ว่าถึงไม่บอกเขาก็จากตนไปชั่วชีวิตอยู่แล้ว พักตราเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาไม่ใช่ตน

“มันเป็นเหตุผลเกี่ยวกับความปลอดภัย เป็นเรื่องของการใช้อิทธิพลขู่บังคับ ผมอธิบายยังไงคุณก็คงไม่เชื่อ” มุกรินบอกว่า ใช่...ตนไม่เชื่อ “ผมถึงต้องการฟังคำตอบจากปากของคุณไง มันสำคัญต่อการตัดสินใจของผมหลังจากวันนี้ ถ้าคุณรังเกียจผมจริง คุณก็แค่พูดออกมา คำเดียวเท่านั้น พูดเลย ว่าคุณรักนายปรารภ รักอย่างสุดชีวิตจิตใจ”

“ค่ะ...ฉันรักพี่ปรารภ” มุกรินโพล่งออกไป คิมหันต์ชะงักอึ้ง แล้วก็ยิ่งอึ้งเมื่อเธอยืนยันว่า “ฉันจะแต่งงานทันทีที่เขาขอฉันแต่งงาน! ได้ยินเต็มสองหูแล้วใช่ไหมคะ คุณคิมหันต์!”

ooooooo

มุกรินขับรถไปหาธาดาที่บ้าน พบในบ้านรกไปด้วยเสื้อผ้าของธาดาที่กองเกลื่อนพื้น มีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เปิดวางอยู่กลางห้อง เธอเดินตามหาไปเจอเขานอนหมดสติอยู่ในห้องน้ำ

เมื่อพาไปโรงพยาบาล พบหมอเจ้าของไข้ หมอบอกเธอให้เตือนพี่ชายด้วยเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพเพราะถ้าเขาปวดหัวก็จะมาหาหมอ นึกไม่อยากเจอหน้าหมอก็หนีไปเฉยๆ มุกรินรับปากจะพยายาม

หมอพามุกรินเดินเข้าไปในห้องตรวจพบธาดานั่งอยู่ก่อนแล้ว หมอจะแจ้งอาการป่วยของเขา ธาดาขอให้มุกรินออกไปก่อนตนอยากฟังคนเดียว มุกรินบอกก่อนออกไปว่า จะไปรอพี่ใหญ่เล่าให้ฟังข้างนอก

ระหว่างนั่งรออยู่ข้างนอก มุกรินคิดถึงคำพูดของคิมหันต์ก่อนตนจะแยกมาว่า...

“ดูแลพี่ชายของคุณให้ดีนะ ผมเชื่อว่ากรรมที่เขาทำไว้กับพี่มลกำลังย้อนกลับมาเล่นงานเขาอย่างรุนแรง มันอาจจะรุนแรงจนคุณคาดไม่ถึงก็ได้” มุกรินถามว่าเขาเตือนหรือขู่ตน “ผมไม่ได้ขู่ ผมพูดถึงเรื่องกฎแห่งกรรม เรื่องเวรกรรมที่ทุกวันนี้เราไม่ต้องรอจนถึงชาติหน้าอีกแล้ว ...ผมเองก็มีกรรมไม่น้อยกว่าพี่ชายคุณ ผมทำบาปกับคนอื่นๆรอบตัวผม ทั้งกับคุณและกับพักตรา ผมกำลังรอเวลาชดใช้กรรมเหล่านั้น”

มุกรินจ้องหน้าเขานิ่ง คิมหันต์ดึงมือเธอไปกุมไว้แน่น...

“เพื่อเห็นแก่ช่วงเวลาดีๆที่เราเคยมีร่วมกันมา คุณจะกรุณายกโทษให้กับความผิดบาปของผมได้ไหม อโหสิกรรมให้ผม ก่อนที่เราจะไม่ได้เห็นหน้ากันอีก... ความเมตตาและการให้อภัยคนที่เรารักหรือเราเคยรัก นั่นแหละจะเป็นเรื่องที่มีค่าที่สุดในวาระสุดท้ายของเรา”

ooooooo

ปรารภตามไปที่โรงพยาบาลถามมุกรินว่าเธอเป็นอะไรหรือเปล่าดูหน้าซีดๆ เธอบอกว่ารู้สึกเพลียๆ เลยเคลิ้มๆเผลอหลับไปกระมัง

ปรารภบอกว่าได้รับข้อความจากเธอก็รีบมาทันที มุกรินเรียกเขาเสียงเครือ ปรารภรีบขัดขึ้นว่าไม่ต้องเกรงใจไม่ต้องขอบคุณ ไม่ต้องพูดอะไร ตนรีบมาเพราะเป็นห่วงเธอเท่านั้น มุกรินน้ำตาไหลเอ่ยเสียงเครือสะท้าน...

“มุก...มุกไม่มีใครจริงๆค่ะ”

“มุกยังมีพี่ มุกมีพี่อยู่เสมอ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พี่ก็จะยืนอยู่ข้างมุกเสมอไป จำได้ใช่ไหม” ปรารภกุมมือเธอแน่น

“ขอบคุณค่ะ...”

“พี่ชายมุกเป็นยังไงบ้าง” มุกรินส่ายหน้า “มุกคงต้องดูแลพี่ใหญ่อยู่ที่นี่ คงไม่ได้กลับไปบ้านริมทะเลอีกแล้วมั้ง” มุกรินบอกว่าคงเป็นอย่างนั้น ปรารภถามว่าแล้วคิมหันต์ยังกวนใจเธออยู่อีกหรือเปล่า เมื่อเธอนิ่ง เขาเอ่ย “ถึงเวลาที่มุกจะต้องเข้มแข็งมากขึ้นแล้วนะ เราไม่มีทางวิ่งหนีอะไรไปได้ทั้งชีวิตหรอกมุก”

“ค่ะ มุกจะไม่หนีอีกแล้ว มุกจะเผชิญหน้ากับมัน และจะต้องผ่านมันไปได้ ไม่นานนี่แหละค่ะ”

ปรารภยิ้มให้กำลังใจ ถามว่าคิมหันต์ยังไม่รู้ใช่ไหมว่าเธออยู่กับพี่ชายที่นี่ มุกรินได้แต่นิ่งไม่ตอบ

เมื่อธาดาออกมา มุกรินถามว่าหมอว่าอย่างไรเขาบอกเลี่ยงไปเลี่ยงมาว่ายังต้องตรวจอีกเยอะ แต่หมอบอกว่าไม่ต้องกังวลจนเกินไปและเธอก็ต้องเชื่อ อย่ากังวลเกินไป ธาดาหันไปเห็นปรารภเขาถามเสียงห้วนว่า มาทำไมไม่ทราบ ทำท่าเหมือนจะมีเรื่องกันแต่พอปรารภถามว่าเขาจะหาเรื่องอะไรตนอีก ธาดากลับบอกว่า

“เปล่า ผมแค่อยากรู้ว่าคุณพร้อมจะดูแลมุกรินแทนผมได้ไหม” ปรารภกับมุกรินอึ้ง มุกรินถามว่าพี่ใหญ่พูดอะไร? “เราไปคุยกันในรถเถอะนะมุก” ธาดาชวน แล้วเดินออกไปทันที

ooooooo

ระหว่างนั่งมาในรถด้วยกัน ธาดาเอาแต่นั่งเงียบ จนมุกรินถามว่าจะบอกอะไรตนหรือ เขาบอกว่าจอดรถลงไปคุยกันดีกว่า แล้วเขาก็แฉลบลงจอดที่ไหล่ทาง ธาดานิ่งไปนานเหมือนเตรียมใจกับความจริงที่จะบอกน้องสาว

พอเอ่ยปาก เขาบอกมุกรินว่า “พี่ติดการพนัน” ยอมรับว่านี่เป็นสาเหตุที่ตนกับวิมลรัตน์ทะเลาะกัน แต่พอมุกรินจะพูดถึงเหตุการณ์คืนนั้น ธาดาก็ชิงขัดขึ้นก่อนว่า ศาลตัดสินแล้วว่าตนไม่ผิด

“เพราะมุกโกหกศาลเรื่องโทรศัพท์”

“เพราะมุกเชื่อพี่ต่างหาก ศาลก็เชื่อเหมือนมุก อย่าให้อะไรมาทำลายความเชื่อของมุกสิ”

มุกรินติงว่าพวกเขากำลังฟ้องอุทธรณ์ ธาดาบอกว่าตนไม่กลัว ยังไงตนก็ไม่แพ้ เมื่อมุกรินถามว่าเขาเครียดเรื่องอะไร ธาดายอมรับว่าตนมีหนี้ เป็นหนี้เยอะมาก ทรัพย์สินทั้งหมดที่ได้แบ่งจากวิมลรัตน์หมดไปกับการพนันหมดแล้ว แต่ตนก็ยังไม่ยอมหยุด ยืมเงินในบ่อนก่อหนี้เพิ่มอีกนับสิบ นับร้อย นับพัน...

ธาดาบอกมุกรินว่าเราต้องหนี ถ้าตนหาเงินมาใช้หนี้ไม่ได้มันจะฉุดตัวเธอไปเพราะตนรับปากกับพวกมันว่าจะยกเธอให้เสี่ยถ้าหาเงินมาให้เสี่ยไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เราถึงต้องหนี เพราะพวกมันเป็นนักเลงเป็นเจ้าพ่อ มุกรินช็อกถามว่าเขาไปยุ่งกับพวกมันทำไม แล้วตนจะทำอย่างไร

“มุกต้องแยกห่างจากพี่ก่อน พวกมันจะได้ตามหาตัวมุกได้ยากขึ้น แล้วพี่จะค่อยๆหาทางแก้ปัญหาต่อไป นะมุก...อยู่คนเดียวสักพักเพื่อความปลอดภัยของมุก...ได้ไหม...”

มุกรินบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง ตนอยู่คนเดียวได้อยู่แล้วให้ห่วงตัวเองเถิด ธาดาถามว่าปรารภเป็นคนดีใช่ไหม เขารักมุกหรือเปล่า มุกรินยอมรับว่าปรารภเป็นคนดีแต่เขายังไม่เคยพูดเรื่องความรัก ครั้นธาดาถามว่าแล้วมุกรักเขาบ้างไหม มุกรินกลับนิ่งเงียบไปเมื่อหัวใจเธอคิดถึงอีกคนขึ้นมาจนได้...

มุกรินคิดถึงเหตุการณ์ที่ห้องรับรองพิเศษเมื่อบ่ายนี้ที่คิมหันต์บอกเธอว่า

“ผมขออวยพรให้คุณตรงนี้เลยก็แล้วกัน ก่อนที่เราจะไม่ได้เห็นหน้ากันอีก ขอให้คุณมีความสุขกับนายปรารภสมหวังดังที่คุณต้องการ...ถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้เราได้พบกันอีกครั้งเพื่อผมจะทำให้คุณมีความสุขมากกว่าที่ทำในชาตินี้”

มุกรินเริ่มหวั่นไหวกับคำอำลาของเขา คิมหันต์พูดนิ่งๆว่า

“มีความจริงที่ผมอยากจะพูดเป็นคำสุดท้าย...แม้มันจะไม่มีความหมายอะไรสำหรับคุณ แต่มันมีความหมายกับผมมาก...รู้ไหม...ตลอดชีวิตที่ผ่านมาผมไม่เคยรักใครเท่าคุณ...และชีวิตที่เหลือจากนี้ก็ไม่มีวันรักใครได้เหมือนรักคุณ...แม้จะไม่สมหวัง แต่ผมก็ดีใจที่ได้รักคุณ...โชคดีนะมุก...”

มุกรินน้ำตาไหลไม่รู้ตัว เธอโผเข้ากอดคิมหันต์ จนแน่น พูดเสียงเครือด้วยความรู้สึกที่อัดอั้น...

“มุกไม่เคยตัดใจจากคิมได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว...”

ooooooo

ที่บ้านเช่าของธาดา...เขาคุยกับมุกรินแล้วก็เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าลวกๆ มุกรินถามว่าเขาจะไปอยู่ไหน เขาบอกว่ายังไม่รู้ แต่แค่ห้องเช่าเล็กๆก็พอ ได้ห้องแล้วจะโทร.บอก

มุกรินปรารภว่าถ้าดวงดาวอยู่คงจะได้ช่วยดูแลเขาได้ ธาดาบอกว่าอย่าพูดถึงเขาอีกเลย เขาไม่ได้รักตนเหมือนอย่างที่ตนรักเขา ลืมเสียเถอะ แล้วถามมุกรินว่า ห้องพักที่เคยอยู่เช่าแพงไหม เธอบอกว่าตนอาจหาที่อยู่ใหม่ไม่ต้องห่วง

“ได้ห้องแล้วบอกพี่ด้วยนะ พี่จะรับโทรศัพท์เฉพาะจากมุกเท่านั้น...มุกก็เหมือนกัน อย่ารับโทรศัพท์ใคร อย่าบอกใครว่ามุกอยู่ที่ไหน อย่าเชื่อใครนอกจากพี่”

“มีอะไรที่พี่ใหญ่ยังไม่ได้บอกมุกอีกไหมคะ”

“เหลืออีกเรื่องเดียว เรื่องสำคัญ อย่ายอมให้ไอ้คิมหันต์เข้าใกล้มุกอีกเป็นอันขาด ผู้ชายคนนี้ทำได้ทุกอย่างเพื่อทำลายพี่ ทำลายมุก ไม่มีใครเลวเท่ามันอีกแล้ว มุกอย่าแม้แต่คิดว่าจะกลับไปหามัน ถึงวันนึงมันจะเลิกกับยายพักตราก็เถอะ...เชื่อพี่นะมุก”

มุกรินได้แต่นิ่งเงียบ อยู่ในความครุ่นคิดคำนึง... เพราะแม้การคุยกับคิมหันต์เมื่อกลางวันเธอจะบอกเขาว่าเราไม่มีวันที่จะกลับมาเหมือนเดิมกันอีก แต่คิมหันต์ขอเวลาให้ตนอีกหน่อยได้ไหม

“อย่าเสียเวลาเลยค่ะ ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก”

“ไม่เป็นไร...แค่คุณยังไม่มีใคร ผมก็ถือว่าผมยังมีความหวัง เพราะผมก็ไม่มีใครเหมือนกัน” มุกรินบอกว่าพักตราไง “พักตราคือวิบากกรรมของผม เป็นกรรมที่ผมต้องชดใช้ด้วยตัวเอง...” เขากุมมือมุกรินไว้แน่น...นิ่ง...บอก เธอว่า “โทร.หาผมบ้างนะ...นึกถึงผมก่อนนายปรารภทุกครั้งได้ไหม”

แล้วคืนนี้เองขณะคิมหันต์อยู่ที่สำนักงานของชุมสาย มุกรินก็โทร.มาหาเขา คิมหันต์บอกว่า

“พรุ่งนี้ผมจะไปหาคุณแต่เช้า ผมมีที่อยู่ให้คุณแน่ มุก” ชุมสายถามว่ามุกรินโทร.มาหรือ “อืม...เขาเลือกฉัน ไม่ใช่นายปรารภ” ครั้นชุมสายถามว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า คิมหันต์ตัดบทว่า “แกอย่ารู้เลย มันซับซ้อนเกินไปสำหรับทนายอย่างแก”

ooooooo

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น คิมหันต์ไปรับมุกรินที่บ้านธาดาบอกให้เธอขับรถตามตนไป มุกรินถามว่าจะไม่บอกหรือว่าเช่าบ้านให้ตนที่ไหน

“มันเป็นบ้านที่คุณรัก บ้านที่คุณพักอาศัยตั้งแต่เด็กๆ บ้านที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของพ่อแม่คุณ” มุกรินขนลุกซู่มองเขาตาโต ตื่นเต้น คิมหันต์บอกว่า “บ้านที่คุณเคยบอกว่าเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่คุณมี”

คิมหันต์พามุกรินกลับไปที่บ้านเก่าของเธอ พาเธอเข้าไปในบ้านพร้อมกับมอบกุญแจบ้านให้ มุกรินโผกอดเขาแน่นด้วยความดีใจสุดชีวิต เอ่ยเสียงสั่นเครือ...

“ขอบคุณค่ะ...”

ooooooo

คิมหันต์พามุกรินเข้าไปในบ้าน เธอมองอย่างตื่นตาตื่นใจ ทั้งบ้านว่างเปล่าไม่มีข้าวของอะไรเลย คิมหันต์บอกว่า

“ผมล็อกบ้านปิดตายตั้งแต่วันที่คุณย้ายออกไป ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ไม่ได้ทุบ ไม่ได้ประกาศขาย...ผมตั้งใจจะปรับปรุงซ่อมแซมให้สวยขึ้นด้วยซ้ำ เพื่อวันนึง ผมจะคืนบ้านหลังนี้ให้คุณ...ในวันที่เหมาะสม...”

“วันที่เหมาะสม?” เขาพยักหน้า “วันที่พี่ใหญ่ถูกตัดสินว่าผิด?”

คิมหันต์ส่ายหน้า บอกว่า “วันที่เราจะใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขต่างหาก” มุกรินพึมพำว่าคงไม่มีวันนั้นหรอก “ถ้าเราเริ่มตั้งแต่วันนี้...เราก็อาจจะมีวันนั้นได้ ใครจะรู้”

ส่วนธาดาไปเช่าอพาร์ตเมนต์เก่าๆอยู่ แต่พอเขาขับรถมาจอดหน้าอพาร์ตเมนต์ รถติดฟิล์มดำคันหนึ่งก็ขับเข้ามาจอด ลูกน้องเสี่ยอ๋านั่งดูการเคลื่อนไหวของเขาอยู่ในรถพลางโทรศัพท์รายงานเสี่ยว่าข้าวของมีไม่มาก ท่าทางมันไม่ค่อยจะมีตังค์

“ก็แหง...ไม่งั้นไม่ย้ายบ้านหนีหรอก เฝ้าไว้ให้ดี อย่าให้คลาดสายตาเชียว” เสี่ยอ๋ากำชับลูกน้อง

ธาดาเข้าไปพบผู้จัดการอพาร์ตเมนต์ เขายอมรับระเบียบและเงื่อนไขการเข้าอยู่ทุกอย่างรวมทั้งเงินล่วงหน้าสามเดือนกับสัญญาเช่าหนึ่งปีด้วย

การเคลื่อนไหวทุกอย่างของธาดา เสี่ยอ๋าเล่าให้คิมหันต์ฟังอย่างละเอียด เขาพอใจมากที่รู้ว่าธาดาอยู่ในสภาพย่ำแย่ เสี่ยบอกว่าไม่รู้ว่าเขาจะฆ่าตัวตายหรือเปล่า คิมหันต์ถามว่าถึงขนาดนั้นเลยหรือ

“ไม่รู้สิครับ...แต่ผมสั่งเด็กให้เฝ้าดูอย่างใกล้ชิดแล้ว แบบไม่ให้คลาดสายตาเลย จนกว่าคุณคิมหันต์จะมีคำสั่งให้ทำอะไรนะครับ”

“โอเค ตามนั้น ขอบคุณมาก”

มุกรินเข้ามาจากข้างหลัง คิมหันต์ปดว่าชุมสายโทร.มา มีธุระคุยกันนิดหน่อย มุกรินเดาว่าเรื่องอุทธรณ์หรือ?

คิมหันต์บอกว่าใช่ ถามว่าเธอทำใจได้หรือยังถ้าศาลอุทธรณ์ตัดสินต่างไปจากครั้งก่อน มุกรินย้อนถามว่าแล้วถ้ามันไม่เป็นอย่างที่เขาคิดล่ะ? คิมหันต์ตัดบทว่าเราไม่พูดเรื่องนี้ดีกว่า บอกว่าตนจะกลับแล้ว แล้วจะแวะมาหาใหม่ถ้าเธออนุญาต เพราะตนไม่มีกุญแจบ้าน

มุกรินถามว่าพักตราจะกลับเมื่อไหร่ เขาบอกว่าอีกเดือนนึงมั้ง เธอเตือนเขาว่า “คุณควรจะดูแลเขาบ้างนะคะ”

คิมหันต์พยักหน้า ยักไหล่นิดๆก่อนเดินออกไป

ooooooo

ธาดาไปพบบรรเจิดทนายความของตนที่ร้านอาหารเงียบๆแห่งหนึ่ง พอพบกันบรรเจิดบอกว่า

ที่จริงตนไม่คิดว่าจะต้องเจอเขาอีก ธาดาบอกว่าถ้าพวกนั้นไม่อุทธรณ์ตนก็ไม่ต้องรบกวนเขาหรอก

“คุณมาช้าไป ผมอ่านสำนวนหมดแล้ว และก็เขียนคำค้านอุทธรณ์ส่งกลับไปที่ศาลแล้วด้วย ต่อไปก็คงต้องรอ รอจนกว่าศาลจะนัดฟังคำพิพากษา”

ธาดาถามว่าอีกนานไหม บรรเจิดบอกว่าตนตอบไม่ได้ ตนไม่ใช่ผู้พิพากษา เพราะฉะนั้นหมดหน้าที่ตนแล้ว ธาดาถามว่าตนไม่แพ้ใช่ไหม

“ประวัติของผม ว่าความให้ใครไม่เคยแพ้ทั้งสาม ศาลแต่จำไว้อย่างนึงนะ ชัยชนะของคุณเป็นชัยชนะในแง่ของกฎหมายแต่ตลอดชีวิตคุณ คุณจะไม่สามารถเอาชนะกฎแห่งกรรมได้ คุณต้องรู้แก่ใจเองว่า คุณทำกรรมไว้ที่ไหนบ้าง ผมว่าหลังๆมานี่ราศีคุณหายไปเยอะนะ ไม่เหมือนคนชนะคดีเลย ไม่ทราบว่าคนรอบๆตัวคุณยังอยู่ครบรึเปล่า”

ธาดาถามว่าหมายถึงใคร บรรเจิดบอกว่า แฟนเขา น้องสาวเขา มุกรินเธอเป็นอย่างไรบ้าง ธาดาเงียบ

“ฝากบอกเธอด้วยว่าอย่าคิดมาก ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้แหละ ผมไปนะ” ธาดาถามว่าไม่กินอะไรก่อนหรือตนจะเลี้ยง

“อย่าเลย คุณเก็บเงินไว้ใช้เถอะ ผมหากินเองได้” บรรเจิดเดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผย ทิ้งธาดาให้นั่งคิดเครียดอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงโทร.หาดวงดาวแต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ

เมื่อติดต่อทางโทรศัพท์ไม่ได้ ธาดาจึงไปร้านอาหาร ที่เธอร้องเพลง จึงรู้ว่าเธอไม่ได้มาร้องเพลงที่นี่นานแล้ว

แต่กีตาร์ยังอยู่ พนักงานคนนั้นบอกอีกว่า คนที่เป็นแขกประจำของดวงดาวนั่งอยู่โน่น ลองไปถามเขาดู

ธาดาเดินไปที่โต๊ะจึงรู้ว่าเขาคือคิมหันต์นั่นเอง! ธาดากระชากคอเสื้อคิมหันต์ถามว่าดวงดาวอยู่ไหน คิมหันต์หัวเราะใจเย็นถามว่าเธอทิ้งเขาไปแล้วใช่ไหม ไม่มีปัญญาตามหาเองหรือ ธาดาชกคิมหันต์ทันที แต่สภาพเขาอ่อนแรงจนแม้แต่จะทรงตัวก็ลำบาก ถูกคิมหันต์เย้ยว่า กลับบ้านไปนอนเอาแรงก่อนดีไหม รักษาตัวเองให้ดีจะได้อยู่จนถึงวันขึ้นศาล

“ขึ้นอีกกูก็ไม่แพ้เว้ย”

คิมหันต์แสยะยิ้มควักเงินวางไว้บนโต๊ะแล้วเดินออกไป ธาดาหันไปถามพนักงานว่าดวงดาวจะมาเอาของไปวันไหนช่วยโทร.บอกตนด้วย

ooooooo

คิมหันต์ไปหาดวงดาวที่หอพัก ถามว่าเธอจะ ไปไหน ดวงดาวบอกว่าภาคใต้ คิมหันต์ถามว่าไปเล่นดนตรีหรือ

“คงเล่นสักพักแล้วค่อยหาที่ปักหลัก อยากเริ่มต้นชีวิตไหม่ คิมหันต์ถามว่ากับใคร? เธอไม่บอก

คิมหันต์ถามว่าธาดาตามหาเธอให้ควั่ก ไม่สงสารเขาหรือ ดวงดาวนิ่งไปนิดหนึ่งถามว่าธาดาเป็นอย่างไรบ้าง พอคิมหันต์บอกว่าเป็นหนี้เยอะ ดวงดาวเสนอว่าเขาน่าจะบอกให้มุกรินไปดูแล

คิมหันต์ถามว่าพรุ่งนี้เธอจะไปอย่างไร ตนจะไปส่งเอาไหม ดวงดาวมองหน้าเขาอย่างชั่งใจ แต่ไม่ตอบ

ฝ่ายมุกรินย้ายออกจากบ้านที่คิมหันต์คืนให้ไปอยู่ที่อื่น ปิดป้ายไว้หน้าบ้านว่าให้เช่า ปรารภไปหาจึงไม่เจอ เขาโทร.เข้ามือถือ จึงรู้ว่าเธอย้ายออกไปแล้วแต่ไม่ยอมบอกว่าไปอยู่ที่ไหนบอกแต่ว่าตนปลอดภัยดีไม่ต้องเป็นห่วง

ปรารภถามว่าทำไมต้องย้ายบ้านด้วย เธอบอกว่ามีเหตุผลส่วนตัวบางอย่าง ปรารภจึงบอกว่าตอนนี้

บริษัทมีงานแล้ว นัดพรุ่งนี้ให้เธอไปพบตนที่บ้านสวนหลังนั้น คิมหันต์นั่งฟังอยู่ พอมุกรินวางสายเขาถามว่าคุยกับเจ้านายเก่าหรือ

“เขาชวนมุกไปทำงานบริษัทใหม่ของพี่รภ” คิมหันต์ถามว่าเธอตกลงไหม “ฉันต้องทำงานนะคะ จะให้อยู่เฉยๆไม่ได้หรอกค่ะ ฉันไม่ได้มีสมบัติติดตัวมากมายอย่างคุณ” คิมหันต์ชวนแต่งงานกันแล้วเธอจะไม่ต้องทำงานมากอย่างนี้เลย

เมื่อหว่านล้อมไม่สำเร็จ คิมหันต์ขออนุญาตมาหาเธอบ้างแต่ไม่คิดจะรุกล้ำล่วงเกินเธอมากไปกว่านี้ ขอนอนเล่นตรงนี้ ส่วนเธอก็ให้ไปนอนพักที่ห้องตามสบาย อ้อนว่า “โปรดเห็นใจคนไม่มีที่นอนสักนิดได้ไหมครับ”

มุกรินบอกว่าเดี๋ยวตนจะไปเอาหมอนกับผ้าห่มมาให้ คิมหันต์ถามว่ารู้หรือยังว่าพี่ชายเธออยู่ที่ไหน พูดเปรยๆว่าถ้าเขาหาเงินใช้หนี้ไม่ได้ก็ต้องหลบหนีอย่างนี้ตลอดไปหรือ เสนอว่าจะให้เขายืมเงินใช้หนี้เอาไหม แต่ต้องใช้หนี้ให้หมดก่อนติดคุก ส่วนบ้านนี้ตนให้เธออยู่ฟรี ขอแต่ให้มีโอกาสมานอนที่นี่บ้างเท่านั้น นอนตรงนี้ ไม่รบกวนเธอแน่

คืนนี้เอง มุกรินโทร.ถามธาดาว่าอยู่ที่ไหน ถามว่าจะหาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ตนจะช่วยเอาไหมเผื่อพอจะหยิบยืมใครได้

“อย่ามุก มันเป็นหนี้ของพี่ พี่ต้องเป็นคนชดใช้เอง นอนพักเถอะนะ แล้วพี่จะไปหาใหม่”

วางสายจากมุกรินแล้ว ธาดาปวดหัวจนต้องหยิบยากินด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด

ooooooo

ที่บ้านสวนปรารภ... ปรารภรีบออกมารับเมื่อมุกรินมาถึง เอ่ยด้วยน้ำเสียงสดชื่นแจ่มใสว่า

“บริษัท MVP ยินดีต้อนรับ คุณมุกริน คุรุรัตน์ ครีเอทีฟและหุ้นส่วนคนเดียวของบริษัทครับ” มุกรินถามว่าบริษัทเรามีพนักงานกี่คน? “คุณกับผมเท่านั้นแหละ เชิญข้างในดีกว่าจ้ะ” ปรารภเดินเข้าไปอย่างตื่นเต้น

ภายในบ้านที่ดัดแปลงเป็นออฟฟิศ เครื่องใช้ในสำนักงานล้วนแต่ดัดแปลงมาจากของใช้ในบ้าน แต่ก็ดูดีทุกส่วนลงตัวอย่างเหมาะสม ปรารภเล่าอย่างกระตือรือร้นว่า

“ลูกค้าเก่าหลายรายถามถึงพี่ จะส่งงานให้เราทำก็เยอะ...พี่ต้องบอกว่าทำไม่ทัน ขอเป็นทีละงานแล้วกัน รอให้บริษัทโตอีกหน่อย พี่ก็เลยเลือกงานแรกที่เราน่าจะพร้อมทำได้ เป็นงานคอนเซปต์ เราต้องวางคอนเซปต์ให้น้ำดื่มตัวใหม่ที่จะออกมาสู่ตลาดปลายปี”

“อย่าบอกว่าชาเขียวนะคะ” มุกรินดักคอ

“ไม่ ของเราเป็นน้ำดื่มบริสุทธิ์เพื่อสุขภาพ” ปรารภอธิบายคุณภาพของน้ำดื่มที่เป็นผลดีต่อสุขภาพที่แจ๋วกว่าชา

“เราจะเริ่มต้นด้วยการอ่านข้อมูลโปรดักส์ของเขาให้ละเอียด แล้วลองวางแนวทางเบื้องต้นเสนอเขาสักสองสามแบบ โอเคนะ”

มุกรินไม่ตอบแต่ถามเขาว่า “พี่ไม่โกรธใช่ไหม ที่มุกไม่บอกพี่ว่ามุกอยู่ที่ใหม่”

ปรารภมองเธอเต็มตา ส่ายหน้า บอกว่าทำงานอย่าคิดมาก

ooooooo

วันนี้ดวงดาวไปบาร์ที่ทำงานแต่เช้า บ๋อยถามว่ามาเอาของหรือ บอกว่าตอนเธอไม่อยู่มีแขกมาถามหาอื้อเลย

“ถามจริง?” ดวงดาวทำหน้าไม่เชื่อ บ๋อยยืนยัน

ว่าจริง ถามว่าไม่เปลี่ยนใจเล่นที่นี่ต่อหรือ “ต้องถามพี่จ๋ายพี่เขาไม่เล่นดาวจะเล่นได้ไง” บ๋อยเสนอให้แยกวง ดวงดาวตอบอย่างไม่แยแสว่า “ไม่ใช่นิสัยของฉัน...ไปนะ”

แต่ไม่ทันก้าวเดิน ธาดาก็มาเผชิญหน้า ดวงดาวถามว่าเด็กที่ร้านบอกหรือว่าตนจะมาวันนี้ แล้วเขาไม่ได้บอกหรือว่าตนมาเอาของแป๊บเดียวแล้วจะรีบไป พูดแล้วเบี่ยงตัวเดินผ่านหน้าธาดาจะออกไป เขาบอกเดี๋ยวสิ ดวงดาวมองหน้าพูดอย่างห่างเหินว่า “เราเลิกกันแล้วค่ะอา”

“เลิกเมื่อไหร่ อายังไม่อยากเลิก”

“ทันทีที่อาใช้ความรุนแรงกับหนู เราก็จบกันตามสัญญา” ธาดาอ้อนว่าเราก็เริ่มต้นกันใหม่ได้นี่ “อย่าเสียเวลาดีกว่า ปล่อยหนูเถอะค่ะ เพื่อนหนูรออยู่”

“เพื่อนหรือใคร ดาวจะหนีตามผู้ชายไปใช่ไหมบอกอามาตรงๆดีกว่า”

“ไม่ทันไรเลย พูดจาดูถูกหนูอย่างนี้อีกแล้ว ไหนว่าจะไม่ทำให้ดาวเสียใจอีกแล้วไง... เลิกก็คือเลิก ทางใครทางมันดีกว่าค่ะอา แต่ถ้าอายังต้องการหนู อาก็ปรับปรุงตัวใหม่ แล้วค่อยมาจีบหนูใหม่ก็แล้วกัน” ดวงดาวสะลัดแขนเดินออกไปหน้าร้าน ธาดาตามตื๊ออีก แต่ถูกคิมหันต์เดินออกมาขวางประตูบอกว่าเด็กเขาไม่เล่นด้วยแล้วยังจะตื๊อไม่เลิกอีกหรือ...ผู้เฒ่าเอ๊ย...”

ดวงดาวบอกธาดาว่าตนไม่ได้นัดคิมหันต์มานะ คิมหันต์พูดยั่วว่า ใช่แต่ใจเราถึงกัน ตนรู้สึกว่าเธอน่าจะกำลังต้องการตนอยู่ ดวงดาวถามว่าใครบอกคุณ! คิมหันต์ตอบห่วงๆกวนๆว่า

“ผมจะขับรถไปส่งให้ไง ไม่ดีเหรอ ผู้หญิงคนเดียวเดินทางไกล อันตรายนะ”

“มึงเลิกยุ่งกับดวงดาวเดี๋ยวนี้นะ” คิมหันต์ถามว่าเป็นพ่อเธอหรือถึงได้มาสั่ง ธาดาเดือดตวาด “มึง!!!” คิมหันต์ถามว่ามึงจะทำอะไรกู ธาดาตวาดลั่น “กูจะฆ่ามึง!!” แล้วกระโจนเข้าใส่ทันที เลยตะลุมบอนกันคลุกฝุ่น บ๋อยพยายามเข้าห้าม ดวงดาวหันมองเซ็งๆแล้วเดินออกจากร้านไปอย่างไม่แยแส

“ดาวจะทิ้งอาไปก็ได้ แต่ดาวอย่าไปยุ่งกับคนอย่างไอ้คิมได้ไหม” ธาดาตะโกนตามหลัง คิมหันต์เย้ยว่า เสียใจด้วยไม่ทันแล้วล่ะ ธาดาชี้หน้าด่า “มึงมันเลวไอ้คิม มึงไม่ตายดีแน่จำไว้”

“คอยดูก็แล้วกัน ว่าใครกันแน่ที่จะไม่ตายดี” คิมหันต์ท้าทายแล้วออกจากร้านตามดวงดาวไป

ooooooo

ดวงดาวเดินดุ่มๆอยู่ริมถนน คิมหันต์โฉบรถเข้าไปชะลอถามว่าจะเดินไปถึงไหน ขึ้นรถมาเถอะตนไปส่งให้เอง

“ฉันบอกเหรอว่าจะให้คุณมาส่ง ฉันบอกว่าจะแวะมาเอาของแล้วจะไปเอง คุณตามมาทำไม!”

“ก็แค่อยากมา” คิมหันต์ตอบแบบเด็กเกเร ดวงดาวหยุดเดินยืนปักหลักด่า “อยากมาเจอนายธาดาใช่ไหม คุณจงใจที่จะให้เกิดเรื่องแบบนี้ใช่ไหม อาธาดาเขาย่ำแย่จนถึงขนาดนี้แล้วคุณยังไม่พออีกเหรอ ยังไม่เลิกอีก ยังไม่หายแค้นใช่ไหม หรือต้องการให้เขาลงไปดิ้นตายต่อหน้าต่อตาคุณ”

“ก่อนตายมันต้องรับโทษก่อน”

“งั้นทำไมคุณไม่อยู่เฉยๆ รอให้ศาลพิพากษาล่ะ ที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้มันเดือดร้อนคนอื่นไปหมด ต้องให้บอกไหมว่าใครบ้าง? ทั้งมุกริน ทั้งพักตรา พวกเขาต้องช้ำใจกับพฤติกรรมของคุณขนาดไหน” คิมหันต์ถามว่าแล้วเธอล่ะ? “เล็กน้อยมากสำหรับฉัน เมื่อเทียบกับสองคนนั้น เลิกเถอะ แยกย้ายกันไปสร้างชีวิตตัวเองให้งดงามเถอะค่ะคุณคิมหันต์”

ทั้งสองจ้องหน้ากันอย่างอ่านใจ...วัดใจ...แล้วจู่ๆ ดวงดาวก็วิ่งไปอาเจียนข้างทาง คิมหันต์จะไปช่วย เธอบอกว่าช่วยตัวเองได้ พออาเจียนเสร็จแท็กซี่ผ่านมาพอดีเธอโบกแท็กซี่แล้วขึ้นนั่งทันที

“แน่ใจหรือที่เลือกแบบนี้”

“ฉันต้องการเวลาอยู่กับตัวเองสักพักไม่จำเป็นอย่าติดต่อฉันอีกนะขอร้อง” ดวงดาวปิดประตูรถแล้วบอกให้ไปเลย

ooooooo

ขณะที่มุกรินอยู่ที่บ้านสวนบริษัทใหม่ของปรารภ ธาดาโทร.หาเธอ มุกรินถามว่ามีอะไรหรือเปล่า

“ไอ้คิมมันเลว มันคบกับดวงดาว มันสองคนนัดกัน...ดาวทิ้งพี่แน่นอนแล้วมุก” มุกรินบอกว่าตนจะลองถามดวงดาวดูอีกที “ไม่จำเป็น พี่แค่โทร.มาบอกให้มุกรู้ถึงความเลวร้ายของไอ้คิม มันจงใจทำลายทุกอย่างที่พี่รัก มุกอย่าหลงเชื่อมันแม้แต่นิดเดียวนะ”

“แล้วตอนนี้พี่ใหญ่อยู่ไหนคะ”

“พี่กำลังหาทางใช้หนี้อยู่ อีกไม่นานทุกอย่างก็จะจบเราจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวเหมือนเดิม พี่ต้องทำให้ได้มุก” ธาดากดตัดการติดต่อแล้วนิ่งหน้าเครียด มุกรินวางโทรศัพท์ลงนั่งเครียดเป็นห่วงพี่ชาย จนปรารภมาถามว่าเหม่ออะไรไม่ทราบ ทักว่าดูเธอเหนื่อยๆนะ วันนี้เอาแค่นี้ก่อนก็ได้ มุกรินติงว่าเพิ่งจะบ่ายเอง

“เราเป็นเจ้าของบริษัทเอง เราจะทำกี่โมงเลิกกี่โมงเรากำหนดเองได้กลัวอะไร ไม่มีซีอีโออย่าง ยัยพักตรามคอยจ้องจับผิดสักหน่อย” งั้นมุกเก็บของนะ “จ้ะอ้อ นี่เงินเดือนของมุก พี่จ่ายก่อนเลย พี่ให้เท่ากับ ที่มุกเคยได้รับ แต่ยังไม่นับส่วนแบ่งกำไรของแต่ละโปรเจกต์นะ”

มุกรินติงว่าเขาให้มากเกินไปแล้ว ปรารภบอกว่าตนมีพนักงานคนเดียวให้มากกว่านี้ก็ยังได้ แล้ววกมาถามว่าจะไม่บอกใช่ไหมว่ามุกไปพักที่ไหน เธอบอกว่าพร้อมเมื่อไหร่จะบอกเอง

“งั้นทานข้าวเย็นกันก่อนกลับได้ไหมครับ”

มุกรินยิ้มรับ

ooooooo

ธาดานัดพบบรรเจิดอีกครั้ง คราวนี้ถูกบรรเจิดปรามว่าหากยังนัดพบตนอีกครั้งหลังจากนี้เขาจะถูกขึ้นบัญชีเป็นคนน่ารำคาญสำหรับตน ธาดาบอกว่าถ้าไม่จำเป็นตนก็ไม่มาหรอก

บรรเจิดถามว่าก่อคดีอีกหรือไง ธาดาบอกว่าตนอยากติดต่อ เสธ. บรรเจิดบอกว่าเสียใจเพราะ เสธ.ขึ้นบัญชีเขาเป็นคนน่ารำคาญนานแล้ว แต่พอธาดาบอกว่าตนอยากทลายบ่อน บรรเจิดมองขวับถามทึ่ง “ว่าไงนะ?!”

ธาดาบอกว่าตนเป็นหนี้เสี่ยสามสิบ ถูกมันไล่บี้ บอกบรรเจิดว่าถ้า เสธ.ช่วยส่งคนไปพังบ่อนมันทุกอย่างก็จะจบ มันเป็นแค่บ่อนเล็กๆ ไม่มีอิทธิพลอะไรมากมาย

“คุณรู้ได้ยังไงไม่ทราบ” บรรเจิดหางตาใส่ “คุณพูดอย่างนี้ไม่ได้นะ ทุกคนล้วนมีแบ็กด้วยกันทั้งนั้น คนนอกอย่างคุณจะไม่มีทางรู้เลยว่าแบ็กใครแข็งกว่าใคร เพราะฉะนั้นคิดจะพูดอะไรจะทำอะไรดูหน้าดูหลังให้ดีเสียก่อน” มองหน้าธาดาถามว่าเขามีเท่าไหร่ ธาดาถามว่าอะไรเท่าไหร่? “หน้าตักของคุณน่ะ มีแค่ไหน คิดจะไปเสี่ยงกับเขา วงการนักเลงเขาไม่หักกันด้วยเรื่องโง่ๆแบบนี้หรอก ผมตอบแทน เสธ.ได้เลยว่า ท่านไม่ยุ่งด้วยเด็ดขาด”

ธาดาถูกสอนมวยจนก้มหน้านิ่ง บรรเจิดย้ำว่า

“จำที่ผมพูดเรื่องกรรมได้ไหม เมื่อทำอะไรไว้โดยไม่รู้จักยั้งคิด ถึงเวลาใช้กรรม ก็ต้องค่อยๆใช้ไปมันเป็นกรรมของคุณไม่เกี่ยวกับผม ไม่เกี่ยวกับ เสธ...กินอะไรไหม ผมเลี้ยงเอง มื้อสุดท้ายระหว่างคุณกับผมนะ”

ท่าทีที่ชัดเจนของบรรเจิด ทำให้ธาดาทำได้แค่นิ่ง...มืดแปดด้าน...

ooooooo

วันนี้มุกรินกลับถึงบ้านก็แปลกใจเมื่อเห็นรถของคิมหันต์จอดอยู่หน้าบ้าน เธอถามเขาว่าไม่มีที่ไปจริงๆหรือ? หรือว่าเพิ่งกลับจากส่งดวงดาว?

คิมหันต์มองหน้าถามว่าพี่ชายเธอโทร.มาฟ้องล่ะสิ มุกรินบอกว่าตนรู้ว่าดวงดาวชอบเขาโดยไม่มีอะไรเกินเลยไปไกล แต่ตนก็ไม่แน่ใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ คิมหันต์ตัดบทถามว่าแล้วคืนนี้จะให้ตนเข้าบ้านไหม

“เข้ามา แล้วปิดประตูให้ด้วย” มุกรินบอกแล้วเดินเข้าบ้าน คิมหันต์จะไปเลื่อนรถก็พอดีมีสายเข้ามือถือเขา เป็นสายจากปริมโทร.มาบอกว่าพักตรากลับมาแล้ว และตอนนี้เขาควรจะมาดูเธอหน่อยเพราะมีเรื่องไม่ค่อยดีเท่าไหร่

“ก็คงเจ้าอารมณ์เหมือนเดิม ผมไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ ทำไม่ต้องไปด้วย”

พอปริมบอกว่าเป็นคำสั่งของพลโทอรรถ คิมหันต์ก็เงียบ วางโทรศัพท์ลงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แล้วเขาก็โทร.บอกมุกรินว่าคืนนี้ไม่รบกวนเธอแล้ว แต่บอกเล่าให้ฟังว่า

“ผมอยากบอกคุณว่า กับดวงดาวน่ะ ผมแค่สนใจการใช้ชีวิตของเขา ออกจะสงสารเขาด้วยซ้ำที่ต้องทนอยู่กับผู้ชายอย่างธาดา และที่สำคัญเขาคอยช่วยเหลือผมให้ลงเอยกับมุกมาตลอดนะ” มุกรินบอกว่าตนรู้ “แต่คุณก็สงสัยผม”

คิมหันต์สวนทันควัน มุกรินไม่ตอบโต้ตัดบทว่า “ขับรถดีๆนะคะ ฉันจะล็อกบ้านละ”

คิมหันต์ขับรถไปด้วยความเครียด จนถึงบ้านพักตรา เจอปริมรออยู่เธอขอบคุณที่เขากรุณามา คิมหันต์ถามว่าตนจะทำอะไรได้บ้าง

“คุณพักตราขังตัวเองอยู่ในห้องค่ะ ร้องไห้ไม่หยุด ไม่ยอมเปิดประตู ไม่ยอมบอกด้วยว่าร้องไห้ทำไม” คิมหันต์ถามว่าแค่นี้หรือ ปริมบอกว่า “เธอถือปืนเข้าไปในห้องด้วยค่ะ แล้วตะโกนว่า อยากตาย...”

ooooooo

พักตราปิดประตูขังตัวเองในห้องไม่ยอมเปิดประตู คิมหันต์ต้องร้องบอกว่า

“ผมเองนะพักตร์” เธอจึงนิ่งฟัง “พักตร์เปิดประตูให้ผมเข้าไปหน่อย มีอะไรค่อยๆพูดกันก็ได้ อย่าเพิ่งทำร้ายตัวเองนะพักตร์...พักตร์...คุณได้ยินผมไหม... พักตรา...”

พอมีเสียงปลดล็อกประตู ปริมบอกคิมหันต์ให้เข้าไปคนเดียวตนจะรออยู่ข้างล่าง คิมหันต์จึงเปิดประตูเข้าไป เขาเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง จนเจอพักตรานั่งยิ้มอยู่ที่โซฟา คิมหันต์ปั้นยิ้มตอบ

“ดีใจจังที่ได้เห็นคิม คิมมาหาพักตร์จริงๆด้วย คิมมาเองหรือนายพลอรรถบอกให้มาคะ”

“ผม...มาเอง”

พักตราน้ำตาไหลพรากรำพันความคิดถึงเขาจนคิมหันต์ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมร้องไห้ขนาดนี้ พักตราถามว่าเขาเป็นห่วงตนหรือ คิมหันต์บอกว่าไม่ใช่แค่ตนแต่ทุกคนเป็นห่วงเธอรวมทั้งปริมและพ่อเธอด้วย

พอเอ่ยถึงพ่อเท่านั้น พักตราก็ของขึ้นทันที

พูดเกือบเป็นคำราม “พ่อ!” จนคิมหันต์ต้องแอบหยิบปืนออกห่างตัวเธอ พูดอย่างอ่อนโยนให้เก็บปืนเสีย แล้วเล่าให้ฟังสิว่าเกิดอะไรขึ้น ไหนว่าจะไปหาพ่อเดือนหนึ่งไม่ใช่หรือ?

เป็นคำถามที่แทงใจดำ เธอพรั่งพรูความอัดอั้นออกมาราวกับน้ำป่าที่ทะลักจากภูเขาพักตราพูดอย่างเจ็บปวดว่าไม่มีใครจริงใจ

กับตนเลย มีแต่คนหลอกลวงตน โดยเฉพาะพ่อนี่แหละตัวดี หลอกตนมาตลอด ถามคิมหันต์ว่ารู้ไหมว่าตนไปเจออะไรมา ตนไม่คิดเลยว่าพ่อจะทำอย่างนี้ลับหลังตนลับหลังแม่

“พักตร์ฟังพ่อก่อน” เสียงอรรถโพล่งขึ้นพร้อมกับเปิดประตูเข้ามา พักตราตะโกนลั่นไม่อยากฟังไม่อยากเห็นหน้าพ่อพ่อก็ไม่ต่างจากผู้ชายเลวๆคนหนึ่ง เพราะพ่อเป็นอย่างนี้แม่ถึงได้ช้ำใจตาย “หยุดก่อนพักตร์ให้โอกาสพ่อได้อธิบายบ้างสิ”

“พักตร์ไม่ต้องการคำอธิบาย...ทุกคนฟังนะ คุณปริมฟังด้วย พ่อแอบมีเด็กผู้หญิง เขาโกหกทุกคน

ว่าไปทำงาน แต่พักตร์ไปเห็นกับตามาแล้ว เขานอนกับผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าพักตร์อีก ตั้งสองคน...ผู้หญิงสองคนนอนแก้ผ้าอยู่กับพ่อบนเตียง จะให้พักตร์เข้าใจว่า

ยังไง เนี่ยเหรองานของพ่อ ที่ต้องไปทำถึงฝรั่งเศส”

พักตราระบายอารมณ์ออกมาพูดจนแทบไม่ได้หายใจ อรรถฟังแล้วพูดไม่ออก ปริมยืนอึ้ง พักตราหันถามพ่อว่า

“แล้วรีบกลับมาทำไมล่ะคะพ่อ จะรีบกลับมาเคลียร์เหรอ...นี่ถ้าพักตร์ไม่โผล่ไปเห็น พ่อก็คงอยู่กันเป็นเดือนๆ กับอีเด็กนั่นใช่ไหม แล้วอย่างนี้พักตร์จะเชื่อใจพ่อได้ยังไง พักตร์จะเชื่อ ได้ยังไงว่าพ่อทำทุกอย่างเพื่อพักตร์ พ่อทำเพื่อสนองตัณหาของพ่อเองต่างหาก พ่อไม่นึกถึงแม่บ้างเลย ไม่นึกถึงคุณปริมเลย”

ปริมที่ยืนอึ้งแต่แรก ค่อยๆถอยออกจากห้องไป อรรถเรียกแต่เธอทำหูทวนลม ในขณะที่พักตราก็ตะโกนไม่หยุด

“หนูเกลียดพ่อ...หนูเกลียดพ่อแบบนี้ที่สุด!”

“พักตร์จะโกรธจะเกลียดพ่อยังไงก็ได้ พ่อไม่มีสิทธิ์ห้าม เพราะอาจจะมีบางเรื่องที่พ่อทำไม่ถูก พ่อทำไม่ดีก็จริง...แต่ถ้าเป็นเรื่องของลูก พ่อถือเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องสำคัญที่สุดที่พ่อต้องทำเพื่อลูกก่อนเสมอ”

“พักตร์ไม่เชื่อ!” พักตราตะเบ็งใส่หน้า

“ตามใจ... แค่พ่อเห็นว่าลูกกลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัยพ่อก็ดีใจแล้ว... เรื่องของพ่อ เอาไว้อารมณ์ดีๆ แล้วเราค่อยมาคุยกันใหม่นะ”

“ไม่ค่ะ พักตร์จะไม่พูดกับพ่ออีกต่อไปแล้วค่ะ”

อรรถค่อยๆเดินออกไป ก่อนพ้นประตูเขาหันบอกคิมหันต์ว่า

“อยู่กับลูกสาวฉันก่อนนะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน”

ooooooo

ปริมออกมายืนที่หน้าบ้าน ทอดสายตาไปอย่างไร้เป้าหมาย อรรถเดินมาข้างหลังเรียกเบาๆ ปริมเอ่ยขึ้นก่อนว่าท่านไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ตนเข้าใจแล้ว...

“ปริมเข้าใจว่ายังไง”

“ท่านอยู่สูงกว่าปริมมาก ท่านเลือกได้ว่าอะไรที่ทำให้ท่านมีความสุข ซึ่งต่างจากปริม...” อรรถบอกว่าไม่จริง “จริงค่ะที่ผ่านมาปริมรู้สึกว่าตัวเองมีค่าที่ทำให้ท่านมีความสุข แต่เมื่อท่านมีทางเลือกอื่นๆมากกว่าปริม คุณค่าของปริมก็ต้องน้อยลงเป็นธรรมดา”
“ไม่จริงหรอก...อย่าคิดอย่างนั้นสิ”

“ปริมดีใจนะคะที่มีโอกาสได้ดูแลท่าน แต่วันนี้ปริมขอเลือกเท่าที่ปริมจะเลือกได้...” อรรถมองหน้าถามว่าเลือกอะไร? “ปริมขอไปจากตรงนี้ค่ะ ขอบคุณที่ท่านเมตตาปริมมาตลอด หมดเวลาที่ปริมจะรับใช้ท่านแล้วค่ะ”

ปริมไหว้อรรถอย่างสวยงามแล้วเดินจากไป...

ครู่ใหญ่ คิมหันต์เดินลงบันไดมา เห็นอรรถในมือถือแก้วเหล้านั่งอยู่ในมุมมืดๆ เขาได้ยินเสียงคิมหันต์ลงมาถามว่าพักตราหลับแล้วหรือ คิมหันต์บอกว่าหลับแล้ว และตนเห็นปริมถือกระเป๋าเดินออกไปแล้วด้วยเช่นกัน

“เขาไปแล้ว...ผู้ชายเรามักจะเป็นอย่างนี้ มองข้ามของดีๆใกล้ตัว ไขว่คว้าหาสิ่งที่อยู่ไกลตัว สิ่งที่เป็นของปลอมไม่จีรัง สุดท้ายของดีๆที่อยู่กับเรา ก็ทิ้งเราไปหมด นายคงไม่ทำอย่างนี้กับลูกสาวฉันนะ”

“ผมทำอย่างนี้กับมุกรินไปแล้วครับ” คิมหันต์ตอบอย่างเหม่อลอยอรรถรินเหล้าใส่อีกแก้วให้คิมหันต์ ถามเขาว่าคืนนี้นอนที่นี่ได้ไหม คิมหันต์ได้แต่นิ่ง

“ฉันไม่นึกเลยว่าวันนึงฉันต้องนั่งดื่มกับนายในอารมณ์แบบนี้...ฉันเคยใช้ความยิ่งใหญ่ของฉันบังคับ บีบคั้นนายทุกอย่างเพื่อให้นายมาเป็นลูกเขยฉัน แต่วันนี้...สิ่งที่ฉันจะพูดกับนายวันนี้ มันคือขอร้อง...เป็นคำขอร้องของชายชาติทหารสูงวัยคนหนึ่ง ที่ขอให้นายอยู่กับลูกสาวฉันอย่าทิ้งพักตรานะ ขอร้องเถอะนะไอ้ลูกชาย พักตราไม่มีใครแล้ว แม้แต่พ่อคนเดียวของเธอ เธอก็ไม่รู้สึกว่ามี...เธอไม่มีใครจริงๆ เหมือนที่ฉันก็ไม่มีใครแล้วเหมือนกัน...”

อรรถถือแก้วเหล้าออกไปยืนดื่มนอกห้อง คิมหันต์จึงหยิบมือถือโทร.ถึงมุกริน เธอนึกว่าเขาจะกลับมาบอกว่าที่นอนและผ้าห่มวางไว้ที่โซฟาแล้ว คิมหันต์บอกว่าตนมาไม่ได้ เพียงแต่โทร.มาถามว่าเธออยู่คนเดียวได้ไหม

“ถ้าฉันบอกว่าอยู่ไม่ได้ คิมจะทำยังไง? ผู้ชายมักจะมีคำถามแบบนี้เสมอ คำถามที่ตัวเองเลือกคำตอบในใจไว้แล้ว”

“เรื่องราวของผมมันคงซับซ้อนเกินกว่าจะอธิบายได้ด้วยคำพูดไม่กี่ประโยค” มุกรินบอกให้เขาแบ่งพูดวันละประโยคก็ได้ ดีกว่าไม่พูดอะไรเลย คิมหันต์นิ่งไปอึดใจแล้วตัดบท “นอนหลับฝันดีนะ แล้วผมจะหาโอกาสไปหาคุณ อย่าลืมว่าคิดถึงผมก่อนนายปรารภเสมอนะมุก” พูดจบก็กดวางสายเลย

มุกรินค่อยๆวางมือถือลง เธอรู้สึกกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นรอบตัวไม่น้อย...

ooooooo

คืนนี้พักตราตื่นมาลุกไปอาเจียนในห้องน้ำแล้วกลับมานอน เธอบอกคิมหันต์ว่าตนไม่เป็นอะไร แต่พออรรถรู้ก็บอกให้พาไปหาหมอจึงรู้ว่าเธอตั้งครรภ์

อรรถแสดงความยินดีกับพักตรา ขอให้เธอทุ่มเทกำลังใจทั้งหมดให้กับชีวิตใหม่ เมื่อพักตราถามถึงคิมหันต์ อรรถออกมาบอกข่าวนี้และแสดงความยินดีกับเขาที่กำลังจะมีทารกน้อยที่เกิดจากความรัก คิมหันต์ทวนคำว่า “ความรัก” อย่างเย็นชา อรรถเตือนว่าอย่าพูดคำนี้ด้วยน้ำเสียงแบบนี้ให้พักตราได้ยิน และขอร้องให้เขาเข้าไปหาพักตราและให้กำลังใจเธอ

เมื่อคิมหันต์เข้าไปในห้อง เขาบอกพักตราว่า “ผมกลัวว่าผมจะไม่ใช่พ่อที่ดีสำหรับเขา”

พักตราบอกว่าตนก็กังวลแต่เราต้องผ่านไปได้ ผ่านไปด้วยกันได้ นอกจากเขาจะไม่ได้ตั้งใจ เมื่อคิมหันต์กอดปลอบใจ พักตรายิ้ม ซุกหน้ากับอกเขา พูดอย่างมีความสุขว่า...

“ค่ะ...เพื่อลูกของเรา เราจะได้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์เสียทีนะคะคิม...”

ขณะมุกรินทำงานที่บ้านสวนกับปรารภอยู่นั้น ปรารภเอ่ยขึ้นว่า รู้สึกเธอจะยังไม่ไว้วางใจตนจนไม่บอกแม้แต่ที่อยู่ใหม่ มุกรินจึงบอกเขาว่าตนกลับไปอยู่กับคิมหันต์แล้ว ปรารภถามว่าเธอยังรักเขาอยู่ใช่ไหม แต่ไม่เป็นไร อย่างไรเสียก็ขอให้คิดเสมอว่าเมื่อไรที่ลำบาก มีปัญหา ตนจะอยู่ข้างๆเธอเสมอ เมื่อไรที่เธอมีความสุขตนก็จะดีใจด้วยอยู่ห่างๆ

ไม่นานคิมหันต์ก็โทร.มา เขาบอกว่าช่วงนี้ยุ่งๆ อาจจะไม่มีเวลาไปหาเธอเท่าไร

“ไม่เป็นไรค่ะ...ไม่ต้องถามนะว่ามุกอยู่ได้ไหม”

“ถ้าคุณอยู่กับนายปรารภก็บอกเขาด้วยว่า คุณยังมีผมอยู่ และผมมาก่อนเขาเสมอ”

เมื่อวางสาย ปรารภถามว่าคิมหันต์โทร.มาหรือ? เขาจะแวะมารับเธอไปทานข้าวใช่ไหม?

“เปล่าค่ะ...เขาบอกว่ายุ่งๆอยู่คงไม่มีเวลาแวะไปหาที่บ้าน แต่รู้ว่ามุกอยู่ตามลำพังได้”

“ดี...งั้นวันนี้ผมขอเลี้ยงมื้อเย็นได้ไหมครับ” ปรารภยิ้มอย่างอบอุ่น...

ooooooo


ที่มาไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น