วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เพลิงตะวัน ตอนที่ 14


ความหวังที่จะได้ควบคุมโอฬารพร็อพเพอตี้ของตะวันล้มไม่เป็นท่า เมื่อพิธีกรบนเวทีไม่ประกาศชื่อเธอเป็นประธานใหญ่ทางฝ่ายไทย แต่ประกาศชื่อนันทวัฒน์แทนที่ เธอมองทนงศักดิ์ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนจะลงจากเวทีไปเล่นงานว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ เขาอ้างว่าแค่ทำในสิ่งที่ควรจะทำเท่านั้น

“ทำในสิ่งที่โง่น่ะสิ น่าสงสารลูกเมียคุณนะที่มีผู้นำครอบครัวโง่ๆแบบนี้”

“ครับ ผมเป็นคนโง่ แต่เป็นคนโง่ที่โชคดีที่สุด” ทนงศักดิ์นึกย้อนไปถึงสิ่งที่ทำให้เปลี่ยนใจ แล้วเล่าให้ตะวันฟังว่าพีรยารู้เรื่องที่เขายักยอกเงินบริษัท แม้จะรู้ว่าเขาทำเพื่อครอบครัว แต่เธอไม่ต้องการเงินที่ได้จากการทุจริต ยอมล้มเลิกการไปเมืองนอก จะอยู่กับเขาที่นี่ ถึงลูกจะไม่ได้ไปเรียนต่อก็ไม่เป็นไร เพราะเธอรู้แล้วว่าเขารักเธอกับลูกๆมากแค่ไหน แล้วโผกอดเขาร้องไห้โฮ

ตะวันโกรธมากด่าว่าโง่ทั้งผัวทั้งเมีย ทนงศักดิ์ไม่สนใจว่าโง่หรือไม่ แต่ครอบครัวของเขาจะภูมิใจที่เขาไม่ได้ทรยศคิดคดต่อผู้มีพระคุณ

“ผู้มีพระคุณที่ไม่เคยให้อะไรแก่คุณเลยน่ะหรือ” ตะวันยิ้มเย้ย นันทาเดินมาทางด้านหลัง บอกว่าจะเป็นคนส่งลูกๆของทนงศักดิ์ไปเรียนต่อที่อังกฤษเอง และจะส่งให้เรียนจนจบขั้นสูงสุดเท่าที่พวกนั้นอยากเรียน

“ขอบใจนะคุณทนงศักดิ์ คุณทำให้ฉันเห็นคุณค่าของความดี”

“นี่มันอะไรกัน คุณทรยศฉันเหรอคุณทนงศักดิ์” ตะวันโกรธมากที่นันทาล่วงรู้แผนการนี้

นันทวัฒน์ซึ่งอยู่บนเวทีเห็นความผิดปกติแต่ยังติดงานลงมาไม่ได้ ตะวันเห็นพิชิตเดินเข้ามา สั่งให้จัดการพวกนี้ เขากลับเดินเลยไปยืนด้านหลังนันทา เธอถึงบางอ้อทันทีว่าพิชิตก็ทรยศเธอเช่นกัน

“ฉันควรจะทำยังไงกับฆาตกรที่ฆ่าท่านเจ้าสัวดี พิชิต” นันทายิ้มอย่างผู้ชนะ ตะวันแก้ตัวเป็นพัลวันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ วัฒนาตายเพราะความเหลวแหลกของนันทนาต่างหาก เธอไม่ล่วงรู้เลยว่านันทารู้จากลูกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในวันที่เจ้าสัวตาย

นันทนาตามมาสมทบ ยืนยันว่าตะวันเป็นผู้อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง

“พ่อเธอตายเพราะช้ำใจที่มีลูกขี้ยาอย่างเธออย่ามาโทษฉัน” ตะวันโวยวาย

“ฉันไม่ได้โทษเธอ ฉันไม่มีสิทธิ์ตัดสินเธอ แต่กฎหมายจะตัดสินในสิ่งที่เธอทำกับพวกเรา”

“และสิ่งที่เกิดขึ้นที่ไร่นวลตะวัน” ทนงศักดิ์เสริม มีตำรวจสามนายเดินตรงมายังจุดที่ทุกคนยืนคุยกันอยู่ ตะวันเห็นไม่เข้าที รีบเดินไปคว้าแขนแม่ของคีรินลากออกจากงาน ตำรวจเดินฝ่าแขกในงานตามเธอไป โดยมีพิชิตตามไปอีกทอดหนึ่ง นันทวัฒน์ลงจากเวทีเข้ามาถามนันทาว่าตะวันไปไหน ท่านทำอะไรเธอ

“ฉันจะไปทำอะไรมันได้ มีแต่ตำรวจเท่านั้นแหละที่จะจัดการกับมัน”

นันทวัฒน์ผลุนผลันออกไป มยุริญเป็นห่วงเขามาก รีบวิ่งตาม

ooooooo

คีรินยังดักรออยู่ที่ตึกฝั่งตรงข้ามสถานที่จัดงาน เห็นตะวันลากแม่ตัวเองออกมา ตัดสินใจประทับปืน เตรียมจัดการให้สิ้นซาก แม้จะเสี่ยงแต่เธอมั่นใจว่าไม่พลาดเป้า ตะวันเหมือนจะเดาความคิดของเธอออกกระชากปืนจากเอวของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยซึ่งอยู่หน้าทางเข้างาน ยิงขึ้นฟ้าเปรี้ยงๆๆ

เสียงปืนทำให้ผู้คนที่อยู่แถวนั้นพากันหนีตายจ้าละหวั่น ตะวันปล่อยแม่ของคีรินให้อยู่ในคลื่นมนุษย์ มือสังหารเห็นแม่ตัวเองถูกชนล้มกลิ้งล้มหงาย รีบลงมาหา ตะวันอาศัยจังหวะชุลมุนคว้าตัวมยุริญซึ่งวิ่งมาถึงพอดีไปเป็นตัวประกัน ตำรวจกับนันทวัฒน์ไม่เห็นเธอเนื่องจากผู้คนมากมาย แต่พิชิตเห็น รีบไล่ตาม
อึดใจ คีรินเข้ามาช่วยแม่ที่มีแผลถลอกตามตัวออกจากฝูงชนไปยังที่ปลอดภัย บอกให้ท่านรออยู่ตรงนี้ก่อน แล้ววิ่งไปยังทิศทางที่ตะวันหนี...

ทางด้านตะวันลากมยุริญมาจนถึงลานจอดรถซึ่งห่างจากสถานที่จัดงานพอสมควร มยุริญเหนื่อยมากไปต่อไม่ไหว ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้น เธอสั่งให้ลุกขึ้นเดินต่อไป ไม่อย่างนั้นจะยิงทิ้ง มยุริญเห็นอีกฝ่ายเอาจริง จำต้องยันตัวลุกขึ้น พิชิตตามมาทัน ขอร้องให้ปล่อยมยุริญไป ส่วนเธอจะหนีไปไหนก็เชิญตามสบาย

“ไม่ นังนี่ต้องไปกับเรา เราจะไปด้วยกัน นังนี่จะเป็นตัวประกัน”

“มันไม่เคยมีเราหรอกครับคุณปรางค์ ผมหลอกคุณ แล้วคุณก็ดันเชื่อ คุณจำอะไรไม่ได้เลย คุณบ้าคลั่งทำสิ่งชั่วร้ายโดยที่คุณไม่เคยรู้เลยว่าความจริงคืออะไร คุณมันบ้าไปเอง”

ตะวันเพิ่งตระหนักว่าเป็นความจริงอย่างที่เขาพูด ทุกสิ่งล้วนมาจากคำบอกเล่าและการคาดเดาของเธอเองทั้งสิ้น เจ็บใจมากที่ถูกหลอก หันปืนจะยิงพิชิต มยุริญหยิบที่ช็อตไฟฟ้าในกระเป๋าขึ้นมาจี้ที่ลำตัวของตะวัน ถึงกับทรุดฮวบ ปืนร่วงจากมือหมดสิ้นเรี่ยวแรง พิชิตบอกให้มยุริญหลบไปก่อน แล้วนั่งลงข้างๆตะวัน

ฝ่ายมยุริญวิ่งหนีมาเจอนันทวัฒน์ ทนงศักดิ์และตำรวจ รีบแจ้งเบาะแสว่าตะวันอยู่ด้านโน้น นันทวัฒน์ฝากทนงศักดิ์ช่วยดูแลเธอด้วย แล้ววิ่งตามตำรวจไปยังทิศทางที่มยุริญชี้ที่ลานจอดรถ พิชิตไม่คิดจะจัดการอะไรกับตะวันจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ แล้วลุกขึ้นจะไป แต่เหลือบเห็นคีรินเล็งปืนมาทางเธอ เขาตัดสินเอาตัวรับกระสุนแทน ตะวันงงว่าเขาทำแบบนี้ทำไม

“ผม...รักคุณ” พูดได้แค่นั้น พิชิตก็ขาดใจตาย

คีรินจะยิงตะวันซ้ำ แต่เห็นตำรวจวิ่งเข้ามาจากอีกด้านหนึ่งเสียก่อน จำต้องตัดใจวิ่งหนี ตำรวจใกล้เข้ามาทุกขณะ ตะวันอยากจะหนีแต่เรี่ยวแรงแทบไม่เหลือ จังหวะนั้นธงไทยขับรถมาจอดเทียบ พร้อมกับเปิดประตูให้ ตะวันรวบรวมกำลังเท่าที่มีดันตัวเองขึ้นรถ ก่อนธงไทยจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว

ooooooo

ทรงพลรู้ว่าแผนยึดโอฬารพร็อพเพอตี้มาเป็น ของตัวเองพังไม่เป็นท่าก็โมโหมาก และยิ่งหงุดหงิดหนักขึ้นที่ไม่รู้ว่าธงไทยพาตะวันไปไหน พาลไปลงที่เปลว เป็นแม่ประสาอะไร ลูกหายไปทั้งคนยังนิ่งเฉยอยู่ได้

“ฉันเชื่อว่าคุณธงไทยจะดูแลยัยปรางค์เป็นอย่างดีค่ะ และยัยปรางค์คงต้องมีความสุขอยู่ที่ไหนสักแห่ง” พูดจบ เปลวลุกหนี ทรงพลได้แต่มองตามตาขวาง...

แม้จะเกิดเรื่องขนาดนี้แล้ว นันทวัฒน์ยังปักใจเชื่อว่าตะวันไม่ได้เป็นคนทำ นันทาไม่เข้าใจทำไมลูกชายถึงหน้ามืดตามัวกับผู้หญิงคนนี้อยู่ได้ เขาหาว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของแม่ที่พยายามทำให้ตะวันดูเป็นคนไม่ดี มยุริญนั่งฟังอยู่นานแล้ว ตัดสินใจช่วยนันทากล่อมเขาอีกแรงหนึ่ง

“พี่วัฒน์คะ จริงๆนะคะ ยุริญรู้ว่า...”

“เลิกยุ่งกับครอบครัวพี่สักที ยุริญเป็นคนนอกจะไปรู้อะไร” นันทวัฒน์เอ็ดตะโรลั่น มยุริญน้อยใจน้ำตาร่วง ค่อยๆลุกออกไป เขาเองก็เสียใจที่พูดกับเธอแรงเกินไป รีบตามไปขอโทษ

“ยุริญคงทำตัววุ่นวายกับคนบ้านนี้มากเกินไปแล้ว จริงน่ะค่ะ ต่อไปพี่วัฒน์สบายใจได้ค่ะ ยุริญจะไม่มารบกวนใจ พี่วัฒน์อีก” มยุริญว่าแล้วผละจากไป...

หลังจากได้รับโทรศัพท์จากธงไทย ตาท้วมเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าใบเล็ก เดินมาถึงหน้าเรือนใหญ่อย่างรีบร้อน ไผ่กำลังทำงานอยู่ หันมาเห็นก็ร้องทักว่าจะไปไหน เขาขอร้องอย่าถามมากเรื่อง คนยิ่งรีบๆอยู่ สั่งให้ลูกชายเอามอเตอร์ไซค์ไปส่งที่ท่ารถ ไผ่เห็นสีหน้าเครียดๆ ของพ่อแล้ว ไม่กล้าเซ้าซี้อะไรอีก

ครู่ต่อมา ไผ่พาพ่อมาถึงท่ารถ เป็นจังหวะที่รถตู้ประจำทางไปกรุงเทพฯแล่นมาจอดพอดี ตาท้วมหันไปกอดลูกชาย ทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน

“แล้วพ่อจะรีบกลับมานะ” ตาท้วมพูดจบรีบขึ้นรถตู้ ไผ่มองตามรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก

ooooooo

ธงไทยนั่งหลับอยู่บนเรือที่กำลังแล่นเอื่อยๆไปตามคุ้งน้ำโดยมีตะวันที่ได้รับบาดเจ็บนอนหมดสติอยู่ในอ้อมกอด แสงอาทิตย์แยงตาทำให้เขารู้สึกตัวตื่น ค่อยๆวางร่างของตะวันลง แล้วเดินไปที่หัวเรือ สักพัก เรือแล่นมาถึงปากแม่น้ำทางเข้าหมู่บ้านชาวประมง

“ถึงแล้ว ที่นี่แหละ” คนขับเรือร้องบอก ธงไทยพยักหน้ารับรู้แล้วหันไปทางตะวัน

“ตะวันๆ ถึงแล้ว ตื่นเถอะ”

หญิงสาวค่อยๆลืมตามองไปบนท่าน้ำเห็นตาท้วมยืนอยู่กับผู้หญิงวัยเดียวกันกับเขาก็ตกใจ ก่อนจะหมดสติลงไปนอนอย่างเดิม...

ในขณะที่ธงไทยพาตะวันหนีไปกบดานที่หมู่บ้านชาวประมง นันทวัฒน์มาตามหาหญิงคนรักที่บ้านของทรงพลแต่ไม่พบ เปลวขอให้เขาตัดใจจากตะวันเพราะสองคนนั่นรักกันมาก

“แล้วที่ผ่านมา ปรางค์ไม่เคยรักผมเลยหรือครับ”

“เคยค่ะ ยัยปรางค์เคยรักคุณ แต่ไม่ใช่ผู้หญิงที่ชื่อตะวันคนนี้”...

เรียมเพื่อนของตาท้วมซึ่งเป็นเจ้าของบ้านเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้ตะวันได้สักพักเธอก็รู้สึกตัวตื่น ธงไทยถลาเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงว่าเป็นอย่างไรบ้าง ตะวันอยากจะตอบแต่ไม่มีแรง เขาจึงบอกให้เธอพักผ่อนก่อน อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้ จังหวะนั้น กลอยเด็กน้อยวัย 7 ขวบถือถ้วยใส่ยาเข้ามาให้ เรียมบอกให้ธงไทยช่วยประคองตะวันกินยา รับรองว่าถ้ากินหมดถ้วย อีกสองวันก็วิ่งได้ หญิงสาวฝืนใจกินจนหมด แล้วล้มตัวลงนอนหลับไปอีกครั้ง ธงไทยขอบคุณเรียมมากที่ช่วยเหลือ ขอรบกวน เธอสักพัก มีที่ไปเมื่อไหร่จะไปทันที

“อยู่ไปเถอะ จะอยู่นานแค่ไหนก็ได้ หรือจะอยู่ตลอดไปก็ไม่มีใครว่าหรอก”

“ที่นี่เข้าออกได้แค่ทางเรือ ใครเข้าออกคนใน หมู่บ้านก็จะรู้หมดครับคุณไทย”

ธงไทยพยักหน้ารับรู้ แล้วมองไปที่ตะวันที่นอนหลับอยู่ ขอบคุณตาท้วมที่เข้าใจเขา ตาท้วมไม่พูดอะไรได้แต่เหม่อมองออกไปนอกบ้านสีหน้าครุ่นคิด...

ระหว่างที่ตะวันยังนอนรักษาตัวอยู่ที่บ้านของเรียม เปลวได้รับโทรศัพท์จากป้าของพิมแจ้งว่าพิมหายตัวไป ไม่ได้ไปหาแฟนของเธอที่เยอรมัน หรือว่าเธอเปลี่ยนใจไม่คิดจะไปลงหลักปักฐานที่นั่น

“ไม่หรอกจ้ะป้า คนนี้พิมมันรักจริง ไม่มีวันทิ้งเขาแน่ๆ มันจะแต่งงานกับเขาอยู่แล้วนะจ๊ะ...จ้ะๆ ถ้าฉันได้ข่าวจะติดต่อป้าไปนะ” เปลววางสายสีหน้าเป็นกังวลไม่รู้ว่าพิมหายไปไหน แล้วมองไปยังทรงพลที่นั่งอยู่บนรถเข็น ไม่อยากจะคิดว่าเป็นฝีมือของเขา

ooooooo

กว่าตะวันจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นอีกครั้งก็เป็นเช้าวันรุ่งขึ้น เห็นตาท้วมนั่งจ้องหน้าอยู่ก็ใจเสีย พาลจะร้องไห้

“ตาท้วม จะโกรธจะเกลียดตะวันก็สมควรแล้ว ตะวันทำไม่ดีเอง จะลงโทษยังไงก็ได้นะ”

“เฮ้อ เอาเถอะเรื่องมันผ่านมาแล้ว ฉันเองก็ไม่มี สิทธิ์จะไปตัดสินใคร เอาเป็นว่าอะไรที่ทำให้คุณไทยมีความสุขฉันก็จะทำ คุณมีโอกาสทำให้มันดี อย่าทำลายมันเหมือนที่เคยทำ รักษาโอกาสสุดท้ายนี้เอาไว้ ก่อนจะไม่เหลืออะไรเลย”

ตะวันพยักหน้ารับคำทั้งน้ำตา หลังกินมื้อเช้าเสร็จ เรียมกับตาท้วมพาตะวันกับธงไทยไปยังบ้านพักเก่าๆ หลังหนึ่งที่ทรุดโทรมเพราะไม่มีคนอยู่ ตาท้วมแนะว่าเช็ดถูสักหน่อยก็น่าจะพออยู่ได้

“คุณไทยจัดการเรื่องที่พักนะครับ ผมขอไปทำธุระสัก 2-3 วันแล้วจะรีบกลับมา...ฉันฝากด้วยนะแม่เรียม”

เรียมรับคำแล้วเดินไปส่งตาท้วม ปล่อยให้ธงไทยกับตะวันอยู่ที่นั่นกันตามลำพัง เนื่องจากร่างกายของตะวันยังไม่เต็มร้อย ธงไทยจึงจัดการปัดกวาดทำความสะอาดบ้านเพียงลำพัง โดยมีเธอคอยซักผ้าขี้ริ้วให้ กลอยกับพ่อของแกทยอยขนข้าวของเครื่องใช้จำเป็นเข้ามาให้ กว่าจะจัดข้าวของให้เข้าทีพระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปแล้ว หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ธงไทยประคองตะวันเข้าไปนอนในมุ้ง ความใกล้ชิดทำให้ทั้งคู่หวั่นไหว เขาตั้งสติได้รีบถอยห่าง ตลบมุ้งมาเหน็บใต้ฟูก ดับตะเกียงแล้วล้มตัวลงนอนนอกมุ้ง

“พี่ไทย...ข้างนอกยุงเยอะ พี่ไทยจะเข้ามานอนในนี้ก็ได้นะคะ”

เงียบไม่มีเสียงตอบ ตะวันถอนใจแล้วนอนหันหลังให้ ธงไทยยังไม่หลับ กำลังข่มใจตัวเองไม่ให้หวั่นไหว...

ฝ่ายนันทวัฒน์กลุ้มใจที่ตะวันหายตัวไป ต้องใช้เหล้าดับความกลัดกลุ้มจนเมามาย นันทนาขอร้องให้พี่ชายตาสว่างสักที ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้รักเขาแค่หลอกใช้เขาเท่านั้น และที่สำคัญเธอฆ่าพ่อของเรา เขาย้อนถามใครกันแน่ที่ฆ่าท่าน นันทนายืนกรานว่าตะวันเป็นคนยื่นยาเสพติดให้ตน

“แล้วปรางค์หยิบใส่ปากเธอเหรอ เธอเป็นคนทำให้คุณพ่อช้ำใจตายไม่ใช่ปรางค์” นันทวัฒน์พูดจบเมาแอ่นออกไป ทิ้งให้นันทนาร้องไห้โฮด้วยความเสียใจ

ooooooo

ธงไทยกับตะวันตักบาตรเสร็จก็พากันไปเดินเล่นในหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างมองเป็นตาเดียวกันเพราะทั้งคู่เป็นคนแปลกหน้าของที่นี่ พ่อของกลอยเดินผ่านมาพอดี รีบแนะนำตัวให้ทุกคนได้รู้จัก

“ญาติแม่เรียมเขา ย้ายมาอยู่บ้านเก่าแม่เรียม”

“อ้าว ญาติแม่เรียมเหรอ วันนี้ฉันได้ปลาเยอะเลย เดี๋ยวเอาไปให้นะ”

“ขอบคุณมากนะครับ คุณใจดีจัง”

“ญาติแม่เรียมก็เหมือนญาติเรานั่นแหละ ไม่เป็นไร” ชาวบ้านยิ้มให้ธงไทยกับตะวันอย่างเป็นมิตร...

นันทวัฒน์หมดหนทางจะไปตามหาตะวัน นึกถึงวิวขึ้นมาได้ แวะไปที่ร้านของเธอเผื่อเธอจะรู้ว่าธงไทยพาตะวันไปไว้ไหน วิวไม่รู้เรื่องนี้เลย เพิ่งจะรู้จากเขาว่าทั้งคู่หนีไปด้วยกัน นันทวัฒน์ไม่เชื่อ ขอร้องให้เธอบอกมาว่าพวกนั้นอยู่ที่ไหน เขาจะไปตามธงไทยกลับมาให้เธอเอง วิวยืนยันว่าไม่รู้จริงๆ

“อย่าบอกนะครับว่าคุณวิวไม่อยากได้คุณธงไทยกลับมา”

“ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันไม่รู้”

ชายหนุ่มสติแตกคว้าแขนวิวเขย่า คาดคั้นให้บอกมาว่าสองคนนั่นอยู่ที่ไหน เจ๊แน๊ตกับชีสเค้กได้ยินเสียงเอะอะ รีบเข้ามาดึงเขาออก นันทวัฒน์ได้สติขอโทษขอโพยวิวยกใหญ่ เจ๊แน๊ตไม่วายแดกดัน ผู้หญิงคนเดียวทำคนเป็นบ้ากันไปหมด ทีหน้าทีหลังขอให้มีสติกันหน่อย

“พอเถอะเจ๊...คุณนันทวัฒน์คะ วิวขอยืนยันอีกครั้งค่ะวิวไม่รู้เรื่องจริงๆ ถ้าวิวรู้วิวจะบอกคุณค่ะ”

นันทวัฒน์พยักหน้ารับรู้ เดินจากไปอย่างสิ้นหวัง วิวมองตามเห็นใจแต่ไม่รู้จะช่วยเหลืออย่างไร...

ตะวันกำลังง่วนกับการหั่นผักเตรียมทำกับข้าวอยู่ในครัว รู้สึกเหมือนมีใครบางคนเข้ามาทางด้านหลัง เมื่อใครคนนั้นเข้ามาใกล้ ตะวันหมุนตัวคว้าคอเสื้อเงื้อมีดจะฟัน แต่ยั้งมือไว้ทันเมื่อเห็นว่าเป็นกลอยซึ่งตกใจ

กรีดร้องลั่น ธงไทยเข้ามาเห็นพอดี ร้องเอะอะว่าเกิดอะไรขึ้น เธอรีบปล่อยมือ เด็กน้อยเป็นอิสระวิ่งเข้าไปกอดเขาร้องไห้โฮ ตะวันขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ แล้วจะเข้าไปปลอบ แต่กลอยเบี่ยงตัวหลบ ธงไทยต้องปลอบอยู่พักใหญ่กว่าเด็กน้อยจะหยุดร้องไห้ แล้วบอกถึงสาเหตุที่มาที่นี่ว่ามีคนฝากปลามาให้

“พี่ขอโทษนะคะ พี่ตกใจไม่รู้ว่าเป็นกลอย มาค่ะ ขอพี่กอดทีหนึ่งนะคะคนดี”

ธงไทยเห็นกลอยยังหวาดๆอยู่ บอกว่าพี่ตะวันใจดีไม่มีอะไร เด็กน้อยถึงได้เดินเข้าไปหา ตะวันคว้าตัวมากอด กลอยคลายความกลัว กอดเธอตอบ ธงไทยถอนใจโล่งอก

ooooooo

ผลจากที่คีรินทำงานพลาดปล่อยให้ตะวันรอดเงื้อมมือไปอีกครั้ง ทำให้ลูกค้าของเฮียฮุยไม่พอใจ กลั่นแกล้งให้เฮียฮุยถูกเก็บภาษีย้อนหลัง สมุนเตือนว่าตราบใดที่เป้าหมายยังไม่ตาย เขาต้องเดือดร้อนไม่หยุดหย่อนแน่

“แค่ผู้หญิงคนเดียว ทำไมมันวุ่นวายนักวะ บอกคีริน ฉันให้โอกาสมันเป็นครั้งสุดท้าย”...

ได้เวลานอนแล้ว ธงไทยพาตะวันเข้ามุ้ง แล้วขยับจะไปนอนที่ตัวเอง เธอจับมือเขาไว้ ชวนให้เข้ามานอนด้วยกันข้างใน เขารีบปิดมุ้งแล้วนอนหันหลังให้ ตะวันเสียใจน้ำตาร่วงที่ถูกเขาปฏิเสธสองคืนติด

“ตะวันขอโทษ เรื่องแม่นวล ตะวันไม่เคยคิดทำร้ายแม่นวล พี่ไทยคงเกลียดตะวันมาก แล้วช่วยตะวันทำไมคะ พาตะวันมาที่นี่ทำไม เอาตะวันมาทรมานเหรอคะ ทำไมไม่ปล่อยให้ตะวันตายๆไปซะ”

ธงไทยเปิดมุ้งเข้ามากอดตะวันไว้ เล่าถึงเหตุผลที่พาเธอมาที่นี่ว่าเป็นเพราะนวลขอร้องเขาก่อนตายให้ช่วยเธอด้วย อย่าทิ้งเธอเด็ดขาด ตะวันถึงกับปล่อยโฮที่ท่านยังเป็นห่วงเป็นใยแม้ตอนใกล้ตาย

“ตอนแรกพี่อาจยังทำใจไม่ได้ แต่พี่รักตะวันมาก แล้วพี่ก็รู้แล้วว่าพี่ขาดตะวันไม่ได้ เรามีโอกาสแล้วตะวัน เราเริ่มต้นกันใหม่นะ เริ่มจากศูนย์ที่นี่ไม่ต้องมีอะไร มีแค่เราได้ไหม”

“ค่ะพี่ไทย”

ooooooo

ณ วัดใกล้กับไร่นวลตะวัน หลังจากจ๊ะจ๋า เจียมและหนูพุทธทำบุญตักบาตรให้นวลเสร็จ พากันมารอไผ่ที่ลานจอดรถ หนูพุทธเกิดปวดปัสสาวะขึ้นมาชวนเจียมไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อน จ๊ะจ๋าเอ็ดลั่นโตป่านนี้แล้วไปเองก็ได้ไม่เห็นต้องชวนใครไปเป็นเพื่อน

“ไป...เดี๋ยวยายไปด้วย ไม่รู้เจ้าไผ่คุยอะไรกับหลวงพ่อ นานหรือเปล่าก็ไม่รู้ เข้าข้างในเลยดีกว่า”

คีรินซึ่งแอบซุ่มอยู่รอจนทั้งคู่ลับสายตา เข้ามาคาดคั้นจ๊ะจ๋าว่านังตัวแสบตะวันอยู่ที่ไหน จ๊ะจ๋าตกใจ ถอยกรูด ถามเสียงสั่นว่าเธอเป็นใคร คีรินไม่ยอมตอบคำถาม แค่อยากรู้ว่าตะวันไปไหน จ๊ะจ๋าส่ายหน้าไม่รู้ไม่เห็น

“ถึงเธอไม่รู้ แต่ฉันมั่นใจว่าต้องมีคนที่ไร่รู้ ลองคิดให้ดีสิมีอะไรผิดสังเกตบ้างหรือเปล่า ไม่อยากแก้แค้นให้แม่นวลเหรอ” คำพูดของคีรินทำให้ไฟแค้นในใจจ๊ะจ๋าปะทุขึ้นมาทันที จังหวะนั้นคีรินเห็นไผ่เดินมา

แต่ไกล “โอกาสแก้แค้นมาถึงแล้ว คิดให้ดีๆนะ” ยุเสร็จ มือปืนสาวรีบเผ่นออกไปได้ทันก่อนที่ไผ่จะเดินมาถึง เขาอดถามจ๊ะจ๋าไม่ได้ว่าเมื่อครู่นี้คุยกับใคร เธอโกหกว่าไม่มีอะไร แค่คนมาถามทางไปห้องน้ำ

ไผ่รู้สึกสะดุดใจกับผู้หญิงคนนี้ แต่ยังไม่ทันจะซักอะไรอีก เจียมกับหนูพุทธเดินกลับมาเสียก่อน จ๊ะจ๋ารีบเบนความสนใจของไผ่ ชวนทุกคนกลับ แล้วเดินนำไปยังที่รถจอดอยู่ ไผ่ยังแคลงใจผู้หญิงคนเมื่อครู่ไม่หาย หันไปมองอีกที เธอหายไปแล้ว...

ธงไทยทำเซอร์ไพรส์ขอตะวันแต่งงาน แล้วหยิบแหวนของนวลออกมาสวมให้เธอ ด้วยความช่วยเหลือของตาท้วมและเรียมเนรมิตให้สะพานไม้ในป่าโกงกางกลายเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานของทั้งคู่ โดยมีเรียมกับตาท้วมร่วมกันเป็นสักขีพยานการแต่งงานครั้งนี้ เรียมผูกข้อมือให้คู่บ่าวสาว แล้วกล่าวคำอวยพร

“จากนี้ไปทั้งสองคนก็เหมือนคนคนเดียวกันแล้วนะ ขอให้อยู่กันด้วยความรักความเข้าใจ อย่าให้มีอะไรมาทำให้พรากจากกัน”

คู่บ่าวสาวกราบขอบคุณท่าน ตะวันถึงบางอ้อที่แท้ธุระของตาท้วมก็คือไปเตรียมงานแต่งงานให้เราสองคนนี่เอง แล้วขอบคุณเขามากสำหรับทุกสิ่ง เรียมเรียกให้ตะวันเข้าไปหา จากนั้นมอบสร้อยไข่มุกให้

“นี่เป็นของขวัญวันแต่งงานของหนู ฉันทำเองกับมือเลยนะ มุกก็มาจากท้องทะเลแห่งนี้ มันจะเป็นพยานรักให้หนูทั้งคู่” แม่เรียมว่าแล้วคล้องสร้อยไข่มุกให้ ตะวันโผกอดท่านไว้แน่น

“ขอบคุณนะคะ ทำไมทุกคนดีกับหนูจังเลย” ตะวันดีใจน้ำตาคลอ...ทั้งธงไทยและตะวันยังคงอ้อยอิ่งอยู่ที่ป่าโกงกางจนกระทั่งค่ำ แสงไฟที่ประดับประดาไว้บนสะพานไม้ทำให้สถานที่แห่งนี้สวยงามราวกับสวรรค์ จากนั้นทั้งคู่พากันกลับบ้าน คืนนี้ธงไทยไม่นอนนอกมุ้ง เข้าไปอยู่กับตะวันข้างใน แล้วกอดเธอไว้ในอ้อมแขน

“พี่อยากเข้ามานอนในนี้ใจแทบขาด รู้ไหมว่าพี่ต้องหักห้ามใจแค่ไหน แต่พี่ต้องให้เกียรติคนที่พี่รัก และต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามประเพณี”

ตะวันไม่พูดอะไร ได้แต่ยิ้มเขิน ธงไทยหันไปดับตะเกียง แล้วดึงเธอให้นอนลงด้วยกัน

ooooooo




ที่มาไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น