วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร พญาโศก ตอนที่ 15


จักรินกับเพ็ญโพยมได้พบกันแล้วที่ลอนดอน จักรินวางตัวดีมากไม่บุ่มบ่ามทำให้เพ็ญโพยมขาดความไว้วางใจ ทำเหมือนเป็นเพื่อนสนิทไม่ได้คิดเกินเลยทั้งที่เขาหลงรักเธอหัวปักหัวปํา

หลังจากจักรินไปแล้วเฉิดเฉลาตัดสินใจออกจากบ้านหลังใหม่ จึงไม่เจอเสกสรรที่กลับตัวกลับใจเลิกยาเป็นคนดีตามที่ลำหับอบรมและขอร้องวิเวกขับรถไปส่งเสกสรร เมื่อบ้านปิดเข้าไม่ได้จึงพาเขากลับมาที่บ้านลำหับอีกครั้ง

เมื่อไม่มีทั้งจักรินและเสกสรร ชีวิตเฉิดเฉลาเงียบเหงาและว้าเหว่ ในที่สุดเธอก็หวนกลับมาบ้านยศพงษ์และโดนเขาหัวเราะเยาะพูดจาถากถางอย่างสนุกปาก

“เห็นไหมว่าไอ้เด็กนรกติดยามันไม่ยอมกลับบ้าน มันรังเกียจเธอ”

“จะทับถมกันไปถึงไหน ตอนนี้อะไรๆก็ลำบากไปหมด เส้นทางทำมาหากินถูกตัดขาดจนย่ำแย่”

“มันไม่ย่ำแย่อย่างที่คิดนะ หมายเลขสองติดต่อมาให้เป็นตัวแทนเรื่องยาตามเส้นทางที่ไม่ต้องผ่านภูเขา”

“ทำไมไม่เป็นหมายเลขหนึ่งติดต่อเรา”

ยศพงษ์ลังเลเล็กน้อยก่อนจะเล่าเรื่องจูเนียร์ตาย หมายเลขหนึ่งสิ้นหวังมาก ให้เก็บเงียบไว้อย่าแพร่งพราย ให้ทุกคนเข้าใจว่าจูเนียร์อยู่บนเขาเพื่อจะหลอกล่อลำหับกับลูกและคนไม่มีชื่อไปติดกับดัก

“แล้วยังไงต่อ”

“หมายเลขสองตกลงกับฉันว่าจะหักหลังหมายเลขหนึ่งเรื่องยาเสพติด”

“อะไรนะ! เขาช่างกล้า”

“กล้ากว่านั้นอีก เขากำลังวางแผนโค่นอำนาจหมายเลขหนึ่งแล้วตั้งตัวเองเป็นใหญ่ โดยมีเราเป็นการตลาดซื้อขายสินค้า เธอเลิกคิดเรื่องไอ้เด็กนรกติดยานั่นซะ”

เฉิดเฉลาพยักหน้ารับแทนคำตอบ...ไม่รู้เลยว่าเวลานี้เสกสรรได้รับการดูแลอย่างดีจากศัตรูหมายเลขหนึ่งของตนเอง

ลำหับยินดีอุปการะเสกสรรเหมือนลูกชายคนหนึ่ง ลูบศีรษะเขาอย่างเมตตาขณะพนมมือไหว้เธออยู่ต่อหน้าชาตรีและคนัง

“มาเป็นลูกบ้านนี้เถอะนะเสกสรร”

“มาเป็นพี่เป็นเพื่อนกับผม”

เสกสรรมองสองแม่ลูก เอ่ยอย่างเกรงใจว่าตนรบกวนทุกคนมากเกินไป ชาตรีเลยรีบบอกด้วยรอยยิ้มว่า

“คุณแม่ลำหับคนนี้เธอชอบมีลูกชาย มาเป็นลูกชายเธอเพิ่มอีกคน เธอยิ่งชอบใจ”

“ถ้าไม่สะดวกอยู่ที่บ้านหลังนี้เพราะต้องการเป็นส่วนตัว ยังมีบ้านหลังเล็กทางด้านโน้นให้เสกสรรไปพักตามลำพัง”

เสกดีใจน้ำตาซึม “คุณให้ชีวิตและความหวังใหม่กับผมจริงๆ”

“เรียกฉันว่าแม่สิจ๊ะ”

“ครับแม่...แม่ลำหับ พระคุณของแม่ลำหับท่วมท้นจนเอ่ยอ้างไม่หมด ผมจะตอบแทนพระคุณให้ถึงที่สุด”

“เพียงเสกสรรเป็นคนดี รักตัวเองในทางที่ถูกต้อง ก็ถือว่าได้ตอบแทนคุณคนที่เป็นแม่แล้ว”

เสกสรรยิ้มทั้งน้ำตา กอดตอบลำหับด้วยความซาบซึ้งบุญคุณ ชาตรีกับคนังมองภาพนั้นอย่างพอใจ

ooooooo

ที่ลอนดอน...จักรินพยายามทำให้ความสัมพันธ์ของเพ็ญโพยมกับคนังขาดสะบั้นกันจริงๆ ด้วยการยุแหย่สองคนให้เข้าใจผิด ส่งข้อความตอกย้ำให้คนังรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่าไม่คู่ควรกับเพ็ญโพยม

หารู้ไม่ว่า...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพ็ญโพยมกับคนังไม่เคยลืมกันและกัน แต่เพราะคนังเจียมตัวจึงทำเหมือนใจร้ายใจดำกับเธอ ทั้งที่ความจริงเขากำลังซึมเศร้าราวคนอกหัก เห็นรูปถ่ายของเธอกับเพื่อนชายที่จักรินจงใจส่งมา

ความเศร้าของคนังไม่รอดพ้นสายตาลำหับกับชาตรี สองคนทราบดีว่าเขากำลังมีความทุกข์

“เรื่องผู้หญิง...เด็กวัยนี้จะมีอะไรทุกข์เท่ากับเรื่องความรัก แต่เขาไม่พูด เงียบมาก”

“เราจะช่วยเขาได้ยังไงคะ”

“มองดูห่างๆ เป็นกำลังใจให้เงียบๆ ไม่ต้องสงสาร ไม่ต้องทำเหมือนรู้เรื่องของเขา”

“เชี่ยวชาญจังนะคะ”

“เพราะผมก็อกหัก”

“อกหัก...ขอโทษนะคะ หนูรู้จักคุณมานานมากไม่เคยถามเรื่องครอบครัวของคุณ”

“ผมมีเวรกรรมไม่สามารถมีครอบครัวได้ ดูแลคนังดีๆ เด็กเงียบๆบางทีตัดสินใจหนีปัญหารักด้วยการฆ่าตัวตาย” ชาตรีทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วกลับออกไป ลำหับค่อนข้างตกใจ เหลียวมองลูกชายอย่างเป็นกังวล

เสียงเพลงพญาโศกจากซอของลำหับและหีบเพลงของคนังดังประสานกันแสนเศร้า ชาตรีหยุดชะงักหันกลับมามองสองแม่ลูกแล้วอดนึกถึงคำสั่งเสียของบริพัตรก่อนสิ้นใจไม่ได้...วันนั้นบริพัตรกระซิบฝากลูกเมียให้ชาตรีดูแล และมีอีกข้อที่ชาตรีไม่อาจรับปากได้ ต้องขึ้นอยู่กับจิตใจของลำหับ...

ความดีอย่างเสมอต้นเสมอปลายของชายไร้ชื่อทำให้ลำหับสำนึกบุญคุณเขาตลอดมา ทั้งสำนึกทั้งสงสัย จนในวันนี้ก็ยังไม่ได้คำตอบจากเขาสักที

“คุณช่างเสียสละ มีแต่ให้หนูและลูกมานานร่วมยี่สิบปี...เพราะอะไร คุณคือใครกันแน่ ทำไมถึงยอมเอาชีวิตและอนาคตมากองไว้ที่หนูและลูก”

เหตุผลที่ชาตรีไม่เคยบอกใครว่าช่วยเหลือลำหับเพราะอะไรก็คือนลินีแม่ของลำหับเป็นเสมือนพี่สาวที่เขาเคารพนับถือเช่นเดียวกับสมมาตรว่าที่เจ้าบ่าวของเธอ

ในวันแต่งงานของนลินีกับสมมาตร รามพรางหน้าบุกเข้ามายิงสมมาตรแล้วชิงตัวนลินีไปทั้งที่เธอไม่ได้รักเขา ก่อนสิ้นใจสมมาตรฝากฝังชาตรีให้ดูแลนลินี

ชาตรีเสียใจที่ช่วยเหลือนลินีไม่ได้ หลังจากเธอไปอยู่กับรามทั้งที่ไม่เต็มใจ เธอถูกรามยิงตายอย่างโหดเหี้ยมเพราะไม่ยอมเป็นคนขายชาติ แต่ชาตรีก็คอยดูแลทุกข์สุขของลำหับมาตลอดตั้งแต่วันนั้นจนถึงปัจจุบัน...

ขณะที่ชาตรีขับรถกลับออกจากบ้านลำหับในคืนนี้ คาดไม่ถึงว่ายศพงษ์จะส่งสมุนมาดักทำร้ายหมายเอาชีวิต แต่ชาตรีก็มีสติเอาตัวรอดมาได้ โดยมีเสกสรรที่แอบติดรถมาช่วยกันยิงสกัดคนร้าย เหตุนี้เองทำให้เสกสรรอยากหัดยิงปืนให้เป็นเรื่องเป็นราว

เสกสรรต้องการเรียนรู้หลายอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองจากชาตรี ทั้งเรื่องวิชาต่อสู้ป้องกันตัวและเรื่องทำตัวให้มีคุณค่ามากกว่าเดินไปเดินมาเพื่อตอบแทน

ผู้มีพระคุณ ชาตรีรับปากและหากตนเองไม่ว่างก็จะให้เสกสรรไปฝึกการต่อสู้กับคนัง

เมื่อสมุนทำงานพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่เคยเอาชนะอีกฝ่ายได้ ยศพงษ์หัวเสียหนัก ตรงกันข้ามกับเฉิดเฉลาที่เช้านี้ยิ้มร่าบอกข่าวดีกับยศพงษ์ว่า

“สินค้าของเราที่ผ่านเส้นทางใหม่มาฉลุยมาก ลูกค้ารับไปเรียบร้อย เราได้รับเงินก้อนใหญ่ แต่น่าเสียดายที่เราต้องแบ่งกับพวกบนเขา ความจริงเราทำเองก็ได้”

“เราตกลงกับหมายเลขสองแล้ว ครั้งนี้ครั้งแรกก็จะหักหลังเขาเลยหรือ”

“ทำไมไม่แนะนำให้เขาหักหลังหมายเลขหนึ่งอีกต่อ ให้เขาเอาส่วนของข้างบนมาแบ่งให้เขากับเราเพิ่มขึ้น”

“เมียเราเข้าใจโกงคนอื่นดีแท้ รอให้เขาเชื่อใจเรามากกว่านี้ก่อนค่อยแนะนำหมายเลขสอง ดูทีท่าไปก่อนว่าเขายังจงรักภักดีหมายเลขหนึ่งแค่ไหน”

“โอเค เรื่องจูเนียร์ตายนี่น่าจะเป็นจุดอ่อนที่ทำให้หมายเลขหนึ่งอ่อนแอลง ความอ่อนแอของเขาคือจุดอ่อนที่จะเพลี่ยงพล้ำ”

เฉิดเฉลาฉลาดล้ำจนยศพงษ์ต้องสยบเธอในเรื่องนี้...เวลาเดียวกัน รามหรือหมายเลขหนึ่งเป็นอย่างที่เฉิดเฉลาคาดเดาจริงๆ ความเสียใจต่อการจากไปของจูเนียร์ทำให้เขาท้อแท้ หวนคิดถึงนลินีผู้หญิงที่แย่งมาจากสมมาตรซึ่งเป็นเพื่อนร่วมสาบานกัน

“ลินี...กี่เดือนกี่ปีเธอก็ไม่ยอมลืมสมมาตร ไม่เคยแสดงแววตาว่าพึงพอใจ เธอทำตัวเหมือนหุ่นยนต์เดินได้ ตลอดเวลา ทั้งที่ฉันรักเธอมากมาย...จูเนียร์ พ่อไม่เหลือ

ใครแล้ว ความหวังของพ่อหมดสิ้นไปแล้ว ชีวิตพ่อที่ขาดลูกจะมีค่าอะไรอีกต่อไป พ่อจะทำทุกอย่างไปเพื่อใคร”

เสียงเคาะประตูห้องทำให้รามตื่นจากภวังค์...สนหรือหมายเลขสองกับหมายเลขสิบห้าเดินตามกันเข้ามารายงานเรื่องยาเสพติดที่ให้ยศพงษ์เป็นตัวแทน สนบอกว่าเรียบร้อยดีแต่สิบห้าท้วงว่าเราจะไว้ใจยศพงษ์ได้มากแค่ไหน เพราะเขากับเฉิดเฉลาคือจอมหักหลัง

“ยศพงษ์จะหักหลังใครก็ได้แต่ไม่ใช่หมายเลขหนึ่ง และผมจะไม่ยอมให้เขาทำเช่นนั้น สิบห้าอย่ากวนน้ำให้ขุ่น”

“ผมไม่ได้มีเจตนากวนน้ำให้ขุ่น แต่ผมอยากให้ระวังและรอบคอบ เพราะเราไม่อาจลงไปตรวจตราข้างล่างได้อีก ณ เวลานี้”

“สิบห้าก็พูดถูกนะ สองระวังหน่อยก็ดี ขอบใจมาก ไปจัดการงานต่อได้แล้ว เรื่องที่ผมต้องการที่สุดเวลานี้คือทำให้ลำหับกับลูกของมันขึ้นมาบนนี้ให้ได้”

“ครับ ผมจะทำให้ได้”

สนรับคำแต่สิบห้าสีหน้าไม่สบายใจแล้วเดินตามกันออกไป

ooooooo

ผ่านไปหลายเดือน จักรินกับเพ็ญโพยมเตรียมเดินทางกลับเมืองไทยในช่วงปิดเทอม เฉิดเฉลารับรู้ด้วยความดีใจ นั่งยิ้มนับวันรอลูกชายกลับมา ยศพงษ์เห็นกับตาแปลกใจ ถามกึ่งประชดว่าเป็นอะไร นั่งยิ้มคนเดียวมีความสุขเหลือเกิน

“เธอเองก็น่าจะมีความสุข หนูเพ็ญกำลังจะกลับบ้าน”

“อะไรนะ ทำไมหนูเพ็ญไม่บอกฉัน ฉันเป็นพ่อแกนะ”

“แกคิดว่าพ่อแกคืออาเดียว แม่แกคือยัยพี่เลี้ยงนั่นต่างหาก เตรียมตัวต้อนรับแกให้ดีๆก็แล้วกัน”

“อวดดีมาก...ก็ให้ยัยเริ่มกับอาเดียวไปรับที่แอร์พอร์ตก็แล้วกัน ฉันมีเรื่องจะคุยกับหมายเลขสอง”

“อย่าลืมชี้นำเรื่องสินค้าที่เคยคุยกันเอาไว้”

“ไม่ลืมหรอก กำลังยุส่งให้มันหักหลังหมายเลขหนึ่งให้ไวๆ”

“เธอคงอยากจะเป็นหมายเลขหนึ่งเองน่ะสิ”

“ใครบ้างไม่อยากเป็นที่หนึ่งในอาณาจักรที่ตัวเองอาศัยอยู่”

เฉิดเฉลายิ้มพอใจ ย้ำว่าเป็นไปตามแผนของสองคน...เพราะแรงยุของยศพงษ์ทำให้สนหรือหมายเลขสองคิดสังหารรามเมื่อสบโอกาสขณะเขาไปยืนเศร้าคิดถึงจูเนียร์ แต่ไม่นึกว่าหมายเลขสิบห้าจะเข้ามาขัดจังหวะ ทำให้สนชะงักลดปืนในมือลงแล้วซ่อนตัว

รามถามสิบห้าว่ามีอะไรถึงตามมาที่นี่ สิบห้ารายงานว่าคนของเราส่งข่าวว่าสินค้าได้เงินไม่ครบตามจำนวน

“เกิดอะไรขึ้น”

“นั่นสิครับ ต้องมีใครหักหลังเรา”

“ใคร?” รามตาขวาง...สนรีบเดินเข้ามาตอบคำถามนั้นด้วยตัวเองว่ายศพงษ์กับเฉิดเฉลา รามจ้องหน้าสนถามว่าทำไมไม่แจ้งตน สนพูดเอาดีเข้าตัวทันทีว่า “ผมกำลังจะมาแจ้ง แต่สิบห้ามาบอกก่อน จะให้จัดการกับสองคนนั้นยังไงดี”

“เฉยไว้ก่อน รอให้พวกมันตายใจให้ทำอีกครั้ง จะได้เอาเนื้อกับกระดูกมาบดให้จระเข้กิน”

สองคนรับคำสั่งโดยดี แต่สิบห้าแอบมองสนอย่างคลางแคลงใจ

ooooooo

วันแรกที่จักรินกลับถึงบ้านแล้วรู้เห็นว่าลำหับอุปการะเสกสรรไว้ที่เรือนเล็ก สองหนุ่มรู้จักกันมาก่อนและไม่ชอบหน้ากันอยู่ โดยเฉพาะจักรินที่รังเกียจเดียดฉันท์ว่าเสกสรรเป็นลูกของเฉิดเฉลา ถึงกับจะยิงเขาให้ตาย ลำหับกับคนังต้องมาห้ามอย่างโกลาหล

ชาตรีตัดปัญหาหากเสกสรรอยู่บ้านลำหับแล้วอึดอัดด้วยการชวนไปอยู่ด้วยกัน ขณะที่จักรินก็ยื่นคำขาดให้ทนายจัดหาคอนโดหนึ่งห้องกับรถยนต์หนึ่งคันให้ตนเพื่อที่ตนจะได้ไม่ต้องอยู่ป่วนใครที่นี่อีก ซึ่งความจริงจักรินต้องการหนีหน้าเสกสรรเพราะกลัวเขาจะพูดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตนกับเฉิดเฉลา

เมื่อเฉิดเฉลาทราบจากจักรินว่าเสกสรรกลายเป็นลูกเลี้ยงลำหับก็ยิ่งโกรธเกลียดลำหับ พูดจาให้ร้ายและพยายามยุแหย่จักรินให้เกลียดชังไปด้วย...ด้านสองพ่อลูกยศพงษ์กับเพ็ญโพยม ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ดีขึ้นเลย ลูกสาวยังคงน้อยใจพ่อที่ไม่เอาใจใส่แถมยังยอมให้เฉิดเฉลากลับมาอยู่ร่วมชายคา ยศพงษ์ง้อลูกด้วยการซื้อรถป้ายแดงมากำนัล

เพ็ญโพยมประชดด้วยการขับรถป้ายแดงออกจากบ้านแล้วไปเจอนพกับมอลลี่ที่ห้างสรรพสินค้า ถึงได้รู้ความจริงว่ามอลลี่ไม่ได้เป็นแฟนกับคนัง แต่เขาอุปโลกน์เธอขึ้นมาเพราะจักรินบีบคั้นบังคับ และตอนนี้มอลลี่ก็คบหาดูใจอยู่กับนพ เพ็ญโพยมโกรธจักรินและน้อยใจคนัง เธอขับรถเหม่อลอยไปปีนฟุตปาทจนยางแตกแถวบ้านลำหับ วิเวกกับตึ๋งหนืดรีบมาตามคนังไปช่วย แต่เธอจำคนังในสภาพหนุ่มชาวไร่หนวดเครารุงรังไม่ได้

เหตุการณ์วันนี้ทำให้เพ็ญโพยมมีโอกาสได้พบลำหับและชอบฝีมือการสีซอของเธอถึงขนาดขอเป็นลูกศิษย์มาเรียนอยู่ระยะหนึ่งก่อนจะรับปากยศพงษ์ไปแสดงการสีซอประกอบนาฏลีลาในงานกุศลโดยไม่รู้ว่าเขากับเฉิดเฉลาตั้งใจจัดงานนี้ขึ้นเพื่อสร้างภาพแสนดีกลบเกลื่อนความชั่วที่พวกตนกระทำถึงวันงาน เพ็ญโพยมใช้เพลงพญาโศกประกอบการร่ายรำของตนบนเวที ลีลาและเสียงเพลงพญาโศกประทับใจผู้ชมจนได้รับเสียงปรบมือดังกึกก้อง พวกชาตรีที่มาเป็นกำลังใจให้ลำหับเป็นปลื้ม ขณะที่ยศพงษ์กับเฉิดเฉลาคิดไม่ถึงว่าลำหับจะกล้ามาปรากฏตัว

ยศพงษ์เรียกสมุนมาสั่งให้กำจัดพวกชาตรี ในขณะที่เฉิดเฉลาสั่งคนของตนยิงลำหับและเพ็ญโพยมไปพร้อมกัน แต่แผนร้ายของทั้งยศพงษ์และเฉิดเฉลาไม่สำเร็จเพราะพวกชาตรีไหวตัวทัน โดยมีคนังกับเสกสรรร่วมด้วยช่วยกัน

เฉิดเฉลาโกรธเสกสรรที่ฝักใฝ่ฝ่ายศัตรู บังคับให้กลับบ้านแต่เสกสรรไม่ยอม ขออยู่กับแม่ลำหับที่มีความรักความจริงใจให้ตนมากกว่าคนที่เลี้ยงตนมาตลอด เหตุนี้เองทำให้เฉิดเฉลาอาฆาตแค้นลำหับยิ่งขึ้น ร่วมมือกับยศพงษ์เป่าหูจักรินให้ย้อนกลับไปหาลำหับอีกครั้งเพื่อเล่นงาน

ลำหับดีใจมากเพราะไม่อยากเสียจักรินไปอยู่แล้ว เธอต้อนรับเขาเป็นอย่างดีหลังจากเขาออกไปอยู่คอนโดแล้วไม่ยอมกลับบ้าน แต่กลายเป็นว่าการมาของจักรินทำให้เธอเสียใจอย่างยิ่ง เขามาสั่งลำหับห้ามบอกคนอื่นว่าเขาเป็นลูก เขาไม่มีแม่เป็นคนขายชาติ

คนังหมดความอดทนกับจักริน ชกต่อยจนปากแตก จักรินตอบโต้แต่เป็นรอง จึงตะโกนด่ากราดทุกคนอย่างไม่ไว้หน้า

“กูเกลียดมึง! ไอ้พวกเชื้อสายขายชาติ”

“แกมันคนเนรคุณ ไม่รู้จักบุญคุณคน”

“หยุดนะ หยุดทั้งสองคน หยุดเดี๋ยวนี้” ลำหับห้ามปราม แต่ตึ๋งหนืดกับวิเวกเชียร์คนังให้สั่งสอนจักรินเสียให้เข็ด คนังพอเห็นแม่ถึงขนาดพนมมือขอร้องก็ตกใจ เลิกราไม่ทำร้ายจักริน แต่จักรินกลับฉวยจังหวะนี้ถีบคนังเซไปแล้วชี้หน้าด่าทั้งคนังและลำหับว่า

“จำไว้ ฉันไม่มีญาติเป็นคนขายชาติ”

แล้วจักรินก็วิ่งออกจากบ้านไป คนังไม่ยอมปล่อยผ่าน วิ่งตามไปสั่งจักรินให้กลับมากราบเท้าขอโทษแม่ ลำหับ วิเวก ตึ๋งหนืดวิ่งตามมาถึงหน้าบ้าน จังหวะนั้นยศพงษ์กับเฉิดเฉลาที่จอดรถรอจักรินอยู่พรวดพราดลงมาช่วยจักรินที่ถูกคนังรวบตัวไว้

สองคนรุมด่าคนังว่าเป็นลูกชู้ ลำหับเป็นลูกคนขายชาติ...คนังทนไม่ไหวปราดไปปัดปืนในมือเฉิดเฉลาหล่นแล้วเงื้อมือจะตบแต่ลำหับหวีดร้องห้ามปรามไว้ ฝ่ายยศพงษ์ไม่รอช้ายิงคนังแต่ชาตรีมาทันเวลา กระโดดเข้าไปปัดปืน กระสุนเลยเป๋ไปถากหัวไหล่จักริน

เฉิดเฉลากรีดร้องเป็นห่วงจักรินแล้วดุด่ายศพงษ์ ก่อนตวัดสายตามายังเสกสรรที่มาพร้อมชาตรี

“ไอ้เสกสรร แกมาช่วยพวกมันอีกแล้ว ไอ้คนเนรคุณ”

“ผมต่างหากที่โดนเนรคุณ ยัยพี่เลี้ยงมันบอกหมดแล้วว่าคุณไปเอาผมมาตบตาคุณพ่อว่าผมเป็นลูกคุณกับท่านเพื่อจะจัดการมรดกของผมหลังจากฆ่าเขาตาย”

“แกอย่ามาใส่ร้ายฉัน”

“ผมอายุจะยี่สิบต้นปีหน้า ผมหาทนายทวงสมบัติผมไว้แล้ว คุณแม่อย่าหวังจะยักย้ายถ่ายเทไปอีก ไอ้ที่เอาไปแล้วผมทำบุญให้”

“พวกคุณสองคนกรุณาออกไปจากบ้านเรา” ลำหับไล่ยศพงษ์กับเฉิดเฉลา แต่จักรินออกรับแทน ชี้หน้าลำหับตอบโต้ด้วยท่าทีฉุนเฉียว

“ไม่ต้องมาไล่...ไม่อยากจะมาเหยียบที่นี่ถ้าไม่จำเป็น จำไว้อย่าโทร.ไปอ้อนวอนให้มาหา ชังน้ำหน้าคนขายชาติ”

คนังทนไม่ไหวออกโรงปกป้องแม่และตนเองอย่างไม่เคยทำมาก่อน “ฟังนะจักรินและทุกคน...ไม่ทราบว่าความจริงนายรู้แล้วหรือแกล้งทำไม่รู้ว่านายไม่ใช่ลูกของแม่ฉัน ไม่ใช่น้องชายฉัน”

ลำหับตะลึง ถามคนังว่าพูดอะไรออกมา...ชาตรีสะใจ ให้คนังพูดความจริงต่อไป

“แก...ยัยเฉิดเฉลา สร้างภาพมีชื่อเสียงในการช่วยเด็กกำพร้า แต่เสกสรรลูกผู้มีพระคุณของแก แกเคยดูแลเขาไหม”

เฉิดเฉลากรี๊ดลั่น สั่งคนังให้หยุดพูด แต่เสกสรรบอกไม่ต้องหยุด ให้คนังแฉต่อไปเพราะมันคือความจริง

“จักริน...แกคือลูกชู้ที่คุณพ่อน่าจะรู้อยู่เต็มอก แต่ก็ยังเมตตาให้แกใช้เงินทองของท่าน...แม่แกไปท้องกับใครออกมาเป็นแก มันถึงมีคนต้องพาแกหนีไปซ่อน

เพื่อปิดบังการตรวจดีเอ็นเอ นางมารร้ายกลายร่างคนนี้ทอดทิ้งแก แต่แม่ฉันเก็บแกมาชุบเลี้ยง”

เฉิดเฉลากรีดร้องโกรธแค้นคนัง ยศพงษ์ตะลึงเมื่อรู้ว่าจักรินเป็นลูกของเฉิดเฉลาที่หายไป

“แกพูดก็ดีแล้ว ฉันรู้ว่าไม่เกี่ยวข้องกับพวกขายชาติอย่างพวกแกนานแล้ว แม่ของแกกับฉันขาดกันวันนี้”

“ไม่นะจัก อย่าพูดกับแม่อย่างนี้” ลำหับเว้าวอนทั้งน้ำตา

“ต้องพูด...ไปขโมยฉันมา แล้วมาอ้างความรักใคร่ ที่แท้อยากได้เงิน ฉันดีใจแค่ไหนที่ไม่มีเชื้อสายขายชาติ แกนั่นแหละลูกชู้ นั่นชู้ของแม่แก” จักรินชี้มือไปที่ชาตรี

คนังโกรธจัดกระโดดเข้าใส่จักรินแต่โดนลำหับสกัดแล้วตบหน้าอย่างแรง “แม่บอกให้หยุด!”

“พอเถอะคนัง...พวกแกเชิญพากันออกไปนอกรั้วบ้านนี้ได้แล้ว...ลำหับ คนัง เสกสรร เข้าบ้าน”

ชาตรีจ้องหน้าพวกยศพงษ์แววตาดุดันแล้วต้อนคนของตนเข้าบ้าน ส่วนเฉิดเฉลาดึงจักรินออกไป ยศพงษ์ก้าวตาม สายตาจับจ้องจักรินอย่างค้างคาใจแล้วเดินเฉียดมากระซิบข้างหูเฉิดเฉลาว่า

“ฉันต้องการคำอธิบายเรื่องจักกับเธอ”

ooooooo


ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น