วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร รอยรักแรงแค้น ตอนที่ 9


ไอ้ขุมเล่าต่อหน้าเครื่องอัดเสียงว่า ตนลากร่างของวิมลรัตน์เข้าไปในห้องนอนเธอ โดยมีธาดายืนดูอยู่

“เฮียทำอะไรเนี่ย...เฮียฆ่าเมียตัวเองเหรอ!” ธาดาบอกว่าตนไม่ได้ตั้งใจ “ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจเฮียก็เป็นฆาตกร”

ธาดาบอกว่าตนถึงเรียกมันมาช่วย ไอ้ขุมส่ายหน้าว่าเรื่องแบบนี้ใครจะช่วยได้

“เท่าไหร่?” ธาดาถามอย่างรู้ทัน ไอ้ขุมบอกว่าไม่คุ้มหรอก ธาดาถามอีกว่าเท่าไหร่! ไอ้ขุมก็ยังเล่นตัว จนธาดาบอกว่า “มึงไม่เอากูเรียกคนอื่นก็ได้”

ไอ้ขุมจึงบอกว่า “ล้านนึง” ธาดาบอกว่าตนมีไม่ถึง มันยอมลดให้ “งั้นแปดแสนขาดตัว!”

“ให้เราทำอะไรแลกกับเงินแปดแสนบาท” ลูกน้องเสี่ยอ๋าถาม

“เขาให้ผมช่วยจัดสถานที่แล้วก็อยู่รอรับโทรศัพท์...”

ไอ้ขุมเล่าเหตุการณ์ตอนนั้นเหมือนที่ดวงดาวได้อัดเสียงไว้ จากนั้นมันบอกว่า

“สุดท้ายเขาสั่งให้ผมหายหัวไปให้สุดขอบโลก ส่วนเรื่องศพและคดีความเขาจะจัดการเอง”

คิมหันต์ฟังมันเล่าจบ เขาด่าธาดาอย่างสุดแค้น!

ooooooo

เมื่อกลับมาที่สำนักงานกฎหมายบูรพา ชุมสายถามคิมหันต์ขณะนั่งอยู่ในรถด้วยกันว่า คิดจะทำอย่างไรกับเทปสารภาพของไอ้ขุม

“กระบวนการทางศาลคงลำบากใช่ไหม” คิมหันต์ถามไม่มองหน้า ชุมสายบอกว่ามันไม่มีร่องรอยการถูกซ้อมให้เห็นเลย “งั้นฉันอาจจะเก็บไว้ดูเล่นสักพักก่อน”

“ไอ้คิม...ไม่ว่าแกจะทำอะไร แกต้องบอกให้ฉันรู้ก่อนนะเพื่อน...ขอร้องล่ะ”

“เออ...” คิมหันต์ตอบไปอย่างนั้นเอง พอชุมสายลงจากรถ เขาจึงขับรถออกไป

ที่มุมลับตาไม่ไกลนัก มีรถติดฟิล์มหนาคันหนึ่ง ค่อยๆเคลื่อนออกมาตามรถของคิมหันต์ไป รถคันนั้นตามรถคิมหันต์ไปจนถึงทางเปลี่ยว ก็ขับตัดหน้ารถคิมหันต์ในระยะกระชั้นชิด จนคิมหันต์หักหลบเสียหลักลงข้างทาง

ชายฉกรรจ์สี่คนลงจากรถคันนั้น ตรงเข้าไปที่รถคิมหันต์ เปิดประตูรถอย่างเร็วจนเขาตั้งตัวไม่ทัน

“พวกแกจะทำอะไรฉัน”

“มากับผมเสียดีๆแล้วคุณจะไม่เจ็บตัว”

ชายฉกรรจ์ทั้งสี่ลากคิมหันต์ไปยัดใส่รถพวกมันแล้วขับออกไปอย่างเร็ว คิมหันต์อยู่ในความมึนงงหวั่นวิตก

คิมหันต์ถูกพาไปที่โกดังร้างแห่งหนึ่ง ที่นั่นอรรถรออยู่แล้ว ทันทีที่คิมหันต์ถูกนำตัวเข้ามา อรรถพูดเสียงก้องว่า

“ฉันไม่ได้สนุกกับการไล่จับนายอย่างนี้หรอกนะ ทั้งยุ่งยากทั้งเสียเวลา ไอ้โกดังเก่าไกลหูไกลตาคนแบบนี้มันก็หาไม่ได้ง่ายๆ จะใช้ที่เดิมๆก็เบื่อ แถมยังอาจถูก

จับทางได้อีก และที่สำคัญ ฉันไม่ชอบเปิดตัวในภารกิจ

แบบนี้สักเท่าไหร่ แต่กับนายมันจำเป็น เพราะฉันต้องการได้ยินคำพูดจากปากของนายชัดๆว่านายจะเอายังไงกับลูกสาวฉัน”

คิมหันต์นิ่งไม่ตอบ จนอรรถถามว่าไม่ได้เตรียมคำตอบมาหรือ เขาก็ยังคงนิ่งอยู่อย่างนั้น...

ooooooo

คิมหันต์หายใจลึกๆ เตรียมพร้อมที่จะเผชิญปัญหา แต่ก็ยังนิ่งเงียบอยู่ อรรถลุกเดินไปเผชิญหน้าถาม

“นายเป็นลูกผู้ชายรึเปล่าทำไมความรับผิดชอบต่ำอย่างนี้...พอมีปัญหากับลูกสาวฉัน นายก็หนีไปเฉยๆ ปล่อยให้พักตรานั่งร้องไห้ฟูมฟายอยู่คนเดียว ถ้าเขากระโดดตึกตายนายจะรับผิดชอบได้ไหม ไอ้ชุ่ยเห็นแก่ตัว

...แล้วนี่คิดจะนั่งนิ่งเป็นใบ้ รอให้ฉันเห็นใจนายงั้นเหรอ ไอ้ลูกชาย!”

“ผมขอเลิกกับพักตราครับ”

“ว่าไงนะ!!”

“ผมขอถอนหมั้นลูกสาวท่าน”

อรรถจ้องหน้าเขม็ง สั่งให้พูดใหม่ คิมหันต์ยังพูดคำเดิม เขาสั่งให้พูดใหม่อีก คิมหันต์รู้สึกได้ถึงความตึงเครียดที่เขม็งเกลียว เขารวบรวมกำลังพูดคำเดิม แต่พูดได้แค่ “ผมต้องการ...” เท่านั้นก็ถูกอรรถตบปากหน้าหันทันที แต่คิมหันต์ก็ยังกัดฟันพูดจนจบว่า “ผมต้องการเลิกกับพักตรา ผมไม่ได้รักเธอ”

อรรถไม่พูดไม่ตบแต่พยักหน้าทีเดียว หมู่ชายฉกรรจ์ที่ยืนคุมเชิงอยู่ก็กรูกันเข้ากลุ้มรุมคิมหันต์เลือดกบปาก ล้มกลิ้งอยู่กับพื้น อรรถที่ถอยออกไปดูอยู่ ถามเหี้ยมว่า

“ยังต้องการเลิกกับลูกสาวฉันอีกไหม!”

“ถึงท่านจะซ้อมผมจนตาย ผมก็ยืนยันเหมือนเดิม...”

คิมหันต์ยืนยันคำเดิมแม้จะบอบช้ำเจียนตาย อรรถกระชากผมเขาให้เงยขึ้น ตะคอกใส่หน้า...

“ลูกสาวฉันไม่ดีตรงไหน...พักตรามีอะไรที่น่ารังเกียจจนนายรับไม่ได้ ลูกสาวฉันทำให้นายเสื่อมเสียเกียรติมากนักรึ!” คิมหันต์บอกเปล่า ถูกอรรถเหวี่ยงออกไปอย่างแรง ตวาด “รู้ไหมว่ามีผู้ชายมากมายแค่ไหน

ที่เรียงหน้ากันเข้ามาขอเป็นลูกเขยฉัน...นับหัวไม่ถ้วน แต่พักตราเลือกนาย แค่นี้ยังภาคภูมิใจไม่พออีกเหรอ!”

“พักตราควรจะได้ผู้ชายที่ดีกว่าผม”

“ทำไม...นายมีอะไรไม่ดี บอกมาซิ ฉันจะได้ไปบอกพักตรา”

“ข้อเสียข้อเดียวของผมก็คือผมไม่ได้รักลูกสาวท่านเลย...ผมถูกท่านบังคับ”

อรรถไม่ถามอะไรอีก เขาหันไปพยักหน้าให้ชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นอีกครั้งอย่างเน้นๆ พวกมันกรูกันเข้าหาคิมหันต์

“ถ้าผมตาย...ลูกสาวท่านก็ไม่ได้ตัวผมอยู่ดี...ผมไม่ได้รักพักตรา ท่านก็รู้ท่านใช้อำนาจบังคับตัวผม...แต่ท่านไม่มีวันได้หัวใจผม ท่านเปลี่ยนความรู้สึกของผมไม่ได้หรอก...”

อรรถนิ่งไปแต่ยังจ้องหน้าคิมหันต์ถมึงทึง

ooooooo

เช้ามืดวันรุ่งขึ้น คิมหันต์ในสภาพบอบช้ำสาหัส เลือดเกรอะกรัง ก็ถูกชายฉกรรจ์ขับรถของเขาพามาทิ้งไว้หน้าสำนักงานกฎหมายบูรพาแล้วพากันหนีไป

คิมหันต์ได้รับความช่วยเหลือจากยามพาไปพบชุมสาย ชุมสายจะพาไปหาหมอและไปแจ้งความ คิมหันต์ทั้งไม่ไปหาหมอและไม่แจ้งความ บอกว่ามันเป็นเวรเป็นกรรม ตนทำกับเขาไว้เยอะโดนบ้างก็สมเหตุสมผลแล้ว แจ้งความไปก็ไม่จบง่าย ย้อนถามว่า “หรือแกอยากมีเรื่องกับพลโทอรรถ?”

ฝ่ายพักตรา พอเห็นอรรถกลับมาก็ถามหาแต่คิมหันต์ พอมองหาไม่เห็นก็ตัดพ้อต่อว่าไหนพ่อสัญญาว่าจะพาเขากลับมาและคุยเรื่องแต่งงานกันไม่ใช่หรือ

พอเห็นอรรถนิ่งอึ้ง เธอตีโพยตีพายราวกับจะคลั่งว่า “พ่อโกหกพักตร์!”

อรรถชี้แจงว่าตนไม่ได้โกหก ตนพยายามเต็มที่แล้ว แต่บางทีเราอาจจะต้องกลับมายอมรับความจริงบ้าง พักตราถามทันทีว่า “ความจริงอะไรคะ!”

“ความจริงที่ว่าไม่มีใครในโลกนี้จะได้ทุกอย่างที่ตัวเองต้องการหรอก” เธอตะโกนว่าตนไม่ได้อยากได้ทุกอย่าง ตนอยากได้คิมหันต์เท่านั้น เขาต้องเป็นของตนคนเดียว “มีประโยชน์อะไรถ้าลูกได้ตัวเขาแต่ไม่ได้หัวใจเขา”

อรรถชี้แจงว่าตนพยายามทุกทางแล้วแต่คิมหันต์ก็ยังยืนยันว่าเขาไม่ได้รักเธอ ที่ทำไปเพื่อประชดมุกรินเท่านั้น แต่พักตราก็ยังคลุ้มคลั่งจะให้พ่อไปเอาตัวคิมหันต์มาให้ได้ ให้จัดการขั้นเด็ดขาดจัดการทั้งคู่ไปเลยก็ได้ ตะโกนเหมือนคนเสียสติว่า “พ่อต้องไปเดี๋ยวนี้เลย ไปสิ...จะปล่อยให้อีมุกได้ตัวคิมไปได้ยังไง” พลางฉุดกระชากอรรถออกจากห้อง

อรรถหมดความอดทนกับความคลุ้มคลั่งของพักตรา เขาตบหน้าเธอฉาดใหญ่จึงหยุดเธอได้ พักตราทรุดนั่งร้องไห้มองหน้าอรรถ ตัดพ้อ “พ่อตบพักตร์...”

“เพื่อให้ลูกมีสติ ฟังเหตุผลของพ่อบ้าง พ่อปล่อยให้ลูกเอาแต่ใจตัวเองมานานเกินไปแล้ว มันต้องพอเสียที”

“ไม่เป็นไรค่ะ” พักตราหยุดร้องไห้พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ถ้าพ่อไม่ช่วย พักตร์ทำเองก็ได้...มันอยู่ด้วยกันกับนังมุกใช่ไหมพ่อ” อรรถไม่ตอบเดินออกจากห้องไปเงียบๆ พักตราจิกตาอาฆาตแค้น

ooooooo

คิมหันต์ทำแผลเรียบร้อยแล้ว กลับไปที่ “เรือนหอ” พร้อมถุงอาหาร พอมุกรินเห็นสภาพของเขาเธอตกใจถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมแผลเต็มหน้าอย่างนี้

“การลงทุนมีความเสี่ยงแต่ก็คุ้ม...ผมบอกเขาแล้วว่าขอถอนหมั้น” มุกรินถามว่าบอกพักตราหรือ “บอกพ่อเขา...เขาคงจะไปเคลียร์กันเองได้”

มุกรินพูดอย่างเป็นห่วงว่าบอกพ่อยังขนาดนี้ ถ้าบอกลูกจะขนาดไหน คิมหันต์บอกว่าลูกมือเบากว่าพ่อมาก ถ้าเจอตัวเมื่อไรตนก็จะพูดทันที ถามมุกรินว่า ดีใจไหมที่เราจะได้มีชีวิตคู่อย่างเปิดเผยกันอีกครั้ง แล้วถามว่าพี่ชายเธอเป็นยังไงบ้าง มุกรินมองหน้าบอกว่าเขาไม่อยากรู้หรอก

“บอกแล้วไง อะไรที่คุณไม่สบายใจ ผมก็ไม่สบายใจด้วย” คิมหันต์ย้ำ มุกรินจึงบอกว่าดวงดาวเฝ้าอยู่ ตอนนี้รอทำซีที แต่วันนี้ตนจะไปหาปรารภหน่อย คิมหันต์ถามทันทีว่ามีอะไรหรือ

“เขามีงานนอกบริษัท มุกอาจจะรับจ๊อบพิเศษได้บ้าง ที่ไม่เกี่ยวกับ Fast Track”

คิมหันต์ถามว่ายังไม่เลิกจีบเธอหรือ มุกรินบอกว่าถ้าเขาไม่ให้ไปตนไม่ไปก็ได้ คิมหันต์บอกให้ไปเถอะ ตนเชื่อใจเธอ

พักตราโทรศัพท์ถามดวงดาวว่ามุกรินอยู่ไหน พอรู้ว่าอยู่โรงพยาบาลเธอลิ่วไปทันที ดวงดาวที่เฝ้าธาดาอยู่บอกเขาว่าตนจะออกไปซื้ออะไรกินหน่อย ย้ำกับเขาว่า “ถ้าพยาบาลเขาพาไปทำซีที อาก็อย่าดื้อนะ”

ขณะธาดาเข้าห้องน้ำ เขาได้ยินเสียงปิดประตูนึกว่าพยาบาลจะมาพาไปทำซีที บอกทั้งที่ยังอยู่ในห้องน้ำว่า

“คุณพยาบาล รอแป๊บนึงนะครับ ทำซีทีไม่นานใช่ไหม” กดชักโครกแล้วเปิดประตูออกมา ธาดาชะงักกึกเมื่อคนที่อยู่ในห้องไม่ใช่พยาบาล แต่กลายเป็นคิมหันต์!

คิมหันต์ทักเย้ยหยันว่าสภาพใกล้ตายแล้วหรือ ถูกสวนทันทีว่าสภาพเขาก็ไม่ต่างกับตนเย้ยคืนว่า

“โจทก์เยอะไม่ใช่เล่นล่ะสิ”

“ผมเป็นโจทก์ คุณและน้องสาวนั่นแหละคือจำเลย” ธาดายิ้มเยาะว่าอยากให้มุกรินได้ยินที่เขาพูดจัง “อัดเทปซี่ อัดไปเลย ผมจะได้พูดเรื่องที่น้องสาวคุณไม่เคยรู้ไปด้วย” ธาดาถามว่าเรื่องอะไร “เรื่องไอ้ขุม! ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่า ถ้ามุกรินรู้เรื่องทั้งหมดของไอ้ขุม เธอจะรู้สึกยังไง จะยังเคารพพี่ชายเลวๆอย่างนี้อีกไหม”

ธาดาไม่แยแสบอกว่าเขาจะกุเรื่องไอ้ขุมขึ้นมาอย่างไรก็ไม่มีใครเชื่อหรอก แต่พอคิมหันต์ท้าว่าอยากลองไหมอยากเห็นน้องสาวตัวเองทุรนทุรายไหม ธาดาก็เลี่ยงไปว่าเรื่องระหว่างเขากับตนไม่เกี่ยวกับมุกริน

“เกี่ยว...ยังไงก็เกี่ยว เพราะน้องสาวแกเป็นเมียฉัน หลงรักฉัน ไม่ว่าเธอจะเลือกข้างไหน เธอก็ต้องเจ็บปวด ทนทุกข์ทรมานอยู่วันยังค่ำ”

ธาดาพุ่งเข้าขย้ำคอคิมหันต์อย่างแค้นจัด ถูกคิมหันต์บิดมือเขาออก เตือนว่า “แกจะตายเร็วก็เพราะอย่างนี้แหละ อย่าเพิ่งรีบร้อนเลยน่า อยู่รออีกนิด รอให้ความลับถูกเปิดเผย รอให้ไอ้ขุมเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศก่อนแล้วแกค่อยขาดใจตายดีกว่านะ ไอ้ธาดา!”

พยาบาลเปิดประตูเข็นรถเข้ามารับคนไข้ ทั้งคิมหันต์และธาดาต่างปรับท่าทีตัวเองเป็นปกติ แต่ยังพูดยังเชือดเฉือนกัน ธาดาบอกให้เขารีบกลับไปเสีย หวังว่าตนกลับมาจะไม่เห็นเขาอีก คิมหันต์ยั่วทิ้งท้ายว่า

“ถ้าอยากเจอมุกริน ก็ไปหาผมได้นะ เธออยู่กับผมทุกวัน...ทุกคืน...” พอออกจากห้องคิมหันต์โทร.ถามมุกรินว่าเสร็จหรือยัง เธอบอกว่าเสร็จพอดีและปรารภกำลังจะไปส่งตนที่โรงพยาบาล

มุกรินนั่งคุยโทรศัพท์กับคิมหันต์โดยมีปรารภขับรถอยู่ข้างๆ เธอเล่าว่าปรารภชวนไปเปิดบริษัทใหม่เพราะเขาจะลาออกจาก Fast Track เร็วๆนี้ คิมหันต์พูดทันทีว่า

“อย่าเพิ่งตกลงอะไรก่อนปรึกษาผมนะมุก ถึงยังไงผมก็ไม่ไว้ใจพ่อม่ายลูกสอง” มุกรินบอกว่าแล้วไปเจอกันที่บ้าน คิมหันต์บอกว่าตนจะไปรับเธอที่โรงพยาบาลดีกว่า “ผมจะรออยู่แถวโถงชั้นล่างก็แล้วกัน คุณเยี่ยมพี่ชายให้เรียบร้อยแล้วค่อยออกมาเจอผม”

มุกรินวางสายจากคิมหันต์แล้ว ปรารภเปรยขึ้นว่า เขาคงไม่ไว้ใจให้เธอทำงานกับตน มุกรินพูดขำๆว่าเขาก็พูดไปอย่างนั้นแหละ พูดไปตามประสา แต่ปรารภไม่คิดอย่างนั้น เขาบอกว่า “คนขี้หึง” มุกรินเลยหัวเราะเบาๆ กลบเกลื่อน

ooooooo

พักตราไปเจอคิมหันต์ที่ห้องพักคนไข้ตอนธาดาถูกนำตัวไปทำซีที แล้วเธอโวยวายว่าเขามาหามุกริน ทั้งสองโต้เถียงกันและพักตราโผกอดคิมหันต์ถามว่าเขาไม่ได้คิดจะถอนหมั้นตนจริงๆใช่ไหม

มุกรินมาถึงพอดีเห็นทั้งสองกอดกันอยู่ พักตรายิ่งเชื่อว่าทั้งสองนัดพบกันที่นี่ ผละจากคิมหันต์ไปด่าทอมุกรินอย่างสาดเสียเทเสีย มุกรินถามคิมหันต์ว่า

“คิมคะ...คุณบอกว่าคุณถอนหมั้นพักตราแล้วไงคะ” คิมหันต์อึกอัก “คุณบอกว่าคุณพูดกับพ่อเขาแล้ว คุณบอกว่าเจอตัวเมื่อไหร่จะพูดต่อหน้าเขาไงคะ พูดเลยสิคิม”

พักตราจ้องหน้าคิมหันต์บอกให้พูดดังๆเลยว่าจะถอนหมั้นหรือไม่ถอน เขาสูดลมหายใจรวบรวมความกล้าบอกว่า

“เราอยู่ด้วยกันไม่ได้หรอกพักตรา”

เท่านั้นเอง พักตราจากสีหน้าท้าทายอย่างเป็นต่อ กลายเป็นโกรธจนหน้าแดงก่ำเอาปืนในกระเป๋าออกมาเล็งไปที่คิมหันต์ เขาบอกให้เธอเก็บปืนก่อน เธอสั่งให้เขาพูดก่อนว่าจะถอนหมั้นตนจริงไหม ประกาศกร้าวว่า

“ถ้าแกคิดจะถอนหมั้นฉันจริง ก็ไม่ต้องมีใครได้ใครทั้งนั้น ตายมันให้หมดทุกคนที่นี่เลยดีไหม!”

พักตราเล็งปืนไปที่มุกริน คิมหันต์ตะโกนลั่น “อย่านะพักตร์!” แต่หยุดเธอไม่ได้ มุกรินท้าทายว่าคิมหันต์เลิกกับเธอแน่ถ้าอยากยิงก็ยิงตนเลย พักตราหาว่ามุกรินเป็นคนบงการคิมหันต์ มุกรินสวนไปทันควันว่า

“ฉันกับคิมรักกัน รักกันมาก และเราสองคนเกลียดแกที่สุด รู้ไว้ด้วย”

“งั้นแกก็ตายพร้อมกันทั้งคู่เลย” พักตราเหนี่ยวไกทันที คิมหันต์กระโดดผลักเธอจนเซกระสุนเจาะผนังห้องแต่ปืนยังอยู่ในมือ พอตั้งตัวได้พักตราหันปืนยิงมุกรินอีกครั้ง คิมหันต์พุ่งไปเอาร่างบังมุกรินรับกระสุนแทน!

สิ้นเสียงปืนสามนัดซ้อน ร่างคิมหันต์ล้มจมกองเลือดอยู่ตรงนั้น เสียงกรีดร้องดังลั่นโรงพยาบาล

ooooooo

ชุมสายมาถึงโรงพยาบาลเขาพูดแบบทนายทันทีว่ากรณีที่เกิดขึ้นเป็นคดีอุกฉกรรจ์ เป็นการจงใจทำร้ายผู้อื่นให้ถึงแก่ชีวิต เรื่องนี้ต้องมีการรับผิดชอบด้วยบทลงโทษสูงสุด

อรรถพูดแทรกขึ้นว่าเราอย่าเพิ่งพูดเรื่องคดีและบทลงโทษเลย เรื่องสำคัญที่สุดตอนนี้คือการช่วยผู้บาดเจ็บให้รอดชีวิตให้ได้ก่อน

ไม่นานหมอก็ออกมาแจ้งว่าผลการผ่าตัดดีมากสามารถนำกระสุนออกจากช่องท้องได้ทั้งสามนัดแล้ว พักผ่อนดูอาการในห้องไอซียูสักสองสามวัน ถ้าไม่มีอะไรก็ย้ายไปห้องพักปกติได้

บ่ายวันนี้เอง อรรถก็เอ่ยในห้องประชุมโรงพยาบาล ขอบคุณแพทย์ที่ช่วยชีวิตคิมหันต์ได้ แล้วพูดถึงภาพรวมของกรณีที่เกิดขึ้น

อรรถสรุปว่าตนไม่อาจปฏิเสธว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุหรือเป็นเรื่องบังเอิญ แต่อยากจะให้มองถึงสภาวะอารมณ์ของลูกสาวตน เพราะคนปกติใครจะพกปืนเข้ามาในโรงพยาบาล อ้างว่าคู่กรณีเป็นคนที่เธอรักสุดหัวใจซึ่งทนายนำสืบดูได้

ชุมสายติงว่าความไม่ปกติของพักตราเกิดจากการที่อรรถตามใจมาก ถูกอรรถโต้ อ้างอาวุโส ประสบการณ์ ของตนมาหักล้างข้อติติงของชุมสายว่า

“ถ้ามันจะมีอะไรผิด มันก็ไม่ใช่เพราะผมคนเดียว มันยังมีปัจจัยแวดล้อมอีกมากมายที่คนอายุเท่าคุณไม่เคยรู้ และจะไม่มีวันได้รู้ตราบใดที่คุณยังไม่มีครอบครัว”

อรรถใช้ทั้งวาทศิลป์ บารมี และอิทธิพลอำนาจ พูดจนควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของคนในห้องประชุมได้แล้ว เขารุกขั้นต่อไป

“ผมขอสรุปอย่างนี้นะครับ ในเรื่องของความเสียหาย นอกจากทรัพย์สินของโรงพยาบาลและที่ตัวบุคคลคือว่าที่ลูกเขยของผมแล้ว ไม่มีความเสียหายอื่นอีก ถูกต้องไหมครับ” ทีมแพทย์มองหน้ากันก่อนตอบว่าใช่ “เพราะฉะนั้น ถ้าเราเลือกที่จะไม่พูดถึงเรื่องนี้ เก็บเป็นความลับระหว่างเราเท่าที่อยู่ในห้องนี้ ก็ไม่ได้ทำให้เกิดผู้เสียหายเพิ่มมากขึ้น ถูกต้องไหมครับ”

ทุกคนในห้องถูกชักจูงจนนิ่งเงียบเป็นการยอมรับโดยปริยาย อรรถพูดต่อทันทีว่า

“ความเสียหายทั้งหมดของโรงพยาบาล ผมขอ รับผิดชอบเอง ว่าไงครับ” หมอไม่ทันพูด อรรถก็รวบรัด “ถ้าคิดว่าผมยังมีความน่าเชื่อถืออยู่บ้าง ผมขอก็แล้วกัน เหยียบเรื่องนี้ไว้ให้มิด ที่นี่! เท่านั้น!!”

ทีมแพทย์พยักหน้ารับคำ ชุมสายเอ่ยขึ้นว่า “ผมขอเงื่อนไขอีกข้อนึง ช่วยส่งคุณพักตราไปรักษาอาการทางจิตด้วยได้ไหมครับ คนแบบนี้ปล่อยให้เพ่นพ่านข้างนอกไม่ได้หรอกครับ เผื่อวันหน้าวันหลัง เธอทำแบบนี้กับคนอื่นที่อื่นอีก ท่านจะลำบากกว่านี้นะครับ”

“ขอบใจที่ห่วงใยผม ส่วนนายคิมหันต์เพื่อนรัก

ของคุณ คุณก็ไม่ต้องห่วงนะผมจะดูแลเขาอย่างดี และเพื่อความสบายใจของทุกคน ผมจะย้ายคิมหันต์ไปพักฟื้นที่อื่น ที่เงียบๆ ไกลหูไกลตาคน” ชุมสายถามว่าที่ไหน “แล้วจะบอกทีหลังขอบคุณทุกท่านครับ ที่กรุณาให้ความร่วมมือกับผม” อรรถเอ่ยอย่างกระหยิ่มที่ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของตน

ooooooo

ธาดากลับจากไปทำซีที พอรู้ว่าพักตรายิงคิมหันต์บาดเจ็บก็บ่นว่าตนไปแป๊บเดียวพักตราก็มาอาละวาดไล่ยิงคนกลางห้องเลยหรือ เขาย้ำให้มุกรินเลิกกับคิมหันต์เสียไม่อย่างนั้นพักตราก็จะก่อเรื่องรุนแรงขึ้นอีก

มุกรินบอกว่าตนจะพยายามเลี่ยงก็แล้วกัน ธาดาบอกเลี่ยงไม่ได้ต้องเลิกเด็ดขาดเท่านั้น

พอดีชุมสายเข้ามามุกรินถามว่าคิมหันต์เป็นอย่างไรบ้าง เขาบอกว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว ตอนนี้นายพลอรรถเก็บตัวไว้เงียบห้ามคนอื่นเยี่ยม ดวงดาวถามว่า แล้วตำรวจล่ะ?

“ไม่มีตำรวจ เรื่องนี้ถูกเก็บเงียบไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็นเหมือนว่าไม่เคยเกิดเรื่องขึ้น” ชุมสายบอกธาดาโมโหถามว่าชักปืนยิงคนกลางโรงพยาบาลอย่างนี้จะเงียบได้ ยังไงจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว “ก็เหมือนฆาตกรที่ฆ่าคนตายแล้วศาลยกฟ้องไง มีให้เห็นไม่น้อยนะคุณธาดา” มุกรินถามว่าแล้วพักตราล่ะ “พ่อเธอส่งไปตรวจอาการทางจิต”

“ตามสูตรเป๊ะเลย ฆ่าคนตายแล้วอ้างว่าป่วยเป็นโรคจิต” ดวงดาวยิ้มสมเพช

ธาดาโมโหมาก เดินงุ่นง่านไปรอบห้องบอกว่าโรงพยาบาลแบบนี้อยู่ไม่ได้แล้ว บอกมุกรินให้กลับไปด้วยกันเลย ปรามน้องสาวว่า “แล้วอย่าให้พี่รู้นะว่ามุกกลับไปคบกับมันอีก เพราะคราวหน้าคนที่ถือปืนไล่ยิงมันอาจจะไม่ใช่ยัยพักตรา” หันบอกพยาบาลที่เดินเข้ามาว่า “ผมจะมาฟังผลเอกซเรย์วันหลังได้ไหม แล้วห้ามบอกผลกับคนอื่นเด็ดขาดนะครับ”

อรรถนั่งอยู่กับพักตราที่ห้องรับรองของโรงพยาบาล พักตราร้องไห้คร่ำครวญว่าตนไม่น่าทำเลยถามว่าคิมหันต์จะตายไหม เขาจะยังรักตนไหม ใครๆต้องด่าว่าตนเป็นฆาตกรโรคจิตยิงคู่หมั้นตัวเองแน่เลย

“จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลยนอกจากคนที่นี่เท่านั้น

ซึ่งพวกเขาเห็นใจลูกและเข้าใจว่าเกิดจากภาวะความเครียด เพราะลูกรักคิมหันต์มากและคิมหันต์ก็จะยังรักลูกอยู่ ทุกคนรักพักตราของพ่อเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นลูกไม่ต้องร้องไห้อีกแล้ว”

ส่วนมุกรินอรรถบอกว่าเธอไปดูแลพี่ชายตัวเอง ไม่เกี่ยวกับเรา และตนจะสั่งย้ายคิมหันต์ไปอยู่ที่อื่นจะได้ไม่ต้องเจอกันอีก และเพื่อให้ทุกอย่างจบลงด้วยดีและสมเหตุสมผล ตนจะส่งตัวเธอให้ไปอยู่ในความดูแลของหมออย่างใกล้ชิดเพื่อเป็นการฟื้นฟูสภาพจิตใจสักพักหนึ่ง เพื่อให้ผ่อนคลายและรอรับสิ่งดีๆกำลังจะเกิดขึ้นกับเธอ พักตราถามว่ายังมีอะไรดีๆอีกหรือ

“มีซี่...พ่ออยู่ตรงนี้ทั้งคน พ่อจะปล่อยให้ลูกสาวคนสวยของพ่อระทมทุกข์ได้ยังไงล่ะ”

ooooooo

ชุมสายไปหาเสี่ยอ๋าที่บ่อน เสี่ยถามว่าใครยิงคิมหันต์ ตนจะส่งลูกน้องไปเอาคืนให้ไหม ชุมสายตัดบทว่าช่างเถอะคนลั่นกระสุนเป็นคู่หมั้นของคิมหันต์เอง และตอนนี้ก็เคลียร์กันจบแล้ว แล้วถามเสี่ยอ๋าว่าแผนการของคิมหันต์ก็คงต้องเลื่อนไป

พอเสี่ยบอกว่าไม่เป็นไร คิมหันต์พร้อมเมื่อไรตนก็พร้อมลงมือ ชุมสายเลียบเคียงถามว่าเสี่ยพอจะบอกได้ไหมว่าคิมหันต์คิดจะทำอะไร

“เสียใจครับคุณชุมสาย คุณคิมแกกำชับผมไว้ชัดเจนว่า เราทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนเจ๊มล อาจมีบางอย่างผิดกฎหมายไปบ้างเราก็ยอม แต่แกขออย่าให้ทนายอย่างคุณชุมสายเข้ามารู้เห็นด้วย”

“โอเค แล้วไอ้ขุมล่ะ”

เสี่ยอ๋าชำเลืองมองไอ้ขุมที่นั่งกินข้าวกล่องอยู่ห่างออกไปท่ามกลางลูกน้องเสี่ยที่ห้อมล้อมอยู่ บอกว่า

“ผมจะส่งมันไปเก็บตัวกับพรรคพวกในที่ปลอดภัย ต้องการตัวมันเมื่อไหร่ก็เรียกได้เลย”

ขณะนั้นเองลูกน้องคนหนึ่งเข้ามารายงานเสี่ยว่าธาดามาเล่นอีกแล้ว เสี่ยบอก “ปล่อยมันเล่นไปก่อน...ยังไม่ถึงเวลา”

มุกรินอยู่กับดวงดาวที่บ้านเช่าของธาดา เธอถามว่าตนจะไปเยี่ยมคิมหันต์ได้ไหม ดวงดาวพยักหน้าบอกว่า

“ถ้ารู้ว่าเขาอยู่ไหน”

คิมหันต์ถูกย้ายโรงพยาบาล พักตราขออรรถไปเยี่ยมอรรถยังไม่ให้ไป เธอหนีไปหาเขาที่ห้องไอซียูจนได้ทำเอาพยาบาลต้องไล่ตามกันวุ่นวาย

เธอไปเกาะเตียงคิมหันต์ที่นอนไม่รู้สึกตัว พร่ำขอโทษ อ้อนวอนอย่าโกรธตน รำพึงรำพันฟูมฟาย

“พักตร์รักคิมนะ คิมอย่าเป็นอะไรนะ พักตร์อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคิม...ถ้าคิมเป็นอะไรไป พักตร์จะฆ่าตัวตายตาม คิมไป คิมต้องไม่ตายนะ...คิม...”

ooooooo

ปรารภนัดมุกรินไปพบกันที่ร้านอาหาร ดวงดาวติดตามไปด้วยบอกปรารภว่าช่วงนี้เป็นระยะอันตรายของมุกรินตนเลยตามมาด้วยเผื่อมีคนดักทำร้ายยังพอช่วยกันได้บ้าง

สั่งอาหารแล้ว ปรารภทักว่ามุกรินมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าหน้าตาดูไม่คอยดี มุกรินส่ายหน้าเนือยๆว่า ไม่มีอะไร

ปรารภเล่าว่าตนเตรียมเรื่องจดทะเบียนบริษัทอยู่ จะแบ่งหุ้นให้มุกรินยี่สิบเปอร์เซ็นต์ โดยเธอไม่ต้องลงเงิน รอรับปันผลอย่างเดียวพอ ถามว่าสภาพจิตใจของเธอพร้อมจะทำงานไหม

“พร้อมหรือเปล่าไม่รู้ค่ะ แต่มุกอยู่เฉยๆโดยไม่ ทำงานไม่ได้หรอก มุกไม่ได้มีเงินเก็บอะไรมากมาย” ปรารภเปรยว่าดูเหมือนเธอยังไม่อยากคุยเรื่องนี้ใช่ไหม มุกรินบอกว่าตนเป็นห่วงคิมหันต์ ปรารภถามงงๆว่าเกิดอะไรขึ้นหรือ

“ท่านนายพลปิดเรื่องได้เงียบจริงๆด้วย เจ๋งว่ะ” ดวงดาวเอ่ยลอยๆ

พักตราอยู่กับจิตแพทย์ในห้องตรวจ จิตแพทย์ถามว่าเธอเคยมีปมอะไรฝังใจในอดีตไหม พักตราบอกว่ามีหลายปมหมออยากได้ปมแบบไหนล่ะ หมอว่าเอาแบบที่นึกถึงทีไรก็เจ็บปวดขึ้นมาทุกที เธอบอกว่าโดนเพื่อนล้อชื่อพ่อ

“น่าสนใจ พอโดนล้อแล้วคุณพักตรามีปฏิกิริยายังไงคะ”

“ตบหน้ามัน” จิตแพทย์ถามว่าแล้วยังไงอีก “มันไปฟ้องครู ฉันก็ตบหน้าครู ครูส่งไปหาหมอโรคจิต พอหมอเอ่ยปากถาม ฉันก็...สี่ทีรวด หมอฟันหักสองซี่”

จิตแพทย์ไม่ถามต่อ ค่อยๆปิดสมุดโน้ต ก็พอดีพยาบาลมาเคาะประตูบอกว่าคู่หมั้นคุณพักตราอยากมา เยี่ยม หมอรีบอนุญาตและให้ใช้ห้องหมอก็ได้เดี๋ยวหมอค่อยมา พอจิตแพทย์ออกไป พยาบาลก็เข็นรถพาคิมหันต์เข้ามา

พักตราไหว้ขอโทษคิมหันต์อย่างอ่อนช้อย สัญญาว่าจะปรับปรุงตัวเองจะไม่ทำตัวแบบเดิมอีกแล้ว คิมหันต์ขอว่าเธออย่าเก็บปืนไว้กับตัวได้ไหม มีกี่กระบอกเอาไปฝากที่คุณพ่อเธอให้หมด พักตราให้สัญญาอย่างว่าง่าย

“ไม่ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น การแก้ปัญหาระหว่างเราต้องไม่ใช้วิธีการฆ่ากันนะ” คิมหันต์ขอ เธอก็ให้สัญญาอีก แต่พอคิมหันต์ย้ำว่าไม่ว่าจะเป็นปัญหากับตนหรือกับมุกริน พักตราย้อนถามทันทีว่า เขาจะไม่ทิ้งตนไปใช่ไหม เรายังเป็นคู่หมั้นกันใช่ไหม คิมหันต์นิ่งไปพักตราถามย้ำอีกเขาตอบเลี่ยงๆว่า “วันนี้เรายังเป็นคู่หมั้นกันอยู่ครับ”

พักตราดีใจโผกอดเขา คิมหันต์ถามว่ามุกรินมาเยี่ยมตนบ้างหรือเปล่า เขาไม่ได้โดนลูกปืนของเธอใช่ไหม พักตราบอกว่าไม่รู้ว่ามุกรินมาเยี่ยมเขาหรือเปล่าแต่มุกรินไม่โดนลูกปืนของตน บอกว่าถ้าอยากให้ตนไปขอโทษตนก็จะไป


ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น