วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร พญาโศก ตอนที่ 3


แค่แจกการ์ดงานแต่งงาน ยังไม่ถึงวันวิวาห์ระหว่างลำหับกับบริพัตร ภัทราก็อยากอุ้มหลานเร็วๆเสียแล้ว เตือนลำหับอย่ามัวแต่เอาใจคนอื่น ต้องดูแลตัวเองให้ดีทั้งร่างกายและจิตใจจะได้มีหลานให้ตนสมใจ ผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ขอให้เป็นลูกของลำหับกับบริพัตร ตนพอใจทั้งนั้น

บริพัตรสบายใจที่ภัทรารักและเอ็นดูลำหับ ขณะที่ลำหับก็อ่อนน้อมถ่อมตน เก่งงานบ้านสารพัด สมแล้วที่จะเป็นแม่ศรีเรือนของเขา

หลังอาหารมื้อเย็นวันนี้ บริพัตรขออนุญาตภัทราพาว่าที่เจ้าสาวของตนไปดูดาวในที่ที่เราพบกันครั้งแรก ภัทราไม่ขัดข้องแต่ขอคุยกับลำหับตามลำพังสักครู่ก่อน

ภัทรามองออกว่าลำหับมีเรื่องไม่สบายใจ ที่แท้เธอกังวลเรื่องเป็นลูกคนขายชาติ ลำหับกราบขอโทษภัทราและยอมรับเรื่องนี้อย่างเต็มปากเต็มคำ แต่ภัทรา
กลับไม่สนใจ ขอเพียงลำหับเป็นคนดีก็เพียงพอแล้ว

“ขอบพระคุณค่ะ แต่ลำหับยังไม่ได้บอกคุณบริพัตร”

“บอกเขาเถอะ เขาไม่รังเกียจแน่ นายแม่รู้นิสัยเขาดี ดีเสียอีกที่บอกความจริงกับเขา”

“ค่ะ คืนนี้ลำหับจะบอกกับเขาค่ะ”

“ลำหับเป็นลูกใครมาจากไหนไม่สำคัญว่าลำหับมีจิตใจที่งดงาม นี่คือสิ่งที่นายแม่กับบริพัตรรักและพอใจ ลำหับไม่ต้องกลัวใครว่าใครจะคิดยังไง”

ลำหับซาบซึ้งตื้นตันจนน้ำตาซึม สวมกอดภัทราด้วยความรักและเทิดทูน หลังจากนั้นเธอเดินทางไปกับบริพัตร กางเต็นท์นอนดูดาวกันที่บริเวณโขดหิน เธอสีซอเพลงพญาโศกให้เขาฟังก่อนจะเล่าเรื่องพ่อชื่อรามคนขายชาติที่เป็นข่าวเมื่อสามปีที่แล้ว

ชายหนุ่มชะงักเล็กน้อยก่อนดึงลำหับที่เริ่มสะอื้นไห้เข้ามากอดแนบอกปลอบใจว่าไม่เป็นไร เขาเสียใจเรื่องแม่ของเธอ และดีใจที่เธอหนีรอดมาได้

“รอดมาพบคุณบริพัตรกับนายแม่ที่ไม่รังเกียจลำหับขอบพระคุณมากจริงๆค่ะ นี่คือเหตุผลที่ลำหับไม่อาจบอกได้ว่าเป็นใครมาจากไหน”

“ลำหับบอกแล้วด้วยการกระทำที่งดงาม รู้แล้วยิ่งทำให้ฉันรักลำหับมากขึ้น เพราะลำหับไม่ได้ขายชาติ อุตส่าห์เสี่ยงตายหนีมาจากการต้องกลายเป็นคนขายชาติ”

“พวกคนที่ติดตามจับตัวลำหับคงเป็นคนของคุณพ่อ”

“แล้วเขาคนนั้น...ลำหับรู้จักเขาได้ยังไง” บริพัตรหมายถึงชาตรี ชายที่ไม่ยอมบอกชื่อเสียงเรียงนาม แม้แต่ลำหับก็ไม่เคยรู้เช่นกัน รู้แต่ว่าเขาช่วยชีวิตเธอไว้จากการโดนตามฆ่า “แสดงว่าเขาก็เป็นคนดี ลืมมันซะมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน ไม่มีอะไรมาขวางกั้นความรักของเราสองคนได้”

บริพัตรกล่าวจากใจ ลำหับทั้งรักและเทิดทูน ยินยอมพร้อมใจเป็นของเขาในคืนนี้ ก่อนที่เธอจะตัดสินใจจากเขาไปตอนเช้ามืด เพื่ออนาคตที่ดีของเขาในการลงสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยทิ้งจดหมายไว้หนึ่งฉบับ แจกแจงสาเหตุอย่างเจ็บปวดรวดร้าวว่า

“กราบเรียนคุณบริพัตร ลำหับเป็นลูกคนขายชาติ แม้เป็นเรื่องที่คุณกับนายแม่อภัยให้ แต่เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่สังคมไม่มีวันอภัยให้ คุณจะมีภรรยาเป็นคนขายชาติไม่ได้ ลำหับเสียใจและเสียดายที่ไม่อาจอยู่ทดแทนพระคุณคุณบริพัตรและนายแม่ต่อไปได้ ถ้าใครๆทราบว่าลำหับคือใคร จะทำให้ชื่อเสียงและชีวิตในวันข้างหน้าของคุณและนายแม่มัวหมอง ขอให้เป็นลำหับเพียงคนเดียวที่ไม่มีที่ยืนในสังคม ไม่ใช่คุณกับนายแม่ หรือรวมถึงลูกที่อาจจะเกิดมาด้วย โปรดอย่าติดตามหาลำหับ ลำหับจะจดจำความเมตตาที่ได้รับไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่...รักและเทิดทูนคุณมากที่สุด”

บริพัตรอ่านจดหมายฉบับนั้นด้วยความเสียใจ ร่ำร้องว่าไม่อยากเป็นผู้แทนเท่ากับอยากมีลำหับอยู่เคียงข้าง ลำหับแอบมองเขาอยู่มุมหนึ่งน้ำตาไหลพราก รำพึงอย่างสุดเศร้าก่อนตัดใจจากไปพร้อมซอตัวแทนของแม่

“แม้ว่าเราสองคนจะไม่ได้อยู่เคียงข้างกัน แต่หัวใจของลำหับจะตามไปอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป”

ooooooo

สายวันเดียวกันเฉิดเฉลามาหาภัทราเพื่อหยั่งเชิงดูสถานการณ์เรื่องแต่งงานระหว่างบริพัตรกับลำหับ

เมื่อไม่เห็นว่าที่บ่าวสาวจึงถามภัทราว่าไปไหนกันหมด ภัทราไม่ตอบ เลี่ยงไปแสดงความเสียใจเรื่องพ่อเลี้ยงศรที่เมื่อคืนมีข่าวว่าพบศพที่เหลือแต่โครงกระดูก

“ไม่น่าเสียใจหรอกค่ะ คุณลุงเป็นพวกขายชาติร่วมกับพ่อของลำหับไงคะ”

“คนตายไปแล้วอย่าเอาเขามาวิพากษ์วิจารณ์ในทางไม่ดีเลย และที่ยิ่งไปกว่านั้นเขาคือลุงของหนูนะจ๊ะ ทีนี้คงเข้าใจความรู้สึกของลำหับแล้วสินะ หัวอกเดียวกันแล้วนี่”

“จะว่าไปความจริงเฉิดก็ไม่ได้เป็นญาติโยมอะไรกับเขาหรอกค่ะ เราแค่นับญาติกันเท่านั้นเอง”

“อ้าว...มิน่า...แต่ดูท่าทางเขารักหนูหวงแหนหนูมากนะจ๊ะ ดูสิวันก่อนโกรธยศพงษ์ซะแทบตาย”

เฉิดเฉลาไม่พอใจแอบด่าในใจว่าอีแก่ปากมาก...แต่สีหน้าปั้นยิ้ม เหลียวซ้ายแลขวาถามหาบริพัตรกับลำหับอีกครั้ง ภัทราทนแรงตื๊อไม่ไหว ตอบอย่างไม่เต็มใจว่าเขาพากันไปดูดาวดูเดือนที่ไหนไม่รู้ตั้งแต่เมื่อคืน

“เมื่อคืน...ต๊าย! แล้วหายไปจนบัดนี้หรือคะ น่าเกลียดมาก ไม่รักนวลสงวนตัวเลย”

“จะต้องไปสงวนกันทำไม คนจะแต่งกันวันนี้พรุ่งนี้อยู่แล้ว โตๆกันแล้ว มีพวกที่ไม่ได้ตกไม่ได้แต่งพากันหาที่เสียตัวกันถมไป จริงไหมจ๊ะพวกลับๆล่อๆ”

“เฉิดไม่สนใจเรื่องคนอื่น ก็หวังดีห่วงภาพพจน์ของบริพัตร”

“ห่วงนายศรเถอะนะ อ้อ หนูควรจะรีบไปจัดงานศพให้เขานะ”

“ศพเหลือแต่กระดูกที่ตัวอะไรไม่รู้แทะ แถมตายฉาวโฉ่ จะมีใครกล้ามางานศพให้เสียหายตัวเองกันคะ”

“ไม่มีใครมาก็น่าจะมีคนที่เขาชุบเลี้ยงมานะ มันคนละเรื่องกันกับเรื่องส่วนตัวของเขา”

“เฉิดไม่เอาด้วยหรอกค่ะ อายแทน กลัวติดร่างแหว่าแย่แบบเขา เฉิดจะรอบริพัตรกับลำหับ”

หญิงสาวตัดบทหน้าตาเฉย ภัทรามองเธออย่างไม่ชอบใจนัก...รออยู่นานพอสมควรกว่าบริพัตรจะกลับมาในสภาพสีหน้าโศกระทม เฉิดเฉลาถามถึงลำหับเขาก็ไม่ตอบแถมเลี่ยงขึ้นข้างบนจนน่าสงสัย พอกลับไปเล่า

ให้ยศพงษ์ฟัง รายนั้นก็ฟันธงว่าคงทางใครทางมัน ไปคนละทิศละทางแล้วแน่ๆ

“หมายความว่าที่เฉิดอาละวาดข่มขู่ใส่มัน มันยอมแพ้แล้ว...ไม่อย่างนั้นบริพัตรคงไม่ทำหน้าเหมือนอยากลาโลกแบบนั้น”

“เริ่มแผนขั้นต่อไปได้แล้วเฉิด ปั้นดินให้เป็นดาว จัดการปั้นให้นายบริพัตรเป็น ส.ส.สมัยหน้าให้ได้ แต่ห้ามปันใจให้มัน”

เฉิดเฉลายิ้มเจ้าเล่ห์ พร้อมมากสำหรับแผนการขั้นต่อไป

ooooooo

หลังจากตัดใจไปจากบริพัตร ลำหับพลาดพลั้งตกไปในลำธารหัวแตกกระแทกหินแล้วเกือบจมน้ำตายถ้าไม่ได้ชาตรีมาช่วยไว้

ชาตรีรู้เห็นเรื่องราวระหว่างลำหับกับบริพัตรตั้งแต่เมื่อคืน เขาอุ้มเธอในสภาพหัวแตกเนื้อตัวเปียกปอนมาที่บ้านเล็กๆภายในไร่...ในเวลาเดียวกันบริพัตรนั่งหน้าหม่นหมองอยู่ต่อหน้าภัทราที่ทราบเรื่องลำหับแล้ว

“ลำหับทิ้งผมไปอย่างไม่ไยดี ทำไมเธอทำกับผมอย่างนี้”

“เพราะลำหับรักลูกมากเกินกว่าจะทำให้ลูกต้องอับอายขายหน้า ด้วยสาเหตุที่มีภรรยาเป็นลูกคนขายชาติ”

“ผมไม่แคร์ ผมเปิดอกอธิบายให้ลำหับเข้าใจถึงจิตใจผมแล้ว ลำหับทำเหมือนเข้าใจดี ที่แท้เธอหลอกลวงผม เสแสร้งทำเป็นเข้าใจดีทุกอย่าง”

“เพราะลำหับเข้าใจดีทุกอย่างน่ะสิถึงทำอย่างนี้ นี่คือความรักที่เปี่ยมล้นด้วยความเสียสละ ลำหับรู้ว่าผลร้ายที่จะตามมาคืออะไร ลูกกับเธอไม่ได้อยู่กันแค่สองคนในโลก ยังมีคนอื่นอีกค่อนประเทศที่ไม่มีวันเข้าใจเรื่องราวของลำหับ”

“ใครไม่เข้าใจ แต่ผมเข้าใจก็เพียงพอแล้ว...กำลังจะแต่งงานกันแท้ๆ ผมจะตามลำหับกลับคืนมาแต่งงานกับผมให้ได้ นายแม่อย่าห้ามนะครับ”

“แม่ไม่ห้าม อะไรที่ลูกทำแล้วสบายใจ พึงพอใจ แม่ยินดี เต็มใจ เป็นกำลังใจให้ทั้งนั้น หวังว่าลูกจะตามลำหับพบ พูดจากันจนเข้าใจและกลับมาแต่งงานมีหลานให้แม่ได้ชื่นชม”

“มีหลาน...จริงสิ บางทีคุณแม่อาจมีหลาน ลำหับอาจพาหลานนายแม่หนีผมไปด้วย”

“หมายความว่า...”

“เมื่อคืนเธอมอบกายให้ผม ขอบคุณครับที่สะกิดเรื่องนี้ขึ้นมา ผมจะพลิกแผ่นดินหาลำหับให้พบให้ได้”

“แม่ดีใจ ขอให้ลำหับมีลูกกับบริพัตร ขอให้ฝันของแม่ที่อยากมีหลานเป็นจริง” ภัทรายิ้มกว้าง สวมกอดลูกชายอย่างมีความหวัง

ooooooo

ไม่ว่าชาตรีจะหว่านล้อมกล่อมลำหับอย่างไรก็ไม่เป็นผล เธอยืนยันไม่กลับไปแต่งงานกับบริพัตรผู้ชายที่เธอรักและเทิดทูนอย่างสุดหัวใจ

“แต่คุณบริพัตรผู้แสนดีของเธอ เขาต้องพลิกแผ่นดินหาเธอจนพบแน่นอน”

“ถ้าเขาหาหนูจนพบจริงๆ หนูก็ขอยืนยันว่าหนูจะไม่กลับไปกับเขา”

“ทั้งที่รักเขาใจแทบขาด เธอทำร้ายจิตใจเขามากรู้ตัวไหม”

“ทำร้ายจิตใจแต่ไม่ได้ทำร้ายอนาคตของเขา รักของหนูมากเกินกว่าจะเอาคำว่ารักมาทำลายอนาคตของเขา อนาคตของเขาคือการได้เป็นผู้แทนราษฎรที่ดีของประชาชน เขาต้องบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่ใช่ผู้แทนราษฎรมีต้นทุนทางสังคมต่ำเตี้ย เพราะมีเมียเป็นลูกคนขายชาติ”

“ฉันเข้าใจ แต่เขาคงรักเธอมากกว่ารักการเป็นผู้แทน”

“ก่อนหน้าพบหนู เขารักการเป็นผู้แทนมาก เขาต้องการรับใช้ชาติ มันขัดกับการมีลูกคนขายชาติอยู่ข้างกายค่ะ ถ้าเรายังดื้อดึงจะแต่งานต้องมีใครขุดคุ้ยขึ้นมา แล้วเขาจะเอาหน้าไว้ที่ไหน อับอายหมดศักดิ์ศรี มันคือการฆ่าตัวตายทางการเมืองจากคำพิพากษาของสังคมที่เกิดขึ้น หาที่ยืนที่ไหนไม่ได้เหมือนหนูตอนนี้”

“แต่เธอก็ทำเกินไป หนีเขามาหน้าตาเฉย ทั้งที่เมื่อคืนเธอกับเขา...” ชาตรีกระดากปากไม่อยากพูด

ลำหับหน้าเจื่อนรู้สึกอับอาย ต่อว่าเขาเสียมารยาทมากที่ก้าวล่วงชีวิตส่วนตัวของคนอื่น

“ขอโทษ...คือฉันแค่อยากให้เธอบอกลาเขาสักนิด”

“ถ้ารอบอกลากันตรงๆ หนูก็คงไม่อาจตัดใจบอกลาเขาได้ สิ่งที่สำคัญกว่าใดๆในโลกนี้สำหรับหนู เรื่องขายชาติคือความละอายที่เกิดขึ้นกลางใจหนู และไม่วันลบเลือน มันทำลายหนู ทำลายวงศ์ตระกูล ที่ร้ายมากที่สุดคือทำลายคนไทยด้วยกัน”

“มันเกิดขึ้นแล้ว มันไม่อาจลบล้างได้”

“ค่ะ หนูจึงไม่ยอมให้ใครมาร่วมรับความละอายกับหนูในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ”

“เธอก็ไม่ได้ทำ แต่เธอคือเหยื่อของการกระทำนั่น แม้ลบล้างไม่ได้ แต่เธอสามารถพิสูจน์ได้ว่าเธอไม่ได้ขายชาติ แล้วความชอบธรรมจะกลับคืนมาสู่เธอ”

“หนูตัดสินใจเด็ดขาดแล้วค่ะ ไม่หวนกลับคืนแน่นอน”

“ดื้อมาก รั้นที่สุด รั้นเข้าขั้นดื้อตาใส เธอไม่ฟังที่ฉันบอก เบื่อมาก รำคาญ อยากอวดดียังไงก็ตามใจเธอ”

“ถ้าอยากตามใจหนู ทำไมไม่ปล่อยให้หนูจมน้ำตาย”

“พูดบ้าๆ คิดอยากตายเพื่อพ้นทุกข์ แต่ไปเพิ่มทุกข์ให้คนที่เขารักตัวเองและตัวเองก็รักเขาจะเป็นจะตาย”

ชาตรีหันหลังกลับ หงุดหงิดไม่มีเหตุผลเพราะแอบรักลำหับด้วยอีกคน

“นั่นคุณจะไปแล้วหรือ”

“กลัวหรือไง ไม่ต้องกลัว” เขาหันกลับมาส่งปืนให้ “เธอยิงแม่น เอามันไว้เป็นเพื่อน” ลำหับรับไว้พร้อมกล่าวขอบคุณที่เขาช่วยเหลือ “ก็ไม่ได้อยากช่วย แต่มันเป็นหน้าที่”

“คุณเลยหงุดหงิดที่มีหน้าที่ช่วยหนู ใครไม่ทราบที่บอกให้คุณช่วยหนู”

“เพราะเขามีหน้าที่ต้องช่วยเธอ”

“คุณรับจ้างเขาคนนั้นช่วยหนูหรือคะ”

“หุบปาก!” เขาตวาดแล้วเดินจากไป ทิ้งให้ลำหับแปลกใจสงสัยว่าใครคนนั้นทำไมต้องมีหน้าที่สั่งให้ชายลึกลับคนนี้มาช่วยเหลือ

ผ่านไปไม่นาน ชาตรีก็ย้อนกลับมาหาลำหับอีกครั้ง จะนำซอที่เก็บได้มาคืนให้ แต่ดันมาเจอสนกับสมุนกำลังคุกคามลำหับ สองฝ่ายต่อสู้กันพักหนึ่ง ก่อนที่พวกสนจะเป็นฝ่ายล่าถอยไปเพราะความเด็ดเดี่ยวดุดันของลำหับ

ooooooo

หลังจากกำจัดพ่อเลี้ยงศรไปแล้ว เฉิดเฉลากับยศพงษ์เจอกันบ่อยขึ้น ปรึกษาหารือวางแผนการร้ายๆเพื่อความยิ่งใหญ่และสุขสบายของตนเอง

“เฉิดมั่นใจว่าต้องมีใครหรือขบวนการอะไรบางอย่างตามจุ้นจ้านวุ่นวายกับนังลำหับ เพื่อทั้งปกป้องและคุกคามมัน”

“นังนี่มันเป็นใครกันแน่ มันคงไม่ใช่แค่มีพ่อเป็นคนขายชาติ ต้องมีอะไรลึกซึ้งไปกว่านั้นแน่”

“อยากให้มันตายตามไอ้แก่ศรไปจริงๆ รู้ที่อยู่มันวันไหนจะตามจิกไม่ปล่อยให้มันอยู่สร้างความวุ่นวายให้เราอีกต่อไป”

“หาที่อยู่มันให้พบก่อนที่นายบริพัตรจะพบมัน”

“ใช่แล้ว เรื่องเฉพาะหน้าตอนนี้คือเรื่องจัดการบริพัตรให้เป็นไปตามแผนที่เราวางไว้”

“เฉิดกำลังจะบอกว่าจะรีบเสนอหน้าเสนอตัวไปสนองไอ้บริพัตร”

“พูดน่าเกลียดมาก”

“แล้วมันน่ารักตรงไหน ที่เธอทำท่าทำทางราวกับนั่นคือรักแรกพบ ดีใจจนตัวสั่น ผมหึงนะเฉิด”

“ทีเฉิดยังไม่หึงยศกับเมีย แล้วจะมาหึงเฉิดไปทำไม เฉิดกำลังช่วยไขว่คว้าหาวิมานในอากาศที่ยศวาดฝันเอามาหยิบยื่นตรงหน้ายศนะ”

“โอเค...ยอม”

เฉิดเฉลายิ้มพอใจ เข้าคลอเคลียนัวเนียกันโดยไม่สนใจเสกสรรลูกน้อยที่กำลังร้องไห้จ้าไร้คนเหลียวแล...

เมื่อวางแผนดิบดีแล้ว เฉิดเฉลาเดินหน้าไปอาสาช่วยบริพัตรตามหาลำหับ ตามเขาไปถึงโขดหินกลางป่าแล้วแอบเจาะยางรถทั้งสี่ล้อจนแบนแต๋เพื่อให้ตัวเองกลับบ้านไม่ได้ ต้องนอนค้างในเต็นท์กับเขา พอสบโอกาสคืนนั้นก็แอบเอาบรั่นดีผสมยาเสพติดคะยั้นคะยอให้เขาดื่มจนครองสติไม่อยู่ เห็นเธอเป็นลำหับ กอดจูบดีใจคิดว่าเธอกลับมาหา

ฝ่ายลำหับที่ต้องดั้นด้นหนีตายไปกับชาตรีอีก เขาและเธออาศัยถ้ำพักพิง แต่เพราะถ้ำนี้ชาตรีเจอโครงกระดูกของพ่อเลี้ยงศร เขายั่วแหย่หลอกผีจนเธอกลัวไม่กล้านอน ตัดสินใจจะกลับไปยังโขดหิน

“ดีมาก เธอต้องไปพบเขา”

“หนูจะไปพูดกับเขาตรงไปตรงมาว่าเราแต่งงานกันไม่ได้”

“ฉันดีใจนะ พรุ่งนี้เช้าไปกันเลย”

“หนูอยากไปตอนนี้ นี่มันก็ใกล้จะเช้าแล้ว มันไม่ไกลจากที่นี่มากไม่ใช่หรือ”

“โอเค เพื่อความรักของเธอ ขอให้ราบรื่นจบลงด้วยดี”

“จบราบรื่นแบบเข้าใจกันดีทั้งสองฝ่ายค่ะ”

“ความรักมันไม่มีเหตุผล ถ้าคิดสวนทางกันมันจบไม่ราบรื่นหรอก พยายามหน่อย อย่างน้อยก็ให้เวลาเขาทำใจบ้าง”

“คุณพูดถูก หนูจะให้เวลาเขาทำใจ”

ชาตรีพาลำหับกลับไปยังโขดหิน ทั้งคู่คิดว่าในเต็นท์ที่กางไว้ไม่มีใครอยู่ ชาตรีให้ลำหับเข้าไปรอข้างใน ส่วนตัวเองจะไปส่งข่าวบอกบริพัตรให้รีบมาพบ แต่พอชาตรีไปแล้ว ลำหับหัวใจแทบสลาย พบภาพบาดตาบาดใจเฉิดเฉลากับบริพัตรนอนกอดก่ายอยู่ในเต็นท์

ลำหับน้ำตาซึม ผิดหวังเสียใจอย่างสุดซึ้ง หันกลับออกมาทั้งที่เจ็บขาแทบเดินไม่ไหว เฉิดเฉลารู้ตัวตามมา

ยิ้มเย้ยอย่างสาแก่ใจ กระชากแขนลำหับล้มลง ถามว่าจะหนีความจริงไปไหน

“ขอโทษ ฉันไม่มีอะไรจะตอบ”

“เธอกลับมาทำไม กลับมาเพื่อทำลายชีวิตของเขางั้นหรือ”

ลำหับไม่อยากต่อความยาว ทำท่าจะเดินหนี แต่เฉิดเฉลาปราดมาดักหน้าแว้ดใส่ว่า

“ยังไปไม่ได้ ต้องบอกให้เธอเข้าใจด้วยว่าฉันกับบริพัตรรักกัน มีความสัมพันธ์กันอย่างที่เธอเห็นมานานนับหลายปีแล้ว เธอโผล่มาหลบภัยขายชาติ ชุบมือเปิบแย่งเขาไปจากฉัน อาจเป็นเพราะไม่รู้เรื่องของเรา ทีนี้เห็นกับตาแล้วก็รับรู้ แล้วจำใส่หัวกะโหลกร้ายๆของเธอเอาไว้ว่าอย่ามายุ่งกับเขา ไปแล้วก็ไปเลย อย่าหวนกลับมาแย่งชิงเขาไปจากฉัน”

เฉิดเฉลาไม่ได้แค่พูดแต่เดินมากระแทกชนให้ลำหับกลิ้งล้มไม่เป็นท่า พลันเสียงบริพัตรเรียกหาลำหับดังแว่วมา เฉิดเฉลาตกใจกลัวเขาออกมาเจอคนที่ตามหา ใช้สองแขนกระชากลำหับลากครูดไปกับพื้นพร้อมสำทับเสียงเขียวไม่ให้ขานรับ

“ฉันไม่ขาน แต่ต้องการให้คุณไปให้พ้นจากฉัน” ลำหับคำราม ดวงตาดุดัน

“ฉันอยากทำอะไรมันเรื่องของฉัน อย่ามาออกคำสั่ง จำไว้ ไปให้ไกลๆจากเขา อย่ากำแหง นังลูกคนขายชาติ” เฉิดเฉลากระทืบเท้าลงไปบนข้อเท้าของลำหับอย่างแรงเท่านั้นเอง ลำหับหมดความอดทนชักปืนออกมาเล็งใส่ “ไปให้พ้น คนใจทราม ใจดำไม่มีอะไรเปรียบ”

เฉิดเฉลาตกใจกลัวกรีดร้องจนบริพัตรที่เดินโซเซออกจากเต็นท์ได้ยินเสียง ตะโกนถามทั้งที่ไม่เห็นตัวเฉิดเฉลาว่าใครทำอะไรเธอ

เฉิดเฉลากลัวบริพัตรวิ่งมาเจอลำหับจึงผละจากไปแล้วกอดรัดออดอ้อนเขา ลำหับเห็นเต็มตาเข้าใจผิดไปตามคำพูดของเฉิดเฉลาจนได้ ระหกระเหินกลับมาที่ถ้ำด้วยความชอกช้ำใจแต่ไม่กล้าเข้าไปเพราะพวกสนกำลังค้นหาเธออยู่

บริพัตรยังมึนงงเพราะฤทธิ์โคเคนที่ผสมในบรั่นดี เขาถูกเฉิดเฉลาจัดฉากรวบหัวรวบหางแล้วอ้างว่าเขา ปลุกปล้ำเธอที่ขาแพลงไม่มีแรงขัดขืน ซึ่งเขาต้องรับผิดชอบ ชายหนุ่มเสียใจในการกระทำของตัวเอง แต่ยังไม่ถอดใจที่จะตามหาลำหับให้พบ

ชาตรีกลับไปฝากจดหมายให้บริพัตรไปพบลำหับไว้กับคนรับใช้ที่บ้าน เสร็จแล้วกลับมายังโขดหินอีกครั้ง คิดว่าลำหับคงมารอบริพัตรอยู่แล้ว แต่กลายเป็นว่ามาเห็นเฉิดเฉลาแนบชิดอยู่กับบริพัตร สังหรณ์ใจว่าต้องเกิดเรื่องแน่ จึงย้อนกลับไปที่ถ้ำ พบลำหับกำลังตกอยู่ในอันตรายจะถูกพวกสนจับตัวโดยเอาซอสามสายไว้เป็นประกัน

ซอเปรียบเสมือนตัวแทนของแม่ ลำหับไม่ยอมให้ถูกทำลายแน่ ชาตรีก็ไม่ยอมให้ลำหับถูกจับ เขากับเธอร่วมมือกันต่อสู้จนที่สุดพวกสนต้องล่าถอยไป ฝ่ายเฉิดเฉลาที่นัดยศพงษ์มารับก็ยิ้มย่องเพราะเท่ากับว่าได้เขาเป็นพยานเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับบริพัตร

เมื่อกลับถึงบ้าน เฉิดเฉลาไล่บี้ให้บริพัตรรับผิดชอบตัวเธอ ถ้าเธอท้องขึ้นมาจะว่ายังไง ภัทราไม่อยากเชื่อและคิดว่าลำหับก็อาจท้องกับบริพัตรได้เหมือนกัน

“แต่ลำหับไม่ต้องการบริพัตร ลำหับมีคนอื่นผู้ชายคนนั้นคนที่บอกว่าเป็นญาติ ลำหับอาจท้องกับมันก็ได้”

“เฉิด...ผมขอร้อง อย่าเร่งรัด ผมต้องการพบลำหับ”

“ถ้าพบแล้วมันกลับมากับบริพัตร เฉิดจะทำยังไง”

“ก็ให้บริพัตรเขาพบกับลำหับก่อนได้ไหม แล้วค่อยว่ากันเรื่องของหนู”

“เอาเปรียบกันชัดๆ เฉิดเป็นฝ่ายเสียหายแต่ต้องยอมทำตามความต้องการของคนที่ทำให้เฉิดเสียหาย ไม่ยุติธรรมเลย”

“ผมขอร้อง ขอเวลาให้ผมตามหาลำหับสักพัก”

“เดือนเดียวเท่านั้นค่ะ ถ้าเกินนั้น เฉิดจะประจานให้ทั่วว่าบริพัตรปล้ำเฉิด”

“แล้วถ้าว่าลำหับท้องล่ะ” ภัทราย้ำอีกครั้ง เฉิดเฉลายื่นคำขาดทันควันว่า

“เฉิดไม่รับรู้เรื่องของใครทั้งนั้น เอาล่ะค่ะ เห็นแก่บริพัตร เฉิดให้เวลาเพิ่มเป็นสองเดือน ตามหามันไม่เจอต้องหยุด จบกันเท่านั้น”

ooooooo

ชาตรีแบกลำหับขึ้นหลังมาพร้อมซอสามสาย หญิงสาวไม่พูดไม่จาเอาแต่ร้องไห้จนน้ำตาเปียกชุ่มเสื้อชายหนุ่ม เขาหงุดหงิดจึงหยุดพักให้เธอร้องไห้เสียใจซะให้พอ

“คุณรู้...” ลำหับชะงักแปลกใจ

“ฉันเห็นคุณบริพัตรกับนังแม่มดคนนั้น มันต้องมีอะไรไม่ปกติแน่ๆ แต่ไม่ใช่เกิดจากการกระทำของคุณบริพัตร นังแม่มดจัดฉากให้บริพัตรเป็นตัวละครเล่นไปตามที่เขากำหนดไว้”

“หยุดพูดถึงคนอื่น หนูไม่ต้องการรับรู้ พอหนูแข็งแรง ขาหายเจ็บ หนูจะไปตามทางของหนู”

“ทางอะไรไม่ทราบ เก่งไม่เลิกราจริงๆ เอาสิ ขาเจ็บ แต่มือยังสีซอได้ ระบายความเศร้าของเธอลงไปกับซอ ฉันขอไปหาอาหารมาให้เธอกิน ไอ้พวกนั้นมันทำลายอาหารของเราหมดแล้ว”

“ขอบคุณที่ช่วยให้ซอของหนูปลอดภัย”

“คนที่สั่งให้ฉันดูแลเธอ เขาสั่งมาให้ดูแลซอของเธอด้วย เขาบอกว่าประวัติซอตัวนี้มันยาวนานมาก”

ชาตรีวางซอไว้ให้แล้วถอยออกมา ครู่เดียวก็ได้ยินเสียงเพลงพญาโศกดังขึ้น ชายหนุ่มยิ้มบางๆ ก่อนนึกถึงใครบางคน หยิบโทรศัพท์มาสื่อสาร

“ผมต้องการที่อยู่ถาวรให้เธอตั้งหลักปักฐาน ไม่เช่นนั้นเธอต้องเร่ร่อนไปเรื่อยไม่สิ้นสุด เรื่องอื่นที่จะตามมาค่อยๆแก้ปัญหาไปทีละเปลาะ โชคดีที่สุดที่เธอใจแข็งเด็ดเดี่ยวมั่นคง ไม่เช่นนั้นผมคงยุ่งยากมากกว่านี้ ที่น่าแปลกที่สุดนอกจากเป็นนางพญาโศก เธอยิงปืนแม่นราวกับมือปืนทีมชาติ มันขัดกัน แต่มันก็รวมอยู่ในตัวเธอ”

ปลายสายรับฟังและตอบรับน้อยคำก่อนตัดสัญญาณ...

ในเวลาไล่เลี่ยกัน พวกสนกลับไปรายงานรามที่ค่ายบนเขา รามสั่งยกเลิกการติดตามลูกสาวคนโตแบบรุนแรงแข็งกร้าว เปลี่ยนเป็นตามเงียบๆ รอเวลาให้พลเทพหรือจูเนียร์โตกว่านี้ไปมาหาสู่ข้างล่างตามลำพังได้ก่อน เพื่อพบปะสมาคมกับเธอ แต่ระหว่างนี้สนยังต้องติดตามเธอต่อไป

“ได้ครับ...แล้วไอ้ผู้ชายไม่มีชื่อคนนั้น”

“ตามเก็บให้ได้ แต่อย่าแตะต้องเธอหรือซอของเธอ”

สนรับคำแข็งขัน รามหันไปที่ลูกชายดึงตัวเข้ามากำชับจริงจัง “จำไว้นะจูเนียร์ ต้องไปสนิทสนมคบหากับเธอ ให้เธอรักใคร่เอ็นดูจูเนียร์มากๆ โดยไม่เปิดเผยตัวตน รอจนเราได้มาพบหน้ากันสามคน พ่อจะเปิดเผยความจริงทุกอย่าง ทั้งที่เคยซ่อนเร้นเอาไว้ให้หมด”

“ครับ แล้วคิดว่าเธอจะจำผมไม่ได้หรือครับ”

“หลายปีผ่านไปหน้าตาจูเนียร์เปลี่ยนไปและอาจมีการแต่งเติมดัดแปลงบางอย่างบนใบหน้าให้เธอไม่อาจจำได้”

“ทำไมเราต้องทำขนาดนั้นครับ”

“เราทำเพื่ออุดมการณ์ของพวกเรา”

“แต่ผมเคยดูทีวีจากมือถือ คนข้างล่างเรียกพวกเราว่าพวกขายชาติ อุดมการณ์ขายชาติมีด้วยหรือครับ”

ฉาด! รามตบหน้าลูกชายอย่างแรงแล้วตวาดซ้ำว่าอย่าพูดคำนี้ที่นี่อีกเด็ดขาด พลเทพเสียใจกลั้นน้ำตาแทบไม่อยู่

ooooooo

หลังจากเฉิดเฉลายื่นคำขาดให้เวลาสองเดือนสำหรับการตามหาลำหับ บริพัตรเดินหน้าไม่เว้นวัน แต่ไม่ว่าจะไปหาที่ไหนก็ไม่มีแม้เงาของเธอ

ผ่านไปเป็นเดือน ลำหับมีอาการแพ้ท้องอย่างเห็นได้ชัด ชาตรีรับรู้และเป็นห่วงทั้งเธอและลูก จึงตัดสินใจส่งข่าวไปทางบริพัตรอีกครั้งเพื่อให้มาพบลำหับในบ้านไร่สถานที่พักอาศัยของเธอ แต่ในเวลาเดียวกันเฉิดเฉลาก็มาบอกบริพัตรว่าเธอท้องกับเขา ทั้งที่ความจริงท้องกับยศพงษ์

บริพัตรดึงดันไปพบลำหับโดยไม่รู้ว่าเฉิดเฉลาแอบสะกดรอยตาม เมื่อเขาและเธอพบกัน ลำหับแกล้งทำให้เขาเข้าใจผิดว่าเธอยินยอมจะแต่งงานด้วยถ้าเขายอมเป็นคนขายชาติเข้าร่วมกับพ่อของเธอ เฉิดเฉลาได้ยินชัดเจน ฉีกยิ้มสมใจ แต่พอหันหลังก็เห็นชาตรียืนหน้าถมึงทึง ตวาดเบาๆไล่เธอออกจากไร่ ที่นี่คือที่ส่วนบุคคลห้ามเข้าโดยที่เจ้าของไม่อนุญาต

“ที่แท้แกก็คือผู้ชายของนังลำหับ มิน่า มันถึงหนีบริพัตรมาอยู่ที่นี่กับแก”

“บอกให้ออกไป จะเดินหรือว่าจะให้โยนออกไป”

“ไม่ต้องไล่กัน แต่ขอถามอีกคำ แกกับนังลำหับเป็นอะไรกัน แล้วดันส่งมันไปอยู่กับบริพัตรของฉันทำไมตั้งนานเป็นปีๆ”

“หุบปาก!” ชาตรีตวาดแล้วปรี่เข้าหา เฉิดเฉลากลัวถอยหนีไม่เหลียวหลัง

แต่บริพัตรกำลังตั้งสติ ไม่อยากเชื่อหูที่ได้ยินลำหับบอกเหตุผล ถามเธอว่าล้อเล่นใช่ไหม

“ลำหับพูดจริงค่ะ ที่ลำหับลงมาข้างล่างนี่ก็เพราะเจาะจงมาหาคุณ มาเพื่อชักชวนให้คุณไปเป็นพวกเนื่องจากคุณมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะไปเป็นผู้นำของเรา”

“บ้า พูดบ้าๆออกมาได้ยังไง เธอหลอกลวงฉันมาตั้งแต่ต้นด้วยการสมคบผู้ชายคนนั้น”

“จะคิดอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ตัดสินใจได้หรือยังคะว่าจะไปขายชาติกับลำหับหรือว่าจะกลับไปเป็นผู้แทน”

“พอที หยุดชักชวนให้ฉันไปทำชั่วๆ เราตัดขาดกันวันนี้ลำหับ ฉันรักเธอมากมายเพียงไหน แต่ฉันไม่มีวันรักเธอมากกว่ารักชาติ”

“ก็แค่นี้ สำหรับคนจิตใจไม่มั่นคงอย่างคุณเชิญกลับไปรักชาติตามสบายแล้วอย่าได้ย้อนกลับมาที่นี่อีก”

“ฉันขอถามคำสุดท้าย เธอท้องหรือเปล่า”

“ไม่...เพราะฉันป้องกันเอาไว้แล้ว”

บริพัตรเสียใจหันกลับออกไปแทบหมดแรง เจอชาตรียืนหน้าเศร้าโทษตัวเองเป็นต้นเหตุทั้งที่หวังดี

อยากให้ลำหับกับบริพัตรปรับความเข้าใจกัน แต่กลายเป็นทำให้มันพังไม่เป็นท่า...ชาตรีพยายามบอกบริพัตรว่าเข้าใจผิดแต่เขาไม่ฟัง ด่าเรื่องรวมหัวกับพ่อของลำหับขายชาติแล้วตัดสินใจกลับไปรับปากแต่งงานกับเฉิดเฉลา ทั้งที่ภัทราไม่เห็นด้วย ไม่เชื่อว่าคนอย่างลำหับจะมีแผนการเลวร้ายนั้นได้

ฝ่ายชาตรีที่เสียใจในการกระทำของตน ได้ยินลำหับยอมรับกับบริพัตรว่ามีสัมพันธ์กับเขาก็คาดคั้นว่าทำไมต้องพูดอย่างนั้น ลำหับตบหน้าเขาแล้วยอกย้อนว่า

“ถามตัวเองดีกว่าไหม ว่าทำไมทำอย่างนั้น คุณไปบอกให้เขามาที่นี่ทำไม”

“เพราะหวังดี...เอาล่ะ ฉันขอโทษด้วยที่ทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายขนาดนี้ ไม่ทำซะยังดีกว่า”

“หนูไม่ต้องการเห็นหน้าคุณที่นี่อีกต่อไป ถ้าคุณไม่ไป หนูจะไปจากที่นี่เอง”

“อย่านะลำหับ มันอันตรายสำหรับคนท้องที่จะเร่ร่อนไปเรื่อยๆ โอเค ฉันจะเป็นฝ่ายไปเอง...ลาก่อน”

ชาตรีหันหลังจากไป ลำหับหมดความอดทน หมดสิ้นทุกอย่าง ร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบขาดใจ

ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น