วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร ข้ามากับพระ ตอนที่ 14(อวสาน)


เหตุการณ์ในคาราวานของเกริกสงบลง สารวัตรพนากลับเข้ามารายงานความสูญเสีย ในมือมีแผนที่ของผู้พันเชที่ทิ้งเอาไว้ เกริกอยู่กับเสี่ยกิจ แพรพรรณ และเพชร

“เราเสียคนไปเยอะเหมือนกันครับ”

“รีบออกเดินทางกันเถอะ อีกไกลไหม”

“ดูตามเส้นทางนี้ น่าจะต้องอีกคืนนึงครับ”

“ผู้พันเชมันต้องไม่ปล่อยเราแน่” เกริกหนักใจ แต่เสือไพรเดินเข้ามาบอกว่า ถ้าเราระวังและตั้งรับดีๆ มันไม่มีทางทำอะไรเราได้ เกริกถามเสือไพรว่าแน่ใจได้ยังไง

“อย่าลืมสิว่าฉันเป็นโจร ฉันก็รบแบบโจร”

“ทำไมแกถึงร่วมมือ อยากได้ทองหรือไง” เสี่ยกิจพูดไม่อ้อมค้อม

เสือไพรแสยะยิ้ม บอกว่าถ้าอยากได้ทองตนหลอมไปขายตั้งแต่ยี่สิบปีก่อนแล้ว เกริกเข้าใจความหมายถามเสือไพรว่า

“แกคิดว่ามันจะมางั้นเหรอ” เกริกหมายถึงรองชาติเสือ แต่คนอื่นๆไม่รู้ ยกเว้นเสือไพรเพียงคนเดียว

ทุกคนสงสัย โดยเฉพาะแพรพรรณที่คอยจับตา เสือไพรตอบคำถามเกริกว่าตนเชื่ออย่างนั้น แล้วชูมือให้ไขกุญแจ สารวัตรพนาจัดการให้เมื่อเกริกพยักหน้าอนุญาต

ฝ่ายหลวงพ่อเสือ ศักดิ์ และแก้วตาที่ถูกเพลิงกับลูกน้องควบคุมตัวไปทางเหมือง ทำไปทำมาเพลิงจำเส้นทางไม่ได้ ลูกน้องเลยบ่นอุบ แต่หลวงพ่อเสือพูดมีเมตตาว่าเวลามันเนิ่นนานมาแล้วมันก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปบ้าง

เพลิงสงสัยว่าหลวงพ่อพูดเหมือนเคยมาแถวนี้ ศักดิ์ตอบรับทันทีว่าหลวงพ่อเคยมาธุดงค์ผ่านแถวนี้

“จริงหรือ ไม่น่าเป็นไปได้ หลวงพ่อเสือบอกว่าแถวนี้ไม่มีใครกล้าผ่านมาหรอก มันอันตรายจะตาย มีทั้งไข้ป่า โจร ชนกลุ่มน้อยที่คอยปล้นฆ่า”

แก้วตาฟังแล้วคาดว่าเหตุนี้เองเสือไพรถึงเอาทองมาซ่อนไว้แถวนี้เพื่อความปลอดภัย เพลิงคล้อยตาม แต่ลูกน้องแทรกขึ้นมาให้หยุดวิเคราะห์กันได้แล้ว รีบหาทางไปต่อเดี๋ยวจะค่ำเสียก่อน หลวงพ่อเสือชี้นำเส้นทางทั้งที่ไม่ค่อยแน่ใจ เพลิงเลยขู่ฟ่อว่าถ้าจำผิดเราก็จะเหลือคนแค่ห้าคน นั่นหมายถึงไม่มีหลวงพ่อเสืออย่างแน่นอน...

ในบริเวณป่าทึบ ผู้พันเชแค้นใจพวกเสือทองเป็นที่สุด เขาโดนเสือทองทำร้ายถึงเลือดตกยางออกต้องให้ลูกน้องช่วยทำแผล แล้ววางแผนล้างแค้นเสือทอง แต่อองซอทักท้วงเรื่องล้างแค้นให้เอาไว้ก่อน เรามีภารกิจที่สำคัญกว่า

“ฉันรู้ ตราบใดที่ยังปราบเสี้ยนหนามไม่ได้ เราก็คงเข้าถึงทองยาก”

“งั้นคงต้องหาคนที่สูสีกันมาปราบมัน”

ผู้พันเชนึกถึงภูขึ้นมาทันที...เวลาเดียวกันนั้น ภูอยู่ในกลุ่มของเซงตูที่มีจอมิน มะนาว มะขวิด มะขิ่น และลูกทีมของเซงตูอีกนับสิบคน ภูควบคุมตัวไอ้ไม้ลูกน้องของเพลิงให้นำทางไปเหมือง ทั้งกลุ่มกำลังเตรียมหาที่พักแรมเพราะเย็นมากแล้ว ฝ่ายอาจอที่แยกออกไปรวบรวมคนเพิ่มป่านนี้ยังไม่มีวี่แววจะกลับมา ภูกลัวไม่ทันการณ์จึงพาคณะของตนล่วงหน้าไปก่อนโดยให้ไม้นำทาง ส่วนพวกเซงตูให้รออาจออยู่ที่นี่แล้วค่อยตามไป

อีกด้าน กองคาราวานของเกริกหยุดพักเช่นกัน เสือไพรคาดว่าพรุ่งนี้เช้าก่อนเที่ยงน่าจะถึงทางเข้าเหมือง แพรพรรณบ่นเหนียวตัวอยากอาบน้ำถ้ามีลำธารแถวนี้ เพชรหูผึ่ง ขันอาสาไปดูให้ทันที

ไม่นานนักแพรพรรณก็ได้อาบน้ำสมใจ เพชรลอบตามเธอมาแล้วลงกอดรัดนัวเนียกันในน้ำ พูดคุยกันเรื่องกำจัดเกริกและเสี่ยกิจ โดยไม่รู้ว่าเสือทองคอยเฝ้ามองอย่างรู้ทัน

แม้จะลำบากลำบนสักแค่ไหนในการเดินป่า แต่ศักดิ์ก็มีความสุขเพราะได้อยู่ใกล้แก้วตาหญิงอันเป็นที่รัก แต่แล้วมีเหตุให้ทั้งคู่ต้องแยกกันอีก ศักดิ์ถูกงูกัดแล้วโดนเพลิงทิ้งไว้อย่างไม่ไยดี ส่วนแก้วตากับหลวงพ่อเสือถูกมันบังคับให้เดินทางต่อ

โชคดีที่กลุ่มของภูผ่านมาเจอศักดิ์แล้วช่วยกัน

หาสมุนไพรมาถอนพิษ ศักดิ์จึงรอดปลอดภัยแต่ยังเป็นห่วงหลวงพ่อเสือกับแก้วตาที่อยู่ในเงื้อมมือของเพลิง

กลางดึกคืนนี้หลังจากทุกคนเข้านอนกันหมด แพรพรรณลอบมาพบกับเพชรเพื่อชี้เต็นท์นอนของเกริกให้ไปสังหาร เพชรหลงใหลเธอมากยอมทำตามอย่างว่าง่าย แต่เสือทองกลับทำให้แผนของทั้งคู่ล้มเหลว เขาเข้ามานอนในเต็นท์นั้นแทนเกริกแล้วเชือดคอเพชรจนขาดใจตาย ก่อนที่เสี่ยกิจกับเกริกจะปรากฏตัว

เสี่ยกิจโกรธมากตบหน้าแพรพรรณฉาดใหญ่ หญิงสาวพยายามแก้ตัวแต่ไม่เป็นผล เกริกรีบสั่งให้สารวัตรพนาควบคุมตัวเธอไว้ราวกับนักโทษ แล้วทำการสอบสวนว่าใครใช้ให้เธอทำแบบนี้

“ฉันทำเอง”

“ทำไม”

“เรื่องนั้นต้องถามตัวท่านดู”

เกริกตบหน้าแพรพรรณอย่างแรงแล้วด่าซ้ำว่านังแพศยา เสียงเอะอะของพวกเขาทำให้เสือไพร พงษ์และจ่าโชคออกมาดูด้วยความสนใจ แต่ไม่เข้าใจว่าแพรพรรณทำอย่างนั้นเพื่ออะไร

“บอกมาว่าใครใช้เธอ” เกริกคาดคั้น

“ไม่มีใครใช้ แต่เรื่องอื่นที่มีคนใช้ฉัน ฉันทำมันเสร็จแล้ว และของสิ่งนั้นก็อยู่ในที่ปลอดภัย เพราะถ้าฉันเป็นอะไรไป ของพวกนั้นจะถูกเผยแพร่ทันที และมีฉันกับใครอีกคนหนึ่งเท่านั้นที่รู้”

“เธอพูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่องเลย” เสี่ยกิจตวาด

เกริกหน้าซีด รีบตัดบทเพราะกลัวแพรพรรณจะโยงมาถึงเขาด้วย “เอาเถอะ ดึกแล้ว เอาไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้”

อย่างไม่คาดคิด เพลิงพาแก้วตาเข้ามากลางวง เสี่ยกิจดีใจที่ได้พบลูกสาว ขณะที่เกริกยิ้มตาเป็นประกาย มองผู้หญิงที่หมายปองอย่างยินดี ฝ่ายเสือไพรมองเพลิงแววตาเข้มดุ
แก้วตาเห็นแพรพรรณถูกจับใส่กุญแจมือ ถามเสี่ยกิจว่าเกิดอะไรขึ้น

“คนมันไม่รักดี อย่าไปสนใจเลยลูก”

เกริกหันไปที่เพลิง ถามว่าเจอแก้วตาที่ไหน เพลิงบอกตนชิงตัวคืนมาจากศักดิ์ แล้วตอบคำถามผู้กองพงษ์ที่อยากรู้ว่าศักดิ์อยู่ที่ไหนว่า

“ตายไปแล้ว...คิดว่าตายไปแล้วนะ เพราะถูกงูกัดขนาดนั้นคงรอดยาก”

ผู้กองพงษ์กับจ่าโชคมองไปที่แก้วตาเห็นเธอ พยักหน้าแววตาหม่นก็ใจหายวาบ

“อ้อ...ฉันยังมีของมาฝากพี่ทองด้วย” เพลิงทำทีเอาใจเสือทอง เรียกลูกน้องให้พาหลวงพ่อเสือเข้ามา คนอื่นเห็นท่านแล้วเฉยๆ ยกเว้นเสือไพรกับเกริกที่ตกใจอุทานออกมาพร้อมกันว่า

“ชาติเสือ!”

ooooooo

อีกด้านในที่พักของพวกภู...ศักดิ์ปลอดภัยแล้ว เขาบ่นกลุ้มใจเพราะเป็นห่วงแก้วตากับหลวงพ่อเสือ ภูปลอบเขาว่า

“คุณแก้วตากับหลวงพ่อคงไม่เป็นไรหรอก เพลิงมันต้องพึ่งทั้งสองคน”

“แต่เสือทองไม่ปล่อยหลวงพ่อเสือไว้หรอก เพราะมันคิดว่าหลวงพ่อมีอาคมเก่งกว่า ทั้งๆที่...”

“มีแต่ธรรมะ...ฉันรู้ เพราะหลวงพ่อเคยเทศนาให้ฉันฟัง เสือทองมันกำลังลำพองเพราะถือว่ามีตำราเคล็ดวิชาของอาจารย์อยู่ ใครก็กินมันไม่ลง”

“มันก็ไม่แน่หรอก” พูดแล้วศักดิ์หยิบกระดาษที่ซ่อนไว้ในเสื้อออกมาส่งให้ภู

“นี่มัน...”

“ตำราอาจารย์พี่นั่นแหละ ฉันแอบฉีกมาแผ่นนึง”

ภูหยิบกระดาษนั้นมาส่องใกล้กองไฟเพ่งดูอย่างถี่ถ้วน “นี่มันบอกถึงวิธีล้างอาคมทั้งหมดเลยนี่”

ศักดิ์พยักหน้ารับ ภูยิ้มบางๆอย่างพอใจ...

เวลาเดียวกัน ที่กองคาราวานของเกริก...หลวงพ่อเสือยืนสงบนิ่ง เสือทองพอใจ เอ่ยปากขอบใจเพลิงที่พาคนสำคัญมา แล้ววานสารวัตรพนาควบคุมตัวเพลิงไว้ด้วย

“จับฉันทำไม ฉันอุตส่าห์พาคนพวกนี้มาให้นะ” เพลิงโวย

สารวัตรพนายิ้มเย็นบอกว่า “มันคนละเรื่องกัน แกมันเป็นโจรมีคดีปล้นฆ่า ฉันเป็นตำรวจฉันก็ต้องจับกุมดำเนินคดี”

“พวกแกหักหลังฉัน พวกแกหลอกฉัน ให้ฉันทรยศพ่อ”

“เพิ่งจะรู้เหรอ” เสือทองหัวเราะชอบใจ มองสารวัตรพนาควบคุมตัวเพลิงกับลูกน้องแยกไป แล้วหันกลับมาพูดกับหลวงพ่อเสือว่า “เราคงต้องสนทนาธรรมกันยาวนะหลวงพ่อ”

“เดี๋ยว! เสือทอง ฉันต่างหากที่ต้องขอสนทนาธรรมก่อน ใช่ไหมรองชาติเสือ” เกริกพูดเต็มปากเต็มคำ ทุกคนได้ยินพากันแปลกใจ

ผู้กองพงษ์กับจ่าโชคมองหน้าเสือไพรเหมือนจะให้ยืนยันคำพูดของเกริก เสือไพรยอมรับว่าพระรูปนี้คือรองชาติเสือ แล้วท้วงเกริกว่าพูดจาควรให้เกียรติพระบ้าง

“คนหนีความจริงไปบวช มันน่าเกรงใจนักหรือ”

“เรื่องในอดีต อาตมาไม่ติดใจแล้ว เพียงแต่ครั้งนี้อาตมาอยากจะมาขอร้องให้เกริกหยุดการกระทำแบบนี้เสียที”

“คนที่หยุดต้องเป็นมันไม่ใช่ฉัน แก...เอ๊ย...ท่านอย่าลืมสิ มันนี่แหละแย่งชบาไปจากทุกคน”

“ฉันไม่ได้แย่ง...แต่ฉันก็ผิด”

เสือไพรสีหน้าสะเทือนใจ เล่าย้อนอดีตให้ฟัง...เขารู้ว่าชาติเสือกับชบารักกัน ซึ่งเขายินดีกับทั้งสองคน เลยทำตัวไม่ต่างจากพ่อสื่อจนได้ใกล้ชิดชบา และก่อเกิดความรักโดยไม่รู้ตัว กระทั่งชาติเสือสอบติดนายร้อยตำรวจต้องจากไปเรียน พอเรียนจบได้ทำงานก็ต้องไปราชการด่วนที่ภาคเหนือ ฝากฝังเขาดูแลชบา ปราบโจรเสร็จเมื่อไหร่จะรีบกลับมาขอเธอแต่งงาน แล้วชาติเสือก็หายเงียบไปเลย แต่คนที่คิดคดคือเกริก เขาลอบให้ผู้ใหญ่ใช้อำนาจมาสู่ขอชบา

ชบาไม่เต็มใจ เธอถูกพ่อกักตัวไว้ในห้องไม่ให้ออกไปไหน จึงให้น้องชายไปบอกเสือไพร แน่นอนว่าเสือไพรรักษาคำพูดที่เคยสัญญากับชาติเสือไว้จึงบุกมาช่วยชบาพาไปอยู่หมู่บ้านของเซงตู

ฟังมาถึงตรงนี้ เกริกไม่ยอมรับ ถามว่าตนผิดด้วยหรือที่รักชบา ความจริงต้องโทษชาติเสือที่ทิ้งชบาไป

“ท่านไม่เข้าใจหรอกว่าการรอคอยคนที่รักมันเจ็บปวดแค่ไหน ฉันเข้าใจชบา เพราะฉันเองก็รอชบามาชั่วชีวิต แต่เอ็ง ไอ้ไพร เอ็งมันชั่ว กล้าทำลายชบาได้”

“ใช่ นี่แหละมันเป็นตราบาปของข้ามาจนทุกวันนี้”

เสือไพรมองไปที่หลวงพ่อเสือด้วยสีหน้าและแววตาสำนึกผิด หวนนึกถึงความหลังตอนอยู่กับชบาแล้วตำรวจตามไล่ล่าเขาทั่วเมือง ข้อหาปล้นฆ่าหลายคดี ทั้งที่เขารู้ว่ามีพวกฉวยโอกาสอ้างชื่อเขาไปปล้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

วันนั้นชบาร้อนใจมากถามเสือไพรว่า “แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะ”

“ไม่ต้องทำอะไร ทุกอย่างมันจะจบลงที่พี่เอง ชบาไม่ต้องห่วง”

“พี่ไพรทำแบบนี้ทำไม ฉันรู้นะพี่ไพรปกป้องฉันเพราะพี่ไพรรักฉันใช่ไหม แต่ติดที่พี่ชาติ”

“อย่าพูดแบบนั้นเลยชบา”

“พี่พูดสักคำได้ไหมว่าพี่รักฉัน”

“พี่ผิดคำพูดกับไอ้ชาติไม่ได้หรอก”

“แต่หนังสือพิมพ์เขาลงว่าพี่ชาติเป็นหัวหน้าทีมไล่ล่าพี่นะ”

“นั่นมันคนละเรื่องกัน”

“แต่สำหรับฉันมันเป็นเรื่องเดียวกัน และเรื่องที่สำคัญที่สุดของฉันก็คือฉันอยากใช้ชีวิตกับคนที่ฉันรัก แม้เขาจะไม่ยอมเอ่ยปากว่าเขารักฉัน แต่ฉันก็รู้ดี”

ทั้งคู่สบตากันด้วยความรัก เสือไพรหักห้ามใจไม่ไหว ที่สุดเขาและเธอก็เป็นของกันและกันด้วยความเต็มใจ แต่ห้วงเวลาแห่งความสุขนั้นผ่านพ้นไป

เสือไพรก็สำนึกผิดต่อเพื่อนรัก...

หลวงพ่อเสือหรืออดีตตำรวจมือปราบรับรู้ความจริงด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ไม่คิดเอาความเสือไพร

“อาตมาขอโทษ และไม่เคยโทษไพรเลย อาตมาต่างหากที่หลงทางเห็นแก่ชื่อเสียง ความก้าวหน้าในหน้าที่การงานจนลืมสัญญาที่ให้ไว้กับโยมชบา แต่ก็นั่นแหละนะ เมื่ออาตมานั่งทบทวนดู อาตมาจึงรู้สึกผิดมากกว่าไพรมากนัก”

“ทำไมล่ะท่าน” เสือไพรถาม

“ก็เพราะไพรรักอยู่กับชบาก่อนแล้วไง”

“ท่านรู้?”

“อาตมารู้ว่าไพรรักเพื่อน ไพรเลยเสียสละให้อาตมา ทั้งๆที่ในใจกล้ำกลืน นี่แหละคือเพื่อนเหนือเพื่อน คือเพื่อนที่ยอมได้ทุกอย่างเพื่อความสุขของเพื่อน อาตมารู้สึกผิดและละอายใจจริงๆ อาตมาหลงละเลิงกับหน้าที่การงานที่กำลังเจริญก้าวหน้า หลังจากนั้นอาตมาก็ได้รับรู้เรื่องราวการปล้นของไพรมากมายหลายคดี อาตมาไม่ได้ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน ไม่ได้คิดถึงความเป็นเพื่อนและนิสัยที่แท้จริงของไพร อีกทั้งได้รับข้อมูลจากเกริกเลยยิ่งทำให้หน้ามืดตามัว บังเกิดทั้งโทสะโมหะ จึงบุกไปจับไพรหลังจากได้เบาะแสที่ซ่อนตัว”

วันนั้นชาติเสือกับเสือไพรดวลปืนกันแล้วชบาถูกกระสุนปริศนาซึ่งทุกคนคิดว่ามาจากชาติเสือ แม้แต่ตัวชาติเสือเอง

“มันเป็นความผิดพลาดที่ยากจะให้อภัยตัวเองได้”

“ไม่หรอกท่าน ท่านไม่ได้ยิงชบา และท่านก็ไม่ได้ตั้งใจยิงผม”

หลวงพ่อเสือมองหน้าเสือไพรอย่างแปลกใจ ทันใดตาชูเดินเข้ามาพร้อมพรานนำทางอย่างไม่มีใครคาดคิด

“และเสือไพรก็ไม่ได้คิดจะฆ่าชาติเสือ” ตาชูยืนยันหนักแน่น

“ตาชูยังไม่ตายหรือนี่” ผู้กองพงษ์โพล่งขึ้นอย่างประหลาดใจ

“ฉันยังตายไม่ได้หรอก จนกว่าเรื่องทั้งหมดจะถูกเปิดเผย”

“เกริก...แกก็น่าจะรู้ว่าใครยิงชบา และใครคิดจะปล้นทองกันแน่...วันนั้นกระสุนวิ่งเข้าที่ไหล่ฉันนัดหนึ่ง ซึ่งฉันเชื่อว่าชาติเสือเป็นคนยิงฉันและไม่ได้ตั้งใจเอาชีวิต แต่กระสุนที่ยิงเข้าชบามันมาจากหลังต้นไม้ใหญ่”

เกริกชะงัก ไม่พอใจเสือไพรกับตาชูที่บอกเล่าความจริงออกมา

“อาตมาไม่ได้ยิงงั้นหรือ โยมแน่ใจนะ”

“แน่ใจครับ มันเป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะยิงปืนครั้งเดียวถูกคนสองคน”

ได้ยินเสือไพรยืนยันอย่างนั้น เกริกรีบตัดบททันที

“ใครจะยิงชบาก็ช่าง เรื่องมันจบไปแล้ว แต่เรื่องที่มันยังคาราคาซังอยู่นี่สิ”

“ทองใช่มั้ย”

“ใช่...มันเป็นแผนของข้าที่วางไว้อย่างแยบยล แต่ไอ้ไพร เอ็งมาทำพังหมด”

“ข้าไม่ได้ทำพัง ไอ้เกริก...เอ็งต่างหากที่ทำพัง เอ็งคิดจะปล้นทองแล้วโยนความผิดให้ข้า ข้าจำเป็นต้องรักษาของของแผ่นดินเก็บเอาไว้ บางส่วนที่ข้าเอาไป มันคือค่าเสี่ยงของลูกน้องข้า”

“ชูบอกกับอาตมาหมดแล้ว อาตมาถึงตัดสินใจเดินทางมาพบพวกโยมเพื่อยุติเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นทั้งหมด”

“ยังมีอีกเรื่องครับท่าน” เสือไพรหวังคลายข้อข้องใจเรื่องชบา แต่เกริกไม่อยากได้ยิน ยิงปืนขึ้นฟ้าสองสามนัดแล้วตวาดลั่น

“พอแล้ว! จะไม่มีการพูดถึงคนที่ชื่อชบาอีก...สารวัตร แยกกันมัดไว้ พรุ่งนี้เราจะไปเอาทองแต่เช้า”

ทุกคนรับรู้ หลวงพ่อเสือถูกจับแยกไปขังในเต็นท์ ตาชูไปรวมกับเสือไพร ผู้กองพงษ์ จ่าโชค ส่วนแพรพรรณยังคงถูกมัดราวนักโทษ...

เสียงปืนของเกริกทำให้กลุ่มขอภูที่อยู่ไม่ไกลตกใจ เกรงจะเกิดอันตรายกับหลวงพ่อเสือ

“หรือว่าพวกมันยิงหลวงพ่อ”

“มันจะใจบาปขนาดนั้นเลยหรือ”

“พวกมันเคยทำมาแล้ว”

“สงสัยต้องลุยมันคืนนี้แล้ว” ภูตัดสินใจเฉียบขาด คนอื่นๆเห็นด้วย

ที่กองคาราวาน เสือไพร ตาชู จ่าโชค ผู้กองพงษ์และพรานนำทางถูกจองจำอยู่ด้วยกัน ผู้กองพงษ์บอกตาชูว่ามะนาวกับมะขวิดคงดีใจที่เขายังไม่ตาย

“เรื่องยังไม่จบอย่าเพิ่งสรุป คนตาบอดอย่างข้าจะไปทำอะไรได้”

จู่ๆ จ่าโชคถามขึ้นมาว่า “หลังจากชบาถูกยิง เกิดอะไรขึ้น” คำถามนี้เสือไพรก็อยากรู้เต็มแก่เหมือนกัน

เวลาเดียวกันนั้น เกริกดื่มเหล้าอยู่กับเสี่ยกิจและสารวัตรพนา เกริกพูดอย่างฉุนเฉียวว่า

“ดี! มาพร้อมหน้าพร้อมตาจะได้จัดการซะทีเดียว”

“รวมพระด้วยหรือ มันจะไม่ดีนะ พระสงฆ์องค์เจ้า”

“นั่นสิครับ”

“จะไปกลัวอะไร ก็สึกเสียก่อนสิ แล้วค่อยฆ่า คนอย่างชาติเสือมันไม่ธรรมดา เก็บเอาไว้เราลำบากภายหลังแน่”

เสี่ยกิจกับสารวัตรพนาแทบไม่เชื่อหูว่าเกริกจะเหี้ยมเกรียมถึงขนาดนี้ สารวัตรพนาอยากรู้จะทำยังไงกับแพรพรรณ เกริกมองหน้าเสี่ยกิจอย่างขอความเห็น

“ผมก็คงไม่เก็บหอกข้างแคร่ไว้เหมือนกัน”

“ดี พรุ่งนี้ออกเดินทางแล้วเก็บแพรพรรณซะ ฝังไว้ที่นี่แหละ” เกริกสรุปชัดเจน แก้วตาแอบได้ยินสีหน้าตระหนกตกใจ

แก้วตาตัดสินใจช่วยแพรพรรณให้หนีออกไปจากกองคาราวานก่อนที่เธอจะถูกสังหารในเช้าวันรุ่งขึ้น เสร็จแล้วแก้วตารีบมาขออนุญาตสารวัตรพนาพบหลวงพ่อเสือ นำรูปถ่ายรับปริญญาของศักดิ์ให้ท่านดู

หลวงพ่อเสือทั้งประหลาดใจและดีใจเมื่อรู้ว่าที่แท้ศักดิ์ก็คือสิทธิ์เด็กที่ท่านฝากฝังให้พระสมชายเลี้ยงดู... ฝ่ายเกริกกับเสี่ยกิจที่รู้แล้วว่าแพรพรรณหนีไปก็ไม่ได้มีท่าทีโมโหแต่อย่างใด เพราะเชื่อว่าเธอรนหาที่ตายเอง ป่าลึกแบบนี้เธอไม่น่าจะอยู่ได้เกินสามวัน

แต่พวกเกริกคิดผิดถนัด แพรพรรณโชคดีหนีไปเจอพวกภูและศักดิ์ เธอเล่าเรื่องหลวงพ่อเสือคือพันตำรวจโทชาติเสือให้ทุกคนฟัง และที่ไม่น่าเชื่อก็คือ เกริก เสือไพร และชาติเสือเป็นเพื่อนรักกัน

“ตอนนี้ฉันว่าเรารีบหาทางไปช่วยพวกเขากันดีกว่า เพราะทันทีที่ได้ทองมันจะมีการหักหลังกันครั้งใหญ่ และพวกผู้กองไม่มีทางรอดแน่”

ทุกคนเห็นด้วย วางแผนรุกคืบเข้าไปยังกองคาราวานของเกริกในตอนเช้าตรู่ ฉวยโอกาสล็อกตัวเสี่ยกิจและควบคุมสารวัตรพนาและลูกน้องไว้ทั้งหมด รวมทั้งเกริกที่หมดทางหนี

มะขิ่นกับแก้วตาดีใจมากที่ได้เจอกันเสียที เช่นเดียวกับมะนาวและผู้กองพงษ์ที่มีความรู้สึกดีๆให้กัน ยิ่งไปกว่านั้นมะนาวกับมะขวิดแทบไม่เชื่อสายตาว่าตาชูยังมีชีวิตอยู่

หลังจากทักทายแสดงความดีใจกันแล้ว ผู้กองพงษ์ขอควบคุมตัวสารวัตรพนา เกริก และเสี่ยกิจ โดยให้จ่าโชคใส่กุญแจมือ แก้วตาทำท่าจะขอร้องผู้กองไม่ให้จับเสี่ยกิจแต่แพรพรรณแทรกขึ้นว่า

“เชื่อฉัน ควบคุมตัวไว้ก่อน”

แก้วตานิ่งไป ศักดิ์ขยับมาทางหลวงพ่อเสือ ขอโทษที่เขามาช้าไปหน่อย...ห่างออกไป เพลิงจับตามองพวกศักดิ์ด้วยความแค้น เพราะตัวเองกับลูกน้องยังถูกมัดอยู่ที่เดิม แม้แต่เสือไพรก็ไม่มาเหลียวแล แล้วยิ่งโกรธไปกันใหญ่เมื่อเสือทองเข้ามาเยาะหยันว่าเพลิงกลายเป็นหมาหัวเน่าเสียแล้ว

ผู้กองพงษ์ต้องการรื้อคดีทองคำขึ้นมาทำใหม่จึงต้องการของกลาง เสือไพรกับหลวงพ่อเสือยินดีนำทาง แต่ไม่ทันที่ใครจะขยับไปไหน จรวดอาร์พีจีพุ่งเข้ามาบริเวณนั้นด้วยฝีมือทหารของผู้พันเช

เสียงระเบิดดังตูมใหญ่ ทุกคนแตกกระเจิง ผู้พันเชประกาศให้วางอาวุธ เสือไพรเห็นท่าไม่ดีสั่งแยกกันถอย ขณะที่หลวงพ่อเสือให้ศักดิ์พาผู้หญิงหนีไป

“แล้วหลวงพ่อล่ะ”

“ข้าจะอยู่ที่นี่ อยู่กับพวกนี้ เราคงพาพวกนี้หนีไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะพากันตายหมด”

หลวงพ่อเสือหมายถึงเกริก เสี่ยกิจ และสารวัตรพนา...แก้วตาได้ยินเกิดลังเลเพราะเป็นห่วงพ่อ จึงพูดออกไปว่าเธอจะอยู่ที่นี่ด้วย

“อย่าโง่ไปหน่อยเลย ฉันจะอยู่ที่นี่เอง” แพรพรรณโพล่งขึ้นมา เสี่ยกิจไม่เข้าใจ หันไปเร่งแก้วตาให้รีบหนี

มะนาวไม่รอช้าดึงแก้วตาออกไปพร้อมน้องชายและตาชู มะขิ่นกับพรานก้าวตาม เสือไพรทีแรกว่าจะนำไปแต่พอเห็นหลวงพ่อเสือกับศักดิ์ไม่ขยับก็เปลี่ยนใจ

“มันต้องการแค่ตัวข้า ข้าจะอยู่ด้วย”

ขณะที่ทุกคนวุ่นวายกับการหลบหนี เสือทองฉวยโอกาสนี้แก้มัดให้เพลิงแลกกับการนำทางไปที่เหมือง เพลิงไม่มีทางเลือก ยินยอมไปพร้อมกับลูกน้องอีกสองคน เสือทองไม่เหลือใครเลย แต่แล้วเด่นก็โผล่มาสมทบ เขารอดตายจากคมกระสุนของอองซอ กลับมาร่วมทางเสือทองอย่างจงรักภักดี

ผู้พันเชควบคุมเกริก เสี่ยกิจ สารวัตรพนา หลวงพ่อเสือ ศักดิ์ เสือไพร และแพรพรรณ โดยไม่คิดจะติดตามพวกที่หนีไป บอกว่าคนแค่หยิบมือทำอะไรเราไม่ได้แน่
อองซอเพิ่งสังเกตว่าไม่มีเสือทอง เตือนผู้พันเชให้ระวัง ผู้พันเชเห็นด้วยเพราะเสือทองร้ายกาจ สั่งทหารของตนระวังให้ดี สั่งเสร็จเหลือบมองแพรพรรณด้วยความเสน่หา

ooooooo

ในที่สุดเพลิงก็นำทางเสือทองมาถึงเหมืองจนได้ เสือทองเข้าไปพร้อมเพลิงและลูกน้อง โดยให้เด่นเฝ้าตรงปากทาง

ฝ่ายผู้พันเชที่ควบคุมพวกเกริกเดินทางมาก็ใกล้ถึงเต็มที เสี่ยกิจกระซิบเกริกว่าเราจะปล่อยให้มันทำแบบนี้หรือ เกริกมองไปทางเสือไพรแล้วตอบเบาๆว่า

“ไอ้ไพรมันคงไม่ปล่อยให้พวกนี้เอาทองไปง่ายๆหรอก”

จริงแท้แน่นอน เสือไพรไม่ยอมให้ใครเอาสมบัติของแผ่นดินไป ศักดิ์ได้ยินก็พอใจ แล้วแสร้งยิ้มทะเล้นถามหลวงพ่อเสือว่า

“ท่านรองชาติเสือว่ายังไงครับ”

“ยังไม่ถึงคิวของข้า ไอ้สิทธิ์”

ศักดิ์อึ้ง นึกไม่ถึงว่าหลวงพ่อเสือจะเรียกชื่อนี้...ห่างออกมา แพรพรรณเดินเคียงคู่กับผู้พันเช เธอโปรยยิ้มให้เขาเพราะหยั่งรู้ว่าเขาพึงพอใจเธออยู่

“เหนื่อยไหมครับ”

“นิดหน่อยค่ะ แต่ถ้าเห็นทองแล้วอาจหายเหนื่อยก็ได้”

“แล้วคุณจะทำยังไงต่อไป”

“ฉันชอบอยู่ข้างผู้ชนะ” คำตอบของเธอทำให้ผู้พันเชถึงกับยิ้มกว้างอย่างถูกใจ

ภายในเหมือง พวกเสือทองแยกย้ายกันค้นหาทองคำแต่ไม่เจอ ทั้งหมดกลับมารวมตัวกัน เพลิงบ่นอุบว่าเสือไพรเอาทองซ่อนไว้ที่ไหน เสือทองไม่ยอมแพ้ สั่งทุกคนหาต่อไป

ยังไม่ทันที่ทุกคนจะค้นหาต่อ เด่นวิ่งเข้ามารายงานเสือทองว่าพวกมันมากันแล้ว

“งั้นก็คงจะต้องให้เสือไพรหาให้เราแล้วล่ะ” ขาดคำ เสือทองนำระเบิดเวลาซ่อนไว้ที่ซอกหิน หมายจัดการกับคนกลุ่มนั้น แล้วเราค่อยกลับมาเอาทองทีหลัง

พวกเสือทองพากันออกไปก่อนที่ขบวนของผู้พันเช จะมาถึง ผู้พันเชสั่งให้เสือไพรเข้าไปในเหมือง อองซองคะเนว่าข้างในคงกว้างมากต้องมีคนช่วยหา ศักดิ์จึงถูกหมายตาเป็นคนต่อไป ตามด้วยหลวงพ่อเสือที่เสนอตัวขึ้นมาเอง

“อาตมาจะเข้าไปด้วย”

ศักดิ์เป็นห่วงหลวงพ่อแต่ไม่กล้าพูดอะไร ทั้งสามเดินตามกันเข้าไปข้างใน เกริกมองตามอย่างคาดหวังว่าพวกเขาจะเจอทองที่ต้องการ

พวกเสือทองซุ่มมองอยู่ห่างๆด้วยความพอใจ เพลิงแอบกังวลเรื่องระเบิด ถึงยังไงเสือไพรก็ได้ชื่อว่าพ่อที่เลี้ยงดูตนมาตั้งแต่เด็ก หากระเบิดทำงานเขาอาจได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต...

เสือไพรเดินนำศักดิ์กับหลวงพ่อเสือเข้ามาภายในเหมือง หลวงพ่อเสือลุ้นเหลือเกินว่าเสือไพรจะจำที่ซ่อนทองคำได้หรือไม่

“จำได้ไหมไพร ว่าซ่อนไว้ที่ไหน”

“เอาจริงๆนะ...จำไม่ได้”

“โธ่...เอามาเก็บยังไงจำที่ไม่ได้” ศักดิ์บ่นเซ็งๆ

“ก็มันยี่สิบปีแล้วนี่หว่า และเหมืองเนี่ยมันก็ร้างมานานแล้ว ดินอาจจะถล่มลงมาทับก็ได้”

“ยังไงเราก็ต้องหาให้เจอ”

“งั้นฉันจะแยกไปหาทางโน้น”

ศักดิ์เดินแยกไป เสือไพรมองหลวงพ่อเสือแล้วเอ่ยปากจะถามเรื่องค้างคาใจอีกอย่าง แต่เกิดเปลี่ยนใจกะทันหันเก็บเอาไว้ถามทีหลัง ตอนนี้ต้องหาทองให้เจอก่อน...

ที่หน้าเหมือง นอกจากจะมีพวกเสือทองและพวกผู้พันเชแล้ว กลุ่มของผู้กองพงษ์ก็ซุ่มจับตามองไม่วางตา ทุกคนคิดหาทางเข้าไปช่วยพวกเสือไพร ซึ่งเป็นเรื่องยากเพราะกำลังคนมีน้อย แต่พอมะนาวพาพวกเซงตูเข้ามาสมทบ ผู้กองพงษ์ จ่าโชค และภูก็มีกำลังใจรีบวางแผนกันทันที

ภายในเหมือง หลวงพ่อเสือพยายามหาทองแต่ไม่พบ ศักดิ์ก็ไม่เจอ สองคนเดินมาบรรจบกันตามลำพัง หลวงพ่อถือโอกาสเรียกศักดิ์ว่าสิทธิ์ ทำเอาชายหนุ่มชะงัก ได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว

ศักดิ์คลางแคลงใจ หลวงพ่อเสือไม่อธิบายอะไรมาก หยิบรูปถ่ายศักดิ์รับปริญญาที่ได้จากแก้วตาส่งให้ดู

“หลวงพ่อ...” ศักดิ์ตะลึง พูดไม่ออก

“อย่าคิดปฏิเสธเลย...ไหนลองบอกข้ามาซิว่า เอ็งทำแบบนี้ทำไม เอ็งตั้งใจมาที่นี่ใช่ไหม”

“ครับ ผมมีภารกิจที่ต้องมาทำ คราวนี้ตาผมถามบ้าง...ผมเป็นใคร ทำไมหลวงพ่อต้องฝากให้หลวงพ่อสมชายเลี้ยงผม”

หลวงพ่อเสือกำลังจะบอกกับศักดิ์ แต่เสือไพรเข้ามาเสียก่อน ท่านรีบเก็บรูปถ่ายแล้ววางตัวปกติ เสือไพรไม่ทันสังเกตอะไร บ่นว่าตนจำไม่ได้จริงๆว่าเอาทองไว้ตรงไหน

ทันใดนั้นเองมีเสียงดังตูมที่หน้าเหมือง ตามด้วยเสียงปืนสนั่นหวั่นไหวราวกับเกิดสงคราม!

การปะทะกันระหว่างกลุ่มกองกำลังของผู้พันเชกับกลุ่มเซงตูที่มีอาจอนำชาวกะเหรี่ยงจำนวนมากมาสมทบ รวมทั้งผู้กองพงษ์ จ่าโชค และภู ทำให้ดินตรงปากทางเข้าเหมืองถล่มลงมา ผู้พันเชสั่งลูกน้องของตนฆ่าพวกมันให้หมด ยกเว้นแพรพรรณคนเดียว

ขณะที่นอกเหมืองยิงกันระงม คนที่อยู่ในเหมืองเป็นกังวลเพราะหาทางออกไม่ได้ เนื่องจากดินถล่มลงมาปิดทางเข้าออก และที่น่าวิตกยิ่งกว่านั้นก็คือศักดิ์เจอระเบิดเวลาที่เสือทองซ่อนไว้ในซอกหิน หากไม่สามารถถอดชนวนระเบิดได้ทุกคนข้างในก็หมดสิทธิ์รอดชีวิต

หลวงพ่อเสือเคยจัดการกับระเบิดเวลาสำเร็จมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ท่านไม่สามารถทำได้เพราะมีเวลาจำกัด พลันเสือไพรนึกได้ว่าท้ายเหมืองมีทางออก จึงวิ่งนำทุกคนไป

นอกเหมืองเสียงปืนยังดังต่อเนื่อง อองซอถูกเกริกยิงตายคาที่ ผู้พันเชเห็นท่าไม่ดีรีบหนี เซงตูติดตามไปด้วย ความแค้น หมายหัวผู้พันเชที่ฆ่าล้างหมู่บ้านเพื่อนของตน

เหตุการณ์สงบลง ผู้กองพงษ์ควบคุมคณะของเกริกโดยสั่งทุกคนวางอาวุธ ทันใดนั้นพวกเสือทองก็คุมตัวแก้วตา มะนาว มะขิ่น ตาชู และพรานนำทางเข้ามา

“ใครกันแน่ที่ต้องวางอาวุธ”

สถานการณ์พลิกผัน กลุ่มของผู้กองพงษ์ถูกพวกเสือทองควบคุมไว้ทั้งหมด เกริกยิ้มเป็นต่อ ประทับใจความเก่งกาจของเสือทอง บอกให้รีบเข้าไปเอาทองในเหมือง

“ไม่ทันแล้ว ป่านนี้ข้างในคงกำลังจะระเบิดแล้ว”

ทุกคนตกใจ โดยเฉพาะพวกเดียวกับหลวงพ่อเสือ ศักดิ์ และเสือไพร ห่วงพวกเขาจะเป็นอันตราย

ในที่สุดเหมืองก็ระเบิด ทุกคนรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน เกริกถามเสือทองว่าทำไมต้องทำแบบนี้

“เราค่อยมาขุดวันหลังก็ได้”

คำตอบของเสือทองสร้างความไม่พอใจให้เกริกกับเสี่ยกิจ

ท่ามกลางฝุ่นที่ยังคลุ้งจากแรงระเบิด หลวงพ่อเสือ ศักดิ์ และเสือไพรเดินออกมา...เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง แต่ละคนวิ่งหลบกระสุนจ้าละหวั่น เสือทองรีบหนีเพราะลูกน้องถูกยิงตาย ภูตามติดไปไม่ลดละเพราะต้องการแก้แค้นให้แววที่ถูกเสือทองฆ่าตาย ส่วนเพลิงวิ่งหนีไปอีกทาง เสือไพรตามลูกชายด้วยความเป็นห่วง โดยไม่รู้ว่าศักดิ์ไล่กวดมาด้วย

ศักดิ์ตามทันเสือไพรแต่ไม่มีเพลิงให้เห็น เขาเล็งปืนใส่เสือไพรพร้อมกับสั่งเสียงเข้มว่า “วางอาวุธซะ นายถูกจับกุมแล้ว” เสือไพรงงงัน “แก...เป็นใคร”

“ปลัดสิทธิ์ ปลัดปราบปรามที่ได้รับภารกิจให้มาจับนาย และปิดคดีเรื่องทองที่นายปล้นไป”

เสือไพรไม่ยอมให้จับ...สองฝ่ายเล็งปืนใส่กันอย่างไม่หวั่นกลัว เตรียมยิงในอีกไม่กี่อึดใจ แต่แล้วหลวงพ่อเสือโผล่เข้ามาสีหน้าตื่นตระหนก

“พอได้แล้ว อาตมาขอร้อง”

“ผมไม่ได้อยากจะทำแบบนี้หรอกหลวงพ่อ แต่แค่ต้องการให้เสือไพรมอบตัว”

“ที่แท้เอ็งก็รับราชการตามที่พระสมชายบอกข้าจริงๆ”

ศักดิ์พยักหน้ายอมรับ ย้ำว่ามันเป็นภารกิจที่ตนได้รับมอบหมายมา

“อยากจับเสือไพร ต้องจับตายอย่างเดียว” เสือไพรประกาศกร้าว

“โยมไพร ไอ้ศักดิ์ อาตมาขอร้องให้ฟังเรื่องนี้สักหน่อย โยมไพรจำได้ไหมที่ถามอาตมาว่า หลังจากที่ชบาเสียชีวิตแล้วเกิดอะไรขึ้น”

เสือไพรนิ่งฟังอย่างตั้งใจ...หลวงพ่อเสือลำดับเหตุการณ์วันที่ชบาถูกยิงแล้วเขาพาเธอส่งโรงพยาบาล หมอช่วยชีวิตเธอไม่ได้แต่เด็กในท้องปลอดภัย เขาตั้งชื่อเด็กว่าสิทธิ์แล้วเอาไปฝากให้เรียนหนังสือกับพระน้องชายที่กรุงเทพฯ

“นี่ไงล่ะ” หลวงพ่อเสือส่งรูปถ่ายศักดิ์รับปริญญาให้เสือไพรดู

เห็นรูปนั้นแล้วเสือไพรแทบไม่เชื่อสายตา มองหน้าศักดิ์ทั้งน้ำตาเคลือบคลอ ศักดิ์เองก็ตะลึง คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าสิ่งที่รู้เห็นในวันนี้จะเป็นความจริง

“หลวงพ่อ...ที่เล่ามา...”

“ข้าเป็นพระ ถือศีล คงไม่ปั้นเรื่องโกหกมาหลอกเอ็งหรอก”

“ลูกพ่อ...”

ศักดิ์ปรับตัวไม่ทัน...ความจริงเขาคือลูกของเสือไพรกับชบา!

นาทีนั้นเอง กระสุนปืนพุ่งเข้ามาที่หลังศักดิ์ด้วยน้ำมือของเพลิง หลวงพ่อเสือผวาไปดูศักดิ์ เสือไพรทั้งโกรธและตกใจตะโกนลั่น

“ไอ้เพลิง...เอ็งยิงทำไม”

เพลิงเดินเข้ามากระชับปืนแน่นแล้วเตะปืนศักดิ์ออกไป “มันเป็นเจ้าหน้าที่ ฉันปล่อยมันไว้ไม่ได้”

“แต่มันเป็นลูกข้า”

“ไม่ใช่ ลูกเสือไพรมีคนเดียวเท่านั้นคือฉัน” ว่าแล้วเพลิงยกปืนจ่อไปที่ศักดิ์หมายจะยิงซ้ำ เสือไพรทำอะไรไม่ถูก ร้องห้ามเสียงหลงแต่ไม่สามารถหยุดยั้งเพลิงได้ ตัดสินใจในพริบตานั้นยิงลูกเลี้ยงล้มคว่ำขาดใจตาย

เสือไพรกอดศพเพลิงร้องไห้คร่ำครวญว่าไม่ได้ตั้งใจ ขณะที่ศักดิ์นอนหายใจรวยรินคล้ายจะสิ้นใจไปอีกคน หลวงพ่อเสือใจคอไม่ดีประคองศักดิ์ด้วยมืออันสั่นเทา

“หลวงพ่อ...ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจโกหกทุกคน”

“ข้าเข้าใจ ทำใจดีๆไว้นะไอ้ศักดิ์”

“ฉันรู้ตัวดี ฉันคงไม่รอด”

หลวงพ่อเสือกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เสือไพรเข้ามาลูบศีรษะศักดิ์ เรียกลูกชายเสียงสั่นเครือ

“ลูกพ่อ...”

“พ่อ...ฉันดีใจที่ฉันรู้จักชาติกำเนิดตัวเอง ฉันตามหามาทั้งชีวิต...แม้มันเหลือลมหายใจอีกไม่มาก ฉันก็ภูมิใจ”

ศักดิ์พูดได้แค่นั้นก็แน่นิ่ง เสือไพรก้มลงใกล้ใบหน้าลูกชายก่อนหันมาบอกหลวงพ่อให้ไปก่อน ตนขออยู่กับลูกตามลำพังสักครู่

ด้านภูกับเสือทองยังฟาดฟันไม่จบ ต่างฝ่ายต่างบาดเจ็บด้วยคมมีด ไม่ได้หนังเหนียวเหมือนที่ผ่านมา ที่สุดเสือทองก็พลาดพลั้งถูกภูฆ่าตาย ล้างแค้นให้แววได้สำเร็จ

ooooooo

ที่หน้าเหมือง ผู้กองพงษ์ควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ พงษ์บอกแก้วตาว่าตนต้องดำเนินคดีกับเสี่ยกิจ แก้วตาเข้าใจขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่พอหลวงพ่อเสือกลับมาบอกว่าศักดิ์เสียชีวิตแล้ว หญิงสาวถึงกับเข่าอ่อนจนแพรพรรณต้องเข้าประคอง

เกริกไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาซ้อนแผนส่งสัญญาณให้กำลังเสริมซึ่งเป็นตำรวจตระเวนชายแดนเข้ามาควบคุมทุกคน ภูกับเสือไพรซุ่มดูอยู่ห่างๆด้วยความแค้นใจ

“เสียใจนะที่พวกแกไม่ได้ทองไป ทองทั้งหมดเป็นของแผ่นดิน พวกแกเจอข้อหาหนักแน่...ปล้นสมบัติของแผ่นดิน” เกริกตั้งข้อหาให้ทุกคนอย่างเจ้าเล่ห์

แพรพรรณเหลือทนด่าเกริกแล้วชักปืนที่ซ่อนไว้จะยิงเขา แต่เกริกเร็วกว่ายิงสวนใส่เธอล้มลงนอนหายใจรวยรินแล้วถามว่า “ทำไมเธอถึงต้องการฆ่าฉันนัก”

“แกทำอะไรกับพี่ราตรีแม่ของแก้วตาไว้บ้างล่ะ”

“ราตรีไปเกี่ยวอะไรด้วย” เสี่ยกิจแปลกใจ

“ถามท่านเกริกผู้ทรงเกียรติดูสิว่าทำอะไรกับพี่ราตรีไว้บ้าง”

เกริกยังไม่ยอมรับ คาดคั้นแพรพรรณว่าเป็นใคร...

พอเธอเปิดเผยความจริงทุกคนก็ตะลึงคาดไม่ถึง

ที่แท้แพรพรรณเป็นน้องสาวของราตรีและเป็นน้าสาวของแก้วตา...เธอต้องการแก้แค้นให้พี่สาวที่โดนเกริกนอกใจและทุบตีทารุณหลังแต่งงานได้ปีกว่า ราตรีทุกข์ใจจึงหนีกลับมาอยู่บ้านซึ่งตอนนั้นเธอท้องได้สามเดือน ต่อมาเกริกตามเจอ เขาวางแผนฆาตกรรมราตรีแต่คงใช้เวลาหลายปี

เสี่ยกิจตะลึง ถามเกริกว่าจริงหรือที่เขาเคยแต่งงานกับราตรีมาก่อน

“ใช่...แต่มันไม่รักดี”

“แสดงว่าลูกที่ติดท้องของราตรีมาก็...”

“ไม่ใช่ลูกฉัน...ราตรีไม่ได้ท้องกับฉัน เธอต้องท้องกับเสี่ยแน่ๆ”

“พี่ราตรีจะไปท้องกับเสี่ยกิจได้ยังไง ในเมื่อเสี่ยกิจเป็นหมัน” คำพูดของแพรพรรณเล่นเอาทุกคนตกใจ แก้วตาไม่อยากเชื่อว่าเกริกคือพ่อแท้ๆ แพรพรรณยืนยันหนักแน่นว่านี่ถือสาเหตุที่เธอต้องเข้ามาเป็นแม่เลี้ยงแก้วตาเพื่อปกป้องและรอวันแก้แค้นให้ราตรี

เกริกไม่ยอมรับ ประกาศก้องว่าแก้วตาไม่ใช่ลูกของเขา ให้ทุกคนยุติเรื่องนี้แล้วสั่งตำรวจควบคุมตัวไปทั้งหมด แก้วตาสับสน มองหน้าแพรพรรณที่กำลังจะสิ้นใจ ได้ยินเสียงยืนยันครั้งสุดท้ายว่าเกริกคือพ่อของเธอจริงๆ

แพรพรรณจากไปแล้ว เกริกสาแก่ใจ แก้วตาสงสารน้าสาว แล้วใช้ช่วงเวลาที่เสี่ยกิจเข้ามาปลอบถามเขาว่า

“พ่อรู้มาตลอดใช่ไหมว่าหนูไม่ใช่ลูกของพ่อ”

“ใช่ แต่พ่อก็รักลูก รักแม่ของลูก คิดไม่ถึงว่าลูกจะเป็นลูกสาวของ...”

“หนูไม่อยากฟังค่ะ เขาไม่ใช่พ่อของหนู เขาไม่เคยเลี้ยงหนู แถมยังคิดร้ายกับหนูมาตลอด”

“แต่เขาก็เป็นผู้ให้กำเนิดหนูนะ”

แก้วสับสนและอัดอั้น คร่ำครวญว่าตนควรจะทำอย่างไรดี

ooooooo

สารวัตรพนาดำเนินการแจ้งกรมศิลป์ให้ไปขุดทองที่เหมือง อีกราวสองสัปดาห์น่าจะเริ่มได้ เกริกรับรู้ด้วยความพอใจ คาดว่าเสือไพรคงจะมาปล้นทองอีกแน่

“ผมเข้าใจแล้ว ท่านถึงปล่อยเสือไพรไป ที่แท้จะให้มันมารับบาปอีกครั้ง”

“งานนี้จบ ผมจะไปอยู่ที่อื่นแล้ว”

“ผมคงจะลาออกจากตำรวจไปใช้เงินให้ชุ่มใจ...อ้อ ลืมบอกไปว่างานนี้ต้องรัดกุมสักหน่อย เห็นว่าปลัดปราบปรามคนใหม่กำลังจะเข้ามารับตำแหน่ง”

“ก็แบบเดิมๆ พูดไม่รู้เรื่องก็ฝังมันไปซะ”

ไม่ง่ายอย่างที่เกริกคิดอีกแล้ว เพราะเวลานี้มีคำสั่งจากปลัดคนใหม่ให้ปล่อยตัวพวกผู้กองพงษ์ สารวัตรพนารับทราบด้วยความวิตกกังวล ขณะที่เกริกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันว่าไม่ทันไรก็ออกลายเสียแล้ว...

เซงตูกับอาจอทำให้ผู้พันเชกลายเป็นผีหัวขาด ล้างแค้นให้เพื่อนพ้องพี่น้องชาวกะเหรี่ยงของตนที่โดนฆ่าล้างหมู่บ้าน ส่วนภูก็พาพวกมะนาวกลับหมู่บ้านด้วยความปลอดภัย ด้านศักดิ์ที่มาเป็นปลัดมือปราบคนใหม่ แท้จริงวันนั้นที่เหมืองเขาไม่ตาย แต่ยังไม่ถึงเวลาให้คนอื่นรู้ตัวตนของเขาจึงกระซิบรู้กันสองคนกับเสือไพร

วันนี้ศักดิ์มาปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มตัวและช่วยปลดปล่อยพวกผู้กองพงษ์ให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ โดยร่วมกันสะสางกวาดล้างคนทำผิดกฎหมาย

ทั้งเสี่ยกิจ สารวัตรพนา รวมทั้งคดีปล้นทอง ซึ่งได้หลักฐานสำคัญเอาผิดเกริกที่แพรพรรณซ่อนเอาไว้ แต่แล้วในวันที่ผู้กองพงษ์นำกำลังมาจับกุมเกริก เขากลับจับแก้วตาเป็นตัวประกันหนีไปทางชายแดน

การไล่ล่าเกิดขึ้นอีกครั้งทันที!

คณะของทางการและเสือไพรติดตามเกริกไปอย่างกระชั้นชิด แก้วตาเห็นศักดิ์ในชุดข้าราชการเต็มตา ดีใจแทบลืมความกลัว...เสือไพรกับหลวงพ่อเสือตามมาทัน เสือไพรจำปืนที่เกริกใช้ยิงชบาได้ เกริกยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบาน ท่าทางบ้าคลั่งเพราะกำลังจนตรอก

เกริกสู้ยิบตา ฉุดกระชากแก้วตาไว้บังกระสุน ศักดิ์ไล่ตามและแย่งปืนกันไปมา ที่สุดปืนลั่นโดนแก้วตาบาดเจ็บ ก่อนที่เสือไพรจะเข้ามาสยบเกริกสามนัดซ้อนล้มลงขาดใจตายทันที

ooooooo

หลายปีต่อมา...

ศักดิ์แต่งงานกับแก้วตาและสอบได้เป็นนายอำเภอ เสือไพรอยู่ในเรือนจำยินดีกับลูกชาย และตัวเขาเองกำลังจะได้รับการอภัยโทษในอีกสามเดือนข้างหน้า กลับมาเป็นนายไพรคนธรรมดาที่ไม่มีมลทินให้ลูกชายต้องหมองมัว

ฝ่ายผู้กองพงษ์กับมะนาวก็น่าจะลงเอยกันได้ไม่ยาก หลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างสงบลง สองคนมีเวลาศึกษาดูใจกันมากขึ้น โดยมีศักดิ์กับแก้วตาคอยลุ้นเต็มกำลัง

ในวันที่ผู้กองพงษ์ได้เลื่อนยศเป็นพันตำรวจโท เขาจัดงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งที่บ้านและเชิญทุกคนที่คุ้นเคยมาร่วมงานอย่างสนุกสนานเป็นกันเอง แต่ไม่มีหลวงพ่อเสือ

ศักดิ์นึกถึงหลวงพ่อเสือ ชื่นชมความสำเร็จในหน้าที่การงานทั้งของตัวเองและพงษ์ว่า

“คนทำดีต้องได้ดี หลวงพ่อสอนไว้ มันอาจจะเป็นคำสอนที่เชยและได้ยินอยู่บ่อยๆ แต่มันก็ได้ผลทุกครั้ง นี่แหละคาถาของหลวงพ่อเสือ”

ในเวลาเดียวกันนั้น หลวงพ่อเสือกลับมาที่วัดร้างซึ่งในอดีตตนเองนำทองคำมาสร้างพระประธานไว้ เจ้าอาวาสเล่าให้หลวงพ่อเสือฟังว่า

“พออาตมาทุบปูนออกตามที่ท่านสั่งไว้ ทางกรมศิลปากรก็มาขึ้นทะเบียนเอาไว้เป็นโบราณวัตถุ”

“อาตมาตั้งใจทำให้เป็นของที่ระลึกกับโยมชบาและเป็นของแผ่นดินตลอดไป”

“ท่านจะไปธุดงค์ต่ออีกหรือเปล่า”

“อาตมาจะพักไว้ก่อน และจะขออนุญาตจำพรรษาที่นี่สักสามสี่เดือนเพื่อรอใครบางคน”

“เสือไพร?”

“ไม่ใช่หรอก ไม่ใช่เสือไพร แต่เป็นนายไพรเพื่อนรักของอาตมา”

เจ้าอาวาสพยักหน้าเข้าใจ หลวงพ่อเสือรู้สึกปรอดโปร่งและสบายใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในห้วงเวลายาวนานที่ผ่านมา...

ooooooo

-อวสาน-


ที่มา  ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น