วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร เพลิงตะวัน ตอนที่ 5


นันทาลองทำตามที่มยุริญแนะนำ พอเห็นตรีทศประคองนันทนาที่เมาแอ๋กลับเข้าบ้าน กลั้นใจชวนเขามาร่วมกินมื้อกลางวันด้วยกันโดยไม่ปริปากต่อว่าสักคำ ตรีทศต้องถามย้ำว่าพูดกับตนเองใช่ไหม

“เธอนั่นแหละ หิวหรือเปล่า”

“หิวสิครับ มีไรกินมั่งไหนดูสิ” ตรีทศเดินมาที่โต๊ะอาหารเอาช้อนของนันทาเขี่ยกับข้าวจานนั้นทีจานนี้ที “จานใครครับเนี่ย กินต่อเลยนะผมไม่ถือ”

กันเกรากับนันทาเห็นแล้วทนไม่ไหวพาลจะแหวะ ต้องชวนกันลุกหนี ตรีทศไม่วายมองตาม ด้วยความสงสัยว่าทั้งคู่จะมาไม้ไหนกันแน่...

ในเวลาต่อมา นันทวัฒน์แต่งตัวเสร็จเตรียมจะออกไปงาน เห็นตรีทศนอนอืดอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ปรี่เข้าไปจะเอาเรื่อง นันทาช่วยกันกับกันเกรารั้งตัวไว้ทัน สั่งห้ามโวยวายอะไรทั้งนั้น จะไปรับมยุริญไปงานก็ให้รีบไปท่านจะลองให้โอกาสเขาดูสักตั้ง นันทวัฒน์เหลือบมองตรีทศที่เปิดเสื้อเกาพุงตัวเองด้วยสีหน้ารังเกียจ

“ผมไปดีกว่าอยู่นานๆอาจต้องจับใครบางคนโยนออกไป” พูดจบนันทวัฒน์เดินหัวเสียออกไป

นันทาเห็นสภาพแฟนหนุ่มของลูกสาวแล้วอยากจะทำตามที่ลูกชายว่า แต่นันทนาเดินหัวกระเซิงลงบันไดมาเสียก่อน พอเห็นตรีทศนอนท่าอุบาทว์อยู่บนโซฟาถึงกับร้องเอะอะว่ามานอนอยู่ที่นี่ได้อย่างไร นันทากับกันเกราได้แต่มองหน้ากันไม่รู้จะตอบคำถามเธออย่างไร...

ทางด้านตาท้วมยังคาใจไม่หายรีบไปดูสถานที่เกิดเหตุที่ชดถูกฆ่า หลักฐานถูกเก็บไปหมดแล้วเหลือตำรวจเฝ้าอยู่สองนาย เขาหยิบดินบริเวณนั้นขึ้นมาดูแล้วนึกไปถึงเท้ากับรองเท้าที่เปื้อนโคลนของตะวัน...

ขณะที่ตาท้วมพยายามหาหลักฐานพิสูจน์ความสงสัยของตัวเอง ธงไทยพาตะวันไปตลาดเพื่อซื้อของใส่บาตรทำบุญให้ชดวันรุ่งขึ้น เขาเห็นเธอยังไม่ได้กินอะไร ชวนกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกันก่อน แต่ยังไม่ทันจะเข้าไปนั่ง มีเสียงมือถือของธงไทยดังขึ้นเสียก่อน เขาหยิบขึ้นมาดูเห็นเป็นเบอร์วิวก็ตกใจ เพราะลืมนัดกินข้าวกับเธอ

“มีอะไรค่ะพี่ไทย”

“พี่ลืมนิดหน่อยจ้ะ ตะวันเข้าไปก่อนนะ สั่งอะไรก็ได้ให้พี่หนึ่งชาม เดี๋ยวพี่มานะครับ” ว่าแล้วธงไทยเดินเลี่ยงออกไปรับสาย “วิว...ไทยขอโทษ มีเรื่องนิดหน่อยนะ” จากนั้นเรื่องการตายของชดก็พรั่งพรูออกจากปาก ของเขา เหมือนเช่นทุกครั้งที่ธงไทยลืมนัด วิวยอมรับคำขอโทษโดยไม่ต่อว่าไม่บ่นอะไรแม้แต่น้อย

“เออๆๆเข้าใจ แล้วนี่คงวุ่นๆสินะ วิวฝากแสดงความเสียใจกับหนูพุทธด้วยนะ ไทยเองก็อย่าหักโหมล่ะ”

เจ๊แน๊ตทำเป็นเปิดดูรูปชุดวิวาห์ในนิตยสารแต่สายตากลับคอยเหล่วิว แถมทำท่าล้อเลียน จังหวะนั้น ชีสเค้กแบกกรอบรูปอันใหญ่เดินผ่านหน้า เจ๊แน๊ตโวยวายว่าทำไมต้องเป็นรูปนี้ด้วย วิวพยายามส่งสัญญาณให้ทั้งคู่ช่วยเบาเสียงลงหน่อย แต่ดูจะไร้ผล เธอจึงต้องทำหน้าดุขู่

ooooooo

เสี่ยหมูกับจอมบังเอิญเดินผ่านหน้าก๋วยเตี๋ยวเห็นตะวันนั่งอยู่คนเดียวรีบชักชวนกันเข้าไปหา

“หนูตะวันวันนี้มาคนเดียวเหรอจ๊ะ นั่งด้วยได้ไหมจ๊ะ” เสี่ยหมูไม่รอคำตอบหย่อนก้นลงนั่งทันทีเห็นเธอตัวสั่นเป็นลูกนกก็กระเซ้า “เอ วันนี้ไม่เห็นเก่งเหมือนวันนั้นเลยนี่นา ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ พวกเรามาดี”

ตะวันกลัวมากไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่ชะเง้อมองไปนอกร้านเมื่อไหร่ธงไทยจะกลับมาสักที...

คนที่ตะวันมองหา ยังคุยโทรศัพท์อยู่กับวิวที่อีกมุมหนึ่งของตลาด รับปากกับเจ้าของร้านชุดวิวาห์เพื่อนซี้ว่าอาทิตย์หน้าจะไม่ลืมนัดกินข้าวกับเธอแน่ๆ มีเสียงเจ๊แน๊ตกับชีสเค้กแว้ดๆใส่กันดังลอดเข้ามาในมือถือ วิว พยายามห้ามแต่ทั้งคู่เถียงกันไม่หยุด ธงไทยได้ทีรีบตัดบท

“งั้นวิวจัดการธุระของวิวเถอะ อาทิตย์หน้าเจอกัน ไทยกลับไปกินก๋วยเตี๋ยวดีกว่า อืดหมดแล้ว บาย” ธงไทยวางสายแล้วเดินกลับร้านก๋วยเตี๋ยว ทันทีที่ไปถึงเห็นตะวันกำลังลุกหนีจากโต๊ะ โดยมีจอมคว้าแขนไว้ไม่ให้ไปไหน เขาตะโกนลั่นให้ปล่อยแล้วกระชากไอ้ลามกออกห่าง ตะวันรีบวิ่งมากอดธงไทยไว้แน่น

“พี่ไทย ช่วยด้วยค่ะ”

“ก็ไม่มีอะไรนี่นา ฉันแค่เห็นน้องตะวันกินก๋วยเตี๋ยวอยู่คนเดียวกลัวจะเหงา”

“คนของผม เสี่ยไม่จำเป็นต้องมาแสดงความหวังดี”

ก่อนเหตุการณ์จะบานปลายใหญ่โต เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวไล่ตะเพิดทั้งสองฝ่ายออกไปตีกันข้างนอกร้าน ทั้งธงไทยและเสี่ยหมูกับสมุนจำต้องแยกย้ายทางใครทางมัน...

ตะวันเอาแต่ร้องไห้ตั้งแต่ออกจากตลาดจนเกือบจะถึงไร่นวลตะวัน ธงไทยเห็นเธอไม่สบายใจ เบนรถจอดข้างทางดึงตัวมากอดปลอบใจ รับปากว่าต่อไปจะระวังให้มากกว่านี้และจะไม่ทิ้งเธอไว้คนเดียวอีก หากเธอเป็นอะไรไป เขาคงอยู่ไม่ได้ ตะวันขอร้องเขาอย่าบอกเรื่องนี้ให้แม่นวลรู้ ไม่อยากทำให้ท่านไม่สบายใจ

“พี่จะดูแลตะวันตลอดไป” ธงไทยรับปากหนักแน่น ตะวันรู้สึกเหนื่อยเหลือเกินกับเหตุการณ์ประหลาดๆที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เอียงหัวซบไหล่เขาอย่างต้องการที่พึ่ง

ooooooo

เจ๊แน๊ตกับชีสเค้กเถียงกันเรื่องรูปที่จะเอามาแขวนโชว์ในร้านของวิวไม่เลิกไม่แล้ว แม้อีกฝ่ายจะคุยอวดว่ารูปนี้สวย เอาไว้ให้ลูกค้าดูเป็นตัวอย่างในการตัดชุดแต่งงาน

“แต่เจ๊ไม่ชอบ เอาไปเก็บเดี๋ยวนี้เลย ไม่รู้จะเอามาตั้งอีกทำไมให้อัปมงคลกับร้าน”

วิวฟังทั้งคู่เถียงกันจนรำคาญสั่งให้หยุดได้แล้ว เจ๊แน๊ตจะหยุดก็ต่อเมื่อเอารูปนี้ไปเก็บก่อน วิวขอร้อง เรื่องก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว ยังผูกใจเจ็บอยู่ได้

“จะว่าไปวิวว่ารูปมันก็สวยดีนะ ชีสเค้ก เอาไปโชว์ไว้ตรงมุมโน้นไป เจ๊แกจะได้ไม่ต้องมาทนเห็น”

ชีสเค้กตบมือดีใจ ในที่สุดตัวเองก็ชนะ รีบแบกรูปไปไว้ตรงจุดที่วิวบอก พอเดินผ่านหน้าเจ๊แน๊ต เขาไม่วายทำหน้ายั่วประสาท อีกฝ่ายแทบจะโดดบีบคอชีสเค้กให้รู้แล้วรู้รอด ก่อนจะหันไปเตือนวิว

“มันอยู่ในกรุดีๆจะขุดขึ้นมาทำไมไม่รู้ เดี๋ยวนางก็ได้ย้อนกลับมาอีกหรอก”

“พูดไปนั่น ถ้ามา นั่นหมายถึงแต่งรอบสองนะคะเจ๊ ไปๆทำงานกันดีกว่า”...

นันทาชักไม่แน่ใจว่าการให้โอกาสตรีทศไปมาหาสู่กับนันทนาจะเป็นความคิดที่ดี เพราะนอกจากเธอจะดีใจกอดแขนซบบ่านัวเนียเขาจนเกินงาม ตัวตรีทศเองตีความเข้าข้างตัวเองว่านั่นหมายถึงเขาสามารถหอบเสื้อผ้ามาค้างอ้างแรมที่นี่ได้ตามใจชอบ ทำให้นันทาหงุดหงิดมากทนดูไม่ไหว ฝากกันเกราช่วยอธิบายให้ทั้งคู่เข้าใจด้วย แต่ไร้ผล ขนาดนันทาซึ่งเป็นแม่ พวกนั้นยังไม่ฟังแล้วจะฟังกันเกราได้อย่างไร...

ระหว่างนั่งรถไปงานการกุศล นันทวัฒน์เล่าให้มยุริญฟังถึงเรื่องที่แม่ของเขายอมให้ตรีทศคบหากับ นันทนาได้อย่างเปิดเผยตามที่เธอแนะนำ แม้จะไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้เท่าใดนัก แต่เขาคงต้องทำใจยอมรับเพราะถ้าน้องสาวเลือกตรีทศจริงๆ จะให้เขาตัดพี่ตัดน้องแล้วไล่น้องไปให้พ้นๆ เขาก็คงทำไม่ได้

“ดีแล้วค่ะที่พี่วัฒน์คิดได้แบบนั้น คิดๆดูก็น่าเห็นใจนะคะ คนสองคนรักกัน แต่เวลาแต่งงาน เขาไม่ได้แต่งกันสองคนนะคะ เขาแต่งกับครอบครัวของอีกฝ่ายหนึ่งด้วย ดีไม่ดีอาจต้องมาเจอพี่ภรรยาตัวแสบแบบพี่วัฒน์”

“ก็จริง...เฮ้ย...นี่หลอกว่าพี่เป็นตัวแสบเหรอ”

“ก็ใช่หรือเปล่าล่ะคะ” มยุริญหัวเราะชอบใจ ขณะที่คนขับรถกับพิชิตนั่งอมยิ้มที่เห็นทั้งคู่หยอกล้อกันสนุกสนาน ไม่นานนัก รถของนันทวัฒน์แล่นมาจอดหน้างานการกุศลของสมาคมนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไทย ทันทีที่พิชิตเปิดประตูรถให้นันทวัฒน์กับมยุริญลง แสงแฟลชจากนักข่าวรัวจนตาพร่าไปหมด

งานการกุศลครั้งนี้ ถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ ทีวีในห้องของวัฒนาเปิดดูรายการนี้ด้วย พยาบาลพิเศษเช็ดตัวทำความสะอาดวัฒนาเสร็จแล้ว ดึงสายออกซิเจนออกจากจมูกเพื่อเปลี่ยนสายชุดใหม่

“แป๊บเดียวนะคะ ท่านไม่ต้องกังวลนะคะ ท่านหายใจเองได้ค่ะ”

วัฒนาค่อยโล่งใจไปได้ ระหว่างนั้นกล้องถ่ายทอดสดจับภาพนันทวัฒน์เดินควงคู่มยุริญเข้ามาในงาน ทำให้พยาบาลพิเศษจับจ้องอย่างสนใจ เขาเองก็ดูจะพอใจที่เห็นทั้งคู่ไปกันได้ดี...

ในเวลาเดียวกัน ขณะตะวันกำลังช่วยนวลนำต้นอ่อนของทานตะวันใส่ถุงเพื่อนำไปขายอยู่ที่ห้องโถงบ้านไร่นวลตะวัน ธงไทยเปิดทีวีจะดูรายการฟุตบอล แต่ปรากฏภาพการถ่ายทอดสดงานการกุศลบนหน้าจอทีวี ตะวันเห็นภาพนันทวัฒน์ถึงกับชะงัก เหมือนรู้จักกันมาก่อน ความรู้สึกประหลาดแวบเข้ามาในสมองของเธออีกครั้ง เธอพยายามนึกให้ออกว่าเขาเป็นใคร กลับรู้สึกปวดหัวรุนแรง แต่ก็ทนฝืนเพื่อจะจำชายคนนี้ให้ได้ สุดท้ายก็ทนไม่ไหวเป็นลมล้มพับ นวลกับธงไทยปรี่เข้าไปดูอาการของเธอด้วยความเป็นห่วง

ooooooo

นันทาเปิดช่องรายการถ่ายทอดสดนี้เช่นกัน แต่ไม่เป็นอันดูเพราะมัวแต่เหล่ลูกสาวที่นั่งกอดก่ายอยู่กับตรีทศบนโซฟาในห้องรับแขก กันเกราเห็นท่าไม่ดี รีบขอตัวไปบอกให้ท่านเจ้าสัวดูรายการนี้แล้วลุกออกไปเลย ตรีทศชวนนันทนาวันหลังเราสองคนไปเดินพรมแดงแบบนี้บ้างดีกว่า นันทาหมั่นไส้แดกดันทันที

“ไม่ใช่ว่าใครก็ไปเดินได้นะ มันต้องคนที่มีหน้ามีตาในสังคม”

“ไม่เห็นจะยากเลย ก็ให้เตี่ยบริจาคเงินให้มากๆ เงินมันซื้อได้ทุกอย่างแหละ” คำพูดยียวนของตรีทศทำให้นันทาหมดความอดทน เดินหนีขึ้นห้อง นันทนากับแฟนหนุ่มมองตาม หัวเราะชอบใจ...

พยาบาลพิเศษดูการถ่ายทอดเพลินไม่ได้เอาสายออกซิเจนมาเปลี่ยนให้ วัฒนาเริ่มรู้สึกว่าหายใจไม่ออกจะบอกก็ทำไม่ได้ พยายามส่งสัญญาณให้เธอก็ไม่หันมอง เขาหายใจพะงาบๆจะขาดใจรอมร่อ กันเกราเข้ามาเห็นพอดีร้องเอะอะ พยาบาลตกใจรีบเอาสายออกซิเจนมาสวมจมูก ปลอบให้เขาใจเย็นๆ ค่อยสูดลมหายใจเข้า

“คุณพยาบาล ทำไมไม่ระวัง พวกเราฝากชีวิตท่านไว้กับคุณนะ อย่าประมาทสิ”

“ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ ความจริงท่านไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแบบนี้ก็ได้นะคะ คุณหมอบอกว่าท่านหายใจเองได้ปกติตั้งนานแล้ว แต่ท่านยังคิดว่าท่านหายใจเองไม่ได้ ไอ้เครื่องนี่มันช่วยพ่นออกซิเจนออกมาแผ่วๆเท่านั้นเองนะคะ” พยาบาลอธิบายเป็นชุด กันเกราได้แต่มองวัฒนาด้วยความสงสาร...

ขณะเดียวกันจอมนั่งดื่มเหล้าท่ามกลางแสงจันทร์อยู่ในไร่ของเสี่ยหมู คิดถึงแต่ใบหน้าสวยของตะวัน ฝันหวานจะเอาเธอมาเป็นของตัวให้ได้ แต่ฝันต้องสลายเมื่อเสี่ยหมูมาหาถึงที่พัก สั่งให้จอมไปจับตัวเธอมาให้ เพราะเขาเองก็ถูกใจในความสวยครบรสของเธอเช่นกัน จอมจำต้องรับปาก ก่อนจะบ่นพึมพำลับหลัง

“โธ่เว้ย ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้ ไม่ได้โว้ย ยังไงน้องตะวันก็ต้องเป็นของพี่จอม”...

ในเวลาไล่เลี่ยกัน ตะวันฝันเห็นนันทวัฒน์ซึ่งเป็นภาพความทรงจำสมัยที่ยังเป็นปรางค์ทอง ภาพความฝันเลือนรางเต็มที เธอพยายามปะติดปะต่อจนเกือบจะชัดเจน แต่มีเสียงปลุกของธงไทยดังขึ้นเสียก่อน เธอค่อยๆ ลืมตายันตัวลุกขึ้น โดยมีเขาช่วยพยุง ยังงงๆไม่หายว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง

“ตะวันคงเป็นลมน่ะลูก พรุ่งนี้ไปให้หมอดูหน่อยนะ”

หญิงสาวส่ายหัวบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมากแค่ปวดหัวเท่านั้น นวลอาสาจะไปหยิบยาแก้ปวดมาให้ ตะวันเฝ้าครุ่นคิดถึงความฝันเมื่อครู่ เสียดายที่เห็นภาพเหล่านั้นไม่ชัด ธงไทยอดถามไม่ได้ว่าคิดอะไรอยู่ เธอฝันแปลกๆ ฝันเห็นผู้ชายคนหนึ่งแต่ภาพไม่ชัดก็เลยไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่คล้ายๆคนที่เห็นในทีวีเมื่อตอนหัวค่ำ

“ที่แท้ก็ดูทีวีมากไปนะเราเนี่ย” ธงไทยโล่งใจ กลัวเหลือเกินว่าเธอจะจำอดีตได้แล้วไปจากที่นี่

ooooooo

ตะวัน เจียมและตาท้วมกำลังช่วยกันเตรียมอาหารอยู่ในครัว โดยที่ตะวันนั่งสับมะละกอแต่ใจกลับลอยไปถึงผู้ชายในความฝันคนนั้น จ๊ะจ๋ายังปากเสียไม่เลิก คอยพูดจาเหน็บแนมให้หนูพุทธสะเทือนใจเป็นระยะๆจนเด็กน้อยกินข้าวไม่ลง เดินก้มหน้าออกไปอย่างน่าสงสาร ไผ่เดินสวนเข้ามาเห็นแกเดินน้ำตาซึม ออกไปก็ตกใจ

ตาท้วมพยักพเยิดให้ลูกชายตามไปปลอบหนูพุทธที แล้วหันมองจ๊ะจ๋าด้วยสายตาตำหนิ เธอกลับทำไม่รู้ไม่ชี้ เจียมด่าหลานสาวตัวเองว่าปากเสียแบบนี้ไม่รู้ไปได้มาจากไหน

“ก็ได้ป้านั่นแหละ อยู่กับป้าทุกวัน”

สองป้าหลานมีปากเสียงเถียงกันอุตลุด ตะวันพยายามคิดถึงใบหน้าของชายคนนั้นแต่เสียงเถียงกันทำให้เธอหงุดหงิดไม่มีสมาธิจะเรียบเรียงเรื่องราวในอดีต ยิ่งเครียดก็ยิ่งสับมะละกอเร็วขึ้นอย่างน่ากลัว ตาท้วมเข้ามาห้ามทั้งคู่ให้หยุดทะเลาะกันแต่ไม่เป็นผล เจียมถือตะหลิวไล่ตีจ๊ะจ๋าไปทั่วครัว ตะวันปรี๊ดแตกตะโกนลั่น

“เงียบ” ไม่พูดเปล่า ตะวันสะบัดมีดในมือไปปักผนังครัวเฉี่ยวหน้าจ๊ะจ๋าไปเส้นยาแดงเดียว

ทุกคนตกใจนิ่งอึ้ง มือมีดได้สติเห็นทั้งสามคนมองมาที่เธอเป็นตาเดียวกัน ร้องถามว่ามีอะไร ตาท้วมไม่ตอบ ได้แต่มองอ้าปากค้างไปยังมีดที่ปักอยู่ และที่สำคัญมีดเล่มนั้นปักอยู่กลางตัวแมลงสาบพอดิบพอดี

จ๊ะจ๋าไม่ได้สนใจแมลงสาบ โมโหที่มีดเฉี่ยวหน้ามองตะวันอย่างอาฆาตก่อนจะร้องกรี๊ดๆวิ่งออกจากครัว เจอไผ่กำลังปลอบใจหนูพุทธอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน เธออารมณ์ค้างมาจากในครัว อาละวาดฟาดงวงฟาดงาใส่

เด็กน้อยอีก พร้อมกับเร่งให้รีบไปโรงเรียนเดี๋ยวจะสาย หนูพุทธกลัวลนลานรีบลุกขึ้น ไผ่ดึงมือแกไว้

“หนูพุทธ วันนี้พี่ไผ่ไปส่งเอง” ว่าแล้วไผ่อุ้มเด็กน้อยผ่านหน้าจ๊ะจ๋าออกไปอย่างไม่ไยดี...

ฝ่ายตะวันทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง อีกทั้งสายตาของตาท้วมและเจียมที่จ้องมองเหมือนเธอเป็นตัวประหลาดยิ่งทำให้ประหม่า ตาท้วมพยายามเบนความสนใจชวนตะวันกินข้าวเช้าด้วยกัน แล้วบอกให้เจียมไปตักข้าว เธอยังไปไม่ถึงหม้อข้าว มีดบินอีกเล่มพุ่งเฉียดหน้าไปปักที่ข้างฝาใกล้ๆ ตะวันรีบชี้ไปที่มีด

“ขอโทษค่ะ แมลงสาบ”

คราวนี้เจียมกรีดร้องลั่น ก่อนจะวิ่งหนีไม่คิดชีวิต ตะวันได้แต่มองมือตัวเองไม่รู้ว่าทำไปได้อย่างไร...

ขณะเกิดเรื่องวุ่นๆขึ้นที่ไร่นวลตะวัน ธงไทยกำลังกินข้าวอยู่กับวิวอยู่ที่ร้านอาหารในกรุงเทพฯตามที่ให้สัญญาเอาไว้ เขาเอาแต่ใจลอยคิดถึงเรื่องตะวันฝันเห็นผู้ชายไม่ได้ยินคำพูดของคู่สนทนา จนเธอต้องถามว่าไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า เขาพยักหน้ายอมรับว่าไม่สบายใจเรื่องตะวัน แต่ไม่กล้าบอกความจริง

“ปัญหาเดิมๆเรื่องสุขภาพ เมื่อคืนตะวันวูบไป ไทยกับแม่นวลตกใจหมดเลยไม่รู้ว่าวันนี้จะเป็นยังไงบ้าง”

วิวใจกว้างเป็นแม่น้ำอีกเช่นเคย บอกให้เขารีบกลับไร่ ส่วนเรื่องดูหนังไว้นัดกันวันหลังก็ได้ ธงไทยดีใจมาก

“ขอบใจนะวิวที่เข้าใจไทย...ไทยรักวิวก็ตรงนี้แหละ” แค่คำว่ารักจากปากของเขา วิวแทบตัวลอย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาก็มักจะพูดแบบนี้เป็นประจำ แต่เธอชินและไม่ได้รู้สึกว่ามีความหมายอะไรพิเศษ

เสร็จจากมื้อกลางวันทั้งคู่บ่ายหน้าไปยังลานจอดรถของห้างฯ ธงไทยมัวแต่คุยกับวิวไม่ทันดูทางเดินชนนันทวัฒน์ที่มากับมยุริญ ทั้งคู่ต่างจำกันไม่ได้ แต่คล้ายๆว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน พิชิตตามมาด้านหลังเห็น ธงไทยก็ตกใจเพราะจำหน้าได้ แต่ไม่พูดอะไร ทั้งคู่ต่างขอโทษกันและกัน ก่อนจะแยกย้ายไปคนละทาง

ooooooo

เจียมรีบแจ้นไปฟ้องนวลถึงเรื่องที่ตะวันปามีดแม่นมากถูกแมลงสาบกลางตัวถึงสองครั้งซ้อน นวลไม่อยากให้เธอตื่นตูมเกินไป แกล้งโวยวายกลบเกลื่อนว่าอยู่กันอย่างไร ในครัวถึงมีแมลงสาบตั้งสองตัว เจียมถึงกับไปไม่เป็น โทษว่าเป็นเพราะจ๊ะจ๋าขี้เกียจก็เลยทำความสะอาดแบบชุ่ยๆ

“ไม่ต้องโทษกัน รื้อครัวออกมาแล้วทำความสะอาดใหญ่เลย ไปตามทุกคนให้มาช่วยกันด้วย”

“นายแม่นวล นี่มันเรื่องใหญ่นะคะ” เจียมเห็นสายตาดุของเจ้านาย รีบลุกออกไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก ทันทีที่เธอคล้อยหลัง นวลถอนใจหนักใจเมื่อคิดถึงเรื่องของตะวัน...

ทางด้านจอมต้องการเผด็จศึกตะวัน ก่อนที่จะถูกเสี่ยหมูตัดหน้า จึงมาดักรอจ๊ะจ๋าที่ขี่มอเตอร์ไซค์กลับจากตลาด หว่านล้อมให้เธอร่วมมือด้วย อ้างว่าหากช่วยให้เขาสมหวังเรื่องตะวัน เธอเองก็จะได้หมดศัตรูหัวใจ

ทีแรกจ๊ะจ๋าไม่คิดจะทำตามแผนชั่วของเขา ความดีในตัวเธอเตือนว่าขืนทำแบบนั้นจะเป็นบาปติดตัว แต่พอเธอถูกไผ่ต่อว่าเรื่องที่ชอบพูดจาเหน็บแนมหนูพุทธให้ต้องสะเทือนใจ แล้วพูดชื่นชมตะวันว่าเป็นคนดีไม่เคยว่าร้ายคนอื่น เธอถึงกับปรี๊ดแตก ความคิดกำจัดศัตรูหัวใจไปให้พ้นผุดขึ้นมาในสมองของเธอทันที...

ขณะที่นั่งอยู่ในรถ มยุริญกลับเป็นฝ่ายนึกออกว่าเคยเจอธงไทยที่ไหน พิชิตที่นั่งคู่กับคนขับรถหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อนันทวัฒน์ถามอย่างสนใจว่าเจอที่ไหน

“ที่เราไปดูที่กันไงคะ คุณคนนี้เป็นเจ้าของไร่ที่ไม่ยอมขาย แต่เราก็รู้แล้วนะคะว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่...”

“อะไรนะครับ”

“คนที่พี่วัฒน์ข้องใจว่าใช่คุณปรางค์หรือเปล่าสรุปว่าไม่ใช่นะคะ หน้าไม่เหมือนเลย”

นันทวัฒน์พยักหน้ารับอย่างแกนๆ รู้สึกถึงความหวังที่จะได้เจอปรางค์ทองอีกครั้งดับวูบลง มยุริญเห็นสีหน้าของเขาก็พอเดาออก อดเจ็บแปลบใจไม่ได้ที่เขายังไม่ลืมผู้หญิงคนนั้น...

ผู้หญิงคนนั้นของมยุริญไม่ค่อยสบายใจนักกับเหตุการณ์เมื่อเช้า จึงหลบมุมมานั่งพักใจโดยไม่ลืมเอากระเทียมติดมือมาปอกเปลือกด้วย พอเหลือบเห็นเจียมถือตะกร้าผ่านมา เธอลุกพรวดจะเข้าไปช่วยแต่ลืมวางมีด เจียมเห็นมีดในมือก็ตกใจวิ่งหนี ตะวันทรุดตัวลงนั่งอย่างเดิมด้วยน้ำตาคลอเบ้า

“นี่เราเป็นอะไร ทำไมเราถึงไม่รู้ตัวเลยว่าทำอะไรลงไป”

จ๊ะจ๋าเห็นตะวันนั่งปอกกระเทียมอยู่คนเดียวรีบเดินเข้าไปหา หลอกว่าธงไทยให้มาตาม ฝ่ายเจียมวิ่งหนีได้ไม่เท่าไหร่ก็หอบเหนื่อย ค่อยๆหันกลับไปมองด้านหลังว่าตะวันตามมาหรือไม่ เห็นเธอยังนั่งอยู่ที่เดิม

“เอ๊ะนั่นใคร...นังจ๊ะจ๋าไปนั่งทำอะไรกับหนูตะวันตรงนั้นน่ะ ใครจะนั่งก็นั่งไปเถอะ ฉันไม่เอาด้วยหรอก ไปดีกว่า” เจียมเร่งฝีเท้ากลับครัวไม่สนใจอะไรอีก ส่วนจ๊ะจ๋ากล่อมจนตะวันหลงเชื่อว่าธงไทยรออยู่ที่ทุ่งทานตะวัน และอาสาจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่ง เธอพะวงกับตะกร้าใส่กระเทียมจะเอาไว้ที่ไหนดี แต่จ๊ะจ๋าหันมาเร่งเสียก่อน ก็เลยต้องทิ้งมันไว้ตรงนั้น...

ทางด้านธงไทยอยากกลับไร่นวลตะวันเร็วๆ ขับรถแซงซ้ายปาดขวาตั้งแต่ออกจากกรุงเทพฯ รู้สึกสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูกว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น คว้ามือถือจะโทร.หาแม่ แค่ละสายตาจากถนนแว่บเดียว เงยหน้ามองอีกทีต้องใจหายใจคว่ำ เมื่อเห็นสุนัขตัวหนึ่งวิ่งตัดหน้า โชคดีที่หักหลบได้ทัน เขาค่อยๆชะลอความเร็วลงก่อนจะเบนรถจอดข้างทาง แล้วหยิบมือถือขึ้นมาโทร.หาแม่

“แม่นวลครับ ใกล้ถึงแล้วครับอีกไม่ไกล เอ่อ...แล้วตะวันล่ะครับ”

“ไม่เห็นมีอาการอะไรนะลูก เออแล้วนี่หายไปไหนก็ไม่รู้ เดี๋ยวแม่ว่าจะลองเดินไปดูสักหน่อย ไทยก็ค่อยๆขับนะลูกไม่ต้องรีบหรอก เดี๋ยวแม่ดูตะวันให้” นวลวางสายแล้วกวาดตามองหาตะวัน แปลกใจทำไมบ้านเงียบ

ooooooo

จ๊ะจ๋าขี่มอเตอร์ไซค์พาตะวันมาถึงทุ่งทานตะวันอันกว้างขวางสุดสายตา เธอมองไปรอบๆไม่เห็นธงไทยอยู่แถวนั้นก็ถามหา จ๊ะจ๋าโกหกว่าเขาอยู่กลางทุ่ง ต้องลองเดินเข้าไปลึกๆ เห็นบอกว่ามีอะไรให้ประหลาดใจ

“เซอร์ไพรส์น่ะ เข้าใจไหม”

ตะวันยิ้มรับเขินๆ จ๊ะจ๋าเก็บอาการหมั่นไส้แทบไม่อยู่ รีบบึ่งมอเตอร์ไซค์กลับทิ้งเธอไว้ตรงนั้นคนเดียว

ครู่ต่อมาจ๊ะจ๋าขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าเรือนใหญ่ด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งทำ ดับเครื่องแล้วจะก้าวเข้าข้างใน แต่ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นนวลยืนอยู่ ยิ่งท่านถามว่าตะวันอยู่ไหน เธอก็ยิ่งส่อพิรุธ

“ไม่...ไม่เห็นจ้ะ” จ๊ะจ๋าว่าแล้วรีบผละจากมากลัวถูกจับพิรุธได้ นวลไม่ติดใจอะไรเดินหาตะวันต่อไป

ท่าทางลุกลี้ลุกลนของจ๊ะจ๋าทำให้ไผ่อดสงสัยไม่ได้ คาดคั้นให้บอกว่าไปทำอะไรมา เธอถึงกับเหงื่อแตก ปากคอสั่น ละล่ำละลักว่าไม่ได้ทำอะไร ก่อนจะเดินหนี ไผ่ได้แต่มองตามสงสัย...

กว่าตะวันจะรู้ตัวว่าถูกหลอกมาโดนปู้ยี่ปู้ยำ

ก็เป็นตอนที่เจอจอมรอท่าอยู่กลางทุ่งทานตะวัน เธอวิ่งหนีสุดชีวิตโดยมีจอมไล่ตามอย่างไม่ลดละ...

ขณะที่ตะวันตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน มโนธรรมในใจของจ๊ะจ๋าเริ่มต่อสู้กัน

“จะทำยังไงดี...ตะวัน...ฉันขอโทษนะ ก็เธอทำตัวของเธอเองนะ ฉันไม่ผิด”

ไผ่แอบมองอยู่อีกมุมหนึ่งเห็นท่าทางแปลกๆของจ๊ะจ๋า ยิ่งมั่นใจว่ามีบางอย่างผิดปกติ...

ทางด้านนวลเดินมาถึงระเบียงหลังบ้านเจอเจียมหอบผ้าที่รีดแล้วจะเอาไปเก็บบนเรือนใหญ่ ก็ร้องถามว่าเห็นตะวันบ้างไหม ตนเดินหาจนเมื่อยแล้วไม่รู้ว่าหายไปไหน เจียมเห็นนั่งปอกกระเทียมอยู่ตรงนี้ แล้วชี้ให้ดูตะกร้าใส่กระเทียมกับมีดที่ยังวางอยู่ นวลแปลกใจ ปกติตะวันจะทำอะไรเรียบร้อย คราวนี้ทำไมวางของทิ้งไว้ จังหวะนั้น ธงไทยเดินเข้ามาอย่างร้อนใจ ถามหาตะวันอยู่ไหน นวลเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอหายไปไหน

พลันมีเสียงไผ่ดังขึ้น “ผมว่ามีใครบางคนพอจะรู้นะครับ”

ทุกคนหันมองตามเสียง เห็นไผ่ลากแขนจ๊ะจ๋าที่พยายามดิ้นหนีเข้ามา

ooooooo

ตะวันพยายามหนีออกจากทุ่งทานตะวันไปที่ถนน แต่จอมรู้ทันมาดักรออยู่ เธอหันหลังวิ่งกลับทางเดิม แต่เขาไวกว่ากระชากผมจนหงายหลังลงไปนอนกองกับพื้นแล้วโดดขึ้นคร่อม ตะวันสู้สุดฤทธิ์ไม่ยอมให้ถูกรังแก จอมรวบมือทั้งสองข้างของเธอแล้วใช้เข่ากดไว้ หญิงสาวปากคอสั่นน้ำตาไหลหวาดกลัวสุดขีด

“อย่า ฉันขอร้องอย่าทำอะไรฉันเลย”

จอมไม่ฟังเสียงลงมือปลุกปล้ำ เธอทั้งดิ้นทั้งร้องให้คนช่วยอย่างสิ้นหวัง ทันใดนั้นมีแสงวูบวาบเข้ามาในหัวของเธอ สายตาหวาดกลัวเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว ตะวันหยุดดิ้นปล่อยให้จอมทำตามใจ

คนโฉดชั่วรู้สึกได้ว่าเธอไม่ขัดขืน ยันตัวขึ้นมองหน้า เธอกลับยิ้มหวานให้ เขาย่ามใจคิดว่าเธอติดใจซุกหน้ากับซอกคออย่างหื่นกระหาย ตะวันนอนยิ้มกับท้องฟ้า แต่มือไขว่คว้าไปตามพื้นดินกระทั่งเจอเศษไม้ยาวหนึ่งศอก หยิบขึ้นมาโดยเอาปลายแหลมชี้ลงกลางหลังจอมพร้อมกับรอยยิ้มสยองผุดขึ้นบนใบหน้า เธอยังไม่ทันจะแทง มีเสียงธงไทยร้องเรียก “ตะวันๆ” แว่วเข้ามาเสียก่อน เธอรีบโยนไม้ทิ้ง

ความหื่นทำให้จอมไม่ได้ยินเสียงใดๆยังคงซุกไซ้ตะวันไปทั่วตัว ธงไทยปรี่เข้าเตะเขาล้มกลิ้ง ตะวันได้สติลุกพรวดขึ้นนั่ง ธงไทยยิ่งโมโหตรงเข้าชกต่อยจอมไม่ยั้ง เขาสู้ไม่ได้นอนร้องโอดโอยขอชีวิต

“แล้วที่แกทำล่ะ ตอนเธอร้องขอ แกหยุดหรือเปล่า”

“เธอไม่ได้ร้องขออะไรนี่ เธอออกจะชอบ”

ธงไทยโกรธเลือดขึ้นหน้าซัดจอมอุตลุด ตะวัน กลัวเขาจะฆ่าอีกฝ่ายตายรีบร้องห้ามเสียงหลง ธงไทยชะงักหันไปมอง ทำให้จอมสบช่องถีบเขากระเด็นแล้วเผ่นแนบ เขาจะไล่ตามแต่เป็นห่วงตะวันมากกว่า ยิ่งเห็นเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ร้องไห้ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว หัวใจเขาแทบแหลกสลายดึงเธอมากอดแนบอก...

การกระทำของจ๊ะจ๋าครั้งนี้สร้างความเสียใจให้กับเจียมเป็นอย่างมาก โทษว่าเป็นเพราะตัวเองชักนำงูเห่าเข้ามาในบ้านทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อน แล้วเข้าไปทุบตีจ๊ะจ๋าระบายอารมณ์ ไผ่กับตาท้วมต้องช่วยกันดึงเธอออกมา นวลขอร้องให้หยุดทำร้ายจ๊ะจ๋าได้แล้ว ต่อให้ลงโทษอย่างไรก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น

“นายแม่นวลขา จ๊ะจ๋าขอโทษ จ๊ะจ๋าผิดไปแล้ว” จ๊ะจ๋าก้มกราบแทบเท้านวล

“สิ่งที่เกิดขึ้นแม่จะไม่โทษจ๊ะจ๋า แต่แม่จะโทษตัวเองที่เลี้ยงลูกไม่เป็น ไม่สามารถทำให้ลูกรู้ผิดชอบชั่วดีได้”

จังหวะนั้นธงไทยอุ้มตะวันที่ตัวสั่นขึ้นมาบนบ้าน ทุกคนรีบเข้าไปช่วยกันดูแลเธอ ไม่สนใจไยดีจ๊ะจ๋าอีกต่อไป ยิ่งเห็นสายตาตำหนิจากธงไทย จ๊ะจ๋ายิ่งใจเสียวิ่งหนีออกไปทั้งน้ำตา

ooooooo

พิมแวะไปหาเปลวที่บ้านแม้จะมืดค่ำแล้ว อ้างเดือดร้อนหนักต้องการเงินด่วน อีกสองเดือนจะเอามาใช้คืน ทีแรกเธอไม่ยอมให้เพราะต้องเก็บเอาไว้เป็นเงินสำรอง พิมโวยวายจะเก็บไว้ทำไมในเมื่อผัวแก่ของเธอก็เลี้ยงดูอย่างดี หรือเธอจะทิ้งเขาไป เปลวกลัวเพื่อนจะพูดมาก รีบเข้าบ้านจะไปหยิบเงินมาให้

“เฮอะ ผัวก็รวย แก่ๆแบบนี้เดี๋ยวก็ตาย ยังจะมาทำงกกับเพื่อนกับฝูง” พิมปากเสียไล่หลัง

ทรงพลนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟาเงยหน้าขึ้นมาเห็นเปลวก็ร้องถามว่าเพื่อนของเธอยังไม่กลับอีกหรือ ได้ความว่ากำลังจะกลับ เธอแค่มาหยิบของให้ เขาพยักหน้ารับรู้แล้วอ่านหนังสือพิมพ์ต่อไม่สนใจอะไรอีก เปลวโล่งใจรีบเดินเข้าห้องตรงรี่ไปยังที่ซ่อนเงิน หยิบเงินปึกใหญ่ออกมา เธอลังเลเล็กน้อยเพราะความจริงแล้วเงินก้อนนี้เธอจะเก็บไว้เผื่อวันหนึ่งข้างหน้าหากเธอกับปรางค์ทองต้องไปจากที่นี่ จะได้มีเงินไว้เป็นทุนตั้งตัว เรื่องนี้มีเพียงเธอกับลูกเท่านั้นที่รู้ และเธอยังกำชับลูกห้ามบอกทรงพลเด็ดขาด

มีเสียงคล้ายประตูห้องปิดดังขึ้นทำให้เปลวตื่นจากภวังค์ หันขวับไปมองแต่ไม่เจอใคร เธอรีบเก็บเงินที่เหลือซ่อนไว้แล้วเดินออกมาดู ทรงพลยังคงนั่ง อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่เดิม ถึงกับถอนใจโล่งอก...

ณ ไร่ของเสี่ยหมู ด้วยความช่วยเหลือของเจ้านายทำให้จอมรอดพ้นจากการตรวจค้นของตำรวจไปได้ หลังจากตำรวจยกกำลังกลับไปแล้ว สมุนคนสนิทของเสี่ยหมูค่อยๆย่องออกจากที่ซ่อน เสี่ยหมูต่อว่าว่าไปทำท่าไหนมา นอกจากจะไม่ได้ตัวตะวันแล้วยังให้พวกนั้นแจ้งความเอาเรื่องจนเขาเกือบจะซวยไปด้วย จอมโทษว่าเป็นเพราะโดนจ๊ะจ๋าหักหลัง แล้วประกาศลั่นจะต้องเอาคืนพวกไร่นวลตะวันกับนังคนทรยศนั่นให้ได้

“ไหนๆจะเอาคืนแล้ว เอาคืนให้ฉิบหายไปทั้งไร่เลยสิ ฉันจะให้เงินแกก้อนหนึ่ง จัดการเสร็จแกก็หายตัวไปสักพัก ฉันจะดูน้ำหน้าพวกมัน ถ้าเหลือแต่ซากมันจะยังอยากอยู่กันไหม ไอ้ไร่บ้าๆเนี่ย” เสี่ยหมูยิ้มเหี้ยม...

หลังจากกล่อมตะวันที่ขวัญเสียให้ข่มตาหลับลงได้ ธงไทยตัดสินใจบอกแม่ว่ารักและเป็นห่วงตะวันมากต้องการจะปกป้องเธอไปตลอดชีวิต นวลไม่ขัดข้องเพราะท่านเองก็ถูกใจเธอเหมือนกัน แต่อดเตือนเขาไม่ได้

“ไทยต้องไม่ลืมความจริงที่ว่าตะวันมีอดีต ซึ่งถ้าวันหนึ่ง ตะวันจำอดีตได้”

“ผมอยากให้ตะวันอยู่กับปัจจุบันเท่านั้นครับ” ธงไทยยืนกราน นวลเองก็อยากให้เป็นอย่างนั้นเช่นกัน...

นันทวัฒน์นอนไม่หลับยังคาใจเรื่องผู้หญิงที่มากับธงไทยจนต้องเรียกพิชิตมาสอบถามว่า ผู้หญิงที่เขาบอกว่าเหมือนปรางค์ทองมากคือคนที่เราเจอวันนี้หรือเปล่า บอดี้การ์ดหนุ่มรับคำไม่เต็มปากว่าใช่ นันทวัฒน์โวยลั่น พูดมาได้อย่างไรว่าเหมือน ตนไม่เห็นจะเหมือนตรงไหน หรือว่าเขามีอะไรปิดบังตนอยู่

“ผมไม่กล้าปิดบังคุณวัฒน์หรอกครับ” พิชิตได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตาด้วย

“ฉันเชื่อนาย ถ้าฉันเชื่อนายไม่ได้ แล้วฉันจะเชื่อใครได้อีก...ดื่มกันหน่อยไหม” นันทวัฒน์ตัดบทหน้าตาเฉย พิชิตขอผ่านพรุ่งนี้มีงานแต่เช้า นันทวัฒน์ไม่คิดจะซักถามอะไรเขาอีก บอกให้ไปพักผ่อนได้ แล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า พิชิตลอบถอนใจก่อนจะเดินจากมา ยังครุ่นคิดถึงแต่ใบหน้าของตะวันสาวชาวไร่คนนั้นซึ่งเหมือนปรางค์ทองมาก เพียงแต่นิสัยต่างกันราวฟ้ากับเหว

“ต้องไม่ใช่แน่ๆคุณวัฒน์ ลืมเธอเสียเถอะครับ เธอไม่คู่ควรกับคนดีๆอย่างคุณ”

ทันใดนั้นภาพในอดีตเมื่อ 7 ปีที่แล้วผุดขึ้นมาในความทรงจำของพิชิต ตอนนั้นเขาเพิ่งเข้าเมืองกรุงเป็นครั้งแรก ย่าซึ่งเป็นเพียงญาติคนเดียวของเขาตาย เขาจึงมาที่นี่เพื่อตามหาพ่อที่ไม่เคยเจอกันตั้งแต่เขาอายุได้ 6 ขวบ พิชิตมีเงินติดตัวมาแค่ 150 บาทแถมยังทำหล่นหายอีกต่างหาก ถ้าไม่ได้นันทวัฒน์ผู้มีเมตตาซื้อข้าวกล่องให้กินและยังใจดีให้เงินเขาติดตัวไว้ใช้อีกต่างหาก เขาคงต้องกินเศษอาหารจากถังขยะ

ด้วยความหิวโหย พิชิตตั้งหน้าตั้งตากินอาหารกล่องจนลืมขอบคุณ พอนึกขึ้นได้ก็รีบวิ่งตามนันทวัฒน์ไปยังที่จอดรถ เห็นเขากับทนงศักดิ์ถูกชายฉกรรจ์สามคนรุมทำร้าย พิชิตเข้าไปช่วยเตะต่อยจนพวกนั้นถอยกรูด

ทนงศักดิ์เห็นท่าไม่ดีรีบพานันทวัฒน์ไปขึ้นรถ จังหวะนั้นคนร้ายคนหนึ่งย้อนกลับมาพร้อมกับลั่นกระสุนใส่นันทวัฒน์ พิชิตตัดสินใจโดดขวาง โดนกระสุนเข้าเต็มๆ คนร้ายจะยิงเป้าสังหารซ้ำ แต่เสียงนกหวีดของรปภ.ห้างฯดังรัวขึ้นเสียก่อน คนร้ายตกใจเผ่นหนี ครู่ต่อมาพิชิตถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

เพื่อเป็นการตอบแทนที่พิชิตช่วยชีวิตเอาไว้ นันทวัฒน์เสนอให้ที่พักพิงและรับปากจะส่งเสียให้เขาเรียนหนังสือ เพราะเชื่อว่าการเรียนจะทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้น พิชิตจำเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ดีราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

“ไม่ใช่การเรียนหรอกครับที่ทำให้ชีวิตผมดีขึ้น คุณวัฒน์ต่างหาก แล้วทำไมผมถึงได้...” พูดได้แค่นั้น พิชิตอดเจ็บใจตัวเองไม่ได้...

ทุกคนในไร่นวลตะวันหลับกันหมดแล้ว ยกเว้นจ๊ะจ๋าที่ยังนอนไม่หลับแอบมาร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ที่มุมหนึ่งของบ้าน แม้ไผ่จะเห็นว่าสิ่งที่เธอทำเป็นความผิดมหันต์ แต่เขาก็ยังรักและเป็นห่วง แอบมาเฝ้าดูอยู่ไม่ห่าง

ooooooo

ธงไทยเห็นตะวันยังหวาดกลัวกับเหตุการณ์เมื่อคืน จึงเข้าไปนั่งข้างๆดึงเธอมากอดแนบอก ปลอบ ว่าไม่ต้องกลัว เขาจะอยู่ตรงนี้คอยปกป้องไม่ให้ใครมาทำร้ายเธอได้อีก แล้วคุกเข่าลงตรงหน้าขอเธอแต่งงาน หญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตา พยักหน้าด้วยความเต็มใจ

“พี่ไทย ขอบคุณนะคะ สำหรับลมหายใจและชีวิตใหม่ที่พี่มอบให้ตะวัน”...

การเตรียมงานหมั้นจัดขึ้นอย่างเร่งด่วนในเย็นวันนี้เลย ธงไทยต้องการประกาศให้รู้กันทั่วว่าตะวันมีคนจองแล้ว ทุกคนในไร่นวลตะวันรู้เรื่องนี้ยกเว้นจ๊ะจ๋า ด้วยเกรงว่าเธอจะหาเรื่องให้เดือดเนื้อร้อนใจกันอีก จ๊ะจ๋าจะเข้ามาช่วยงานในครัวทั้งที่ไม่รู้ว่าจัดงานเนื่องจากอะไร เจียมยังไม่ให้อภัยกับสิ่งที่เธอทำ ก็เลยไม่ยอมให้ช่วย จ๊ะจ๋าจำต้องออกจากครัวเพราะไม่อยากอยู่ให้เกะกะขวางหูขวางตาใคร ไผ่ได้แต่มองตามด้วยความสงสาร...

อีกมุมหนึ่งบนเรือนใหญ่ นวลมอบแหวนเพชรของตัวเองให้ธงไทยสวมให้ตะวัน แล้วดึงเธอมากอด

“แม่ขอรับตะวันมาเป็นลูกสะใภ้นะจ๊ะ แม่ดีใจที่สุดเลยจ้ะ พิธีหมั้นของเรามันก็ง่ายๆแบบนี้ล่ะนะ คืนนี้ก็ประกาศให้พวกพี่น้องชาวไร่นวลตะวันได้รับรู้ ส่วนเรื่องแต่งงานควรจัดงานสักหน่อย เชิญญาติๆเพื่อนพ้องมารับรู้ จะได้ไม่น่าเกลียด”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับแม่นวล วิวคงจะช่วยได้เยอะ”

พูดถึงวิวขึ้นมา นวลอดเป็นกังวลไม่ได้ เร่งให้ธงไทยรีบบอกเรื่องนี้ให้เธอรับรู้...

จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครยอมบอกจ๊ะจ๋าว่าคืนนี้ไร่นวลตะวันจัดงานรื่นเริงด้วยเหตุผลใด จนกระทั่งไผ่ซึ่งรับหน้าที่พิธีกรในงานเชิญนวล ธงไทยและตะวันขึ้นไปบนเวที จ๊ะจ๋าถึงบางอ้อทันที ลุกพรวดตะโกนลั่นว่าไม่จริง ทุกคนหันมองเธอเป็นตาเดียวกัน เธออายมากวิ่งหนีออกไป ตะวันกับธงไทยมองตามไม่สบายใจ

นวลเรียกความสนใจของทุกคนกลับมา “ฉันขอประกาศว่า ธงไทยกับตะวันจะแต่งงานกันในเร็วๆนี้”

สิ้นเสียงประกาศ เสียงไชโยโห่ร้องแสดงความยินดีก็ดังตามมา...

ไม่ได้มีแต่ธงไทยเท่านั้นที่จะแต่งงาน นันทวัฒน์เองก็ตัดสินใจบอกกับแม่ว่าจะแต่งงานกับมยุริญ นันทาดีใจมากดึงลูกชายมากอดชมเปาะว่าเขาเลือกถูกแล้ว 

มยุริญจะทำให้เขามีความสุข นันทวัฒน์ไม่รู้เหมือนกันทำไมถึงตัดสินใจอย่างนั้นทั้งที่ยังลืมปรางค์ทองไม่ลง หรืออาจเป็นเพราะเขาพ่ายแพ้ความดีของมยุริญ...

ฝ่ายจ๊ะจ๋าหลบมานั่งร้องไห้อยู่ที่มุมเปลี่ยวของไร่ เสียงเพลงและเสียงเฮฮาของชาวไร่นวลตะวันกลับเป็นเสียงบาดหูบาดใจ จนต้องปิดหูไม่อยากได้ยิน จอมซึ่งซ่อนตัวอยู่ในความมืดค่อยๆย่องเข้ามาด้านหลัง แต่ยังไม่ทันถึงตัวต้องวิ่งไปหลบเพราะมีเสียงของไผ่ดังขึ้นเสียก่อน

“มานั่งทำไมตรงนี้มืดๆ เดี๋ยวก็โดนงูกัดตายหรอก ไป...เขาขึ้นนอนกันหมดแล้ว เหลือแค่คนงานไม่กี่คน”

“ไม่ไป” จ๊ะจ๋างอนไม่เลิก ไผ่จับเธอแบกขึ้นบ่า พากลับไปเรือนใหญ่ จอมรอจนทั้งคู่ลับสายตาจึงออกจากที่ซ่อน มองตามเจ็บใจที่นังตัวแสบรอดเงื้อมมือไปได้ แล้วจุดไฟแช็กในมือโยนลงแปลงเกษตรสาธิตที่ตัวเองราดน้ำมันเอาไว้จนชุ่ม ยืนดูไฟที่ลุกลามอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม...

ทันทีที่ไผ่แบกจ๊ะจ๋าเข้ามาในงาน เจียมชวนหนูพุทธขึ้นนอน ขณะที่ตาท้วมขอตัวไปนอนเช่นกัน เหลือเพียงคนงานในไร่ที่ยังเฮฮากันอยู่ จ๊ะจ๋าน้อยใจมากที่ทั้งคู่ทำเหมือนเธอเป็นส่วนเกิน ทั้งที่เธอมาก่อนตะวันแท้ๆ

“ใครทำยังไงก็ได้อย่างนั้น ทำตัวไม่น่ารักคนเขาก็ไม่รัก จ๊ะจ๋าทำตัวของจ๊ะจ๋าเองนี่นา” ไผ่สั่งสอนตรงๆก็เพราะรัก แต่เธอกลับหาว่าเขาหลอกด่า เดินกระฟัดกระเฟียดขึ้นเรือนใหญ่ ไผ่เห็นสมควรแก่เวลาจึงสั่งให้คนงานแยกย้ายกันไปนอนได้แล้วนายแม่จะได้พักผ่อน ทุกคนเซ็งในอารมณ์แต่ก็ยอมแยกย้ายโดยดี...
นับว่ายังเป็นโชคดีของชาวไร่นวลตะวัน ไผ่

เดินหามือถือที่ทำตกหายถึงได้มาเห็นว่าไฟไหม้แปลงเกษตรสาธิต ครู่ต่อมาทุกคนในไร่ไม่เว้นแม้แต่หนูพุทธ ต่างวิ่งมายังจุดเกิดเหตุ เห็นไฟโหมอย่างหนักจนกลายเป็นทะเลเพลิง ตาท้วมสั่งให้ทุกคนแยกย้ายกันเข้าไปดับไฟ พลันมีเสียงธงไทยดังสวนขึ้น

“หยุดก่อนไม่ต้องเข้าไป ข้าวของพืชพันธุ์พวกนั้นน่ะ มันไหม้แล้วก็ปลูกใหม่ได้ แต่ถ้าต้องมีใครสักคนหนึ่งบาดเจ็บหรือเป็นอะไรไป ฉันทนไม่ได้แน่ๆ ฉันขอสั่งห้ามไม่ให้ใครเข้าไปในนั้นเด็ดขาด”

นวลดึงลูกชายมากอดด้วยความตื้นตันใจในความเป็นผู้นำที่มีเมตตาของเขา ตาท้วมสั่งการให้ทุกคนแยกย้ายกันไปฉีดน้ำเลี้ยงไว้ อย่าให้ลามไปถึงเรือนใหญ่กับเรือนพักคนงาน ขณะที่ทุกคนต่างไปทำหน้าที่ของตัว ตะวันยืนมองเปลวไฟที่ลุกโชนด้วยสายตากร้าว...

ระหว่างที่นวล เจียมและหนูพุทธมานั่งพักที่มุมหนึ่งไม่ห่างจากจุดที่คนงานทำแนวกันไฟ นวลขอร้องเจียมยกโทษให้จ๊ะจ๋า ลืมเรื่องเก่าให้หมดแล้วตั้งต้นกันใหม่ เธอไม่รับปากแต่จะพยายามทำตามที่นวลต้องการ...

ทุกคนขะมักเขม้นในการช่วยกันสกัดไฟ แต่จ๊ะจ๋ากลับขี้เกียจทำ เอาแต่บ่นง่วงนอน ไผ่รำคาญไล่ให้เธอไปนั่งพักก่อน เธอหลบมานั่งที่มุมเปลี่ยวเพื่อจะได้ไม่มีใครตามกลับไปช่วยทำงาน โดยไม่ล่วงรู้ว่า จอมแอบดูเธออยู่ในมุมมืดนานแล้ว ค่อยๆย่องมาจากด้านหลังปิดปากเธอไว้ไม่ให้ร้อง แล้วต่อยท้องน้อยอย่างแรงจนหมดสติ จากนั้นก็ลงมือลวนลาม มัวแต่วุ่นวายอยู่กับจ๊ะจ๋า จอมไม่ได้ยินเสียงตะวันเดินเข้ามาทางด้านหลัง เธอใช้ไม้ท่อนใหญ่ฟาดหัวเขาสลบ ก่อนจะลากหายไปในความมืด ทิ้งจ๊ะจ๋าให้นอนหมดสติอยู่ตรงนั้น...

งานสกัดเพลิงเรียบร้อยแล้ว แต่ธงไทยไม่เห็นตะวันอยู่ที่เรือนใหญ่รีบชวนตาท้วมกับไผ่ออกตามหา...

ตะวันต้องการกำจัดศัตรูของไร่นวลตะวันให้สิ้นซากจึงตามไปจัดการเสี่ยหมูที่ขับรถมาดูผลงานของสมุนมือขวาอยู่หน้าทางเข้าไร่สลบเหมือด จับมัดเหมือนหมูที่จะเอาเข้าโรงเชือดแล้วลากไปไว้กับจอม ราดน้ำมันจนชุ่มก่อนจะจุดไฟเผาอย่างโหดเหี้ยม...

ในเวลาต่อมา ตาท้วมตามหาจ๊ะจ๋ากับตะวันมาถึงมุมเปลี่ยวของไร่ เห็นตะวันยืนถือไม้ท่อนใหญ่ที่มีไฟลุกโชนอยู่ที่ปลายจ้องจ๊ะจ๋าที่นอนหมดสติด้วยสายตาน่ากลัว ก่อนจะหันมาทางเขา ตาท้วมตกใจร้องเอะอะ

“คุณไทย ไอ้ไผ่ ทางนี้ อยู่ทางนี้”

เสียงตะโกนโหวกเหวกทำให้ตะวันรู้สึกตัว มองไปรอบๆอย่างงุนงงมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร ยิ่งเห็นคบไฟในมือก็ยิ่งตกใจ รีบเหวี่ยงทิ้ง ไผ่วิ่งหน้าตื่นมาเห็นจ๊ะจ๋านอนหมดสติอยู่รีบเข้าไปประคอง ธงไทยตามมาสมทบเห็นตะวันปลอดภัยโผกอดด้วยความเป็นห่วง ตาท้วมได้แต่ยืนมองเธออย่างเคลือบแคลงสงสัย

ooooooo


ที่มา  ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น